เรื่องย่อ : โคตรเพชฌฆาต (2548/2005) เรื่องราวที่น่าขนพองสยองเกล้ากับความตายที่เป็นปริศนาของคนในหมู่บ้านคลองบางมุด เมื่อสถานที่เงียบสงบร่มเย็น ชาวบ้านใช้ชีวิตอยู่กันตามประสาชาวชนบท แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อมีชาวบ้านพบศพชายนิรนามมาตายอยู่ที่ริมฝั่งคลอง หลังจากนั้นไม่นานก็มีชาวบ้านหลายคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการค้นหาปริศนาที่ว่าอะไรเป็นสาเหตุของการตายของพวกชาวบ้านและศพนิรนามนั้น กระทั่งได้พบรอยประหลาด ซึ่งรอยประหลาดนั้นคล้ายกับรอยของสัตว์ขนาดใหญ่ เหตุนี้ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่า เจ้ารอยประหลาดนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์สะเทือนขวัญจนยากที่จะลืมได้ และยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวบ้านคลองบางมุดตลอดมา

ชาวบ้านบางมุด จังหวัดชุมพร ต่างร่ำลือถึงจระเข้ที่อาศัยอยู่ในคลองบางมุด อันเป็นสาเหตุของคดีคนหายหลายรายอย่างไร้ร่องรอย สร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งจังหวัด นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน และกำนันเกณท์ลูกบ้านเพื่อออกจัดการกับเจ้าจระเข้ตัวนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสามารถจัดการกับมันได้ จนเมื่อ "จำนง" นายทหารประจำหน่วยรบชุมพร กลับมาจากราชการ ถูกผู้ใหญ่ขอร้องให้ทางทหารช่วยจัดการปราบจระเข้ตัวนี้ เขาจึงร่วมมือกับนรินทร์และชาวบ้าน ออกตามล่าเพื่อปราบเจ้าจระเข้ยักษ์ เขาต้องพบอุปสรรคมากมาย ทั้งการขัดแย้งกับทางราชการและความดุร้ายของเจ้าจระเข้ยักษ์นี้

นรินทร์ นายตำรวจหนุ่ม ออกตามหาชายคนหนึ่งที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนจะพบว่าเป็นฝีมือของจระเข้ที่อยู่ในลำคลองอันเป็นสายน้ำแห่งวิถีชีวิตของชาวบางมุด ซึ่งสร้างความน่าสะพรึงกลัวด้วยขนาดอันใหญ่โตและมีรอยด่างที่ลำตัว เขาและเจ้าหน้าที่รวมถึงชาวบ้านจึงต้องร่วมมือกันปราบมันท่ามกลางอุปสรรคมากมาย

บุปผาราตรี เฟส 2 (2548)
เรื่องย่อ : บุปผาราตรี เฟส 2 (2548/2005) ออสการ์อพาร์ทเมนต์ ขึ้นชื่อลือชาว่าเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา โดยเฉพาะห้อง 609 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ถึงกับปิดตายทั้งชั้น "รับประกันความเฮี้ยน" จะมีก็แต่แก๊งโจรมือใหม่หัดปล้น และ ทิพย์ สาวตาบอด ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขา ขอเปิดห้องพักหน้าตาเฉย แต่เมื่อคนอยู่ดีไม่ว่าดีดันไปยุ่มย่ามในที่ของผี เจ้าของห้อง 609 อย่าง บุปผา เลยระเบิดแรงอาฆาตตามคำขอ อพาร์ทเมนต์ผีสิงจึงได้อลหม่านฮาแตกอีกครั้ง!! คณะตลกตกอับ ตัดสินใจผันเปลี่ยนอาชีพมาเป็นโจรปล้นธนาคาร พวกเขาหอบเงินหลบหนีตำรวจไปกบดานอยู่ ณ อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งโดยหารู้ไม่ว่ามันคืออพาร์ทเมนต์ผีสิง ระหว่างที่พวกโจรกำลังจะทำการแบ่งเงินกันนั้น พวกเขาพบว่าเงินก้อนนั้นได้หายไปอย่างลึกลับ... พวกโจรออกค้นหาทุกซอกทุกมุมในอพาร์เมนต์ เหลืออยู่แต่เพียงชั้น 6 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ปิดตายไว้ห้ามไม่ให้ใครเข้า โจรทั้งสี่ไม่ฟังคำเตือนออกค้นหาเงินในชั้น 6 จนได้พบว่าเงินซ่อนอยู่ในห้อง 609 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถนำเงินออกจากห้องนั้นได้เพราะถูกผีเจ้าของห้องออกมาหลอกหลอน โจรทั้งสี่จึงต้องคิดหาวิธีเอาเงินออกจากห้อง 609 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะกลัวผีเพียงไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ตำรวจก็เริ่มระแคะระคายแกะรอยโจรทั้งสี่มาถึงอพาร์ทเมนต์แล้ว
