มรสุมสวาท (2499)
มรสุมสวาท (2499/1956) ความรักของหนุ่มไทยกับสาวพม่าที่มรสุมชักพาให้ทั้งสองได้พบกัน นารถ (จงรักษ์ จำรัสโรมรัน) นักข่าวหนังสือพิมพ์กับ สมพงษ์ (สมพงษ์ พงษ์มิตร) ช่างภาพคู่ใจ เดินทางไปทำข่าวการประชุมสภากรรมกรที่อินเดีย แต่ระหว่างการเดินทางเครื่องบินเจอมรสุมขนาดหนักจึงต้องแวะพักที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ทั้งสองจึงชวนกันไปเที่ยวเมืองเป็นการฆ่าเวลา ที่เจดีย์ชเวดากอง นารถกับสมพงษ์ได้พบกับ เมียวดี (ขิ่นเลส่วย) มัคคุเทศก์สาวซึ่งพูดภาษาไทยได้ และอาสาพาชายหนุ่มต่างเมืองเที่ยว นารถแอบเสียดายอยู่ลึกๆ ที่ต้องแยกจากเมียวดี แต่โชคชะตาก็ทำให้ทั้งสองได้พบกันครั้ง เมื่อนารถทำกระเป๋าสตางค์หาย เมียวดีจึงเสนอให้ทั้งสองมาพักที่บ้านระหว่างรอการติดต่อจากบริษัท ความสัมพันธ์ของนารถกับเมียวดีทำท่าว่าจะไปได้ดี ถ้าหากไม่มี มุตอ (ถวัลย์ คีรีวัต) คู่หมั้นของเมียวดีซึ่งไม่พอใจมากที่เห็นนารถมาติดพันเมียวดี จึงรีบมาทวงสัญญาล้างหนี้กับ บาตัน (เขียน คงราศี) พ่อของเมียวดี เร่งรัดการแต่งงานให้เร็วที่สุด หัวใจของเมียวดีซึ่งมอบให้นารถไปหมดแล้ว จึงไม่อาจบังคับใจให้แต่งงานกับชายอื่นได้ ความอัดอั้นในใจของเมียวดีทำให้โรคหัวใจกำเริบ นารถรีบโทรเลขไปขอเงินทางกรุงเทพเพื่อมาช่วยเมียวดี ทั้งสองพยายามใช้เวลาที่เหลือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่แล้ววันหนึ่ง เมียวดีเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากเนินเขา มุตอโมโหสุดขีดเมื่อรู้ว่าเมียวดีได้รับบาดเจ็บ ตรงเข้าไปทำร้ายนารถ จนบาตันต้องห้ามปรามบาตันพยายามเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นารถฟังและขอร้องให้นารถกลับกรุงเทพเพื่อเห็นแก่ครอบครัว นารถยอมทำตามแต่โดยดี แต่เมื่อเมียวดีฟื้นคืนสติและพบว่าคนรักได้จากไปแล้ว ก็เพ้อคลั่งจนหัวใจวายตาย
เสน่ห์สาวฮ่องกง (2499)
เสน่ห์สาวฮ่องกง (2499/1956) เรื่องราวความรักของหนุ่มไทยกับสาวฮ่องกง สุชาติ มาเรียนวิชาการค้าที่ฮ่องกง และได้พบกับ ลีนา สาวฮ่องกงซึ่งตรากตรำทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษา หลีม้า ผู้เป็นแม่ที่กำลังไม่สบาย สุชาติเห็นใจลีนาจึงช่วยเงินค่ารักษาพยาบาล วันหนึ่ง โกริ้ว และเลี่ยงก่ำ อันธพาลประจำถิ่นวางแผนฉุดลีนาเพื่อจะไปขายเป็นโสเภณี แต่ หยู และสุชาติช่วยไว้ทัน ทำให้ลีนาซึ้งน้ำใจสุชาติจนก่อเกิดเป็นความรัก ประเสริฐ กับ พรรณี พ่อและแม่ของสุชาติเริ่มสงสัยที่ลูกชายใช้เงินเปลืองผิดปรกติ พอปิดเทอมจึงเรียกตัวสุชาติกลับ สุชาติจึงพาลีนากลับมาด้วยโดยแนะนำว่าเป็นเพื่อนนักเรียน ทำให้ อรอนงค์ หลานของประเสริฐที่แอบรักสุชาติเสียใจ ประเสริฐวางแผนให้สุชาติไปทำธุระที่ต่างจังหวัด ส่วนตัวเองนั้นหาทางปลุกปล้ำลีนา เมื่อลีนาขัดขืนก็เฆี่ยนหลังลีนาอย่างทารุณ พรรณีบังเอิญเห็นลีนาเดินออกจากห้องประเสริฐในสภาพอ่อนแรงก็เข้าใจผิด ด้วยความหึงหวงจึงหยิบมีดตรงไปหวังจะฆ่าลีนาแต่เมื่อเข้าไปในห้อง เห็นหลังของลีนาเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตีจึงเข้าใจในเหตุการณ์ทันที ลีนาสารภาพความจริงกับพรรณีว่าเป็นภรรยาของสุชาติ ประเสริฐมาได้ยินเข้าจึงสำนึกผิด และตั้งใจจะจัดงานแต่งงานให้ทั้งสอง แต่ลีนาผิดหวังกับชีวิตในเมืองไทยจึงหนีกลับไปหาหลีม้าที่ฮ่องกง ทว่าหลีม้าเสียชีวิตแล้ว สุชาติตามลีนามายังหลุมฝังศพของหลีม้าและปรับความเข้าใจกัน
ยอดดรุณี (2499)
ยอดดรุณี (2499/1956) ศักดา กับ พระสรไกร สองเพื่อนรักเดินทางไปพักผ่อนที่หัวหิน ระหว่างทางรถยางแตกแต่ได้แอ๊ว ช่วยไว้ แอ๊วพาไปที่บ้านโดยมี อ่อน มารดาให้การต้อนรับเป็นอย่างดี รุ่งขึ้นศักดาพาแอ๊วไปเที่ยวที่โฮเต็ลหัวหิน คุณหญิงสุดาซึ่งหมายมั่นจะจับศักดาเห็นก็ไม่พอใจ จึงเยาะเย้ยถากถางแอ๊ว ขณะนั้นศักดาได้พบพระยาสราวุธ คนรู้จักพาลูกสาวมาเที่ยวหัวหินเช่นกันแอ๊วมองพระยาสราวุธอยู่กับลูกสาวท่าทางมีความสุขก็เศร้าใจที่ตนไม่มีพ่อ ศักดาเริ่มเข้าหาแอ๊วมากขึ้นสร้างความไม่สบายใจแก่อ่อน เพราะไม่อยากให้ลูกสาวยุ่งเกี่ยวกับคนกรุง ความสัมพันธ์ของทั้งสองรู้ไปถึงหูคุณหญิงสุดา จึงร่วมมือกับอร่ามหาเรื่องใส่ร้ายแอ๊วแต่ไม่มีใครเชื่อ ศักดาทราบจากแอ๊วว่า หลวงอนุศาสตร์ ผู้เป็นตาป่วยเป็นโรคตาต้อจึงยื่นมือเข้าช่วย หลวงอนุศาสตร์เปิดเผยแก่ศักดาว่า ชื่อจริงของอ่อนคือ นงเยาว์ ซึ่งถูกหนุ่มชาวกรุงทิ้งไปตอนตั้งท้อง ผู้ชายที่ทิ้งอ่อนก็คือพระยาสราวุธนั่นเอง เมื่อพระยาสราวุธได้รู้ความจริงจากศักดา จึงรีบไปสารภาพผิดกับนงเยาว์แต่เธอไม่ยอมให้อภัย และขอให้คืนสมบัติแก่แอ๊วผู้เป็นลูก ศักดากับพระสรไกรพยายามช่วยประสานรอยร้าว โดยพาแอ๊วไปหาพระยาสราวุธบ่อยๆ ส่วนพระสรไกรพยายามเป็นแม่สื่อระหว่างแอ๊วกับศักดา หลวงอนุศาสตร์เตือนสติอ่อนให้เห็นแก่ความสุขของลูก แอ๊วกับศักดาจึงสมหวังในความรัก ส่วนพระยาสราวุธก็ต้องผิดหวังเพราะความใจแข็งของนงเยาว์
สุดทางรัก (2499)
สุดทางรัก (2499/1956) บ้านเศรษฐีจำนง ในบางกอก มีการเปิดพินัยกรรมของเศรษฐีจำนงโดยมีทนายเจริญ (ผาสุก คงสถิต) เป็นคนอ่านพินัยกรรม ใจความว่า เศรษฐีจำนงได้มอบมรดกส่วนหนึ่งให้กับน้อมจิตต์ (ดรุณี สุขสาคร) ลูกสาวของตากล่ำ (ทองต่อ จาตุรงคกุล) ชาวนาแห่งตำบลบางแพ ราชบุรี ซึ่งเศรษฐีจำนงเพิ่งจะรู้จัก แต่ชอบอัธยาศัยไมตรี ส่วนพร (ศิริพงษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) ชายหนุ่มบ้านเดียวกันที่แอบรักน้อมจิตต์อยู่ ก็เห็นว่า น้อมจิตต์อาจจะต้องลำบากใจ หากมาใช้ชีวิตอยู่ในบางกอก แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านอะไรประกอบกับตัวพรเองจะต้องไปเป็นรบที่เกาหลีด้วย จึงได้แต่บอกว่า หากเสร็จสงครามเกาหลีเมื่อใดจะแวะมาเยี่ยมน้อมจิตต์ ในการที่น้อมจิตต์ได้รับมรดกครั้งนี้ ทำให้ประภัทร (เมืองเริง ปัทมินทร์) ซึ่งรักใคร่ชอบพอกับไฉไล (นาฏยา รัมภเวช) ลูกสาวของเฉิดโฉม (กำจาย รัตนดิลก) น้องเมียเศรษฐีจำนงนั้นไม่พอใจเพราะสูญเสียมรดกส่วนหนึ่งไป จึงพยายามเกลี้ยกล่อมน้อมจิตต์ให้สละสิทธิ์ในมรดก แต่เมื่อน้อมจิตต์ก็ไม่ยอม ทั้งสามคนจึงวางแผนให้พจน์ (พรชัย เปรมประสิทธิ์) ลูกชายเฉิดโฉมแต่งงานกับน้อมจิตต์เพื่อที่จะหาทางหุบมรดกในภายหลัง