เคหาสน์สีแดง (2499)
เคหาสน์สีแดง (2499/1956) เพราะถูกอ้ายคนชั่วพรากความบริสุทธิ์ไปเมื่อหลายปีก่อน อัมภา จึงตั้งท้องกับ ชิต ด้วยความไม่ตั้งใจอัมภาคลอดลูกเป็นบุตรชายและทิ้งให้ชิตดูแล ส่วนตัวเองหนีไปมีครอบครัวใหม่และให้กำเนิด อารยา ชีวิตที่ดูจะราบรื่นกลับมลายลงอีกครั้งเมื่อพ่อของอารยาเสียชีวิต โชคดีที่ พลตรีพระยาพลแสน รับอุปการะอัมภาและลูกให้มาอยู่ที่เคหาศน์รุจิโรจน์ หรือที่คนรู้จักในนาม เคหาสน์สีแดง การปรากฏตัวของสองแม่ลูกสร้างความไม่พอใจแก่ รุจ รุจิโรจน์ ลูกชายของพระยาพลแสนเป็นอันมาก เพราะกลัวจะโดนแย่งความรักไปจากพ่อ พระยาพลแสนเข้าใจเรื่องนี้ดีจึงส่งรุจไปเรียนหมอที่อังกฤษ ไม่นานพระยาพลแสนก็ถึงแก่กรรมโดยทำพินัยกรรมมอบมรดกทั้งหมดแก่รุจ ส่วนอารยาให้รับรายได้จากกองมรดกเดือนละพันบาทตราบใดที่ยังอาศัยที่เคหาสน์สีแดง 8 ปีผ่านไป รุจเรียนจบจากอังกฤษ แต่ไม่ยอมกลับมาอยู่ที่เคหาสน์สีแดง เพราะยังรังเกียจอัมภา จนกระทั่งอัมภาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของชิต รุจจึงกลับมาอยู่ที่เคหาสน์สีแดง อารยาในวัย 17 กลายเป็นสาวงามทำให้รุจจิตใจหวั่นไหวแต่ต่อหน้ากลับแสดงท่าทีหมางเมินกลบเกลื่อนความในใจ วันหนึ่งรุจบังเอิญได้รักษา ชาญ ลูกชายของอัมภาที่เกิดกับชิต จึงได้รู้เรื่องราวในอดีตก็คลายทิฐิลง อารยาไม่สบายใจที่จะอาศัยในเคหาสน์สีแดงจึงไปปรึกษา ชาลี ลูกชายคุณนายพนาเวศเพื่อนบ้าน ชาลีแนะนำให้อารยาไปอยู่ที่ไร่รวงผึ้ง ของ ภาคินัย ซึ่งกำลังต้องการคนมาดูแล ภาคินี น้องสาวซึ่งพิการ รุ่งเช้า เมื่อรุจรู้ว่าอารยาหนีออกจากบ้านก็รีบชวน ขุนผจญคดี ทนายความประจำตระกูลออกตามหา ภาคินัยตกหลุมรักอารยาตั้งแต่แรกเห็น ทำให้เสาวรสซึ่งหมายปองภาคินัยอยู่หึงหวง หมอรุจถูกตามตัวมาจากกรุงเทพเพื่อรักษาภาคินี เมื่อเจอหน้าอารยาจึงได้โอกาสกล่าวขอโทษและขออารยาแต่งงาน แต่อารยาเล่าว่าภาคินัยก็เพิ่งจะขอเธอแต่งงานเหมือนกัน หมอรุจคิดว่าตัวเองหมดหวังกำลังจะขับรถกลับกรุงเทพ แต่อารยามาขวางไว้เพราะเพิ่งรู้ใจตนเอง
หนีเมีย (2499)
หนีเมีย (2499/1956) คุณพูนทรัพย์ หม้ายสาวฐานะดี ต้องมาแต่งงานกับคนไม่ได้เรื่อง เรียนไม่จบ แถมยังสำมะเลเทเมา เพียงเพราะเกรงใจพี่ชายของสามีในอนาคต ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันมาเป็นเวลานาน หลังจากแต่งงาน คุณพูนทรัพย์หาทางดัดนิสัยสามีโดยให้ไปทำงานเป็นเสมียนซึ่งทำให้เขาไม่ค่อยมีความสุขนัก เพราะไม่ได้ไปเที่ยวเตร่เหมือนแต่ก่อน ในบ้านของคุณพูนทรัพย์มีคนรับใช้อยู่หลายคนหนึ่งในนั้นเป็นสาวใช้รูปงามชื่อว่า ทับทิม สามีของคุณพูนทรัพย์พึงพอใจในตัวทับทิมมาก อยากจะได้มาเชยชมทับทิมเองก็แอบหว่านเสน่ห์ให้เจ้านายเพราะหวังจะรวยทางลัด เขาย่องเข้าห้องทับทิมหลายครั้ง จนวันหนึ่งทับทิมเกิดหายไปจากบ้าน ทิ้งไว้แต่จดหมายซึ่งมีใจความว่า การที่เธอต้องตกเป็นเมียเก็บคุณผู้ชายเจ้าของบ้านนั้นยังพอทน แต่คืนหนึ่งๆมีคนย่องเข้าห้องตั้งหลายคนทั้งคนสวน คนขับรถ ทำให้เธอสุดจะทน