พล นิกร กิมหงวน ตอน เวทีถล่มและพิชิตเมีย (2501)
พล นิกร กิมหงวน ตอน เวทีถล่มและพิชิตเมีย (2501/1958) พล นิกร กิมหงวน ตอน เวทีถล่มและพิชิตเมีย เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างจากนิยายชุดเรื่องดังของ ป.อินทรปาลิต สร้างโดย โยคีสถาน สี่พระยา แผนกภาพยนตร์ โดยมี วิรัช พึ่งสุนทร สร้างบทและกำกับการแสดง
โรงแรมนรก (2500)
โรงแรมนรก (2500/1957) โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดที่ชื่อว่า โรงแรมสวรรค์ ที่มีลุงและหลานสองคนดูแลกิจการร่วมกัน ฝ่ายหลานชายนั้นนักแสวงโชคที่หวังจะหาเงินเล็กๆน้อยๆเข้ากระเป๋าจากการรับพนันงัดข้อกับ น้อย (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) หลานชายคนดูแลกิจการโรงแรมที่อ้างว่าเป็นนักเลงงัดข้อแชมเปี้ยนโลก นอกจากเป็นบริกรของโรงแรมแล้ว ห้องพักเพียงห้องเดียวของโรงแรมแห่งนี้ถูกจับจอง โดยชายหนุ่มที่ชื่อว่า ชนะ (ชนะ ศรีอุบล) ซึ่งไม่ยอมเปิดเผยว่า เขาเลือกแวะพัก ณ โรงแรมแห่งนี้ด้วยจุดประสงค์อันใด โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ เจ้าของห้องพักเพียงห้องเดียวในโรงแรมผู้ที่ไม่ยอมเปิดเผยวัตถุประสงค์ของการมาเยือนโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกๆของแขกมากหน้าหลายตา ที่มาเยือน แต่อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เขาไม่ค่อยพอใจกับสภาพอันวุ่นวายโกลาหลภายในโรงแรม ซึ่งมีคนพลุกพล่านและส่งเสียงอึกทึกครึกโครมตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นพวกนักดนตรีที่มาขออาศัยห้องโถงของโรงแรมฝึกซ้อมเพลง, ศาสตราจารย์สมพงษ์ (สมพงษ์ พงษ์มิตร) พูดถึงวงการศิลปินเมืองไทยในเชิงเหยียดหยาม แต่ตัวเขากลับเบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าเหล้าที่ติดค้างโรงแรมเป็นเวลานาน ก็ดูเหมือนจะเป็นการเหน็บแนมบรรดาคนหัวสูงที่เห็นของนอกดีกว่าของไทย หรือในช่วงถัดมา โรงแรมสวรรค์ของน้อยก็ได้ต้อนรับชายหญิงคู่หนึ่งที่ล่ามโซ่ตัวเองไว้ที่ข้อมือ ฝ่ายหญิงบอกว่าเธอชื่อ ยุพดี (ชูศรี มีสมมนต์) เพิ่งแต่งงานกับสามีที่ชื่อ หม่องส่าง และสาเหตุที่ต้องล่ามโซ่ ก็เพราะพ่อของฝ่ายชายกลัวเธอจะหนีไปมีชู้ เรียม (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) สาวลึกลับที่บอกว่ามี อายุ 65 ปี มีลูก 12 คน อาชีพค้าฝิ่นเถือน เป็นม่าย ผู้ที่แสดงตัวว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับชนะอย่างโจ่งแจ้งแต่ต้องกลับกลายมาเป็นคู่รักกันในยามคับขัน เมื่อชนะไม่ยินยอมให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ และอาศัยความเหนือกว่าด้านพละกำลังบังคับให้ฝ่ายหลังต้องใช้เก้าอี้ยาวในห้องโถงเป็นเตียงนอน คนหนึ่งเถรตรงและแข็งกระด้าง ส่วนอีกคนเอาแต่ใจ และชอบอาศัยความเป็นผู้หญิงหว่านล้อมเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ หรือยั่วโทสะให้อีกฝ่ายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ความขัดแย้งของคนทั้งสองก็เป็นแค่เรื่องพ่อแง่แม่งอน ภายหลังการมาถึงของแขกไม่ได้รับเชิญสามคน คือ เสือสิทธิ์ (สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์) ซึ่งเป็นหัวโจก สมุนคนรอง ชื่อว่า ไกร (ไกร ภูตโยธิน) และคนสุดท้าย เชียร (วิเชียร ภู่โชติ) ทั้งสามล่วงรู้ว่า ชนะ เป็นสมุห์บัญชีของบริษัทปรีดาไทย เขาแวะพัก ณ โรงแรมแห่งนี้เพื่อรอรับเงิน 6 แสนบาทที่จะนำไปแจกจ่ายให้คนงาน แต่ไม่มีใครอาจรู้ได้ว่า เงินจำนวนมหาศาลนั้นจะมาถึงตอนไหน และใครเป็นคุมมา เงื่อนไขที่ทำให้เรื่องยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีกก็คือ เสือสิทธิ์กับพวกไม่ใช่กลุ่มเดียวที่หวังจะเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน แต่ยังมี เสือดิน (ทัต เอกทัต) จอมโจรที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมทารุณอีกคนที่ต้องการได้ครอบครองเงินก้อนเดียวกัน และปริศนาทั้งหมดถูกคลี่คลายโดยตำรวจที่มาเยือนในท้ายเรื่อง

