บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 (2550/2007) เรื่องราวต้นกำเนิดของวงศ์คมก่อนที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับท่านโชติและชายชล ในขณะที่เป็นตำรวจพิเศษของรัฐบาลสาธารณรัฐหนองหวายหลึม เขาได้รับคำสั่งให้แทรกซึมเข้าไปยังบริษัท "GRSM GRAMMA" บริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่มี "เฮียสุรชัย" และ "สุชิน" เป็นเจ้าของ แต่เบื้องหลังแล้วทั้งสองคือพ่อค้าอาวุธเถื่อนรายใหญ่ คำเหลาได้แทรกซึมโดยการเข้าไปเป็นนักร้องในบริษัท โดยใช้ชื่อในวงการว่า "มัมมี่ เหลา" และที่นี่เขาได้พบกับ "พอลล่า" เลขาสาวสวยของเฮียสุรชัยและ สุชิน ซึ่งแท้จริงแล้วเธอคือ CIA ปลอมตัวมา ซึ่งทั้งคู่จะต้องร่วมมือกันหยุดยั้งเฮียสุรชัยและสุชินให้ได้ คำเหลา (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) เจ้าหน้าที่ มือดีอันดับต้น ๆ แต่ชอบทำเรื่องซวยให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่หนักใจ ของหน่วยสืบสวนพิเศษสำนักงานสืบสวนเฉพาะกิจแห่งสาธารณรัฐชาติเวียง ได้ถูกส่งตัวไปยังประเทศไทยหลังจากที่ทางหน่วยงานได้ข้อมูลลับมาว่า มีผู้ก่อการร้ายรายใหญ่ สุชิน (สุชิน ควรสงวน) และสุรชัย (สุรชัย สมบัติเจริญ) ที่มุ่งทำลายสาธารณรัฐชาติเวียงแฝงตัวอยู่ในประเทศไทย โดยได้เปิดธุรกิจค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ภายใต้แบรนด์ GRSM GRAMMA บังหน้า ทางหน่วย(รัฐเวียง)จึงได้ส่งคำเหลา เข้าไปปฏิบัติการต่อต้านผู้ไม่ประสงค์ดีรายนี้ คำเหลาเลยจำเป็นต้องงัดกลยุทธทั้งหมดโกหก เขียว (เจเน็ต เขียว) ภรรยาของตัวเองว่าต้องไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ โดยที่ไม่เคยปริปากบอกแม้แต่นิดเดียวว่าตัวเองทำงานมีเกียรติขนาดไหน เขียวได้แต่สงสัย คำเหลาแฝงตัวเข้าไปเป็นนักร้องในบริษัทค่ายเทป GRSM ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ระดับประเทศที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายตั้งขึ้นเพื่อใช้บังหน้า โดยคำเหลามาสมัครเป็นนักร้องโดยใช้ชื่อว่า มัมมี่ เหลา จนกลายเป็นที่โด่งดังระดับซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจประเทศเพียงชั่วข้ามคืน จนสามารถทำยอดทะลุเป้าไปได้มากกว่า 100 ล้านแผ่น และในขณะที่มัมมี่เหลาโด่งดังขึ้นก็ได้พบกับ พอลล่า (แจ็คเกอลิน อภิธนานนท์) นักสืบสาวจากหน่วยงานต่างประเทศที่แฝงตัวเข้ามาเป็นเลขาของ สุชิน และ เฮียสุรชัย ซึ่งเข้ามาปฏิบัติการอยู่ก่อนแล้วโดยที่คำเหลาไม่รู้ตัวมาก่อน คำเหลาและพอลล่า ทั้งสองคนต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการกับผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ให้ได้ก่อนที่จะเกิดการปฏิบัติการระเบิดถล่มเมืองขึ้น ภาระกิจเพื่อประเทศและแฟนเพลงจึงเต็มไปด้วยความโกลาหล ปฎิบัติการสาดกระสุนกระหน่ำ สาดมุขกระจายของคำเหลากำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
สู้นี้เพื่อเธอ (Sumolah) (2550/2007) "อาฟฟลิน" ชายหนุ่มซึ่งอ่อนแอ แต่เมื่อเกิดความรักแท้ ทำให้เขาได้รับแรงบันดาลใจ พยายามทำทุกสิ่งเพื่อคนที่เขารัก เพื่อจุดหมายที่คาดหวังไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมทุนถ่ายทำถึง 3 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น, มาเลเซียและประเทศไทย และเปิดฉายที่มาเลเซีย และญี่ปุ่น เป็นที่เรียบร้อย เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬาประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น นำมาร้อยเรียงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่ท้อแท้ สิ้นหวัง
ฅนไฟบิน

ฅนไฟบิน (2549/2006) ปี พ.ศ. 2398 เป็นต้นมาได้เกิดอาชีพ “นายฮ้อย” ขึ้นมา เพราะประเทศต้องการทำนาเพื่อนำข้าวส่งออกต่างประเทศ เหล่ากลุ่มนายฮ้อยเหล่านี้ต้อนควายเพื่อมาขายยังกรุงเทพฯ นายฮ้อยบางกลุ่มก็เป็นโจรแฝงมาเพื่อปล้นควายและฆ่าชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนโดยทางการมิได้เข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด หนำซ้ำ “พระยาแหว่ง” (ลีโอ พุฒ-พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์) ยังต้องการให้ฆ่าควายให้หมดอีกด้วยเพื่อจะได้ขายรถไถฝรั่งให้กับประชาชนใช้แทนควาย กลุ่มนายฮ้อยโจรเหล่านี้ต้องเผชิญกับ “โจรบั้งไฟ“ (ชูพงษ์ ช่างปรุง) ผู้ออกปล้นด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ทุกข์ยาก และที่สำคัญหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ของตน จนกระทั่งเจอกับ “นายฮ้อยสิงห์” (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) และเชื่อมั่นว่าเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของตนจริงๆ ในขณะที่พระยาแหว่งจ้างโจรปล้นฆ่านายฮ้อยได้หมด แต่กลับไม่สามารถฆ่านายฮ้อยสิงห์คนที่ไม่เคยแพ้ใครได้ พระยาแหว่งจึงวางแผนหลอกใช้โจรบั้งไฟและ “ปอบดำ” (พันนา ฤทธิไกร) ผู้ลึกลับและมีความแค้นอยู่กับนายฮ้อยสิงห์มานาน จึงตกลงใจช่วยเหลือโดยทันที ทั้งพระยาแหว่งและโจรบั้งไฟต่างก็หลงรัก “อีสาว” (กัญญาภัค สุวรรกูฏ) ลูกสาวคนเดียวของปอบดำ แต่ปอบดำก็ไม่ยอมให้ใครได้อีสาวไปครอง… “นายฮ้อยสิงห์” ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกปองร้าย… ชีวิตของ “อีสาว” ยังมีความลึกลับที่ยังไม่เปิดเผย… “โจรบั้งไฟ” และ “พระยาแหว่ง” ยังไม่รู้ความลับของ “ปอบดำ” แต่ทั้งสามก็ต้องร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของแต่ละคน…

