ระทึกขวัญ
เรื่องย่อ : คืนนั้น Red Wine in the Dark Night (2558/2015) คืนหนึ่ง ไวน์ (ณธัช ศิริพงษ์ธร) หนุ่มน้อยน่าใส เขาได้พบกับ ชายหนุ่มหล่อลึกลับคนหนึ่งซึ่งความจำเสื่อม ไวน์ จึงพาเขากลับมาที่ที่พัก ชายลึกลับคนนี้มีดวงตาสีแดงก่ำ ไวน์ หาอาหารให้เขากิน แต่เขาก็อ้วกออกจนหมด เขาเริ่มหมดแรง กำลังจะสิ้นลมหายใจ แต่เมื่อ ไวน์ จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจนหกล้มลง เลือดออก กลิ่นเลือดทำให้ชายคนนั้นตื่นขึ้นมาและคลานมาดูดกินเลือดที่แผลของ ไวน์ ไวน์ และชายคนนั้นจึงเริ่มรู้ว่า เขาไม่ได้กินอาหารเหมือนคนปกติ เขากินเลือดเป็นอาหาร!! ไวน์ สงสารเขาจึงให้กินเลือดตัวเองเพื่อเก็บเขาเอาไว้ และตั้งชื่อให้เขาว่า ไนท์ (สตีเว่น อิสรพงศ์ ฟูเรอร์) ในขณะเดียวกันนั้น ไวน์ ก็กำลังมีปัญหากับ ตี๋ (นนทพัทธ์ อินทรศวร) หนุ่มคนรักที่กำลังจะเลิกกับ ไวน์ เพราะ กัน (ศักดินันท์ ชูสุวรรณ), ระเบิด (พชร เกื้อกาญจนาภรณ์) และ ไม้ (สุทธิณัฐ อึ้งตระกูล) เพื่อนสนิทของ ตี๋ ที่กดดันให้เขายอมรับว่าเป็นเกย์แต่เขาไม่ยอมรับ ส่วน พี่บอย (กฤษตฌาพนธ์ ธนะนารา) หนุ่มนักธุรกิจที่รัก ไวน์ มานานและมีบุญคุณกับ ไวน์ มากก็เร่งเร้าให้ ไวน์ ตัดสินใจรับรักเขาเสียที ไวน์ ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี ทั้งกับ "ตี๋" คนที่ ไวน์ เคยรัก "พี่บอย" คนที่ ไวน์ ไม่เคยรัก และ "ไนท์" คนที่ ไวน์ กำลังตกหลุมรัก ความรักของ ไวน์ ครั้งนี้จึงเดิมพันด้วยเลือดและน้ำตา
เรื่องย่อ : ผีห่าอโยธยา (2558/2015) จากบทบันทึกของพงศาวดารและจดหมายเหตุทางประวัติศาสตร์ว่ากันว่าเมื่อราว 449 ปีที่แล้ว ในปีพุทธศักราช 2111 “พระเจ้าบุเรงนอง” ทรงนำทัพเข้ารุกรานอโยธยาทางด่านแม่ละเมา เมืองตาก ผ่านการกรำศึกสงครามอย่างต่อเนื่องจนในราวพุทธศักราช 2112 อโยธยาก็แพ้พ่ายสิ้นชื่อให้กับทัพพม่าจากหงสาก่อนที่จะเสียกรุงในท้ายที่สุด ว่ากันว่าหากแม้นการล่มสลายของอโยธยาในครานั้นหาได้มาจากภัยสงครามแล้วไซร้ จักมีหมายเหตุหลักฐานอื่นใดที่จะบ่งบอกถึงการกลืนกินถิ่นฐานครานั้น ปีพุทธศักราช 2108 ท่ามกลางมหาศึกระหว่างอโยธยาและหงสา ยังมีคำบอกเล่าถึงโรคาพิบัติภัยครั้งใหญ่ที่ประวัติศาสตร์มิได้จารึกไว้นั่นคืออุบัติแห่ง “ผีห่า” หายนะอาเพศที่ทำให้ศพที่เสียชีวิตจากโรคห่า กลับฟื้นชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้งในคราบของอสูรร้ายที่ไล่ล่ากัดกินผู้คนเพื่อแพร่เชื้อร้ายให้มนุษย์กลับกลายมาเป็นพวกของมัน แม้แต่พระ ลูกเล็ก เด็กแดง คนหนุ่มคนสาว ตลอดจนคนแก่ คนเฒ่า หญิงชายก็ไม่เว้น โดยที่มิมียาสมุนไพรใดจะรักษา มิมีอาวุธอื่นใดที่จะหยุดมันลงได้ หลายชีวิตที่เหลือพยายามทุกวิถีทางที่จะหนีตายให้รอดพ้นจากฝูงผีห่าซึ่งประกอบไปด้วย “ไอ้คง” (เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์) เด็กวัดที่หมายเด็ดดอกฟ้าอย่าง “เมี้ยน” (ซอนญ่า สิงหะ) ลูกเศรษฐีประจำหมู่บ้านที่ยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อความรักและเลือกหนีตายไปด้วยกัน, “ไอ้ขวัญ” (แต๊บ AF-ธนพล มหธร) หนุ่มนักเที่ยวขาประจำโรงชำเราชาย