รมดี (2501)
รมดี (2501/1958) ข้อความบนรูปโฆษณา เพราะความประทับใจจาก “มัสยา” “ปรารถนาแห่งหัวใจ” โดยทีมงานของ “ยูเนียนฟิล์ม” ก.ศยามานนท์ จึงเต็มใจมอบนวนิยายยาว ชิ้นเยี่ยมของเธอให้สร้างเป็นภาพยนตร์... ยูเนี่ยนฟิล์ม มอบให้ อมรา อัศวนนท์ เลือก “หนุ่มในฝัน” สำหรับคู่เคียงกับเธอเป็นครั้งแรก ระหว่างหนุ่ม 3 แบบ ใครเป็นผู้โชคดี อดิเรก จันทร์เรือง เลอศักดิ์ วีระภิญโญ มีศักดิ์ นาครัตน์ แนะนำให้หนุ่ม 3 แบบรู้จักกับท่าน ใครจะเป็นหนุ่มในฝันของ “รมดี” รมดี ของ ก.ศยามานนท์ ราวี บูรณชัย สร้างบทภาพยนตร์ ไพรัช สังวริบุตร ถ่ายภาพ คุณาวุฒิ กำกับการแสดง อำนวยการสร้าง โดย ศุภอัฐ ชวะโนทัย “รมดี” จะมาเป็นขวัญใจของคุณ ณ.โรงภาพยนตร์ เอ็มไพร์ ต้นสิงหาคมนี้แน่นอน
ไกรทอง (2501)
ไกรทอง (2501/1958) ไกรทอง เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย กองสวัสดิการกรมตำรวจ กำกับการแสดงโดย อ. อรรถจินดา (พ.ต.ท. อรรถ อรรถจินดา) และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิทานพื้นบ้านของไทย โดยเนื้อเรื่องภาพยนตร์เรื่องนี้จะเหมือนกับในหนังสือนิทาน
แววมยุรา (2501)
แววมยุรา (2501/1958) แววมยุรา ตัดสินใจลาออกเพราะถูกหัวหน้าตามตื๊อขอแต่งงาน วันหนึ่ง แววบังเอิญได้พบ จักร กังวาลไกล ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ตกหลุมรักและคอยตามจีบเธอ ทั้งสองจึงคบหาดูใจกันเรื่อยมา กระทั่งแววได้งานใหม่ที่เธอจะได้เงินเดือนและไม่ต้องไปทำงาน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามทำงานที่อื่นและห้ามแต่งงาน เธอจึงพยายามตามหาตัว คุณสยุมภูว์ ทศพลเจ้านายปริศนาคนนี้
ม่วยในฝัน (2501)

เรื่องย่อ : ม่วยในฝัน (2501/1958) เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ กิมเอง (ยวงพร พวงประดิษฐ์) กลับจากโรงเรียน ผ่านมาทางถนนสายเปลี่ยว ได้ถูกอันธพาลกลุ่มหนึ่งกลุ้มรุมทำร้าย เป็นขณะเดียวกับที่ นรชัย (ชนะ ศรีอุบล) มาตักปลาเค็มอยู่ในแถวนั้นได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากผู้หญิง ก็พาพวกของตัวเข้าขัดขวางอันธพาลกลุ่มนั้นไว้ได้ และก็พากิมเองไปส่งที่บ้าน เมื่อกิมเองพบกับเตี่ย (ทองฮะ วงษ์รักไทย) ในบ้านซึ่งเตี่ยเห็นสาระรูปของหอมเองเปรอะเปื้อนจึงซักไซร้ ไล่เลียงกิมเอง กิมเองจึงเล่าให้เตี่ยฟังในเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมด และเลยเล่าให้ฟังถึงเรื่อง นรชัยได้ช่วยเหลือไว้ด้วย จากนั้นเตี่ยก็ขอให้กิมเอง อุตส่าห์เล่าเรียนให้จบเร็วๆ จะจัดการแต่งงานกับกิมย้ง (ไฉน วิทยากล) ต่อมานรชัยและกิมเอง ก็เกิดความสนิทสนมกันขึ้นและคอยไปรับไปส่งเที่ยวเตร่ กันเสมอจนถึงวันโรงเรียนปิดเทอม กิมเองก็บอกกับนรชัยว่าอาจไม่มีโอกาสได้พบกันอีก หลายวันต่อมานรชัยก็มีโอกาสพบกิมเองอีกที่ร้านขายทอง แห่งหนึ่งจึงนัดแนะกันว่าจะพบกันใหม่เพราะวันนี้เตี่ยมาด้วย ถึงวันนัดกิมเองก็มาคอยพบนรชัย แต่ย้งขับรถมาก็เลยพากิมเองไป เมื่อพาไปหลายต่อหลายแห่งตามความประสงค์แล้วย้งก็พากิมเองมาส่งบ้านตามเดิมเป็นเหตุให้ กิมเองต้องรีบไปขอโทษนรชัยจนถึงที่บ้าน ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง ย้งกับพวกได้ปรึกษาหารือกัน ต้องการหาเงินก้อนหนึ่งเพื่อเอาไปซื้อของเถื่อนมาขายทั้งย้งเองก็หมดปัญญาไม่รู้จะไปเอาได้ที่ไหน ในที่สุดจึงลงความเห็นว่าจะไปเอาที่เสี่ยกิมเตี่ยของกิมเองนั่นเองการปรึกษาหารือของย้ง กับพวกเป็นเหตุให้ เซ้ง (พูลสวัสดิ์ ธีมากร) เพื่อนของนรชัยได้แอบได้ยินเข้า ในคืนนั้นเองย้งก็มาหาเสี่ยกิมขอร้องเรื่องเงินเมื่อย้งพูดเกลี้ยกล่อมอยู่พักใหญ่ เสี่ยกิมก็ตกลงมอบเงินให้ยิงไปเมื่อย้งออกไปแล้ว นรชัยก็พาพวกของเขามายังบ้านของเสี่ยกิม พบกับกิมเองเข้า กิมเองก็เล่าเรื่องให้ฟัง นรชัยกับพวกก็แยกย้ายกันกลับไป ทางกิมเองก็นำเรื่องราวที่ทราบจากเซ้งเล่าให้เตี่ยฟังว่าถูกต้มเสียแล้ว นรชัยมาถึงบ้าน ที่ย้งกับพวกนัดหมายขนของเถื่อนกัน พอดีกับย้งและพวกก็เตรียมขนของเถื่อนกันพอดี นรชัยเห็นท่าจะไม่ทันการ เพราะพรรคพวกและตำรวจที่นัดหมายไวิก็ยังมาไม่ถึง จึงตัดสินใจออกจากที่ซ่อนทำการขัดขวางไว้จนเกิดการต่อสู้กันขึ้นในที่สุด นรชัยก็ถูกลูกน้องของย้งตีด้วยไม้ที่ศีรษะสลบลง ย้งจะยิงซ้ำแต่ถูกห้ามไว้ ในที่สุดรถขนของเถื่อนก็เคลื่อนเข้ามา ยังร่างของนรชัย นรชัยจะรอดจากความตายหรือไม่