หมากเตะ รีเทิร์นส (2549/2006) พงศ์นรินทร์ อุลิศ (จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) เคย โค้ชหนุ่มไฟแรงผู้ฝันอยากเห็นทีมไทยไปบอลโลก ยังคงไม่ได้รับโอกาสจากสมาพันธ์ฟุตบอลไทย ร้อนถึง เจ๊มิ่ง (น้อย โพธิ์งาม) น้าสาวบ้าหวยรวยบอลแฟนพันธุ์แท้ทีมไทย แกประกาศลั่นถ้าถูกรางวัลที่ 1 จะทุ่มเงินให้หลานรักพาบอลไทยไปตะลุยบอลโลกให้จงได้ แล้วชะตาก็ลิขิตให้ชีวิตสองน้าหลานผันผวน เมื่อเจ๊มิ่งดันถูกล็อตเตอรีชุดใหญ่จังเบอร์ 192 ล้านบาท แต่สมาพันธ์กลับพลิกลิ้นแต่งตั้งโค้ชบราซิล อ้างเสียบเพื่อชาติ เจ๊มิ่งยัวะจัดจูงมือหลานชายบินลัดฟ้าสู่ประเทศอาวี ลั่นวาจาคราวนี้แหละอาวีจะไปบอลโลก ราชรัฐอาวี ตั้งอยู่ในทะเลจีนใต้ ส่งออกหอยลาย ดำเนินนโยบายเป็นกลาง อาวี เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรราวแสนคน แต่ติดหนึ่งในสิบประเทศที่คลั่งไคล้ลูกหนังมากที่สุดจากการจัดอันดับประจำปี 2006 ทีมฟุตบอลของพวกเขาถือเป็นสมันน้อยของโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พกสถิติแจกแต้มแหลก ไม่เคยชนะทีมใดเลยในการแข่งขันระดับชาติ แต่เด็กๆ ชาวอาวีก็เช่นเดียวกับเด็กๆ ทั่วโลก นั่นคือ ฝันอยากเห็นทีมชาติตัวเองลงเตะในมหกรรมระดับโลกนี้สักครั้ง
แซ่บ (2549/2006) ณ แฟลตแห่งหนึ่ง จืด (นีโน่ เมทนี) ได้รับมอบหมายจาก เสี่ยเจ้าของแฟลต (สมเล็ก) ให้ดูแลแทนเพราะต้องเดินทางไปต่างประเทศหลายวัน จึงเข้าทางของ จืด จอมวางแผนที่ชอบตั้งตัวเป็นใหญ่ จึงสมคบกับสมุนทั้ง 4 คือ ไอ้บ้า (ค่อม ชวนชื่น), อสุจิ (บอล เชิญยิ้ม), มาศ (ชูศรี เชิญยิ้ม) และ นัทติง (โก๊ะตี๋ อารามบอย) วางแผนร้าย ทั้งการพนัน ยาเสพติด ผู้หญิง และทุก ๆ อย่างที่เป็นเรื่องไม่ดีขอให้มีเงินและอำนาจเท่านั้นเป็นพอ เนื่องจากแฟลตแห่งนี้เป็นแหล่งชุมชนมีวัยรุ่นอยู่มาก เหมาะแก่การล่อลวง ทุกคนจึงเข้าใจผิดว่า จืด เป็นเจ้าของแฟลตจึงทำตามอำเภอใจทุกอย่าง และคิดจะสร้างอาณาจักรโดยการกว้านซื้อที่ดินแถวนั้น แซ่บ (เบนซ์ พรชิตา) กับ ขวัญ (ขวัญใจ จันทร์ทอง) เพื่อนสนิท เป็นผู้อาศัยอยู่ใกล้แฟลตนี้เช่นกันเป็นพวกรักความยุติธรรมเห็นประกาศว่าจะมีคนมาซื้อที่ของตน แซ่บ ยอมไม่ได้เพราะเป็นที่ของปู่ ย่า ตา ยาย จึงวางแผนกับเพื่อนสนิทอีกคนคือ จ้าว (วิรัช เข็มกลัด) จึงพยายามเข้าไปในแฟลตเพื่อสืบว่าใครเป็นคนบงการ จึงได้ทราบเรื่องราวความเป็นไปของ จืด และ สมุน ว่าได้ใช้บริเวณหลังแฟลตเป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กวัยรุ่น แซ่บ กับเพื่อน จึงไปแจ้งสารวัตร เกริก ชิลเลอร์ แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ แซ่บ กับเพื่อนจึงต้องจัดการขัดขวางเอง จึงเกิดมีการปะทะกัน แต่ด้วย แซ่บ ได้ฝึกการป้องกันตัวจาก พ่อ (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายมวยมาบ้างจึงเอาตัวรอดได้หลายครั้ง จนกระทั่งมีการปะทะกันครั้งใหญ่เจ้าหน้าที่จึงเข้ากวาดล้างและจับตัวบงการได้ เรื่องทั้งหมดจึงถูกเปิดเผยว่าใครเป็นใคร
พระ เด็ก เสือ ไก่ วอก (2549/2006) นับย้อนหลังไป 100 ปี พอดี ตุลาคม พ.ศ. 2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศเลิกทาส วันเดียวกันนั้นเอง เด็กชายหญิงชนบทผู้น่าสงสารจำนวน 8คน อันเป็นทาสขัดดอกของพ่อใหญ่ภูนายเงินและพ่อค้าของป่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งบ้านชายคง ได้ถูกขายให้แก่โยนสันพ่อค้าชาวอังกฤษที่มากว้านซื้อไม้หอมและป่าสมุนไพรต่างๆ เตรียมขนไปขึ้นเรือกำปั่น โดยไม่ได้รับการยินยอมจากพ่อแม่ของเด็กๆ ชาวไร่ชาวนาผู้ยากจน เมื่อไม่สามารถทานอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของพ่อใหญ่ภู บรรดาชาวไร่ชาวนาผู้ยากไร้เหล่านั้น จึงต้องรวบรวมเงินทองของมีค่าอันน้อยนิดว่าจ้างพวกเร่ร่อนนอกกฎหมายจำนวน 5คน ให้ออกติดตามไปช่วยลูกหลานของตนประกอบด้วย อดีตพระทองสุก (โน้ต เชิญยิ้ม)ผู้ถูกทางการติดตามตัว เพราะต้องคดีศาลกงสุล ทำร้ายฝรั่งที่เข้าไปอาละวาดในวัดเมืองบางกอก จึงต้องสึกหาลาเพศและระเห็จหนีสู่ชายแดนไกล สำลี (โก๊ะตี๋ อารามบอย)เด็กโข่งผู้ชำนาญการประดิษฐ์ดอกไม้ไฟตะไลเพลิง ทว่ายังชีพอยู่ด้วยการลักเล็กขโมยน้อย เสือ (เจษฎาภรณ์ ผลดี)อดีตทหารพเนจรผู้พิสมัยการนอนและการดื่ม ระกา (พอลล่า เทเลอร์)จอมขโมยหญิงผู้ผ่านการเร่ร่อนในต่างแดนมาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ และมีความหลังซึ่งไม่ยอมปริปากบอกใคร วอก (สราวุฒิ พุ่มทอง)หมอยาพเนจรที่เคยแต่รักษาให้ใครตายเร็วขึ้น ด้วยสูตรยาผสมเองตามอารมณ์อันบรรเจิดของเจ้าตัว ขณะที่ต่างคนต่างมีนิสัยใจคอแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้ง 5ต้องเดินทางมุ่งติดตามขบวนขนส่งสินค้าของพวกลูกเรือต่างชาติ พร้อมอาวุธทรงอนุภาพและปืนใหญ่ที่รออยู่ ผ่านดินแดนเถื่อนรกร้างขอบพระราชอาณาเขต ซึ่งมีชนเผ่าต่างๆ และพวกหนีกฎหมายเร่ร่อนอาศัยอยู่ เพื่อหาทางช่วยเหลือเด็กๆ ผู้น่าสงสารเหล่านั้นกลับมาให้ได้