น้อมจิตต์แต่งงานกับพจน์โดยที่จำเนียร (ทานฑัต วิภาตะโยธิน) ลูกชายคนเดียวของเศรษฐีจำนงซึ่งป่วยเป็นโรคประสาทแสดงความยินดีด้วย ต่อมาเมื่อพรกลับจากสงครามเกาหลีรู้ว่า หญิงที่ตัวเองรักได้แต่งงานกับชายอื่นไปแล้ว จึงกลับไปบางแพเพื่อช่วยดูแลแม่ของน้อมจิตต์แทน ส่วนน้อมจิตต์ก็มีลูกชายกับพจน์หนึ่งคน ต่อมาพรส่งจดหมายมาบอกน้อมจิตต์ว่า แม่ป่วยหนัก น้อมจิตต์จึงกลับบางแพเพื่อไปเยี่ยมแม่ ระหว่างนั้น เฉิดโฉมไฉไลและประภัทร ก็จัดฉากให้มีงานเลี้ยงขึ้นในบ้าน ไฉไลแอบวางยาให้พจน์ดื่มและให้เพื่อนสาวเข้าไปนอนกับพจน์ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่น้อมจิตต์กลับจากบางแพมาเห็นพอดี น้อมจิตต์เสียใจมากที่พจน์นอกใจ จึงขอหย่าและกลับไปอยู่บางแพ พจน์รู้ความจริงภายหลังว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้นเกิดจากการรวมหัวของเฉิดโฉม ไฉไลและประภัทร จึงอุ้มลูกชายไปตามหาน้อมจิตต์ที่บางแพ ต่อมาจำเนียรเกิดคุ้มคลั่งจุดไฟเผาบ้านตัวเอง ทำให้ทุกคนเสียชีวิต พจน์เดินทางไปถึงบางแพก็พบว่า น้อมจิตต์กำลังจะแต่งงานใหม่กับพร ก็ไม่อยากจะขัดขวาง จะหลีกทางให้ แต่เมื่อถึงวันแต่งงาน พรก็ได้หายตัวไป คงมีแต่จดหมายเขียนทิ้งไว้ว่า ขอเป็นฝ่ายเสียสละเพราะอยากให้น้อมจิตต์มีความสุขกับครอบครัวเดิมต่อไป
สุดหล้าฟ้าเขียว (2499)
สุดหล้าฟ้าเขียว (2499/1956) มะลิ สาวใช้บ้าน พลเรือโทพระยายุทธไกร และ คุณหญิงสงวน แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ธารา ลูกชายของคุณหญิงสงวนจนตั้งครรภ์ ธาราไม่กล้าบอกความจริงกับพ่อแม่ ประจวบกับที่เขาต้องย้ายไปประจำที่สถานทูตไทยในอังกฤษ จึงให้สัญญากับมะลิว่าจะเขียนจดหมายมาสารภาพความจริงกับพ่อแม่ในภายหลัง เมื่อคุณหญิงรู้ว่ามะลิตั้งครรภ์ก็ลงโทษเฆี่ยนตีและคาดคั้นจากมะลิว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แต่มะลิก็ไม่ยอมปริปากบอก เกื้อ คนขับรถทนเห็นมะลิถูกทรมานไม่ได้จึงรับว่าเป็นพ่อของเด็ก คุณหญิงไล่ทั้งสองออกจากบ้าน เกื้อพามะลิไปเช่าห้องแถวเก่าๆ และพยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อเลี้ยงดูมะลิและลูก แม้จะต้องเป็นโจรก็ตาม วันหนึ่ง เกื้อไปวิ่งราวกระเป๋าของ แน่งน้อย ตำรวจจึงตามมาจับตัวเกื้อที่บ้าน แน่งน้อยเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเกื้อจึงรับอุปการะมะลิและลูก เวลาผ่านไป ธารากลับจากอังกฤษหวังจะได้พบหน้าลูกเมียแต่ไม่พบ พระยายุทธไกรจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ธาราฟัง ธาราออกตามหามะลิและลูกทันทีส่วนเกื้อหลังจากพ้นโทษก็ตามมาหามะลิที่สงขลา ในขณะที่มะลิกำลังจะตัดสินใจแต่งงานกับเสี่ยเม้ง เพื่อทดแทนบุญคุณแน่งน้อยที่รับหน้าที่แม่สื่อ
บ้านทรายทอง (2499)

บ้านทรายทอง (2499/1956) เป็นภาพยนตร์ชีวิตยอดเยี่ยม สีสด รักกระจุ๋มกระจิ๋ม หวานชื่น ซึ้งใจยิ่งกว่า สลักจิต ที่ เสรีภาพยนตร์ กล้ารับรองว่าดีจริง เจ้าพระยาราชาพิพิธ ต้นตระกูลพินิตนันท์ เจ้าของคฤหาสน์บ้านทรายทอง มีลูกชายสองคน คนโตคือ พระยาราชาพิพิธ เจริญรอยตามพ่อ ส่วน สุรพล ลูกชายคนรอง ไม่ยอมทำงานราชการจึงถูกตัดออกจากกองมรดก ภริยาของเจ้าพระยาฯ เป็นห่วงลูกชายคนเล็กจึงทำพินัยกรรมยกบ้านทรายทองให้เป็นสมบัติแก่สุรพล แต่พระยาราชาพิพิธไม่ยอมปฏิบัติตาม ยึดเอาบ้านทรายทองเป็นของตน สุรพลมีลูกชายชื่อ พนา นิสัยคล้ายตนเอง ขยันทำงานจนได้เป็น พระยาดุลยธรรมพินิจ พนาแต่งงานกับหญิงชาวบ้านและมีลูกสามคนคือ พจมาน พจนา และพจนีย์ ก่อนตายได้สั่งเสียให้พจมานไปอยู่กับ หม่อมพรรณราย ลูกสาวของพระยาราชาพิพิธที่บ้านทรายทอง หม่อมพรรณรายเป็นคนเห็นแก่ตัว มีบุตรกับหม่อมเจ้าสว่างวงศ์สี่คนคือ ม.ร.ว.ภารดี หรือ หญิงใหญ่ ม.ร.ว.ภราดา หรือ ชายกลาง ม.ร.ว. ภาวินี หรือ หญิงเล็ก และ ม.ร.ว. ภาณุทัต หรือ ชายน้อย หม่อมพรรณรายไม่อยากรับอุปการะพจมาน จึงร่วมกับหญิงเล็กกลั่นแกล้งพจมานมีเพียงหญิงใหญ่กับชายกลางที่คอยช่วยเหลือ แต่เมื่อชายกลางต้องไปทำงานต่างประเทศ หม่อมพรรณรายกับหญิงเล็กก็รวมหัวกันวางแผนทำร้ายพจมาน แต่กรรมตามสนอง เพราะทำให้ หม่อมเจ้าเอนก คู่หมั้นของหญิงเล็กเห็นธาตุแท้จึงขอถอนหมั้น พระยาราชาพิพิธซึ่งกำลังอยู่ในบั้นปลายชีวิตเริ่มรู้สึกผิดในสิ่งที่ตนเองทำไว้ จึงคิดจะคืนบ้านทรายทองแต่พจมานปฏิเสธและกลับไปหาแม่ที่อยุธยา เมื่อชายกลางกลับจากต่างประเทศจึงรีบลงเรือไปตามพจมาน และขอร้องให้พจมานเลือกว่าจะแต่งงานกับใครระหว่างเศรษฐีอยุธยาหรือหม่อมเจ้าอเนก แต่พจมานไม่ขอเลือกทั้งสองคนเพราะได้มอบหัวใจให้ชายกลางซึ่งคอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด

เลือดนาวี (2499)
เลือดนาวี (2499/1956) มานะ และ อุสาหะ เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเด็ก ทั้งสองไปศึกษาต่อที่โรงเรียนนายเรือ เมื่อเรียนจบมานะและอุสาหะได้รับคำสั่งให้ไปประจำการที่กองพันนาวิกโยธิน สัตหีบ วันหนึ่ง คณะคุรุสภาได้จัดทัศนาจรที่สัตหีบโดยมีเพียงจันทร์ ลูกสาวผู้บังคับบัญชากรมนาวิกโยธินเป็นผู้นำ มานะและอุสาหะจำได้ว่าเพียงจันทร์คือเพื่อนสมัยเด็ก ซึ่งในอดีตทั้งสองเคยช่วยเพียงจันทร์ขณะถูกประวิทย์รังแก มานะอาสาพาเพียงจันทร์ไปเที่ยว โดยมีอุสาหะและ วิภา ผู้ช่วยเพียงจันทร์ร่วมด้วย เพียงจันทร์เริ่มรู้สึกถึงความรักที่ทั้งสองมีให้แต่ยังคงรักษาระยะห่างไว้ ในการฝึกของหน่วยคอมมานโด พ.จ.อ.ประวิทย์ซึ่งอยู่กองพันเดียวกันหาเรื่องมานะกับอุสาหะ เพราะแค้นเรื่องในอดีต ทำให้มานะได้รับบาดเจ็บ ขณะนั้นศัตรูรุกรานชายทะเลไทย กองพันนาวิกโยธินได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประเทศชาติ เพียงจันทร์ก็สมัครเป็นหน่วยอาสากาชาด มานะและอุสาหะได้รับบาดเจ็บขณะนำทัพ แต่เพียงจันทร์คอยดูแลมานะคนเดียว ทำให้อุสาหะน้อยใจกลับไปสมรภูมิรบอีกครั้งและเสียชีวิตในเวลาต่อมา วิภาซึ่งแอบรักอุสาหะอยู่ฝ่ายเดียวได้แต่เสียใจในการจากไปของอุสาหะ
คำอธิษฐานของดวงดาว (2499)