กะล่อนทอง (2500/1957) กะล่อนทอง เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 ให้เสียงพากย์สด

บัวขาว (2500)
บัวขาว (2500/1957) รัตนาภรณ์-สมควร ข้อความบนใบปิด กมลศิลป์ภาพยนตร์ นำเสนอ ยอดแห่งภาพยนตร์... สนุกดูกันให้สำราญ ต้องดู... (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) สมควร กระจ่างศาสตร์ ใน บัวขาว จากบทประพันธ์ของ กุลปราณี รุจิรา-มารศรี และจิตรา ร่วมพากย์ เรื่องของเด็กสาวแสนซน ผู้กำความรักของเจ้าหนุ่มไว้ในอุ้งมือ... ดู...ความรักพิลึกของเจ้าชายหนุ่ม ผู้มีความเปิ่นประจำตัว รักโลดโผนที่เหนือกว่ารักใดๆ... เสถึยร ธรรมเจริญ จุฑารัตน์ จินรัตน์ บุญส่ง เคหะทัต, สมพงษ์ พงษ์มิตร (รังสี ทัศนพยัคฆ์) กำกับการแสดง ธีระ แอคะรัตน์ ถ่ายภาพ (ที่มา :Thai Movie Posters)
หนีเมีย (2499)
หนีเมีย (2499/1956) คุณพูนทรัพย์ หม้ายสาวฐานะดี ต้องมาแต่งงานกับคนไม่ได้เรื่อง เรียนไม่จบ แถมยังสำมะเลเทเมา เพียงเพราะเกรงใจพี่ชายของสามีในอนาคต ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันมาเป็นเวลานาน หลังจากแต่งงาน คุณพูนทรัพย์หาทางดัดนิสัยสามีโดยให้ไปทำงานเป็นเสมียนซึ่งทำให้เขาไม่ค่อยมีความสุขนัก เพราะไม่ได้ไปเที่ยวเตร่เหมือนแต่ก่อน ในบ้านของคุณพูนทรัพย์มีคนรับใช้อยู่หลายคนหนึ่งในนั้นเป็นสาวใช้รูปงามชื่อว่า ทับทิม สามีของคุณพูนทรัพย์พึงพอใจในตัวทับทิมมาก อยากจะได้มาเชยชมทับทิมเองก็แอบหว่านเสน่ห์ให้เจ้านายเพราะหวังจะรวยทางลัด เขาย่องเข้าห้องทับทิมหลายครั้ง จนวันหนึ่งทับทิมเกิดหายไปจากบ้าน ทิ้งไว้แต่จดหมายซึ่งมีใจความว่า การที่เธอต้องตกเป็นเมียเก็บคุณผู้ชายเจ้าของบ้านนั้นยังพอทน แต่คืนหนึ่งๆมีคนย่องเข้าห้องตั้งหลายคนทั้งคนสวน คนขับรถ ทำให้เธอสุดจะทน ขอลาไปตายเอาดาบหน้าซะยังดีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้คุณพูนทรัพย์โกรธมากไม่ยอมพูดจากับสามี เขาจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพราะไม่กล้าสู้หน้าเมีย สุนัขตัวโปรดของคุณพูนทรัพย์วิ่งตามเขาออกมา แม้จะไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมกลับเข้าไปในบ้าน ในที่สุดเขาจึงจำต้องยอมพามันไปด้วยกัน ระหว่างที่อาศัยอยู่ที่บ้านเพื่อนสนิท สามีของคุณพูนทรัพย์เริ่มรู้สึกสำนึกถึงความเหลวแหลกของตนเอง และระลึกได้ว่าคุณพูนทรัพย์นี่เองที่เป็นคนทำให้เขาเริ่มรู้สึกเป็นคนมีค่าขึ้นมาบ้าง 3 วันผ่านไป คุณพูนทรัพย์ก็มาปรากฏตัวที่บ้านเพื่อนสนิทของสามี เพื่อรับสุนัขกลับบ้านโดยไม่ชายตาแลสามีแม้แต่น้อย เขาพยายามง้องอนคุณพูนทรัพย์อย่างสุดกำลัง จนในที่สุดคุณพูนทรัพย์ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ หลังจากนั้น เขาก็ขยันขันแข็งเอาการเอาเงิน ไม่ยอมกลับไปเป็นคนไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมอีกต่อไป
รักคุณเข้าแล้ว (2499)
