Headless Hero 2 ผีหัวขาด 2 (2547/2004) ไอ้ไฝ (แสดงโดย อรุณ ภาวิไล) กับ ไอ้เทือง(แสดงโดย โต อำพล รัตนวงศ์) ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันและทั้งคู่ก็ขโมยสร้อยศพของผีถั่วแระ(ถั่วแระ เชิญยิ้ม) และไฝก็เอาสร้อยเส้นหนึ่งไปแต่ความซุ่มซ่ามของไอ้เทือง มือของไอ้เทืองติดอยู่กับปากศพของคนจีนจนทำให้ไอ้เทืองตาย และไอ้ไฝวิ่งหนีไป และไอ้ไฝก็รอดตัวจากผีตามหาสร้อยของมัน และรุ่งเช้ามีงานเทศกาลแข่งเรือ เวลาที่กำลังจะเริ่มแข่งเรืออยู่นี้เห็นเรือประหลาดโผล่มาและมีคนประหลาดที่แล่นเรือเอง โดยมีไม่มีฝีพายและเรือของผีหัวขาดก็ชนะในการแข่งขัน และกรรมการให้รางวัลในการชนะเลิศแต่ผีหัวขาดก็ไม่ชอบใจ และคนอื่นก็ใช้มือในผลักหัวแต่นี่ไม่ใช่คนมันเป็นผีหัวขาด และทุกคนก็วิ่งหนีไป และมีหมอเฒ่าเป็นนักปราบผี และใช้ไหโบราณผนึกผีหัวขาดตัวนั้น ตอนที่หมอเฒ่ากำลังผนึกผีหัวขาดตนนั้นได้แต่หัว ส่วนร่างของผีหัวขาดก็เก็บไว้ในสุสานตามเดิม 25 ปีต่อมา เมฆ ลูกชายของไฝ มีนิสัยเป็นคนชอบช่วยเหลือคน โดยเฉพาะ ป๋อง เพื่อนสนิทของเมฆที่มักมีเรื่องให้เมฆต้องช่วยอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองได้เจอผกากับเพื่อนชื่อเง็ก ผู้หญิงที่ทั้งสองแอบชอบอยู่ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋า จึงเข้าไปช่วย สร้างความไม่พอใจให้สาธิต คู่หมั้นของผกาเป็นอันมาก ส่วนป๋องนั้นแอบหลงรักเง็ก แต่เง็กไม่เล่นด้วยแถมไล่ตะเพิดทุกครั้งที่เห็นหน้า จนป๋องทนไม่ไหวได้ขอร้องให้เมฆช่วยเรื่องเง็ก เมฆทนคำขอร้องไม่ไหวจึงยอมช่วย โดยเมฆได้ไปขโมยตำราปราบผีของพ่อ (ไฝ) เพื่อที่จะมาทำพิธีกลั่นไอเสน่ห์ โดยที่ทั้งสองได้ไปทำพิธีในป่าช้าฝังศพผีถั่วแระ และได้ทำให้ผีถั่วแระฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพราะป๋องได้ไปดึงมีดที่สะกดวิญญาณผีถั่วแระออก แต่ทั้งสองนั้นไม่รู้ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับเมฆได้ช่วยเหลือผีกองกอย ให้หลุดพ้นจากการคุมขังทำให้ผีกองกอยยอมเป็นผีรับใช้เมฆ ในขณะที่ผีถั่วแระพอฟื้นคืนชีพก็จับหนูดูดเลือดเพื่อเพิ่มพลัง และเริ่มติด ตามหาหัวของตัวเอง เพื่อให้มารวมกับตัว และตามหาสร้อยหยกที่ไฝนั้นขโมยมาคืนซึ่งตอนนี้สร้อยได้อยู่ที่เมฆลูกของไฝ ณ จวนผู้ว่า ในงานวันเกิดของผู้ว่า หรือขุนวิชัยพ่อของผกา สาธิตและเสี่ยกวงได้นำของขวัญมาให้ผู้ว่าซึ่งก็คือโถที่ใส่หัวของผีถั่วแระไว้แต่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว ขณะเดียวกันในงาน เมฆและ ป๋องที่แอบอยู่ก็พยายามที่จะพ่นไอเสน่ห์ใส่เง็กแต่พลาด ไอเสน่ห์ไปโดนมารีรีน คนใช้ของเง็กแทนทำให้เกิดความวุ่นวายเพราะมารีรีนคอยวิ่งไล่ตามป๋องจนทำให้ทั้งป๋องและเมฆต้องหนีออกจากงาน ต่อมาในงานวันหมั้นของสาธิตและผกา เมฆและป๋องแอบเข้าไปในงานพร้อมกับนำผีกองกอยใส่กระบอกไม้ไผ่ เพื่อที่จะไปขัดขวางการหมั้น โดยเมื่อถึงเวลาที่จะต้องสวมแหวนผีกองกอยก็คอยกวนจนไม่สามารถสวมแหวนได้ ในขณะที่ทั้งเมฆและป๋องหลุดหัวเราะออกมาทำให้ดาบแฉ่ง รู้ตัวและไล่จับทั้งสองรวมทั้งมารีรีนที่คอยไล่ตามป๋องจนทำให้งานหมั้นวุ่วาย เมฆและป๋องต้องหนีอีกครั้ง จนหนีมาถึงป่าช้าที่เก็บศพ โดยที่มารีรีนตามมาด้วย แต่มารีรีนต้องโชคร้ายไปเจอกับผีถั่วแระ และถูกผีถั่วแระที่ยังไม่มีหัวดูดเลือดจนตายต่อหน้าเมฆและป๋อง ดาบแฉ่งที่ตามมาเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองฆ่า จึงตามจับป๋องและเมฆหนีกลับไปหาใฝที่บ้านเล่าเรื่องผีหัวขาดให้ฟัง ใฝตกใจมากและทั้งสามคนจึงต้องหาวิธีปราบ แต่ทั้งสามกลับถูกดาบแฉ่งจับได้เสียก่อน ในโรงพักทั้งสามพยายามพูดเรื่องผีหัวขาด แต่ไม่มีใครเชื่อ จึงต้องถูกขังต่อไป ณ จวนผู้ว่า เง็กมาขอนอนกับผกา ภายนอกไม่มีใครรู้ว่าผีหัวขาดกำลังตามหาหัวเข้ามาในจวน และได้ฆ่าท่านผู้ว่าและคุณนายพวงทอง ตายและต่อหัวได้สำเร็จ ทำให้ผกาและเง็กต้องหนีไปอาศัยอยู่กับสาธิตชั่วคราว ในโรงพักผีหัวขาดได้ตามไปเอาสร้อยคืนจนเกิดการกันต่อสู้กันระหว่างผีถั่วแระกับผีกองกอยทำให้ผีกองกอยตายไป แต่ทั้งสามก็หนีออกมาได้ และหาวิธีกำจัดผีหัวขาด โดยการวางระเบิดเพื่อที่จะเผาผีหัวขาดแต่ไม่สามารถทำอะไรผีหัวขาดได้ จนในที่สุดทั้งหมดหนีไปและไปพบกันที่โรงทำน้ำแข็ง ผีถั่วแระก็ตามไปอาละวาดเพื่อทวงสร้อยคืน ขณะที่กำลังอาละวาดอยู่นั้น ผีถั่วแระได้เดินผ่านท่อไฮโดรเจน ไอเย็นจากท่อไฮโดรเจนทำให้ผีถั่วแระชะงักตัวสั่นแข็ง เมฆจึงรู้ทันทีว่า ผีถั่วแระกลัวความเย็นจึงให้ทุกคนเปิดวาล์วในโรงน้ำแข็ง แต่ว่าวาล์วแต่ละอันแข็งมากไม่สามารถเปิดออกได้ ผกาพยายามจะเดินไปช่วยเมฆเปิดวาล์วแต่รองเท้ากลับติดอยู่กับร่องไม้จนถูกผีหัวขาดจับตัว เมฆพยายามช่วยด้วยการเอาสร้อยเข้าแลก ขณะที่ผีหัวขาดเผลอ เมฆเข้าไปจะเอาสร้อยคืนจึงเกิดการต่อสู้กัน ผีถั่วแระพลาดท่าตกลงไปในบ่อผลิตน้ำแข็งทำให้ร่างของผีถั่วแระค่อยๆแข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง และค่อยๆ แตกตัวสลายไปในที่สุด ทุกคนดีใจมากที่ปราบผีถั่วแระลงได้ และจากการเสี่ยงของเมฆเพื่อที่จะช่วยเหลือผกาทำให้ผกาซึ้งใจและยอมรับไมตรีจากเมฆ และบอกเลิกกับสาธิตที่ไม่ยอมช่วยเธอเลย และหลังจากนั้นทั้งหมดก็ทยอยเดินออกจากโรงน้ำแข็ง โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งละลายพร้อมกับทิ้งคำปริศนาไว้
อาถรรพณ์ แก้บนผี (2547/2004) ปิ่น, มอส, หมวย และบรรดาเพื่อน ๆ เป็นเด็กสาวที่เพิ่งจบการศึกษาชั้นมัธยม ขณะที่ทั้งหมดกำลังรอสอบเข้ามหาวิทยาลัย คืนหนึ่ง ทั้งหมดได้เดินทางไปยังบ้านร้างแห่งหนึ่งชานกรุงเทพมหานคร ที่ร่ำลือว่าเป็นบ้านผีสิง ที่หน้าบ้านมีศาลเพียงตาตั้งอยู่หน้าอย่างน่ากลัว พร้อมของแก้บนและเครื่องเซ่นต่างๆ ด้วยความคึกคะนอง มอสจึงเอ่ยปากท้าทายและตามมาด้วยเพื่อนๆ ทั้งหมด ด้วยไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ต่อมา ในกลุ่มเพื่อน ๆ ต่างได้ประสบกับเหตุการณ์แปลก ๆ มอสเองก็ฝันแปลก ๆ จนตัวเองต้องป่วยหนัก ก่อนที่ทั้งหมดจะต้องเซ่นสังเวยการท้าบนบานครั้งนี้ด้วยชีวิต
คนเล่นของ (2547/2004) บุ๋มหญิงสาวแววตาอาฆาต ……กำลังคุยกับ แนนสาวน้อยซึ่งมีใบหน้าโกรธแค้น บุ๋มบังคับให้แนนเซ็นมอบมรดกทรัพย์สินของตระกูลให้กับหล่อน โดยบุ๋มอ้างว่าสิทธินี้ควรเป็นของตน แล้วทั้งสองก็พูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น…ในอดีต ประธาน ได้มีสัมพันธ์รักกับ บุ๋ม ในตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาสาว ทั้ง ๆ ที่ประธานมีครอบครัวอยู่แล้ว จากนั้นไม่นาน…บุ๋มก็ท้อง ประธานเลี่ยงความรับผิดชอบโดยการเอาเงินฟาดหัว เท่านั้นยังไม่พอ เขาพร้อมกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ร่วมกันข่มขื่นบุ๋ม… บุ๋มกลับมาทวงสิทธิของลูกในท้อง แต่กลับถูกประธาน ดุด่า และทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำ ด้วยความแค้น บุ๋มจึงไปหาหมอทำคุณไสย เพื่อปล่อยของใส่พวกเพื่อนประธาน พร้อมกับประธานและครอบครัว ในที่สุดทุกคนก็ตายสมใจบุ๋ม คราวนี้ลูกในท้องของบุ๋มก็มีสิทธิในมรดกของประธานโดยชอบธรรม แต่แล้วจู่ ๆ ในขณะที่บุ๋มกำลังข้ามถนน ก็ถูกรถชนเข้าอย่างจัง กลายเป็นว่า…กมลา เมียน้อยอีกคนหนึ่งของประธาน พร้อมกับลูก ๆ ได้รับมรดกทั้งหมด ไป แทนที่จะเป็นบุ๋ม ซึ่งแท้งลูก นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล กมลาและลูก ๆ รุตน์พี่ชายคนโต แนนพี่สาวคนรอง เหน่งลูกชายคนกลาง และบอลน้องชายตัวเล็กย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของประธาน ดูท่าทางทุกคนตื่นเต้น และมีความสุข เหมือนคนถูกหวย โดยที่หารู้ไม่ว่า ภัยร้ายกำลังจะมาเยือน บุ๋มกลับเข้ามาสู่กองมรดกของประธานอีกครั้ง ในฐานะลูกสะใภ้ของกมลา เมื่อบุ๋มเข้าวิวาห์กับรุตน์ พี่ชายตนโต โดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่า บุ๋มกำลังตามมาทวงสิทธิของตนในมรดกประธานคืน บุ๋มคิดปล่อยของใส่ทุกคนในครอบครัวกมลา เพื่อตนเองก็จะได้รับมรดก โดยสิทธิของลูกสะใภ้ซึ่งจะเหลืออยู่เพียงคนเดียว บุ๋มเริ่มแผนการ โดยให้หมอทำพิธีปล่อยของใส่ เหน่งน้องชายคนกลางตาย พบสาเหตุการ ทำให้แนนพี่สาวคนรอง ต้องพิสูจน์หาความจริง จนในที่สุดหล่อนได้ไปเจอกับ ดนัยผู้สื่อข่าวหนุ่ม ซึ่งติดตามคดีการตายแปลก ๆ หรือที่เขาเรียกว่า ตายด้วยคุณไสย ดนัยให้ข้อมูล และความช่วยเหลือแนนอย่างเต็มที่ แต่ทั้งสองก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยของ ไม่นานนัก…รุจน์ก็ต้องมาตายลงไปอีกคน ดนัยกับแนนพยายามค้นหาว่า ใครคือผู้ที่บงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง จนในที่สุดทั้งคู่ก็รู้ว่า แท้จริงแล้วบุ๋มคือผู้วางแผนการทั้งหมด ในขณะที่ กมลา และบอล น้องชายคนสุดท้อง กำลังโดนของ แนนกับดนัยได้ร่วมมือกัน โดยดนัยไปจัดการตามล่า หาตัวหมอปล่อยของ ส่วนแนนก็ต้องต่อสู้กับบุ๋ม เพื่อรักษาชีวิตของน้องและแม่ ทั้งหมดต้องแข่งกับสิ่งที่พวกเขาไม่เคยอยากเชื่อ…….
คนเห็นผี 2 (The Eye 2) (2547/2004) “คนเห็นผี 2” (The Eye 2) โปรเจกต์ร่วมทุนสร้างครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างไทยและฮ่องกงโดย 3 โปรดิวเซอร์มือทอง “สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, ปีเตอร์ ชาน และ นนทรีย์ นิมิบุตร” จาก 3 บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ระดับแถวหน้าแห่งเอเชีย “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล, แอพพลอส พิคเจอร์ส และ ภาพยนตร์หรรษา” ภายใต้การเผชิญหน้าและร่วมชะตากรรมกันเป็นครั้งแรกของ 3 ซูเปอร์สตาร์แห่งเอเชีย “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” นักแสดงชายแถวหน้าของเมืองไทย, “ซูฉี” นักแสดงสาวชาวฮ่องกงที่โด่งดังระดับโลก และ “ยูจินเนีย หยวน” (ประกบ “หลีหมิง” ใน “Three อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต”) นักแสดงสาวลูกครึ่งจีน-อเมริกันทายาทสาวของ “จางเพ่ยเพ่ย” ราชินีนักบู๊แห่ง “ชอว์ บราเดอร์ส” “คนเห็นผี 2” (The Eye 2) กลับมาถ่ายทอดเรื่องราวสยองสุดระทึกจากมุมมองของ 2 พี่น้องผู้กำกับตระกูลแปง “ออกไซด์-แดนนี แปง” แห่ง “คนเห็นผี” (The Eye) และ “เพชฌฆาตเงียบอันตราย” (Bangkok Dangerous) และทีมงานระดับหัวกะทิจากคนเห็นผีภาคแรกอย่างโปรดิวเซอร์และผู้เขียนบท “โจโจ้ ฮุย” และผู้กำกับภาพ “เดชา ศรีมันตะ” (เจ้าของรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์ “Catalonian International Film Festival” ที่ประเทศสเปน) ฯลฯ บอกเล่าเรื่องราวในแนวสยองขวัญสั่นประสาทโดยเล่นกับสถานการณ์ในพื้นที่จำกัดเพื่อปลุกเร้าความตื่นระทึกที่พร้อมเล่นกับความรู้สึกของผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของภาพยนตร์ในซีรีส์คนเห็นผีจนประสบความสำเร็จไปทั่วโลก มีความเชื่อบางอย่างสำหรับการที่ใครสักคนจะสามารถมองเห็นสิ่งที่เรียกว่า “ผี” ได้นั่นไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ กับคนทั่วไป การที่คนเราจะสามารถมีพลังในการรับรู้ในปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นใน 2 กรณีด้วยกันคือ “การเกิด” และ “การตาย” แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าถ้าใครสักคนตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีองค์ประกอบของทั้ง 2 สิ่งเกิดขึ้นพร้อมกันจะเป็นอย่างไร จนกระทั่งมันเกิดเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง ความรักสำหรับคนอื่นอาจเป็นสิ่งสวยงามที่พร้อมเติมเต็มและเป็นพลังของชีวิต แต่บางครั้งที่ความรักกับกลายเป็นยาพิษที่ทำร้ายและทำลายชีวิตของคนอีกหลายคน ดังที่กำลังเกิดขึ้นกับ “โจอี้” (ซูฉี) เมื่อความรักคือความทุกข์ที่พร้อมถาโถมกระหน่ำวนเวียนต่อชีวิตของคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่สามารถหลบหลีกได้ หนทางเดียวที่จะหลุดจากห้วงแห่งความเศร้าที่แสนทรมานได้นั้นมีเพียงหนทางเดียวคือความตาย หลังจากที่พยายามลงมือฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งด้วยการกินยานอนหลับทำให้โจอี้ตกอยู่ในสภาวการณ์ของความเป็นและความตายที่อยู่เพียงแค่เอื้อม แต่แรงปรารถนาที่เธอต้องการหลับไม่สัมฤทธิ์ผลเมื่อมีคนช่วยชีวิตเธอได้ทัน ไม่มีใครรู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงการเรียกร้องความสนใจจากความผิดหวังในรักที่โจอี้มีต่อ “แซม” (ติ๊ก เจษฎาภรณ์) ชายคนรักหรือเป็นเพราะภาวะของการป่วยทางจิตที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเองอย่างที่หลายคนเข้าใจ เมื่อสถานการณ์เฉียดตายผ่านพ้นไป โจอี้ได้พยายามตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่กลับพบว่าตัวเองตั้งท้อง ความรู้สึกสับสน เหงา และรู้สึกแปลกแยกผุดขึ้นในใจอีกครั้งหลังจากที่เธอพยายามติดต่อขอคืนดีกับแซม แต่กลับลงเอยด้วยคำตอบที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำให้โจอี้ย้อนกลับสู่โลกมืดอีกครั้งเธอตัดสินใจทำแท้ง และนั่นเองเป็นจุดที่นำเธอไปสู่ประสบการณ์บางอย่างที่ไร้ซึ่งคำอธิบายซึ่งหญิงสาวอย่างโจอี้ต้องเผชิญด้วยดวงตาของเธอเอง การเกิดประสบการณ์บางอย่างที่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถมองเห็นได้ ภาพแปลกตาของคนแปลกหน้าที่ไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก ความทุกข์ทรมานที่แสนสาหัสจากสิ่งที่เห็นและรู้สึกได้เริ่มคืบคลานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต นับตั้งแต่ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่หันมาสบตาเธอบริเวณสถานีรถไฟ ก่อนที่เขาจะทิ้งร่างของเธอเองลงขวางรถไฟทั้งขบวนที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็วใส่ร่างดังกล่าวอย่างจัง ตามด้วยอีกหลายเหตุการณ์ที่ตามคุกคามผ่านเข้ามาในชีวิตซึ่งยากเกินกว่าจะอธิบายได้ เป็นภาพที่ปรากฏขึ้นผ่านการมองเห็นจากดวงตาของโจอี้เอง ดูเหมือนว่าความพยายามที่จะสลัดภาพเหล่านี้ออกไปจากชีวิตทำให้เธอต้องหวนกลับไปหาแซมอดีตคู่รักที่ยังคงมีอิทธิพลสำคัญในชีวิตของเธอ พ่อของเด็กในท้องของเธอที่เขาไม่รู้อะไรเลย แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็ปลงไม่ตกกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ แรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้เธอเชื่อว่าสิ่งที่เผชิญอยู่ไม่ได้เป็นเพราะอาการทางประสาทหรือจิตหลอนแต่อย่างใด แต่นี่คืออาการของ “คนเห็นผี” ต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการมาถึงของ “ผู้หญิงลึกลับ” (ยูจินเนีย หยวน) คนหนึ่ง มันคือบ่อเกิดของเรื่องราวที่นำไปสู่สถานการณ์ที่รายล้อมไปด้วยคำถามที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด ที่เธอจะต้องค้นหาคำตอบให้ได้ด้วยตัวของเธอเอง
ผีช่องแอร์ (2547/2004) กลุ่มนักดนตรีวัยรุ่น ประกอบไปด้วย พิมพ์นักร้องนำ และเพื่อนร่วมวงดนตรีอีก 5 คน ได้เดินทางมาเล่นดนตรีและเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ ภายในห้องพักที่เหลืออยู่เพียงห้องเดียวเท่านั้น คือห้อง 409 ซึ่งเป็นห้องที่ “แสงดาว” หญิงขายบริการเบอร์หนึ่งของโรงแรมถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมสยดสยอง โดยการตัดคอและนำเอาหัวของแสงดาวมาทิ้งไว้ที่ช่องแอร์ หลังจากเกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นกับสมาชิกในวง โดยเริ่มจาก บอยที่ถูกรถชนกระเด็นพุ่งทะลุผ่านกระจกตกลงตายอย่างสยดสยอง และกบ ที่เกิดความกลัวจนถึงสุดขีด หยิบปืนขึ้นยิงมั่วจนไม่สามารถขัดขืนแรงสะกดของแสงดาวที่หันปลายปืนเข้าหาตัวจนปืนลั่นกรอกปากตายคาที่ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกทุกคน ก็มีแค่ พิมพ์และหนุ่ย เท่านั้นที่มีชีวิตที่เหลือรอด พิมพ์นั่งเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอและเพื่อนกลุ่มนักดนตรีให้กับตำรวจฟัง หลังจากที่เธอต้องเสียเพื่อนแต่ละคนไปจนเหลือแค่เธอกับหนุ่ย หนุ่ยต้องเข้าไปนอนในโลงศพทุกคืนเพื่อจะรักษาชีวิตไว้ได้ พิมพ์เล่าต่อว่า ปัจจุบันแสงดาวไม่มาปรากฏตัวให้เธอเห็นเลย อาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็ได้ แล้วคำถามที่ว่า ใครฆ่าแสงดาว เธอก็ให้คำตอบว่า อาจเป็นผู้ชายคนใดคนหนึ่งที่ตายไปนานแล้วอย่างไม่มีคนดูแลและทุกข์ทรมานที่สุดก็เป็นได้ ตำรวจได้นำตัวพิมพ์ไปถ่ายรูปเก็บประวัติแต่เมื่อล้างรูปออกมาผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นกลับกลายเป็นแสงดาว
คน ผี ปีศาจ (2547/2004) จากแรงบันดาลใจที่เคยต้องถูกขังอยู่ในตึกแถวคนเดียวทั้งวันไปจนถึงกลางคืน จนอดไม่ได้ที่จะลองผูกเรื่องและแตกโจทย์ขึ้นมาในลักษณะของบทภาพยนตร์ โดยมี “มะเดี่ยว–ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” คนรุ่นใหม่ในวัย 22 ปีรับผิดชอบในตัวบทภาพยนตร์และทำหน้าที่ในส่วนของการกำกับภาพยนตร์ ได้ที่ปรึกษาอย่าง “ยุทธนา บุญอ้อม, พงศ์นรินทร์ อุลิศ, ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ช่วยผลักดันจนในที่สุดกลายเป็น “คน ผี ปีศาจ” ภาพยนตร์ระทึกขวัญใน “โครงการยักษ์เล็ก” ทางเลือกที่ถูกเปิดขึ้นสำหรับคนทำหนังเลือดใหม่ของทาง “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และเป็นภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกในชีวิตของมะเดี่ยว หลังจากผลงานหนังสั้น, หนังสารคดีมาก่อนหน้านี้อย่างมากมาย… “จะเป็นอย่างไร เมื่อต้องอยู่ในบ้านที่เป็นตึกแถวสี่ห้าชั้นมืดๆ คนเดียว บรรยากาศของตึกแถวที่แสงเข้ามันจะน้อยมันทึมๆ มืดๆ ไปทุกชั้น แล้วเวลาข้างบ้านจะทำอะไรก๊อกแก๊กๆ จะได้ยินกันหมด พอได้ยินกันหมดก็เออ! อยู่ในบ้านตัวเองหรือเปล่านะ เกิดจินตนาการไปต่างๆ นานา และถ้าเกิดเราติดอยู่ในบ้านมีอะไรแปลกๆ จะทำอย่างไร” และนี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว 4 วันที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งหนึ่งซึ่งมีขนาด 4 คูหาที่ตัวตึกทะลุถึงกัน ชั้น 1 เป็นโรงพิมพ์ ชั้นลอยเป็นออฟฟิศของป้าบัว ชั้น 2 ที่เป็นห้องนอนที่อยู่อาศัย และชั้นบนสุดเป็นที่พักของคนงาน โดยมีจุดศูนย์กลางของเรื่องราวอยู่ที่ “อุ้ย” (แอร์-ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวที่หนีตายมาจากต่างจังหวัดซึ่งถูกส่งให้เข้ามากรุงเทพฯ เพื่ออาศัยอยู่กับ “ป้าบัว” (อมรา อัศวนนท์) ญาติห่างๆ หลังจากสูญเสียพ่อและแม่อย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตาเมื่อถูกสั่งฆ่าจากผู้มีอิทธิพลซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้ายาบ้า ทำให้เด็กสาววัย 15-16 ที่มีภูมิหลังอยู่ที่จังหวัดพิจิตรอย่างอุ้ยต้องประสบกับภาพหลอนของคนที่ฆ่าพ่อแม่มาไล่ตามฆ่าเพื่อเอาชีวิตของตัวเองอยู่เสมอๆ แต่แทนที่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของอุ้ยจะดีขึ้นกลับกลายเป็นว่าทันทีที่ก้าวเท้าแรกของสู่โรงพิมพ์แห่งนี้ กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่อุ้ยต้องเผชิญคือความผิดปกติของบรรยากาศสถานที่พร้อมทั้งผู้คนอีก 3 คนที่ดูแปลกตาในโรงพิมพ์แห่งนี้ โดยเริ่มที่ป้าบัวเจ้าของโรงพิมพ์ที่มีอีกหนึ่งอาชีพที่ไม่ธรรมดาคือร่างทรงของเจ้าพ่อ ว่ากันว่าเหตุผลที่ป้าบัวกลายมาเป็นคนทรงเนื่องจากก่อนหน้านี้สูญเสียสามีและลูกชายที่รักมากๆ โดยทิ้งหลานชายปล่อยให้สาวใหญ่วัย 52 อย่างป้าบัวต้องเลี้ยงดู “อาร์ม” (อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์) เพียงลำพัง ความผิดหวังทำให้ป้าบัวมุ่งหาที่พึ่งทางใจ ก่อนที่ในท้ายที่สุดป้าบัวกลับกลายมาเป็นอีกหนึ่งร่างทรงของเจ้าพ่อ แต่คงไม่แปลกใจเท่าอาร์มเด็กชายวัย 11-12 ขวบหลานชายของป้าที่ดูลึกลับไว้ตัวและหวาดกลัวต่อการเข้าห้องน้ำ พร้อมกับพูดถึงใครบางคน อาร์มเชื่อว่าปรากฏอยู่ในบ้านตลอดเวลา ซึ่งอาร์มได้ให้คำจำกัดความต่อเสียงเดิน ร้อง พูดคุยที่คอยกวนอุ้มในยามวิกาลตลอดเวลาว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีเพียงเรา 3 คนเท่านั้น และรอยแผลเป็นที่อยู่บนหลังของอาร์มก็ไม่ได้เป็นฝีมือของคน สำหรับคนสุดท้ายอย่าง “ไม้” (ธีรดนัย สุวรรณหอม) เด็กหนุ่มลูกจ้างวัย 16-17 คนงานประเภทหาเช้ากินค่ำประจำโรงพิมพ์ ซึ่งไม่เคยพูดจาถูกหูอุ้ยเลยตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน ภาพพจน์ของไม้ที่อุ้ยรับรู้มาจากคนงานในโรงงานคือ เพื่อนของไม้เคยงัดแงะบุกรุกเข้ามาในโรงพิมพ์เพื่อขโมยของ ด้วยเหตุบังเอิญที่ทำให้เขาต้องมาพัวพันกับเรื่องราวอันน่าสะพรึงนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งนี้ทุกชั่วโมงในแต่ละวันค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อยๆ พอๆ กับที่อุ้ยค่อยๆ ซึมซับถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งนี้ ทั้งจากป้าบัวและอาร์มที่ทำให้อุ้ยต้องอาศัยยาระงับประสาทที่เธอต้องพกติดตัวและพึ่งพามันตลอดเพื่อกัดกร่อนและลดทอนความตึงเครียดที่ตามรุกเร้าเธอโดยไม่ปล่อยโอกาสให้ได้หายใจและทันตั้งตัว จนกระทั่งเธอได้เผชิญและสัมผัสถึงรูปแบบของสิ่งที่ถูกเรียกขานว่า “ปีศาจ” ตรงหน้าเข้าอย่างจัง…
เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี (2547/2004) หมู่บ้านมอญเล็กๆ ที่มีความสงบสุขมาตลอด ชาวบ้านมีความรักใคร่กลมเกลียวกัน คนในหมู่บ้านก็มีความสามัคคีกันทุกครัวเรือน แต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดเมื่อ กาหลง หญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเกิดตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ อันเป็นการตายแบบสยดสยอง สร้างความอกสั่นขวัญหายให้กับคนในหมู่บ้าน ที่ต่างคิดว่าเป็นการกระทำของพวกผีปิศาจ ก่อนตาย กาหลง อาศัยอยู่กับพ่อและแม่พร้อมด้วยลูกน้อยวัย 8 ขวบอีกคน ที่ได้เป็นเณรอยู่วัดประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้กาหลงยังมีน้องสาวแสนสวยอีกคนชื่อ ปิปี้ ทำงานอยู่ในเมืองหลวง ในวันแรกของงานศพกาหลง ชาวบ้านต่างทยอยมาร่วมงานกันพอประมาณ ก๊วนขี้เมาจอมแสบนำทีมโดย หนูแดง พร้อมด้วย แตงไทย ไหมดี และสีดา เกิดเมาได้ที่ ก็อุตริขึ้นไปสวดมาลัยแบบผิดๆ ถูกๆ ต่อหน้าศพ แล้วก็ได้เรื่องเมื่อทั้งก๊วนขี้เมาจอมแสบและชาวบ้านที่อยู่ในงาน ต้องเผ่นกันป่าราบกับความสยองที่ต่างเผชิญกันมา ปิปี้ทราบถึงการเสียชีวิตของพี่สาวก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางโดน แดน ลูกชายกำนันโด่งที่หลงรักปิปี้แทะโลมแต่ปิปี้ไม่สนใจ กำนันโด่งเป็นผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่น นอกจากนี้เบื้องลึกกำนันโด่งยังชอบหลอกล่อสาวๆ หน้าตาดีในหมู่บ้านมาบำเรอ โดยใช้หมอเสน่ห์นามว่าอาจารย์แอ เป็นผู้ทำเสน่ห์ยาแฝดมาให้ วิญญาณกาหลงไม่สงบสุขเมื่อเณรแอได้ปลุกเธอขึ้นมาเพื่อลนเอาน้ำมันพราย แล้วเณรแอยังสะกดวิญญาณกาหลงให้เป็นทาสตังเองอีกด้วย กาหลงได้มาเข้าฝันเณรลูกชายให้หาทางช่วยปลดปล่อยจากความทรมานสำหรับวิญญาณตนเอง เณรน้อยสงสารโยมแม่จึงขะมักเขม้นกับการร่ำเรียนตำราทางไสยเวศย์เพื่อช่วยโยมแม่ หมู่บ้านที่เคยสงบสุขเวลานี้ได้เกิดอาเพศอย่างหนัก เมื่อเกิดผีออกมาอาละวาด แม้แต่หลวงพ่อแนบ และพระเณรในวัดต่างก็กลัวผีกันไปตามๆ กัน กระทอก หนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านกับปิปี้เกิดมีความรักชอบพอกัน สร้างความไม่พอใจให้กับแดนและดวงตา ลูกสาวของกำนันโด่ง ที่แอบรักกระทอกอยู่ วิญญาณกาหลงได้พยายามสื่อสารกับคนในหมู่บ้าน โดยการเข้าสิงร่างนางเอกลิเกที่กำลังแสดงแก้บนเพื่อบอกให้ชาวบ้านรู้ว่าเวลานี้มีหญิงสาวกำลังโดนมนต์สะกดของอาจารย์แอ แต่กว่าจะสื่อกันรู้เรื่องก็เกือบจะทำให้ชาวบ้านเผ่นหนีกันเป็นแถว หนูแดงพร้อมชาวบ้านนำกำลังกันไปตามหาหญิงสาว ทางด้านอาจารย์เณรแอระหว่างที่กำลังสะกดสาวชาวบ้าน สัปเหร่อชอบกับพวกเกิดมาเห็นเข้า อาจารย์แอรู้ตัวก็สั่งให้วิญญาณที่ตนเองเลี้ยงไว้ออกไปทำร้ายพวกสัปเหร่อชอบ กลุ่มสัปเหร่อหนีผีมาเจอกับกลุ่มหนูแดงแบบกระชั้นชิด ก็ทำให้หนูแดงและชาวบ้านหนีเผ่นอีกครั้ง เพราะเข้าใจว่าลูกน้องสัปเหร่อชอบที่หน้าตาไม่ต่างอะไรกับผีคือผี ก็เลยเผ่นกันไปคนละทิศละทาง ก่อนที่จะวิ่งมารวมกันอีกทีเมื่อถึงบริเวณวัด เพราะหวังเอาพระเป็นที่พึ่ง ขณะที่หลวงพ่อแนบและพระเณรในวัดต่างก็หวาดๆ กับผีที่อาละวาดอยู่ขณะนี้ พอชาวบ้านวิ่งเข้าวัดและทราบว่าผีกำลังไล่ล่าอยู่ งานนี้ทั้งหลวงพ่อ พระ เณร ต่างก็วิ่งกันจีวรปลิว เมื่อพระยังเผ่นมีหรือชาวบ้านจะอยู่ก็เผ่นกันไปคนละทิศละทาง การอาละวาดของผี ทำให้ชาวบ้านต้องจ้างหมอผีมาปราบ แต่แทนที่หมอผีจะมาปราบผีกลับหนีผีอย่างไม่เหลียวหลัง ทำเอาชาวบ้านต้องเผ่นอีกครั้ง ศึกคาถาอาคมเริ่มระเบิดขึ้น เมื่ออาจารย์แอเตรียมปลุกผีทั้งป่าช้าออกล่าชาวบ้าน ขณะที่เณรน้อยผู้มุ่งมั่นศึกษาวิชาด้านไสยศาสตร์จนช่ำชอง ก็เตรียมที่จะช่วยชาวบ้านให้พ้นจากเณรแอ เณรจะช่วยวิญญาณกาหลงผู้เป็นแม่ได้หรือไม่ กาหลงตายเพราะเหตุใด การต่อสู้ของเณรกับอาจารย์แอจะเป็นอย่างไร หาคำตอบได้ใน เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี
แว่วเสียงซอ (2547/2004) แม่พริ้ง สาวงามของหมู่บ้าน เธอมีความสามารถในการสีซอได้ไพเราะและน่าฟัง ไทย ชาย หนุ่มที่แม่พริ้งรักใคร่และเทิดทูน เรียนซอมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก สอน ชายหนุ่มข้างบ้านที่ แอบหลงรักแม่พริ้งพยายามทำทุกอยางเพื่อให้เธอรัก แล้วแม่พริ้งก็มาจากไปทิ้งให้เป็น ปริศนาของคนทั้งหมู่บ้าน ไทย, สอน หรือ สิ่งไหน จะเกี่ยวข้องกับการจากไปแบบปริศนา ที่ทำให้แม่พริ้งกลับมา เธอมาพร้อมกับแรงอาฆาตที่ต้องการแก้แค้น ความรักที่มีต่อชายอัน เป็นที่รักนำพาให้เธอต้องกลายเป็นหญิงที่โหดเหี้ยมอย่างน่าสะพรึงกลัว
คนเล่นผี (2547/2004) (*ปีไม่แน่ชัด อาจไม่ตรง) หมู่บ้านแห่งหนึ่งเกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อวิญญาณผีร้ายเข้าสิง แสน ชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ใน หมู่บ้านแห่งนั้น ซึ่งไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ จนกระทั่งมีชายหนุ่มต่างถิ่นมาทำพิธีขับไล่ วิญญาณร้าย ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาขนานนามว่า อาจารย์คง ผู้มีวิชาไสย ศาสตร์อันแกร่งกล้า แสน กับ ใหญ่ จึงขอเป็นลูกศิษย์ เสี่ยไพศาล ขอร้องอาจารย์ให้เสกของ ใส่ฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวตนจนได้รับกรรม ตำรวจสืบรู้ว่าเป็นฝีมือของอาจารย์คง บุษกรลูกสาว กำนันสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวของอาจารย์คง นับวันก็มีคนตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องเพิ่ง อาจารย์ผัน ผู้มีวิชาอาคมอันแกร่งกล้าเช่นเดียวกับอาจารย์คง ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นหรือ กำลังจะเริ่มต้น….
รินลณี ผีถ้วยแก้ว (2547/2004) เรื่องราวของปราง (อภิรดี ภวภูตานนท์) หญิงสาวใจแตกที่ถูกผู้ชายทิ้ง เธอไม่มีสมบัติมีค่าอะไรมากไปกว่าลูกในท้อง แต่ความคึกคะนองชอบลองของคือต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เธอตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อที่เธอได้มาจากการเล่นผีถ้วยแก้ว แต่มันกลับเป็นการทำให้วิญญาณที่มีชื่อเดียวกันนั้นมาสิงอยู่ในร่างลูกสาว ปรางจึงต้องหาทางช่วยเหลือ เพื่อกำจัดวิญญาณนั้นออกไป แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของใครอีกหลายคน ชีวิตของเธอและลูกจึงขึ้นอยู่กับตัวของปรางเอง ความรัก ความผูกพันระหว่างแม่กับลูก จะมีพลังพอที่จะขับไล่วิญญาณร้ายตัวนี้ได้หรือไม่
ฮวงจุ้ย-ฟ้า-ดิน-คน-ลิขิต (2546/2003) เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์ฮวงจุ้ย และฮวงซุ้ย จะพูดถึงหลักการของความเชื่อ หรือไม่เชื่อให้เป็นความรู้ และเป็นวิจารณญาณในการตัดสินใจของคนดู เรื่องเริ่มขึ้นที่ครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย เตี่ย อาม่าและลูกชายหญิง 4 คนมีอาเฮียไช้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำให้กิจการรุ่งเรือง แต่ความรักความสัมพันธ์ภายในครอบครัวทำให้เกิดเรื่องขึ้น อาเฮียไช้ซึ่งแทบจะเป็นคู่บุญบารมีของเตี่ย ที่เตี่ยเจริญรุ่งเรืองมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะเขา อาเฮียไช้เป็นเด็ก รุ่นน้องของเตี่ย รักชอบพอกัน ร่วมกันก่อสร้างตัว แต่ความสัมพันธ์ที่ว่าก็ต้องแตกสลายลงเนื่องจากอาเฮียไช้ เกิดความรักชอบพอกับลูกสาวของเตี่ย ซึ่งถ้านับกันจริง ๆ ก็แทบจะพูดได้ว่าเป็นหลาน แต่อาเฮียไช้ชอบเนื่องจากความสนิทสนมและเห็นน้ำใจกันมา ซึ่งทั้งหมดนี้กลับถูกขีดขวางจากเตี่ย และความเจริญก้าวหน้าของโรงงานจนทำให้เตี่ยหลงลืมประเด็นนี้ไป หลานที่มีชื่อว่าหยกกลับไม่ได้รักอาเฮียไช้ อาเฮียไช้จึงรู้สึกว่าชีวิตเขาไม่เคยสมหวังสิ่งใดสักอย่างทั้งในเรื่องของการงานที่เป็นรองเตี่ยมาตลอดและในเรื่องความรัก อาเฮียไช้จึงเกิดความอาฆาตแค้น เขาได้พบกับซินแสหม่าซึ่งเก่งทางด้านศาสตร์ฮวงจุ้ย – ฮวงซุ้ย ดูโชคชะตาแต่เป็นคนเลว เจ้าเล่ห์ และละโมบซินแสหม่าได้ชี้แนะอาเจ็กไปในทางที่ผิดโดยให้ของที่เป็นอัปมงคลไปทำลายหลักฮวงจุ้ยที่ดีของเตี่ยเพื่อทำลายตระกูลนี้ให้สิ้นซาก ด้วยอาถรรพ์หรืออุบัติเหตุไม่ทราบได้ เตี่ยกับอาม่าได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำตาม แต่หยกลูกสาวคนโตรอดได้ราวปาฏิหาริย์ หลังจากนั้นซินแสหม่าได้เข้ามาจัดการทำพิธีฝังศพเตี่ยกับอาม่า โดย ให้ทุกอย่างผิดหลักตามพิธีที่ดีเพื่อให้ครอบครัวของเตี่ยเกิดความพินาศอีก หลังจากนั้นคนในครอบครัวของเตี่ย ก็เกิดเรื่องร้ายขึ้นตลอด หยกเสียคนรักไป บอยลูกชายคนรองเสียชีวิต ป๊อปลูกชายซึ่งกลับมาจากเมืองนอก ได้ค้นพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในบริษัทจนทำให้ตนเองถูกทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด มุกดาลูกสาว คนเล็กซึ่งเป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษเกิดอาการป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุและมุกดาได้เสียคนรักไปอีกคน ทุกอย่างกำลังเดินไปในทิศทางที่เลวร้าย แต่ตระกูลนี้ได้รับการช่วยเหลือจากซินแสหนุ่มคนหนึ่งชื่อโย เขาค้นพบสาเหตุว่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายมาจากการวางฮวงจุ้ยและฮวงซุ้ยที่ผิดนั่นเอง ทั้งหมดจึงต้องเดินทางไปที่ฮวงซุ้ยเพื่อทำพิธีขุดศพขึ้นมาฝังใหม่ แต่การเดินทางไปในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะว่ามีอาเจ็กและซินแสหม่าคอยขัดขวางทุกวิถีทาง แต่ความดีย่อมชนะความชั่ว ทั้งหมดสามารถแก้อาถรรพ์ได้สำเร็จ วิญญาณของเตี่ยกับอาม่าและคนอื่นๆ ได้พ้นทุกข์และอาเฮียไช้กับซินแสหม่าก็ได้รับผลตอบแทนในสิ่งที่ตนเองทำ
สวนสนุกผี (The Park) (2546/2003) 14 ปีก่อน เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ตกลงมาจากชิงช้าสวรรค์ในสวนสนุกแห่งหนึ่ง เธอสิ้นใจทันที ด้วยเหตุนี้สวนสนุกจึงถูกสั่งให้ปิดตาย วันนี้เยน และเพื่อน ๆ กำลังกลับมา ณ สวนสนุกร้างแห่งนี้ เพื่อตามหาพี่ชายที่หายไป อลัน พี่ชายของเยน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลากว่า 6 ปี หลังจากที่เขาแอบเข้าไปในสวนสนุกร้างแห่งนั้น ยู แม่ของเธอที่เป็นหมอผีรู้วิธีจับผีด้วยกล้องดูดวิญญาณ เชื่อว่าลูกชายของเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว เยนไม่เคยเชื่อในพลังลึกลับที่แม่มีอยู่ และมั่นใจว่าพี่ชายของเธอจะต้องมีชีวิตอยู่ และคิดไว้ว่าจะไปที่สวนสนุก เพื่อรับตัวพี่ชายกลับบ้าน เคน, พิ้งกี้, ซัน, แดน, วายวาย, คาโห และเยน มาถึงสวนสนุก ยามแก่ปรากฎตัวขึ้น เขาขัดขวางไม่ให้พวกเด็ก ๆ ได้เข้าไป เพราะว่ามันคือสวนสนุกผีสิง พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ยามบอก จึงตัดสินใจแอบกลับเข้าไปกลางดึก เรื่องราวแปลก ๆ เริ่มเกิดขึ้น คาโหถ่ายวีดีโอไว้ด้วยกล้อง บางสิ่งบางอย่างปรากฎขึ้นในฟิล์ม เขาหนีไปตามทาง จนกระทั่งมาพบกับบ้านผีสิง หนึ่งชั่วโมงถัดมา ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่จุดนัดพบ แล้วก็ได้พบว่าคาโหหายไป ทั้งหมดจึงตัดสินใจแยกกันออกเป็น 2 ฝ่ายเพื่อออกตามหา เพื่อน ๆ ของเธอค่อย ๆ ตายไปอย่างลึกลับ คนแล้วคนเล่า ตอนนี้เยนเชื่อแล้วว่า ผีร้าย ณ ที่แห่งนี้ ต้องการที่จะเอาชีวิตของทุกคน ยามถือขวานเดินตรงเข้ามาที่ด้านหลังของเยน เพื่อพยายามฆ่าเยน แต่แม่ของเยนก็ปรากฎตัวขึ้น เพื่อช่วยชีวิตเธอได้ซะก่อน พวกเขาพยายามจับผีด้วยกล้องดูดวิญญาณ แต่พวกเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้หรือไม่...
บุปผาราตรี (2546)