คำอธิษฐานของดวงดาว (2499/1956) จากนวนิยายชีวิตเรื่องยิ่งใหญ่ของ "ดวงดาว" มาเป็นภาพยนตร์ชีวิตของสาวแสนสวยคนหนึ่ง ดู...ความรัก ความริษยาอาฆาตระหว่าง 4 สาว กับสาวหนึ่งคือ ดวงดวงผู้บริสุทธิ์ ในงานเลี้ยงปีใหม่ ณ คฤหาสน์ของคหบดีบริพันธ์ ดวงดาว หลีกหนีความวุ่นวายในงานเลี้ยงมาเดินเล่นที่ชายทะเล และหวนนึกถึงวันปีใหม่เมื่อห้าปีก่อนซึ่งเธอเคยมีความสุข แต่ทุกสิ่งต้องพังทลายเมื่อพ่อของดวงดาวล้มละลาย ดวงดาวจึงต้องมาอาศัยอยู่กับคหบดีบริพันธ์ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ แม้ต้องทนถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากบรรดาหลานๆ ของ คุณใหญ่ อาของดวงดาวซึ่งอาศัยในบ้านเดียวกัน ดวงดาวได้แต่อธิษฐานกับดวงดาวขอให้เธอพ้นจากความทุกข์โดยเร็ว ทันใดนั้นเอง มีชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาขอร้องให้ดวงดาวช่วยหาที่หลบซ่อนตำรวจ ด้วยความมีเมตตาดวงดาวจึงให้ที่หลบซ่อนแก่โจรผู้นั้น โดยไม่ทันได้ถามชื่อ วันถัดมาดวงดาวได้ยินเสียงบรรดาหลานสาวของคุณใหญ่พูดถึง ม.จ. จิรพันธ์ ซึ่งกำลังเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ และต่างแต่งตัวแข่งขันกันเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงส่งท่านชายกลับกรุงเทพ ดวงดาวจึงปลีกตัวไปเดินเล่นที่ชายหาดกับ สีนิล สุนัขคู่ใจอย่างเงียบๆ แต่แล้วดวงดาวก็ได้เจอกับโจรที่เธอช่วยหาที่หลบซ่อนให้ในคืนวันปีใหม่ ชายหนุ่มสารภาพว่ามาดักรอดวงดาวเพราะตั้งใจจะไปประกอบอาชีพสุจริต ดวงดาวจึงให้สมบัติชิ้นสุดท้ายของเธอเป็นเงินทุนแก่ชายหนุ่ม หลังจากนั้นไม่นาน รุ่ง อาของดวงดาวมารับตัวดวงดาวไปอยู่ที่กรุงเทพ และพาดวงดาวไปงานเลี้ยงวันเกิดของ ม.จ. จิรพันธ์ ดวงดาวจำได้ว่าบรรดาหลานสาวของคุณใหญ่ต่างใฝ่ฝันถึง ม.จ. จิรพันธ์ แต่ด้วยความเกรงใจอารุ่งจึงยอมไปร่วมงาน และต้องตะลึงเพราะ ม.จ. จิรพันธ์ ก็คือนายโจรที่เธอช่วยไว้ในคืนวันปีใหม่นั่นเอง
ลูกแก้วเมียขวัญ (2499)
ลูกแก้วเมียขวัญ (2499/1956) ความใฝ่ฝันที่จะเรียนมหาวิทยาลัยของ กิมเจ็ง สำเร็จลงในวันหนึ่ง แม้เขาจะแต่งงานกับ เง็กลั้ง จนมีลูกแล้วก็ตาม เมื่อ กิมตี่ บุตรชายอายุได้ 5 ขวบ กิมเจ็งได้รับการสนับสนุนจากอาให้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แป๊ะล้ง ผู้เป็นบิดาจึงยินยอม โดยมี ตั๊วปุ๊ย ญาติสนิทร่วมทางไปด้วย กิมเจ็งมุมานะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดีจนเหตุการณ์เริ่มพลิกผัน เมื่อเขายื่นมือไปช่วย ผกาพรรณที่กำลังถูก เชิดศักดิ์ ทำร้าย กิมเจ็งหลงเสน่ห์ผกาพรรณจนละทิ้งการเรียน มิหนำซ้ำยังโกหกทางบ้านเพื่อขอเงินไปปรนเปรอผกาพรรณจนครอบครัวต้องย้ายไปอยู่กระท่อมหลังน้อย ไม่นาน ลี่คิ้ม ผู้เป็นแม่ก็เสียชีวิต ผ่านไปไม่นานผกาพรรณก็เริ่มเบื่อหน่ายกิมเจ็งจึงกลับไปเล่นชู้กับเชิดศักดิ์อีกครั้ง ตั๊วปุ๊ยมาเห็นเข้าจึงเข้าไปต่อว่า แต่ผกาพรรณไหวตัวทันโวยวายลั่นว่าตั๊วปุ๊ยลวนลามตัวเอง กิมเจ็งเพิ่งกลับมาถึงบ้านไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็ออกปากไล่ตั๊วปุ๊ยออกจากบ้านโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ ด้วยหลงผกาพรรณอย่างโงหัวไม่ขึ้น ตั๊วปุ๊ยเขียนจดหมายไปเล่าความจริงทั้งหมดให้ทางบ้านของกิมเจ็งฟัง แป๊ะล้งกำลังป่วยหนัก รู้ข่าวเข้าก็ตรอมใจ แต่หลังจากนั้นไม่นาน กิมเจ็งก็ได้ประจักษ์ว่าผกาพรรณคบชู้ ด้วยความโมโหจึงเกิดมีเรื่องกับเชิดศักดิ์ โชคร้ายที่เชิดศักดิ์ล้มทับมีดของตัวเองตายทำให้กิมเจ็งตกเป็นฆาตกร หลังจากที่พ่อและแม่ของสามีตาย เง็กลั้งกับกิมตี่ต้องอาศัยศาลเจ้าเป็นที่ซุกหัวนอน เคราะห์กรรมซ้ำหนักเมื่อเง็กลั้งล้มป่วย กิมตี่จึงต้องออกขอทานหาเงินมาประทังชีวิต สองแม่ลูกเผอิญเห็นข่าวกิมเจ็งบนหน้าหนังสือพิมพ์ จึงพากันไปเยี่ยมกิมเจ็งที่ห้องขัง กิมเจ็งพ้นข้อกล่าวหาในที่สุด ชีวิตนักโทษ 6 เดือน ทำให้กิมเจ็งสำนึกผิด จึงกลับตัวกลับใจมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง
ไฟชีวิต (2499)
ไฟชีวิต (2499/1956) จากเมืองไทยไปรักกันในนครวิคตอเรีย แห่งฮ่องกง เพียงพายุฝนที่ช่องแคบเกาลูน...รักแท้ก็สลาย แล้วเธอก็พบเขาอีกในไร่หน้าเขาทโมนบนผืนแผ่นดินไทย แต่ด้วยลูกเล็กและผัวที่ไม่เคยรัก เมื่อถ่านไฟเก่าคุขึ้นอีก เธอกับเขาจะทำอย่างไร? ปัญหาชีวิตของเธอกับเขานั้น ขุนลีลาศาสตร์สุนทรยังไม่ได้ให้คำตอบ ...ท่านต้องดูเอาเอง เป็นภาพยนตร์สีธรรมชาติ ถ่ายทำในฮ่องกงแทบทั้งเรื่อง มนู ไปศึกษาวิชาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงและได้พบกับ จวนฟาง สาวจีนที่นั่น ทั้งสองคบหากันและสัญญาว่าจะกลับมาแต่งงานที่เมืองไทย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ต้องจบลงหลังการปรากฏตัวของเทพ ญาติของมนูที่ถูกส่งมาเป็นผู้จัดการบริษัทที่ฮ่องกงเทพหลงรักจวนฟางและพยายามสานสัมพันธ์ จวนฟางไม่กล้าปฏิเสธเพราะเห็นว่าเป็นญาติของมนู จนกระทั่งวันหนึ่งมนูนัดจวนฟางไปเลี้ยงฉลองรับปริญญา แต่จวนฟางมาช้า มนูสังหรณ์ใจว่าจวนฟางอาจจะไปหาเทพจึงตามไปพบทั้งสองอยู่ด้วยกัน และเข้าใจผิดว่าจวนฟางนอกใจ มนูเสียใจมากจึงตัดสินใจกลับเมืองไทยทันที 5 ปีผ่านไป มนูย้ายไปทำไร่ "ภูไท" ที่หน้าเขาทโมน แย้ม ลูกสาวผู้ใหญ่แหยมมาหลงรักมนู วันหนึ่งมนูได้รับจดหมายจากเทพบอกว่าจะมาพักผ่อนที่ไร่เพราะป่วยเป็นโรคประสาท ทำให้มนูได้พบกับจวนฟางอีกครั้ง เทพกับจวนฟางมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน มนูได้พูดคุยกับเทพและได้รู้ว่าเมื่อห้าปีก่อนจวนฟางไม่ได้นอกใจเขาทำให้มนูรู้สึกผิดและอยากปรับความเข้าใจกับจวนฟางเทพยอมสละจวนฟางให้มนู และออกจากไร่ภูไทในคืนนั้น ส่วนที่ไร่ภูไท จวนฟางตามหา หนูใหญ่ ลูกชายไม่พบจึงเข้าใจว่าเทพพาไปด้วย มนูช่วยออกตามหาหนูใหญ่ขณะที่เทพเดินผ่านหน้าผา โดยไม่รู้ตัวว่าหนูใหญ่เดินตามมา ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดหินดังสนั่นขึ้น เทพหันไปเห็นหนูใหญ่จึงรีบวิ่งไปช่วย แต่สายไปเสียแล้ว
ปีศาจคะนองรัก (2499)