จอมขมังเวทย์ (2548/2005) ปี 2547 ระหว่างการเคลื่อนย้ายนักโทษพิเศษจากเรือนจำเก่า...ประตูคุกเคลื่อนเปิดออกพราหมณ์ร่ายมนต์พิธีเดินนำขบวนผู้คุมขยับปืน ขยับตัว แววตาหวาดกลัวกึ่งระแวดระวังทุกสายตาจับจ้องไปยังที่ร่างของนักโทษพิเศษที่เดินออกมาเสียงร่ายมนต์ดังกึกก้องสายลมกระโชกพัดกรู เกรียวร่างของนักโทษพิเศษผู้นั้นถูกจองจำด้วยพันธนาการที่แน่นหนาผิดธรรมดาสองเท้าตีตรวนสองมือมัดตรึงกับขื่อไม้ดวงตามีผ้าคาดไว้แน่นหนา กระทั่งปากก็มีผ้ามัดปิดไว้ท่ามกลางเสียงร่ายมนต์ดังกึกก้องสายลมกระโชกพัดกรูเกรียวหากสังเกตสักนิดนักโทษพิเศษที่ถูกปิดตาไว้นั้นเดินตรงทางมั่นคงราวกับตาเห็น !! อิทธิ อดีตนายตำรวจหน่วยพิเศษเคยจับคนร้ายที่แก่กล้าทางอาคมหนังเหนียวฟันแทงไม่เข้ามานับไม่ถ้วน แต่ตัวเองกลับต้องโทษคดีวิสามัญคนร้ายจนกลายเป็นนักโทษถูกขังลืมอยู่ในคุกมืดแดนจองจำพิเศษ 10 ปีผ่านไป อิทธิ หายตัวอันตรธานไปจากห้องขังที่ปิดทึบราวกับล่องหนร้อนถึง พ.ท.ทศพล อดีตเพื่อนนายตำรวจได้ออกคำสั่งจับตายอิทธิ ร้อยตรี สันตินายตำรวจเจ้าของพื้นที่ออกติดตามสืบสาวหาตัวอิทธิแต่กลับพบเจอเหตุประหลาดลี้ลับอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ที่ล้วนแต่เคยได้ยินแต่คำร่ำลือ ไม่ว่าจะการเสกตะปูเข้าตัวคนหรือคนร้ายที่คงกระพันหนังเหนียว ฯลฯเส้นทางแห่งอาคมอันน่าสะพรึงกลัวอำนาจเหนือธรรมชาติของอิทธิไม่ได้ทำให้สันติหวาดกลัว กลับเพิ่มความมุ่งมั่นจะจับกุมอิทธิให้จงได้โดยไม่สนใจว่าจะต้องใช้วิธีการใดวิถีทางใด ไม่ว่าจะต้องเปลี่ยนตัวเองขนาดไหน สันติรู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับจอมขมังเวทย์ผู้ครองครอบอาคมเวทย์ทางเดียวที่จะสยบอิทธิคือต้องเป็นให้เหนือกว่าจอมขมังเวทย์
อาถรรพ์ มุกอันดามัน (2548/2005) ? ลิลลี่ สาวผู้นำกลุ่มและคณะสำรวจ เดินทางไปเกาะมุก เพื่อค้นหา “มุกดามัน” มหาขุมทรัพย์อัน ล้ำค่าตามคำเล่าลือ ในการเดินทางครั้งนี้โดยมีผู้เฒ่า ฮัมมูเลาะ หัวหน้าหมู่บ้านในเกาะเป็นผู้นำ ทางพร้อมกับ นายะ เด็กสาวที่มีสัมผัสที่ 6 และเชื่อลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นในการ เดินทางครั้งนี้ เมื่อความโลภหลงที่ครอบงำจิตใจของนักสำรวจในกลุ่ม สิ่งที่จะนำพวกเขาสู่การ ผจญภัยอันท้าทายกับความลี้ลับ และเผชิญกับดินแดนอาถรรพ์ที่ไม่มีใครเคยรอดชีวิตกับมาได้อีก
เลื้อยสยอง (2548/2005) ร.ต.อ. หญิง นรินทร แห่งหน่วยปราบปรามพิเศษได้ตามจับ มิคาอิล ผู้ก่อการร้ายข้าม ชาติแต่เขาหนีรอดไปได้ ศาสตราจารย์แคล้ว ได้คิดค้นระบบเลเซอร์ทำลายล้างสูงได้ สำเร็จโดยใช้เงินทุนของมิคาอิล แต่ถูกขัดขวางโดย ดร.วุธ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการ ทดลอง และในการทดลองครั้งนี้ได้ทำปฏิกิริยากับงูเห่าตัวหนึ่งโดยบังเอิญ จึงทำให้งู ขยายร่างใหญ่ขึ้น และสร้างความหายนะให้แก่ผู้ที่เผชิญหน้ากับมัน...
ขุนกระบี่ ผีระบาด (2547/2004) เมื่อไวรัส SARS สายพันธุ์ใหม่ แพร่กระจายข้ามทวีปสู่ประเทศไทย ซูเปอร์แมนนอนป่วย สไปเดอร์แมนไม่ว่าง แบตแมนรถเสีย “ขุนกระบี่” (ต๊อก ศุภกรณ์) ฮีโร่รับจ้างสัญชาติไทยแท้ และ “โคตรขุนกระบี่ชาเขียว” (เทพ โพธิ์งาม) จำต้องชักกระบี่ออกปกป้องโลกอีกครั้ง และครั้งนี้มีความฮาและมันส์เป็นเดิมพัน ระหว่าง “ไวรัสซาร์ส์รุ่น 4 / สาวเซ็กซี่ / ผีดิบ / ซอมบี้ / งูยักษ์ / ระเบิดเวลา / รัฐมนตรี” ทั้งคู่จะจัดการกับอะไรก่อน หากทายไม่ถูก ไปหาคำตอบได้ใน “ขุนกระบี่ ผีระบาด” เกิดโรค “ไวรัส SARS รุ่นที่ 4” เป็นไวรัสกลายพันธุ์ร้ายแรงที่สุดที่เคยค้นพบกำลังระบาดอย่างหนักในทวีปแอฟริกา ผู้ที่ติดเชื้อร้ายแรงจะมีสภาพไม่ต่างจากผีดิบหิวกระหาย แมลงสาบตัวหนึ่งนำเชื้อนั้นบินร่อนข้ามน้ำข้ามทะเลจากทวีปแอฟริกามาถึงประเทศไทย “ด็อกเตอร์ไบรอัน ทอมสัน” (แอนดรูว์ บิ๊กส์) ผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกาที่กำลังคิดค้นและวิจัยเรื่องวัคซีนแอนตี้ไวรัสในประเทศไทย แต่หมองูตายเพราะงู ดร.