เรื่องย่อ : บุปผาราตรี (2546/2003) บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ผีสาวสุดสยอง วิญญาณพยาบาทที่คอยวนเวียนอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อรอคอยเอก (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) คนรักที่ทอดทิ้งเธอไปในอดีต ความเฮี้ยนของเธอทำให้ผู้คนหวาดผวาพากันย้ายออกไปตามๆ กัน เดือดร้อนถึงเจ๊สี่เจ้าของออสการ์อพาร์ทเมนท์ที่ต้องความหาหมอผีฝีมือดีจากทุกสารทิศมาเพื่อขับไล่ผีสาวตนนี้ออกไปให้จงได้ บุปผา ราตรี นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่งถูก เอก ลูกเศรษฐีหลอกตามจีบจนใจอ่อน แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ เอกกลับพาเธอไปทำแท้งและหนีไปเรียนต่อเมืองนอกทันที กระทั่งวันหนึ่ง เจ๊สี่ เจ้าของออสการ์อพาร์ตเมนต์ที่บุปผาเช่าอยู่ เห็นเธอเงียบหายไปจึงได้งัดห้องเข้าไป และพบว่าบุปผาตายมาเกือบเดือนแล้วจากการตกเลือดหลังทำแท้ง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยองขวัญปั่นป่วนทั้งอพาร์ตเมนต์ เมื่อผีบุปผาเกิดเฮี้ยนออกมาอาละวาด เจ๊สี่ เจ้าของกิจการอพาร์ทเมนท์ ที่มีธุรกิจเข้าทรงเป็นอาชีพเสริม พออยู่มาวันหนึ่ง อพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่เกิดมีผีสาวปรากฎกายขึ้น จนเป็นที่หวาดผวาต่อบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ร้อนถึงเจ๊สี่ ที่ต้องตามหมอผีที่ว่าเก่งมากำจัด แต่ก็ยังโดนผีสาวเล่นงานจนเตลิดเปิดเปิง สร้างความหวาดผวาต่อผู้เช่าอพาร์เมนท์ที่เหลือเป็นอย่างยิ่ง เป็นผลให้กิจการห้องเช่าของเจ๊สี่ทำท่าจะไปไม่รอด แต่แล้ววันหนึ่ง มีชายหนุ่มนิรนามเดินเข้ามาที่อพาร์ทเมนท์ และหายตัวเข้าไปในห้องผีสิงนั้นอย่างปริศนา นับจากวันนั้น ผีสาวก็ไม่ปรากฎกายให้เห็นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มนิรนาม ดังออกมาจากห้องผีสิง ผู้เช่าที่เหลือพากันย้ายออกจนหมด เพราะทนกลัวผีต่อไปอีกไม่ไหว เจ๊สี่หมดทางเลือก จึงตัดสินใจโทรไปตามหมอผีเขมรที่เก่งที่สุด มาจัดการกับผีร้าย ก่อนที่ชายหนุ่มและกิจการอพาร์ทเมนท์ของเธอจะไปไม่รอด...