หลินฟ้า (2501)
หลินฟ้า (2501/1958) หลินฟ้า เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย พัฒนาการภาพยนตร์ โดยมี เมธี พูนบำเพ็ญ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ศิริ ศิริจินดา ถ่ายภาพโดย ชเนศร์ จรัสตระกูล กำกับภาพ-กำกับบทโดย จรัญ พันธ์ชื่น ฝ่ายเทคนิคโดย บรรจง มาลยมณฑล ถ่ายภาพนิ่งโดย วิบูลย์ ชนะศึก และให้เสียงพากย์โดย เสน่ห์ - เสถียร - ประไพ
ม่วยจ๋า (2501)
ม่วยจ๋า (2501/1958) ม่วยจ๋า เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย มิตรวัฒนาภาพยนตร์ โดยมี อุดม ฤทธิดิเรก เป็นผู้ดำเนินงานสร้าง กำกับการแสดงโดย ส.อาสนจินดา - อนุมาศ บุนนาค และถ่ายภาพโดย เนื่อง แผงจันทึก ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาจากบทเพลงของครูสุรพล โทณวณิก ที่ขับร้องโดย นริศ อารีย์ ปัจจุบันภาพยนตร์เรื่องนี้มีเพียงกากฟิล์มม้วนเดียวที่เหลือมาประมาณ 13 นาที
ทหารเสือกรมหลวงชุมพร (2501)
ทหารเสือกรมหลวงชุมพร (2501/1958) ทหารเสือกรมหลวงชุมพร เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย ชุมพรศิลป์ภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย พันคำ (พร้อมสิน สีบุญเรือง) ถ่ายภาพโดย วิเชียร วีระโชติ-ธีระ แอคะรัตน์ และกำกับศิลป์โดย อุไร ศิริสมบัติ ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ สุวัฒน์ วรดิลก
สวรรค์มืด (2501)
สวรรค์มืด (2501/1958) ชู (สุเทพ วงศ์กำแหง) หนุ่มรถเข็นขยะผู้มีจิตใจดีงาม ที่อยากจะเป็นผู้ดี เลยให้ใครๆเรียกตัวเองว่า คุณชูวิทย์ ได้ให้ความช่วยเหลือ เนียร (สืบเนื่อง กันภัย) หญิงจรจัดที่หิวโซ และเกิดเป็นความรักขึ้นท่ามกลางความแร้นแค้นในชีวิต โชคชะตากำหนดให้ชูวิทย์ต้องไปเป็นทหาร และได้สูญเสียดวงตาไปในสนามรบ ฝ่ายเนียร ซึ่งรออยู่ทางบ้าน กลับได้รับความช่วยเหลืออุปการะจากเศรษฐินี ใจดีนำไปเลี้ยงเป็นลูก จากสาวจรจัดกลายเป็นลูกสาวของเศรษฐินี ทั้งสองจบด้วยความสุขสมหวัง
สวรรค์หาย (2501)
สวรรค์หาย (2501/1958) ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ถ่ายทำใน "นครวัด" สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 6 ของโลก สวยงามน่าชมยิ่ง จากบทประพันธ์ละเลงเลือดของ เสนีย์ บุษปะเกศไม่อวดว่ายิ่งใหญ่ แต่ว่าใหญ่เยี่ยมยอดกว่าเรื่องใดๆ ลงทุนอย่างมหาศาล เพื่อให้ท่านสำราญจากทุกชีวิต แห่งรสชาติมนุษย์พลัดถิ่นผจญสิงห์ประจำถิ่น ชีวิตต่อสู้ของชายยอดนักเลง ที่ต้องปะทะกับจอมอันธพาลร่วมสายโลหิต รักท่ามกลางแนวกระสุน ชม...กลุ่มตลกในบทมหาดเล็กชาววังแสนฉลาด ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ถ่ายทำในนครวัด สิ่งมหัศจรรย์ อันดับ 6 ของโลก สวยงาม น่ารู้ เหมือนท่านไปด้วยตัวเอง
เปียดื้อ (2500)
ปรารถนาแห่งหัวใจ (2500)
ปรารถนาแห่งหัวใจ (2500/1957) ปรารถนาแห่งหัวใจ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 เป็นผลงานการกำกับของ วิจิตร คุณาวุฒิ สร้างโดย ยูเนียนฟิล์ม โดยมี ประทีป โกมลภิส เป็นผู้อำนวยการสร้าง และถ่ายภาพโดย แสวง ดิษยวรรธนะ ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ จินตะหรา
ทุ่งรวงทอง (2500)
ทุ่งรวงทอง (2500/1957) ทุ่งรวงทอง เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 สร้างจากบทประพันธ์ของ แขไข เทวิณ สร้างโดย พัฒนาการภาพยนตร์ โดยมี เมธี พูนบำเพ็ญ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ศิริ ศิริจินดา และถ่ายภาพโดย ชเนศร์ จรัสตระกูล