ไทยถีบ (2549/2006) พ.ศ. 2485 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นรุกคืบเข้าสู่เอเชียอาคเนย์ เพื่อยึดครองพื้นที่ในการทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร ประเทศไทยในเวลานั้น ยินยอมให้กองทหารญี่ปุ่นใช้เส้นทางผ่าน เพื่อลำเลียงกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังเอเชียกลาง ท่ามกลางความขัดแย้งของคนในชาติบางกลุ่ม ซึ่งประกาศขอต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นทุกรูปแบบ คม วังหิน (หมอก - ทศพร รถกิจ) จอมโจร 18 มงกุฎชื่อกระฉ่อน วางแผนปล้นครั้งใหญ่ โดยมีทองคำที่กองทัพญี่ปุ่นลำเลียง ผ่านเส้นทางเดินรถไฟทางภาคใต้เป็นเดิมพัน คม วังหิน เดินหมากเคลื่อนไหวอย่างเงียบ ๆ ดึงเอาผู้คนหลากหลายวงการเข้ามาร่วมแผนการลับ อันประกอบด้วย นักเลงคู่แค้น อย่าง ใหญ่ ท่าเรือ (ธันญ์ ธนากร), แหลม 18 อวน (สหัสชัย ชุมรุม) เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลในแถบพื้นที่ภาคใต้, นายพลสันต์ (สมเล็ก ศักดิกุล) นายทหารเจ้าเล่ห์ที่ไว้ใจไม่ได้ ขณะเดียวกัน โต ตีนหนัก (เทพ โพธิ์งาม) ผู้นำขบวนการไทยถีบ ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวกัน เป็นขบวนการใต้ดินต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น ก็รู้เรื่องขบวนรถขนทองของญี่ปุ่น และวางแผนเตรียมขัดขวางการขนทองครั้งนี้ กลุ่มไทยถีบได้รับการร้องขอจากเสรีไทยกลุ่มหนึ่ง ให้ช่วยเหลือ ซีน่า (ซาร่า เล็กจ์) สายลับฝ่ายสัมพันธมิตรที่ถูกฝ่ายทหารญี่ปุ่นจับตัวไป โดยมี แพ๊ตตี้ (อัมธิดา เงินเจริญ) สายลับสัมพันธมิตรอีกคน จะเข้ามาร่วมงานด้วย การเคลื่อนไหวของท่านนายพลสันต์ กับ สองจอมโจร ใหญ่และคม ในช่วงเวลาที่ขบวนรถไฟขนทองมูลค่ามหาศาลของญี่ปุ่น กำลังเดินทางผ่านเส้นทางประเทศไทยพอดิบพอดี ทำให้สายลับ แพ๊ตตี้เข้าใจผิดว่าใหญ่และคมเป็นหัวหน้ากลุ่มไทยถีบ จึงเข้าติดต่อตามแผนการที่นัดเอาไว้กับกลุ่มไทยถีบ และเพื่อไม่ให้แผนปล้นทองของตัวเองเปิดเผยไป จอมโจรทั้งสองจึงตกกระไดพลอยโจน จำยอมร่วมทำงานกับสายลับแพ๊ตตี้ ทั้ง ๆ ที่เวลาที่ขบวนรถไฟขนทองกำลังมาถึง และใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อโจรถูกเข้าใจผิดว่าเป็นวีรบุรุษ ทั้งฝ่ายวีรชนและจอมโจรต่างก็มีแผนการล้ำลึกอยู่ในมือ วีรกรรมระดับชาติกำลังจะเปลี่ยนเป็นความโกลาหล ทั้งฝ่ายวีรชนและจอมโจร ต่างก็มีแผนการล้ำลึกอยู่ในมือ วีรกรรมระดับชาติกำลังจะเปลี่ยนเป็นความโกลาหล เรื่องอลเวงระหว่างสองจอมโจรหนุ่มรูปหล่อ, กลุ่มไทยถีบผู้หาญกล้า, สายลับสาวสวยสองสาว รวมถึงท่านนายพลผู้ทรงอิทธิพล จะลงเอยอย่างไร...
น้ำพริกลงเรือ (2549/2006) น่านน้ำอ่าวไทยทะเลฝั่งตะวันออก ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ ดินแดนนี้มีปัญหามากในการลักลอบขนถ่ายสินค้าเถื่อน ยาเสพติด และอาวุธสงคราม ผู้ค้ารายใหญ่ที่ราชนาวีจับตามอง แต่ยังไม่สามารถจับได้คาหนังคาเขา เพราะมีเครือข่ายในการทำงานกว้างขวาง ซึ่งเป็นของ เสี่ยเม้ง (สมชาย ศักดิกุล) และ มิสเตอร์ยูริ (แบล็ค ผมทอง) จากญี่ปุ่น ซึ่งการขนถ่ายนี้จะมาทางทะเลอ่าวไทย แล้วมาแอบไว้ที่เกาะ และยังไม่สามารถสืบได้ว่าเป็นเกาะที่ไหนด้วย เหตุนี้ทางกองทัพเรือจึงได้รับหมอบหมายจากทางรัฐบาลให้จัดหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อจับเสี่ยเม้งและมิสเตอร์ยูริให้ได้ หมายปราบขบวนนี้ให้สิ้นซาก ผู้พันกุ้ง (โน้ต เชิญยิ้ม) ได้ถูกเรียกตัวเข้ามารับหน้าที่ ในการทำงานชิ้นนี้ โดยท่านผู้บัญชาการทหารเรือได้จัดบุคคลที่จะร่วมงานกับผู้พันกุ้งให้ด้วยและให้ไปตามตัวมา เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นอดีตทหารมือดีของกองทัพเรือที่ออกจากข้าราชการไปแล้ว ประกอบด้วย หมูหวาน (อัมรินทร์ นิติพน) เป็นมือเฮกเกอร์ข้อมูล ชำนาญในการโกงพนันทุกชนิด คนที่สองคือ ต้นหอม (เบญจพล เชยอรุณ) ทหารหน่วยนาวิกโยธิน เก่งในการดำน้ำ และอึดมากแต่เพราะจิตใจเป็นผู้หญิง จึงลาออกจากราชการมาเป็นนักเต้นทิฟฟานี่ คนที่สามคือ ไข่เค็ม ( เกริก ชิลเลอร์) มือระเบิดที่ออกจากราชการเพราะภารกิจผิดพลาด ทำให้เพื่อนร่วมทีมเสียชีวิต คนที่สี่คือ ไต๋ก๋งกะปิ (อี้ด โปงลางสะออน) นักแม่นปืน มีความชำนาญเรื่องน่านน้ำไทย อย่างหาตัวจับยาก และสุดท้ายคือ ผู้กองพริก (ศุภักษร ไชยมงคล) หญิงสาวหนึ่งเดียวที่เก่งกาจในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า และตั้งชื่อชุดปฎิบัติการนี้ว่า น้ำพริกลงเรือ ทั้งหมดรับงาน โดยมีรางวัลเป็นส่วนแบ่ง จากค่าหัวที่ทางการต่างประเทศตั้งไว้ ผู้พันกุ้งได้พาทีมน้ำพริกลงเรือทั้งหมดมาเก็บตัว และฝึกเพื่อให้ร่างกายได้พร้อมที่จะทำงาน และเมื่อถึงเวลาที่จะปฎิบัติงาน ทั้งหมดบุกไปที่เกาะซึ่งเสี่ยเม้งจัดงานปาร์ตี้สาวประเภทสองบังหน้า กลุ่มน้ำพริกลงเรือจึงต้องปลอมตัวเป็นสาวประเภทสองปะปนเข้าไปในงาน และใช้ความสามารถจนจัดการเสี่ยเม้งและพรรคพวกลงได้ งานนี้ทีมน้ำพริกลงเรือประสบความสำเร็จแต่พวกเขาก็ ต้องแลกกับชีวิตเพื่อนร่วมทีมไป......
