วัยอลวน 5 (2564/2021) เรื่องราวความรักของ ตั้ม (ไพโรจน์ สังวริบุตร) และ โอ๋ (ลลนา สุลาวัลย์) ที่แม้เวลาจะผ่านไป 45 ปี แต่ชีวิตคู่ก็ยังมีเรื่องวุ่นๆ มาให้แก้ตลอด คราวนี้เรื่องวุ่นตกอยู่ที่ โต๋ (ชาลี ไตรรัตน์) หลายชายของตั้มดีกรีนักเรียนนอกแต่สุดทะเล้น ที่คบกับ อั้ม (พิมประภา ตั้งประภาพร) ครูสอนเต้นดีกรีนักเรียนนอกเหมือนกัน แต่เขาหารู้ไม่ว่าอั้มคบกับเขาเพียงเพื่อต้องการประชดพ่อ เพราะมีปมในอดีตที่ทำให้อั้มไม่ชอบพ่อ และผู้ชายอย่างโต๋นี่แหละที่จะมาเป็นไม้เบื่อไม้เบากับพ่อของเธอได้ดีที่สุด เรื่องความรักชุลมุนของ ตั้ม และ โอ๋ ที่แม้เวลาจะผ่านไป 45 ปี แต่ชีวิตคู่ก็ยังมีเรื่องวุ่นๆ มาให้แก้ตลอด ด้าน ป้าอ้อ หลังเปิดตัวว่าเป็นสาวห้าว ก็ไปตกหลุมรัก ต้องใจ แม่ม่ายลูกติดว่าที่เศรษฐินีคนใหม่ของไทยแต่ดันเจอกรรมบัง เดือดร้อนทนายตั้มต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ อั้ม ครูสอนเต้นดีกรีนักเรียนนอก โกรธพ่อ ภาคิน นักธุรกิจรุ่นใหญ่ เพราะคิดว่าพ่อมีเมียน้อย ทะเลาะกับแม่ จึงทำให้แม่ขับรถออกไปเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต จึงประชดพ่อด้วยการคบกับ โต๋ หลานชายนักเรียนนอกของ ตั้ม-โอ๋ งานนี้ โต๋จะฝ่าด่านภาคินสำเร็จหรือไม่ และความอลวนของความรักแต่ละคู่จะเป็นเช่นไร
เฮ้ย!ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ (2563/2020) ก็อต (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) หนุ่มนักแข่งรถไฟแรงที่ไม่ลงรอยกับพ่อ จนวันที่เขาได้แชมป์แข่งรถมีเหตุการณ์นำพาให้เขาวาร์ปกลับไปในอดีตก่อนที่เขาจะเกิดเพียงหนึ่งปี ก็อตได้กลับมาเจอ เปรม (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) พ่อของเขาที่ยังดูหล่อเฟี้ยว เป็นหัวหน้าแก๊งที่คอยเก็บค่าเช่าร้านค้า, คาราโอเกะ การกลับมาเจอกันครั้งนี้ของก็อตกับเปรม จากลูกพ่อก็กลายมาเป็นลูกเพ่คนสนิท ที่ดันเกิดมาปิ๊ง ดิว (ดลลชา ภูวิจารย์ เคาวเวลล์) สาวสวยคนเดียวกันอีก ก็อต หนุ่มนักแข่งรถที่ความสัมพันธ์ไม่ลงรอยกับพ่อ เขาพยายามพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าตัวเองเจ๋ง จนวันที่ก็อตได้แชมป์แข่งรถทางเรียบ ก็เกิดเหตุการณ์นำพาให้เขาวาร์ปกลับไปในอดีตปี พ.ศ. 2541 หรือก่อนที่เขาจะเกิดเพียง 1 ปี ก็อตได้กลับมาเจอ เปรม พ่อของเขาที่ยังดูหล่อเฟี้ยวเป็นหัวหน้า "แก๊งเจ้าโลก" ที่คอยเก็บค่าเช่าร้านค้าและคาราโอเกะ การกลับมาเจอกันครั้งนี้ของก็อตกับเปรม จาก "ลูกพ่อ" ก็กลายมาเป็น "ลูกเพ่" คนสนิท ที่ดันเกิดมาปิ๊ง ดิว สาวสวยคนเดียวกันอีก
Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า (2562/2019) เรื่องราวของ ซู (เจนนิษฐ์) และเบล (มิวสิค) เพื่อนรักที่สนิทกันยิ่งกว่าเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่เคยเป็นมากกว่านั้น ...ในวัยที่ถึงเวลาเปลี่ยนผ่าน ซู ผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองเกิดผิดที่มาตลอด เกลียดบ้านเกิด เกลียดที่แม่ตาย เกลียดที่ต้องสืบทอดกิจการก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงที่ต้องตื่นมาขายทุกวัน และโอกาสก็มาถึง เมื่อซูได้ทุนไปเรียนต่อเมืองนอก การเดินทางครั้งนี้ อาจเป็นตั๋วเที่ยวเดียวที่เธอจะไม่กลับมาอีก ความรักของเพื่อนอย่าง เบล จะรั้งให้ ซู ไม่ให้ไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายความรักคือการปล่อยไป ที่ เบล ทำได้คือการช่วย ซู จัดกระเป๋าครั้งสุดท้ายนั้น...
คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์ (2558/2015) ไม่เฉพาะเพียงความสมบูรณ์พูนสุขทางกายเท่านั้นที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใส่พระทัยพสกนิกร โดยริเริ่มโครงการต่าง ๆ มากมายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและยั่งยืนของพี่น้องชาวไทย หากในแง่การเติมเต็มพลังใจ พระองค์ท่านยังพระราชทานขวัญ กำลังใจ แด่ประชาชนผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์อันแฝงไปด้วยปรัชญาการดำเนินชีวิตมากมายหลายต่อหลายเพลง และ 4 บทเพลงพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รังสรรค์แรงบันดาลใจให้ 4 ผู้กำกับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ถ่ายทอดเรื่องราวสู่ 4 ภาพยนตร์ "The Singers" เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ "ชะตาชีวิต" เรื่องราวของ หญิงชราสองคน จากสองครอบครัวที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งในด้านฐานะและสถานภาพในสังคม แต่ทั้งคู่มีความเหมือนกันในแง่ของสภาพจิตใจเมื่อทั้งสองได้โคจรมาพบกันและรับรู้เรื่องราวของกันและกันการผจญภัยของสองย่ายายจึงเริ่มต้นขึ้น ย่าเป้า อยู่ในครอบครัวที่เป็นเจ้าของกิจการมีลูกหลานมากมายแต่ล้วนแล้วแต่แก่งแย่งชิงดีกันบ้างก็เสแสร้งเอาใจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองจน ย่าเป้า รู้สึกเบื่อและเหนื่อยหน่ายกับลูกหลานเหล่านี้ ด้าน ยายเงิน มีชีวิตที่ลำบากอยู่ในชุมชนเล็กๆ กลางเมืองใหญ่ที่วุ่นวายอยู่กับหลานสาววัยหกขวบที่สุขภาพไม่ใคร่ดีนักเพียงลำพัง จนวันหนึ่ง ยายเงิน โดนจับเพราะขายแผ่นหนังและเพลงเก่า ๆ โดยไม่มีใบอนุญาต ต้องประกันตัวและเสียค่าปรับในอัตราสูงเธอและหลานจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร แต่เมื่อฟ้าส่งให้ทั้ง ย่าเป้า กับ ยายเงิน มาพบเจอกันความเห็นอกเห็นใจก็เริ่มต้นขึ้นและเมื่อถึงจุดวิกฤตจุดหนึ่งของชีวิตเธอก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้เสียงเพลงของเธอทั้งสองเพื่อที่จะฝ่าฟันกับอุปสรรคนั้นไปให้ได้ "อมยิ้ม" เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ "ยิ้มสู้" เรื่องราวของ เด็กชายคนหนึ่ง ที่กลายเป็นตัวประหลาดในสายตาคนในโรงเรียน เพราะไม่เคยมีใครเห็นเขาโกรธร้องไห้ หัวเราะ หรือแม้แต่ยิ้ม เขาคือคำถามของทุกคน คือของเล่นแสนสนุกน่าแกล้ง แต่ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้หรือคิดทำความรู้จักเขาจริง ๆ และทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ข่าวว่าคนที่หน้าตายนิ่งเฉยไม่เคยขยับอย่างเขากำลังจะเล่นละคร แถมเล่นกับนักเรียนหญิงสุดสวยแสนป๊อบของโรงเรียนที่เขาแอบชอบ แต่เธอก็มีแฟนเป็นนักกีฬาสุดเท่เนตไอดอล ความเป็นไปไม่ได้ที่สุดกำลังจะเกิดในโรงเรียน เขาจะเล่นละครได้ไหมนักเรียนหญิงสุดสวยกำลังจะเจอกับอะไร ความจริงที่ถูกเปิดเผยอาจเปลี่ยนความรู้สึกใครบางคนไปตลอดกาล "ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง" เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ "สายฝน" เรื่องจริงของ สืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ป่าห้วยขาแข้ง นักสู้ผู้อุทิศชีวิตเพื่อผืนป่าเมืองไทย ในช่วงสี่ปีสุดท้ายที่เขามุ่งมั่นและต่อสู้เพื่อยุติการตัดไม้ทำลายป่าและล่าสัตว์ป่าอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฏหมาย สืบ ยืนหยัดต่อกรกับอิทธิพลมืด นักการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตด้วยมือเปล่าและหัวใจที่จะไม่ยอมให้ผืนป่าของเมืองไทยต้องหมดสิ้นไปเพราะความโลภและเห็นแก่ตัว "ดาว" เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ "ความฝันอันสูงสุด" ใคร ๆ ก็รู้ว่า การได้เป็นคนเชิญธงชาติของโรงเรียนเป็นความฝันอันสูงสุดของนักเรียนทุกคน ดังนั้น ทันทีที่ครูประกาศหาคนเชิญธงคนใหม่แทนพี่ ป.6 ที่กำลังจะจบไป การแข่งขันของหนุ่มน้อยสองคนจึงเกิดขึ้นสำหรับ โก้ (อภิธาร รุ่งเจริญรอด) การได้เชิญธงชาติจะทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับสาวที่เขาตั้งเป้าว่าต้องจีบเป็นแฟนให้ได้ก่อนสอบปลายปี แต่สำหรับ หนึ่ง (กฤตเมธ เมืองดี) การได้เป็นคนเชิญธงชาติมีความสำคัญมากกว่าที่ใครจะคาดถึง การแข่งขันที่มีจำนวนดาวเป็นตัวตัดสิน จะทำให้ความฝันอันสูงสุดของหนึ่งเป็นจริงได้หรือไม่!?