บ้านหลังนี้ผีดุ (2546/2003) "ไฟร์เบิร์ด" หรือ "วิหกไฟ" เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ชอบพิสูจน์บ้านผี ประกอดด้วยเพื่อน 2 กลุ่ม คือ เบียร์( หลุยส์ สก็อตต์) ,บ๊อบ (ภารู ภานุวัฒน์วนิชย์) และเอมี่ (เดบาร่าห์ ซี),คิงคอง ( ธวัช ทัศนาพลพินิจ) ทั้งสองกลุ่มแม้จะไม่ค่อยถูกกันนัก แต่ก็ถูกป๋อง ดีเจรายการผีชื่อดังจับมารวมกลุ่มกันลุยพิสูจน์ สถานที่ที่มีข่าวว่าผีเฮี้ยนเมื่อกลุ่มไฟร์เบิร์ดเข้าไปพิสูจน์ผีในบ้านร้างที่มีข่าวว่าผีเฮี้ยน เพราะมีผู้หญิงมาแขวนคอตายที่นี่ เอมี่ได้พบสิ่งแปลกประหลาดจนเธอขนพองสยองเกล้า เมื่อเธอบอกเพื่อนในกลุ่มก็ไม่มีใครเชื่อ จนทุกคนได้เจอเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมายด้วยตนเองและปรึกษากันว่าคดีนี้ต้องมีเงื่อนงำ แต่ยิ่งสืบก็ยิ่งพบว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีเแขวนคอตายธรรมดา แต่เรื่องที่น่ากลัวแฝงอยู่ ทั้งหมดทุ่มสุดตัวกับเรื่องนี้จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ตะเคียน (2546/2003) “กำนันวิทยา” และ “โลไกร” สองเพื่อนพรานเข้าป่าล่าสัตว์ เป็นเหตุให้ “นางตะเคียน” ผู้ปกปักรักษาป่าโกรธแค้น และฆ่าโลไกรตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้กำนันวิทยาเคียดแค้น และในขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงดู “คำทอง” ซึ่งเป็นลูกชายของโลไกรจนโตเป็นหนุ่ม คำทองหลงรัก “พร” ลูกสาวคนเดียวของกำนันวิทยา แต่กำนันวิทยากลับสนับสนุน “ไตร” วิศวกรสร้างเขื่อนให้รักกับพร ทำให้คำทองต้องผิดหวัง เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จทำให้น้ำท่วมหมู่บ้าน ในขณะที่กำนันวิทยาก็ต้องรีบตัดต้นไม้ที่ได้รับสัมปทานให้เสร็จก่อนที่น้ำจะท่วมหมดและทำให้เสียหายเป็นเงินมหาศาล กำนันวิทยาตัดต้นไม้ทุกชนิดที่อยู่ในพื้นที่ไม่เว้นแม้ต้นตะเคียนยักษ์ที่น่ากลัว หลังจากนั้นเรื่องราวที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง รวมทั้งพรที่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราโดยไม่ทราบสาเหตุ “กำนันวิทยา, คำทอง, ไตร และ ปีเตอร์” จึงมีภารกิจที่ต้องทำ ทั้งหมดต้องไปเอาวิญญาณของตอตะเคียนที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมาปลูกใหม่ เพื่อเป็นการขอขมาและช่วยเหลือพรที่นอนไม่ได้สติให้กลับมาเหมือนเดิม ทั้งหมดไม่รู้ว่ากำลังลงไปเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวที่แอบซ่อนอยู่ใต้น้ำแห่งนั้น…
ศพใต้เตียง (2546/2003) สุเชาว์ (พิเศก อินทรครรชิต) เซลล์แมนหนุ่มที่อานคตไกล โดยมีดาริน (อริศรา วงษ์ชาลี) แฟนสาวที่ทำงานที่เดียวกัน ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองกำลังเป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเพ็ญพรรณ(ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) ผู้จัดการคนใหม่ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นอนาคตการงานอันสวยหรูให้สุเชาว์ โดยต้องแลกกับความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง แต่เรื่องทั้งหมดก็หาได้พ้นสายตาของดาริน ทุกเรื่องได้ประดังเข้ามาหาเธอ ทั้งความรักและเรื่องของการตัดสินใจบางอย่างชีวิตของดารินตกอยู่ในฝันร้าย โดยมีภาพของเพ็ญพรรณและสุเชาว์คอยหลอกหลอน เช่นเดียวกับสุเชาว์ที่ต้องตกอยู่ในภาพฝันร้ายของเขาไปตลอดกาล...กับภาพฝันร้ายของใครบางคนที่นอนรอเขาอยู่ ณ ใต้เตียง
หลอน (2546/2003) เรื่องราวอาถรรพ์ และความเชื่อ และตำนานของสิ่งเร้นลับในแต่ละภาคของไทย แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 4 ภาค ซึ่งแต่ละภาคจะนำเสนอถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่และความเชื่อของภาคนั้นๆ แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน และมีการใช้ภาษาท้องถิ่นถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อให้ดูสมจริง ผีโพง เรื่องเล่าของของภาคเหนือ ที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่าผีโพงเกิดมาจาก "ว่านยา" ของผู้มีอาคมที่เลี้ยงเอาไว้ เมื่ออาคมแก่กล้ามากขึ้นว่านยาจะกลายร่างเป็น "ผีโพง" ที่ลักษณะเหมือนเจ้าของอาคมออกหาสัตว์เล็กๆ กิน ปกติผีโพงจะไม่ทำร้ายใคร จะทำร้ายก็ต่อเมื่อมนุษย์ผู้นั้นรู้ตัวตนจริงของผีโพงว่าเป็นใคร นางตะเคียน ผีภาคกลาง จะถ่ายทอดเรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกฆ่าตายใต้ต้นตะเคียน วิญญาณของเธอจึงอาฆาต และรอวันล้างแค้นคนที่ทำร้ายเธอ พรายตานี เรื่องราวของวิญญาณหญิงสาวที่มีห่วงไม่ยอมไปผุดไปเกิด เธออาศัยอยู่ในต้นกล้วย หากมีชายใดที่หลงเข้ามาเธอจะใช้เสน่ห์ร่ายมนตร์เพื่อผูกมัดเขา แต่ถ้าความรักถูกขัดขวางเธอจะดุร้ายทันที ด้าน ปอบ ผีภาคอีสาน เรื่องราวของผู้มีอาคมในหมู่บ้านที่กระทำผิดข้อห้ามที่เรียกว่า คะลำ ทำให้เกิดโทษหนักฐานผิดครู วิญญาณของบรมครูจึงมาลงโทษให้ กลายเป็นปอบ
เฮี้ยน (2546/2003) ภายใต้ท้องฟ้าที่เงียบสงบ ดูเหมือนว่าบางสิ่งที่เป็นตัวแทนของความเศร้า ผิดหวัง และเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ท้อแท้ สูญสิ้นซึ่งความหวังนอนทอดตัวสงบนิ่งอยู่ในเบื้องลึกแห่งก้นบึ้งของห้วงอารมณ์ที่โอบอุ้มไปด้วยความหวาดกลัวที่แสนเปราะบาง กำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างเงียบๆ ราวกับกำลังเรียกร้องและรอคอยให้ใครบางคนที่พร้อมจะย่างกรายเข้ามาสัมผัสถึงดวงจิตที่อัดแน่นไปด้วยความร้อนรุ่มกระวนกระวายไปทุกอณูแห่งความรู้สึกคั่งแค้นใจเพื่อรอการสะสาง บัดนี้ใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแห่งการเดินทาง เป็นการมาถึงของอาการที่คนทั่วไปรู้จักกันดีที่ถูกเรียกขานสั้นๆ ว่า “เฮี้ยน” สำหรับ “ปอวรีร์” (ทราย เจริญปุระ) หญิงสาวที่ไม่เคยก้มหัว สนใจ หรือแคร์ใครหน้าไหนในโลก โดยเฉพาะมนุษย์เพศชายทุกคน นอกจาก “กิ๊ฟ” (อินทรา วีระวัธนชัย) เพื่อนสาวเพียงคนเดียวในขณะนี้ที่ทั้งคู่ต่างเลือกปักหลักใช้ชีวิตคนกลางคืนที่แวดล้อมไปด้วยแสงสี เหล้า ยา ด้วยกันในฐานะสาวเสิร์ฟในผับชื่อดัง และซุกหัวนอนอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ดูเหมือนว่านี่คือวิถีแห่งการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างล่อแหลมและไม่เคยบันยะบันยังของหญิงสาวที่ไร้อนาคตในสายตาของใครหลายๆ คนอย่างปอ จนกระทั่งการตื่นขึ้นมาในเตียงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากคืนที่แสนสาหัสเกิดขึ้นในชีวิตของปอผ่านพ้นไป พร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายโดยฝีมือของ “ไอ้อ๊อด” (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) นักเลงขี้ยาเอเยนต์ค้ายาเสพติดที่จับได้ว่าถูกหญิงสาวที่คอยปล่อยของอย่างปอยักยอกเสียเอง แต่ในระหว่างที่วินาทีที่พยายามยื้อชีวิตตัวเองให้รอดจากเงื้อมมือของมัจจุราช ทำให้ปอพลาดท่าหมดสติตกลงไปในบึงใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดจาก “หมอฤดี” (อรัญญา นามวงศ์) รอง ผอ.โรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของไข้ สิ่งที่สร้างความช็อกให้กับปอมากที่สุดก็คือ การที่รู้ว่าตนเองกำลังตั้งท้องได้ 10 สัปดาห์แล้ว ถึงแม้ว่าจะถูกคนทั่วไปมองว่าหญิงสาวที่ไร้อนาคตอย่างปอพยายามที่จะกำจัดลูกในท้อง แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงหมอฤดีเพียงคนเดียวที่คอยเข้าใจและเป็นกำลังใจให้กับปอ ในขณะที่กำลังวุ่นวายใจกับสถานการณ์ที่ยากเกินกว่าที่จะตั้งรับได้ทัน สิ่งที่หญิงสาวที่ไม่เคยรักชีวิตของตัวเองอย่างปอต้องเผชิญกับบางสิ่งบางอย่างที่ยากเกินอธิบายที่เริ่มเข้ามาคุกคามทั้งจากการสัมผัส มองเห็น ได้ยินทั้งภาพและเสียงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโรงพยาบาล เริ่มต้นจากเสียงร้องของเด็กที่ไม่สามารถหาต้นตอได้ ตุ๊กตาที่ขยับได้เองของคนไข้เด็กที่อยู่ในห้องผู้ป่วยรวม ภาพหลอนของ “หญิงสาว” (ปรางทอง ชั่งธรรม) ที่ตนไม่เคยรู้จัก รวมไปถึงภาพเสมือนที่ดูเหมือนจริงซึ่งล้วนมีภาพของตัวเองเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทุกครั้ง พร้อมกับมีภาพของคนอีกหลายคนและอีกหลายเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะจริงจังและรุนแรงมากขึ้นทุกที ในขณะเดียวกันกับที่ “พัฒน์” (กรุณพล เทียนสุวรรณ) เจ้าหน้าที่ติดตามการรักษาของศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดคนใหม่ก็ถูกสิ่งเข้ามาประกบกับปอ เพราะเกรงว่าจะยังคงมีประวัติการใช้ยาในตัวปอ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยากเกินกว่าคำอธิบายที่ชักนำทุกคนย้อนกลับไปสู่ต้นตอของปรากฏการณ์ที่นิยามได้ด้วยคำจำกัดความว่า “เฮี้ยน”
สังหรณ์ (2546/2003) วันที่ดูเหมือนจะเป็นวันธรรมดา กลายเป็นวันที่พลิกชีวิตของเด็กหนุ่มทั้ง 3 คนไปในทันที... แดน (วรเวช ดานุวงศ์) เด็กหนุ่มท่าทางลุยๆ เอาเรื่อง แต่ก็เป็นคนมีเหตุผล, บีม (กวี ตันจรารักษ์) เด็กหนุ่มอีกคน ที่มีนิสัยขี้โมโหหงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย และไม่ยอมใคร และ บิ๊ก (อภิเชษฐ์ กิตติกรเจริญ) เด็กหนุ่มคนสุดท้าย ที่เป็นคนเดียวในกลุ่ม ที่คอยประสานรอยร้าวระหว่าง แดน กับ บีม ทุกครั้งที่ทั้งคู่มีเรื่องขัดใจกัน ทั้ง 3 คน ทำงานอยู่ฝ่ายศิลปกรรม ของนิตยสารฉบับหนึ่ง และเหตุการณ์ทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น ถ้าบังเอิญวันนั้น พวกเขาจะไม่ทำงานผิดพลาด จนถึงขั้นทะเลาะกันอย่างรุนแรง ระหว่างที่แยกย้ายกันไปด้วยอารมณ์มึนตึง แดน ก็ถูกภาพหลอนจากบางสิ่ง ที่อธิบายไม่ได้ รู้เพียงแต่ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองขับรถชนต้นไม้ จนยับไปทั้งคัน แต่เนื้อตัวกลับปราศจากบาดแผล และที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกขนลุกซู่ยิ่งกว่า ก็เมื่อลืมตาขึ้น และมองเห็นยายเฒ่าท่าทางประหลาด ยืนอยู่ตรงหน้า ส่วน บิ๊ก ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เมื่อสังเกตว่าวันนี้ลมพัดกรรโชกแรงกว่าทุกวัน และเมื่อเขาขับรถมาติดไฟแดง ที่สี่แยกแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มขายพวงมาลัย ก็โผล่พรวดขึ้นมาข้างกระจก และสร้างสัมผัสบางอย่างให้ จนบิ๊กถึงกับพูดไม่ออก ในขณะเดียวกัน อ้อม (สุภัชญา รื่นเริง) หญิงสาวที่ประวัติไม่เปิดเผย ดูคล้ายจะธรรมดา แต่กลับเหมือนมีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ ก็พาตัวเองเข้ามาผูกพันกับบีมอย่างใกล้ชิด และรวดเร็วจนผิดสังเกต ลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้น และบ่งบอกอย่างเด่นชัดว่า 1 ใน 3 ไม่บิ๊กก็แดน ไม่แดนก็บีม จะถึงฆาต โดยไม่รู้ว่าเป็นผลจากเวรกรรม หรือชะตากรรม ที่เล่นตลกกับเด็กหนุ่มทั้ง 3 คน จึงให้เกิดเหตุการณ์แปลกๆ แบบนี้ในชีวิต โดยไม่ทันให้ตั้งตัว... 1 ใน 3 คน จะเป็นใคร ? และจะช่วยตัวเองได้อย่างไร ? แล้วอีก 2 คนที่เหลือล่ะ จะช่วยตัวเอง หรือช่วยเพื่อน ในเมื่อไม่รู้ว่าตัวเองหรือเพื่อนกันแน่ที่ถึงฆาต ? และเมื่อรู้แล้วว่าใครถึงฆาต ทั้ง 3 คนจะหาทางออกให้ชีวิตอย่างไร ? ยายเฒ่าจากมุมมืด เด็กผู้ชายท่าทางแปลกๆ และหญิงสาวที่กำลังมีปัญหาเป็นใคร !? ศรัทธาแห่งความรัก สร้างปาฏิหาริย์ หรือทำลายกันแน่ !?
กว่าจะได้เผาผี (2546/2003) ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งเกิดคดีสะเทือนขวัญจนกลายเป็นความสยองสุดสะพรึง เมื่อปริศนาการตายของ มะลิ ผู้หญิงที่มีเรือนร่างงดงามจนกลายเป็นที่หมายปองของบรรดาชายหนุ่มทั้งหลาย ซึ่งแม้กระทั่งหมวดพิชิต ตำรวจหนุ่มก็ยังหลงใหลในตัวเธอ จนวันหนึ่ง มะลิถูกฆ่าตายอย่างปริศนา เงื่อนงำการตายในครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับ ดวง ชายหนุ่มที่เคยสนิทสนมใกล้ชิดกับมะลิและมีความผู้พันกับพิกุล น้องสาวของเธอ ดวงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยที่หมวดพิชิตกำลังตามตัว แต่เรื่องของมะลินั้นยังไม่จบสิ้น กลับกลายเป็น “วิญญาเฮี้ยน” ตามหลอกหลอนทุกคนที่ทำร้ายเธอ โดยเฉพาะบรรดาชายหนุ่มที่พยายามข่มเหงรังแก เบื้องลึกที่เป็นต้นเหตุแห่งแรงอาฆาตของวิญญาณสาวนั้น ใครกัน...ที่เป็นฆาตกรตัวจริง
ฮันช์ ศพพูดได้ (2546/2003) รส ฉลองงานใหม่ที่ได้เป็นนักเขียนด้วยการชวน เอก และเพื่อนเดินทางไปบ้านพักเพื่อน ของพ่อ แมน ที่ต่างจังหวัด ขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนาน เธอก็สัมผัสได้ถึงการถูกเฝ้า มองตลอดเวลา และเห็นภาพต่างๆ เข้ามาในห้วงสำนึกโดยที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่ แล้วทุกอย่างก็เฉลยขึ้นมาเมื่อ หวาย และแมนชวนเล่นผีถ้วยแก้ว มันคือสิ่งที่ทำให้รส และวิญญาณที่มีแต่แรงอาฆาตสื่อถึงกันได้ รุ่งขึ้น ปาน หายตัวไปรสชวนเพื่อนๆ ตามหา โดยมีตำรวจเข้ามาร่วมด้วย แรงสัมผัสของรสเพิ่มขึ้น ความจริงกำลังปรากฏ ใครคือผู้ที่ วิญญาณนั้นต้องการ
ผีซ่อนศพ (2546/2003) ในการพิสูจน์ร่องรอยการฆาตกรรมซ่อนศพปริศนาที่เป็นเรื่องเล่าขานกันในหมู่บ้าน แห่งหนึ่ง วันและเวลาการตายของคนๆหนึ่งที่พ้องกับวันเกิดของคนอีกคน โดยเกี่ยวพัน กับงูเห่าที่ชาวบ้านเคารพสักการะ วิญญาณยังคงวนเวียนอยู่ด้วยแรงอาฆาตที่เพิ่มทวีคูณ หลังจาก 25 ปีผ่านมา ต้น กับ มุก คู่หนุ่มสาวที่เพิ่งจะแต่งงาน และกำลังจะเดินทางมา ณ หมู่บ้านแห่งนี้เอง มันเคยเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น ความพิศวงในบ้านหลังนี้ที่เก็บซ่อน ปริศนาความตาย แรงอาถรรพ์ หรือแม้แต่ชีวิตของใครบางคนที่ยังถูกปิดบังไว้
ตำนานกระสือ (2545/2002) หากกล่าวถึง “ตำนานผีไทย” แล้วคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า “กระสือ” เป็นผีประเภทหนึ่งที่อยู่ในการรับรู้ของคนไทยตลอดมา หญิงสาวผู้ออกหากินตอนกลางคืนพร้อมกับหัวกับไส้คือคุณลักษณะที่ทุกคนสามารถบอกได้เมื่อถูกถามถึงผีกระสือ “สหมงคลฟิล์ม” ภูมิใจเสนอภาพยนตร์สยองขวัญที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปสำรวจตำนานของกระสือในมิติที่ยังไม่เคยถูกนำเสนอมาก่อนเรื่อง “ตำนานกระสือ” จากฝีมือการกำกับของนักแสดงผู้มากประสบการณ์ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เรื่องราวของตำนานกระสือกระสือเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 1763 เมื่อเมืองเขมราชปุระ อันเป็นเมืองที่อยู่ทางด้านเหนือของกรุงละโว้ราชธานี ถูกตีแตกโดยชนเผ่าไทยซึ่งนำโดย “ขุนศรีอินทราทิตย์” หลังจากเมืองถูกตีแตก “ขุนหาญศึก” เจ้าเมืองเชียงอินทร์ก็กวาดต้อนครอบครัวขอมมาเป็นเชลยเช่นเดียวกับเจ้าเมืองอื่น ซึ่งในจำนวนเชลยเหล่านั้นก็มี “นางตาราวตี” และ “แม่เฒ่ากาลา” ผู้เป็นย่าทวดรวมอยู่ด้วย เพราะความสาวและสวยของตาราวตีทำให้เธอถูกคัดเลือกเป็นนางสนมของเจ้าเมืองด้วยความจำใจ แต่ด้วยความรักที่มีต่อ “เจ้าฟ้าแจ้ง” นักรบหนุ่ม ทำให้เธอต้องถูกจับประหารชีวิต ก่อนวันประหารแม่เฒ่ากาลาผู้ลึกลับได้ถ่ายทอดพลังอมตะให้แก่ลื่อของนาง จนทำให้แม้ถึงวันประหารร่างของนางตาราวตีจะถูกเผาผลาญไปกว่าครึ่งตัว แต่หัวกับไส้ของนางกลับลอยหนีหายลับไปพร้อมกับเงาสีน้ำเงินสว่างเรือง ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ความตายของ “นางดาว” สาวสวยคนหนึ่งในหมู่บ้านทำให้จิตวิญญาณของตาราวตีได้โอกาสหาร่างเข้าสวมแทน นางดาวจึงฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นหมู่บ้านที่เงียบสงบก็ไม่สุขสงบอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อหัวขโมยสองคนได้เห็นผีหญิงสาวซึ่งมีแค่หัวกับไส้กำลังกินควายตัวหนึ่งอย่างสยดสยอง จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวก็เกิดขึ้น… “ตำนานกระสือ” ระดมนักแสดงหน้าใหม่และเก่ามากมายมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวที่แฝงอยู่ในความเชื่อคนไทยทุกยุคทุกสมัย “ลักขณา วัฒนวงศ์สิริ, นักรบ ไตรโพธิ์, ณัทธร สมคะเน, จิตรานันท์ ธรรมวงศา, (พิศมัย วิไลศักดิ์), เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์, ยาว อยุธยา ฯลฯ” ในด้านของทีมงานสร้าง “ตำนานกระสือ” เป็นผลงานการกำกับของ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” จากบทภาพยนตร์ของ “เชษฐ์ ชัชวาล” อำนวยการผลิตโดย “สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์” โดยมี “สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสิร์ฐ” เป็นผู้อำนวยการสร้าง
ผีหัวขาด (2545/2002) ไอ้เดี่ยว (ณานิศ ใหญ่เสมอ) เป็นเด็กหนุ่มกำพร้าผู้มีความสามารถด้านหมัดมวย วันหนึ่งเขาพบกับกลุ่มโจรที่ขโมยตัดเศียรพระพุทธรูป เขาจึงเข้าขัดขวางทว่าพาดท่าถูกฟันคอขาด ท่ามกลางฝนฟ้าคะนองเกิดสายฟ้าฟาดลงตรงเศียรพระที่ไอ้เดี่ยวชิงคืนมา จนเศียรพระนั้นละลายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดี่ยวกับร่างไอ้เดี่ยว ทำให้ไอ้เดี่ยวได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมากลายป็นผีหัวขาด กลับไปจัดการกับพวกมารศาสนา และชำระแค้นกับคนที่ฆ่ามัน เพื่อนำความสงบสุบกลับคืนมาสู่หมู่บ้านใต้อีกครั้ง ไอ้เดี่ยว (ต๊ะ ณานิศ ใหญ่เสมอ) เป็นเด็กหนุ่มกำพร้าผู้ได้ร่ำเรียนวิชามวยมาจากพ่อที่เป็นนักมวยเก่า ก่อนที่พ่อตายจากไป ท่านสั่งเสียให้ไอ้เดี่ยวออกตามหาเพื่อนเก่าชื่อ โกร๋น (เทพ โพธิ์งาม) ที่หมู่บ้านใต้ เมื่อย้ายไปที่นั่น ไอ้เดี่ยวตัดสินใจลงแข่งควายกับสมพงษ์ และต่อยมวยกับไอ้มาด (ธนิสร สัตยมงคล) ในงานประจำปีของหมู่บ้าน เพื่อหาเงินมาช่วยปลดหนี้ให้เพื่อนใหม่ชื่อไอ้หมึก (ชูศรี เชิญยิ้ม) ไอ้เดี่ยวเริ่มถูกไอ้มาดและสมพงษ์เขม่น เพราะนอกจากจะชนะทั้งต่อยมวยและแข่งความแล้ว สาวสวยประจำหมู่บ้านอย่าง ทับทิม (นพวรรณ ศรีนิกร) ยังดูจะมีใจให้ไอ้เดี่ยวอีก หลังจากการแข่งชกมวย เสือเม่น (อภิชาติ ชูสกุล) ลอบเข้าไปตัดเศียรพระในโบสถ์ ไอ้เดี่ยวเห็นเข้าจึงตามไปขัดขวาง แต่ถูกไอ้มาดและสมพงษ์ดักทำร้าย ไอ้มาดใช้มีดฟันคอเดี่ยวตายคาที่ ท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง และเกิดสายฟ้าฟาดลงตรงเศียรพระที่ไอ้เดี่ยวชิงคืนมาจากเสือเม่น จนเศียรพระนั้นละลายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดี่ยวกับร่างไอ้เดี่ยว ทำให้ไอ้เดี่ยวได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมากลายป็น ผีหัวขาด กลับไปจัดการกับพวกมารศาสนา และชำระแค้นกับคนที่ฆ่ามัน เพื่อนำความสงบสุบกลับคืนมาสู่หมู่บ้านใต้อีกครั้ง ก่อนที่ร่างมันจะหายไปพร้อมกับแสงตะวันของวันใหม่
คนเห็นผี THE EYE (2545)