ขอลาไปตายเอาดาบหน้าซะยังดีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้คุณพูนทรัพย์โกรธมากไม่ยอมพูดจากับสามี เขาจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพราะไม่กล้าสู้หน้าเมีย สุนัขตัวโปรดของคุณพูนทรัพย์วิ่งตามเขาออกมา แม้จะไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมกลับเข้าไปในบ้าน ในที่สุดเขาจึงจำต้องยอมพามันไปด้วยกัน ระหว่างที่อาศัยอยู่ที่บ้านเพื่อนสนิท สามีของคุณพูนทรัพย์เริ่มรู้สึกสำนึกถึงความเหลวแหลกของตนเอง และระลึกได้ว่าคุณพูนทรัพย์นี่เองที่เป็นคนทำให้เขาเริ่มรู้สึกเป็นคนมีค่าขึ้นมาบ้าง 3 วันผ่านไป คุณพูนทรัพย์ก็มาปรากฏตัวที่บ้านเพื่อนสนิทของสามี เพื่อรับสุนัขกลับบ้านโดยไม่ชายตาแลสามีแม้แต่น้อย เขาพยายามง้องอนคุณพูนทรัพย์อย่างสุดกำลัง จนในที่สุดคุณพูนทรัพย์ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ หลังจากนั้น เขาก็ขยันขันแข็งเอาการเอาเงิน ไม่ยอมกลับไปเป็นคนไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมอีกต่อไป
จันทร์เจ้าขา (2499)

จันทร์เจ้าขา (2499/1956) ความรักระหว่าง เจียม แจ่มจันทร์ สาวใสซื่อบริสุทธิ์ กับ ร.ต. จิตต์ พีระกุล นายทหารหนุ่ม ถูกกีดกันจาก นางมงคล ป้าของเจียม ที่ต้องการให้เจียมได้แต่งงานกับ หลวงสัทธนะสิทธิ์ นักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงเจียมจึงหนีออกจากบ้าน กระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากจิตต์ให้มาอยู่ด้วยกัน แต่ทว่าจิตต์ดันมีสาวๆ มาเกาะแกะและมิวายที่บรรดาสาวเหล่านั้นจะคอยหาทางกลั่นแกล้งเจียมต่างๆ นานา เธอจึงต้องระหกระเหินออกจากบ้านจิตต์ไป ดีที่หลวงสัทธนะสิทธิ์มาเห็นเข้าจึงขอรับเธอไปอุปการะด้วยความรักและห่วงใยดุจลูกหลาน จนเจียมยอมแต่งงานด้วย ครั้นเรื่องรู้ไปถึงจิตต์ เขาจึงกลับมาพิสูจน์รักแท้ต่อหน้าเจียม และตัดพ้อเรื่องที่เจียมเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับชายอื่น หลวงสัทธนะสิทธิ์ได้ยินดังนั้นจึงออกมาเปิดเผยว่า การแต่งงานจัดขึ้นมาเพื่อให้เจียมได้พิสูจน์ใจจิตต์ว่าเขารักเธอจริงหรือไม่ เมื่อรู้ดังนั้นจิตต์และเจียมจึงได้ครองรักกันสมปรารถนา

เทพธิดาฮ่อ (2499)
เทพธิดาฮ่อ (2499/1956) 19 ปีก่อน น้อย ต้องสูญเสียพ่อแม่ในคราวเดียวกัน เพราะถูก บุญตา และ คำปัน โจรป่าดักปล้นระหว่างเดินทางไปเชียงใหม่ เคราะห์ดีที่ เลากวางสือ หัวหน้าชาวฮ่อมาช่วยไว้และเก็บน้อยไปเลี้ยงดู กว่า โห้ คนสนิทของ ขุนประจญศัตรูพ่าย พ่อของน้อย จะรู้สึกตัวชาวฮ่อก็เอาตัวน้อยไปเสียแล้ว ขุนประจญศัตรูพ่ายสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้โห้ออกตามหาน้อยและช่วยดูแล ใหญ่ ลูกชายคนโต เลากวางสือตั้งชื่อให้น้อยใหม่ว่า เลากวางรุ่ง จนกระทั่งเลากวางรุ่งโตเป็นหนุ่มก็ได้รับความไว้วางใจจากเลากวางสือให้ช่วยดูแลงานแทน วันหนึ่ง เลากวางสือให้เลากวางรุ่งเข้าไปในเมืองเชียงใหม่เพื่อดูลาดเลาก่อนทำการซื้อขายฝิ่นเถื่อนกับบุญตาและคำปัน ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นพ่อเลี้ยงทรงอิทธิพลที่สุดในจังหวัด ก่อนออกเดินทาง ฮ่องฟ้า ลูกสาวคนเดียวของเลากวางสือมาระบายความรู้สึกที่มีต่อเลากวางรุ่ง แม้จะสำนึกในบุญคุณของเลากวางสือและรู้ดีว่าก้องฟู่ แอบรักฮ่องฟ้ามานานแล้ว แต่เลากวางรุ่งก็ไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองได้ อีกฟากหนึ่ง พ่อเลี้ยงบุญตากำลังเตรียมการต้อนรับผู้กำกับตำรวจคนใหม่ คือ พ.ต.ท. เผชิญ เทพยากร และจ่าโห้ ญาติสนิท โดยการนำของ ร.ต.ท. เติมชัย วรพงษ์ พ่อเลี้ยงบุญตาตั้งใจจะโน้มน้าวให้ พ.ต.ท. เผชิญ มาเป็นพรรคพวกของตน แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายตกใจเมื่อได้เห็นหน้า พ.ต.ท.เผชิญ เพราะ พ.ต.ท. เผชิญ คืออดีตคนขับรถของตนนั่นเอง พ่อเลี้ยงบุญตาซ่อนความกลัวไว้ในใจเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมพ.ต.ท. เผชิญ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ค่ำวันหนึ่ง จ่าโห้ลอบเข้ามาสืบหาหลักฐานที่เฝ้าติดตามมาสิบกว่าปี เขามั่นใจว่าบุญตาและคำปันคือสองโจรที่ฆ่าเจ้านายของตน เลากวางรุ่งซึ่งมาหาบุญตาตามเวลานัดหมาย ได้พบจ่าโห้โดยบังเอิญ คืนวันแห่งความแค้นจึงหมุนย้อนมาเตือนทั้งสองอีกครั้ง เมื่อถึงวันนัดซื้อขายฝิ่น ก้องฟู่เดินทางมาที่บ้านบุญตาพร้อมแผนการฮุบเงินค่าฝิ่น ส่วน พ.ต.ท. เผชิญ ซุ่มวางกำลังจับกุมพ่อเลี้ยงบุญตา ร.ต.ท. เติมชัย เห็นท่าไม่ดีจึงหาทางเอาตัวรอด สารภาพว่าตนเป็นสายให้พ่อเลี้ยงบุญตายังไม่ทันขาดคำ ร.ต.ท. เติมชัย ก็ถูกสมุนของพ่อเลี้ยงฆ่าปิดปาก ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร พ่อเลี้ยงบุญตาเองก็หวังจะโกงค่าฝิ่น ทั้งสองฝ่ายจึงเกิดการปะทะกัน คำปันถูกก้องฟู่ยิงเสียชีวิตและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เลากวางรุ่งสบโอกาสยิงบุญตาเพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่ เมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย พ.ต.ท. เผชิญ ขอให้น้องชายกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่เลากวางรุ่งปฏิเสธเพราะเป็นห่วงเลากวางสือ เลากวางรุ่งรีบกลับไปที่แม่เสลี่ยงซึ่งบัดนี้ตกอยู่ในกองเพลิงด้วยน้ำมือของก้องฟู่ ชาวฮ่อหลายคนต้องเสียชีวิตลงรวมทั้งเลากวางสือ ก้องฟู่จับตัวฮ่องฟ้าพาไปยังดอยอีกลูกหนึ่ง เลากวางสือแอบสะกดรอยตามก้องฟู่เพื่อไปช่วยชีวิตฮ่องฟ้า
รักคุณเข้าแล้ว (2499)
รักคุณเข้าแล้ว (2499/1956) โทรเลขฉบับหนึ่งทำให้ วิเชียร มานะดีถูก ปราณีต เมียรักเพ็งเล็งอีกครั้ง เพราะเคยเป็นคนเจ้าชู้มาก่อน แต่แท้จริงแล้วผู้ที่ส่งโทรเลขมาคือ วัชรี มานะดี หลานสาวซึ่งกำลังจะมากรุงเทพ เมื่อถึงวันที่ 12 วิเชียรไปรับวัชรีที่สถานีรถไฟตามนัดหมาย แต่ก็หาได้เล็ดลอดสายตาของปราณีตไม่ เพราะนางได้แอบสะกดรอยตามผัวอย่างไม่คลาดสายตา วิเชียรไหวตัวทันถีบสามล้อหนีการจับกุมของผู้ที่เป็นเมีย อะไรๆ ก็ดูท่าจะไม่ราบรื่นไปซะหมด เมื่อวิเชียรพาวัชรีมายังหอพักที่ตนแอบเล็งไว้ ผู้ดูแลซึ่งหูหนวกและเจ้าระเบียบก็ดันเข้าใจผิดคิดว่านายวิเชียรเป็นพวกมารสังคม กว่าจะอธิบายจนเข้าใจก็เล่นเอาเหนื่อยหอบพอหาหอพักให้หลานสาวได้สำเร็จกลับเจอปราณีตยืนจังก้าอยู่หน้าหอ วิเชียรจึงหาทางออกด้วยการแกล้งเป็นลม ค่ำวันนั้น วัชรีต้องใจหายใจคว่ำเพราะเสียงโหวกเหวกของขี้เมาข้างห้อง ทราบชื่อว่าคือ สมศักดิ์ หนุ่มนักหนังสือพิมพ์ของสารเสรี ซึ่งกำลังดีอกดีใจที่ กานดาธิดาสาวของเจ้าคุณโหราธิบดีจะแต่งงานด้วย แต่แล้ววันต่อมา นายสมศักดิ์ก็ส่งเสียงดังโวยวายอีกในเวลาเดิม แต่คราวนี้เป็นเพราะถูกกานดายกเลิกการแต่งงาน จนแล้วจนรอด วัชรีก็ไม่เคยพบหน้าเจ้าขี้เมาข้างห้อง เพราะเวลางานที่แตกต่างกัน กระทั่งวันหนึ่ง วัชรีได้พบสมศักดิ์ที่ป้ายรถเมล์ในยามเช้า ชายหนุ่มตกหลุมรักวัชรีตั้งแต่แรกเห็น และพยายามหาทางทำความรู้จักแต่ก็ต้องคลาดกันทุกที ทนง หัวหน้าโรงงานน้ำอัดลมซึ่งวัชรีทำงานอยู่เป็นผู้มีนิสัยเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น เล็งวัชรีเป็นเป้าหมายต่อไป แต่วัชรีไม่คล้อยตาม มิหนำซ้ำยังเอาเรื่องไปฟ้องผู้จัดการจนทนงถูกไล่ออก ทนงผูกใจเจ็บ จ้างนักเลงมาดักทำร้ายวัชรี แต่สมศักดิ์มาช่วยไว้ทัน วัชรีทราบว่าหนุ่มนักหนังสือพิมพ์ที่ช่วยเธอไว้ก็คือขี้เมาข้างห้อง จึงหาโอกาสตอบแทนด้วยการแอบเข้าไปทำความสะอาดห้องให้ หนุ่มสาวข้างห้องเริ่มโคจรมาพบกันด้วยดี ถ้าหากไม่เข้าใจผิดกันเสียก่อน เพราะในขณะนั้น ปราณีตกำลังมาขอคำปรึกษาจาก สมศักดิ์ หลานชาย ส่วนวิเชียรฉวยโอกาสที่เมียไม่อยู่แวะมาเยี่ยมหลานสาว ความโกลาหลจึงเกิดขึ้น
เศรษฐีอนาถา (2499)

เรื่องย่อ : เศรษฐีอนาถา (2499/1956) เรื่องราวเกิดขึ้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพงวันนี้ นายจอน บางคอแหลม (เจิม ปั้นอำไพ) ก็เมาหัวราน้ำสร้างความอิดหนาระอาใจต่อเพื่อนเจ้าหน้าที่รถไฟเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้ เขาโชคดีได้มาเจอกับ ประพนธ์ ธนพิทักษ์ (เสถียร ธรรมเจริญ) หนุ่มมหาเศรษฐีที่เพิ่งอกหักจาก กันทิมา (ระเบียบ อาชนะโยธิน) ช่างตัดเสื้อสาว จึงมานั่งดื่มเหล้าคลายเครียดบนรถไฟและนึกสนุกมอบเงินให้นายจอนสิบล้านบาท หลังจากที่คุยกันถูกคอเรื่องความรวยความจน โดยมีข้อแม้ว่านายจอนจะต้องใช้เงินคืนเขาให้หมดภายในหนึ่งปีก่อนจะแยกจากกัน

          เรื่องดำเนินไปด้วยความครื้นเครง กระทั่งประพนธ์รู้ว่านายจอนคือพ่อของกันทิมา จึงพยายามหาทางพิชิตใจเธอ แต่ความก็ดันมาแตก กันทิมาน้อยใจคิดว่าประพนธ์วางแผนเพื่อให้ได้ตัวเธอ นายจอนจึงต้องเข้ามาช่วยประสานรอยร้าวให้ทั้งสองเข้าใจกัน ประพนธ์และกันทิมาจึงได้รักกันสมปรารถนา
กาหลงรัง (2499)