รักคุณเข้าแล้ว (2499/1956) โทรเลขฉบับหนึ่งทำให้ วิเชียร มานะดีถูก ปราณีต เมียรักเพ็งเล็งอีกครั้ง เพราะเคยเป็นคนเจ้าชู้มาก่อน แต่แท้จริงแล้วผู้ที่ส่งโทรเลขมาคือ วัชรี มานะดี หลานสาวซึ่งกำลังจะมากรุงเทพ เมื่อถึงวันที่ 12 วิเชียรไปรับวัชรีที่สถานีรถไฟตามนัดหมาย แต่ก็หาได้เล็ดลอดสายตาของปราณีตไม่ เพราะนางได้แอบสะกดรอยตามผัวอย่างไม่คลาดสายตา วิเชียรไหวตัวทันถีบสามล้อหนีการจับกุมของผู้ที่เป็นเมีย อะไรๆ ก็ดูท่าจะไม่ราบรื่นไปซะหมด เมื่อวิเชียรพาวัชรีมายังหอพักที่ตนแอบเล็งไว้ ผู้ดูแลซึ่งหูหนวกและเจ้าระเบียบก็ดันเข้าใจผิดคิดว่านายวิเชียรเป็นพวกมารสังคม กว่าจะอธิบายจนเข้าใจก็เล่นเอาเหนื่อยหอบพอหาหอพักให้หลานสาวได้สำเร็จกลับเจอปราณีตยืนจังก้าอยู่หน้าหอ วิเชียรจึงหาทางออกด้วยการแกล้งเป็นลม ค่ำวันนั้น วัชรีต้องใจหายใจคว่ำเพราะเสียงโหวกเหวกของขี้เมาข้างห้อง ทราบชื่อว่าคือ สมศักดิ์ หนุ่มนักหนังสือพิมพ์ของสารเสรี ซึ่งกำลังดีอกดีใจที่ กานดาธิดาสาวของเจ้าคุณโหราธิบดีจะแต่งงานด้วย แต่แล้ววันต่อมา นายสมศักดิ์ก็ส่งเสียงดังโวยวายอีกในเวลาเดิม แต่คราวนี้เป็นเพราะถูกกานดายกเลิกการแต่งงาน จนแล้วจนรอด วัชรีก็ไม่เคยพบหน้าเจ้าขี้เมาข้างห้อง เพราะเวลางานที่แตกต่างกัน กระทั่งวันหนึ่ง วัชรีได้พบสมศักดิ์ที่ป้ายรถเมล์ในยามเช้า ชายหนุ่มตกหลุมรักวัชรีตั้งแต่แรกเห็น และพยายามหาทางทำความรู้จักแต่ก็ต้องคลาดกันทุกที ทนง หัวหน้าโรงงานน้ำอัดลมซึ่งวัชรีทำงานอยู่เป็นผู้มีนิสัยเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น เล็งวัชรีเป็นเป้าหมายต่อไป แต่วัชรีไม่คล้อยตาม มิหนำซ้ำยังเอาเรื่องไปฟ้องผู้จัดการจนทนงถูกไล่ออก ทนงผูกใจเจ็บ จ้างนักเลงมาดักทำร้ายวัชรี แต่สมศักดิ์มาช่วยไว้ทัน วัชรีทราบว่าหนุ่มนักหนังสือพิมพ์ที่ช่วยเธอไว้ก็คือขี้เมาข้างห้อง จึงหาโอกาสตอบแทนด้วยการแอบเข้าไปทำความสะอาดห้องให้ หนุ่มสาวข้างห้องเริ่มโคจรมาพบกันด้วยดี ถ้าหากไม่เข้าใจผิดกันเสียก่อน เพราะในขณะนั้น ปราณีตกำลังมาขอคำปรึกษาจาก สมศักดิ์ หลานชาย ส่วนวิเชียรฉวยโอกาสที่เมียไม่อยู่แวะมาเยี่ยมหลานสาว ความโกลาหลจึงเกิดขึ้น
เศรษฐีอนาถา (2499)

เรื่องย่อ : เศรษฐีอนาถา (2499/1956) เรื่องราวเกิดขึ้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพงวันนี้ นายจอน บางคอแหลม (เจิม ปั้นอำไพ) ก็เมาหัวราน้ำสร้างความอิดหนาระอาใจต่อเพื่อนเจ้าหน้าที่รถไฟเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้ เขาโชคดีได้มาเจอกับ ประพนธ์ ธนพิทักษ์ (เสถียร ธรรมเจริญ) หนุ่มมหาเศรษฐีที่เพิ่งอกหักจาก กันทิมา (ระเบียบ อาชนะโยธิน) ช่างตัดเสื้อสาว จึงมานั่งดื่มเหล้าคลายเครียดบนรถไฟและนึกสนุกมอบเงินให้นายจอนสิบล้านบาท หลังจากที่คุยกันถูกคอเรื่องความรวยความจน โดยมีข้อแม้ว่านายจอนจะต้องใช้เงินคืนเขาให้หมดภายในหนึ่งปีก่อนจะแยกจากกัน

          เรื่องดำเนินไปด้วยความครื้นเครง กระทั่งประพนธ์รู้ว่านายจอนคือพ่อของกันทิมา จึงพยายามหาทางพิชิตใจเธอ แต่ความก็ดันมาแตก กันทิมาน้อยใจคิดว่าประพนธ์วางแผนเพื่อให้ได้ตัวเธอ นายจอนจึงต้องเข้ามาช่วยประสานรอยร้าวให้ทั้งสองเข้าใจกัน ประพนธ์และกันทิมาจึงได้รักกันสมปรารถนา
สามชาติ เรื่อง นางนาคพระโขนงคืนชีพ (2499)
สามชาติ เรื่อง นางนาคพระโขนงคืนชีพ (2499/1956) 3 เรื่อง... 3 รส รวมอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน นางนาคพระโขนงคืนชีพ หวาดเสียว ตื่นเต้น สนุกสนานด้วยอภินิหารแบบใหม่ ระบำผี นาฏศิลปแบบใหม่ ของ... ดินแดนอาทิตย์อุทัย เทพธิดาดำ นิยายชีวิต รัก เศร้า เสทือนใจของเด็กสาวในมุมมืดแห่งนครปารีส (ที่มา: นิตยสารผดุงศิลป์ กรกฎาคม พ.ศ. 2499)
สามเกลอหักด่าน (2499)