ตุ๊กแกรักแป้งมาก (2557/2014) ภาพยนตร์ที่จะพาทุกคนย้อนอดีตกลับไปในยุคที่ผู้คนไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ในโลกออนไลน์ แต่มันคือยุคอันสดใสของหนุ่มสาวที่ให้ค่าของความรักมากกว่าความเกลียดชัง เรื่องราวของหนุ่มสาวในยุคดิสโก้เฟื่องฟูเล่าผ่านความทรงจำวัยเยาว์ของ เด็กชายตุ๊กแก (ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์) ที่ถูกเลี้ยงเเละเติบโตที่เมืองโบราณริมฝั่งโขงอำเภอเชียงคานจังหวัดเลย ตลอดชีวิตวัยเด็กของ ตุ๊กแก ได้ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่หลังโรงหนังช่วย ครูป๋อง วาดคัทเอ้าท์ให้โรงหนัง "เพชรเชียงคาน" จน ตุ๊กแก ได้สิทธิพิเศษจากลุงคนเฝ้าโรงหนัง นั่นก็คือการได้ดูหนังฟรีทุกเรื่องที่เข้ามาฉายในโรงหนังประจำอำเภอเเห่งนี้ เมื่อโตขึ้น ตุ๊กแก (จิรายุ ละอองมณี) เข้าไปเรียนศิลปะที่กรุงเทพฯ จนจบชั้น ปวช ตุ๊กแก ก็ตัดสินใจออกมาช่วยเพื่อนรุ่นพี่ในกองถ่ายเพราะความที่ ตุ๊กแก อยู่กับหนังมาจนชอบหนังเป็นชีวิตจิตใจ เเละในเวลานั้นเอง ตุ๊กแก ได้พบกับ คุณแป้ง (ชนม์ทิดา อัศวเหม) คุณหนูลูกสาวนายอำเภอที่เคยเรียนอยู่ชั้นเดียวกับ ตุ๊กแก ในอดีตเมื่อสิบกว่าปีที่เเล้ว สำหรับ ตุ๊กแก เขาไม่เคยลืม เด็กหญิงแป้ง (ชนิกานต์ ตังกบดี) ที่จากเชียงคานไปโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้ร่ำลาคนนี้ไปจากความทรงจำเลย แต่การได้พบกับ แป้ง ในครั้งนี้กลับไม่เหมือนดังเช่นในอดีต แป้ง เปลี่ยนไปทั้งใจเเละกายจน ตุ๊กแก เเทบจะจำเด็กหญิงที่แสนดีของเขาไม่ได้ แต่ด้วยความทรงจำอันดีในอดีต ตุ๊กแก ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างก่อนจะทุ่มสุดตัวเพื่อจะทำให้ แป้ง กลับมาเป็น แป้ง คนเดิมที่เขาเคยรู้จัก แม้ว่าจะต้องเสี่ยงกับการที่เขาจะสูญเสียเธอไปตลอดชีวิตก็ตาม
วังพิกุล Village of Hope (2557/2014) วังพิกุล (Village of Hope) ผลงานภาพยนตร์อิสระเรื่องที่ 3 ของกลุ่ม ปลาเป็นว่ายทวนน้ำ ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาคที่ 2 ของไตรภาคชุด คนจน (Poor people ) ของบุญส่ง นาคภู่ ภาคแรก คือ คนจนผู้ยิ่งใหญ่ ปี 2554 (Poor People The Great) ในภาคแรก เรื่องราวเน้นที่ตัวละคร พ่อ ที่พยายามหาเงินมาใช้หนี้เงินล้านของหมู่บ้าน ขณะที่ลูกชายวัยรุ่นช่างฝันอยากเป็นนักร้องเพลงเพื่อชีวิต ภาคที่ 2 ปี 2557 นี้ เป็นเรื่องราวลูกชาย หลังจากสามปีผ่านไป เขาติดทหาร และได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน แต่สิ่งที่เขาค้นพบเมื่อกลับบ้านคือ ความล่มสลายของครอบครัวของทุกคนรอบๆ ตัวเขา เรื่องราวเล็กๆ แห่งชีวิตทำให้เขาต้องตัดสินเลือกเดินในทางใดทางหนึ่ง
Present Perfect หากว่าย้อนเวลากลับไปได้ (2557/2014) "...เรื่องราวของหญิงสาวฮิปสเตอร์ขาปาร์ตี­้ ที่ต้องมารับมือกับหลานสาวสุดซน ที่เธอไม่เคยเจอกันมาก่อน ในเวลาเดียวกันเธอยังต้องรับมือกับปมความร­ักในอดีต และ ความสัมพันธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากหน­ุ่มข้างห้อง..."
เมนูของพ่อ (2556/2013) รายการอาหารทางสถานีโทรทัศน์ชื่อรายการ ครัวเชฟเอียน และก็จัดโดยพิธีกรรายการชื่อ เชฟเอียน เชฟเอียนมีไอเดียพิเศษ สำหรับรายการเพื่อแฟนรายการทั้งประเทศคือ ขอเชิญชวนร่วมประกวดทำอาหาร "เมนูของพ่อ" เพื่อหาผู้ชนะเพียง 3 ท่านเท่านั้นมาทำเมนูพิเศษนี้ เรื่องราวได้เกิดขึ้นจาก 3 ผู้เข้ารอบ คือ 1. คุณโทนี่ (แสดงโดย สายเชีย วงศ์วิโรจน์) 2. คุณสุนทร (แสดงโดย พิง ลำพระเพลิง) 3. คุณมงคล (แสดงโดย บิลลี่ โอแกน) ซึ่งทั้งสามก็มีวีถีทางที่แตกต่างกัน ทั้งอินดี้ในการทำอาหาร ทั้งอยากทำเพื่อความสุขของครอบครัว และก็มีทางเลือกของตัวเองที่เป็นจุดพลิกผันแบบคาดไม่ถึง สามชีวิตที่แตกต่างนี้เป็นชีวิตที่เรียบง่ายแบบคนปกติทั่วไป แต่ทว่าความหมายที่แท้จริงนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจที่ซาบซึ้งทั้งสามชีวิตที่ร่วมประกวด แน่นอนมีเพียงหนึ่งเท่านั้นที่ชนะการทำอาหาร "เมนูของพ่อ" กับเรื่องราวที่อินดี้นี้จะมีผู้ชนะเป็นใคร และจุดพลิกผันเป็นเช่นไรต้องมาชิมเมนูพิเศษนี้ด้วยตนเอง เมนูที่ทำจากใจของคนรักทำอาหาร เมนูที่ทำให้นึกถึงความสุขอารมณ์ดี เป็นเมนูแบบอินดี้ที่ติดดินของคนธรรมดา "เมนูของพ่อ"