ขวัญใจเจ้าทุย (2500/1957) ขวัญใจเจ้าทุย เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500

แก้วกัลยา (2500/1957) แก้วกัลยา เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 เป็นผลงานการกำกับของครู(รังสี ทัศนพยัคฆ์) สร้างโดย นพรัตน์ภาพยนตร์ โดยมี วิชิต คีตะชีวะ เป็นผู้อำนวยการสร้าง ถ่ายภาพโดย รัตน์ เศรษฐภักดี และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ ผกามาศ

โรงแรมนรก (2500)
โรงแรมนรก (2500/1957) โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดที่ชื่อว่า โรงแรมสวรรค์ ที่มีลุงและหลานสองคนดูแลกิจการร่วมกัน ฝ่ายหลานชายนั้นนักแสวงโชคที่หวังจะหาเงินเล็กๆน้อยๆเข้ากระเป๋าจากการรับพนันงัดข้อกับ น้อย (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) หลานชายคนดูแลกิจการโรงแรมที่อ้างว่าเป็นนักเลงงัดข้อแชมเปี้ยนโลก นอกจากเป็นบริกรของโรงแรมแล้ว ห้องพักเพียงห้องเดียวของโรงแรมแห่งนี้ถูกจับจอง โดยชายหนุ่มที่ชื่อว่า ชนะ (ชนะ ศรีอุบล) ซึ่งไม่ยอมเปิดเผยว่า เขาเลือกแวะพัก ณ โรงแรมแห่งนี้ด้วยจุดประสงค์อันใด โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ เจ้าของห้องพักเพียงห้องเดียวในโรงแรมผู้ที่ไม่ยอมเปิดเผยวัตถุประสงค์ของการมาเยือนโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกๆของแขกมากหน้าหลายตา ที่มาเยือน แต่อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เขาไม่ค่อยพอใจกับสภาพอันวุ่นวายโกลาหลภายในโรงแรม ซึ่งมีคนพลุกพล่านและส่งเสียงอึกทึกครึกโครมตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นพวกนักดนตรีที่มาขออาศัยห้องโถงของโรงแรมฝึกซ้อมเพลง, ศาสตราจารย์สมพงษ์ (สมพงษ์ พงษ์มิตร) พูดถึงวงการศิลปินเมืองไทยในเชิงเหยียดหยาม แต่ตัวเขากลับเบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าเหล้าที่ติดค้างโรงแรมเป็นเวลานาน ก็ดูเหมือนจะเป็นการเหน็บแนมบรรดาคนหัวสูงที่เห็นของนอกดีกว่าของไทย หรือในช่วงถัดมา โรงแรมสวรรค์ของน้อยก็ได้ต้อนรับชายหญิงคู่หนึ่งที่ล่ามโซ่ตัวเองไว้ที่ข้อมือ ฝ่ายหญิงบอกว่าเธอชื่อ ยุพดี (ชูศรี มีสมมนต์) เพิ่งแต่งงานกับสามีที่ชื่อ หม่องส่าง และสาเหตุที่ต้องล่ามโซ่ ก็เพราะพ่อของฝ่ายชายกลัวเธอจะหนีไปมีชู้ เรียม (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) สาวลึกลับที่บอกว่ามี อายุ 65 ปี มีลูก 12 คน อาชีพค้าฝิ่นเถือน เป็นม่าย ผู้ที่แสดงตัวว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับชนะอย่างโจ่งแจ้งแต่ต้องกลับกลายมาเป็นคู่รักกันในยามคับขัน เมื่อชนะไม่ยินยอมให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ และอาศัยความเหนือกว่าด้านพละกำลังบังคับให้ฝ่ายหลังต้องใช้เก้าอี้ยาวในห้องโถงเป็นเตียงนอน คนหนึ่งเถรตรงและแข็งกระด้าง ส่วนอีกคนเอาแต่ใจ และชอบอาศัยความเป็นผู้หญิงหว่านล้อมเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ หรือยั่วโทสะให้อีกฝ่ายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ความขัดแย้งของคนทั้งสองก็เป็นแค่เรื่องพ่อแง่แม่งอน ภายหลังการมาถึงของแขกไม่ได้รับเชิญสามคน คือ เสือสิทธิ์ (สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์) ซึ่งเป็นหัวโจก สมุนคนรอง ชื่อว่า ไกร (ไกร ภูตโยธิน) และคนสุดท้าย เชียร (วิเชียร ภู่โชติ) ทั้งสามล่วงรู้ว่า ชนะ เป็นสมุห์บัญชีของบริษัทปรีดาไทย เขาแวะพัก ณ โรงแรมแห่งนี้เพื่อรอรับเงิน 6 แสนบาทที่จะนำไปแจกจ่ายให้คนงาน แต่ไม่มีใครอาจรู้ได้ว่า เงินจำนวนมหาศาลนั้นจะมาถึงตอนไหน และใครเป็นคุมมา เงื่อนไขที่ทำให้เรื่องยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีกก็คือ เสือสิทธิ์กับพวกไม่ใช่กลุ่มเดียวที่หวังจะเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน แต่ยังมี เสือดิน (ทัต เอกทัต) จอมโจรที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมทารุณอีกคนที่ต้องการได้ครอบครองเงินก้อนเดียวกัน และปริศนาทั้งหมดถูกคลี่คลายโดยตำรวจที่มาเยือนในท้ายเรื่อง