ไบรอันจึงพลาดท่าได้รับเชื้อ SARS เข้าไปเต็มๆ “หลิว” (บอลลูน พินทุ์สุดา) ลูกสาวคนสวยของ “เฮียเหลา” (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) เจ้าพ่อคนดังแห่งกทม. ถูก “โจรกลุ่มหนึ่ง” (สมเล็ก ศักดิกุล, ปื๊ด แบล็กแคต และสมุนอีก 2 หน่อ) ลักพาตัวมากักขังเอาไว้เพื่อแลกกับเงินค่าไถ่ “อ.เทพลีลา” (เทพ โพธิ์งาม) โคตรขุนกระบี่ชาเขียวฮีโร่ปลดระวางในฐานะเพื่อนเก่าแก่ของเฮียเหลาได้รับการติดต่อให้มาชิงตัวหลิวคืน แต่เนื่องด้วยอ.เทพลีลาได้ประกาศวางมือถอนตัวออกจากวงการแล้ว ฮีโร่รับจ้างนาม “ไอ้ขุน” (ต๊อก ศุภกรณ์) ขุนกระบี่สายพันธุ์ใหม่ในฐานะศิษย์รุ่นสุดท้ายจึงถูกส่งตัวมาที่คอนโดฯ นี้ เพื่อจัดการกับเหล่าโจรกระจอกกลุ่มนั้น และนำตัวหลิวกลับคืน แต่ทว่าสิ่งที่กำลังรอคอยขุนกระบี่ อยู่ในคอนโดฯ แห่งนี้ไม่ได้มีแค่กลุ่มโจรกระจอกเท่านั้น ดร.ไบรอันก็พักอาศัยอยู่ที่นี่ และบัดนี้เชื้อ SARS ที่เขาได้รับทำให้เขากลายสภาพไปเป็น “ผีดิบ” (SARS Zombie) อย่างเต็มตัว ด็อกเตอร์ผีดิบเริ่มแพร่เชื้อสู่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ เดียวกันนี้อย่างรวดเร็ว คอนโดฯ มรณะถูกทางการสั่งปิดตาย คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้าเพื่อไม่ให้มีเชื้อแพร่กระจายออกมาภายนอก รัฐบาลส่งทีมแพทย์และหน่วยพิเศษในความรับผิดชอบของ “ท่านรองรัตน์สุดา” (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) เข้ามาจัดการอย่างเร่งด่วน “ด็อกเตอร์ไดอาน่า” (ลีน่า คริสเตนเซ่น) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเชื้อไวรัสร้ายแรงซึ่งทำงานในคณะของดร.ไบรอันเป็นหัวหน้าทีมแพทย์และหน่วยพิเศษชุดนี้ ดร.ไดอาน่ามาพร้อมกับปืนบรรจุกระสุนเคมีวัคซีนแอนตี้ไวรัสที่เพิ่งค้นพบของเธอพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสร้าย แต่ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นความผิดพลาดไปหมด เพราะวัคซีนแอนตี้ไวรัสไม่เป็นผล เมื่อทางการไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ คำสั่งสุดท้ายคือ “ระเบิดตึกทิ้ง!!!” ขุนกระบี่กับหลิวยังติดอยู่ในนั้น กลุ่มโจรกระจอกก็ติดอยู่ในนั้น ดร.ไดอาน่าก็ติดอยู่ในนั้น แถมฝูงผีดิบ SARS Zombie ที่กำลังหิวกระหายก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทุกนาที ทุกชั่วโมง สถานการณ์กำลังคับขันสุดๆ ทุกคนกำลังจวนตัวและจนตรอกที่ต้องปะทะทั้งผี ทั้งกลุ่มโจร และระเบิดเวลาของภาครัฐ เพล้ง…งงง กรอบรูปของขุนกระบี่ร่วงตกแตกกระจาย พร้อมๆ กันกับจิ้งจกร้องทักไปทั่วที่พำนักของอาจารย์เทพ-สุดยอดฝีมือโคตรขุนกระบี่ชาเขียวรู้สึกได้ทันทีถึง ลางสังหรณ์บอกเหตุอันตรายที่กำลังจะเกิดกับศิษย์รักและมหาชนผู้บริสุทธิ์ หลังจากปลดระวางล้างมืออำลาวงการไปนาน ในวันนี้เห็นทีอ.เทพลีลาจะอยู่เฉยไม่ได้เสียแล้ว เขาตัดสินใจคืนวงการมุ่งหน้าไปยังคอนโดฯ ที่เกิดเหตุเพื่อไปช่วยขุนกระบี่ศิษย์รักพร้อมกับอาวุธคู่กาย-กระบี่ชาเขียว สุดยอดศาสตราวุธ ชักแล้วต้องมีเจ็บ เก็บแล้วต้องมีตาย ภารกิจนี้ใหญ่หลวงนัก สองขุนกระบี่ฮีโร่แบบไทยๆ ลูกศิษย์-อาจารย์ต้องร่วมมือกันกับดร.ไดอาน่าและหลิวฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ทั้งฝูง SARS Zombie ผู้หิวกระหาย ทั้งแก๊งโจรกระจอกที่พยายามชิงตัวหลิวไป และระเบิดเวลาจากภาครัฐที่เตรียมทำลายล้างเชื้อไวรัส SARS 4 ผีระบาด และคอนโดฯ นี้ให้พังพินาศสิ้นซากไปพร้อมๆ กัน ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครติดเชื้อ ใครไม่ติดเชื้อ เหตุการณ์ทั้งหมดต้องจบลงก่อนรุ่งเช้า!!! ก่อนเวลาที่ระเบิดจะทำงานวี้ด…ดดดบึ้ม!