และ “อีพลอย” (แม็กกี้-อาภา ภาวิไล) คณิกาสาวสวยผู้แสนอาภัพงามทั้งรูปร่างและหน้าตาแต่กลับเป็นใบ้หูหนวก, “อีบัว” (โซดา-วีรี ละดาพันธ์) ช่างตีดาบหญิงที่เก่งกาจในการใช้สรรพอาวุธและการต่อสู้ไม่แพ้ชายอกสามศอกคู่อริของ “นายจัน” (หนึ่ง-ชลัฎ ณ สงขลา) เจ้าของกิจการโรงชำเราชายผู้มั่งคั่ง ละโมบ และเห็นแก่ได้ พร้อมทาสผู้ซื่อสัตย์อย่าง “ไอ้เล็ก” (พฤกษ์ รัตนฐิตินันต์ ) และ “ไอ้น้อย” (ชนนันท์ สิทธิเดช) ต้องมาอยู่รวมกันบ้างชิงชังรักใคร่ไม่ก็เกลียดกันจนเข้ากระดูก แต่ดูเหมือนจะมีเพียง “ไอ้เทพ” (คานธี วสุวิชย์กิต) หนุ่มขี้เหล้าต่างถิ่นอดีตนายทหารหัวหมู่ทะลวงฟันในศึกหงสาหนึ่งเดียวที่รอดชีวิตมาได้ล่วงรู้ว่าวิธีที่จะหยุดพวกผีห่าได้มีเพียงต้อง “ฟันหัว” ของมันให้ขาดออกจากร่างเท่านั้น แต่ทว่าผู้คนเพียงหยิบมือฤาจะรับมือกับผีห่าที่มาป็นฝูง ใช่ว่าทุกชีวิตจะมีเล็ดรอดไปได้ ฤานี่จะเป็นลางบอกเหตุให้รู้ว่าถึงคราที่อุบัติผีห่า…จักรุกรานพี่น้องกลืนกินอโยธยาจนแทบสิ้นแผ่นดิน
เรื่องย่อ : Skin Trade คู่ซัดอันตราย (2558/2015) นิค แคสสิดี้ (ดอล์ฟ ลันด์เกรน) ตำรวจนิวยอร์ก และ โทนี่ วิทยกุล (ทัชชกร ยีรัมย์) ตำรวจไทย ต่างทำการสืบสวนคดีเดียวกันแต่จากคนละมุมโลก ภารกิจคือการจับกุม วิคเตอร์ ดราโกวิช (รอน เพิร์ลแมน) และครอบครัวในข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ตอนตำรวจเข้าจับกุมที่ท่าเรือนิวเจอร์ซีย์ นิค ฆ่า อังเดร ลูกชายคนสุดท้องของ วิคเตอร์ ตายโดยไม่ตั้งใจ วิคเตอร์ ถูกจับกุมแต่ใช้เส้นสายทำให้รอดจากคุก ลูกชายของ วิคเตอร์ อีกสองคนตามจึงไปล้างแค้น นิค ด้วยการเผาบ้านฆ่าภรรยาและลูกสาวของ นิค ต่อหน้าต่อตา นิค เจ็บปางตายแต่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่ นิค ไม่ใช่ตำรวจแสนดีคนเดิมอีกต่อไป บาดแผลจากไฟที่แผดเผาบนใบหน้า นิค ยังไม่ร้อนแรงเท่าความแค้นที่ลุกลามในใจ ขบวนการตามล่าข้ามโลกมากรุงเทพฯ เพื่อกำจัด วิคเตอร์ จึงได้เริ่มขึ้น รี้ด (ไมเคิล ไจ ไวท์) เป็นสายของ วิคเตอร์ ที่แฝงตัวมาอยู่ในเอฟบีไอ รี้ด ตาม นิค มาที่กรุงเทพเช่นกันแต่ให้ข้อมูลเท็จ ทำให้ฝ่ายตำรวจไทยนำทีมโดย โทนี่ วิทยกุล ตามจับ นิค โดยได้รับการช่วยเหลือจาก มิน (เซลิน่า เจด) แฟนสาวสุดมั่นของ โทนี่ ที่เอาตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อให้ได้ข้อมูลสำคัญ ท่ามกลางการไล่ล่า รี้ด ฆ่าคู่หูของ โทนี่ อย่างเลือดเย็นและป้ายความผิดให้ นิค ทำให้ โทนี่ เลือดเข้าตาตามจับ นิค อย่างบ้าคลั่ง เมื่อคู่ซัดสองคนมาเผชิญหน้ากัน การต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้น แต่แล้วกลับจบลงด้วยความเป็นมิตรที่สองคนต่างคาดไม่ถึง จากคู่ซัดกลายมาเป็นคู่หูอันตรายคูณสองจากคนละซีกโลก โทนี่ และ นิค จับมือกันมุ่งหน้าสู่จุดกบดานของ วิคเตอร์ และลูก ๆ โดยไม่รู้ว่า วิคเตอร์ มีเซอร์ไพรซ์ที่จะทำให้บาดแผลของทั้งสองตำรวจบาดลึกลงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เรื่องย่อ : ตีสาม คืน 3 3D (2557/2014) “เพราะเวลาตี 3 