เรื่องย่อ : คนเห็นผี THE EYE (2545/2002) “มาน” (หลี่ซินเจี๋ย) ตาบอดตั้งแต่อายุสองขวบ สิบแปดปีต่อมา เธอเข้ารับการผ่าตัดตา และสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นตามมาหลายเหตุการณ์ทำให้เธอเชื่อว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่อยู่เหนือการมองเห็นของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรากฏตัวของร่างลึกลับในชุดดำที่เห็นรางๆ ซึ่งดูเหมือนจะทำให้เธอมองเห็นความตายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เหตุการณ์แปลกเหนือคำบรรยายได้รับการคลี่คลายในเวลาต่อมา เมื่อเธอมองตัวเองในกระจกแล้วพบว่า ภาพที่สะท้อนออกมาไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ชื่อ “หลิง” (ฌัชฌา รุจินานนท์) หญิงสาวจีนที่เกิดในเมืองไทยซึ่งเป็นเจ้าของดวงตาที่เธอมองเห็นอยู่ ภาพฝันร้ายเหล่านี้ทำให้มานแทบประสาทเสีย หลังจากผิดหวังที่ไม่สามารถสืบหาความจริงได้ มานตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองไทยเพื่อตามหาหมู่บ้านของหลิง พร้อมกับ “โล” (ลอเรนซ์ ชู) จิตแพทย์หนุ่มที่ดูแลการปรับตัวของเธอในโลกใหม่ ที่นั่นเธอพบว่าหลิงเป็นผู้ที่มีสัมผัสพิเศษ แต่พรสวรรค์ของเธอกลับไม่สามารถช่วยเหลือหมู่บ้านจากพระเพลิงที่โหมไหม้ได้ ทั้งนี้เพราะไม่มีใครเชื่อคำทำนายของเธอแม้แต่คนเดียว ด้วยความเสียใจเธอจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายในที่สุด ดูเหมือนตอนนี้มานจะเป็นผู้สืบทอดชะตากรรมของหลิง นั่นก็คือคุณสมบัติในการมองเห็นหลายๆ สิ่งที่หลายคนไม่ต้องการจะเห็น ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางออกจากประเทศไทย เธอพบกับยมทูตในร่างสีดำอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้พบเพียงร่างเดียว แต่เป็นจำนวนนับร้อย มันเป็นลางบอกเหตุว่าโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่…กำลังจะเกิดขึ้น!!!

อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต THREE (2545)

เรื่องย่อ : อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต THREE (2545/2002) 3 เรื่อง 3 ประเทศ โดย 3 ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้แก่ เกาหลี, ไทย และฮ่องกง ซึ่งต้องการจะเสนอเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเหล่านั้นซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วทั้งเอเชีย

  • “Memories” (เกาหลีใต้ / คิมจีวุน)
“ซุงมิน” เป็นชายในวัยประมาณ 30 ปี แต่งงานแล้ว อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่สร้างเสร็จใหม่เอี่ยม ยังมีคนมาอยู่ไม่เต็มทุกห้อง วันหนึ่งภรรยาของเขาก็หายจากไป ตั้งแต่นั้นมา ซุงมินต้องทนทุกข์อยู่กับอาการหลงลืมของตนเอง เขาจำเสื้อผ้าที่ภรรยาของเขาเคยใส่ไม่ได้ จำว่าวันที่ภรรยาหายไปนั้น เธอออกจากบ้านไปไหน ไปทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามสักเท่าไร เขาก็จำได้แค่บางตอน แต่ล้วนแล้วแต่เป็นตอนที่ทะเลาะกัน และตอนที่เขาไม่เข้าใจว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องทุกข์ทนกับฝันร้าย ความจริงเริ่มปรากฏชัดเมื่อเขาได้เห็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเพื่อนบ้าน ซุงมินจึงแน่ใจว่าสิ่งเลวร้ายต้องเกิดกับภรรยาของเขา เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ในทางกลับกัน ภรรยาของซุงมินตื่นขึ้นและพบตัวเองนอนอยู่บนถนนที่ร้างผู้คน สถานภาพของเธอย่ำแย่กว่าซุงมิน เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่รู้ว่าใครพาเธอมาที่นี่ สิ่งเดียวที่เธอรู้คือมีเศษกระดาษหลายแผ่นที่มีเขียนหมายเลขโทรศัพท์เขียนไว้บนนั้นอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของเธอ เธอโทรศัพท์ไปหลายแห่ง บางที่ไม่มีคนรับสาย บางที่มีคนรับ และโอนสายให้เธอพูดกับคนที่เธอไม่เคยคุ้นเคย เธอร่อนเร่ไปตามเมืองที่เปลี่ยวเปล่านี้ ตะเกียกตะกายหาคำตอบ แต่ก็พบเพียงทางตัน เธอสิ้นหวัง พอกลับไปดูเศษกระดาษนั่นอีกที เธอก็เกิดเอะใจกับใบเสร็จร้านซักรีด หมายเลขที่อยู่บนกระดาษนั้น อาจจะเป็นบ้านของเธอ ตอนที่เธอคิดได้นั้นก็ดึกมากแล้ว เธอหาทางกลับบ้าน เธอเดินโซซัดโซเซไปตามถนนว่างเปล่า ในเมืองที่เธอไม่รู้จัก เผชิญหน้ากับเรื่องราวความน่าสะพรึงกลัว ผ่านความมืดมน เกือบเอาตัวไม่รอด และเธอก็ได้ถึงประตูบ้านเมื่อรุ่งสาง เธอรีบเปิดประตูเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ หวังจะกอบกู้ความทรงจำให้กลับคืนมา…
  • “The Wheel” (ไทย / นนทรีย์ นิมิบุตร)
“ครูเฒ่า” เป็นเจ้าของคณะละครหุ่น มีเมียชื่อ “นวล” และมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ครูเฒ่ามีคณะเชิดหุ่นของตัวเอง ซึ่งการเชิดหุ่นนี้ทำได้ยากทั้งการสร้างหุ่นและเทคนิคการเชิด ทำให้มีผู้ประกอบอาชีพนี้น้อย การแสดงหุ่นคณะของครูเฒ่าจึงเป็นสิ่งหายาก มีผู้ต้องการชมมากมาย จึงมีงานจ้างเข้ามามากและสม่ำเสมอ และสามารถสร้างรายได้ให้ตนเองและครอบครัวจนมีฐานะร่ำรวย และรวมไปถึงลูกคณะก็อยู่ดีมีสุขไปด้วย “ครูทอง” เป็นเพื่อนกับครูเฒ่า แต่ไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันครูเฒ่านัก เพราะฐานะผิดกันลิบลับ เพราะครูทองแม้จะเป็นเจ้าของคณะโขน แต่ก็มีคู่แข่งในสาขาอาชีพเดียวกันมากมายหลายคณะ มีการแก่งแย่งงานแสดงกัน จึงมีฐานะไม่ร่ำรวย แต่ก็พอมีพอกิน พอเลี้ยงเมีย “แม่จำเรียง” และ “ไอ้ชิต” ลูกชายให้อยู่ได้ไม่อดอยาก และรวมไปถึง “แม่สะอิ้ง” ลูกสะใภ้ และ “บัว” หลานสาวด้วย วันหนึ่ง ครูเฒ่าล้มป่วยลงกลายเป็นอัมพาต และสั่งให้เมียและลูกเอาหุ่นไป “จำเริญแม่น้ำ” แต่แล้วแม่นวลและลูกกลับต้องจมน้ำตายไปพร้อมกับหุ่นๆ หลายสิบตัวที่ถูกทิ้งไป และในคืนงานศพนั้นเอง ครูเฒ่าถูกไฟคลอกตายที่เรือนของตนเอง “ไอ้ก้าน” เด็กในคณะหุ่นของครูเฒ่าเล่าให้ครูทองฟังเรื่องคำสาปที่ได้ยินมาจากปากครูเฒ่าที่เขาว่ากันว่า “หากใครจำแบบหุ่นไปสร้าง ก็ขอให้มีอันเป็นไป” ไอ้ก้านเล่าว่าที่ครูเฒ่าเป็นอัมพาตและตายก็เพราะคำสาป และก็ด้วยคำสาปนี่อีกที่ทำให้แม่นวลและลูกต้องมาจมน้ำตาย แต่ครูทองไม่เชื่อเรื่องคำสาปนี้แม้แต่น้อย ในขณะที่ครูทองช่วยดับไฟก็ได้เห็นหีบใบหนึ่ง และพบว่ามีหุ่นอยู่ในนั้นตัวหนึ่ง ก็แอบหยิบออกมาแล้วรีบเอาไปซ่อนในเรือ และตัวเองก็พลัดตกจากเรือลงไปในน้ำ ทำท่าว่าจะจมน้ำตาย แต่ไอ้ก้านมาช่วยไว้ได้ทัน ครูทองจึงชวนมาอยู่ร่วมคณะเดียวกัน จากนั้นไม่นาน ครูทองชวนไอ้ชิตลูกชายแกะหุ่นที่ได้มาเพื่อทำเลียนแบบเผื่อจะได้เงินมากๆ แบบครูเฒ่า ไอ้ชิตตกลง ไอ้ก้านมาเห็นเข้าจึงเตือน 2 พ่อลูกเรื่องคำสาปแช่ง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ต่างช่วยกันทำต่อไปจนหุ่นเสร็จ แล้วในที่สุดครูทองก็ล้มป่วยลง ปวดตามข้อตามขา นิ้วมือหงิกง่อย เดินเหินไม่ได้ แต่ก็ยังรับงานแสดงครั้งใหญ่ ซึ่งการแสดงดำเนินไปด้วยดีเป็นที่ชื่นชมของทุกคน ครูทองเห็นผีครูเฒ่ามาเตือนเรื่องหุ่น ครูทองเริ่มสงสัยว่าทำไมเหตุการณ์ร้ายๆ จึงเกิดขึ้นกับครูทองเองและคณะหุ่นของครูทองอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงได้ง่าย ทุกผู้ทุกนามที่อยู่รอบข้างกลับต้องมามีอันเป็นไปเสียทุกคน หรือบางที “คำสาป” นั้นมันจะมีจริง
  • “Going Home” (ฮ่องกง / ปีเตอร์ ชาน)
“เว่ย” เด็กชายวัย 8 ขวบ มีพ่อคนเดียวเลี้ยงดูมาแต่เล็ก “คิน” ผู้เป็นพ่อเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบทำแต่งาน และเอาแต่เศร้าโศกอาลัยอาวรณ์ถึงแต่ภรรยาผู้ล่วงลับ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อสองพ่อลูกย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพักตำรวจร้าง บ้านแถวๆ นั้นทรุดโทรม มีแต่คนแก่และคนบ้าอยู่กันเต็ม เว่ยพบสตูดิโอถ่ายรูปที่ถูกทิ้งให้ร้างแถวนั้น บรรยากาศดูน่าขนลุก แต่ก็ยังไม่เท่าเด็กหญิงอายุ 4 ขวบและพ่อของเธอที่อยู่บ้านติดกัน “เฟย” เป็นคนแปลกแยก กันตัวเองออกจากสังคมออกมาโดดเดี่ยว จะออกไปพบผู้คนก็มีแต่ตอนออกไปซื้อของใช้จำเป็น นอกจากนั้นแล้วเขาจะอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา บ้านของเขามีไอน้ำคลุ้งเต็มบ้านเสมอ มีเครื่องระบายอากาศที่ทำงานไม่เคยหยุด หน้าต่างถูกปิดมิดชิด เฟยประกาศตัวเสมอว่าเขาอยู่คนเดียว แต่คินเคยเห็นเฟยคุยกับคนที่ดูคล้ายผู้หญิงง่อยในอพาร์ตเมนต์ เว่ยหายตัวไปไม่คาดคิด คินสิ้นหวังในการค้นหา เขาบุกเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ของเฟย คินพบศพรูปร่างแปลกพิกล เป็นศพที่เก็บไว้งดงามอย่างดี ผิวหนังยังเต่งตึง เป็นร่างของภรรยาของเฟยที่ถูกฆ่าตายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เฟยไม่เคยปรากฏวี่แววหรือร่องรอยว่าเฟยจะเสียใจให้เห็น เพราะเขาหวังว่าเขาจะสามารถชุบชีวิตภรรยาของเราได้ เฟยเปิดเผย และความซื่อสัตย์ของเขาทำให้คิมกังวลใจว่า เฟยอาจเป็นคนบ้าแบบสุดๆ ส่วนเว่ยลูกชายของเขาก็ได้ทรมานทรกรรมอย่างรุนแรงและร้ายกาจที่สุดที่เขาไม่เคยพบมาก่อน…  