สามเกลอหักด่าน (2499/1956) เรื่องราวความโกลาหลของ สมพงษ์ คนกวาดถนนที่ถึงคราวต้องไปรับใช้ชาติ สมพงษ์สังกัดอยู่ในกรมกองเดียวกับ (ล้อต๊อก) และ หมู่จุมพล อริเก่า และเพิ่งจะรู้ว่า ซูหยิน หญิงสาวที่เขาหลงรักเป็นน้องสาวของ(ล้อต๊อก) ส่วน สารภี คนรักของ(ล้อต๊อก)ก็บังเอิญเป็นน้องสาวของสมพงษ์ ทั้งสามเกลอจึงลืมเรื่องบาดหมางในอดีตและปรองดองกัน ขณะนั้น ศัตรูประกาศรุกรานประเทศไทยทหารสามเกลอถูกส่งตัวไปทำหน้าที่พลลาดตระเวนสอดแนมข้าศึก ภายใต้ความรับผิดชอบของ ร.ต.อธึกระหว่างนั้น พลประสาน ปัทมเวณูได้หายตัวไป ทุกคนจึงออกตามหา สามเกลอซึ่งกำลังลอบเข้าไปค่ายข้าศึก แอบได้ยินแผนการโจมตีประเทศไทย และได้เห็นพลประสานกำลังถูกข้าศึกทรมานเสียชีวิต สามเกลอใช้ความพยายามขโมยแผนการโจมตีลับได้สำเร็จ (ล้อต๊อก)กลับไปแจ้งข่าวกับผู้บัญชาการ กองทัพไทยจึงยกทัพเข้าโจมตีจนเกิดการรบขึ้น (ล้อต๊อก)ตรึงกำลังอยู่และได้เห็นว่าข้าศึกมีกำลังเยอะกว่า จึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อมายับยั้งการบุกโจมตีของกองทัพไทย เมื่อรวบรวมกำลังคนได้เท่าเทียมกับข้าศึก กองทัพไทยจึงเข้าต่อสู้อีกครั้ง พลทหารสมพงษ์ได้เสียสละชีวิตกระโดดเข้ารับลูกระเบิดเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเป็นอันตราย ประเทศไทยจึงรอดพ้นจากการรุกรานของข้าศึกมาได้
Placeholder
เหยื่อกามเทพ (2498)
เหยื่อกามเทพ (2498/1955) พวงเพ็ญ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ นายเพียน คหบดีผู้มั่งคั่งซึ่งกำลังลงสมัครผู้แทนราษฎร ถูกพ่อซึ่งเป็นคนหัวโบราณนำไปกักตัวไว้ในที่ห่างไกลผู้คน เพราะห่วงว่าลูกสาวจะตกเป็นทาสสังคมสมัยใหม่ แต่เมื่อถึงวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น พวงเพ็ญจึงคบคิดกับพี่เลี้ยงปลอมตัวไปคลุกคลีกับชาวไร่ จนพบรักกับหนุ่มชาวไร่ซึ่งเข้าใจว่าพวงเพ็ญเป็นสาวใช้ และตกลงปลงใจปลูกเรือนอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยา นายเพียนได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนราษฎร โดยความช่วยเหลือเป็นอย่างดีของเพื่อนเก่า จึงคิดตอบแทนบุญคุณเพื่อนด้วยการประกาศยกลูกสาวกลางงานเลี้ยงหนุ่มชาวไร่ซึ่งบังเอิญเข้ามาในงานเลี้ยงได้ยินเข้า คิดว่าพวงเพ็ญเห็นชาวไร่เป็นของเล่น มิหนำซ้ำคนในงานยังดูถูกเหยียดหยาม หนุ่มชาวไร่จึงประจานพวงเพ็ญด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาทหนุ่มชาวไร่เอาชนะลูกผู้ดีได้ แล้วจากไปอย่างไม่แยแส พวงเพ็ญซึ่งไม่อยากแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อ จึงประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าหนุ่มชาวไร่เป็นสามีของตน นายเพียนจึงใจอ่อนยกพวงเพ็ญให้หนุ่มชาวไร่ในที่สุด
โอเคสังข์ทอง (2497)
โอเคสังข์ทอง (2497/1954) ท้าวสามล เป็นกษัตริย์ ณ สามลพระนคร มีเอกอัครชายาชื่อ มณฑาเทวี มีพระราชธิดา 7 พระองค์ องค์สุดท้องชื่อ รจนา วันหนึ่งท้าวสามลและนางมณฑาเทวีใช้ให้ ขุนหมื่น ไปเชิญหน่อกษัตริย์ร้อยเอ็ดหัวเมืองมาชุมนุมให้ธิดาทั้งเจ็ดพระองค์เลือกเป็นคู่ครอง ธิดาทั้ง 6 เลือกหน่อกษัตริย์ที่ตนพึงใจ เว้นเสียแต่รจนาที่เลือกเอาเจ้าเงาะหน้าตาอัปลักษณ์เป็นคู่ แม้เสด็จพ่อเสด็จแม่จะห้ามปรามยังไงก็ไม่ฟัง รจนาและเจ้าเงาะครองสุขได้ไม่นานก็ถูกกลั่นแกล้งให้ไปหาปลา นายเงาะหรือพระสังข์ก็ไปหามาได้ซ้ำยังแกล้งตัดจมูกหกเขยเสียด้วย ต่อมานายเงาะก็ถูกเกณฑ์ให้ไปหาเนื้ออีกนายเงาะจึงแกล้งตัดหูหกเขย เวลาผ่านไปเจ้าเงาะไม่ยอมถอดรูปออกจึงร้อนไปถึงสวรรค์พระอินทร์ออกอุบายแปลงตนมาชิงเมืองท้าวสามล ท้าวสามลส่งใครไปรบก็แพ้ ส่ง 6 เขยไปต่อสู้ก็แพ้ มองไม่เห็นทางออกใดจึงจำยอมเชิญเจ้าเงาะมาช่วยรบ เจ้าเงาะยอมไปรบโดยถอดรูปเงาะและรบได้ชัยชนะกลับมา ขับไล่พระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไป เมื่อท้าวสามลและนางมณฑาเห็นเจ้าเงาะถอดรูปก็หลงใหล ยิ่งรู้ว่าเจ้าเงาะคือ พระสังข์ราชบุตรท้าวยศวิมลกับนางจันทร์เทวี ก็ยิ่งปลาบปลื้มยกสมบัติพัสถานให้สังข์ทอง