คุณนายโฮ (2555/2012) เด็กหญิงโฮ เด็กขี้แงที่มีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กว่าอยากมีลูก เมื่อคุณครูถามนักเรียนในชั้นเรียนว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เด็กหญิงโฮ ยกมือตอบอย่างมั่นใจว่าอยากมีลูก จนครูต้องบอกว่ารอให้โตขึ้นแล้วค่อยมี แต่นั่นยังไม่ทำให้ เด็กหญิงโฮ เสียใจร้องไห้ได้เท่ากับข่าวร้ายที่ได้ยินว่า แม่กับพี่สาว รถคว่ำตาย 20 ปีต่อมา โฮ (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) เปลี่ยนสถานะเป็น คุณนายโฮ จอมขี้แงที่ไม่มีใครเหลียวแล ไล่มาตั้งแต่ ผู้กองบูรพา (อาคม ปรีดากุล) พ่อที่เป็นอดีตทหารผ่านศึก แต่อยากกลับไปออกรบอีกครั้ง นาวา (เจริญพร อ่อนละม้าย) น้องชายที่เรียกตัวเองว่า นานา แต่ถูกพ่อชายชาติทหารสั่งให้แมนตามระเบียบ โฮ ก็อยากจะช่วยให้พ่อและน้องชายได้ลงรอยเข้าใจกันบ้าง แต่ดันถูกหาว่าแส่ไม่เข้าเรื่อง หรือแม้กระทั่ง บอย (เร แมคโดนัลด์) แฟนหนุ่มที่อยากซั่ม โฮ ทุกวินาที ถึง โฮ อยากจะมีลูกแทบตาย แต่ก็ไม่อยากเสียซิงชีวิตบัดซบเช่นนี้ คุณนายโฮ ก็ได้แต่ร้องไห้โฮสมชื่อ ยังดีที่มี ด็อก (ธีรเดช เมธาวรายุทธ) คุณหมอข้างบ้านที่มีหูสองข้างไว้รองรับเสียงร้องไห้ของ คุณนายโฮ ทุกครั้ง แถมมารู้ความในใจว่า คุณนายโฮ มีความฝันอยากมีลูก แต่ไม่อยากเสียตัว รักนวลสงวนตัวตามแบบฉบับหญิงไทยโบราณ แถมเซอร์ไพรซ์อีกที เมื่อตรวจพบว่า คุณนายโฮ เป็น โรคมดลูกเก่า และไม่รู้ว่ามดลูกจะหมดอายุเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่า ตอนนี้ คุณนายโฮ จะต้องรีบมีผัวและเสียตัวในทันที มิเช่นนั้น คุณนายโฮ อาจจะต้องฝันสลายไปตลอดกาล
เอคโค่ จิ๋วก้องโลก Echo Planet 3D (2555/2012) ณ ใจกลางป่าลึกของเมืองไทย สองพี่น้องชาวกะเหรี่ยง หน่อวา (พากย์เสียงโดย หนึ่งธิดา โสภณ) และ จ่อเป (พากย์เสียงโดย อธิพิชญ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย) ได้ช่วยชีวิต แซม (พากย์เสียงโดย นพพันธ์ จันทรศร) ลูกชายประธานาธิบดีแห่งแคปิตัลสเตทไว้จากอุบัติเหตุในป่าหมอก ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ภาวะโลกร้อนได้เพิ่มขึ้นจนเกินขีดจำกัด ก่อกำเนิดเป็นปีศาจคลื่นความร้อน B.U.C.T. ที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาละวาดบุกกินพลังงานเป็นอาหาร สร้างความเสียหายให้กับเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก ในที่สุดผู้นำโลกจึงประชุมกัน และมีมติให้ดำเนินโครงการ Cool Bomb เพื่อขจัด B.U.C.T. ให้สิ้นซากไป แต่จะมีใครบอกได้ว่า นี่จะเป็นวิธีช่วยโลกได้อย่างแท้จริง? คงมีเพียง จ่อเป เท่านั้นที่รับรู้ได้ถึงเสียงเรียกของธรรมชาติ ซึ่งบอกกับเขาว่า เทคโนโลยีไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง วิธีเดียวที่จะช่วยให้โลกรอดพ้นจากมหันตภัยครั้งนี้ได้ก็คือ การหยุดใช้พลังงานทุกอย่าง เวลาเหลือไม่มากแล้ว จ่อเป หน่อวา และ แซม จะหยุด B.U.C.T. และ Cool Bomb ได้ทันการณ์หรือไม่
Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ (2555/2012) Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ทุกความหมายที่ทำให้คุณอบอุ่นเหมือนได้กลับมาอยู่ที่ "บ้าน" "บ้าน" คือ สถานที่แห่งการเกิด เติบโต ตั้งต้น หรือ ลาจาก "บ้าน" คือ ที่ที่รวมเรื่องราวในความทรงจำ "บ้าน" คือ ที่ที่ต้องกลับมาทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับใครสักคน และสำหรับพวกเขาเหล่านี้ "เชียงใหม่" คือ "บ้าน" ในความหมายทั้งหมด ที่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ "บ้าน" คืนสุดท้ายก่อนจบจากโรงเรียน เน (จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล) เลือกใช้วันสุดท้ายของชีวิต นักเรียน ม.6 เก็บทุกเรื่องราวความทรงจำลงบนภาพถ่าย โดยไม่ได้คิดว่าจะมีใครยังอยู่ที่โรงเรียน จนกระทั่งเขาได้พบกับรุ่นน้อง ม.3 จอมกวน บีม (กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา) นักกีฬาบาสของโรงเรียน ที่ย่องมาขอภาพถ่ายสาวสวยในฝันที่ตัวเองแอบชอบจากช่างกล้องมือหนึ่งในโรงเรียนอย่างเขา มิตรภาพของรุ่นพี่-รุ่นน้องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนสุดท้ายก่อนจบการศึกษาในสถานที่ที่เป็นเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเด็กทุกคน กับบทสนทนาเรื่องราวต่างๆของช่วงชีวิตที่ผ่านมาในอดีต ทำให้มีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกันเกิดขึ้น ในวันที่ บัวจัน (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ต้องสูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ ทุกสิ่งในบ้านเธอจึงต้องกลายเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง ทั้งบ้าน คนงาน หนี้สิน รวมถึงความรักของหลาน 2 คน เหว่า (ณัฐพงษ์ อรุณเนตร์) กับ ชมภู่ (ทิพปภา แซ่โง้ว) และกระดาษแผ่นเล็กๆที่สามีเขียนไว้ดูต่างหน้า กับความทรงจำดีๆที่ยังอยู่ คำสัญญาที่ให้กันไว้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ยิ่งเสมือนเป็นสิ่งตอกย้ำตลอดเวลา บัวจันจะผ่านพ้นและลืมรักครั้งนี้ได้อย่างไร ก่อนงานวิวาห์จะเริ่มต้นระหว่าง เสี่ยเล้ง (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) นักธุรกิจหนุ่มชาวใต้ และ ปรียา (ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ว่าที่เจ้าสาว ที่กลับมาจัดงานแต่งงานที่เชียงใหม่ เพื่อเติมเต็มความฝันให้สวยหรูสมใจ ณ บ้านเกิด โดยมีน้องชาย เลี่ยม (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล) และ น้าอร (พุทธชาด พงศ์สุชาติ) อาสาเป็นผู้เนรมิตงานแต่งให้สมดังใจของเธอ แต่การกลับมาบ้านครั้งนี้ ทำให้ปรียาได้พบกับ พี่เป๊ก (สุพจน์ จันทร์เรือง) อดีตคนรักครั้งแรกของเธอ ที่เขามาพร้อมกับการทวงถามสัญญาและความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน เมื่อความรัก ความทรงจำย้อนกลับมาอีกครั้ง ปรียาจะตัดสินใจเลือกรักและมีความสุขกับใครก่อนวันแต่งงานของเธอครั้งนี้
บ้านฉัน.. ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) (2553/2010) ต๊อก (ชวิน ลิขิตเจริญพงษ์) เกิดมาในครอบครัวที่สืบทอดเสียงหัวเราะกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ วันที่ต๊อกเกิด คุณพ่อ (จตุรงค์ พลบูรณ์) ถึงกับประกาศออกไมค์ว่า "เด็กคนนี้เกิดมาเพื่อที่จะปราบหม่ำ คว่ำโก๊ะตี๋ ขยี้ถั่วแระ แซะโหน่ง ชะชะช่า ตามล่าเท่ง แล้วมาเฉ่งจตุรงค์!" เพราะความหวังของคุณพ่อคือการปั้นต๊อกให้กลายเป็นหัวหน้าคณะตลกคาเฟ่ที่ฮาที่สุดในประเทศไทย โดยไม่ได้เฉลียวคิดเผื่อใจสักนิดเลยว่าทายาทของครอบครัวตลกจะเกิดมาเป็นเด็กฝืด! ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่ขึ้นเวที ต๊อกสามารถสะกดคนดูให้เงียบกริบด้วยมุกสุดแป้ก แต่ต๊อกก็ยังมุมานะที่จะเป็นตลกแบบคุณพ่อ เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะไม่รักถ้าเขาไม่ตลก ทำให้ต๊อกเพียรพยายามคิดมุกอยู่ตลอดเวลา แล้ววันหนึ่งเพื่อนผู้มีปัญหาสิววัยรุ่นก็นำพาให้ต๊อกได้มาเจอกับ หมอน้ำแข็ง (พอลล่า เทเลอร์) ที่คลินิกรักษาสิวชื่อดังของจังหวัด ผู้มีเสียงหัวเราะไพเราะที่สุดในโลก เมื่อคุณหมอแสนสวยชมว่าต๊อกตลกดี ต๊อกก็ตกหลุมรักผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าเขาถึง 1 รอบในวินาทีนั้น นับแต่นั้นมา ต๊อกเพียรทำร้ายผิวหน้าตัวเองด้วยการกินช็อกโกแลตแทนข้าว เพื่อจะได้บากหน้าปุปะกลับไปให้คุณหมอลูบไล้ทุกสัปดาห์ รวมถึงหาหนทางที่จะได้ไปกินข้าวกันสองต่อสองอีกด้วย หลังจากที่แวะเวียนไปคลินิกอยู่บ่อยครั้ง ต๊อกก็สนิทสนมกับคุณหมอน้ำแข็งมากขึ้น จนได้มาล่วงรู้ภายหลังว่าคุณหมอน้ำแข็งเองก็มีปัญหาหัวใจที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ ถึงแม้ ตั๊กแตน ชลดา จะบอกว่าคนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ แต่แฟนตัวปลอมอย่างต๊อกก็มุ่งมั่นจะปกป้องคุณหมอที่รักอย่างสุดความสามารถ เพียงแต่ปัญหาของผู้ใหญ่ บางครั้งก็ยากเกินกำลังสมองเด็ก 12 ขวบจะขบคิด งานนี้ต๊อกจึงต้องอาศัยคุณพ่ออีกแรง ในการช่วยเยียวยาหัวใจให้กับคุณหมอสิวคนสวยด้วยวิถีของตลกคาเฟ่
อาฟเตอร์สคูล วิ่งสู้ฝัน (2553/2010) ในโรงเรียนระดับมัธยมมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง มีเด็กนักเรียนหลายคนที่อยากจะเดิน ตามฝันของตัวเอง พีท (คิริน - อติวิชญ์ เอี่ยมยอดสิน) มีความต้องการจะตั้งวงดนตรีเป็นของตัวเอง เมื่อบังเอิญไปเห็น เกรท (อีฟ - ภรณ์รวี อนันตกุล) เล่นเปียโนในห้องดนตรีของโรงเรียนได้อย่างไพเราะ พีทจึงไปชวน มะนาว (สายป่าน - อภิญญา สกุลเจริญสุข) เพื่อนนักเรียนที่ดูห้าว ๆ เพราะต้องช่วยเหลือตัวเองและทำงานช่วย แม่ (แพร - รัชนี ศิระเลิศ) เพราะ พ่อ (บี๋ - ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) ได้ทิ้งเธอกับแม่ไปอยู่กับเมียน้อย มะนาวเห็นดีด้วยกับความคิด ของพีท จึงยอมไปบ้านเกรทกับพีทเพื่อขอร้องให้ คุณแม่สุดเผด็จการ (จิ๊ก - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) ยอมให้เกรท