ปีศาจคะนองรัก (2499/1956) ดนัย นักประพันธ์หนุ่มถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับ กานดา ลูกสาวของเพื่อน ดนัยทนพ่อรบเร้าไม่ได้จึงตอบตกลงแต่งงาน โดยมีเงื่อนไขว่าจะขอไปเขียนหนังสือที่อยุธยาให้เสร็จเสียก่อน ดนัยไปพักอยู่ที่บ้านเก่าๆ หลังหนึ่งที่อยุธยาซึ่ง ผ่อน เลขานุการของพ่อจัดการหามาให้ ที่บ้านหลังนี้ ดนัยได้พบปิศาจสาวที่ปรากฏตัวมาต่อว่าดนัยที่มาอยู่บ้านหลังนี้โดยไม่บอกกล่าวเสียก่อนแต่ในที่สุดปิศาจก็รับว่าล้อเล่นเพราะรู้จักดนัยเป็นอย่างดี วันหนึ่งดนัยได้พบกับ เรียม ที่วังโบราณและตกหลุมรักทันทีที่เห็นเช่นเดียวกับเรียม แต่เรียมโดนพ่อบังคับให้แต่งงานกับ นายใหญ่ ผู้มีอิทธิพล เรียมพยายามขอร้องไม่ให้ดนัยติดต่อกับเธอเพราะกลัวนายใหญ่ทำร้าย ดนัยจึงขอให้ปิศาจสาวช่วยเหลือ ปิศาจสาวปฏิเสธและเล่าให้ดนัยฟังว่า เมื่อสองร้อยปีก่อน ตนเคยถูกบังคับให้เป็นบาทบริจาริกาของสมัยพระพุทธเจ้าเสือ แต่ขัดขืนเพราะรักอยู่กับชายคนหนึ่งจึงฆ่าตัวตาย ผู้ชายคนที่ว่านั้นได้กลับมาเกิดใหม่คือดนัยนั่นเอง ต่อมา ดนัยได้รับจดหมายจากเรียมเรียกให้ไปพบ แต่เมื่อไปถึงที่หมายกลับพบนายใหญ่และพ่อของเรียมรุมทำร้าย ปิศาจสาวมาช่วยไว้ทัน เรียมส่งจดหมายหาดนัยหลังจากนั้นเพื่อบอกว่าได้แต่งงานแล้วกับนายใหญ่เพราะไม่อยากให้ดนัยโดนทำร้ายอีก ดนัยเสียใจมากหันเข้าหาสุรา ปิศาจสาวปรากฏตัวให้ดนัยเห็นเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับบอกว่าอีก 30 ปี จึงจะได้พบกันอีกที่บ้านหลังนี้ ดนัยจึงกลับไปแต่งงานกับกานดา เมื่อถึงกำหนด ดนัยกลับมาตามสัญญาที่ให้ไว้กับปิศาจสาวและเสียชีวิตที่บ้านหลังเดิม ปิศาจสาวจึงมารับวิญญาณตามสัญญา
ดาวเรือง (2499)
ดาวเรือง (2499/1956) ดาวเรือง กับ สันทราย เกิดและเติบโตที่อ่าวเกล็ดแก้ว ทั้งสองเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก จนกระทั่งเพาะบ่มเป็นความรักฉันท์หนุ่มสาว วันหนึ่ง มีนักวาดภาพชื่อ จิตกร เจนจิตร มาขอให้ดาวเรืองเป็นแบบวาดภาพชื่อ "นางเงือก" และเสนอเงินค่าตอบแทนให้ ดาวเรืองรีบนำเงินกลับมาที่บ้าน แต่กลับพบเจ้าหนี้กำลังมาทวงเงิน แม้จะเอาเงินค่าจ้างเป็นแบบจ่ายหนี้ไปแล้ว แต่ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด ดาวเรืองจึงตัดสินใจไปหางานทำที่กรุงเทพตามคำชักชวนของ หาด เพื่อนบ้าน และไปทำงานที่ร้านอาหาร ที่นั่น ดาวเรืองได้พบกับเจ้าของโรงแรมนิทราซึ่งกำลังหาคนไปทำงานด้วย ดาวเรืองจึงชวนสันทรายและวารี พี่สาว มาทำงานด้วยกัน แต่จู่ๆ ตาของสันทรายก็เกิดอาการปวดและเริ่มมองไม่เห็น ดาวเรืองยอมทำงานทุกชนิด เพราะหวังจะเก็บเงินไปใช้หนี้ เมื่อลัดดากับเฉียบ สองนักพนันมาเสนอให้ดาวเรืองเป็นนางนกต่อในบ่อนของท่านอิทธิพลดาวเรืองจึงตกปากรับคำอย่างว่าง่าย ท่านอิทธิพลเอ็นดูดาวเรืองประหนึ่งลูกสาวซื้อสิ่งของมากมายประเคนจนเธอหลงระเริงในทรัพย์สมบัติที่ได้รับ หารู้ไม่ว่าท่านอิทธิพลวางแผนจะเอาดาวเรืองเป็นเมียโดยสร้างสถานการณ์อันแยบคายจัดฉากให้ดาวเรืองเป็นผู้ร้ายฆ่าคน ดาวเรืองตกหลุมพรางจึงขอร้องให้ท่านอิทธิพลช่วยและตกเป็นของท่านอิทธิพลตามแผน จนกระทั่งวันหนึ่ง ดาวเรืองแอบเห็นชายฉกรรจ์ที่ตัวเองฆ่าในบ้านของท่านอิทธิพล จึงได้รู้ว่าตัวเองถูกหลอก ดาวเรืองเสียใจมากจึงหนีกลับไปที่อ่าวเกล็ดแก้ว ซึ่งบัดนี้ แม่บังเกิดเกล้าได้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนสันทรายกลายเป็นคนตาบอด ท่านอิทธิพลกลัวดาวเรืองจะเปิดเผยเรื่องของตนจึงสั่งให้เฉียบไปจับดาวเรืองมาขังในซ่องลับ เฉียบขู่ให้ดาวเรืองกลับไปทำงานต้มตุ๋นเหมือนเคยไม่งั้นจะโดนสาดน้ำกรดแต่ดาวเรืองไม่ยอม เมื่อหันไปฟ้องอิทธิพลกลับถูกตบตี ขวดน้ำกรดที่วางอยู่หกราดใบหน้าดาวเรือง ดาวเรืองกระชากปืนจากอิทธิพลยิงกระหน่ำเฉียบ ลัดดา และอิทธิพลเพื่อระบายความแค้น แต่ตัวเองก็ต้องโดนจับต้องโทษประหารชีวิต ระหว่างที่ดาวเรืองถูกคุมขังอยู่ในคุก มีนักวาดภาพคนหนึ่งมาติดต่อพัสดีให้หาคนหน้าตาอัปลักษณ์มาเป็นแบบวาดภาพ “ผีเสื้อสมุทร” พัศดีจึงพาดาวเรืองออกมา บัดนี้นางเงือกได้กลายร่างเป็นผีเสื้อสมุทรเสียแล้ว จิตรกรสงสารในโชคชะตาของดาวเรือง จึงไปตามสันทรายและวารีมาร่ำลาดาวเรืองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไปรับโทษทัณฑ์ที่ดาวเรืองทำไว้
พรานสังคม (2499)
พรานสังคม (2499/1956) เพราะไม่เคยมีความรัก เมื่อถูก ชัช หนุ่มนักศึกษาป้อนคำหวาน นงนุช จึงตกหลุมพรางอย่างง่ายดาย แม้นงนุชจะอายุมากกว่าชัชกว่าสิบปีก็ตามนงนุชเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่งตัวทันสมัยขึ้น จนในที่สุด ก็ตกเป็นของชัชด้วยความยินยอม แม้ชัชจะกลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพ นงนุชก็ยังคงปรนเปรอชัชทั้งร่างกายและเงินทอง แต่เมื่อชัชกลับมาที่กรุงเทพ กลับแอบไปมีความสัมพันธ์กับ รจนา นักศึกษาสาวจนเธอตั้งครรภ์ ชัชปฏิเสธความเป็นพ่อและไล่ให้รจนาไปทำแท้งโดยอ้างว่าไม่มีเงินเลี้ยงดู แต่รจนายืนยันว่านั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะพี่สาวที่คอยส่งเสียเธอมีฐานะดี ชัชจึงยอมตกลงแต่งงาน รจนากลับไปบอกเรื่องราวที่บ้านเกิดและโทรเลขตามชัชเพื่อเข้าพิธีแต่งงาน ชัชตามมาที่บ้านของรจนาแล้วก็ต้องตกใจเป็นอันมาก เพราะที่นั่นคือบ้านของนงนุช นงนุชพยายามขัดขวางการแต่งงานทำให้ชัชไม่พอใจถึงกับจ้างคนมาฆ่านงนุชแต่ไม่สำเร็จ ส่วนรจนาไม่เข้าใจว่าทำไมพี่สาวถึงคัดค้านการแต่งงานทั้งที่ตอนแรกอนุญาต นงนุชจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้รจนาฟัง รจนาผิดหวังเสียใจมากจึงยิงชัชเพราะความเคียดแค้น
ริมธารรัก (2499)