Headless Hero 2 ผีหัวขาด 2 (2547/2004) ไอ้ไฝ (แสดงโดย อรุณ ภาวิไล) กับ ไอ้เทือง(แสดงโดย โต อำพล รัตนวงศ์) ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันและทั้งคู่ก็ขโมยสร้อยศพของผีถั่วแระ(ถั่วแระ เชิญยิ้ม) และไฝก็เอาสร้อยเส้นหนึ่งไปแต่ความซุ่มซ่ามของไอ้เทือง มือของไอ้เทืองติดอยู่กับปากศพของคนจีนจนทำให้ไอ้เทืองตาย และไอ้ไฝวิ่งหนีไป และไอ้ไฝก็รอดตัวจากผีตามหาสร้อยของมัน และรุ่งเช้ามีงานเทศกาลแข่งเรือ เวลาที่กำลังจะเริ่มแข่งเรืออยู่นี้เห็นเรือประหลาดโผล่มาและมีคนประหลาดที่แล่นเรือเอง โดยมีไม่มีฝีพายและเรือของผีหัวขาดก็ชนะในการแข่งขัน และกรรมการให้รางวัลในการชนะเลิศแต่ผีหัวขาดก็ไม่ชอบใจ และคนอื่นก็ใช้มือในผลักหัวแต่นี่ไม่ใช่คนมันเป็นผีหัวขาด และทุกคนก็วิ่งหนีไป และมีหมอเฒ่าเป็นนักปราบผี และใช้ไหโบราณผนึกผีหัวขาดตัวนั้น ตอนที่หมอเฒ่ากำลังผนึกผีหัวขาดตนนั้นได้แต่หัว ส่วนร่างของผีหัวขาดก็เก็บไว้ในสุสานตามเดิม 25 ปีต่อมา เมฆ ลูกชายของไฝ มีนิสัยเป็นคนชอบช่วยเหลือคน โดยเฉพาะ ป๋อง เพื่อนสนิทของเมฆที่มักมีเรื่องให้เมฆต้องช่วยอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองได้เจอผกากับเพื่อนชื่อเง็ก ผู้หญิงที่ทั้งสองแอบชอบอยู่ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋า จึงเข้าไปช่วย สร้างความไม่พอใจให้สาธิต คู่หมั้นของผกาเป็นอันมาก ส่วนป๋องนั้นแอบหลงรักเง็ก แต่เง็กไม่เล่นด้วยแถมไล่ตะเพิดทุกครั้งที่เห็นหน้า จนป๋องทนไม่ไหวได้ขอร้องให้เมฆช่วยเรื่องเง็ก เมฆทนคำขอร้องไม่ไหวจึงยอมช่วย โดยเมฆได้ไปขโมยตำราปราบผีของพ่อ (ไฝ) เพื่อที่จะมาทำพิธีกลั่นไอเสน่ห์ โดยที่ทั้งสองได้ไปทำพิธีในป่าช้าฝังศพผีถั่วแระ และได้ทำให้ผีถั่วแระฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพราะป๋องได้ไปดึงมีดที่สะกดวิญญาณผีถั่วแระออก แต่ทั้งสองนั้นไม่รู้ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับเมฆได้ช่วยเหลือผีกองกอย ให้หลุดพ้นจากการคุมขังทำให้ผีกองกอยยอมเป็นผีรับใช้เมฆ ในขณะที่ผีถั่วแระพอฟื้นคืนชีพก็จับหนูดูดเลือดเพื่อเพิ่มพลัง และเริ่มติด ตามหาหัวของตัวเอง เพื่อให้มารวมกับตัว และตามหาสร้อยหยกที่ไฝนั้นขโมยมาคืนซึ่งตอนนี้สร้อยได้อยู่ที่เมฆลูกของไฝ ณ จวนผู้ว่า ในงานวันเกิดของผู้ว่า หรือขุนวิชัยพ่อของผกา สาธิตและเสี่ยกวงได้นำของขวัญมาให้ผู้ว่าซึ่งก็คือโถที่ใส่หัวของผีถั่วแระไว้แต่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว ขณะเดียวกันในงาน เมฆและ ป๋องที่แอบอยู่ก็พยายามที่จะพ่นไอเสน่ห์ใส่เง็กแต่พลาด ไอเสน่ห์ไปโดนมารีรีน คนใช้ของเง็กแทนทำให้เกิดความวุ่นวายเพราะมารีรีนคอยวิ่งไล่ตามป๋องจนทำให้ทั้งป๋องและเมฆต้องหนีออกจากงาน ต่อมาในงานวันหมั้นของสาธิตและผกา เมฆและป๋องแอบเข้าไปในงานพร้อมกับนำผีกองกอยใส่กระบอกไม้ไผ่ เพื่อที่จะไปขัดขวางการหมั้น โดยเมื่อถึงเวลาที่จะต้องสวมแหวนผีกองกอยก็คอยกวนจนไม่สามารถสวมแหวนได้ ในขณะที่ทั้งเมฆและป๋องหลุดหัวเราะออกมาทำให้ดาบแฉ่ง รู้ตัวและไล่จับทั้งสองรวมทั้งมารีรีนที่คอยไล่ตามป๋องจนทำให้งานหมั้นวุ่วาย เมฆและป๋องต้องหนีอีกครั้ง จนหนีมาถึงป่าช้าที่เก็บศพ โดยที่มารีรีนตามมาด้วย แต่มารีรีนต้องโชคร้ายไปเจอกับผีถั่วแระ และถูกผีถั่วแระที่ยังไม่มีหัวดูดเลือดจนตายต่อหน้าเมฆและป๋อง ดาบแฉ่งที่ตามมาเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองฆ่า จึงตามจับป๋องและเมฆหนีกลับไปหาใฝที่บ้านเล่าเรื่องผีหัวขาดให้ฟัง ใฝตกใจมากและทั้งสามคนจึงต้องหาวิธีปราบ แต่ทั้งสามกลับถูกดาบแฉ่งจับได้เสียก่อน ในโรงพักทั้งสามพยายามพูดเรื่องผีหัวขาด แต่ไม่มีใครเชื่อ จึงต้องถูกขังต่อไป ณ จวนผู้ว่า เง็กมาขอนอนกับผกา ภายนอกไม่มีใครรู้ว่าผีหัวขาดกำลังตามหาหัวเข้ามาในจวน และได้ฆ่าท่านผู้ว่าและคุณนายพวงทอง ตายและต่อหัวได้สำเร็จ ทำให้ผกาและเง็กต้องหนีไปอาศัยอยู่กับสาธิตชั่วคราว ในโรงพักผีหัวขาดได้ตามไปเอาสร้อยคืนจนเกิดการกันต่อสู้กันระหว่างผีถั่วแระกับผีกองกอยทำให้ผีกองกอยตายไป แต่ทั้งสามก็หนีออกมาได้ และหาวิธีกำจัดผีหัวขาด โดยการวางระเบิดเพื่อที่จะเผาผีหัวขาดแต่ไม่สามารถทำอะไรผีหัวขาดได้ จนในที่สุดทั้งหมดหนีไปและไปพบกันที่โรงทำน้ำแข็ง ผีถั่วแระก็ตามไปอาละวาดเพื่อทวงสร้อยคืน ขณะที่กำลังอาละวาดอยู่นั้น ผีถั่วแระได้เดินผ่านท่อไฮโดรเจน ไอเย็นจากท่อไฮโดรเจนทำให้ผีถั่วแระชะงักตัวสั่นแข็ง เมฆจึงรู้ทันทีว่า ผีถั่วแระกลัวความเย็นจึงให้ทุกคนเปิดวาล์วในโรงน้ำแข็ง แต่ว่าวาล์วแต่ละอันแข็งมากไม่สามารถเปิดออกได้ ผกาพยายามจะเดินไปช่วยเมฆเปิดวาล์วแต่รองเท้ากลับติดอยู่กับร่องไม้จนถูกผีหัวขาดจับตัว เมฆพยายามช่วยด้วยการเอาสร้อยเข้าแลก ขณะที่ผีหัวขาดเผลอ เมฆเข้าไปจะเอาสร้อยคืนจึงเกิดการต่อสู้กัน ผีถั่วแระพลาดท่าตกลงไปในบ่อผลิตน้ำแข็งทำให้ร่างของผีถั่วแระค่อยๆแข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง และค่อยๆ แตกตัวสลายไปในที่สุด ทุกคนดีใจมากที่ปราบผีถั่วแระลงได้ และจากการเสี่ยงของเมฆเพื่อที่จะช่วยเหลือผกาทำให้ผกาซึ้งใจและยอมรับไมตรีจากเมฆ และบอกเลิกกับสาธิตที่ไม่ยอมช่วยเธอเลย และหลังจากนั้นทั้งหมดก็ทยอยเดินออกจากโรงน้ำแข็ง โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งละลายพร้อมกับทิ้งคำปริศนาไว้