ไม่ได้มีแค่คืนเดียว” เมื่อเข็มนาฬิกาเดินทางมาถึงเวลาตีสามอีกครั้ง คนกับผีจะได้ใกล้กัน และนี่คืออีกครั้งที่คนตายจะได้กลับมาสะสางทุกสิ่ง ที่ยังติดค้างอยู่… 3 ความกลัว 3 เหตุการณ์ที่เกี่ยวผันกันด้วยความตายของใครบางคน… คืน 3 Director: พุฒิพงศ์ สายศรีแก้ว (ขุนแผน, พระนเรศวร, ลองของ1-2, ขอบคุณที่รักกัน) “รู้หรือยัง…พี่หรั่งตายแล้ว…” เรื่องเริ่มต้นที่งานศพของ “พี่หรั่ง” ขาใหญ่แก๊งมอเตอร์ไซด์ที่เปิดร้านสักได้เกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์คว่ำตาย แต่จะเป็นไปได้ยังไงที่คนอย่างหรั่งจะตายด้วยเรื่องแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้น หรั่งก็ตายแล้ว ก้อยแฟนของพี่หรั่งเดินเข้ามาในงานศพพร้อมกับโบโซ่ลูกน้องคนสนิท ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทา เพราะหรั่งตายเพียงแค่ 3 วัน ทั้งคู่ก็คบกันอย่างเปิดเผย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีเสียงลือกันว่า…หลายคนในแก๊งอยากให้หรั่งตาย เพื่อเก็บเงินก้อนใหญ่ไว้โดยไม่ต้องแบ่งหรั่ง รูปถ่ายของหรั่งตั้งอยู่หน้าโลง สายตาเหมือนโกรธแค้นอะไรบางอย่าง…หรือว่าเคียดแค้นใครบางคน เขาว่ากันว่า…คนตายจะกลับมาในคืนที่ 3 เพื่อสะสาง เรื่องที่ยังค้างคาใจให้หมดไป …คืนนี้ หรั่งจะกลับมา และจะเป็นคืนหลอนที่ยาวนานไม่อาจลืม “คอนแวนต์” Director: กิรติ นาคอินทนนท์ (รักสุดท้ายป้ายหน้า, ตีสาม (3D) โรงเรียนคอนแวนต์แห่งหนึ่งมีเรื่องเล่าว่าหากคืนไหนที่ได้ยินเสียงเปียโน จากโบสถ์ต้องห้าม ว่ากันว่าเป็นเสียงจากซิสเตอร์หัวขาดเป็นผู้เล่นเปียโน เด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งต้องการจะพิสูจน์ว่า เรื่องเล่านี้เป็นจริงหรือไม่ จึงตัดสินใจลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อจะค้นหาความจริง… เตรียมพบกับบทสรุปหลอนเกินคาดได้ใน “คอนแวนต์” “กงเต็ก” Director: อิสรา นาดี (ลองของ 1-2, 407 เที่ยวบินผี, ตีสาม (3D) ร้านทำเครื่องกงเต็กได้รับออเดอร์จำนวนมากเลยต้องทำงานให้ทันตามกำหนด ต้าและมอดต้องอยู่ทำของเพื่อให้ส่งทันเวลา โดยมีเจ๊และเฮียเข้ามาคุมงาน แต่แล้วขณะที่มอดอู้งานอยู่ก็เจอข่าวว่ารถของเจ๊และเฮียคว่ำ หญิงคนขับเสียชีวิตคาที่ ต้าและ มอดขนลุกเกรียวเมื่อหันไปเห็นเจ๊ยังนั่งอยู่ในห้อง…..ค่ำคืนอันยาวนานที่ต้องอยู่ทำงานร่วมกับผีจะลงเอยอย่างไร และนี่คือภาพยนตร์ 3 มิติ เรื่องล่าสุดจากไฟว์สตาร์ ที่จะนำคุณกลับไปเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่หลอนที่สุดและในวันที่น่ากลัวมากที่สุด
ต้มยำกุ้ง 2 3D (2556/2013) เมื่อสาเหตุการฆาตกรรม เสี่ยสุชาติ เจ้าของปางช้างผู้กว้างขวาง คือการถูกกระแทกเข้าอย่างจังในจุดตาย 3 แห่งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้มัดตัว ไอ้ขาม เนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายที่ถูกพบอยู่ในที่เกิดเหตุกับผู้ตาย ขามจึงต้องหลบหนีจากการจับกุมและการตามล่าเพื่อทวงแค้นจาก ปิงปิง-ซือซือ หลานสาวฝาแฝดของเสี่ยสุชาติ แต่โชคยังเข้าข้างเมื่อระหว่างการหลบหนี ขามได้รับการช่วยเหลือจาก