ร่วมก่อตั้งวงกับเพื่อน ๆ แต่คุณแม่ไม่เห็นด้วยเพราะ มองว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกินและฐานะระดับมหาเศรษฐี อย่างเธอไม่จำเป็นต้องให้ลูกสาวไปทำงานอาชีพนี้ ส่วน คุณพ่อ (เคน สทรุทเคอร์) ไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะเข้าใจ ความ รู้สึกของลูกได้ดี ในขณะที่ พ่อของพีท (อี๊ด - สุเทพ ประยูรพิทักษ์) กับ แม่ของพีท (ใหม่ - นัฎฐา ลอยด์) กลับสนับสนุนความคิดของลูกเป็นอย่างดี นอกจากจะซื้อเครื่องดนตรีให้แล้ว ยังยกห้องใต้ดินให้เป็นห้องซ้อม ดนตรีด้วย แต่เพราะใจมันเรียกร้องเกรทจึงหาทางหนีแม่ไปซ้อมดนตรีกับเพื่อน ๆ หลังเลิกเรียนจนได้ ถึงแม้จะ เป็นเวลาอันน้อยนิดแต่ก็มีค่าสำหรับเธอ การตั้งวงดนตรีดูเหมือนจะราบรื่นแต่การหามือกลองเป็นเรื่องใหญ่ ในที่สุดพีทได้ไปเจอ จอห์น นี่ (หลุยส์ เฮสดาร์ซัน) เด็กหนุ่มลูกครึ่งกำพร้าทั้งพ่อและแม่ที่ห้องซ้อมแห่งหนึ่ง จึงชักชวนมาร่วมวงด้วย เพราะเห็นว่าจอห์นนี่ตีกลองได้เก่งและพีทยังได้ไปขอให้ ต้น (ฝุ่น - ตากเพชร เลขาวิจิตร) เพื่อนรุ่นพี่ในโรง เรียนมาช่วยเป็นหัวหน้าวง เพราะต้นเป็นนักดนตรีในผับมาก่อน แต่ต้องลาออกตามคำขอร้องของผู้จัดการ เพราะต้นอายุยังไม่ ถึงเกณฑ์ที่จะทำงานในผับได้ เมื่อทุกอย่างลงตัวทุกคนจึงร่วมกันสานฝันจนเป็นวงดนตรี ขึ้นมาได้และตั้งชื่อวงว่า “AFTER SCHOOL” และวงน้องใหม่วงนี้ก็มีโอกาส ได้โชว์ฝีมือและความสามารถ เป็นครั้งแรกในงาน “MUSIC DAY” ของโรงเรียนจนเป็นที่ถูกอกถูกใจของเพื่อนในโรงเรียน โดยเฉพาะ เชอร์์รี่ (ดิว - อริสรา ทองบริสุทธิ์) นักเรียนสาวสุดเปรี้ยวทายาทเจ้าของธุรกิจชื่อดัง เธอจึงว่าจ้างให้ วง AFTER SCHOOL ไปเล่นในงานวันเกิดของเธอที่บ้านพักตากอากาศที่หัวหิน เพราะเชอร์รี่แอบปลื้มในตัวของจอห์นนี่ จนออกนอกหน้าทำให้มะนาวรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ เพราะมะนาวเองก็แอบชอบจอห์นนี่มากกว่าคำว่าเพื่อนแต่ไม่ แสดงให้ใครเห็น ทีี่หัวหินวง AFTER SCHOOL ไม่ได้แสดงในงานวันเกิดเชอร์รี่เพราะจอห์นนี่เกิดมีเรื่องกับ แจ๊ส (ฟรอยด์ - ณัฎฐพงศ์ ชาติพงศ์) พี่ชายของเชอร์รี่ก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น ทั้ง ๆ ที่วันนี้เกรทแอบหนีคุณแม ่ มากับเพื่อน ๆ ได้ เพราะคุณแม่กับคุณพ่อไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศพอดี และแจ๊สเองเกิดชอบเกรทขึ้นมาจึง พยายามตามจีบทุกวิถีทางแต่ไม่สำเร็จ พอมีคนนอกเข้ามามีความสัมพันธ์กับคนในวงมากขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อการซ้อมของวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากจอห์นนี่ขาดการซ้อมบ่อยขึ้นเพราะต้องแบ่งเวลาไปให้กับเชอร์รี่จนต้นต้องให้จอห์นนี่ ออกจากวง ส่วนเกรทก็ถูกคุณแม่จับได้ว่าไปซ้อมดนตรีกับเพื่อน ๆ จึงถูกกัก บริเวณทำให้วง AFTER SCHOOL ต้องสะดุดและหยุดวงอย่างน่าเสียดาย แต่พีทก็พยายามที่จะแก้้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด โดยมีพ่อเป็นคนให้ คำแนะนำและค่อย ๆ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังหาทางออกให้กับตนเองอยู่นั้น ได้เกิดข่าวร้ายขึ้น กับต้นเมื่อจูน ( มิว - ด.ญ. นันท์ภัส เลิศนามเชิดสกุล ) น้องสาววัย 6 ขวบที่ พ่อของต้น (ปั๋ง - ประกาศิต โบสุ- วรรณ) ได้ฝากให้ครอบครัวของมะนาวช่วยดูแล โดนลูกหลงจากการยิงของเด็กวัยรุ่นขณะที่กำลังเล่นตามลำ พังอยู่ที่สนามเด็กเล่น กระสุนฝังลึกเข้าไปในสมองและอยู่ในจุดอันตรายจนไม่สามารถผ่าตัดได้ ส่วนจอห์นนี่ ต้องสูญเสียยายซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ไป โดยที่ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่ไหนจอห์นนี่ จึงหันไปพึ่งพายาเสพติดเพื่อเป็นทางออกให้กับตัวเอง พอเชอร์รี่มาเห็นสภาพของจอห์นนี่ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็น คนละคนเชอร์รี่จึงทิ้งจอห์นนี่ไปอีกคน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องจูนทำให้มะนาวต้องมาตามจอห์นนี่ เพื่อไปช่วยเป็นกำลังใจให้กับ ต้นแต่กลับมาเจอสภาพที่น่าสมเพชของจอห์นนี่ มะนาวจึงต้องใช้กำลังและคำพูดเข้าสั่งสอนจนจอห์นนี่สำนึก ได้ในขณะที่นั่งรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาล จอห์นนี่เกิดคิดไอเดียขึ้นมาได้จึงเข้าไปที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเพื่อ ขอร้องให้ผู้ดำเนินรายการช่วยประกาศข่าวร้ายของน้องจูนให้ผู้ชมทางบ้านรับรู้ พร้อมทั้งช่วยกันส่งแรงใจไป ให้น้องจูน ทำให้มะนาวมีความรู้สึกที่ดีกับจอห์นน่ีมากขึ้น จากข่าวที่ออกอากาศไปทำให้้ผู้ชมช่วยกันภาวนาให้ กับน้องจูน และเพื่อน ๆ ทุกคนก็ได้มาหาต้นที่โรงพยาบาลเพื่อเป็นกำลังใจ เหมือนปาฎิหาริย์มีจริงกระสุนได้ เคลื่อนตัวออกจากจุดอันตราย ทำให้หมอสามารถผ่าตัดช่วยชีวิตน้องจูนเอาไว้ได้ต้นพูดขอบใจมะนาวแต่มะนาว บอกว่าคนที่ทำให้เกิดปาฎิหาริย์กับน้องจูนคือจอห์นนี่ ทำให้ต้นมีความรู้สึกที่ดีกับจอห์นนี่เหมือนเดิม เชอร์รี่มา หาต้นที่โรงพยาบาลและทำตัวเหมือนเป็นแฟนของต้น แต่ถูกมะนาวกีดกันเพราะมะนาวรู้ดีว่าเชอร์รี่เป็นผู้หญิง แบบไหนและแกล้งบอกว่าเกรทเป็นแฟนของต้น ทำให้เชอรี่ถึงกับเสียหน้าเพราะต้นก็ไม่ได้สนใจในตัวเธอเช่น กันมีเพียงพีทเท่านั้นที่ยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเชอร์รี่ เมื่อเพื่อน ๆ ทุกคนมีความเข้าใจกันเป็นอย่างดีวง AFTER SCHOOL จึงกลับมาอีกครั้งและได้รับ การติดต่อให้ไปเล่นโชว์ตามที่ต่าง ๆ รวมไปถึงลานกิจกรรมหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ทุกคนได้นำเพลงที่ร่วมกันแต่ง และเป็นชื่อเดียวกับวงมาร้องโชว์ โดยมีเนื้อหาสำคัญที่พูดถึง “เวลาหลังเลิกเรียนซึ่งเป็นเวลาอันน้อยนิดแต่มีค่า มหาศาล” ในขณะที่วง AFTER SCHOOL กำลังเล่นอยู่บนเวทีด้วยความสุขสนุกสนานนั้น คุณแม่ของเกรท ได้มานั่งทานอาหารในร้านบริเวณนั้นพอดี จึงมองเห็นลูกสาวเล่นดนตรีอยู่บนเวทีได้อย่างชัดเจน เธอรีบเดินฝ่า ฝูงชนเพื่อไปห้ามลูกสาวทันที.......ำให้เพื่อนๆกลับมาเข้าใจกัน
ความสุขของกะทิ (2552/2009) จาก “วรรณกรรมซีไรต์” ที่กุมหัวใจผู้อ่านทั่วประเทศ ลัดฟ้าสู่ระดับโลกด้วยความประทับใจ พร้อมแล้วที่จะมาเติมเต็มและแบ่งปันความสุข ในรูปแบบภาพยนตร์ที่ใครๆ ต่างเฝ้ารอ จากปลายปากกาเขียนบทภาพยนตร์ครั้งแรกของ “งามพรรณ เวชชาชีวะ” เจ้าของบทประพันธ์รางวัลซีไรต์ ครั้งแรกที่คุณจะได้รู้จัก “หนูน้อยกะทิ” โดยกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์น้องใหม่ “ภาพยนตร์ชูใจ” พร้อมทีมนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังระดับ “หัวกะทิ” ที่จะเนรมิตจินตนาการจากตัวหนังสือสู่แผ่นฟิล์มอย่างละเมียดอารมณ์ ในภาพยนตร์อิ่มอุ่นใจเรื่อง “ความสุขของกะทิ” เติมเต็มความสุขทุกหัวใจ 8 มกราคม 52 วันไหน ๆ หัวใจก็มีความสุข “ไม่เคยมีใครพูดถึงแม่” “กะทิ” (น้องพลอย-ภัสสร คงมีสุข) เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ต้องผ่านประสบการณ์การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อ “แม่” (รัชนก แสง-ชูโต) ต้องจากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคร้ายที่มิอาจรักษา กะทิต้องผ่านขั้นตอนความสุขและทุกข์ ความผูกพันและการพลัดพราก ความสมหวังและความสูญเสียที่มากเกินกว่าที่เด็กวัยเดียวกันนี้จะรับไหว “น้ำตาไม่อาจแทนความโศกเศร้าได้” กะทิได้เรียนรู้และตัดสินใจด้วยตัวเองผ่านสิ่งละอันพันละน้อยใน “ลิ้นชักแห่งความทรงจำ” ที่แม่เตรียมไว้ให้ก่อนสิ้นลมหายใจว่าความทุกข์จากการสูญเสียนั้นมิอาจพรากความสุขจากความรักและความผูกพันของแม่ที่มีต่อเธอได้ “อดีตเหมือนเงา บางครั้งทอดนำทางอนาคต” เด็กน้อยเติบโตขึ้นจากประสบการณ์นี้ด้วยความเชื่อมั่นและกำลังใจในการดำรงชีวิตจากบุคคลใกล้ชิด…ผู้ที่เธอรักและรักเธอ ไม่ว่าจะเป็น “ตา” (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) และ “ยาย” (จารุวรรณ ปัญโญภาส) ผู้ที่รักหลานกะทิดุจชีวิต, “น้าฎา” (เข็มอัปสร สิริสุขะ), “น้ากันต์” (กฤษฎา สุโกศล แคลปป์), “ลุงตอง” (ไมเคิล เชาวนาศัย) และ “พี่ทอง” (นิธิศ โค้วสกุล) ที่ต่างเข้ามาสร้างสีสัน แบ่งปันความสุข และเติมเต็มชีวิตให้หนูน้อยกะทิรู้สึกว่า เธอไม่ได้ขาดอะไร และสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้เฉกเช่นเด็กๆ ในวัยเดียวกัน ใครจะรู้ว่า แท้จริงแล้วในความโศกเศร้านี้ ก็มี… “ความสุขจริงแท้อันยิ่งใหญ่” ที่ได้เบ่งบานในหัวใจของ “เด็กหญิงกะทิ” อยู่เช่นกัน “ความสุขของคนรอบข้าง คือความสุขของเราด้วย…ความสุขแบ่งปันกันได้ วันไหนๆ ก็มีความสุข”