เกิดมาลุย (2547)

เกิดมาลุย (2547/2004) โดยเรื่องราวพูดถึงการเผชิญหน้า กับเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในชีวิต ที่อยู่นอกเหนือจากความควบคุม อันนำมาซึ่งความเป็นความตายของผู้คนจำนวนมาก เมื่อตกอยู่ภายใต้การจับกลุ่มของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ตั้งใจสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศไทย พร้อมกับชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมชายแดน ที่พวกเขาและเธอตั้งใจนำข้าวของมาบริจาค และช่วยพัฒนาหมู่บ้าน วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตของพวกพ้องและชาวบ้าน คือต้องนำเอาความสามารถเฉพาะตัวทางด้านกีฬาในแต่ละประเภท มาผสมผสานในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยมีเงื่อนไขของเวลา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นให้ได้

อสิรพิษ (2547/2004) ตำนานการแก้แค้นข้ามชาติภพ ของ อารตี (หญิง จุฬาลักษณ์)ลัทธินอกรีดที่บูชาเทพเจ้างู แต่ถูกทำลายล้างด้วยฝีมือของ สิงหล เธอซ่อนตัวอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้า 500 ปี ต่อมาบดินทร์ (ต่อ นันทวัฒน์) นักข่าวหนุ่มและคณะได้ทำข่าวยาเสพติดแต่ถูกทำร้าย โดยผู้ที่สืบเชื้อสายจากสิงหล อารตี จึงช่วยเหลือและเมื่อไฟแค้นเพลิงพยาบาทถูกโหม ขึ้นมาอีกครั้งการแก้แค้นด้วยคมเขี้ยวจึงเกิดขึ้น
กองกอย (2547/2004) เมื่อกลุ่มนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ออกเดินทางไปทัศนศึกษา ณ บ้านของ อ.รพินทร์ พ่อของ โยโย่ ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุไว้มากมาย หลังจากที่ทุกคนกลับมาจากที่ แห่งนั้น หุ่นไม้แกะสลักได้หายไปอย่างลึกลับพร้อมกับเกิดเรื่องอาถรรพ์ลี้ลับเรื่อยมา จนกระทั่งในค่ำคืนของวันงานสังสรรค์ที่บ้านของ โจ้ ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานใน ท่ามกลางความสยดสยองกำลังจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เมื่อการปรากฏตัวของผีกองกอยที่ ถูกปลดปล่อยจากหุ่นไม้แกะสลักสะกดด้วยผ้ายันต์กำลังตามฆ่าทุกคน “หนทางรอด” หรือ “ความตาย” ที่รอพวกเขาอยู่
บุปผาราตรี (2546)

เรื่องย่อ : บุปผาราตรี (2546/2003) บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ผีสาวสุดสยอง วิญญาณพยาบาทที่คอยวนเวียนอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อรอคอยเอก (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) คนรักที่ทอดทิ้งเธอไปในอดีต ความเฮี้ยนของเธอทำให้ผู้คนหวาดผวาพากันย้ายออกไปตามๆ กัน เดือดร้อนถึงเจ๊สี่เจ้าของออสการ์อพาร์ทเมนท์ที่ต้องความหาหมอผีฝีมือดีจากทุกสารทิศมาเพื่อขับไล่ผีสาวตนนี้ออกไปให้จงได้ บุปผา ราตรี นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่งถูก เอก ลูกเศรษฐีหลอกตามจีบจนใจอ่อน แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ เอกกลับพาเธอไปทำแท้งและหนีไปเรียนต่อเมืองนอกทันที กระทั่งวันหนึ่ง เจ๊สี่ เจ้าของออสการ์อพาร์ตเมนต์ที่บุปผาเช่าอยู่ เห็นเธอเงียบหายไปจึงได้งัดห้องเข้าไป และพบว่าบุปผาตายมาเกือบเดือนแล้วจากการตกเลือดหลังทำแท้ง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยองขวัญปั่นป่วนทั้งอพาร์ตเมนต์ เมื่อผีบุปผาเกิดเฮี้ยนออกมาอาละวาด เจ๊สี่ เจ้าของกิจการอพาร์ทเมนท์ ที่มีธุรกิจเข้าทรงเป็นอาชีพเสริม พออยู่มาวันหนึ่ง อพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่เกิดมีผีสาวปรากฎกายขึ้น จนเป็นที่หวาดผวาต่อบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ร้อนถึงเจ๊สี่ ที่ต้องตามหมอผีที่ว่าเก่งมากำจัด แต่ก็ยังโดนผีสาวเล่นงานจนเตลิดเปิดเปิง สร้างความหวาดผวาต่อผู้เช่าอพาร์เมนท์ที่เหลือเป็นอย่างยิ่ง เป็นผลให้กิจการห้องเช่าของเจ๊สี่ทำท่าจะไปไม่รอด แต่แล้ววันหนึ่ง มีชายหนุ่มนิรนามเดินเข้ามาที่อพาร์ทเมนท์ และหายตัวเข้าไปในห้องผีสิงนั้นอย่างปริศนา นับจากวันนั้น ผีสาวก็ไม่ปรากฎกายให้เห็นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มนิรนาม ดังออกมาจากห้องผีสิง ผู้เช่าที่เหลือพากันย้ายออกจนหมด เพราะทนกลัวผีต่อไปอีกไม่ไหว เจ๊สี่หมดทางเลือก จึงตัดสินใจโทรไปตามหมอผีเขมรที่เก่งที่สุด มาจัดการกับผีร้าย ก่อนที่ชายหนุ่มและกิจการอพาร์ทเมนท์ของเธอจะไปไม่รอด...