จ่ามาร์ค ตำรวจสากลที่ถูกส่งมาจากซิดนีย์เพื่อจัดการภารกิจบางอย่าง ขามหนีการตามล่าพร้อมกับการตามหา ขอน ช้างตัวเดียวที่เป็นเสมือนทั้งเพื่อนและพี่น้องที่ถูกขโมยไปเมื่อหลายวันก่อน ยิ่งหนีขามก็ยิ่งต้องเข้าไปพัวพันกับองค์กรลึกลับที่ถูกควบคุมโดย แอล ซี นายใหญ่ผู้คลั่งไคล้การสะสมนักสู้จากทั่วโลกอย่างลับๆ ทำให้เหล่านักสู้ที่ถูกตีตราด้วยตัวเลข ไม่ว่าจะเป็น ทเวนตี้ หรือ Number 2 ล้วนแต่มีเป้าหมายอยู่ที่การจัดการไอ้ขามเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างของนายใหญ่
เรื่องย่อ : องค์บาก 3 (2553/2010) หลังจากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (ชูพงษ์ ช่างปรุง) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (ทัชชกร ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูกลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (พริมรตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่งจิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมี ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ พลังศรัทธาอันแรงกล้า จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ นาฏยุทธ์ ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในขณะที่แผนการณ์ต่าง ๆ ของ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็น จอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ ภูติสางกา ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ ภูติยุทธ์ ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้านคณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้างและเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนามที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น ภูติสางกา หรือ พระยาราชเสนา เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้ เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ องค์บาก 3 จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็นตำนาน
เรื่องย่อ : บุปผาราตรี 3.2 (2552/2009) หลังการกลับชาติมาเกิดของ บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ในร่างของเด็กหญิงปลา (วีนัส ศักดิ์ศิริ) เด็กน้อยผู้น่าสงสารและโชคร้ายที่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณในห้อง 609 ของ ออสการ์อพาร์ตเม้นต์ ฉบับเรโนเวท ที่มาพร้อม บ่อนเถื่อน ซึ่งบริหารงานนับเงินโดยเจ้าของบ่อนอย่าง เจ๊สาม (ฉันทนา กิตติยาพันธ์) และดำเนินการโกงเนียน ๆ โดย เซียนต้อม (อาคม ปรีดากุล) เซียนพนันที่มี ลูกกรอกตัวพ่อ (อุดม ทรงแสง) คอยช่วยเหลือทุกครั้งที่ลงสนามไฮโล ฉับพลันชั่ววูบความตาย ผีปลา ก็ออกอาการร้อนวิชาเฮี้ยนโหด จัดการบรรเลงเพลงเชือดสยองชุดใหญ่ไล่ตั้งแต่ห้อง 609 ยันบ่อนชั้น 3 ที่เหล่าเซียนพนันนานาชาติสิงสถิตย์อยู่ อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ หรั่ง (มาริโอ้ เมาเร่อ) นักวาดการ์ตูนผีได้ย้ายมาอยู่ที่ออสการ์อพาร์ตเม้นต์แห่งนี้เพียงไม่กี่วัน