ไฉไล (2549/2006) กับภารกิจลับสุดยอด ฮาสุดขั้ว ยั่วยวนสุดเดช แอคชั่นสุดเผ็ดร้อน “ชบา” เปิ่น กล้า บ้าบิ่น ตะหลิวสารพัดพิษ “กุหลาบ” เสน่หา เย้ายวน หนามยอกอก “ดอกบัว” สวยพิฆาต คมดาบบาดใจชาย “โป๊ยเซียน” กังฟูขนานแท้ ศิษย์เอกเกิดมาลุย “หน้าวัว” ช้างสารทลายศึก พลังอึดไร้เทียมทาน พวกเรา “พยัคฆ์สาว 5 พันธุ์ไม้” ฮีโร่พันธุ์ใหม่ พร้อมปฏิบัติการปราบปรามเหล่าร้าย
In the Name Of the Tiger เสือภูเขา (2548/2005) บนยอดเขาสูง มีรูปสลักหัวเสือขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านครอบคลุมศาลเจ้าพ่อเสือดำ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี เสมือนเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในเมืองหลัก ศูนย์กลางแห่งหุบเขาปกครองโดย 2 ผู้มีอิทธิพล คือ นายหัวจเย และ ท้าวไลข่าน ซึ่งแก่งแย่งต้องการ เป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ขณะที่ 2 ฝ่ายยกพวกปะทะกัน จู่ๆภูเขาที่รายล้อมเมืองได้ถล่มลงมา เมื่อภูเขาสงบลง นายหัวจเยได้พาร่างกายสะบักสะบอมไปไหว้ ศาลเจ้าพ่อเสือดำ เพื่อขอบคุณที่ช่วยให้รอดตาย ทันใดนั้นได้ปรากฏร่างชายคนหนึ่งชื่อ เล่าทง ซึ่งอยู่สภาพหิวโซ เข้ามากินของเซ่นไหว้ นายหัวจเยสั่งให้ลูกน้องจัดการ แต่กลายเป็นว่าถูกเล่าทงเล่นงานกลับอย่างรวดเร็ว ด่างลี ชายตัวสั้นจอมกะล่อน ผู้มีหน้าที่เฝ้าศาลจึงได้อุปโลกว่า เล่าทง คือ คนที่เจ้าพ่อเสือดำส่งมาช่วยนายหัวจเยตามคำขอ เพราะท่าทางของเล่าทงที่นั่งคร่อมบนหัวเสือ ไปสอดคล้องกับภาพวาดโบราณในผนังถ้ำ เล่าทง ยอมเข้าไปพวกนายหัวจเยเพื่อแลกกับทองคำ ขณะเดียวกันก็แอบรับทองจากพวกไลข่าน โดยยอมเข้าเป็นพวกเช่นเดียวกัน แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเล่าทงได้พบกับ ไหมท้อ สาวกะเหรี่ยงคอยาว ซึ่งถูกพวกของท้าวไลข่านรังแก อีกทั้งยังมี แฝดนรก ยอดฝีมือจอมโหด และ 7 เทพบุตรแดนใต้ ผู้มีใบหน้าราวกับผี กำลังเดินทางมา กำจัดเล่าทง ด้วยเช่นกัน ภารกิจของเล่าทงเพื่อ ช่วยเหลือชนเผ่าคอยาว ไม่ให้ล่มสลายจากการถูกล้างเผ่าพันธุ์ กับการเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของ แฝดนรก และ 7 เทพบุตรแดนใต้ จึงเริ่มต้น
มือปืนเก๋าเจ๋ง (2548/2005) ท่ามกลางบรรยากาศความวุ่นวายจากสถานการณ์นองเลือดระหว่างผู้มีอิทธิพล 3 กลุ่มในเมืองหลวง เรื่องราวเริ่มต้นที่สองหนุ่มเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ "สง" นักฆ่ามือเก๋าตัวจริงเสียงจริงมาดดุดันเด็ดขาด ฆ่ามาแล้วเกือบร้อยศพ พ้นกำแพงคุกไม่ทันข้ามวันก็รับงานใหม่สุดหินหมายสังหาร "ป๋าปื๊ด" หนึ่งในผู้มีอิทธิพลคนดังของนครหลวง แต่ด้วยเหตุศัตรูเก่าตามมาล้างแค้นกระหน่ำสงซะเดี้ยงปางตายเลยต้องโยนภาระหนักอึ้งให้กับอีกหนุ่มที่พ้นโทษมาด้วยกัน "เคี๊ยบ" หนุ่มหน้โหดแต่ใจไม่เหี้ยมผู้ที่ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเป็นคนดับ "เฮียเก๊า" ดาวดังของวงการเมื่อหลายปีก่อทั้งที่เรื่องจริงเป็นเหตุบังเอิญสุด ๆ เคี๊ยบจำต้องรับงานฆ่าเจ้าพ่อชื่อดังอย่างตกกระไดพลอยโจน เพราะต้องแบกภาระในการหาเงินค่าเทอมโคตรเแพงให้ลูกที่เรียนโรงเรียนนานาชาติ แล้วไหนจะค่ารักษาสงที่นอนเดี้ยงอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนหน้าเลือดอีก โดยเคี๊ยบได้ "แปะยิ้ง" ไอ้ตี๋วัยโจ๋ที่ฝันอยากจะเป็นผู้กำกับหนังฮอลลีวูดในวันข้างหน้า แต่วันนี้ขอเริ่มเข้าวงการด้วยการผลิตหนังประเภทแอบถ่ายใต้สะดือ แถมยังหนักไปทางพูดมากกว่าลงมือทำได้จริงมาเป็นผู้ช่วย ปฏิบัติการ "เก๋า+เจ๋ง" จึงเริ่มต้นด้วยเงื่อนไขกำหนดเวลา 5 วัน ก่อนจะถึงเที่ยงคืนวันเพ็ญเดือน 12 อันเป็นฤกษ์ที่ถูกย้ำนักย้ำหนาจาก "อาจารย์คง" เกจิชื่อดังว่าเหมาะแก่การปาณาติบาตอย่างยิ่ง 5 วันจะชี้ชะตาว่าจะรอดหรือม้วย ทั้งหมดต้องทำทุกทางวางแผนทุกอย่างเพื่อฝ่าด่านสมุนหน้าเหี้ยมฝีมือโหดไปเก็บป๋าปื้ดให้ได้ งานนี้ถึงเคี๊ยบจะปอดแหกหัวจะหด ก็มีแต่ต้องใส่เกียร์เดินหน้าไม่มีถอยหลังถอดใจ เพื่อลูก เพื่อเมีย เพื่อเพื่อน เพราะฉะนั้น "มันไม่มอดก็เราม้วย"
7 ประจัญบาน 2 (2548/2005) ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นแพร่ขยายอำนาจและอิทธิพล ไปทั่วเอเชียอาคเนย์ ทำให้ทางการไทยมอบหมายงานชิ้นสำคัญผ่านมายัง ผู้กององอาจ (ประกาศิต โบสุวรรณ) ให้เหล่า 7 ประจัญบาน ปฏิบัติภารกิจลับ สำคัญระดับสุดยอดของประเทศ ตรวจสอบพฤติกรรมอันน่าสงสัยของ สุริยะ เอบาต้า (ฮิโระ ซะโนะ) ที่คาดว่าอาจจะเป็นสายลับของทางการญี่ปุ่น ที่มาในคราบของนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทย แต่กลับกลายเป็นว่า ภารกิจดังกล่าวหาได้สำเร็จลุล่วงง่ายดายอย่างที่คิดไม่ เมื่อผู้นำของ 7 ประจัญบาน อย่าง จ่าดับ จำเปาะ (พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง) กลับพลาดพลั้งทำให้ ผู้พันทีเคดะ (โยโกสุกะ ชิโอยะ) พ่อของสุริยะเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ ทำให้เหล่า 7 ประจัญบานกลายเป็นบุคคลต้องห้าม ที่ นายพลนากามูระ (Masayuk