ตะเคียน (2546/2003) “กำนันวิทยา” และ “โลไกร” สองเพื่อนพรานเข้าป่าล่าสัตว์ เป็นเหตุให้ “นางตะเคียน” ผู้ปกปักรักษาป่าโกรธแค้น และฆ่าโลไกรตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้กำนันวิทยาเคียดแค้น และในขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงดู “คำทอง” ซึ่งเป็นลูกชายของโลไกรจนโตเป็นหนุ่ม คำทองหลงรัก “พร” ลูกสาวคนเดียวของกำนันวิทยา แต่กำนันวิทยากลับสนับสนุน “ไตร” วิศวกรสร้างเขื่อนให้รักกับพร ทำให้คำทองต้องผิดหวัง เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จทำให้น้ำท่วมหมู่บ้าน ในขณะที่กำนันวิทยาก็ต้องรีบตัดต้นไม้ที่ได้รับสัมปทานให้เสร็จก่อนที่น้ำจะท่วมหมดและทำให้เสียหายเป็นเงินมหาศาล กำนันวิทยาตัดต้นไม้ทุกชนิดที่อยู่ในพื้นที่ไม่เว้นแม้ต้นตะเคียนยักษ์ที่น่ากลัว หลังจากนั้นเรื่องราวที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง รวมทั้งพรที่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราโดยไม่ทราบสาเหตุ “กำนันวิทยา, คำทอง, ไตร และ ปีเตอร์” จึงมีภารกิจที่ต้องทำ ทั้งหมดต้องไปเอาวิญญาณของตอตะเคียนที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมาปลูกใหม่ เพื่อเป็นการขอขมาและช่วยเหลือพรที่นอนไม่ได้สติให้กลับมาเหมือนเดิม ทั้งหมดไม่รู้ว่ากำลังลงไปเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวที่แอบซ่อนอยู่ใต้น้ำแห่งนั้น…
เฮี้ยน (2546/2003) ภายใต้ท้องฟ้าที่เงียบสงบ ดูเหมือนว่าบางสิ่งที่เป็นตัวแทนของความเศร้า ผิดหวัง และเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ท้อแท้ สูญสิ้นซึ่งความหวังนอนทอดตัวสงบนิ่งอยู่ในเบื้องลึกแห่งก้นบึ้งของห้วงอารมณ์ที่โอบอุ้มไปด้วยความหวาดกลัวที่แสนเปราะบาง กำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างเงียบๆ ราวกับกำลังเรียกร้องและรอคอยให้ใครบางคนที่พร้อมจะย่างกรายเข้ามาสัมผัสถึงดวงจิตที่อัดแน่นไปด้วยความร้อนรุ่มกระวนกระวายไปทุกอณูแห่งความรู้สึกคั่งแค้นใจเพื่อรอการสะสาง บัดนี้ใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแห่งการเดินทาง เป็นการมาถึงของอาการที่คนทั่วไปรู้จักกันดีที่ถูกเรียกขานสั้นๆ ว่า “เฮี้ยน” สำหรับ “ปอวรีร์” (ทราย เจริญปุระ) หญิงสาวที่ไม่เคยก้มหัว สนใจ หรือแคร์ใครหน้าไหนในโลก โดยเฉพาะมนุษย์เพศชายทุกคน นอกจาก “กิ๊ฟ” (อินทรา วีระวัธนชัย) เพื่อนสาวเพียงคนเดียวในขณะนี้ที่ทั้งคู่ต่างเลือกปักหลักใช้ชีวิตคนกลางคืนที่แวดล้อมไปด้วยแสงสี เหล้า ยา ด้วยกันในฐานะสาวเสิร์ฟในผับชื่อดัง และซุกหัวนอนอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ดูเหมือนว่านี่คือวิถีแห่งการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างล่อแหลมและไม่เคยบันยะบันยังของหญิงสาวที่ไร้อนาคตในสายตาของใครหลายๆ คนอย่างปอ จนกระทั่งการตื่นขึ้นมาในเตียงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากคืนที่แสนสาหัสเกิดขึ้นในชีวิตของปอผ่านพ้นไป พร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายโดยฝีมือของ “ไอ้อ๊อด” (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) นักเลงขี้ยาเอเยนต์ค้ายาเสพติดที่จับได้ว่าถูกหญิงสาวที่คอยปล่อยของอย่างปอยักยอกเสียเอง แต่ในระหว่างที่วินาทีที่พยายามยื้อชีวิตตัวเองให้รอดจากเงื้อมมือของมัจจุราช ทำให้ปอพลาดท่าหมดสติตกลงไปในบึงใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดจาก “หมอฤดี” (อรัญญา นามวงศ์) รอง ผอ.โรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของไข้ สิ่งที่สร้างความช็อกให้กับปอมากที่สุดก็คือ การที่รู้ว่าตนเองกำลังตั้งท้องได้ 10 สัปดาห์แล้ว ถึงแม้ว่าจะถูกคนทั่วไปมองว่าหญิงสาวที่ไร้อนาคตอย่างปอพยายามที่จะกำจัดลูกในท้อง แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงหมอฤดีเพียงคนเดียวที่คอยเข้าใจและเป็นกำลังใจให้กับปอ ในขณะที่กำลังวุ่นวายใจกับสถานการณ์ที่ยากเกินกว่าที่จะตั้งรับได้ทัน สิ่งที่หญิงสาวที่ไม่เคยรักชีวิตของตัวเองอย่างปอต้องเผชิญกับบางสิ่งบางอย่างที่ยากเกินอธิบายที่เริ่มเข้ามาคุกคามทั้งจากการสัมผัส มองเห็น ได้ยินทั้งภาพและเสียงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโรงพยาบาล เริ่มต้นจากเสียงร้องของเด็กที่ไม่สามารถหาต้นตอได้ ตุ๊กตาที่ขยับได้เองของคนไข้เด็กที่อยู่ในห้องผู้ป่วยรวม ภาพหลอนของ “หญิงสาว” (ปรางทอง ชั่งธรรม) ที่ตนไม่เคยรู้จัก รวมไปถึงภาพเสมือนที่ดูเหมือนจริงซึ่งล้วนมีภาพของตัวเองเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทุกครั้ง พร้อมกับมีภาพของคนอีกหลายคนและอีกหลายเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะจริงจังและรุนแรงมากขึ้นทุกที ในขณะเดียวกันกับที่ “พัฒน์” (กรุณพล เทียนสุวรรณ) เจ้าหน้าที่ติดตามการรักษาของศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดคนใหม่ก็ถูกสิ่งเข้ามาประกบกับปอ เพราะเกรงว่าจะยังคงมีประวัติการใช้ยาในตัวปอ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยากเกินกว่าคำอธิบายที่ชักนำทุกคนย้อนกลับไปสู่ต้นตอของปรากฏการณ์ที่นิยามได้ด้วยคำจำกัดความว่า “เฮี้ยน”
ตะลุมพุก มหาวาตภัยล้างแผ่นดิน (2545/2002) พุทธศักราช 2505 การที่สาวอุดมการณ์สูงอย่าง กุลสตรี (พรหมพร) ถูกส่งตัวมาประจำที่กองเรือตรวจอากาศที่อ่าวนครศรีธรรมราช ทำให้เธอได้เรียนรู้เรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องงานและความรัก และเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของเธอ อันตรายของพายุที่กำลังจะเกิด ทำให้เธอได้ขึ้นไปที่แหลมตะลุมพุกกับจ่าสมใจ (ฉัตรชัย) ผู้ไม่เคยเชื่อเช่นเธอ เรื่องราวบนแหลมตะลุมพุก นอกจากความสวยงามและวิถีชีวิตบริสุทธิ์ของชาวแหลมตะลุมพุก และอันตรายของพายุที่ทั้งคู่ต้องเผชิญแล้ว การได้พบเรื่องราวของความรักบริสุทธิ์ที่ไม่ลงตัวของ 2 หนุ่ม 1 สาว และแรงกดดันของชุมชนที่ทำให้ พร้าว (ธันญ์) หนุ่มไทยเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของ ซากีนะห์ (ศศิธร) สาวชาวมุสลิม ความรักของทั้งสองได้ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความไม่พอใจของ ซอและ (ม.ร.ว.มงคลชาย) หนุ่มชาวมุสลิมซึ่งเป็นคู่หมั้นของซากีนะห์ จนนำไปสู่ปัญหาที่ทำให้พร้าวต้องไปจากแหลมตะลุมพุก เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดกับซากีนะห์คนที่เขารัก พร้าวหนีใจตัวเองไม่พ้น พายุใหญ่เริ่มพัดกระหน่ำแหลมอย่างบ้าคลั่ง เหมือนอารมณ์ที่กดดันของเธอและเขา ในที่สุดพร้าวจึงตัดสินใจกลับมาที่ตะลุมพุกอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อซากีนะห์ พร้าวต้องเผชิญหน้ากับหายนะและอันตรายของคลื่นบ้าพายุคลั่งเป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น เพราะสิ่งที่รอการกลับมาของพร้าวคือความแค้นของซอและ ที่รุนแรงไม่แพ้พายุที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง พร้าวต้องฝ่าฟันไปให้ได้ สิ่งที่เหนือความคาดคิดของทุกคน คือพายุคลั่งลูกนี้มาทวงหา และตัดสินชะตาความกล้าตัวตนของคนที่อยู่บนแหลมทั้งหมดและเรื่องราวของแหลมตะลุมพุก ที่ทั้งกุลสตรีและจ่าสมใจได้พบไม่เพียงทำให้พวกเขาจดจำ แต่มันเปลี่ยนชีวิตของคนทั้งคู่ตลอดไป และทำให้ทั้งคู่รู้จักคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง ชะตากรรมที่ทุกคนต้องมาร่วมกันครั้งนี้มันใหญ่ รุนแรง และน่ากลัว เกินกว่าที่ทุกคนจะรอดชะตากรรมนี้