ไพรพเนจร (2500)
ไพรพเนจร (2500/1957) ไพรพเนจร เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 เป็นผลงานการกำกับของครู(รังสี ทัศนพยัคฆ์) และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา
ยอดเยาวมาลย์ (2500)
ยอดเยาวมาลย์ (2500/1957) ยอดเยาวมาลย์ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 สร้างโดย รัตนาภาพยนตร์ และให้เสียงพากย์โดย (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) - (เสน่ห์ โกมารชุน) - จุรี โอศิริ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2525
รักริษยา (2500)
รักริษยา (2500/1957) เรื่องราวของ ปัทมา และเชษฐ์ ชัชวาลย์ บุตรกำพร้าของคุณประจักษ์ เศรษฐีม่าย เมื่อทั้งคู่เติบใหญ่เป็นหนุ่มสาว ความรู้สึกของปัทมาที่มีต่อเชษฐ์แบบพี่ชายได้กลับกลายเป็นความรักที่ต้องซ่อนเร้น จนเมื่อคุณประจักษ์รับเอาภรรยาใหม่และลูกสาวของเธอมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เรื่องราวรักริษยาจึงอุบัติขึ้นอย่างไม่อาจคาดเดา
รักจำแลง (2500)
รักจำแลง (2500/1957) รักจำแลง เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 สร้างโดย พรหมพรภาพยนตร์ โดยมี ร.ท. ชวลิต บูรณสมภพ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย สวาท รัตนสาสน์ ถ่ายภาพโดย วิชัย ทรงเยาว์ศรี และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา
มัสยา (2500)

มัสยา (2500/1957) อดุลย์-มิสคูมี่ ข้อความบนรูปโฆษณา ยูเนี่ยนฟิล์ม ศุภอัฐ ชวะโนทัย อำนวยการสร้าง เสนอ ภาพยนตร์ไทยสีธรรมชาติ ประเภทชีวิตรักวัยรุ่นของเด็กสาว... มัสยา จากบทประพันธ์ขายดี ของ “พนมเทียน” ดาวรุ่งแห่งยุค ร่วมแสดง (อดุลย์ ดุลยรัตน์), เยาวนารถ ปัญญะโชติ, พัชนี อุรารักษ์, พเยาว์ สาริกบุตร, จรูญ สินธุเศรษฐ์, สมพงษ์ พงษ์มิตร, อบ บุญติด, วลิต สนธิรักษ์, สง่า อินทรวิจิตร, สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต พร้อมด้วย มิส คูมี่ ดารานักร้องสาวแห่งฮ่องกง ศิริ ศิริจินดา กำกับการแสดง วิเชียร วีระโชติ ถ่ายภาพ กำลังฉายวันนี้ ที่ แกรนด์ เธียเตอร์ เทพา-จุรี-พวงเล็ก พากย์ (ที่มา :Thai Movie Posters)

วังบัวบาน (2500)
วังบัวบาน (2500/1957) อดุลย์-ดรุณี ข้อความบนใบปิด ไม่มีใครสร้าง “วังบัวบาน” ได้สำเร็จ! แต่สหไทยภาพยนตร์ สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว อะไรคือความหมายอันยิ่งใหญ่ของบัวบาน เพราะ “บัวบาน” คือสัญลักษณ์ของยอดหญิง “บัวบาน” คือสัญลักษณ์ของความรัก “บัวบาน” คือสัญลักษณ์ของความซื่อ วังบัวบาน ภาพยนตร์สีวิจิตร (อดุลย์ ดุลยรัตน์) ดรุณี สุขสาคร สองดาราพบกันครั้งแรก พร้อมด้วย พัชนี อุรารักษ์, จำรูญ หนวดจิ๋ม, วลิต สนธิรัตน์, สัตยา สัตยาพันธ์, ฉลวย ศรีรัตนา, วิน วันชัย, สุนิตย์ คเณจร ณ อยุธยา เอกคุณ คุณามาตย์ อำนวยการสร้าง และถ่ายภาพ มาลินี ประพันธ์เรื่อง ประทีป โกมลภิส กำกับการแสดง (ที่มา :Thai Movie Posters)
บัวขาว (2500)
บัวขาว (2500/1957) รัตนาภรณ์-สมควร ข้อความบนใบปิด กมลศิลป์ภาพยนตร์ นำเสนอ ยอดแห่งภาพยนตร์... สนุกดูกันให้สำราญ ต้องดู... (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) สมควร กระจ่างศาสตร์ ใน บัวขาว จากบทประพันธ์ของ กุลปราณี รุจิรา-มารศรี และจิตรา ร่วมพากย์ เรื่องของเด็กสาวแสนซน ผู้กำความรักของเจ้าหนุ่มไว้ในอุ้งมือ... ดู...ความรักพิลึกของเจ้าชายหนุ่ม ผู้มีความเปิ่นประจำตัว รักโลดโผนที่เหนือกว่ารักใดๆ... เสถึยร ธรรมเจริญ จุฑารัตน์ จินรัตน์ บุญส่ง เคหะทัต, สมพงษ์ พงษ์มิตร (รังสี ทัศนพยัคฆ์) กำกับการแสดง ธีระ แอคะรัตน์ ถ่ายภาพ (ที่มา :Thai Movie Posters)
ถ่านไฟเก่า (2500)