Todoroki) ผู้นำทัพของญี่ปุ่นโกรธแค้น และยื่นคำขาดให้ทางการไทย ส่งตัวจ่าดับและพรรคพวกทั้ง 7 มาสำเร็จโทษประหารชีวิต เป็นเหตุให้ประจัญบานทั้ง 7 ต้องรับมือกับทั้งทางการไทย และเหล่าทหารญี่ปุ่น รวมทั้งกลุ่มมือสังหารที่ถูกส่งตรงมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของ 7 เซียนซามูไร จนต้องระหกระเหินไปร่วมกับกลุ่มพี่น้องไทยจีน ที่ร่วมกันต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งมีหน้าฉากคือคณะนักแสดงงิ้วที่มีชื่อเสียงของเตี่ยตังกวย เกิดเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่ของ 7 ประจัญบาน ที่ครั้งนี้ต้องทาหน้าขาวแต่งชุดงิ้ว รำพลองตะลุยกองทัพญี่ปุ่น เหินขึ้นฟ้าเผชิญหน้ากับกองบินกามิกาเซ่ของญี่ปุ่น ภายใต้ฉากไฮไลท์สุดอลังการ กับการเนรมิตสะพานข้ามแม่น้ำแควขึ้นมาอีกครั้ง ในฉากไคลแม็กซ์สำคัญ พร้อมทั้งเปิดเผยที่มา ของกางเกงแดงเชือกกล้วยอันลือลั่นของจ่าดับ รวมถึงเรื่องราวความรักครั้งก่อนของจ่าดับที่มีต่อ นางโฉม (อภิรดี ภวภูตานนท์) และตัวละครสุดคลาสสิก ที่เกิดมาแล้วย่อมไม่แคล้วที่อาจจะกลายเป็น 'คู่กรรม' ของกันอย่าง อังศุมาลย์ (มินท์ - อาทิตยา ดิถีเพ็ญ) และ โกโบต้า (ก้อง - อรรฆรัตน์ นิติพน)
แจ๋ว (2547/2004) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของบ้านเมือง ที่ดูเหมือนจะเติบโตอย่างรวดเร็วแต่ไร้การควบคุม เปิดโอกาสให้มีการหาประโยชน์โดยมิชอบได้ง่ายดาย ประเสริฐ (สมชาย ศักดิกุล) อดีตผู้กำกับการกองปราบ ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องของความตรง ที่ลาออกจากราชการตำรวจก่อนเวลาเกษียณไม่นาน ได้รับการแต่งตั้งอย่างลับๆ โดยตรงจากนายกรัฐมนตรี ให้มาจัดตั้งและควบคุมหน่วยงานพิเศษ คอยสืบสวนและรวบรวมหลักฐานการสมคบหรือสมรู้ร่วมคิด ในการหาผลประโยชน์จากรัฐบาลโดยมิชอบ ซึ่งหลายกรณี มักจะเกิดจากคนระดับสูงในรัฐบาลนั่นเอง ซึ่งสองปีที่ผ่านมา ประเสริฐได้ช่วยป้องกันและแก้ปัญหาให้บ้านเมือง โดยไม่ออกหน้าได้หลายครั้ง แต่ปฏิบัติการครั้งล่าสุดนี้ ซับซ้อนกว่าที่ใครคาดคิดไว้นัก ระหว่างการดักฟังการพบกันของ สง่า นักการเมืองระดับสูง, โสภณ (เกษียร จารุสมบูรณ์) นักธุรกิจระดับเจ้าสัวและ ชัยสิทธิ์ (พงศนาถ วินศิริ) เจ้าของเครือข่ายสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุด ที่มีข่าวลือหนาหูถึงสายสัมพันธ์ ที่ก่อให้เกิดการผลักดันการเปิดบ่อนเสรี เกิดความผิดพลาด ทำให้ประเสริฐต้องสูญเสียสายลับมือดีไป เพราะรถกำลังเสริมเกิดอุบัติเหตุชนคน ทำให้เข้าไปช่วยคนของเขาไม่ทันเวลา ประเสริฐต้องรับภาระอุปการะ แวว (เบนซ์ - พรชิตา ณ สงขลา) ที่โดนรถหน่วยงานของเขาชนด้วยความสงสาร เนื่องจากเธอเป็นสาวชาวอีสานที่เข้ากรุงเทพฯ มาทำงานตามบ้าน แต่เพิ่งถูกไล่ออกกำลังจะไปหาพี่สาว แต่ยังไม่ทันถึงไหนก็ถูกรถชนเสียก่อน ประเสริฐซึ่งอาศัยอยู่กับภรรยาสาวนามว่า สิริขวัญ (รัศมี ทองสิริไพรศรี) ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง ก็เลยรับไว้ทำงานบ้านเสียเอง ในงานโชว์เครื่องเพชรคอลเล็คชั่นใหม่ ที่บ้านคุณหญิงไฮโซคนหนึ่ง ดูเหมือนว่า คุณสิริขวัญจะเป็นหญิงสาวที่วงการไฮโซ และนักธุรกิจรุ่นใหม่จับตามอง ด้วยรูปกายและความสามารถ และพากันซุบซิบสงสัยว่า เธอเห็นอะไรดีในตัวประเสริฐ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจแก่ๆ คนหนึ่ง ที่งานนี้เองประเสริฐได้เห็นความสามารถอีกด้านหนึ่ง ของบรรดาคนรับใช้ซึ่งติดตามนายของตนมา แล้วพากันมาชุมนุมเม้าท์แตกกัน โดยเฉพาะจากแวว และ จิ๋ม (จารุภัส ปัทมะศิริ) พี่สาวของแวว นั่นคือความช่างสังเกต สอดรู้สอดเห็น และการได้รับความไว้วางใจให้ถือกุญแจ และเข้านอกออกในได้ทุกพื้นที่ของบ้าน ประเสริฐจึงเกิดพุทธิปัญญา และนั่นคือที่มาของเหล่า แจ๋ว ขบวนการคนใช้พยัคฆ์ร้าย แววและจิ๋มถูกทาบทามจากประเสริฐให้ทำงานเพื่อชาติ ซึ่งสองพี่น้องก็ยินดีเนื่องจากผลตอบแทนสูง และเข้าใจว่ามันคงสนุกเหมือนกับที่เห็นในละคร อีกทั้งแววยังรู้สึกรับผิดชอบต่อสายลับที่จากไปเพราะตน และที่สำคัญที่สุด แววและจิ๋มรู้ดีว่า บ่อนมันสร้างหายนะให้กับชาวบ้านตาดำๆ แค่ไหน ทั้งคู่ถูกส่งไปเป็นคนใช้ที่บ้านโสภณ โดยที่ต้องฝังตัวจนได้รับความไว้ใจ จากนั้นประเสริฐจึงจะส่งคำสั่งต่อไปมาให้ โดยผ่าน สมร พ่อค้าส้มตำที่เป็นสายให้ประเสริฐเหมือนกัน ที่บ้านของโสภณ แววและจิ๋มใหญ่ใช้ความเป็นแจ๋วมืออาชีพ ปรนนิบัติ ดูแลบ้านช่องจนเป็นที่พอใจของโสภณและ มาดามเอ็มม่า (บอนนี่ เซลเลอร์แบ็ค) แม้ว่าจะต้องมีเรื่องปีนเกลียวอยู่กับ จิ๋มดำ (ปาณิสรา พิมพ์ปรุ) และ ปุ๊กกี้ (ปวีณ์นุช แพ่งนคร) อีกหนึ่งสาวใช้ที่อยู่มาก่อนก็ตาม การทำงานเพื่อชาติกำลังจะเริ่มต้น แววและจิ๋มต้องเข้าไปขโมยข้อมูลหลักฐานการติดสินบนให้รัฐมนตรี เพื่อผลักดันเสนออนุญาตให้เปิดบ่อนเสรีจากตู้เซฟ แต่แล้วทั้งสองก็ถูกจับได้เสียก่อน โดย เอ๋ (พนาลักษณ์ ณ ลำปาง) คนใช้สาวเหนือ ผู้หลบหนีการตกเขียวมาจากบ้านเกิด และ แคท (จารุณี บุญเสก) สาวใช้ชาวพม่า เมื่อทั้งสองรู้ว่าแววและจิ๋มทำงานลับอยู่ ก็ขอเข้าร่วมขบวนการด้วย เพื่อแลกกับการที่เอ๋จะได้เอาเงินไปช่วยพ่อแม่ และแคทจะได้โอนสัญชาติเป็นไทย จะได้ไม่ต้องวิ่งหนีระเบิดอีก แต่ปฏิบัติการนี้มันง่ายๆ อย่างที่สี่แจ๋ววาดฝันเอาไว้หรือ การหาหลักฐานที่บ้านโสภณเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ทั้งสี่ยังต้องผจญภัยกับสิ่งที่ไม่คาดฝันอีกมากมาย พร้อมกับเวลาที่มีอยู่ก็เหลือน้อยลงไปทุกที การเผชิญหน้ากันระหว่างนายจ้างและสาวใช้ โดยมีอนาคตของประเทศชาติเป็นเดิมพัน เพิ่งเริ่มต้นยกที่ 1 เท่านั้น
บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม (2547/2004) ปฏิบัติการพิสูจน์ศักดิ์ศรีความเป็น “บอดี้การ์ดมือ 1” แห่งยุคเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “วงศ์คม” (หม่ำ จ๊กม๊ก) บอดี้การ์ดหนุ่มผู้เคร่งขรึมซึ่งสืบทอดสายเลือดมาจากตระกูลบอดี้การ์ดอันเลื่องชื่อ แน่นอนว่าความยำเกรงในระดับฝีมือและความสามารถเฉพาะตัวได้รับการยอมรับผ่านภารกิจและหน้าที่ในการปกป้องและอารักขา “เพชรพันธการ” ตระกูลอภิอัครมหาเศรษฐีอันดับ 1 แห่งเอเชียมาหลายชั่วอายุคน จนกระทั่งบทบาทและหน้าที่การเป็นบอดี้การ์ดมือ 1 ของเขาได้ถูกท้าทายขึ้นในระหว่างภารกิจอารักขา “ท่านโชติ เพชรพันธการ” (หงา คาราวาน) อภิอัครมหาเศรษฐีอันดับ 1 แห่งเอเชียที่กำลังอยู่ในระหว่างพิธีเซ็นสัญญาธุรกิจหมื่นล้านกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจไอทีของอเมริกา เมื่อกลุ่มบุคคลลึกลับซึ่งนำโดย “อาทิตย์” (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) พร้อมเหล่ามือสังหารระดับพระกาฬ (ซึ่งประกอบไปด้วย “เอ๋ จารชน, เต๋อ เชิญยิ้ม, อาแปะ เถิดเทิง และ จเร เชิญยิ้ม” เหล่านักแสดงตลกชื่อดังของเมืองไทยกับการพลิกบทบาทสุดเข้มครั้งสำคัญ) ได้ก่อปฏิบัติการลอบสังหารที่แสนอุกอาจและเต็มไปด้วยความแยบยลหมายปลิดชีวิตท่านโชติ เพชรพันธการ แต่ก็ไม่ได้เล็ดรอดสายตาบอดี้การ์ดมือ 1 อย่างวงศ์คม กลับกันได้นำเอาปฏิภาณไหวพริบและความสามารถเฉพาะตัวที่มีอยู่อย่างเต็มพิกัดช่วยเหลือและปกป้องเจ้านายของตนได้สำเร็จ พร้อมเสนอให้ยกเลิกการเซ็นสัญญาธุรกิจหมื่นล้านออกไป เพราะอาจะจะเผชิญกับอันตรายถึงชีวิตจากสิ่งที่ดักรออยู่ข้างหน้า เพียงทว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่อยู่นอกเหนือจากความสามารถของเขาโดยสิ้นเชิง นั่นคือความดื้อดึงในการยืนยันที่จะเซ็นสัญญาต่อไปจากเจ้านายของตนนั่นเอง โดยที่ไม่มีใครคาดคิดภารกิจสำคัญที่สมาชิกในตระกูลบอดี้การ์ดต่างสืบทอดต่อเนื่องกันมากำลังจะจบลงในเงื้อมมือของวงศ์คมนั่นเอง เมื่อเขาไม่สามารถปกปักอารักขาชีวิตเจ้านายของเขา ท่านโชติอภิอัครมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเอเชียถูกลอบสังหารในที่สุด โดยศัตรูที่เขาไม่อาจลืมได้ตลอดชีวิต เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่ผู้ภักดีอย่างวงศ์คมไม่อาจยกโทษและให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้ เขาจำยอมต้องถอนตัวจากการเป็นบอดี้การ์ดประจำตระกูลเพชรพันธการ แต่ทว่าถูก “คุณหญิงรัตนา” (อรัญญา นามวงศ์) ภรรยาของท่านโชติห้ามเอาไว้ ด้าน “ชายชล เพชรพันธการ” (ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร) ทายาทคนเดียวของท่านโชติ คุณหญิงรัตนาและตระกูลเพชรพันธการโกรธแค้นและหมดความเชื่อถือในตัววงศ์คม ปฏิเสธความห่วงใยที่แสนซื่อสัตย์จากบอดี้การ์ดประจำตระกูลอีกต่อไป โดยหันไปพึ่งบอดี้การ์ดรองบ่อนที่ไม่เพียงไร้น้ำยาและเต็มไปด้วยความฉ้อฉล จนเกือบเสียชีวิตจากแผนการเด็ดชีพทายาทเพชรพันธการระลอกสองของเหล่ามือสังหารที่เด็ดชีพบิดาของตน เมื่อไม่มีคนคุ้มครอง เรื่องราวทุกอย่างกลับพลิกผัน ชายชลลืมนึกไปว่าเป้าหมายต่อไปของพวกมันก็คือตนนั่นเอง แผนการโค่นอัครมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจมหาศาลเพื่อผลประโยชน์ที่ไม่อาจประมาณค่าได้จึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งที่เขาต้องเผชิญล้วนเต็มไปด้วยภยันตรายล้อมอยู่รอบด้านเกินกว่าเด็กหนุ่มธรรมดาๆ อย่างเขาจะรับมือไหว ชายชลรอดชีวิตและหลบหนีจากการถูกตามล่าอย่างหวุดหวิดโดยบอดี้การ์ดทุกคนที่ปกป้องชีวิตของตนต่างเสียชีวิตหมด โดยได้ครอบครัวของ “ป๊อก” (แอร์-ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวจิตใจงามให้ความช่วยเหลือและให้ที่พัก โดยที่ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่น่าสงสารที่เธอช่วยเหลือนั้นคือทายาทของอัครมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดแห่งเอเชีย ถึงแม้ว่าชีวิตของป๊อกจะแวดล้อมไปด้วยภาพที่ไม่น่าประทับใจเท่าไรนักสำหรับชายชล โดยเฉพาะ “แม่แจ่ม” (อาภาพร นครสวรรค์) ของป๊อกที่ไม่ต่างอะไรจากมิจฉาชีพในคราบของนักร้องคาเฟ่ที่มีเทคนิคในการหลอกสั่งอาหารจากบรรดานักเที่ยวไปวันๆ แต่จริง ๆ แล้วก็เพื่อเลี้ยงปากท้องครอบครัวของตน