กาหลงรัง (2499/1956) เพราะความใสซื่อบริสุทธิ์ของ บัวงามสาวคนงานในบ้านของ พ่อเลี้ยงพร เศรษฐีเชียงใหม่ทำให้เธอต้องถูก นายกำพล คนสนิทของพ่อเลี้ยงหลอกลวงและพรากพรหมจรรย์ของเธอไปเสียสิ้น ซ้ำนายกำพลยังใช้ความเลวของตนลักลอบเป็นชู้กับ ปราณีต ภรรยาสาวของพ่อเลี้ยงและพาปราณีตหนีไปเสวยสุขกันที่สงขลา เมื่อความรู้ไปถึงพ่อเลี้ยงจึงบอกให้บัวงามไปตามกำพลกลับมาเพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้อง แต่กำพลกลับไม่ยอมทำตามด้วยเห็นว่าบัวงามเป็นเพียงหญิงยากจน ผิดกับปราณีตที่พร้อมจะปรนเปรอเขาด้วยรสรักและเงินทองบัวงามจึงต้องชอกช้ำกลับมา แต่ในระหว่างที่เดินทางกลับบัวงามได้พบกับ ดุสิต และ วณี สองสามีภรรยาผู้แสนดี ซึ่งได้มาเห็นสภาพของบัวงามที่กำลังโศกเศร้าจึงเข้ามาปลอบโยน
สร้อยฟ้าศรีมาลาลุยไฟ (2499/1956) จมื่นไวย์วรนารถ หรือ พลายงามลูกชายของนางวันทองกับขุนแผนรับราชการอยู่กรุงศรีอยุธยา อาศัยอยู่กับ ทองประศรี ซึ่งเป็นย่ากับ พลายชุมพล น้องชาย จมื่นไวย์มีนิสัยถอดแบบมาจากขุนแผนทุกประการ ทั้งความเก่งกล้าและความเจ้าชู้ โดยมีภรรยาสองคนคือ สร้อยฟ้า ลูกสาวเจ้าเมืองเชียงอินทร์ กับ ศรีมาลา ลูกสาวเจ้าเมืองพิจิตร สร้อยฟ้าและศรีมาลามักจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเพราะความหึงหวงกันอยู่เสมอ วันหนึ่งคนสนิทของทั้งสองทะเลาะกัน เจ้านายเลยเข้าไปช่วย เมื่อจมื่นไวย์กลับจากงานจึงถามสาเหตุ แต่สร้อยฟ้ากลับถลาเข้าหาศรีมาลา จมื่นไวย์เหลืออดตบหน้าสร้อยฟ้า เป็นเหตุให้สร้อยฟ้าเจ็บใจหันไปพึ่ง เถรขวาดกับเณรจิ๋ว ทำเสน่ห์ให้จมื่นไวย์และทองประศรีลุ่มหลง หลังจากนั้นศรีมาลาเหมือนตกอยู่ในขุมนรกเพราะถูกสร้อยฟ้าหาเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน พลายชุมพลซึ่งเห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด ทนดูความอยุติธรรมไม่ไหวจึงไปเล่าให้ขุนแผนฟัง สร้อยฟ้าใส่ไฟกล่าวหาว่าศรีมาลามีชู้ ศรีมาลาเสียใจมากจะผูกคอฆ่าตัวตาย แต่ขุนแผนพระพิจิตรและพลายชุมพลมาทันเวลา พระพิจิตรไปกราบทูลพระพันวษาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระพันวษาให้พลายชุมพลและกุมารทองไปจับตัวเถรขวาดกับเณรจิ๋ว ทั้งสองสารภาพและแก้เสน่ห์ให้ พระพันวษาให้สร้อยฟ้าและศรีมาลาพิสูจน์ความจริงด้วยการลุยไฟศรีมาลาผู้บริสุทธิ์สามารถเดินผ่านกองไฟได้แต่สร้อยฟ้าไม่กล้า พระพันวษาจึงตัดสินประหารชีวิตสร้อยฟ้า แต่ศรีมาลาขอร้องให้พระพันวษาเห็นแก่ชีวิตที่กำลังอยู่ในครรภ์ของสร้อยฟ้า พระพันวษาจึงยอมอภัยโทษแต่เนรเทศสร้อยฟ้าออกจากกรุงศรีอยุธยา
สุภาพบุรุษเสือผา (2499)
สุภาพบุรุษเสือผา (2499/1956) เป็นเรื่องของคนดีๆ ต้องกลับกลายเป็นเสือไป เพราะความทารุณโหดร้ายของผู้ทรงอิทธิพล บุคคลที่ขึ้นชื่อว่ามีการศึกษาดี แต่ความเป็นเสือของเขาหาใช่เป็นเสือร้ายใจทมิฬหินชาติที่ไหนไม่ แต่กลับเป็นเสือที่เต็มไปด้วยคุณธรรมมุ่งสังหารแต่คนที่ผิดเท่านั้น จึงได้รับการยกย่องว่าเป็น "สุภาพบุรุษ" (ที่มา: นิตยสารตุ๊กตาทอง ธันวาคม พ.ศ. 2499)
7 มุมเมือง (2499)