ริมธารรัก (2499/1956) เพราะฐานะที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อ วิชิต ริอาจเด็ดดอกฟ้าอย่าง อมรา จึงถูกคุณหญิงเกษรรังเกียจเดียดฉันท์ ยิ่งวิชิตย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของฝ่ายหญิงหลังแต่งงาน ความสัมพันธ์ของแม่ยายลูกเขยก็ดูจะรุนแรงขึ้น ไม่ไกลจากคฤหาสน์ของคุณหญิงเกษร มีกระท่อมหลังเล็กของ เง็กท้อ ม่ายสาวซึ่งกำลังพยาบาลแม่ที่กำลังป่วยหนัก เพราะความข้นแค้นอย่างสาหัสทำให้เง็กท้อไม่มีเงินไปซื้อยาให้แม่ เมื่อเห็นวิชิตทำกระเป๋าเงินตก จึงไม่อาจระงับใจ เอื้อมมือไปขโมยกระเป๋าที่ตกอยู่ แต่วิชิตหันมาเห็นทัน ซักถามจนได้ความก็เกิดเห็นใจเง็กท้อ และให้เงินช่วยเหลือแม้จะไม่สามารถช่วยแม่ของเง็กท้อได้ทันเวลาก็ตาม ฮวยเกียว เพื่อนของเง็กท้อซึ่งดำรงชีพด้วยการเป็นโสเภณี ช่วยหางานเย็บผ้าให้เง็กท้อทำประทังชีวิต ส่วนวิชิตซึ่งอยากลบคำปรามาสของแม่ยายจึงเคี่ยวกรำทำงานจนตาบอดสนิท คุณหญิงเกษรฉวยโอกาสยุแยงให้อมราเลิกกับวิชิตไม่เว้นแต่ละวัน จนกระทั่งวิชิตถูกคุณหญิงเกษรด่าว่าเป็นตัวทำลายชีวิตของอมรา เขาจึงยอมออกจากชีวิตของเมียรักด้วยความเต็มใจ จนกระทั่งมาล้มอยู่ที่หน้ากระท่อมของเง็กท้อ อมราเสาะหาวิชิตอย่างไม่ลดละ แม้จะถูกคุณหญิงเกษรทัดทานเพียงใด โดยไม่รู้ว่าวิชิตมาพักที่กระท่อมของเง็กท้อ ด้วยสำนึกในบุญคุณเป็นทุนเดิมเง็กท้อจึงทอดกายให้ชายหนุ่ม แม้จะรู้ว่าเขามีภรรยาแล้วก็ตาม เง็กท้อยังพยายามหาเงินมารักษาตาของวิชิตถึงขนาดยอมขายตัว จนหาเงินผ่าตัดดวงตาให้วิชิตได้สำเร็จ เมื่อใกล้ถึงวันที่หมอจะเปิดผ้าเปิดตา เอิบ คนสนิทของอมราสืบหาวิชิตจนพบ และเล่าว่าอมรายังคงซื่อตรงต่อวิชิต เง็กท้อได้ยินเข้าก็สะท้อนใจ เมื่อหมอเปิดตาวิชิต จึงหลอกว่าตนเป็นเพื่อนของเง็กท้อ วิชิตเห็นเง็กท้ออยู่ตัวคนเดียวจึงชวนมาอยู่ด้วย ไม่นานนักเง็กท้อก็แสดงอาการว่าตั้งครรภ์ แม้จะคาดคั้นแค่ไหนก็ไม่ยอมปริปากบอกว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้อง จนวิชิตโมโหขับไล่เง็กท้อออกจากบ้านเพราะกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง เง็กท้อเดินโผเผมายังท่าน้ำใกล้กระท่อมซึ่งเคยมาพลอดรักกับวิชิตอย่างหมดเรี่ยวแรง โชคดีที่ฮวยเกียวซึ่งแวะมาเยี่ยมเง็กท้อ จึงเล่าความจริงให้วิชิตฟัง วิชิตกับอมราจึงรีบมุ่งหน้ามายังกระท่อมของเง็กท้อด้วยความร้อนใจ
ดอกฟ้าและโดมผู้จองหอง (2499)
ดอกฟ้าและโดมผู้จองหอง (2499/1956) เมื่อหมดตัว โดม จึงถูก สารภี คนรักเก่าทอดทิ้ง เป็นเหตุให้โดมเกลียดชังผู้หญิงนับแต่นั้นมาแต่มีหรือที่โดมจะหนีพ้น เพราะถูกจับคู่กับ ม.ร.ว.แสงระวี ทิวากร หญิงสูงศักดิ์ผู้เย่อหยิ่ง เมื่อต้องมาเจอโดมผู้จองหอง ทั้งสองจึงต่อปากต่อคำกันทุกครั้งที่เจอหน้าอย่างไม่ลดราวาศอกกัน แต่ในที่สุด ทั้งสองก็แต่งงานกัน ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาก็เกิดขึ้น เมื่อ ม.ร.ว.แสงระวี เริ่มเห็นความดีในการหยิ่งในศักดิ์ศรีของโดม ส่วนโดมนั้นแอบชอบ ม.ร.ว.แสงระวี เป็นทุนเดิม ความรักจึงเกิดขึ้นโดยง่าย แต่ไม่วายก็มีเรื่องให้ทั้งสองขุ่นข้องหมองใจ เมื่อสารภีมาแสดงตัวว่าเป็นเมียเก่าของโดม และแล้ว วันที่โดมเลิกจองหองก็มาถึง เมื่อ ม.ร.ว.แสงระวี ตั้งครรภ์ โดมยอมลดศักดิ์ศรี ไม่สนกับคำครหาที่ว่าเกาะแสงระวีกิน ย้ายเข้าไปอยู่ในวังทิวาเวศม์แต่ครั้นโดนท่านป้าของ ม.ร.ว.แสงระวี ด่ากระทบกระเทียบอยู่บ่อยๆ อาการจองหองของโดมก็กำเริบ หนีไปทำเหมืองอย่างสมถะตามเดิม โดมหักโหมทำงานจนล้มป่วยละเมอเรียกหาแต่ เมียรัก เมื่อ ม.ร.ว.แสงระวี รู้เรื่องก็รีบมุ่งไปหาโดมแม้ว่าจะเกิดอุปสรรคอย่างไรก็ตาม
เสียแรงรัก (2499)
เสียแรงรัก (2499/1956) เพราะความมักใหญ่ใฝ่สูงของชดช้อยเมื่อเห็น ชวนพิศ น้องสาว คบหาอยู่กับ ณรงค์ ซึ่งมากมีในเงินทองจึงเกิดความริษยา ด้วยหน้าที่การงานทำให้ณรงค์ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ จึงไม่รู้ว่าชวนพิศกำลังตั้งครรภ์ ชดช้อยฉวยโอกาสใส่ร้ายว่าชวนพิศคบชู้กับ บุญธรรม คนขับรถแท็กซี่ ณรงค์ซึ่งกำลังช้ำใจดื่มเหล้าย้อมใจจนเมามาย ชดช้อยจึงยั่วยวนและตกเป็นของณรงค์สมอารมณ์หมาย ไม่นานนักทั้งสองก็จดทะเบียนแต่งงานกัน ชวนพิศก้มหน้าทำงานเลี้ยงดูลูกคนเดียวลำพังโชคดีที่มีบุญธรรมคอยช่วยเหลือ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เจ้าของรถแท็กซี่ขึ้นค่าเช่า บุญธรรมไม่มีเงินจ่ายจึงถูกยึดรถคืน เมื่อหมดทางทำมาหากินบุญธรรมจึงไปวิ่งราว แต่ถูกตำรวจจับ ส่วนชดช้อยเริ่มเบื่อหน่ายณรงค์จึงแอบคบชู้กับ เกษม คนรักเก่าแถมสมคบกันวางยาณรงค์ ดีที่ณรงค์รู้ทันจึงแจ้งตำรวจ ณรงค์จึงตาสว่างที่เคยหูเบาจนทอดทิ้งชวนพิศให้เผชิญชะตากรรมโดยลำพัง
ธาตุโลกีย์ (2499)

เรื่องย่อ : ธาตุโลกีย์ (2499/1956) เพราะความแค้นฝังอก เมื่อรู้ว่าประจัน อารีพ่าย พี่ชายกำลังจะแต่งงานกับบังอร สาวเชียงราย เจิดและพรรคพวกจึงบุกไปลักพาตัวเจ้าสาวในคืนแต่งงาน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นบังอรจึงไปค้นหีบเหล็กของเจิดและพบว่าในนั้นมีโกฏและเสื้อผ้าของผู้หญิงเจิดมาเห็นเข้าจึงเล่าความลับของตัวเองให้บังอรฟัง
     10 ปีก่อน เจิดรักใคร่อยู่กับ ทับทิม และกำลังจะแต่งงานกัน แต่แล้วในคืนแต่งงาน เจิดต้องมาพบทับทิมกับประจันกำลังมีอะไรกัน จึงบันดาลโทสะฆ่าทับทิมตายทำให้ต้องถูกจำคุก เจิดผูกใจเจ็บจึงแหกคุกมาล้างแค้นประจัน เมื่อรู้ว่าประจันมาเป็นนายอำเภอที่เชียงรายจึงแอบกบดานอยู่ที่หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง
     กะเรจอ หัวหน้าชาวกะเหรี่ยงได้ข่าวว่าประจันนำกำลังมาจับตัวเจิด จึงรีบมาบอกให้เจิดไปหลบในป่าเจิดจึงนำตัวบังอรไปด้วย ระหว่างทางหลบหนี บังอรจับไข้หนักทำให้เจิดเปลี่ยนใจพาบังอรกลับมายังหมู่บ้านและยอมมอบตัว ประจันจึงได้มีโอกาสอธิบายให้เจิดฟังว่าความจริงทับทิมเคยเป็นภรรยาของเขามาก่อน เจิดจึงคลายความแค้นและอยู่ที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงต่อไป

สายรุ้ง (2499)
สายรุ้ง (2499/1956) ร.อ.เวหาศ ถูก คุณหญิงราชทัณฑ์ผู้เป็นแม่บังคับให้แต่งงานกับ สายรุ้ง ลูกสาวของ บุตรีกับ เถ้าแก่งกกี่ เจ้าของโรงเลื่อยโรงสี แต่เวหาศรักอยู่กับ ราณี จึงพยายามปฏิเสธการแต่งงานเรื่อยมา สายรุ้งเองก็ไม่ได้มีใจให้เวหาศ เพราะคบหาอยู่กับพินิจและกำลังตั้งครรภ์ แต่สุดท้ายทั้งเวหาศและสายรุ้งก็ทนคำรบเร้าของผู้เป็นแม่ไม่ได้ คืนวันแต่งงาน สายรุ้งสารภาพกับเวหาศว่าตัวเองตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว แต่แฟนหนุ่มเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษโดยไม่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์ เวหาศจึงเกิดเห็นใจสายรุ้งและให้สัญญาว่าจะเป็นสามีแต่ในนามเท่านั้น หลังจากคลอดลูก สายรุ้งเพิ่งได้รู้ว่าแท้จริงเวหาศมีคนรักอยู่แล้ว จึงหาทางทำให้เวหาศและราณีกลับมารักกัน ส่วนตนเองหอบลูกน้อยหนีออกจากบ้าน เวลาผ่านไป สายรุ้งทราบข่าวว่าพินิจเรียนจบกลับมา จึงหอบลูกไปหาที่บ้าน แต่กลับถูกพินิจประณามและไม่ยอมรับว่าเป็นลูกของตน สายรุ้งเสียใจเดินตากฝนกลับบ้านและล้มป่วยลง โชคดีที่เวหาศตามมาพบจึงพาไปรักษาตัว เวหาศสำนึกที่สายรุ้งช่วยให้ตนเองสมรักกับราณี จึงไปอธิบายเรื่องทั้งหมดกับพินิจแต่กว่าพินิจจะเข้าใจก็สายไปเสียแล้ว