แต่ชายชลกลับมองป๊อกและสมาชิกในครอบครัวอย่างเข้าใจซึ่งทำให้ชายชลได้รู้จักกับชีวิตอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ชายหนุ่มแทบลืมเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาถ้าเผอิญว่าเหล่าศัตรูตัวฉกาจ บรรดามือสังหาร และเหล่านักฆ่าระดับพระกาฬที่ถูกส่งตรงมาเด็ดชีพเขาโดยเฉพาะไม่ออกตามล่าสังหารเขาอีกครั้ง ด้วยความสามารถและไหวพริบอันเฉียบแหลม มีเพียงคนเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์อันเลวร้ายและช่วยชีวิตทายาทที่เหลืออยู่ของตระกูลเพชรพันธการ จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากเขาคนนี้ คนที่กลับมาเพื่อไถ่บาปและแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตซึ่งไม่มีวันลืมเลือน เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีความเป็นที่สุดแห่งบอดี้การ์ดอันดับ 1 นาม “วงศ์คม” เจ้าของฉายา “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม”
191 1/2 มือปราบทราบแล้วป่วน (2546/2003) ตำรวจสายตรวจ 191 สองคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ต้องมาทำงานด้วยกัน คนหนึ่งเป็นนายร้อยตำรวจไฟแรง อีกคนหนึ่งเป็นจ่าแก่ที่หมดไฟแล้ว ความต่างและทิฏฐิไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันของทั้งสอง ก่อให้เกิดความไม่ลงรอยกันมากมาย แต่ละคดีทำให้แต่ละคนได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และเหตุการณ์ก็นำพาให้ได้พบกับนักข่าวสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจบใหม่ และเลือกเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม เธอกลายเป็นตัวป่วนตลอดการทำงาน แต่ก็เป็นตัวกลางประสานความขัดแย้งของทั้งสองด้วยโดยไม่รู้ตัว หลังจากทั้งสามคนได้ผ่านปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ในที่สุด ก็กลายเป็นความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และความผูกพัน วันหนึ่ง โชคชะตาทำให้ทั้งสามคนมาพบกับ โทนี่ โจรกลับใจที่เข้ากรุงเทพเพื่อตามหาน้องชายชื่อจืด โทนี่กับจืดถูกตำรวจจับ ในฐานะผู้มีส่วนรู้เห็นในการซื้อขายยาทั้งสองยืนกรานปฏิเสธแต่ไม่มีใครเชื่อ ต่อมาหมวดชาติได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท จ่าได้เลื่อนยศเป็นนายร้อย ส่วนนักข่าวสาวก็ได้รับการยอมรับจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานให้เป็นนักข่าวอาชญากรรมดีเด่นและกลายเป็นคนที่รู้ใจของตำรวจหนุ่มในที่สุด
7 ประจัญบาน (2545/2002) หลังจากร่วมฟันฝ่าอุปสรรคอันแสนสาหัส กินลูกตะกั่ว คั่วดินปืน คลุกข้าวต่างน้ำมาด้วยกัน หลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งได้โอกาสที่จะสละเลือดเนื้อไปกับภารกิจรบจนแทบจะต้องพลีชีพเพื่อชาติมาก็หลายครา แต่ไม่มีภารกิจครั้งไหนจะหล่อหลอม เหล่าผองเพื่อนชายไทยจนถึงขั้นผูกจิตผูกใจชายหนุ่ม 7 คนที่แตกต่างกันด้วยวุฒิภาวะ คุณลักษณะหรือที่เรียกว่ารูปร่างหน้าตาไปจนถึง 2 วุฒินั่นคือคุณวุฒิแลวัtยวุฒิให้ร่วมสมัครสมานกลมเกลียวเกี่ยวก้อยสาบานจนกลายเป็นพี่น้องที่ไม่ได้คลานออกมาจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกันได้เท่ากับการที่พวกเขาเป็นตัวแทนผืนแผ่นดินไทยออกร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่หนีบจักกะแร้กันและกันต่อสู้กับเหล่าอริผองภัยที่มารุกรานชาติไทยใน “สงครามเวียดนาม” หรอก หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจรบเพื่อชาติ เหล่าผองเพื่อนทั้ง 7 หรือที่รู้จักกันดีในนามของ “7 ประจัญบาน” คือ “จ่าดับ จำเปาะ, หมัด เชิงมวย, ตังกวย แซ่ลี้, อัคคี เมฆยันต์, ดั่น มหิทธา, กล้า ตะลุมพุก, จุก เบี้ยวสกุล ก็ต่างแยกย้ายกันไปตามแดนดินถิ่นมาตุภูมิที่ต่างถือกำเนิดกันไป กลับไปหาเหล่าผู้คนที่อยู่ข้างหลังที่คอยเป็นกำลังใจ รอคอยวีรบุรุษในใจของพวกเขามาตลอดชีวิต บ้างก็ได้ดิบได้ดี บ้างก็ยังคงวนเวียนไปตามวัฏจักรแห่งการดิ้นรนต่อสู้ เพียงทว่าครานี้ไม่ได้รบราฆ่าฟันกับผู้คนต่างชาติที่เคยมารุกรานอีกต่อไป แต่เป็นการดิ้นรนต่อสู้กับบางสิ่งที่สถิตอยู่ภายในจิตใจของตนเองต่างหาก สำหรับคนที่ชีวิตวนเวียนอยู่ในสังเวียนแห่งการต่อสู้อย่าง “หมัด เชิงมวย” (เท่ง เถิดเทิง) ถ้าเลิกรบแล้วจะทำอะไรเป็นคำถามที่ประจัญบานหนุ่มผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการชกมวยเองก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ สิ่งเดียวที่ยังพอทำได้ก็คือการใช้ฝีมือชั้นเชิงในการชกมวยหากิน ที่พึ่งเดียวที่หมัดนึกได้ก็คือค่ายมวยของ “สงวน” (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) พี่ชายของหมัด ถึงแม้ว่าคราครั้งก่อนที่พี่น้องคู่นี้ได้ร่วมวงศ์ไพบูลย์กันจะส่งผลให้สงวนถึงกับต้องเสียขาไป 1 ข้างจากการเดิมพันวางแผนล้มมวย เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่จอมประจัญบานอย่างหมัดไม่เคยทำได้สำเร็จนั้นเอง…การล้มมวย แต่การกลับมาครั้งนี้ของหมัดไม่เหมือนก่อนเพราะความตั้งใจไถ่บาปโดยการล้มมวยครั้งประวัติศาสตร์พร้อมกับโปรโมเตอร์มือดีที่มีชื่อว่า “อัคคี