ถ่านไฟเก่า (2500/1957) พระยาอุปถัมภ์ เป็นคนหวงสมบัติมาก ด้วยความที่กลัวเงินทองของตนจะรั่วไหล จึงบังคับให้ อดุลย์ ลูกชายคนโตแต่งงานกับ สมนึก ลูกสาวของลำไย น้องสาวของตน แต่อดุลย์แอบมีเมียลับๆ อยู่แล้วชื่อ จินตนา ซึ่งมีฐานะยากจน พระยาอุปถัมภ์ยื่นคำขาดว่าจะตัดพ่อตัดลูกหากอดุลย์ไม่เลิกกับเมียเก็บ อดุลย์จึงบากหน้าไปขอเลิกกับจินตนาและมอบเงินให้จำนวนหนึ่งจินตนาผู้ยึดมั่นในศักดิ์ศรี ไม่ขอรับเงินและออกจากชีวิตของอดุลย์ไปอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วไปอยู่กับป้าที่นครสวรรค์ผ่านไปปีเศษ เถ้าแก่เอี้ยหลง ปู่ของจินตนาเสียชีวิต ก่อนตายได้ทำพินัยกรรมยกมรดกให้จินตนา เธอจึงเดินทางไปรับมรดกและอยู่กับป้าที่สงขลา เถกิง น้องชายของอดุลย์ต้องไปรับราชการที่สงขลา ก่อนเดินทาง พระยาอุปถัมภ์ได้กำชับให้เถกิงไปทำความรู้จักกับหลานสาวเถ้าแก่เอี้ยหลง เพราะได้ยินกิตติศัพท์ว่าร่ำรวย และละโมบอยากได้สมบัติคนอื่นมาสมทบสมบัติของตน จึงทำให้เถกิงได้พบจินตนาโดยไม่รู้ว่าเธอคืออดีตเมียเก็บของพี่ชาย จินตนาจำนามสกุลของเถกิงได้ จึงคิดแก้เผ็ดพระยาอุปถัมภ์และอดุลย์ด้วยการแกล้งทำเป็นสนิทสนมกับเถกิงต่อหน้าคนทั้งหลาย ถ่านไฟเก่าจึงปะทุ อดุลย์เกิดความหึงหวงจินตนา เมื่อถูกอดุลย์ละเลยบ่อยครั้งเข้าสมนึกจึงหันไปรักกับเถกิง วันหนึ่ง สมนึกบังเอิญได้รู้ความจริงว่าจินตนาเคยเป็นเมียเก็บของอดุลย์ จึงไปหารือกับอดุลย์เพื่อซ้อนกลจินตนา ด้วยการประกาศหมั้นต่อหน้าธารกำนัล พระยาอุปถัมภ์สมปรารถนา แต่จินตนาเกิดความเศร้าขึ้นในจิตใจ พระยาอุปถัมภ์เกิดความสงสัยในพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของทั้งสี่ ก็ปีนไปแอบฟังบนต้นไม้ที่ทุกคนหลบมาคุยกัน แล้วความจริงก็กระจ่างว่าจินตนาและอดุลย์ยังมีใจให้แก่กัน ก่อนจะร่วงหล่นลงมากลางวงสนทนา พระยาอุปถัมภ์ก็หยุดเจ้ากี้เจ้าการ เพราะยังไงแกก็ได้หลานสาวเศรษฐีเป็นลูกสะใภ้อยู่ดี
ปาหนัน (2500)

ปาหนัน (2500/1957) ปาหนัน เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 สร้างโดย ไทยไตรมิตรภาพยนตร์ โดยมี แท้ ประกาศวุฒิสาร เป็นผู้อำนวยการสร้าง-ถ่ายภาพ และกำกับการแสดงโดยครูมารุต (ทวี ณ บางช้าง)

Placeholder
เคหาสน์สีแดง (2499)
เคหาสน์สีแดง (2499/1956) เพราะถูกอ้ายคนชั่วพรากความบริสุทธิ์ไปเมื่อหลายปีก่อน อัมภา จึงตั้งท้องกับ ชิต ด้วยความไม่ตั้งใจอัมภาคลอดลูกเป็นบุตรชายและทิ้งให้ชิตดูแล ส่วนตัวเองหนีไปมีครอบครัวใหม่และให้กำเนิด อารยา ชีวิตที่ดูจะราบรื่นกลับมลายลงอีกครั้งเมื่อพ่อของอารยาเสียชีวิต โชคดีที่ พลตรีพระยาพลแสน รับอุปการะอัมภาและลูกให้มาอยู่ที่เคหาศน์รุจิโรจน์ หรือที่คนรู้จักในนาม เคหาสน์สีแดง การปรากฏตัวของสองแม่ลูกสร้างความไม่พอใจแก่ รุจ รุจิโรจน์ ลูกชายของพระยาพลแสนเป็นอันมาก เพราะกลัวจะโดนแย่งความรักไปจากพ่อ พระยาพลแสนเข้าใจเรื่องนี้ดีจึงส่งรุจไปเรียนหมอที่อังกฤษ ไม่นานพระยาพลแสนก็ถึงแก่กรรมโดยทำพินัยกรรมมอบมรดกทั้งหมดแก่รุจ ส่วนอารยาให้รับรายได้จากกองมรดกเดือนละพันบาทตราบใดที่ยังอาศัยที่เคหาสน์สีแดง 8 ปีผ่านไป รุจเรียนจบจากอังกฤษ แต่ไม่ยอมกลับมาอยู่ที่เคหาสน์สีแดง เพราะยังรังเกียจอัมภา จนกระทั่งอัมภาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของชิต รุจจึงกลับมาอยู่ที่เคหาสน์สีแดง อารยาในวัย 17 กลายเป็นสาวงามทำให้รุจจิตใจหวั่นไหวแต่ต่อหน้ากลับแสดงท่าทีหมางเมินกลบเกลื่อนความในใจ วันหนึ่งรุจบังเอิญได้รักษา ชาญ ลูกชายของอัมภาที่เกิดกับชิต จึงได้รู้เรื่องราวในอดีตก็คลายทิฐิลง อารยาไม่สบายใจที่จะอาศัยในเคหาสน์สีแดงจึงไปปรึกษา ชาลี ลูกชายคุณนายพนาเวศเพื่อนบ้าน ชาลีแนะนำให้อารยาไปอยู่ที่ไร่รวงผึ้ง ของ ภาคินัย ซึ่งกำลังต้องการคนมาดูแล ภาคินี น้องสาวซึ่งพิการ รุ่งเช้า เมื่อรุจรู้ว่าอารยาหนีออกจากบ้านก็รีบชวน ขุนผจญคดี ทนายความประจำตระกูลออกตามหา ภาคินัยตกหลุมรักอารยาตั้งแต่แรกเห็น ทำให้เสาวรสซึ่งหมายปองภาคินัยอยู่หึงหวง หมอรุจถูกตามตัวมาจากกรุงเทพเพื่อรักษาภาคินี เมื่อเจอหน้าอารยาจึงได้โอกาสกล่าวขอโทษและขออารยาแต่งงาน แต่อารยาเล่าว่าภาคินัยก็เพิ่งจะขอเธอแต่งงานเหมือนกัน หมอรุจคิดว่าตัวเองหมดหวังกำลังจะขับรถกลับกรุงเทพ แต่อารยามาขวางไว้เพราะเพิ่งรู้ใจตนเอง
จันทร์เจ้าขา (2499)

จันทร์เจ้าขา (2499/1956) ความรักระหว่าง เจียม แจ่มจันทร์ สาวใสซื่อบริสุทธิ์ กับ ร.ต. จิตต์ พีระกุล นายทหารหนุ่ม ถูกกีดกันจาก นางมงคล ป้าของเจียม ที่ต้องการให้เจียมได้แต่งงานกับ หลวงสัทธนะสิทธิ์ นักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงเจียมจึงหนีออกจากบ้าน กระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากจิตต์ให้มาอยู่ด้วยกัน แต่ทว่าจิตต์ดันมีสาวๆ มาเกาะแกะและมิวายที่บรรดาสาวเหล่านั้นจะคอยหาทางกลั่นแกล้งเจียมต่างๆ นานา เธอจึงต้องระหกระเหินออกจากบ้านจิตต์ไป ดีที่หลวงสัทธนะสิทธิ์มาเห็นเข้าจึงขอรับเธอไปอุปการะด้วยความรักและห่วงใยดุจลูกหลาน จนเจียมยอมแต่งงานด้วย ครั้นเรื่องรู้ไปถึงจิตต์ เขาจึงกลับมาพิสูจน์รักแท้ต่อหน้าเจียม และตัดพ้อเรื่องที่เจียมเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับชายอื่น หลวงสัทธนะสิทธิ์ได้ยินดังนั้นจึงออกมาเปิดเผยว่า การแต่งงานจัดขึ้นมาเพื่อให้เจียมได้พิสูจน์ใจจิตต์ว่าเขารักเธอจริงหรือไม่ เมื่อรู้ดังนั้นจิตต์และเจียมจึงได้ครองรักกันสมปรารถนา

เทพธิดาฮ่อ (2499)
เทพธิดาฮ่อ (2499/1956) 19 ปีก่อน น้อย ต้องสูญเสียพ่อแม่ในคราวเดียวกัน เพราะถูก บุญตา และ คำปัน โจรป่าดักปล้นระหว่างเดินทางไปเชียงใหม่ เคราะห์ดีที่ เลากวางสือ หัวหน้าชาวฮ่อมาช่วยไว้และเก็บน้อยไปเลี้ยงดู กว่า โห้ คนสนิทของ ขุนประจญศัตรูพ่าย พ่อของน้อย จะรู้สึกตัวชาวฮ่อก็เอาตัวน้อยไปเสียแล้ว ขุนประจญศัตรูพ่ายสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้โห้ออกตามหาน้อยและช่วยดูแล ใหญ่ ลูกชายคนโต เลากวางสือตั้งชื่อให้น้อยใหม่ว่า เลากวางรุ่ง จนกระทั่งเลากวางรุ่งโตเป็นหนุ่มก็ได้รับความไว้วางใจจากเลากวางสือให้ช่วยดูแลงานแทน วันหนึ่ง เลากวางสือให้เลากวางรุ่งเข้าไปในเมืองเชียงใหม่เพื่อดูลาดเลาก่อนทำการซื้อขายฝิ่นเถื่อนกับบุญตาและคำปัน ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นพ่อเลี้ยงทรงอิทธิพลที่สุดในจังหวัด ก่อนออกเดินทาง ฮ่องฟ้า ลูกสาวคนเดียวของเลากวางสือมาระบายความรู้สึกที่มีต่อเลากวางรุ่ง แม้จะสำนึกในบุญคุณของเลากวางสือและรู้ดีว่าก้องฟู่ แอบรักฮ่องฟ้ามานานแล้ว แต่เลากวางรุ่งก็ไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองได้ อีกฟากหนึ่ง พ่อเลี้ยงบุญตากำลังเตรียมการต้อนรับผู้กำกับตำรวจคนใหม่ คือ พ.ต.ท. เผชิญ เทพยากร และจ่าโห้ ญาติสนิท โดยการนำของ ร.ต.ท. เติมชัย วรพงษ์ พ่อเลี้ยงบุญตาตั้งใจจะโน้มน้าวให้ พ.ต.ท. เผชิญ มาเป็นพรรคพวกของตน แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายตกใจเมื่อได้เห็นหน้า พ.ต.ท.เผชิญ เพราะ พ.ต.ท. เผชิญ คืออดีตคนขับรถของตนนั่นเอง พ่อเลี้ยงบุญตาซ่อนความกลัวไว้ในใจเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมพ.ต.ท. เผชิญ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ค่ำวันหนึ่ง จ่าโห้ลอบเข้ามาสืบหาหลักฐานที่เฝ้าติดตามมาสิบกว่าปี เขามั่นใจว่าบุญตาและคำปันคือสองโจรที่ฆ่าเจ้านายของตน เลากวางรุ่งซึ่งมาหาบุญตาตามเวลานัดหมาย ได้พบจ่าโห้โดยบังเอิญ คืนวันแห่งความแค้นจึงหมุนย้อนมาเตือนทั้งสองอีกครั้ง เมื่อถึงวันนัดซื้อขายฝิ่น ก้องฟู่เดินทางมาที่บ้านบุญตาพร้อมแผนการฮุบเงินค่าฝิ่น ส่วน พ.ต.ท. เผชิญ ซุ่มวางกำลังจับกุมพ่อเลี้ยงบุญตา ร.ต.ท. เติมชัย เห็นท่าไม่ดีจึงหาทางเอาตัวรอด สารภาพว่าตนเป็นสายให้พ่อเลี้ยงบุญตายังไม่ทันขาดคำ ร.ต.