ผีหัวขาด (2545/2002) ไอ้เดี่ยว (ณานิศ ใหญ่เสมอ) เป็นเด็กหนุ่มกำพร้าผู้มีความสามารถด้านหมัดมวย วันหนึ่งเขาพบกับกลุ่มโจรที่ขโมยตัดเศียรพระพุทธรูป เขาจึงเข้าขัดขวางทว่าพาดท่าถูกฟันคอขาด ท่ามกลางฝนฟ้าคะนองเกิดสายฟ้าฟาดลงตรงเศียรพระที่ไอ้เดี่ยวชิงคืนมา จนเศียรพระนั้นละลายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดี่ยวกับร่างไอ้เดี่ยว ทำให้ไอ้เดี่ยวได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมากลายป็นผีหัวขาด กลับไปจัดการกับพวกมารศาสนา และชำระแค้นกับคนที่ฆ่ามัน เพื่อนำความสงบสุบกลับคืนมาสู่หมู่บ้านใต้อีกครั้ง ไอ้เดี่ยว (ต๊ะ ณานิศ ใหญ่เสมอ) เป็นเด็กหนุ่มกำพร้าผู้ได้ร่ำเรียนวิชามวยมาจากพ่อที่เป็นนักมวยเก่า ก่อนที่พ่อตายจากไป ท่านสั่งเสียให้ไอ้เดี่ยวออกตามหาเพื่อนเก่าชื่อ โกร๋น (เทพ โพธิ์งาม) ที่หมู่บ้านใต้ เมื่อย้ายไปที่นั่น ไอ้เดี่ยวตัดสินใจลงแข่งควายกับสมพงษ์ และต่อยมวยกับไอ้มาด (ธนิสร สัตยมงคล) ในงานประจำปีของหมู่บ้าน เพื่อหาเงินมาช่วยปลดหนี้ให้เพื่อนใหม่ชื่อไอ้หมึก (ชูศรี เชิญยิ้ม) ไอ้เดี่ยวเริ่มถูกไอ้มาดและสมพงษ์เขม่น เพราะนอกจากจะชนะทั้งต่อยมวยและแข่งความแล้ว สาวสวยประจำหมู่บ้านอย่าง ทับทิม (นพวรรณ ศรีนิกร) ยังดูจะมีใจให้ไอ้เดี่ยวอีก หลังจากการแข่งชกมวย เสือเม่น (อภิชาติ ชูสกุล) ลอบเข้าไปตัดเศียรพระในโบสถ์ ไอ้เดี่ยวเห็นเข้าจึงตามไปขัดขวาง แต่ถูกไอ้มาดและสมพงษ์ดักทำร้าย ไอ้มาดใช้มีดฟันคอเดี่ยวตายคาที่ ท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง และเกิดสายฟ้าฟาดลงตรงเศียรพระที่ไอ้เดี่ยวชิงคืนมาจากเสือเม่น จนเศียรพระนั้นละลายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดี่ยวกับร่างไอ้เดี่ยว ทำให้ไอ้เดี่ยวได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมากลายป็น ผีหัวขาด กลับไปจัดการกับพวกมารศาสนา และชำระแค้นกับคนที่ฆ่ามัน เพื่อนำความสงบสุบกลับคืนมาสู่หมู่บ้านใต้อีกครั้ง ก่อนที่ร่างมันจะหายไปพร้อมกับแสงตะวันของวันใหม่
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ (2545/2002) คืนออกพรรษาที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน ๆ ในโลกเพราะที่นี่ คือ ริมฝั่งโขง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย หลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนที่ไหน ๆ พากันเข้าบ้าน กินข้าว พูดคุย ดูโทรทัศน์ หลับนอน แต่ที่นี่ คนนับหมื่นนับแสนแห่แหนกันมานั่งรอ ยืนรอ นอนรอ อยู่ริมตลิ่ง สองตามองจ้องจับอยู่ที่กลางแม่น้ำบังคับกล้ามเนื้อตาว่าอย่ากระพริบ เพราะวินาทีไหนก็ไม่รู้ ลูกไฟสีแดงส้มขนาดเท่าไข่ไก่จะผุดขึ้นสู่ท้องฟ้าให้ตกตะลึงพรึงเพริดและหายวับไปในเวลาเพียง 2-3 วินาที ลูกเด็กเล็กแดง คนหนุ่มสาวต่างร้อง เฮ! อย่างกับเชียร์บอล เมื่อลูกไฟพิศวงพุ่งขึ้นตรงนั้นตรงนี้นับสิบนับร้อยตลอดลำน้ำ ส่วนคนเฒ่าคนแก่พากันร้องสาธุ การณ์เป็นอย่างนี้ หลายสิบปีดีดักมาแล้ว ลูกไฟพิศวงนี้มาจากไหน มันคืออะไร ไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ คุณศรัทธาในสิ่งใด คุณมีเหตุผลไหม ขณะนี้ผู้คนบนฝั่งไทย กำลังโห่ร้องยินดีกับบั้งไฟพญานาค ไอ้คานหนุ่มโพนพิสัย กำลังกระโดดตบมือแบบกิ๊ฟมีไฟฟ์อย่างกับนักบาสเอ็นบีเอ กับหลวงพ่อโล่ห์ ณ วัดลาว ต่างลิงโลดกับวีรกรรมร่วมกัน วีรกรรมดำน้ำลงไปฝังลูกบั้งไฟดิบใต้ลำน้ำโขงก่อนคืนออกพรรษา ส่วนหมอนรติ ประจำโรงพยาบาลหนองคายนั้นเล่าก็กำลังเฝ้ารวบรวมหลักฐานเพื่อสนับสนุนทฤษฎีที่ว่าลูกไฟนี้เกิดจากการหมักหมมของซากพืชซากสัตว์ ใต้ลำน้ำโขงก่อตัวเย็นก้อนก๊าซถูกดูดให้ลอยขึ้นเหนือพื้นน้ำโดยดวงจันทร์และเกิดปฏิกิริยาสันดาบกับโอโซนในอากาศ ส่วน ด๊อกเตอร์สุรพล แห่งภาควิชาเทคโนธรณี ม.ขอนแก่น ก็ออกมาชูจักกะแร้ ค้านทุกอย่างที่หมอนรติเชื่อ ก็แม่น้ำโขงไหลเชี่ยวออกอย่างนั้น ซากอะไรจะไปสะสม ส่วนก้อนก๊าซจะเกิดได้เล่าโขงต้องหยุดไหล 5 วัน และมีอุณหภูมิเลยจุดเดือดไป 526 องศา สำหรับด๊อกเตอร์ลูกไฟนี้เป็นฝีมือมนุษย์แน่นอน ขณะที่ครูใหญ่ แม้จะสอนวิชาคณิตศาสตร์มาทั้งชีวิต แต่ความเป็นคนหนองคาย รักหนองคาย ทำให้เขาไม่อยากรู้เลยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และหากมีอะไรสักอย่างที่ครูทำโดยไม่ได้ขอรับเงินเดือนหลวงล่ะก็ สิ่งนั้นคือหยุดยั้งพวกชอบพิสูจน์ให้เด็ดขาด คืนออกพรรษาคืนนี้อาจเหมือนหรืออาจไม่เหมือนคืนออกพรรษาปีก่อน...เพราะปีนี้ คานทำคอแข็ง ตาแข็ง และเสียงแข็งบอกหลวงพ่อโล่ห์ว่า "ปีนี้เราเลิกเถอะครับหลวงพ่อ"