7 มุมเมือง (2499/1956) ณ กองปราบสามยอด บนโต๊ะของ ร.ต.อ.ปราโมทย์ สารวัตรใหญ่เต็มไปด้วยแฟ้มประวัติอาชญากรที่กำลังออกอาละวาดอยู่ทุกมุมเมือง คนแรกคือพ่อเลี้ยงผู้มีอิทธิพลทางภาคเหนือประกอบการค้าของผิดกฎหมาย อีกคนคือ สะพรั่ง มือปืนชื่อดังในจังหวัดสุพรรณบุรี จากปากน้ำโพจนถึงตะพานหินไม่มีใครไม่รู้จัก แพรว นักต้มตุ๋น เหยี่ยว ขโมยมือฉมังชื่อดังในปักษ์ใต้ กบินทร์ นักย่องเบาฉายาไอ้ตีนแมวอาละวาดแถบอรัญประเทศ ชล ฆาตรกรซึ่งฆ่าคนมาแล้วทั่วจังหวัดชลบุรี และ เพลิง นักรีดไถประจำจังหวัดเพชรบุรี สารวัตรใหญ่คิดจะใช้ไม้เบาจึงเรียกโจรทั้ง 7 มุมเมืองเข้ากรุงเทพเพื่อตักเตือน แต่กลายเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งเจ็ดจับมือกันปล้นกรุงเทพ โดยที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมได้ วันหนึ่ง ชลพบ เคลือ นอนสลบอยู่กลางถนน จึงนำตัวมาพักฟื้นที่รังโจร เคลือมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากอดอาหารและไม่มีที่อยู่ ทั้งเจ็ดจึงขอให้เธอช่วยดูแลเรื่องอาหารและทำความสะอาดรังโจรแลกกับที่อยู่อาศัย ทั้งเจ็ดเริ่มขัดแย้งกันเพราะต่างหลงใหลในตัวเคลือยกเว้นชลที่คอยสังเกตอยู่เงียบๆ วันหนึ่ง ตำรวจได้เบาะแสว่าทั้งเจ็ดจะปล้นบ้านเศรษฐี จึงส่งกำลังออกไปจับกุมแต่ทั้งเจ็ดก็หนีรอดไปได้ ชลถูกกระสุนบาดเจ็บแต่ได้เคลือช่วยพยาบาล ชลจึงเริ่มรักเคลือ ต่อมาพ่อเลี้ยงวางแผนปล้นโรงภาพยนตร์ โดยตกลงกันว่าจะทำเป็นครั้งสุดท้าย แต่ตำรวจตามติดมาถึงรังโจรจนเกิดการปะทะกันขึ้น กบินทร์กับเพลิงขัดแย้งกันเรื่องส่วนแบ่งจึงฆ่ากันเอง ส่วนที่เหลือถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ยกเว้นชลที่ยอมจำนนรับโทษในคุก
สามรักในปารีส (2499)
สามรักในปารีส (2499/1956) เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นที่กรุงปารีสทวิช พ่อค้าไทยเปิดร้านจำหน่ายสินค้าไทยกับ เชิด น้องชาย การค้าขายประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทวิชได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ มาเดอลีน หญิงสาวชาวฝรั่งเศสโดยนำมาอุปการะในบ้าน ด้วยความสำนึกในการช่วยเหลือของทวิช ทำให้มาเดอลีนเต็มใจที่จะแต่งงานกับทวิชแม้ว่าทั้งสองจะมีอายุต่างกันราวกับพ่อลูก วันหนึ่งทวิช ได้รับจดหมายให้ตามตัว ยุทธนา หลานชายซึ่งเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ การมาของยุทธนาสร้างความตื่นเต้นให้มาเดอลีนเป็นอย่างมากเพราะยุทธนานั้นเป็นคนรักเก่าของเธอที่ได้พลัดพรากจากกันเมื่อเกิดสงคราม มาเดอลีนบอกกับยุทธนาว่าเธอพร้อมที่จะหย่าขาดจากทวิช แต่ยุทธนาไม่ปรารถนาภาวิณี นักเรียนไทยในกรุงปารีส เกิดหลงรักยุทธนาอย่างเงียบๆ ด้วยความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้ยุทธนาพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับภาวิณี
นักสืบพราน ตอน จำเลยไม่พูด (2499)