ท. เติมชัย ก็ถูกสมุนของพ่อเลี้ยงฆ่าปิดปาก ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร พ่อเลี้ยงบุญตาเองก็หวังจะโกงค่าฝิ่น ทั้งสองฝ่ายจึงเกิดการปะทะกัน คำปันถูกก้องฟู่ยิงเสียชีวิตและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เลากวางรุ่งสบโอกาสยิงบุญตาเพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่ เมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย พ.ต.ท. เผชิญ ขอให้น้องชายกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่เลากวางรุ่งปฏิเสธเพราะเป็นห่วงเลากวางสือ เลากวางรุ่งรีบกลับไปที่แม่เสลี่ยงซึ่งบัดนี้ตกอยู่ในกองเพลิงด้วยน้ำมือของก้องฟู่ ชาวฮ่อหลายคนต้องเสียชีวิตลงรวมทั้งเลากวางสือ ก้องฟู่จับตัวฮ่องฟ้าพาไปยังดอยอีกลูกหนึ่ง เลากวางสือแอบสะกดรอยตามก้องฟู่เพื่อไปช่วยชีวิตฮ่องฟ้า
รักคุณเข้าแล้ว (2499)
รักคุณเข้าแล้ว (2499/1956) โทรเลขฉบับหนึ่งทำให้ วิเชียร มานะดีถูก ปราณีต เมียรักเพ็งเล็งอีกครั้ง เพราะเคยเป็นคนเจ้าชู้มาก่อน แต่แท้จริงแล้วผู้ที่ส่งโทรเลขมาคือ วัชรี มานะดี หลานสาวซึ่งกำลังจะมากรุงเทพ เมื่อถึงวันที่ 12 วิเชียรไปรับวัชรีที่สถานีรถไฟตามนัดหมาย แต่ก็หาได้เล็ดลอดสายตาของปราณีตไม่ เพราะนางได้แอบสะกดรอยตามผัวอย่างไม่คลาดสายตา วิเชียรไหวตัวทันถีบสามล้อหนีการจับกุมของผู้ที่เป็นเมีย อะไรๆ ก็ดูท่าจะไม่ราบรื่นไปซะหมด เมื่อวิเชียรพาวัชรีมายังหอพักที่ตนแอบเล็งไว้ ผู้ดูแลซึ่งหูหนวกและเจ้าระเบียบก็ดันเข้าใจผิดคิดว่านายวิเชียรเป็นพวกมารสังคม กว่าจะอธิบายจนเข้าใจก็เล่นเอาเหนื่อยหอบพอหาหอพักให้หลานสาวได้สำเร็จกลับเจอปราณีตยืนจังก้าอยู่หน้าหอ วิเชียรจึงหาทางออกด้วยการแกล้งเป็นลม ค่ำวันนั้น วัชรีต้องใจหายใจคว่ำเพราะเสียงโหวกเหวกของขี้เมาข้างห้อง ทราบชื่อว่าคือ สมศักดิ์ หนุ่มนักหนังสือพิมพ์ของสารเสรี ซึ่งกำลังดีอกดีใจที่ กานดาธิดาสาวของเจ้าคุณโหราธิบดีจะแต่งงานด้วย แต่แล้ววันต่อมา นายสมศักดิ์ก็ส่งเสียงดังโวยวายอีกในเวลาเดิม แต่คราวนี้เป็นเพราะถูกกานดายกเลิกการแต่งงาน จนแล้วจนรอด วัชรีก็ไม่เคยพบหน้าเจ้าขี้เมาข้างห้อง เพราะเวลางานที่แตกต่างกัน กระทั่งวันหนึ่ง วัชรีได้พบสมศักดิ์ที่ป้ายรถเมล์ในยามเช้า ชายหนุ่มตกหลุมรักวัชรีตั้งแต่แรกเห็น และพยายามหาทางทำความรู้จักแต่ก็ต้องคลาดกันทุกที ทนง หัวหน้าโรงงานน้ำอัดลมซึ่งวัชรีทำงานอยู่เป็นผู้มีนิสัยเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น เล็งวัชรีเป็นเป้าหมายต่อไป แต่วัชรีไม่คล้อยตาม มิหนำซ้ำยังเอาเรื่องไปฟ้องผู้จัดการจนทนงถูกไล่ออก ทนงผูกใจเจ็บ จ้างนักเลงมาดักทำร้ายวัชรี แต่สมศักดิ์มาช่วยไว้ทัน วัชรีทราบว่าหนุ่มนักหนังสือพิมพ์ที่ช่วยเธอไว้ก็คือขี้เมาข้างห้อง จึงหาโอกาสตอบแทนด้วยการแอบเข้าไปทำความสะอาดห้องให้ หนุ่มสาวข้างห้องเริ่มโคจรมาพบกันด้วยดี ถ้าหากไม่เข้าใจผิดกันเสียก่อน เพราะในขณะนั้น ปราณีตกำลังมาขอคำปรึกษาจาก สมศักดิ์ หลานชาย ส่วนวิเชียรฉวยโอกาสที่เมียไม่อยู่แวะมาเยี่ยมหลานสาว ความโกลาหลจึงเกิดขึ้น
สร้อยฟ้าศรีมาลาลุยไฟ (2499/1956) จมื่นไวย์วรนารถ หรือ พลายงามลูกชายของนางวันทองกับขุนแผนรับราชการอยู่กรุงศรีอยุธยา อาศัยอยู่กับ ทองประศรี ซึ่งเป็นย่ากับ พลายชุมพล น้องชาย จมื่นไวย์มีนิสัยถอดแบบมาจากขุนแผนทุกประการ ทั้งความเก่งกล้าและความเจ้าชู้ โดยมีภรรยาสองคนคือ สร้อยฟ้า ลูกสาวเจ้าเมืองเชียงอินทร์ กับ ศรีมาลา ลูกสาวเจ้าเมืองพิจิตร สร้อยฟ้าและศรีมาลามักจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเพราะความหึงหวงกันอยู่เสมอ วันหนึ่งคนสนิทของทั้งสองทะเลาะกัน เจ้านายเลยเข้าไปช่วย เมื่อจมื่นไวย์กลับจากงานจึงถามสาเหตุ แต่สร้อยฟ้ากลับถลาเข้าหาศรีมาลา จมื่นไวย์เหลืออดตบหน้าสร้อยฟ้า เป็นเหตุให้สร้อยฟ้าเจ็บใจหันไปพึ่ง เถรขวาดกับเณรจิ๋ว ทำเสน่ห์ให้จมื่นไวย์และทองประศรีลุ่มหลง หลังจากนั้นศรีมาลาเหมือนตกอยู่ในขุมนรกเพราะถูกสร้อยฟ้าหาเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน พลายชุมพลซึ่งเห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด ทนดูความอยุติธรรมไม่ไหวจึงไปเล่าให้ขุนแผนฟัง สร้อยฟ้าใส่ไฟกล่าวหาว่าศรีมาลามีชู้ ศรีมาลาเสียใจมากจะผูกคอฆ่าตัวตาย แต่ขุนแผนพระพิจิตรและพลายชุมพลมาทันเวลา พระพิจิตรไปกราบทูลพระพันวษาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระพันวษาให้พลายชุมพลและกุมารทองไปจับตัวเถรขวาดกับเณรจิ๋ว ทั้งสองสารภาพและแก้เสน่ห์ให้ พระพันวษาให้สร้อยฟ้าและศรีมาลาพิสูจน์ความจริงด้วยการลุยไฟศรีมาลาผู้บริสุทธิ์สามารถเดินผ่านกองไฟได้แต่สร้อยฟ้าไม่กล้า พระพันวษาจึงตัดสินประหารชีวิตสร้อยฟ้า แต่ศรีมาลาขอร้องให้พระพันวษาเห็นแก่ชีวิตที่กำลังอยู่ในครรภ์ของสร้อยฟ้า พระพันวษาจึงยอมอภัยโทษแต่เนรเทศสร้อยฟ้าออกจากกรุงศรีอยุธยา
สามรักในปารีส (2499)
สามรักในปารีส (2499/1956) เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นที่กรุงปารีสทวิช พ่อค้าไทยเปิดร้านจำหน่ายสินค้าไทยกับ เชิด น้องชาย การค้าขายประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทวิชได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ มาเดอลีน หญิงสาวชาวฝรั่งเศสโดยนำมาอุปการะในบ้าน ด้วยความสำนึกในการช่วยเหลือของทวิช ทำให้มาเดอลีนเต็มใจที่จะแต่งงานกับทวิชแม้ว่าทั้งสองจะมีอายุต่างกันราวกับพ่อลูก วันหนึ่งทวิช ได้รับจดหมายให้ตามตัว ยุทธนา หลานชายซึ่งเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ การมาของยุทธนาสร้างความตื่นเต้นให้มาเดอลีนเป็นอย่างมากเพราะยุทธนานั้นเป็นคนรักเก่าของเธอที่ได้พลัดพรากจากกันเมื่อเกิดสงคราม มาเดอลีนบอกกับยุทธนาว่าเธอพร้อมที่จะหย่าขาดจากทวิช แต่ยุทธนาไม่ปรารถนาภาวิณี นักเรียนไทยในกรุงปารีส เกิดหลงรักยุทธนาอย่างเงียบๆ ด้วยความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้ยุทธนาพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับภาวิณี
สเว็ตเตอร์สีแดง (2499)
สเว็ตเตอร์สีแดง (2499/1956) นเรนทร์ (ส. อาสนจินดา) ชายหนุ่มผู้มีฐานะยากจนแต่มีความมานะพยายามจนสามารถเดินทางมาศึกษาในอเมริกา ด้วยการรับจ้างทำงานเพื่อหาเงินเรียน และมีเงินที่ทางบ้านส่งมาให้เพียงเล็กน้อย ต่างกับหวั่นจิต (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) ซึ่งเป็นลูกของครอบครัวที่มีฐานะดี จึงใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายและไม่สนใจการเรียน นเรนทร์พยายามตักเตือนให้หวั่นจิตสนใจการเรียนทำให้หวั่นจิตรู้สึกไม่พอใจ และพยายามโปรยเสน่ห์เพื่อให้นเรนทร์หลงใหล แม้ในใจนเรนทร์จะนึกรักหวั่นจิตแต่ก็ต้องพยายามหักใจ เพราะต้องการเรียนให้จบเพราะทราบว่าทางบ้านต้องขายที่นาเพื่อส่งเงินมาให้ เหตุการณ์พลิกผันเมื่อบิดาของหวั่นจิตเสียชีวิต ทางบ้านจึงเรียกตัวหวั่นจิตกลับบ้านแต่หวั่นจิตไม่ยอมกลับ ทางครอบครัวจึงงดส่งเงินมาให้ทำให้หวั่นจิตได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงประกาศหาผู้อุปการะ โดยมีนเรนทร์คอยช่วยเป็นกำลังใจ ต่อมามีผู้รับอุปการะมอบทุนการศึกษาให้หวั่นจิต ในนามมิสเตอร์แนโรว์ หวั่นจิตดีใจมากส่งข่าวให้นเรนทร์รับทราบ พร้อมกับมอบสเว๊ตเตอร์สีแดงที่เธอถักด้วยตนเองให้กับชายที่ตนเองรัก แต่นเรนทร์กลับใช้วาจาดูถูกหวั่นจิต ทำให้หวั่นจิตเสียใจมากจึงมุมานะเล่าเรียนอย่างจริงจังจนกระทั่งจบ ในขณะที่นเรนทร์เรียนจบก่อนและได้เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว หวั่นจิตเรียนจบแล้วจะเดินทางกลับจึงไปขอพบมิสเตอร์แนโรว์ เพื่อขอบคุณที่ให้ทุนการศึกษา จึงทราบความจริงว่ามิสเตอร์แนโรว์แท้จริงแล้วคือขจร (สาหัส บุญ-หลง) เพื่อนของนเรนทร์ และเงินทุนการศึกษาที่มอบให้หวั่นจิตนั้นคือเงินของนเรนทร์ที่พยายามทำงานเก็บเงินเพื่อมอบเป็นทุนการศึกษาให้หวั่นจิต หวั่นจิตเดินทางกลับประเทศและออกตามหานเรนทร์ แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อเธอมาพบนเรนทร์ขณะที่กำลังจะสิ้นใจเพราะป่วยหนัก โดยมีสเว๊ตเตอร์สีแดงอยู่ในอ้อมอก