เขาก็มีโอกาสได้พบกับบุปผา-หญิงสาวที่เขาแอบหลงรักมาตั้งแต่วัยเด็ก โดยไม่รู้ว่าเธอกลายเป็นผีบุปผาไปแล้ว หาใช่พี่บุปผาคนเดิมไม่ เขาตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน เขาจะต้องบอกรักพี่บุปผาให้ได้ แต่แล้ว บุพเพสันนิวาส ที่หรั่งเคยคิดเมื่อแรกเจอกัน มันกลับกลายเป็น บุปผาอาละวาด จนกระทั่ง... หรั่งสิ้นสติไป ร้อนถึงเจ๊สามที่ต้องจ้างหมอคง หรือด๊อกเตอร์คง (สมชาย ศักดิกุล), หมอผีเขมร และฤาษีตาไฟ มาร่วมด้วยช่วยปราบผีบุปผาเฮี้ยนรักโดยด่วน! และในขณะที่ การสืบคดีเด็กหญิงปลาถูกฆ่า ของนักสืบเทพ กำลังถูกแก้ปมใหญ่ ไขปริศนาอันน่าสะพรึง ข้างฝ่าย หมวดอังเคิล จ่าบุญถิ่น คู่หูตำรวจสุดป่วนก็ต้องกลับมาเยือนออสการ์อพารต์เม้นต์อีกครั้งด้วยความ (ไม่) เต็มใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อพวกเขาได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการ ดักทลายบ่อนเจ๊สาม เพื่อจับกุมอาชญากรข้ามชาติที่หนีมากบดานที่นี่ให้ได้ โดยงานนี้มี เดวิด เจียง มือปราบพระกาฬ (!?!) แห่งเกาะฮ่องกง มาช่วยกันจ้ำอ้าวหนีผีไม่มีอั้น...ซะงั้น เรื่องราวโกลาหล งงงวยซวยเป็นหมู่คณะออสการ์จะลงเอยอย่างไร กำแพงรักของหนุ่มหรั่งและสาวบุปผาจะถูกฝ่าไปสิ้นสุดตรงจุดไหน เสียงกรีดร้องฉบับดั้งเดิมพร้อมตวัดปลายมีดโกนของ ผีสาวตัวแม่รุ่น 3.2 กำลังรอทุกคนมาขมวดปมส่งท้ายความสยองไปพร้อม ๆ กัน
เรื่องย่อ : บุปผาราตรี 3.1 (2552/2009) ท่ามกลางความเงียบสงบของอพาร์ตเม้นต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ภายในห้อง 609 มีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะถูกปลุกให้กลับมา “เฮี้ยนสยอง...ยกกำลังสาม” ณ ออสการ์อพาร์ตเม้นต์ ยุคเรโนเวท บริหารงานโดย “เจ๊สาม” (ฉันทนา กิติยพันธ์) พี่สาวของเจ๊สี่ที่เสียชีวิตไปแล้ว หลังปรับปรุงใหม่ครั้งใหญ่ เจ๊สามก็เกิดพุทธิปัญญาจัดการเปิดชั้น 3 ของอพาร์ตเม้นต์ให้เป็น “บ่อนพนันเถื่อน” แบบลับๆ มันซะเลย ในขณะเดียวกัน “หรั่ง” (มาริโอ้ เมาเร่อ) หนุ่มนักวาดการ์ตูนเรื่องผีๆ ที่สามารถมองเห็นผีได้จริง ก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่ “ออสการ์อพาร์ตเม้นต์” ด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง เพียงแค่ไม่กี่วัน เขาก็มีโอกาสได้พบกับ “บุปผา” (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) หญิงสาวใน “ห้อง 609” ที่เหมือนเป็นรักแรก (ข้ามรุ่น) ของเขา คงเป็นด้วย “ความรักบังตา” หรั่งจึงไม่อาจรู้ได้ว่า “หญิงสาว” ที่เขาหลงรักเป็น “ผีสาวเฮี้ยนรัก” ที่เขาต้องพึงระวังไม่เฉียดกรายเข้าใกล้จะดีกว่า ทันที่ที่เขาก้าวเข้าสู่ห้อง 609 “บุพเพสันนิวาส” ที่หรั่งเคยคิดเมื่อแรกเจอบุปผา มันกลับกลายเป็น “บุปผาอาละวาด” ไปซะงั้น ทันใดนั้นเองเสียงกรีดร้องของ “บุปผา” ผีสาวตัวแม่ก็ดังโหยหวนขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว และแล้วเหตุการณ์ “เฮี้ยนขั้นเทพ-โหดสยองนองเลือด-เชือดไม่เลือกหน้า” ก็ถูกบรรเลงขึ้นชุดใหญ่ไล่ตั้งแต่ห้อง 609 จนแตกตื่นไปทั่วทั้งออสการ์อพาร์ตเม้นต์...อีกครั้ง