นักสืบพราน ตอน จำเลยไม่พูด (2499/1956) ขุนวนกิจบำรุง ติดต่อให้ พราน เจนเชิง นักสืบหนุ่มช่วยคลี่คลายคดีฆาตกรรมซึ่ง อรัญญา ลูกสาวของตนตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม วิกรม สามีเศรษฐีอยุธยาเพราะอรัญญาปิดปากเงียบไม่ยอมให้การใดๆ หลังจากถูกจับกุม ทำให้การสืบสวนเป็นไปอย่างยากลำบาก พรานเริ่มงานโดยให้ เกรียง ศักดา สืบความเป็นมาของวิกรม อรัญญา และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่ตลาดหัวรอจ.อยุธยา และให้ พิชิต ผู้ช่วยอีกคนไปขอภาพถ่ายวันเกิดเหตุจากตำรวจ ส่วนตัวเองไปสืบข้อมูลจาก ร.อ. เถกิง พี่ชายของอรัญญา และได้รู้ว่าอรัญญากับวิกรมมีเรื่องระหองระแหงกันเรื่องชู้สาวมาสักระยะ ในวันเกิดเหตุ อรัญญาไปหาวิกรมที่อยุธยาเพราะโมโหที่ถูกถอดชื่อออกจากกรมธรรม์ การสนทนาจบแต่เพียงนี้ เมื่อ ร.อ. วิษณุ เพื่อนของเถกิงเข้ามาขัดจังหวะ ร.ต.อ. ผจญ เจ้าของคดีรู้สึกเสียหน้ามากที่พรานเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดี จึงสั่งให้คนสะกดรอยตาม เกรียงสืบได้ว่าวิกรมแอบเล่นชู้กับ มยุรี ส่งศรี และถูก ประพาศ สามีของตนรีดไถ พรานวางแผนหลอกล่อตำรวจจนสืบข้อมูลจากมยุรีได้สำเร็จ ก่อนที่ ร.ต.อ. ผจญ จะจับมยุรีไปกักขัง คืนนั้น พรานได้รับโทรศัพท์จากชายลึกลับเรียกไปพบตอนตีสอง ที่ถนนสนามม้า พรานโทรศัพท์ไปบอกร.ต.อ. ผจญ แต่ถูกเยาะเย้ยหาว่าโกหก จึงไปที่นัดหมายเพียงคนเดียว เมื่อถึงเวลา เก๋งดำคันหนึ่งห้อมาด้วยความเร็วสูงและกระหน่ำยิงนักสืบพรานจนแน่นิ่ง ร.ต.อ. พจน์ ซึ่งรู้เรื่องในภายหลังรีบนำกำลังตำรวจติดตามและต้อนเก๋งดำจนจนมุมปรากฏว่ามือปืน คือ ร.อ. วิษณุ นั่นเอง ตำรวจรีบไปช่วยชีวิตพราน แต่พบกับหุ่นจำลองที่พรานใช้ตบตาเพื่อจับกุมคนร้าย อรัญญาจึงได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระโดยความช่วยเหลือจากนักสืบพราน
ขุนศึกน่านเจ้า (2499)
ขุนศึกน่านเจ้า (2499/1956) ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ สมัยจักรพรรดิ์กุบไลข่านบุกไทย... เรื่องใหญ่ยิ่ง ใช้ผู้แสดงกว่า 2 พันคนและใช้เวลาสร้าง 2 ปี...
สเว็ตเตอร์สีแดง (2499)
สเว็ตเตอร์สีแดง (2499/1956) นเรนทร์ (ส. อาสนจินดา) ชายหนุ่มผู้มีฐานะยากจนแต่มีความมานะพยายามจนสามารถเดินทางมาศึกษาในอเมริกา ด้วยการรับจ้างทำงานเพื่อหาเงินเรียน และมีเงินที่ทางบ้านส่งมาให้เพียงเล็กน้อย ต่างกับหวั่นจิต (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง) ซึ่งเป็นลูกของครอบครัวที่มีฐานะดี จึงใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายและไม่สนใจการเรียน นเรนทร์พยายามตักเตือนให้หวั่นจิตสนใจการเรียนทำให้หวั่นจิตรู้สึกไม่พอใจ และพยายามโปรยเสน่ห์เพื่อให้นเรนทร์หลงใหล แม้ในใจนเรนทร์จะนึกรักหวั่นจิตแต่ก็ต้องพยายามหักใจ เพราะต้องการเรียนให้จบเพราะทราบว่าทางบ้านต้องขายที่นาเพื่อส่งเงินมาให้ เหตุการณ์พลิกผันเมื่อบิดาของหวั่นจิตเสียชีวิต ทางบ้านจึงเรียกตัวหวั่นจิตกลับบ้านแต่หวั่นจิตไม่ยอมกลับ ทางครอบครัวจึงงดส่งเงินมาให้ทำให้หวั่นจิตได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงประกาศหาผู้อุปการะ โดยมีนเรนทร์คอยช่วยเป็นกำลังใจ ต่อมามีผู้รับอุปการะมอบทุนการศึกษาให้หวั่นจิต ในนามมิสเตอร์แนโรว์ หวั่นจิตดีใจมากส่งข่าวให้นเรนทร์รับทราบ พร้อมกับมอบสเว๊ตเตอร์สีแดงที่เธอถักด้วยตนเองให้กับชายที่ตนเองรัก แต่นเรนทร์กลับใช้วาจาดูถูกหวั่นจิต ทำให้หวั่นจิตเสียใจมากจึงมุมานะเล่าเรียนอย่างจริงจังจนกระทั่งจบ ในขณะที่นเรนทร์เรียนจบก่อนและได้เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว หวั่นจิตเรียนจบแล้วจะเดินทางกลับจึงไปขอพบมิสเตอร์แนโรว์ เพื่อขอบคุณที่ให้ทุนการศึกษา จึงทราบความจริงว่ามิสเตอร์แนโรว์แท้จริงแล้วคือขจร (สาหัส บุญ-หลง) เพื่อนของนเรนทร์ และเงินทุนการศึกษาที่มอบให้หวั่นจิตนั้นคือเงินของนเรนทร์ที่พยายามทำงานเก็บเงินเพื่อมอบเป็นทุนการศึกษาให้หวั่นจิต หวั่นจิตเดินทางกลับประเทศและออกตามหานเรนทร์ แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อเธอมาพบนเรนทร์ขณะที่กำลังจะสิ้นใจเพราะป่วยหนัก โดยมีสเว๊ตเตอร์สีแดงอยู่ในอ้อมอก
ขุนไพร (2499)
ขุนไพร (2499/1956) เพียงลูกบ้านทำตนเป็นโจร ราษฎรก็เดือดร้อนกันจนนอนไม่หลับ แต่เมื่อผู้ใหญ่บ้านเป็นโจรเสียเอง เรื่องมันก็ถึงแหลกกันเท่านั้น! (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามนิกร ตุลาคม พ.ศ. 2499)
มรสุมสวาท (2499)
มรสุมสวาท (2499/1956) ความรักของหนุ่มไทยกับสาวพม่าที่มรสุมชักพาให้ทั้งสองได้พบกัน นารถ (จงรักษ์ จำรัสโรมรัน) นักข่าวหนังสือพิมพ์กับ สมพงษ์ (สมพงษ์ พงษ์มิตร) ช่างภาพคู่ใจ เดินทางไปทำข่าวการประชุมสภากรรมกรที่อินเดีย แต่ระหว่างการเดินทางเครื่องบินเจอมรสุมขนาดหนักจึงต้องแวะพักที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ทั้งสองจึงชวนกันไปเที่ยวเมืองเป็นการฆ่าเวลา ที่เจดีย์ชเวดากอง นารถกับสมพงษ์ได้พบกับ เมียวดี (ขิ่นเลส่วย) มัคคุเทศก์สาวซึ่งพูดภาษาไทยได้ และอาสาพาชายหนุ่มต่างเมืองเที่ยว นารถแอบเสียดายอยู่ลึกๆ ที่ต้องแยกจากเมียวดี แต่โชคชะตาก็ทำให้ทั้งสองได้พบกันครั้ง เมื่อนารถทำกระเป๋าสตางค์หาย เมียวดีจึงเสนอให้ทั้งสองมาพักที่บ้านระหว่างรอการติดต่อจากบริษัท ความสัมพันธ์ของนารถกับเมียวดีทำท่าว่าจะไปได้ดี ถ้าหากไม่มี มุตอ (ถวัลย์ คีรีวัต) คู่หมั้นของเมียวดีซึ่งไม่พอใจมากที่เห็นนารถมาติดพันเมียวดี จึงรีบมาทวงสัญญาล้างหนี้กับ บาตัน (เขียน คงราศี) พ่อของเมียวดี เร่งรัดการแต่งงานให้เร็วที่สุด หัวใจของเมียวดีซึ่งมอบให้นารถไปหมดแล้ว จึงไม่อาจบังคับใจให้แต่งงานกับชายอื่นได้ ความอัดอั้นในใจของเมียวดีทำให้โรคหัวใจกำเริบ นารถรีบโทรเลขไปขอเงินทางกรุงเทพเพื่อมาช่วยเมียวดี ทั้งสองพยายามใช้เวลาที่เหลือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่แล้ววันหนึ่ง เมียวดีเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากเนินเขา มุตอโมโหสุดขีดเมื่อรู้ว่าเมียวดีได้รับบาดเจ็บ ตรงเข้าไปทำร้ายนารถ จนบาตันต้องห้ามปรามบาตันพยายามเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นารถฟังและขอร้องให้นารถกลับกรุงเทพเพื่อเห็นแก่ครอบครัว นารถยอมทำตามแต่โดยดี แต่เมื่อเมียวดีฟื้นคืนสติและพบว่าคนรักได้จากไปแล้ว ก็เพ้อคลั่งจนหัวใจวายตาย

หน้าที่