สุดสายใจ (2499)
สุดสายใจ (2499/1956) ระหว่างที่ วุฒิ วราภรณ์ คหบดีผู้มั่งคั่งเจ้าของกิจการปางไม้เดินทางไปญี่ปุ่น จ้าวระวีวงศ์ ซึ่งช่วยดูแลกิจการจับได้ว่า อนุวัฒน์ ผู้จัดการปางไม้วางแผนโกงบริษัทจึงไล่เขาออก อนุวัฒน์เคียดแค้นมาก แอบมาขืนใจ ดาวน้อย เด็กใบ้ที่มีปานดำบนหน้าบุตรบุญธรรมของวุฒิในคืนนั้น วัลลีย์ ชายาของจ้าวระวีวงศ์ ซึ่งลอบเป็นชู้กับ อัคนี หลานชายของวุฒิ พยายามผลักดันให้อัคนีได้เป็นผู้จัดการปางไม้คนใหม่ แต่ ศิริวรรณ ลูกสาวของวุฒิไม่เห็นด้วย เพราะอัคนียังเด็กเกินไป ระหว่างที่กำลังถกเถียงกัน วงสนทนาก็ได้รับข่าวร้ายว่าวุฒิเสียชีวิตที่ญี่ปุ่น เคราะห์กรรมจึงตกมาที่ดาวน้อยซึ่งได้รับมรดกเป็นกิจการปางไม้ วุฒิระบุในพินัยกรรมว่าดาวน้อยเป็นลูกสาวแท้ๆ ของตนเอง แต่ต้องปิดบังไว้เพราะอายที่ดาวน้อยพิการและหน้าตาอัปลักษณ์ วุฒิจึงขอมอบปางไม้แก่ดาวน้อยเพื่อเป็นการไถ่บาป โดยให้อยู่ในความดูแลของจ้าวระวีวงศ์จนกว่าดาวน้อยจะโตเป็นผู้ใหญ่ ศิริวรรณดีใจที่รู้ว่าดาวน้อยเป็นน้องจริงๆ ของตน ผิดกับวัลลีย์ที่เก็บงำความคิดอันชั่วร้ายภายใต้รอยยิ้มบนใบหน้า ศิริวรรณรู้สึกเป็นห่วงดาวน้อยเพราะเห็นความไม่ชอบมาพากลของวัลลีย์ แต่ไม่ทันไร ศิริวรรณก็ต้องตกใจเมื่อทราบข่าวจากหมอว่าดาวน้อยตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน ศิริวรรณจึงขอร้องให้ ธรณินทร์ คู่หมั้นของตนแต่งงานกับดาวน้อยเป็นการบังหน้าเพื่อช่วยคุ้มครองดาวน้อยผู้น่าสงสาร คืนวันแต่งงาน อนุวัฒน์ลอบเข้ามาขู่กรรโชกเงินกับดาวน้อยในห้องนอนตามคำยุยงของวัลลีย์ แต่เมื่ออนุวัฒน์ทำตามแผนกลับถูกวัลลีย์และอัคนีหักหลังจึงเกิดการต่อสู้ขึ้น อัคนีถูกยิงเสียชีวิต ธรณินทร์ได้ยินเสียงปืนจึงวิ่งเข้ามา วัลลีย์จึงใส่ร้ายว่าธรณินทร์เป็นฆาตกร พ.ต.ต.สม สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวธรณินทร์ไปขัง ส่วนตัวเองแอบสะกดรอยตามวัลลีย์จนรู้ว่าใครเป็นคนร้ายอนุวัฒน์ซึ่งซ่อนตัวอยู่จึงฆ่าวัลลีย์ปิดปากแล้วรีบหลบหนีแต่พลาดตกเขาเสียชีวิต ธรณินทร์จึงได้รับการปล่อยตัวและได้ครองรักกับศิริวรรณ คนรักที่แท้จริง
นางใบ้ (2499)
นางใบ้ (2499/1956) เรื่องความอาภัพของลูกผู้หญิงที่ ธรรมชาติก็ไม่ให้ความยุติธรรมแก่เธอ แล้วซ้ำมนุษย์ยังโหดร้ายต่อเธออีกเป็นซ้ำสอง (ที่มา: นิตยสารดาราไทย กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499) ท่านจะรันทดใจและเสียน้ำตาบ้างในความอาภัพของเด็กสาวผู้น่าสงสาร .. โดยกำเหนิดธรรมชาติได้ลงโทษเธอมา แต่ยังปราณีในการสร้างความงามให้เหนือ กว่าหญิงใดๆ ในด้านความรักเธอก็ไม่ด้อยกว่าใคร แม้กระนั้นมนุษย์ก็ยังทารุณกลั่นแกล้งเธอต่างๆ นาๆ นับแต่แม่ผัวตลอดจนน้องผัว (ที่มา: นิตยสารภาพยนตร์ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499)
แก้วตานาง (2499)
แก้วตานาง (2499/1956) ก้าน ก้อนทิพย์ นักแต่งเพลงซึ่งในอดีตเขาเลือกที่จะแต่งงานกับหญิงคนจน จึงเสียสละมรดกให้ กิ่ง น้องชาย ก้านมีลูกสาวชื่อ แก้วตา ซึ่งมีพรสวรรค์ในการแต่งเพลงเหมือนกับเขา แต่เคราะห์ร้ายที่แก้วตาประสบอุบัติเหตุทำให้ดวงตาทั้งสองบอดสนิท กิ่งสงสารพี่ชายและหลานจึงพามาอยู่ที่บ้าน โดยมีกาญจนาลูกสาวของกิ่งคอยให้ความช่วยเหลือ แต่แนบภรรยาของกิ่งกับกรองกาญจน์ ลูกสาวคนโตไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะศรายุทธชายหนุ่มมีฐานะที่กรองกาญจน์หมายปองเริ่มมีใจให้แก้วตา ก้านกับแก้วตาอึดอัดใจจึงขอกลับไปอยู่ที่กระท่อมดังเดิม ทว่าเพลงที่ก้านแต่งเริ่มขายไม่ออก ก้านเครียดจัดจนล้มป่วยลง แต่กรองกาญจน์ยังไม่เลิกพยาบาทแก้วตา จ้างโผนกับถมไปทำลายความบริสุทธิ์ของแก้วตา แต่ตัวเองกลับจะโดนข่มขืนเสียเอง ดีที่แก้วตาเข้ามาขัดขวาง โผนถูก ร.ต.ท.แชน จับเข้าคุกจึงอาฆาตแก้วตา แม้แก้วตาจะช่วยกรองกาญจน์เอาไว้ แต่ไฟริษยายังลุกโชนในใจของกรองกาญจน์ เมื่อศรายุทธพาแก้วตาไปบางแสน กรองกาญจน์จึงผลักแก้วตาตกเหวแต่แก้วตารอดมาได้ กรองกาญจน์สำนึกผิดวิ่งเตลิดตกเขาได้รับบาดเจ็บต่อมามีหมอชื่อ อุกฤษ เสนอตัวผ่าตัดดวงตาให้แก้วตาโดยไม่ยอมบอกว่าใครเป็นผู้จ่ายเงินค่ารักษา แต่เมื่อถึงกำหนดเปิดตา แก้วตาก็ต้องผิดหวังที่ยังคงมองไม่เห็น ซ้ำยังได้ข่าวว่าศรายุทธกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับกรองกาญจน์ วันแต่งงานถมมาบอกแก้วตาว่าโผนแหกคุกออกมาจะทำร้ายเธอร.ต.ท. แชน และพรรคพวกช่วยแก้วตาไว้ทัน โผนถึงแก่ความตาย ส่วนแก้วตาถูกเหวี่ยงจนสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาดวงตาที่เคยมืดสนิทกลับมองเห็นได้ กรองกาญจน์เสียสละศรายุทธให้แก้วตา และความจริงก็เปิดเผยว่าผู้ที่ออกเงินให้หมออุกฤษรักษาแก้วตาคือกรองกาญจน์นั่นเอง
โอ้ชนกชนนี (2499)
โอ้ชนกชนนี (2499/1956) ชาลี อินทรวิจิตร ดาวรุ่งแห่งโลกภาพยนตร์ยุคก้าวใหม่ และดาราสดใสเหนือเวทีละครในอดีต ซึ่งเป็นดาวส่องแสงในทางเสียงอยู่ในวงดนตรี "ประสานมิตร" มารับบทเศรษฐีผู้มีจิตใจเปี่ยมล้นไปด้วยความดี แต่ปัญหารักทำให้เขาต้องหนักใจมาก สาวหนึ่งมีความงามเสมือนดอกฟ้า แต่สังคมจัด อีกสาวหนึ่งมีความดีเด่นไปอีกคนละแนว ปัญหามีว่า เขาควรจะเลือกใครไว้ในอ้อมอก (ที่มา: หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499)
วิมานชีวิต (2499)