เรื่องย่อ : โรงแรมผี (2545/2002) ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลวงนฤบาลฯ ประสบอุบัติเหตุถูกระเบิดขาขวาพิการ และใบหน้าซีกซ้ายเสียโฉม แต่ร้ายที่สุดคือการเสียชีวิตของคุณศรี ภรรยาที่อยู่กินกันมาตั้งแต่หนุ่มสาว หลังเหตุการณ์ร้ายครั้งนั้นก็ได้พบ ด.ช ปั้น วัย 10 กว่าขวบที่พลัดพรากจากครอบครัวระเหเร่ร่อนอยู่ หลวงนฤบาลฯ ก็รู้สึกถูกชะตาและรับมาอุปการะเลี้ยงดู จนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่ม จนกระทั่งวันหนึ่งหลวงนฤบาลฯได้พบกับสารภีลูกสาวชาวนาวัย 18 ปี ก็ถูกชะตา และรู้สึกหลงรักสารภีตั้งแต่แรกพบ และได้เสนอเงินก้อนโตให้กับพ่อแม่ของสารภีที่เป็นชาวนายากจน เพื่อขอสารภีมาอยู่กับตน สารภีไม่เต็มใจนัก แต่ดูเหมือนเธอแทบจะไม่มีทางเลือกอื่นเลย หลวงนฤบาลฯ จัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โตที่คฤหาสน์ริมทะเลบางละมุง แล้วในคืนวันส่งตัวนั้นสารภีก็หนีจาก หลวงนฤบาลฯ ไปพร้อมกับปั้น หลวงนฤบาลฯ แค้นสุดๆ เมื่อคนที่เขารักและทุ่มเททั้งสองคนกลายมาเป็นผู้เหยียบย่ำจิตใจเขาเสียเอง ยิ่งรักมากก็ยิ่งแค้นมาก หลวงนฤบาลฯ จมอยู่กับกองทุกข์ ชีวิตผ่านไปวัน ๆ กับความโทมนัส โหยหาสารภีและคลุ้มคลั่งกับความแค้นที่สารภีและปั้นกระทำลงไป อีกไม่นานหลวงนฤบาลฯ ก็เสียชีวิต หลังรู้ข่าวการตายของหลวงนฤบาลฯ สารภีและปั้นก็กลับคืนสู่ฝั่งเพื่อขอขมาศพ ทั้งคู่ตัดสินใจกลับมาอยู่คฤหาสน์หลังนี้ โดยปั้นมีความคิดที่จะดัดแปลงคฤหาสน์หลังใหญ่ให้เป็นโรงแรมตากอากาศและให้ชื่อว่า “โรงแรมบางละมุง” วี่แววความยุ่งยากพร้อมความเร้นลับที่หาคำอธิบายไม่ได้เริ่มก่อตัวขึ้นเหนือโรงแรมแห่งนี้ ปริศนาเร้นลับถูกโยงไปถึงวิญญาณร้ายที่อัดแน่นด้วยความแค้นฝังลึกของ หลวงนฤบาลฯ ได้เริ่มต้นขึ้น และได้กลายเป็นเรื่องราวที่เข้มข้นที่เกิดขึ้น ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ริมทะเลบางละมุงแห่งนี้

ผีสามบาท (2544)

เรื่องย่อ : ผีสามบาท (2544/2001) ผีสามบาทแบ่งออกได้เป็น 3 เรื่อง ดังนี้ 1 ท่อนแขนนางรำ โหงด (ปราโมทย์ แสงศร) ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งแอบหลงรัก ผกา (พิมพ์ศิริ พิมพ์ศรี) ซึ่งเป็นนางรำยิ่งชีวิต หากแต่เมื่อผกามีชายอื่นมาติดพันจนถึงขั้นหมั้นหมาย เขาจึงทำการตัดแขนเธอนำไปซ่อนไว้ในกลอง และลอกผิวหนังทำเป็นหนังกลอง หากเรื่องราวไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อวิญญาณของเธอยังวนเวียนผูกพันข้ามมาถึงปัจจุบันพร้อมกับกลองใบนั้น กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2544 เจี๊ยบ (พิมพ์ศิริ พิมพ์ศรี) หญิงสาวนักค้าและสะสมวัตถุโบราณ ได้รับกลองโบราณ อายุ 70 ปีใบหนึ่งมาโด บังเอิญ สิ่งที่ตามมาด้วยคือความฝันอันแปลกประหลาด และเสียงร้องคร่ำครวญของผู้หญิงคนหนึ่งในยาค่ำคืน เจี๊ยบสงสัยว่า สาเหตุของเรื่องแปลก ๆ ทั้งหมดน่าจะมาจากกลอง จึงเริ่มต้นค้นคว้าหาที่มาของกลอง และทำให้เธอได้รู้ความจริงอันเจ็บปวดที่เกิดขึ้นและเคยผูกพันกับเธอมาก่อน เมื่อเกือบ 70 ปีที่แล้ว 2 น้ำมันพราย แพน (ดาหวัน สิงห์วี) หญิงสาววัยเบญจเพส ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง เหมือนคนเมืองทั่วไปอีกหลายล้านคนในกรุงเทพฯ แพนกำลังแสวงหาความรักจากผู้ชาย ที่สามารถพาเธอให้หลุดจากโลกที่น่าเบื่อนี้ไปสู่วันใหม่ที่ดีกว่าของชีวิต แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้พบกับทางลัด เมื่อเพื่อนใหม่คนหนึ่งแนะนำให้เธอใช้น้ำมันพราย ของที่ได้จากการทำพิธีกรรมลี้ลับทางไสยศาสตร์ โดยพวกหมอผี แพนใช้น้ำมันพราย เพื่อทำเสน่ห์ให้ผู้ชายที่เคยมองผ่านเธอหันกลับมาหลงใหล และตกเป็นทาสของเธอ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า มันไม่ต่างไปจากยาเสพย์ติด ที่มีทั้งคุณและโทษ เมื่อเธอเริ่มใช้มันมากขึ้นจนสุดท้ายคนที่จะกลายเป็นเหยื่อ ก็คือ ตัวเธอเอง 3 จองเวร กันยา (กัลยณัฐ สีบุญเรือง) หญิงสาวคนหนึ่งผูกคอตายที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง รูปการณ์ดูเหมือนว่าเธอจะฆ่าตัวตาย แต่ นพ (พีท ทองเจือ) นายตำรวจหนุ่มอนาคตไกลกลับไม่เชื่อเช่นนั้น เขาเชื่อว่ามันมีเงื่อนงำอะไรอยู่เบื้องหลัง ถึงแม้ผู้บังคับบัญชา (สุเชาว์ พงษ์วิไล) จะไม่ใส่ใจ จึงสืบหาประวัติของเธอ และก็เริ่มได้รู้เรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเธอ ในขณะเดียวกันนพก็รู้สึกได้ว่า วิญญาณของกันยา ยังวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา เพื่อชี้ทางและพยายามบอกอะไรบางอย่างแก่เขา เพื่อแกะปมปริศนาการตายของเธอ ก่อนที่นพจะได้พบกับความจริงที่เขาคาดไม่ถึงในท้ายที่สุด

ปอบ หวีด สยอง (2544)

เรื่องย่อ : ปอบ หวีด สยอง (2544/2001) ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวงและแสงสีคึกคักยามค่ำคืน กลุ่มนักศึกษาชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งรวมแก๊งจอมซ่า นำโดย คอม (ดนัย สมุทรโคจร) หนุ่มช่างสงสัย ฟ้า (แองเจล่า แกรนท์) สาวจริงใจ และเกอร์ (ชมพูนุช ปิยะภาณี) ดาวมหาวิทยาลัย ได้จัดคณะออกค่ายอาสาพัฒนาขึ้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยหารู้ว่าสถานที่แห่งนั้นเพิ่งมีหมอผีสะกดวิญญาณปอบเอาไว้ กระทั่งกลับถึงกรุงเทพฯ มิตรภาพของพวกเขาจึงเริ่มเปลี่ยนไป และเหลือไว้แค่ความน่ากลัวสยดสยอง

เรื่องย่อ : นางนาก (2542/1999) เรื่องราวความรักความห่วงใย ที่แม้ตัวตายไปแล้วแต่ใจยังคงยึดติดห่วงหา เมื่อ นาก หญิงสาวในสมัยรัชกาลที่ 4 ต้องเจ็บท้องลูกอยู่เพียงคนเดียว เนื่องจาก มาก สามีต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารรบที่ชายแดน สุดท้ายเธอและลูกในครรภ์เสียชีวิต แต่วิญญาณของนางยังคงไม่ไปไหน วนเวียนอยู่บริเวณบ้านและรอคอยการกลับมาของผัวรัก นาก (อินทิรา เจริญปุระ) หญิงสาวแห่งพระโขนง ต้องจำจากอาลัย มาก (วินัย ไกรบุตร) ผัวรักที่ต้องไปรบในพระนคร นางมิอาจรู้ว่าการบอกลาครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อนากสิ้นลมขณะคลอด "แดง" ก่อนที่มากจะกลับมา วิญญาณของนากจึงเฝ้ารอมากทุกวันหวังว่าจะได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ แม้มันเป็นเพียงแค่ชั่วเวลาไม่กี่วันก็ตามที แต่ด้วยความเป็นห่วงของชาวบ้านที่มากจะต้องอยู่ร่วมชายคากับผีทำให้นากออกอาละวาดทุกคนที่พยายามพลัดพรากคนรักจากนางไป
ไนน์ตี้ช๊อค เตลิดเปิดโลง (2540)

เรื่องย่อ : ไนน์ตี้ช็อค เตลิดเปิดโลง (2540/1997) ในคืนวันหนึ่ง ทางรายการวิทยุไนน์ตี้ช๊อคซึ่งเป็นรายการเล่าเรื่องผี ได้จัดให้มีการเดินสายสำรวจสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าร้าง ที่มีคำร่ำลือว่ามีวิญญาณที่ดุร้ายของเหล่าเด็กกำพร้าสิงอยู่ ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครรู้ว่าได้มีสองโจรใจโหดหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วย ในคณะสำรวจประกอบไปด้วย จอย สาวน้อยขี้งอน ซึ่งเพิ่งจะทะเลาะกับตุ้ย แฟนหนุ่มมาหยกๆ อู๊ด และเมจิ ทอมกับดี้เจ้าปัญหา โก้พลิ้ว บอยคองโก้ คู่อริจอมเจ้าชู้ เป็นผู้นำกลุ่ม และพี่โอเปิ้ล คนขับรถปอดแหก เมื่อคณะเดินสายไปถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าร้าง ก็ได้พบกับตุ้ยซึ่งตามมาเพื่อง้อจอย จนภายหลังก็ได้เข้าร่วมสำรวจด้วยอีกคน ในขณะที่กำลังสำรวจ ตุ้ยกับจอยได้ไปพบกับพวกโจรโดยบังเอิญ จึงเกิดการไล่ล่าขึ้น โจรได้ปิดประตูทางเข้าทำให้ทุกคนไม่สามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ได้ เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อวิญญาณเด็กกำพร้าได้ออกอาละวาดตามฆ่าผู้ที่เข้ามาบุกรุก กลุ่มคณะสำรวจจึงต้องสู้กับกลุ่มโจรและเหล่าผีร้ายเพื่อเอาชีวิตรอด ป๋องซึ่งฟังการรายงานจากโกพลิ้วมาโดยตลอด จึงต้องเดินทางมาช่วยพร้อมกับนำอุปกรณ์ปราบผีสารพัดชนิด โดยมีกลุ่มผู้ฟังทางบ้านคอยเชียร์อยู่ การต่อสู้ของป๋องและกลุ่มสำรวจกับโจรและเหล่าผีเด็กจึงเกิดขึ้น

กึ๋ยทู สยึ๋มกึ๋ย 2 (2538)

เรื่องย่อ : กึ๋ยทู สยึ๋มกึ๋ย 2 (2538/1995) น้ำมนต์ดิจิตอล คลื่นอาคมแซเทิลไลท์ และสมาคมกึ๋ยรีเอ็นจิเนียริ่ง

เมื่ออสูรร้ายอย่างผีเถรถูกปลดปล่อยให้ออกมาอาละวาดเหล่าบรรดานักรบทั้งหลายต้องการปกป้องโลกโดยการตามหาผู้กล้า และคอยปกป้องให้พ้นเงื้อมมือของอสูรตนนั้นก่อนคืนพระจันทร์เต็มดวง "คะน้า" และ "ลำเภา" ต้องข้ามการเวลาจากอดีตไปสู่โลกอนาคต เพื่อต้องการค้นหาผู้กล้าให้เจอก่อนผีเถร แต่ด้วยความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงทำให้คะน้าและลำเภาค้นหาผู้กล้าได้ยากลำบากอยู่พอสมควร คะน้าและลำเภาจะต้องหาผู้กล้าให้เจอก่อนที่ผีเถรจะใช้ผู้กล้าเป็นเครื่องสังเวยในการคืนชีพ