เมฆยันต์” (อัมรินทร์ นิติพน) ภายใต้แผนการของอัคคีประจัญบานหนุ่มที่หลงใหลในเกมการพนันเป็นชีวิตจิตใจ ล้อต๊อก ไฮโล ถั่วโป ป๊อกเด้ง ฯลฯ ไม่มีที่อัคคีไม่รู้จัก แม้แต่บาร์อัคคีอันลือลั่นก็ได้มาจากการพนันโดยเหยื่อที่คิดว่าหมูในครั้งนี้คือ “เสี่ยถนอม” (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) มีศักดิ์เป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่แห่งชุมชนนิวแลนด์ดินแดนที่เป็นเหมือนสวรรค์ของเหล่าจีไอต่างชาติฝรั่งอเมริกัน เพราะเป็นที่พัก สถานเริงรมย์ คลับบาร์ในฐานทัพอเมริกันในประเทศไทย แต่เสี่ยถนอมก็มีจุดอ่อนคือ “หมวย” (กุณฑีรา สัตตบงกช) ลูกสาวสุดเปรี้ยวที่มาหลงใหลในความหล่อของอัคคีอย่างหัวปักหัวปำ แต่เจ้าของน้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้งอย่างกับบทเพลงเถียนมีมี่ของหมวยไม่เคยอยู่ในสเป็กของอัคคีแม้แต่นิดเดียว แผนล้มมวยของอัคคีทำไปทำมากลับเกิดเรื่องราวซับซ้อนแต่ไม่ซ่อนเงื่อนขึ้น เพราะนัดล้างตาครั้งนี้เสือสิงห์กระทิงแรดทุกตัวที่เกี่ยวข้องล้วนมีหมากเกมที่พร้อมเดินหรือหักมุมให้ทุกคนมีสิทธิ์หลังหัก เพราะอาจโดนหักหลังโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งอัคคี หมัด และสงวนที่พลาดท่า แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปอย่างไม่คาดคิด เมื่อเสี่ยถนอมหยิบยื่นงานชิ้นสำคัญที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ให้พลพรรคประจัญบานทั้ง 2 ทำนั้นคือแผนการขุมทรัพย์ของพวกไอ้กัน หลังจากที่สายของเสี่ยถนอมได้จับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกทหารจีไอก็ได้รู้ข้อมูลมาว่าพวกทหารอเมริกันมีการเคลื่อนไหวแอบขนย้ายทองคำกันในตอนกลางคืน แต่ภารกิจอย่างนี้การที่จะหาใครสักคนที่รู้จักทหารอเมริกันดีพอ มีฝีมือเฉพาะตัวที่จะรับมือกับพวกจีไอได้ และที่สำคัญมีกำลังคนเพียงพอที่จะจัดการให้ภารกิจสำเร็จได้ แล้วใครหน้าไหนล่ะที่จะเหมาะกับงานแบบนี้ถ้าไม่ใช่ผองเพื่อนอีก 5 ชีวิต การตามตัวผองเพื่อนทั้ง 7 เพื่อรวมกลุ่มเหล่า “7 ประจัญบาน” จึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่อัคคีเป็นตัวประกัน คนแรกที่หมัดออกตามหาคือ “จ่าดับ จำเปาะ” (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เจ้าของกางเกงแดงเชือกกล้วยอันลือลั่น ผู้นำทีม 7 ประจัญบานศูนย์กลางของกลุ่มที่ได้รับการนับถือและยอมรับ ถึงจะหัวดื้อ แต่ก็จริงจัง จริงใจ จ่าดับตอนนี้กำลังปวดหัวกับ “แสงดาว” (บีม-พรรณวลินทร์ ศรีสวัสดิ์) ลูกสาวคนเดียวที่เลือดรักชาติข้นคลั่กไม่ต่างจากตน เพราะสิ่งที่แสงดาวกำลังทำอยู่คือการนำกลุ่มเพื่อนนักศึกษาที่มีเจตนารมณ์เดียวกันขับไล่ทหารอเมริกัน ด้วยความคิดที่ว่า เพราะฝรั่งหัวแดงเข้าประเทศ ทำให้เมืองไทยเสียเปรียบ การตั้งฐานทัพไม่ได้เป็นผลดีเลย ผสมผสานกับอารมณ์โกรธที่พ่อซึ่งเป็นทหารไทยกลับให้ความช่วยเหลือทหารอเมริกัน จึงหนีพ่อไปยังนิวแลนด์เพื่อประท้วงขับไล่ทหารอเมริกัน ไหนๆ ก็รบเพื่อชาติมาแล้วคราวนี้ลองรบเพื่อลูกดูซะบ้าง ขณะเดียวกันกับ “ดั่น มหิทธา” (พิเศก อินทรครรรชิต) ที่ผิดหวังในรักเพราะมัวแต่ไปรบ คนรักจึงต้องหลีกลี้หนีไกล เมื่อไม่มีรักก็ร่วมรบกับพวกประจัญบานอีกละกัน เช่นเดียวกับ “กล้า ตะลุมพุก” (แช่ม แช่มรัมย์) ที่กำลังมีปัญหาส่วนตัวหลังจากที่ใช้พลังหมัดไปในทางที่ถูกที่ควร คือเอาหมัดไปชกรถ ทั้งซ่อมทั้งทุบตัวถัง ทุบไปทุบมาก็เกือบโดนเข้าของอู่ทุบเอาเพราะดอดไปตีท้ายครัวเมียเจ้าของอู่ซะนี่ จึงต้องหนีเตลิดก่อนลูกซองจะยัดปากเอา จนกลับมาร่วมรบกับเพื่อนอีกครั้ง ส่วน “ตังกวย แซ่ลี้” (ทศพล ศิริวิวัฒน์) ลูกจีนที่เกิดในไทยแต่ตัวเองกำลังจะอกแตกตายเพราะกลายเป็นพระเอกงิ้วสมใจเตี่ย แต่ในหัวใจถวิลหาแต่เจมส์ ดีน ถึงขนาดวาดจอนยาวไว้ข้างแก้ม ทนอึดอัดกับสภาพที่ทำร้ายจิตใจตนเองไม่ไหวจึงเดินทางมาร่วมกับพรรคพวก 7 ประจัญบาน นับไปนับมาได้แค่ 6 ครั้นจะเป็น 6 ประจัญบานก็กระไรอยู่ ว่าแล้วผองเพื่อนเดนตายทั้ง 6 ก็ดาหน้าสู่แดนดินถิ่นเกิดของประจัญบานที่ 7 เพื่อเกลี่ยกล่อมแกมบังคับให้ “จุก เบี้ยวสกุล” (ค่อม ชวนชื่น) ระเบิดมืออันแสนลือลั่นของจุกไม่เคยทำให้ 7 ประจัญบานผิดหวัง ซึ่งตัวจุกเองกำลังจะเข้าสู่พิธีบวชทดแทนบุญคุณมารดาที่รอวันนี้มาทั้งชีวิต แต่ทนมารผจญทั้ง 6 ที่ไม่ได้จึงต้องจำยอมออกมาร่วมทีมกับผองเพื่อนทั้ง 7 ในภารกิจหักคอในครั้งนี้ คน 7 คนที่เอกลักษณ์ความแสบ เจ็บแปลบ ยียวน กวนบาทาในแบบฉบับที่ไม่มีใครเหมือน และรับรองว่าไม่เหมือนใครเริ่มปฎิบัติการตามแผน แต่ทุกสิ่งหาได้เป็นไปตามคาดไม่ เมื่อทหารอเมริกันเก็บงำความลับบางอย่างที่เหล่าวีรุบุรุษทหารไทยไปรู้เข้าโดยบังเอิญ พร้อมกับการมาถึงของเหล่าจีไอนักฆ่าซึ่งนำโดย “หมวดปีเตอร์” (ปีเตอร์ ไมอ๊อกซิ) รวมทั้งคู่อริเก่าอย่างเสือเอ๋อและพรรคพวก ในขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของแสงดาวตกอยู่ในสายตาของพวกเหล่าร้าย และการสูญเสีย 1 ใน 7 ประจัญบานในปฎิบัติการที่กลายเป็นการรบเพื่อชาติ…