วิมานชีวิต (2499/1956) โศกนาฏกรรมความรักของ ดวงเดือน เด็กกำพร้าซึ่งถูกขายเพื่อชดใช้หนี้สิ้นที่พ่อของเธอก่อไว้เมื่อโตเป็นสาว เศรษฐีที่รับเลี้ยงพยายามจะเอาดวงเดือนเป็นเมียน้อย ดวงเดือนพยายามพูดจนเศรษฐีเห็นใจแต่ก็ต้องแต่งงานกับ บุญช่วย ลูกน้องของเศรษฐีซึ่งร่างกายพิการ แต่ในใจของดวงเดือนนั้นเป็นทาสรักของ ชาญ น้องชายของบุญช่วยโดยที่เขาไม่เคยล่วงรู้ จึงหาทางหนีเข้ากรุงเทพเพื่อใกล้ชิดกับชาญด้วยความช่วยเหลืออย่างดีของเกษม แต่เมื่อมาถึงกรุงเทพ เกษมก็เผยธาตุแท้ออกมาเพราะหวังจะเอาดวงเดือนเป็นเมีย ดวงเดือนหนีรอดมาได้ และไปอยู่กับเสี่ยเภาที่บ้านบางกะปิ บุญช่วยตรอมใจที่ดวงเดือนจากไปจึงขอร้องให้ชาญช่วยตามดวงเดือนกลับมา แต่บัดนี้ดวงเดือนกำลังหลงระเริงในทรัพย์สินเงินทองที่เสี่ยเภาปรนเปรอ ชาญผิดหวังในตัวดวงเดือนจึงไม่คิดจะพาเธอกลับไป เสี่ยเภานึกว่าดวงเดือนกำลังคบชู้กับชาญจึงไล่ตะเพิดดวงเดือนออกจากบ้าน เมื่อไม่มีคนส่งเสียเรื่องเงินดวงเดือนจึงหันไปเป็นพาร์ตเนอร์กับชูศรี อาการของบุญช่วยทรุดหนักลง จนชาญทนดูพี่ชายพร่ำเพ้อถึงดวงเดือนไม่ไหว จึงไปขอร้องให้ดวงเดือนช่วยกลับมาดูใจบุญช่วยเป็นครั้งสุดท้าย ดวงเดือนยอมทำตามคำขอของชาญ รุ่งขึ้น ชาญมาเยี่ยมบุญช่วยในวันถัดมา กลับพบหลุมศพของพี่ชายและกระดาษห่อยาพิษในบ้าน จึงเข้าไปต่อว่าดวงเดือนเพราะคิดว่าเธอเป็นคนลงมือฆ่าพี่ชาย ดวงเดือนสารภาพว่าตั้งใจจะทำเช่นนั้น เพราะคนที่ดวงเดือนรักคือชาญเพียงคนเดียว แต่บุญช่วยมาชิงตายเสียก่อน ชาญแสดงท่าทีรังเกียจดวงเดือน ทำให้ดวงเดือนเสียใจมากจึงฆ่าตัวตายด้วยยาพิษเสียเอง
คลุมถุงชน (2499)
คลุมถุงชน (2499/1956) ตัวเอกของเรื่องนี้เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลผู้ดีเก่า เขาได้รับการอบรมที่เข้มงวดจากคุณพ่อ เพื่อให้เขาเป็นคนมีอนาคต ครั้งหนึ่ง เขาแอบไปรักใคร่ชอบพอกับหลานสาวของคนสวนประจำบ้าน คุณพ่อไม่พอใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง สั่งไล่ทั้งคนสวนและหลานสาวออกจากบ้าน แต่ไม่นานก็เรียกตัวกลับมา เพราะไม่มีใครช่วยดูแลต้นไม้ดอกไม้ในสวน และเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอีก คุณพ่อจึงได้ส่งเขาไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส 5 ปีผ่านไป เขาเดินทางกลับมาไทย หลังจากเรียนจบ และได้ทราบว่าหลานสาวคนสวนที่ตนเคยหลงใหลได้แต่งงานย้ายออกจากบ้านไปเสียแล้ว ส่วนตัวเขาได้ถูกหมั้นไว้กับหญิงคนหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย เธอชื่อว่า ดวงแขในครั้งแรกที่ได้รับรู้เรื่องนี้ เขาแปลกใจที่คุณพ่อซึ่งเป็นคนหัวสมัยใหม่ แต่กลับใช้วิธีการคลุมถุงชนตามแบบโบราณคร่ำครึมาบังคับเขา แต่เมื่อนานวันไป เขานึกทบทวนถึงเหตุผลที่คุณพ่อทำเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะท่านเห็นความสำคัญของความเป็นครอบครัว ซึ่งชีวิตสมรสที่เริ่มต้นจากการเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน แล้วค่อยๆ เกิดความรู้สึกผูกพันกันทุกๆ วันจนเกิดเป็นความรัก ซึ่งความรักที่เกิดจากความผูกพันและการที่ได้เห็นน้ำใจกันทั้งสองฝ่ายนั้น ย่อมยั่งยืนกว่าความรักที่เกิดขึ้นเพียงเพราะทั้งคู่พึงพอใจในรูปโฉมภายนอกของกันและกันซึ่งนั่นเรียกได้ว่าเป็นเพียงแต่ความใคร่เท่านั้น ความใคร่ที่ย่อมมิอาจอยู่คงทนได้นาน เพราะต่างฝ่ายเมื่อหมดความใคร่ในตัวกันและกันแล้วก็มักจะพาลหมดรักตามไปด้วย หลังจากเขาตรึกตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงยอมสมรสกับดวงแข ชีวิตคู่ของเขาและเธอเป็นไปอย่างมีความสุข แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกลับไม่มีลูกด้วยกันเลย แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ทั้งๆ ที่หวังจะมีทายาทไว้สืบสกุลคุณพ่อได้เสนอให้เขาพาดวงแขไปที่เมืองไกลๆ ที่ไม่มีใครรู้จักแล้วจัดหาชายคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับเขา มาพบดวงแขในห้องมืด เพื่อเป็นผู้ทำให้ดวงแขตั้งครรภ์ วิธีนี้ประสบผลสำเร็จ ดวงแขตั้งครรภ์ตามใจปรารถนา แต่เธอก็นึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ลูกคนแรกของเธอกลับไม่ได้เกิดกับสามีที่เธอรัก เขาจึงได้เฉลยว่าทั้งหมดเป็นแผนของคุณพ่อเท่านั้น ผู้ชายในห้องมืดครั้งนั้นก็คือตัวเขา ซึ่งแท้ที่จริงแล้ววิธีการนี้เป็นเพียงอุบายทางจิตวิทยา เพราะดวงแขมีความรู้สึกที่ฝังอยู่ลึกๆ ในจิตใต้สำนึกว่าเขาและเธออาจจะมีลูกด้วยกันไม่ได้ จึงส่งผลบางอย่างกับร่างกายเธอจนไม่อาจตั้งครรภ์ได้จริงๆ แต่ถ้าแกล้งหลอกว่าเป็นคนอื่น ก็อาจจะช่วยสร้างความหวังสักนิด ทำให้เธอตั้งครรภ์ซึ่งก็ได้ผลสำเร็จ
หงษ์หยก (2499)
หงษ์หยก (2499/1956) ธาดา ทายาทตระกูลวิเศษสรการเดินทางมาทำธุรกิจที่ฮ่องกง และได้ตกหลุมรัก หลินฟ้า สาวชาวเรือ อิวหล่าน แม่ของหลินฟ้ากำลังป่วยหนักธาดาจึงจ้างหมอมารักษาเพราะสงสารหลินฟ้า แต่กลับถูกอิวหล่านแสดงท่าทีรังเกียจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนไทยธาดาไม่ละความพยายาม ตามตื้อจนหลินฟ้าใจอ่อนแต่หลังจากนั้นไม่นานธาดาก็ถูกตามตัวกลับกรุงเทพอิวหล่านจะบังคับให้หลินฟ้าแต่งงานกับเล่าตั๊ก เธอจึงหนีตามธาดามาเช่าบ้านของ นายบานเย็น ที่กรุงเทพ ธาดาซึ่งไม่เคยลำบากก็ล้มป่วยลง หลินฟ้าพยายามหาเงินด้วยการร้องเพลงในไนท์คลับ แต่ถูกธาดาเข้าใจผิดคิดว่าเธอนอกใจ ธาดาจึงกลับไปหาครอบครัวเพื่อจะแต่งงานกับ พรพิมล ตามความต้องการของแม่แต่พรพิมลไม่ได้รักธาดา ความเป็นอยู่ของหลินฟ้าค่อยๆขัดสน เมื่อนายบานเย็นมาเก็บค่าเช่า หลินฟ้าจึงต้องปลดสร้อยคอ "หงษ์หยก" ที่แม่เคยมอบให้แทนค่าเช่า เมื่อนายบานเย็นเห็นสร้อยคอหงษ์หยกก็จำได้ว่า เป็นสร้อยคอที่ตนเคยมอบให้กับผู้หญิงที่ตนรักเมื่อ 20 ปีก่อน นายบานเย็นจึงรีบขับรถไปหาหลินฟ้า ด้วยความประมาทจึงชนอิวหล่านเสียชีวิต นายบานเย็นพยายามแก้ตัวโดยการเกลี้ยกล่อมให้ธาดาหายเข้าใจผิด แต่สายเกินไปเพราะหลินฟ้าหนีกลับไปฮ่องกงแล้ว
สร้อยไข่มุกด์ (2499)
สร้อยไข่มุกด์ (2499/1956) เหมยรุ่นผู้ไร้เดียงสา จากลูกสาวจีนชาวนา มาพบชีวิตรักในคฤหาสน์ของผู้ดีตระกูลสูงศักดิ์ ม่วยสาวก็ต้องร่ำไห้ เมื่อพบว่าไม่มีใครหวังดีต่อเธอ ถูกกีดกันเพราะความต่ำศักดิ์ในที่สุด (ที่มา: นิตยสารภาพยนตร์ มกราคม พ.ศ. 2499)
สุดฟากฟ้า (2499)
สุดฟากฟ้า (2499/1956) เพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตกในสงครามทำให้ รุ่งทิวา แอร์โฮสเตส แฟนสาวของ ระวินทร์ นายทหารหนุ่ม หายไปอย่างไม่ทราบข่าวคราว ระวินทร์จึงเข้าใจผิดคิดว่ารุ่งทิวาเสียชีวิตแล้ว ครั้นเมื่อเดินทางไปสงครามที่เกาหลีเขาจึงพบรักกับ ซิหลิน สาวเกาหลี จึงพาเธอกลับมาหมายจะแต่งงาน ทว่าระวินทร์ต้องพบกับความจริงว่ารุ่งทิวายังไม่ตาย แต่เพราะรุ่งทิวานั้นรักระวินทร์จึงยอมเสียสละระวินทร์ให้ได้แต่งงานกับซิหลิน เขาจึงต้องจำยอม เมื่อถึงวันแต่งงาน ซิหลินกลับรู้สึกว่าเธอคงจะเข้ากับขนบธรรมเนียมไทยไม่ได้จึงจำใจจาก ให้ระวินทร์ได้ครองรักกับรุ่งทิวาตามเดิม