สาวสมัยใหม่ (2498)
สาวสมัยใหม่ (2498/1955) ดู! วิธีการหาผัวแบบใหม่ของสาวยุคปรมาณู ดู! บทบาทของเศรษฐีสมพงษ์รับจ้างไปติดสาว ดู! แล้วท่านจะต้องหัวเราะและร้องไห้สงสารเศรษฐีไม่มีจะกิน ดู! ดาวตลกแสดงเรื่องชีวิตแนวประหลาด (ที่มา: นิตยสารภาพยนตร์ กรกฎาคม พ.ศ. 2498)
สองเกลอเจอลอตเตอรี่ (2498)

สองเกลอเจอลอตเตอรี่ (2498/1955) ใหม่ยิ่งกว่า อาโตมิคบอม ! ภาพยนตร์ตลก แหวกแนว ใหม่เอี่ยม ของ ศิลปภาพยนตร์

สามเกลอแผลงฤทธิ์ (2497)
สามเกลอแผลงฤทธิ์ (2497/1954) หลังจากเกษียณราชการ ขุนรักษาพยายามคิดค้นยาชุบชีวิตคนตายให้กลายเป็นคนเป็นเพราะหวังจะร่ำรวยมีเงินทอง แต่ยังขาดตัวยาอยู่สองขนาน บังเอิญ เสน่ห์ แป๊ะ และ ฮะ มาติดพัน นารี ลูกสาวสุดที่รักของขุนรักษา แกจึงออกอุบายให้สามเกลอไปหาตัวยาวิเศษกับเจ้าทองคำที่เชียงใหม่ โดยสัญญาว่าจะยกลูกสาวให้ถ้าทำสำเร็จ สามเกลอไม่รอช้า มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ แม้เจ้าทองคำจะขายตัวยาให้ธนาคารที่ลำปางไปแล้วก็ตามไปซื้อจนสำเร็จ และเดินทางต่อไปยังปราสาทหินพิมายซึ่งเป็นจุดหมายของตัวยาขนานสุดท้าย เมื่อหาตัวยาได้ครบก็รีบเดินทางกลับมารับรางวัลที่กรุงเทพ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูก สมพล วายร้ายสะกดรอยตามหวังชิงยาวิเศษ ขุนรักษาลงมือปรุงยาทันควัน แล้วสั่งให้สามเกลอไปขุดศพ เสือโพล้ง ที่ป่าช้ามาทำการทดลองชุบชีวิตเสือโพล้งฟื้นคืนชีพมาอาละวาดบีบคอเสน่ห์แล้วจับตัวนารีไป สามเกลอรีบตามไปชิงตัวนารีคืน แล้วฉีดยาพิษใส่เสือโพล้งให้ตายดังเดิม ส่วนขุนรักษาที่รออยู่ที่บ้าน ถูกสมพลจับตัวไปขู่จะเอายาวิเศษ โชคดีที่ เฉย คนใช้ช่วยขุนรักษาไว้ได้ ขุนรักษากลับมาปรุงยาอีกครั้งและประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้เป็นเพราะสามเกลอแผลงฤทธิ์นำพาความปรกติสุขกลับมา
แม่ศรีเรือน (2497)
แม่ศรีเรือน (2497/1954) เพราะทนถูกนายจ้างเอาเปรียบเรื่องเงินเดือนไม่ได้ โดม จึงตัดสินใจลาออกจากงานมาเป็นพ่อบ้าน ชไมพร ภรรยาที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านจึงจำต้องออกไปหางานทำแทนสามี กระทั่งได้งานที่บริษัทสตรีไทยของ คุณนายแช่มช้อย บริษัทที่ออกกฎห้ามพนักงานหญิงมีสามี ชไมพรจึงต้องปิดบังเรื่องโดมไว้เป็นความลับ ความสามารถของชไมพรเป็นที่ปลาบปลื้มของคุณนายแช่มช้อย จึงพยายามจับคู่ชไมพรให้ ชวลิตลูกชาย ฟากโดมก็ได้รู้จักกับ วัทณีย์ ลูกสาวเจ้าของบ้านเช่าที่ตนอาศัยอยู่ ความรักระหว่างโดมกับชไมพรจึงส่อแววเข้าใจผิดเป็นเหตุให้เกิดเรื่องยุ่งๆ ตามมา กระทั่งความลับถูกเปิดเผย ในจังหวะเดียวกับที่ชวลิตและวัทณีย์ดันมาชอบกันโดยบังเอิญ ด้วยความเมตตาชไมพร คุณนายแช่มช้อยจึงยกเลิกกฎ และให้ชไมพรได้ทำงานต่อไป ฝ่ายโดมหลังจากว่างงานมานานก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ด้วยความช่วยเหลือจากวัทณีย์ เรื่องจึงจบลงด้วยความสุขสมหวังทุกประการ
เจ้าสาวชาวไร่ (2497)
เจ้าสาวชาวไร่ (2497/1954) ภาพยนตร์ประเภทตลกขบขัน แนวใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่จะทำให้ท่านท้องคัดท้องแข็งตลอดเวลาที่นั่งชม (ที่มา: นิตยสารผดุงศิลป์ กรกฎาคม พ.ศ. 2497)
สามเกลอปราบวายร้าย (2497)
สามเกลอปราบวายร้าย (2497/1954) สามเกลอปราบวายร้าย เป็นภาพยนตร์ไทย ฟิล์ม 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2497
หนูจ๋า (2497)
หนูจ๋า (2497/1954) นิยายชีวิตที่ท่านจะหัวเราะและร้องไห้... เราพากภูมิใจที่เสนอท่านด้วย.. เรื่องที่ซาบซึ้งตรึงใจที่สุด พร้อมทั้งบทบาทที่ดีที่สุด.. ดู... บทบาทของ อรสา เด็กสาวสวยคนเดียวในเมืองไทย ที่ได้รับรางวัลถ้วยเกียรติยศจาก อัศวินภาพยนตร์ และสนั่นศิลป์ภาพยนตร์ ว่าแสดงบทบาทเย้ยดาราฝรั่งใน "ตุ๊กตาจ๋า" คอยดู..หนูจ๋า-หนูจ๋า (ที่มา: นิตยสารข่าวภาพยนตร์ เมษายน พ.ศ. 2497)
สามเกลอเจอผี (2496)
สามเกลอเจอผี (2496/1953) สามเกลอเจอผี เป็นภาพยนตร์ไทย ฟิล์ม 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2496 กำกับการแสดงโดย ดอกดิน กัญญามาลย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำโปรยว่า ภาพยนตร์ตลก-แปลก และใหม่ที่สุด ไม่ซ้ำแบบใคร
จอมหิว (2496)
จอมหิว (2496/1953) เรื่องราวของสองพี่น้อง องอาจ ซึ่งเป็นพวกชอบคิดแต่ไม่ชอบทำ กับ อัศวิน ซึ่งเป็นจอมหิว ด้วยความระอาความไม่เอาไหนของลูกชายทั้งสอง นายอ้น ซึ่งเป็นพ่อจึงไล่ตะเพิดอัศวินกับองอาจออกจากบ้าน หลายวันผ่านไป องอาจกับอัศวินเร่ร่อนไปตามยถากรรมจนมาเจอเกวียนตกหล่ม อัศวิน จอมหิว ซึ่งมีนิสัยประหลาด คือเมื่อโมโหหิวจะมีพละกำลังมหาศาล จึงไปช่วยชาวบ้านยกเกวียน จึงได้อาหารเป็นการตอบแทน สองพี่น้องยังคงระหกระเหร่อนเร่หาวิธีประทังความหิวไปวันๆ แม้บางครั้งอับจนขนาดต้องกินหินแทนข้าว องอาจพยายามคิดหาวิธีต่างๆ เช่น ให้อัศวินปลอมตัวเป็นคนพิการขอทานประทังชีวิต แต่ความก็แตกทุกครั้งเพราะอัศวิน จนวันหนึ่ง ทั้งสองมาจนถึงสวนสัตว์และพบ จันทรา กำลังถูกนักเลงรังเก อัศวินซึ่งกำลังโมโหหิวจึงเข้าไปช่วย จันทราตอบแทนบุญคุณทั้งสองด้วยการให้กล้วยหอมซึ่งทีแรกกะจะนำมาให้ลิง วันต่อมา องอาจพาอัศวินมาสมัครเป็นนักมวย และต่อยชนะเพราะโมโหหิวนั่นเอง โชคชะตาพาให้สองพี่น้องได้พบกับจันทราอีกครั้งที่บาร์เหล้าซึ่งบิดาของจันทราเป็นเจ้าของ จันทราเล่าให้บิดาฟังว่าองอาจกับอัศวินเคยช่วยชีวิตจันทราไว้ บิดาของจันทราจึงรับทั้งสองเข้าทำงาน อัศวินใช้พลังให้เป็นประโยชน์ในการจัดการนักเลงซึ่งมาเบ่งกินฟรีที่บาร์ ส่วนองอาจก็ได้ใช้ความคิดพิชิตใจจันทรา
สามเกลอกระยาจก (2496)
สามเกลอกระยาจก (2496/1953) คอยชม! ภาพยนตร์ตลก ชั้นแนวหน้า ไม่ซ้ำแบบใคร
ยอดนักเบ่ง (2496)
ยอดนักเบ่ง (2496/1953) แม้จะเป็นเพียงคนแจวเรือจ้าง แต่ สม จิ๋ม และ อัมพร ก็ยังมีความฝัน สมฝันอยากเป็นพระเอกลิเก ส่วนจิ๋มฝันไกลอยากเป็นประธานาธิบดี ส่วนอัมพรฝันอยากเป็นนักร้อง ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของคนทั้งสามคือการแลกเปลี่ยนความฝันและร้องเพลงอย่างสำราญ ไม่มีใครคาดฝันว่าฝันนั้นจะกลายเป็นจริงวันหนึ่งทั้งสามเผอิญไปเจอชายฉกรรจ์กำลังจะปลุกปล้ำหญิงสาวทั้งสามจึงรี่เข้าไปช่วย ไม่ได้รู้เลยว่านั่นเป็นฉากหนึ่งในหนังที่กำลังถ่ายทำอยู่ ผู้กำกับเห็นความงามของอัมพรจึงชักชวนมาแสดงหนังรวมทั้งสมกับจิ๋มด้วย เหมือนเทวดาเล่นตลก สมได้รู้ว่าตนเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทหนังที่หายตัวไป ผู้กำกับรีบเอาใจเจ้าของบริษัทด้วยการเปลี่ยนให้สมเป็นพระเอก และให้ เชาวน์ พระเอกคนก่อนไปแสดงเป็นผู้ร้าย กองถ่ายหนังเรื่อง "คดีสร้อยเพชร" เริ่มทันทีในคืนนั้นที่เวทีพัฒนากรเชาวน์แค้นใจที่ถูกปลดกลางคันจึงขอสวมบทคนร้ายตัวจริง จับตัวอัมพรไปขังไว้ที่บ้านร้าง อัมพรใช้เสน่ห์ล่อหลอกให้ผู้คุมทะเลาะกันเอง และอาศัยช่วงชุลมุนหนีออกมาที่ท่าเรือจ้าง ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจึงรอดเงื้อมมือเชาวน์มาได้อย่างหวุดหวิด ทั้งสามกลับมาตายรังที่ท่าเรือจ้างและไม่นึกอยากฝันเป็นอะไรอื่นอีกเลย
Placeholder
ไซอิ๋ว (2496)
ไซอิ๋ว (2496/1953) ภาพยนตร์ไทยในเรื่องจีน (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ 2 เมษายน พ.ศ. 2496)
สามล้อประจันบาน (2495)
พ่อครูเอก (2495/1952) เรื่องราวของ พ่อเฒ่าฟุ้ง ชาวพระนครศรีอยุธยา ที่ต้องการให้ ฟื้น กับ เฟื่อง ลูกชายและลูกสาวได้ดีจึงส่งไปร่ำเรียนและใช้ชีวิตในกรุงเทพจนมีคู่ครองแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา ฟื้นแต่งงานกับ ชั้น น้องสาวของ เชี่ยว ซึ่งเป็นสามีของเฟื่อง ฟื้นมีอุปนิสัยเกรงอกเกรงใจเมีย ส่วนเฟื่องเองก็โดนเชี่ยวทำร้ายร่างกายบ่อยๆ ต่อมาพ่อเฒ่าฟุ้งประสบปัญหาน้ำท่วมนาข้าวเสียหาย หนี้สินท่วมหัว จึงเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อขอความช่วยเหลือจากลูกระหว่างเดินทางได้ซื้อลอตเตอรี่ไว้ เมื่อพ่อเฒ่าฟุ้งมาถึงกรุงเทพได้พบชั้นกับเชี่ยวซึ่งปฏิเสธที่จะช่วยเหลือพ่อเฒ่าฟุ้ง ซ้ำร้ายยังถูก ชาญ พ่อของเชี่ยวดูถูกอย่างไม่ใยดี ฟื้นเห็นท่าไม่ดีจึงไปปรึกษาเชี่ยวเพื่อขอวิชาปราบเมีย ทางเชี่ยวก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี เฟื่องเองก็ไปขอคำปรึกษากับชั้นเรื่องที่โดนทำร้าย ชั้นเห็นอย่างนั้นก็สงสารและให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน พ่อเฒ่าฟุ้งเดินโซซัดโซเซจนถึงกองสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงนำเอาสลากที่ซื้อไปตรวจปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 2 จึงนำสลากไปขึ้นเงิน และตั้งใจนำเงินรางวัลไปแบ่งลูกๆ เมื่อไปถึงเห็นว่าฟื้นสามารถปราบเมียได้สำเร็จ ส่วนเฟื่องก็สามารถกำราบเชี่ยวได้อยู่หมัด จนชาญไม่กล้าต่อว่าอะไร เมื่อเหตุการณ์ผันแปรเช่นนี้ทั้งสองครอบครัวจึงอยู่กันเป็นปรกติสุข
เสมาทองคำ (2495)

เสมาทองคำ (2495/1952) พระเจ้าอารยะบดี แห่งกรุงทวารวดี ทรงหมั้นหมายพระราชธิดาพระนาม เจ้าหญิงมลิวัลย์ กับ เจ้าชายชัยสิทธิ์ ตั้งแต่ยังอยู่ในพระครรภ์ แต่เจ้าชายชัยสิทธิ์ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ 5 พรรษาพร้อมสร้อยเสมาทองคำซึ่งจารึกพระนามและวันประสูติ 15 ปีผ่านไป เจ้าหญิงยังพระทัยซื่อตรงต่อเจ้าชายชัยสิทธิ์แต่ถึงเวลาต้องออกเรือนตามราชประเพณี จึงออกอุบายเลือกคู่ครองที่สามารถโต้วาทีเรื่อง "ไก่มาก่อนไข่หรือไข่มาก่อนไก่" หากผู้ใดตอบได้พระราชธิดาจะสมรสด้วย ฝ่ายเจ้าชายชัยสิทธิ์ หลังจากถูกลักพาตัวไป สองพ่อลูก มะปะ กับ มะกะโท ได้ช่วยไว้ ก่อนมะปะจะเสียชีวิตได้สั่งให้มะกะโทพาเจ้าชายชัยสิทธิ์กลับเมาะตะมะเพื่ออบรมประเพณีและเรียนหนังสือไทย เมื่อเจ้าชายชัยสิทธิ์อายุครบ 20 ปี มะกะโทจึงพาเจ้าชายชัยสิทธิ์มากรุงทวารวดี เจ้าชายชัยสิทธิ์ขอให้มะกะโทรอที่หน้าเมืองและจะกลับมาภายใน 7 วัน ชัยสิทธิ์เข้าไปในเมืองได้พบ พาโล กับ กาษะสองพ่อลูกซึ่งกำลังหาคนทายปัญหา พาโลกับกาษะเข้าใจว่าเจ้าชายชัยสิทธิ์ไขปัญหาได้จึงทุบตีเจ้าชายชัยสิทธิ์จนสลบเพื่อจะสวมรอย แล้วสั่งให้ เจ้าหงิก ลากชัยสิทธิ์ไปทิ้งกลางป่าแต่เจ้าหงิกนำไปฝากยายเฒ่าเพราะสงสาร เจ้าชายชัยสิทธิ์ซ่อนตัวในกระท่อมเมื่อมีเวลาว่างก็ช่วยทำสวน และด้วยอภินิหารบันดาลให้ต้นไม้ในสวนผลิดอกงดงามอย่างมหัศจรรย์ ครบกำหนด 7 วัน มะกะโทไม่เห็นเจ้าชายชัยสิทธิ์กลับมาจึงผลุนผลันเข้าเมืองทวารวดี มาอาศัยขุนคชบาลในโรงช้าง พระเจ้าอารยะบดีพอพระทัยในความเฉลียวฉลาดของมะกะโท หมายจะให้มาโต้วาทีกับพระราชธิดา ระหว่างนั้นข่าวพระราชอุทยานกลายเป็นสวรรค์แพร่สะพัดไปถึงพระกรรณของเจ้าหญิงมลิวัลย์ จึงชวน นันทา ข้าหลวงคนโปรดไปทรงทอดพระเนตร จึงได้พบกับเจ้าชายชัยสิทธิ์ ทั้งสองต่างพึงพอใจกัน เจ้าหญิงออกอุบายนัดหมายเจ้าชายชัยสิทธิ์และได้เห็นเสมาทองคำจึงรู้ว่านี่คือเจ้าชายชัยสิทธิ์ที่ถูกลักพาตัวไป จึงให้เจ้าชายชัยสิทธิ์ไปปรากฏตัวในสนามโต้วาทีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า กาษะแอบได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน กลับไปปรึกษาพาโล พาโลตกใจสั่งให้กาษะนำหน้ากากเหล็กซึ่งมีอำนาจให้ผู้ถูกสวมพูดไม่ได้ ไปสวมให้เจ้าชายชัยสิทธิ์ เจ้าหงิกกับนันทาแอบฟังอยู่จึงรีบไปทูลเจ้าหญิงได้ทันท่วงที

วิวาห์คนจน (2495/1952) ตลก ขบขัน เศร้า เสียสละ และน้ำตา เรื่องชีวิตคนจนซึ่งประกอบด้วยความดี (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2495)
ลูกสาว (2495)
ลูกสาว (2495/1952) ภาพยนตร์ไทยชนิดไม่โป๊สมชื่อ แต่เป็นเรื่องการเมืองจริงๆ ว่ากันเละทีเดียว พรรคก้าวหน้า! พรรคถอยหลัง! พรรคเดินข้างๆ คูๆ (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2495)
ไซอิ๋ว ฉบับครูมี (2495/1952) ภาพยนตร์ไทยในนิยายจีน เรื่องเยี่ยมไม่ซ้ำแบบใคร (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ 4 เมษายน พ.ศ. 2495)
สามเกลอถ่ายหนัง (2495)
สามเกลอถ่ายหนัง (2495/1952) เรื่องราวของคณะถ่ายหนังที่ต้องมาสู้กับผู้ร้ายนอกจอ กรุงเทพ พ.ศ. 2493 เสือฉาย กำลังอาละวาดออกปล้นสะดมสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านร้อนถึงตำรวจต้องเร่งปราบปรามขนานนัก เสือฉาย จึงไปหลบซ่อนตัวที่จังหวัดเพชรบุรี ขณะนั้น สมพงษ์ (ล้อต๊อก) และ ดอกดิน สามเกลอหนุ่มเพิ่งเรียนการสร้างหนังจากประเทศอเมริกาจบ เกิดร้อนวิชาอยากทดลองฝีมือ อนิจจา สามเกลอสิ้นเนื้อประดาตัวแต่ก็ยังไม่ละความพยายาม ดิ้นรนเอาข้าวไปจำนำจนสามารถตั้งบริษัท "จิ้งจกภาพยนตร์" สำเร็จ บริษัทจิ้งจกภาพยนตร์เริ่มถ่ายหนัง โดยมีดอกดินเป็นผู้กำกับ สมพงษ์เป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ (ล้อต๊อก)เป็นผู้ร้ายและได้ ณรงค์ มาเป็นพระเอก ชูศรี เป็นนางเอก แต่การทำงานเป็นไปอย่างทุลักทุเล สามเกลอหารือกันว่าจะเปลี่ยนไปถ่ายหนังที่จังหวัดเพชรบุรี แต่สามีนางเอกเกิดไม่ยอมให้นางเอกแสดงต่อ สามเกลอเข้าตาจนจึงต้องหาผู้มาแสดงแทน โชคดีได้พบสาวชาวไร่ชื่อ น้อย จึงชวนมาเป็นนางเอกโดยไม่รู้ว่าน้อยเป็นที่หมายปองของเสือฉาย รุ่งขึ้นถึงคิวการถ่ายฉากพลอดรักระหว่างพระเอกนางเอก เสือฉายผ่านมาเห็นเข้านึกว่าเป็นเรื่องจริงก็เกิดโทสะ วิ่งพรวดเข้าไปชกณรงค์ สมพงษ์สวมวิญญาณตากล้องถ่ายภาพยนตร์ต่อไป น้อยวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ขับรถผ่านมาแถวนั้น ตำรวจเห็นหน้าเสือฉายก็จำได้ว่าเป็นมหาโจรที่ทางการกำลังต้องการตัวแต่ไม่เคยมีใครมีภาพถ่ายเสือฉาย เสือฉายฉวยโอกาสหลบหนีไป สามเกลอกลับมาล้างฟิล์มที่กรุงเทพ เจอข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ประกาศให้รางวัลแก่ผู้ที่มีภาพเสือฉาย จึงไม่รอช้ารีบเอาฟิล์มไปให้ตำรวจ แต่ เสือปาน ลูกสมุนของเสือฉายมาดักรอกลางทาง สามเกลอพากันวิ่งหนีจนกระทั่งถึงสถานีตำรวจ อารามรีบวิ่งตามสามเกลอเสือปานจึงไม่รู้ตัวว่ากำลังวิ่งเข้าสถานีตำรวจจึงถูกจับเข้าตาราง สามเกลอกลับมาถ่ายหนังต่อที่จังหวัดเพชรบุรีและมาสู่ขอน้อยให้พระเอกเสือฉายสบโอกาสตามมาล้างแค้น แต่พลาดท่าเสียทีถูกตำรวจจับเสียเอง รางวัลนำจับเสือฉายจึงตกเป็นของสามเกลอคณะถ่ายหนัง เอวังด้วยประการฉะนี้