หม่ำเดียว หัวเหลี่ยม หัวแหลม (2551/2008) จะบ้าตาย เมื่อฟ้าบันดาลให้เด็กคนนึงมาเกิดยังโลกมนุษย์ จะเลือกคู่พ่อลูกชนิดที่ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ก็ไม่ได้ ดันเลือกผลไม้หน้าตาจิ้มลิ้มมาขึ้นเป็นลูกต้นกระบองเพชรซะนี่ เมื่อ หม่ำ (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) หนุ่มไม่หล่อร่างไม่แมนชาวยโสธรหอบกระเป๋าเข้ากรุงฯ มาหางานทำเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนภาษาจีน (อยากเป็นไกด์) โดยมาอาศัยอยู่บ้านสุดหรูของเจ้านายเก่าแม่ ที่ปล่อยรกร้างมานานแสนนาน แต่คืนแรกที่ย่างกรายเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ก็เป็นเรื่องซะแล้ว เมื่อจู่ ๆ น้องเดียว (พัทธดนย์ เกลี้ยงจันทร์) เด็กหัวแหลม โผล่พรวดพราดแบบไม่มีร่องรอยเข้ามาในบ้าน เรียกหม่ำว่า พ่อ หน้าตาเฉย แถมบอกอีกว่าให้พ่อรีบแต่งงานกับแม่เร็ว ๆ จะได้มาเกิดเป็นลูกหม่ำซะที ไม่ทันการณ์ขึ้นมาตัวจะดวงคุดไปเกิดเป็น ลูกหมา หน้าบ้านแทน แม้หม่ำจะเชื่อได้ไม่เต็มร้อย แต่ก็เลือกที่จะไม่ลบลู่อันใดสบายใจกว่าเป็นกอง ก่อนที่แม่หมาจะท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทน น้องเดียวเลยต้องรีบพาหม่ำไปพบกับ ฟ้า (เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์) สาวสวยสง่างามราวนางฟ้าไม่ปาน ว่าที่แม่ และ ว่าที่เมียของพ่อ ทันทีที่หม่ำได้เห็นฟ้า ก็ถึงกับคอตกเดินกลับบ้านอย่างสิ้นหวัง และบอกเดียวให้ทำใจไปเกิดเป็นลูกหมาซะเถอะ เพราะลำพังจะไปจีบก็คงจะไม่มีน้ำยาพอ ซ้ำร้ายฟ้ายังมีหนุ่มมาดหล่อประกบข้างกายอยู่ก่อนแล้ว ระหว่างเลือกเป็น ลูกหมา กับ ลูกหม่ำ เดียวขอเลือกเป็นลูกหม่ำดีกว่าจะมีพี่น้องมีหาง เดียวจึงอาสาวางแผนจีบสาวเพื่อให้หม่ำได้ใจแม่ มิตรภาพอันน่ารักเหลือล้นของพ่อลูกในอนาคตคู่นี้นับวันยิ่งมากขึ้นทุกที ๆ แผนจีบสาวของพ่อลูกคู่ไม่เหมือน จะทำสำเร็จก่อนหมาคลอดลูกได้หรือไม่
ข้าวเหนียวหมูปิ้ง (2549/2006) คู่นี้หนุงหนิงแนบแน่นไม่ใช่แฟนแต่มากกว่าเพื่อน เรื่องเล่ามิตรภาพของเด็กหญิงวัย 8 ขวบกับเจ้า Dog ตัวจิ๋ว หนีบลูกซึ้งส่งเสียงโฮ่งๆ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคุณ กะเทาะสายใยแห่งมิตรภาพความรู้สึก ที่ครั้งหนึ่งเด็กๆ ทุกคนเคยมีให้กับเพื่อนแท้ 4 ขา สำหรับ “ข้าวเหนียว” (นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) แล้ว การที่จู่ๆ “แม่บี” (สินิทธา บุณยศักดิ์) พาข้าวเหนียวมาฝากไว้ที่บ้านญาติๆ โดยไม่ทันตั้งตัว ข้าวเหนียวอดน้อยใจแม่บีไม่ได้จริงๆ นะ ถึงแม้ว่าในบ้านหลังใหม่จะมีญาติๆ ของแม่อยู่กันตั้งหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “ยายอุ่น” (มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา), “ป้าเกด” (เนาวรัตน์ ซื่อสัตย์), “อาเปี๊ยก” (เปี๊ยก ดีเจสยาม) แต่ทำไมนะข้าวเหนียวยังรู้สึกเหงาอยู่เลย ก็คงมีแต่ “น้าเล็ก” (พัชรศรี เบญจมาศ) นี่แหละที่ข้าวเหนียวรู้สึกสนิทหน่อย อาจจะเป็นเพราะน้าเล็กแกคงรู้ว่าข้าวเหนียวเหงาและอดคิดถึงแม่ไม่ได้นั่นเอง เหมือนอย่างเคยวันนี้ข้าวเหนียวโดดเรียนอีกแล้ว ข้าวเหนียวเดินเรื่อยเปื่อยไปแถวสยามเห็นคนซื้อหมูปิ้ง แต่ที่น่าแปลกใจมีเจ้าหมาน้อยตัวสีน้ำตาลท่าทางมันดูน่าสงสารเหมือนข้าวเหนียวเลย มันคงหิวนะ เห็น ส่งเสียงร้องขอกินหมูปิ้งจากคนขายและคนซื้อที่ยืนอยู่ ดูๆ ไปข้าวเหนียวว่าหน้าตามันตลกดี ปากมอมๆ สีดำ ท่าทางน่ารักจัง คิดแล้วก็อยากเป็นเพื่อนกับมัน ข้าวเหนียวเลยตัดสินใจอุ้มมันใส่กระเป๋าเอากลับไปบ้านด้วยดีกว่า อย่างน้อยถึงมันไม่มีใครมันก็ยังมีข้าวเหนียว เอางี้นะ ข้าวเหนียวจะตั้งชื่อมันว่า “หมูปิ้ง” “ข้าวเหนียวกับหมูปิ้ง” ฟังดูน่ารักดี แต่ไม่ใช่ว่าข้าวเหนียวจะเลี้ยงหมูปิ้งได้ง่าย ๆ นะ เพราะน้าเล็ก เคยบอกว่า ที่บ้านคับแคบแล้วยายอุ่นเองก็แพ้ขนหมาด้วย คงเลี้ยงหมาไม่ได้ ยังไงก็ตามข้าวเหนียวจะไม่มีวันทิ้งหมูปิ้ง ข้าวเหนียวตัดสินใจเอามันขึ้นไปเลี้ยงบนดาดฟ้าดีกว่า เวลาหมูปิ้งส่งเสียงจะได้มีใครรู้ และทุกๆ วันข้าวเหนียวก็จะเอาหมูปิ้งใส่กระเป๋าไปโรงเรียนด้วยกัน อีกอย่างข้าวเหนียวไม่อยากให้หมูปิ้งอยู่คนเดียว เพราะแถวบ้านชอบมีพวกจับหมามาด้อมๆ มองๆ ด้วย แต่แล้ววันหนึ่งฝนตกหนักมาก หมูปิ้งที่อยู่บนดาดฟ้าเลยไม่สบาย ข้าวเหนียวตัดสินใจทุบกระปุกพี่หมูเอาเงินพาหมูปิ้งไปหาหมอ หลังจากนั้นที่บ้านก็รู้กันว่าข้าวเหนียวแอบเลี้ยงหมูปิ้ง น้าเล็กบอกว่ายายอุ่นแพ้ขนหมา จะเอาหมูปิ้งไปปล่อย แต่ข้าวเหนียวขอร้องไว้ว่ารอให้มันหายจากไข้ก่อนได้ไหมน้าเล็ก แม่บีจ๋า ข้าวเหนียวคิดถึงแม่บีจัง เมื่อไรแม่บีจะกลับมา น้าเล็กจะเอาหมูปิ้งไปปล่อยไหมเนี้ยะ

หน้าที่