ชั่วฟ้าดินสลาย (2498)
ชั่วฟ้าดินสลาย (2498/1955) พะโป้ (เอม สุขเกษม) ราชาป่าไม้แห่งท่ากระดานจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งอายุกว่า 50 ปี ได้ตัดสินใจแต่งงานใหม่กับ ยุพดี (งามตา ศุภพงษ์) สาวน้อยวัยเพียง 20 ปี ซึ่งมีความรู้สูง เข้าสังคมเก่ง ยุพดีเดินทางมาอยู่ที่ค่ายท่ากระดาน และได้พบกับ ส่างหม่อง (ชนะ ศรีอุบล) หลานชายวัย 24 ปีของพะโป้ ซึ่งสำเร็จวิชาการป่าไม้จากประเทศพม่า และได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนอาของเขา ส่างหม่องเป็นชายหนุ่มรูปงามจึงทำให้ยุพดีสนใจเขามากกว่าคนอื่น เมื่อมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน ยุพดีจึงตัดสินใจได้ว่า คนที่เธอต้องการคือส่างหม่องมิใช่พะโป้ เวลาผ่านไป ยิ่งทำให้ความสนิทสนมของคนทั้งสองยิ่งเพิ่มมากขึ้น ยุพดีได้มีโอกาสบรรลุถึงความปรารถนาของตัวเอง แล้วทั้งสองก็แอบลักลอบพบกันอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะช่วงที่พะโป้ไปทำธุระในเมือง วันหนึ่งพะโป้ออกอุบายว่าจะไปธุระในเมืองอีกเพื่อหาโอกาสจับผิดบุคคลทั้งสองจนทราบความจริงพะโป้ได้แสดงความใจกว้างกับคนทั้งสองเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของยุพดีและส่างหม่องว่า "เราจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย" พะโป้จึงใส่กุญแจมือทั้งคู่ให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ชีวิตที่เริ่มต้นด้วยความรักความสดชื่น เมื่อต้องถูกพันธนาการ ความรักที่เคยมีต่อกันก็เริ่มลดน้อยลงจนกลายเป็นความชิงชังหน่ายแหนง จนเมื่อยุพดีตั้งท้อง ความอดทนของส่างหม่องก็ถึงวาระสุดท้าย เขาได้ลากยุพดีไปหาพะโป้ เพื่อขออิสรภาพคืน เมื่อพะโป้เสนอทางออกให้ด้วยความตาย ส่างหม่องก็ยอมรับทางเลือกนั้น
โรมรัญจวน (2498)
โรมรัญจวน (2498/1955) โรมรัญจวน เป็นภาพยนตร์สีวิจิตร 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2498 เสียงในฟิล์ม สร้างโดย วิจิตรเกษมภาพยนตร์ โดยมี บัณฑูร องค์วิศิษฐ์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง สร้างเรื่องและบทโดย ประทีป โกมลภิส กำกับการแสดงโดย พันคำ (พร้อมสิน สีบุญเรือง) ถ่ายภาพโดย วิเชียร วีระโชติ และให้เสียงพากย์โดย พันคำ - อำภาพรรณ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้ไปถ่ายทำถึงประเทศอิตาลี และมีนักแสดงไทยเพียงแค่สองคนตลอดทั้งเรื่อง
สี่สิงห์นาวี (2498)
สี่สิงห์นาวี (2498/1955) รบ! รัก! ชีวิต เสียสละ (ที่มา: นิตยสารตุ๊กตาทอง ธันวาคม พ.ศ. 2498)
เหยื่อกามเทพ (2498)
เหยื่อกามเทพ (2498/1955) พวงเพ็ญ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ นายเพียน คหบดีผู้มั่งคั่งซึ่งกำลังลงสมัครผู้แทนราษฎร ถูกพ่อซึ่งเป็นคนหัวโบราณนำไปกักตัวไว้ในที่ห่างไกลผู้คน เพราะห่วงว่าลูกสาวจะตกเป็นทาสสังคมสมัยใหม่ แต่เมื่อถึงวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น พวงเพ็ญจึงคบคิดกับพี่เลี้ยงปลอมตัวไปคลุกคลีกับชาวไร่ จนพบรักกับหนุ่มชาวไร่ซึ่งเข้าใจว่าพวงเพ็ญเป็นสาวใช้ และตกลงปลงใจปลูกเรือนอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยา นายเพียนได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนราษฎร โดยความช่วยเหลือเป็นอย่างดีของเพื่อนเก่า จึงคิดตอบแทนบุญคุณเพื่อนด้วยการประกาศยกลูกสาวกลางงานเลี้ยงหนุ่มชาวไร่ซึ่งบังเอิญเข้ามาในงานเลี้ยงได้ยินเข้า คิดว่าพวงเพ็ญเห็นชาวไร่เป็นของเล่น มิหนำซ้ำคนในงานยังดูถูกเหยียดหยาม หนุ่มชาวไร่จึงประจานพวงเพ็ญด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาทหนุ่มชาวไร่เอาชนะลูกผู้ดีได้ แล้วจากไปอย่างไม่แยแส พวงเพ็ญซึ่งไม่อยากแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อ จึงประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าหนุ่มชาวไร่เป็นสามีของตน นายเพียนจึงใจอ่อนยกพวงเพ็ญให้หนุ่มชาวไร่ในที่สุด
ขวัญใจคนจน (2498)
ขวัญใจคนจน (2498/1955) ด้วยความโลภมากของ ซูหลิน หลานสาวแท้ๆ ของ เจ้าสัวกิม ที่หวังจะฮุบสมบัติไว้คนเดียว จึงวางแผนให้ กิมซ้ง ผัวรักรวบหัวรวบหาง ซูหยิน ลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวกิม แต่แผนการก็ไม่ราบรื่นอย่างที่สองสามีภรรยาคาดการณ์ ตั้งแต่ กุ่ยเล้ง หนุ่มรถลากปรากฏตัว ในที่สุด กิมซ้งก็ลอบฆ่าเจ้าสัวกิมได้สำเร็จ กุ่ยเล้งจึงรีบพาซูหยินหนีไปอยู่ด้วยกัน จนมีลูกชายด้วยกันสองคนแม้เวลาจะผ่านไปถึงสามปี แต่กิมซ้งก็ไม่ยอมรามือ เพราะเจ้าสัวกิมได้ระบุไว้ในพินัยกรรม ยกมรดกให้คนที่มีแหวนประจำตระกูล กิมซ้งจึงควานหาตัวทั้งสอง ก่อนจะลงมือฆ่ากุ่ยเล้ง และจับตัวซูหยินมาบังคับขืนใจจนมีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่งชื่อ กิมสีหลิน 20 ปีผ่านไป เรียม ลูกชายคนโตของกุ่ยเล้ง มานะบากบั่นเรียนหนังสือจนได้เป็นครูประชาบาล หน้าตาของเรียมช่างละม้ายกุ่ยเล้งนัก ส่วน โรม น้องชายของเรียมเป็นคนรักสบาย ยิ่งรู้ว่าแม่ที่หายตัวไปมีฐานะดีก็เอาแต่ตามหาตัวแม่เพราะหวังในทรัพย์สมบัติ และแล้ววันหนึ่ง โชคชะตาก็นำพาให้เรียมได้พานพบกับ กิมสีหลิน น้องสาวต่างบิดาที่กำลังจะถูกสมุนของกิมซ้งลวนลาม กิมซ้งยังไม่ทิ้งสันดานชั่ว เอากิมสีหลินมาหลอกล่อให้โรมยอมเปิดเผยที่ซ่อนของแหวนประจำตระกูล โรมรีบกลับบ้านไปเค้นถามเรียมแต่ก็ไม่ได้ความ จึงถูกกิมซ้งจับตัวเพื่อเป็นเหยื่อล่อให้ซูหยินยอมบอกที่ซ่อนของแหวน ซูหยินสงสารลูก สารภาพหมดเปลือกว่าตนได้ให้แหวนไว้กับกุ่ยเล้งและฝังไปพร้อมศพของกุ่ยเล้ง กิมซ้งจึงตรงไปที่กระท่อมเก่าของกุ่ยเล้งเพื่อขุดหาแหวนประจำตระกูล เรียมซึ่งตามกิมซ้งมาเห็น เจ้าโป้ สมุนของกิมซ้งหักหลังเจ้านาย แต่กิมสีหลินที่มาถึงทีหลังเข้าใจผิดคิดว่าเรียมจะฆ่าพ่อจึงยิงเรียมล้มลงกิมซ้งได้เห็นหน้าชัดๆ ของเรียมก็นึกว่าผีกุ่ยเล้งมาเล่นงานตน ตกใจวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไปชนรถทับถึงแก่ความตาย