นกเอี้ยง (2509)
นกเอี้ยง (2509/1966) ข้อความบนใบปิด กัญญามาลย์ภาพยนตร์ ดอกดิน กัญญามาลย์ กำกับการแสดง เสนอนกตัวสุดท้าย... นกเอี้ยง ของ “อรชร” นำแสดงเป็นละครวิทยุโดย “แก้วฟ้า” (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) บินคู่มากับความรัก สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ ดอกดิน-บรรจง กัญญามาลย์ อำนวยการสร้าง
แก้วกลางสลัม (2509)
แก้วกลางสลัม (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ลดาพรรณภาพยนตร์ เสนอ แก้วกลางสลัม ของ สุมนทิพย์ (มิตร ชัยบัญชา) พบ โสภา สถาพร ดาราเงินล้านคนใหม่ (อดุลย์ ดุลยรัตน์), (รุจน์ รณภพ), (เมตตา รุ่งรัตน์), พงษ์ลดา พิมลพรรณ, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), เชาว์ แคล่วคล่อง, กิ่งดาว ดารณี, (มนัส บุณยเกียรติ), สุดเฉลียว เกตุผล, (ชุมพร เทพพิทักษ์), ชนินทร์ นฤปกรณ์, สังเวียน หาญบุญตรง, โยธิน เทวราช, แป๊ะอ้วน, ประณีต คุ้มเดช ผู้ให้เกียรติร่วมแสดง ส.อาสนจินดา และจุรี โอศิริ อุเทน นุตเสน ดำเนินงาน ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ พงษ์ลดา พิมลพรรณ อำนวยการสร้าง วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
เลือดทรนง (2509)
เลือดทรนง (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ฉัตรชัยภาพยนตร์ เสนอ หน้ากากสังคมวัยรุ่นเมืองไทย ได้ถูกกระชากจากภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงมีทั้งสุข เศร้า หัวเราะ น้ำตา ตื่นเต้น หวาดเสียว ดาราตุ๊กตาทองพระราชทาน ถวายชีวิตและความสามารถแสดงบทบาททุกแบบ คู่กับดาวรุ่งฟ้า (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) โสภา สถาพร เลือดทรนง บทประพันธ์ของ อ้อย อัจฉริยกร ละครวิทยุเรื่องดีคณะ เสนีย์ บุษปะเกศ พร้อมด้วย ประมินทร์ จารุจารีต, (ปรียา รุ่งเรือง), (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), พูนสวัสดิ์ ธีมากร, ถวัลย์ คีรีวัต, ชาณีย์ ยอดชัย, ไกร ครรชิต, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, สังวรณ์, กล้า,พิภพ ภู่ภิญโญ, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ประณีต คุ้มเดช, ทองถม, ชื้นแฉะ ฯลฯ ขอเสนอนักเพลงขวัญใจวัยรุ่น ทิว สุโขทัย, แอนนี่ แจ๋วแหวว และวงดนตรีเดอะแค๊ท
กาเหว่า (2509)
กาเหว่า (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ศิรินทราภาพยนตร์ สร้าง แก้วฟ้า-ดอกดิน ภูมิใจเสนอ กาเหว่า ของ อ้อย อัจฉริยกร (มิตร ชัยบัญชา) โสภา สถาพร นำขบวนดาราประชันกันอย่างคับคั่ง (อดุลย์ ดุลยรัตน์), ทักษิณ แจ่มผล, อรสา อิศรางกูร, ธานินทร์ อินทรเทพ, (บุษกร สาครรัตน์), (ชฎาพร วชิรปราณี), อภิญญา วีระขจร, น้ำเงิน บุญหนัก, (สมจิตร ทรัพย์สำรวย), (สุวิน สว่างรัตน์), สิงห์ มิลินทราศัย, (ทานทัต วิภาตะโยธิน), เทีนว ธารา, พรชัย และ ธัญญา ธัญญารักษ์ พรั่งพร้อมด้วยสามดาวตลกชื่อดัง (ล้อต๊อก), ดาวน้อย ดวงใหญ่ และ ดอกดินตัวดำๆ ครั้งแรก ครั้งสำคัญ ที่คุณจะได้พบบทบาทประทับใจ จากสองดาวเสียงชื่อดังละครวิทยุคณะ “แก้วฟ้า” วิเชียร นีลิกานนท์ จีราภา ปัญจศิลป์ สุคนธ์ มงคลฤทธิ์ อำนวยการสร้าง สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ ณรงค์ ภูมินทร์ ดำเนินงาน ดอกดิน กัญญามาลย์ กำกับการแสดง เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
หมอชนินทร์ผู้วิเศษ (2509)
หมอชนินทร์ผู้วิเศษ (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ดาราทองภาพยนตร์ สนั่น จรัสศิลป และ สะท้าน เทพบัญชา ขอเสนอผลงานอันวิเศษ ใน หมอชนินทร์ผู้วิเศษ ของ ไพร วิษณุ นำโดย (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (ภาวนา ชนะจิต) รุ้งลาวัลย์ วิบูลย์สันติ, น้ำเงิน บุญหนัก, เยาวเรศ นิสากร, วารุณี นาคะนาวี, (พร ไพโรจน์), อัมพร, ใจดาว บุษยา, มาลี เวชประเสริฐ, โยธิน เทวราช, สัมพันธ์, พูนสวัสดิ์ ธีมากร, (ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา), สิงห์ มิลินทราศัย, ถวัลย์ คีรีวัต แปลก...มหัศจรรย์...ไม่ซ้ำใคร วิเศษ...วิเศษจริงๆ สนั่น จรัสศิลปะ และ สะท้าน เทพบัญชา สร้าง เฉลิม บุตรบุรุษ ถ่ายภาพ กาย บางขุนนนท์ สร้างบท ประทีป โกมลภิส กำกับการแสดง

เงิน เงิน เงิน (2508/1965) เพลงพราว...ดาวพรู...ดูเพลิน เมื่อได้ชม เงิน เงิน เงิน ฉายแล้วจ้า...เฉลิมเขตร์ ไม่รวยก็ปิ๋ว... หนังมาตรฐาน ระบบซูเปอร์ซีเนสโคป สีอิสต์แมน เต็มจอยักษ์เฉลิมเขตร์ ฟัง 14 เพลงเพราะ จาก 15 ยอดนักเพลง เพลงพราว ดาวพรู ดูเพลิน 62 ดารา 14 เพลงเอก ทั่วโลกยอมรับแล้วว่า "เงิน เงิน เงิน" เป็นหนึ่งไม่มีสอง! 35 ม.ม.เสียงในฟิล์ม ซุปเปอร์ซีเนสโคป สีอิสต์แมน ขุนหิรัญ (อบ บุญติด) นายทุนเงินกู้ วัตโกเศรษฐกิจ มอบหมายให้หลานชาย ตุ๊ อรรคพล ((มิตร ชัยบัญชา)) เอาสัญญาเงินกู้ไปขู่บังคับชาวบางรื่นสุข ให้ย้ายออกด่วนเพื่อเอาที่ดินไปทำธุรกิจตึกแถวร่วมกับ คุณนายเม้า (สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต) หุ้นส่วน ซึ่งอรรคพลไม่ชอบวิธีการเช่นนี้ และเมื่อได้พบกับชุมชนที่สุขสงบ เรียบง่าย รวมทั้งกลุ่มวงดนตรีแก๊งค์เด็กวัดอารามบอย ทำให้ความหวังที่จะทำธุรกิจบันเทิงอย่างที่ตนเองฝันไว้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง จึงรวมกลุ่มกับแก๊งค์เด็กวัดเพื่อเปิดกิจการไนท์คลับ แต่ก็ถูกกลั่นแกล้งจากท่านขุน ขณะเดียวกัน ภารดี (สุมาลี ทองหล่อ) น้องสาวแอบรักชอบกับ รังสรรค์ (ชรินทร์ นันทนาคร) ครูสอนเปียโนฐานะยากจน เมื่อหลานชายกับหลานสาวไม่ได้ดังใจ เศรษฐีหน้าเลือดอย่างท่านขุน จึงไล่ทั้งคู่ออกจากบ้าน โดยยื่นเงื่อนไขให้เอาเงินมาไถ่ที่ราคาหนึ่งล้านบาท เหตุการณ์พลิกผันให้อรรคพลพบกับแม่ที่พลัดพรากกัน (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) และได้ กิ่งแก้ว (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) เด็กขอทานผู้เป็นเสมือนพลังใจ จนทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาเป็นความรัก และช่วยกันหาทางนำเงินมาไถ่ถอนที่ได้สำเร็จ เป็นตัวอย่างของภาพยนตร์ที่สามารถเป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทยในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ชัดเจน ทำหน้าที่ปลอบประโลมใจคนยากคนจนให้มีความหวัง ที่จะฝันว่า จะมีพระเอกในฝัน หนุ่มหล่อ ลูกมหาเศรษฐีมาช่วย มาหลงรัก และครองรักกับเราอย่างชื่นมื่นสุขใจ

น้ำผึ้งป่า (2508)
น้ำผึ้งป่า (2508/1965) ข้อความบนใบปิด รัตนงามภาพยนตร์ น้ำผึ้งป่า ชิดชะไม ชัยรัตน์ ได้มอบ น้ำผึ้งป่า บทประพันธ์ที่รักยิ่งของเธออีกเรื่องหนึ่ง ต่อจาก ตำหนักเพชร ให้ รัตนงามภาพยนตร์ นำโดย (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ร่วมด้วย กิ่งดาว ดารณี, พงษ์ลดา พิมลพรรณ, (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), ทักษิณ แจ่มผล, (รุจน์ รณภพ), ประมินทร์ จารุจารีต, จรูญ สินธุเศรษฐ์, วิน วิษณุรักษ์, (สมพล กงสุวรรณ), สังเวียน หาญบุญตรง, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ดาวน้อย ดวงใหญ่, (เทียว ธารา), (ทานทัต วิภาตะโยธิน) สุภาพ ประจวบเหมาะ อำนวยการสร้าง หวน รัตนงาม ดำเนินงาน ส.อานจินดา กำกับการแสดง สังเวียน หาญบุญตรง ธุรกิจ ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ
กำไลหยก (2508)
กำไลหยก (2508/1965) ยอดเรื่องบู๊ ยอดเรื่องรัก ยอดเรื่องตลก ยอดเรื่องชีวิต จากบทประพันธ์ ของ สรรเพชญ จากละครวิทยุที่โด่งดังที่สุดของคณะ กันตนา หญิงสาวลูกจีนถูกส่งให้ไปอยู่บ้านเจ้าหนี้มหาเศรษฐีเพื่อเป็นการขัดดอก เธอไม่เข้าใจความปรารถนาของพ่อเธอที่แก่เฒ่านัก แต่เธอก็ยอมไปเป็นเบี้ยล่างรับใช้ ที่นั้นเธอได้พบรักกับชายหนุ่มทายาทเจ้าของบ้าน แต่ชายหนุ่มกลับมีคู่หมั้นที่ถูกพ่อแม่หมั้นไว้ตั้งแต่เด็ก
ขวัญชีวิต (2508)
ขวัญชีวิต (2508/1965) ข้อความบนใบปิด ต๊อกบูมภาพยนตร์ เสนอ.. เรื่องเดียวที่ชีวิตหนัก รักรื่นเริง ชื่นชีวัน คือ... ขวัญชีวิต ของ นาถฤดี ซึ่งเป็นหนังสือขายดีประจำยุค และเป็นละครวิทยุที่แสนสนุกอยู่ในปัจจุบัน ที่กำลังเป็น ขวัญชีวิตของผู้ฟังทุกครัวเรือน คณะแก้วฟ้า (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), (ปรียา รุ่งเรือง), (สมจิตร ทรัพย์สำรวย), กิ่งดาว ดารณี นำ ร่วมด้วย สุพรรณ บูรณพิมพ์, อบ บุญติด, สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต, (มนัส บุณยเกียรติ), ทศ, (เทียว ธารา) กำกับโดย ผู้กำกับสามล้าน ของต้นปี 08 นี้คือ.. (รังสี ทัศนพยัคฆ์) (ล้อต๊อก) อำนวยการสร้าง ธีระ แอคะรัจน์ ถ่ายภาพ
ผู้ใหญ่ลี (2508)
ผู้ใหญ่ลี (2508/1965) ข้อความบนใบปิด หมาน่อยธรรมดา!! หมาน่อยธรรมดา!! มาแล้วสมบูรณ์แบบ ทันอกทันใจ ผู้ใหญ่ลี สีวิจิตร (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) บุศรา นฤมิต ทักษิณ แจ่มผล, (ปรียา รุ่งเรือง), ส.อาสนจินดา, (สมจิตร ทรัพย์สำรวย), (เสน่ห์ โกมารชุน), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ทองแถม, ขวัญ, ถวัลย์ คีรีวัตร, บู๊ วิบูลย์นันท์, ทอมมี่, แอ๊ด, พิภพ ภู่ภิญโญ และ(ล้อต๊อก) นำแสดง (ที่มา :Thai Movie Posters)
นางสาวโพระดก (2508)
นางสาวโพระดก (2508/1965) ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 4 ตุ๊กตาทอง 2508 (มิตร ชัยบัญชา) ดารายอดนิยมของประชาชน พบกับ (พิศมัย วิไลศักดิ์) ในบทบาทของ... นางสาวโพระดก บทประพันธ์ของ รพีพร โพระดก สกุณา (พิศมัย วิไลศักดิ์) สาวน้อยเกิดในตระกูลอันสูงศักดิ์มีชีวิตที่เพียบพร้อม หลังจากบิดาถึงแก่กรรม คุณหญิงพิณ (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) มารดาแต่งงานใหม่กับนายอาทร เฮงกุล นักธุรกิจหนุ่มลูกติด ผู้รักและเลี้ยงมิตรชัยบัญชาดูโพระดกเสมอลูกสาวตน กระทั่งวันหนึ่งก็ต้องมีอันจากไปอีกคน อาบจิต (น้ำเงิน บุญหนัก) น้องสาวนายอาทรไม่เห็นควรในสมบัติที่โพระดกจะได้รับ ด้วยความริษยาเธอจึงคบคิดกับอรรถลูกชายคนรองของอาทร ((อดุลย์ ดุลยรัตน์)) หวังรวบหัวรวบหางเอาโพระดกมาทำเมีย แต่เธอกลับระหกระเหินไปยังไร่กระต่ายเต้นของเพื่อนสาวสายสมร (โสภา สถาพร) ที่นี่ทำให้ได้พบเจอตกหลุมรักกับ ศล ทองปราย ((มิตร ชัยบัญชา)) ทนายความชาวไร่รูปงาม สาวน้อยลูกติดของแม่ที่หลงเข้าไปในตระกูลของเศรษฐีมีเงิน ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ที่สนุก เข้มข้น
นกน้อย (2507)
นกน้อย (2507/1964) ชะตาชีวิต ลิขิตให้เด็กสาวคนหนึ่งพบแต่ความระทมเศร้า วันแล้ววันเล่า เฝ้าแต่คอยถึงความหวัง แม้จะต้องอยู่อย่างเดียวดาย ในท่ามกลางพายุร้ายและภยันตรายรอบด้าน ชีวิตเธอจึงเปรียบเสมือน "นกน้อย" ที่บินคล้อย... คอยความเมตตาจากท่าน นกน้อย (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) เด็กกำพร้าที่ถูกฝากอยู่กับแม่เลี้ยงและพ่อเลี้ยงใจชั่ว ที่มีนิสัยเห็นแก่ตัว เธอต้องดิ้นร้นหาเช้ากินค่ำ โดยมี ไอ้ช้าง (ดอกดิน กัญญามาลย์) เป็นเสมือนเพื่อนเกลอและคู่หูที่คอยให้ความช่วยเหลือยามลำบากเสมอมา นกน้อยเป็นเด็กดี ขยัน แต่เมื่อสิ้นแม่เลี้ยง ยิ่งมีชีวิตที่ลำบาก ต้องออกจากบ้านเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ด้วยความที่เป็นเด็กดี จึงมีผู้ใหญ่คอยให้ที่อยู่ที่กิน แต่ทุกครั้งก็ต้องหนีออกมาตลอด ที่บ้านของคุณจักร ((มิตร ชัยบัญชา)) เขาหลงรักนกน้อยตั้งแต่แรกพบ โดยที่เธอที่ไม่รู้ว่าเป็นบ้านของเขา และได้ช่วยเหลือพ่อของเขาจากการถูกทำร้าย นกน้อยเองก็พยายามฝืนความรักมาตลอดและหนีไปไกลถึงอีสาน ซึ่งที่นี่เองที่ทำให้เด็กสาวได้พบกับพ่อแม่ที่แท้จริง โดยมีคุณตาและแม่ของเธอ คอยตามหาจนเจอตัว และความสุขของนกน้อยก็กลับมาอีกครั้ง
มังกรคนอง (2507)
มังกรคนอง (2507/1964) มิตร-เพชรา ข้อความบนใบปิด จิตรวาณีภาพยนตร์ ผู้สร้าง “เพลิงทรนง” ครื้นเครงด้วยเพลงรัก บู๊กันหนักโรงถล่ม ต้องชม มังกรคนอง ฉลองตรุษจีน มิตร-เพชรา พบ เอื้อมเดือน อัษฎา ทักษิณ แจ่มผล (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) สมทบด้วยยอดดารา วิน วิษณุรักษ์, กิ่งดาว ดารณี, อบ บุญติด, (สมพล กงสุวรรณ), สิงห์ มิลินทราศัย, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), วิชิต ไวงาน, ทศ วงศ์งาม, ศักดิ์ศรี ศรีอักษร, สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต, (เทียว ธารา), (ล้อต๊อก), สมพงษ์ พงษ์มิตร, ทองแถม เขียวแสงใส ขอแนะนำดารารุ่นจิ๋ว ด.ช.ตุ๊ดตู่-ด.ช. ตุ๊ดติ่ง ทัศนพยัคฆ์ (รังสี ทัศนพยัคฆ์) กำกับการแสดง กิตติพงษ์ เวศภูญาณ อำนวยการสร้าง ธีระ แอคะรัตน์ ถ่ายภาพ ขุนแผน ดำเนินงาน วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
น้ำตาลไม่หวาน (2507)
น้ำตาลไม่หวาน (2507/1964) มนัส ทายาทมหาเศรษฐีชาวจีนเจ้าของบริษัทเกศาเจริญ ผู้ผลิตยาปลูกผมยาผุง ที่นำสูตรมาจากอินเดีย ได้แต่เที่ยวสำมะเลเทเมาไปวันๆ จนฝ่าย เจ้าคุณเจริญเกศา ผู้เป็นพ่อจึงคิดให้ลูกชายตัวดีแต่งงานกับ น้ำตาล ลูกสาวคนเดียวของเพื่อนชาวอินเดียเจ้าของสูตรยาผุง มนัสยินยอมแต่งงานกับ น้ำตาล เพื่อหวังมรดกเท่านั้น และทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอขอหย่ากับตน จะได้แต่งงานใหม่กับ วัชรี หญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจแทน
แพนน้อย (2506)
แพนน้อย (2506/1963) ข้อความบนใบปิด กัญญามาลย์ภาพยนตร์ ดอกดิน ศิลปินของท่าน เสนอ แพนน้อย จากบทประพันธ์ของ ป.พิมล ภาพยนตร์ชีวิตรักที่ยิ่งใหญ่ สำเร็จได้ด้วยการร่วมใจ ของมวลดารา ภาพยนตร์ ทีวี และดารานักเพลง (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) พบกันครั้งแรกในปี 2506 ติดตามด้วยดารายอดนิยม สักรินทร์ ปุญญฤทธิ์, (ขวัญใจ สะอาดรักษ์), (สุวิน สว่างรัตน์), (ชฎาพร วชิรปราณี), วงทอง ผลานุสนธิ์, ไฉน, ดาวน้อย ดวงใหญ่ และดอกดิน กัญญามาลย์ ดารารับเชิญ ชรินทร์ นันทนาคร สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ ดอกดิน-บรรจง กัญญามาลย์ อำนวยการสร้าง ศิริ ศิริจินดา กำกับการแสดง
ตากล้องเงินล้าน (2506)
ตากล้องเงินล้าน (2506/1963) ตากล้องเงินล้าน เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2506
เจ็ดประจัญบาน (2506)

เจ็ดประจัญบาน (2506/1963) ข้อความบนใบปิด วัชรภาพยนตร์ ภูมิใจเสนอเป็นอย่างยิ่ง เจ็ดประจัญบาน จากบทประพันธ์ของ ส.อาสนจินดา 54 ดารา (มิตร ชัยบัญชา) ส.อาสนจินดา ทักษิณ แจ่มผล อาคม มกรานนท์ (รุจน์ รณภพ) และ 3 สาวต่างประเทศประชันโฉม มิสคริสติน เหลียง แห่ง ฮ่องกง มิสจางเซฟาง แห่ง ไต้หวัน มิสลินดา แห่ง ญี่ปุ่น ขอแนะนำสาวสวยคนใหม่ (ปันใจ นาควัฒนา) ส.อาสนจินดา กำกับฯ ฉลอง ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ วิมล ยิ้มละมัย อำนวยการสร้าง สนั่น นาคสู่สุข ดำเนินงานสร้าง

 
มนต์รักบ้านนา (2505)
มนต์รักบ้านนา (2505/1962) มนต์รักบ้านนา เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2505 กำกับการแสดงโดย อธึก อรรถจินดา
สิงห์กองปราบ (2505)
สิงห์กองปราบ (2505/1962) สิงห์กองปราบ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2505 สร้างจากบทประพันธ์ของ ป. อินทรปาลิต (ปรีชา อินทรปาลิต) สร้างโดยพงษ์มิตรภาพยนตร์ โดยมี สมพงษ์ พงษ์มิตร เป็นผู้อำนวยการสร้าง
แม่ยอดสร้อย (2505)

แม่ยอดสร้อย (2505/1962) มิตร-ปริศนา พรหมสุรางค์ ข้อความบนรูปโฆษณา หนุ่มกร้าว...สาวแก่น...จำให้แม่น...แม่ยอดสร้อย ชมลีลาชีวิตของ ยอดสร้อย เด็กสาววัยรุ่นที่แสนสวย แสนซน และแสนแก่น... แต่ถูกมรสุมชีวิตพัดเข้าไป อยู่ในอุ้งมือของแม่เลี้ยงใจโหด และน้องสาวต่างมารดาใจอำมหิต บูรพาศิลป์ภาพยนตร์ ภูมิใจสร้างเสนอ ด้วยใช้เวลาถ่ายทำอย่างปราณีตบรรจงถึง 1 ปีเต็ม.. แม่ยอดสร้อย จากบทประพันธ์สุดรักของ สันต์ เทวรักษ์ ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดใน เดลิเมล์วันจันทร์ สีวิจิตร สะคราญตา โดยฝีมือ ประเทือง ศรีสุพรรณ (ตากล้องหญิงคนแรกของเมืองไทย) (มิตร ชัยบัญชา) แสดงเป็น ม.ร.ว.ไวพจน์ ชายใจพระของ ยอดสร้อย สมควร กระจ่างศาสตร์ แสดงเป็น ร.ต.ท.ชิตหลี สหายคู่ใจของม.ร.ว.ไวพจน์ ปริศนา พรหมสุรางค์ แสดงเป็น ยอดสร้อย เด็กสาวคนซื่อที่ต้องได้รับความดีตอบสนอง ชไมพร สุรินทร แสดงเป็น นิรมล เด็กสาววัยคะนองที่ลืมตนลืมกาย สุดเฉลียว เกตุผล แสดงเป็น น้องสาวคนซื่อของ ยอดสร้อย พร้อมด้วย (มนัส บุณยเกียรติ) ยุงร้ายกว่าเสือ แต่แม่เลี้ยงร้ายกว่ายุง สิงห์ มิลินทราศรัย แมลงสาบสังคม ที่คอยแทะผู้หญิงสาว สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช ดาวร้ายอำมหิต ผู้คะนองฤทธิ์โลกีย์ และ (ล้อต๊อก)น้อย เจ้าแกละจอมทะโทนไพร รัตนะยาวะประภาษ กวีร้อยแก้วของบรรณพิภพ สร้างบทภาพยนตร์ สำเภาประสงค์ผล ผู้สร้างผลงานมแล้ว 31 ปี อำนวยการสร้าง วิชัย ปาลวัฒนวิไชย ผู้กำกับการแสดงตุ๊กตาทอง กำกับการแสดง 

 
สิงห์โตหยก (2505)

สิงโตหยก (2505/1962) ไชยา-ภาวนา ข้อความบนใบปิด เสน่ห์ศิลป์ภาพยนตร์ ขอเสนอภาพยนตร์ที่ยกย่องกันทั่วไปว่า ยอดบู๊...ยอดตลก... สิงห์โตหยก ยอดที่สุด (ไชยา สุริยัน) (ภาวนา ชนะจิต) บุศรา นฤมิตร พร้อมด้วย วิน วิษณุรักษ์, สิงห์ มิลินทราศัย และ 5 ดาวตลก... (เสน่ห์ โกมารชุน), สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก), ดอกดิน กัญญามาลย์, ชูศรี โรจนประดิษฐ์ 

 
กุหลาบดำ (2504)
กุหลาบดำ (2504/1961) กุหลาบดำ เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2504 ให้เสียงพากย์สด สร้างโดย เทพนิมิตภาพยนตร์
คู่พิศวาส (2504)
คู่พิศวาส (2504/1961) คู่พิศวาส เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2504 ให้เสียงพากย์สด สร้างโดย นพรัตน์ภาพยนตร์ โดยมี เทวี คีตาชีวะ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย อธึก อรรถจินดา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ สำเนาว์ หิริโอตัปปะ
Placeholder
อภินิหารอาจารย์จู๋ (2503/1960) อภินิหารอาจารย์จู๋ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503
สิบสองนักสู้ (2502)

สิบสองนักสู้ (2502/1959) *ชื่อเดิม “สิบสองมือปืน” ไม่ผ่านเซ็นเซ่อร์ จึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “สิบสองนักสู้” อดุลย์-วิไลวรรณ ข้อความบนรูปโฆษณา วิจิตรภาพยนตร์ เสนอ เกรียงไกรและยิ่งใหญ่ เหนือกว่านักสู้ทั้งหลายบนปฐพี.. นั่นคือ สิบสองนักสู้ ส.อาสนจินดา สร้างบทภาพยนตร์ และกำกับการแสดง วิจารณ์ ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ นำแสดงโดย อดลย์ ดุลยรัตน์, ชรินทร์ งามเมือง, ส.อาสนจินดา, อบ บุญติด, จำรูญ หนวดจิ๋ม, ทองฮะ วงศ์รักไทย, เปิ่น ปาฏิหาริย์ สิงห์ มิลินทราศัย, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), สุระ นานา, ชาลี อินทรวิจิตร, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), วิไลวรรณ วัฒนพานิช, วิภา วัฒนธำรง, สงวน, สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช พร้อมด้วย (เมืองเริง ปัทมินทร์), เทียนชัย สุนทรการันต์, จุมพล ปัทมินทร์, ประกอบ ดาราผู้ให้เกียรติ อาคม มกรานนท์, สาหัส บุญหลง, ประมินทร์ จารุจารีต, ศิริพงษ์ อิศรางกูร, ทองแป๊ะ, เกริก, พงษ์ศิริ และผู้ร่วมแสดงนับร้อย กำลังฉายวันนี้ที่ พัฒนากร-เอ็มไพร์ ฉายวันละ 5 รอบ 12.00 น. 14.00 น.16.30 .19.00 น. 21.15 น. (ที่มา :Thai Movie Posters)

มัจจุราชประกาสิต (2502)
มัจจุราชประกาสิต (2502/1959) มัจจุราชประกาศิต เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 เป็นผลงานกำกับการแสดงของ ส. อาสนจินดา และครูเนรมิต (อำนวย กลัสนิมิ) ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างเรื่องโดย เหม เวชกร
สามสมอ (2502)
สามสมอ (2502/1959) สามสมอ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 สร้างโดย ศรีชัยภาพยนตร์ โดยมี วิชัย ตันติวงศ์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย อนุมาศ บุนนาค
พล นิกร กิมหงวน ตะลุยฮาเร็ม (2502)
พล นิกร กิมหงวน ตะลุยฮาเร็ม (2502/1959) พล นิกร กิมหงวน ตะลุยฮาเร็ม เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 สร้างจากนิยายชุดเรื่องดังของ ป.อินทรปาลิต สร้างโดย โยคีสถาน สี่พระยา แผนกภาพยนตร์ โดยมี วิรัช พึ่งสุนทร สร้างบทและกำกับการแสดง
ไอ้แก่น (2502)
ไอ้แก่น (2502/1959) ไอ้แก่น (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) กับไอ้เปีย (ด.ช.(ล้อต๊อก)น้อย) ใช้แผนตลกรับประทาน หลอกตีสนิท ปิ่น (ลือชัย นฤนาท) ซึ่งกำลังนั่งกินก๊วยจั๊บริมถนน โดยทำทีให้คนขายเห็นว่าเป็นพี่น้องกัน นอกจากกินไปคนละ 2 ชามแล้ว ก็ยังสั่งหมูเปื่อยเอาไปฝากยายจัน (หม่อมชั้น พวงวัน) ยายตาบอดที่เลี้ยงไอ้แก่นมาตั้งแต่แบเบาะอีกด้วย กว่าปิ่นจะรู้ตัว ปิ่นก็กลายเป็นหมูเปื่อยตามชื่ออาหารที่ไอ้แก่นไอ้เปียเอาไปฝากยายจันแล้ว เมื่อได้หมูเปื่อยมาห่อหนึ่ง ไอ้แก่นไอ้เปียก็เผ่นเข้าซอยไปหยุดคุยกับ สุดใจ (เรวดี ศิริวิไล) แม่ค้าขายกล้วยปิ้งซึ่งมีสามีชื่อ เชิด (ประมินทร์ จารุจารีต) เป็นนักเลงหัวไม้ คุยกันยังไม่เท่าไหร่ เชิดก็ปรากฏตัวและไถเงินสุดใจ หวิดจะมีเรื่องกับ ไอ้แก่น แต่สุดใจห้ามไว้ก่อน ขณะจะเดินเข้าซอย ไอ้เปียก็วิ่งไปชนเข้ากับ อนุ (วิน วิษณุรักษ์) ซึ่งเป็นช่างภาพ แต่จากการพูดคุยกัน ทำให้อนุสนใจในตัวแก่น แม้ว่าตอนนั้นแก่นจะยังแต่งตัวม่อมแม่ม แต่อนุก็ชวนแก่นให้ไปถ่ายแบบ เมื่อไปถึงบ้านอนุ ไอ้แก่นไอ้เปียก็พบกับปิ่นหรือหมูเปื่อยที่นั่นอีก ปิ่นเป็นเพื่อนรักของอนุ อนุจึงฝากปิ่นดูแลแก่นให้อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไว้ถ่ายแบบ ระหว่างนั้นคู่รักของอนุก็เข้ามาหาและเกิดปากเสียงกับแก่น ปิ่นก็ถือหางข้างไอ้แก่นเพราะเริ่มจะมีใจชอบๆ ไอ้แก่นเข้าบ้างแล้ว หลังจากถ่ายแบบเสร็จ ไอ้เปียก็เล่าให้ยายจันฟังว่า พี่แก่นใส่เสื้อผ้าชุดใหม่แล้วสวยน่ารัก ยายจันก็บอกว่า ใช่ แก่นหรือแก่นจันทร์เป็นคนสวย ไอ้เปียก็งงๆ เพราะยายจันตาบอด จะรู้ได้ยังไงว่า แก่นเป็นคนสวย ยายจันจึงเล่าเรื่องชีวิตไอ้แก่นเมื่อครั้งที่แม่ของไอ้แก่นคือ นงราม อุ้มไอ้แก่นมาฝากเลี้ยงและสิ้นใจตาย ตอนนั้นยายจันยังไม่ตาบอดจึงจำภาพแม่ของแก่นได้ดีว่าเป็นผู้ดี หน้าตาสวยงาม ก่อนที่นงรามจะเสียชีวิตก็ได้มอบแหวนประจำตระกูลเป็นรูปแมงมุมให้แก่ยายจันไว้หนึ่งวงเพื่อเป็นหลักฐานว่าไอ้แก่นเป็นใคร ต่อมาแก่นไปทำงานเป็นคนรับใช้ที่บ้านของนายเรียว รัชฎา (สมพล กงสุวรรณ) ก็ถูกนายเรียวปลุกปล้ำ แก่นเอาตัวรอดได้โดยมีปิ่นซึ่งคอยเฝ้าติดตามแก่นไปทุกที่เป็นผู้ช่วยอีกแรงหนึ่ง ฝ่ายสุดใจนั้น เมื่อทนการตบตีของเชิดไม่ไหวจึงหนีไปทำงานเป็นคนรับใช้ที่บ้านคุณหญิงสุดจิต ระหว่างที่นวดให้คุณหญิงก็เหลือบไปเห็นแหวนที่นิ้วคุณหญิงจึงทักว่า เคยเห็นแหวนแบบเดียวกันนี้ที่ไอ้แก่น คุณหญิงจึงให้ไปตามไอ้แก่นมาพบ เมื่อพบกันจึงรู้ความจริงว่า แก่นก็คือหลานยายที่นงรามผู้เป็นแม่พาหนีออกจากบ้านไปเมื่อ 18 ปีที่แล้ว ฝ่ายปิ่นนั้นเมื่อรู้ว่า แก่นได้เป็นลูกผู้ดีมีสกุลแถมร่ำรวยอีก ก็ได้แต่เฝ้ามองเมียงอยู่นอกบ้านคุณหญิงซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่ ชัย ราเมศร์ (สมควร กระจ่างศาสตร์) มาเดินป่วนเปี้ยนเช่นกัน ปิ่นนั้นไม่รู้ว่า ชัยเป็นพ่อของแก่นเพราะชัยไม่ยอมบอกเพราะกลัวแก่นจะอับอายที่มีพ่อเป็นคนขี้คุกขี้ตะราง แต่การที่ปิ่นกับชัยมาแวะเวียนที่หน้าบ้านคุณหญิงก็เป็นผลดีเพราะต่อมาเมื่อนัทที (กมลพันธ์ สันติธาดา) ซึ่งเป็นญาติกับนงรามรู้ว่า แก่นจะเป็นทายาทรับมรดกของคุณหญิงก็เกิดความอิจฉา ละโมบจึงร่วมมือกับนายเรียว นายเชิด จับแก่นไปฆ่าทิ้ง แต่ชัยกับปิ่นเห็นเหตุการณ์ก่อน จึงตามไปช่วยแก่นได้ทัน เมื่อผิดแผน นายเรียวกับนายเชิดจึงวางแผนปล้นบ้านคุณหญิงแทน เผอิญไอ้เปียแอบได้ยินแผนการจึงไปส่งข่าวให้เพื่อนๆ ของปิ่นรู้เรื่องและมาช่วย วันที่นายเรียวกับนายเชิดเข้าปล้นบ้านคุณหญิงนั้น ปิ่นกับชัยก็ยังคงเฝ้าหน้าบ้านจึงเข้าช่วยเหลือ ระหว่างที่ชัยกำลังประคองแก่นซึ่งสลบอยู่นั้น นายเรียวก็ใช้มีดแทงหลังชัยได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อคุณหญิงเห็นหน้าชัยก็บอกความจริงแก่แก่นว่า ชัยคนนี่แหละคือพ่อบังเกิดเกล้าของแก่น ทั้งคู่คร่ำครวญร้องไห้ถึงความรักที่มีต่อกัน ก่อนที่ชัยจะสิ้นใจนั้น ชัยก็ได้ขอให้คุณหญิงยอมยกแก่นให้แก่ปิ่นเพราะเห็นว่า ปิ่นรักแก่นจริงๆ ไม่อยากจะให้ผิดหวังเหมือนอย่างที่ตนเองเคยประสบมา
เจ็ดแหลก (2501)

เจ็ดแหลก (2501/1958) หนังเรื่องที่ 3 ในหนังชุด 1 ต่อ 7 ของ ส.อาสนจินดา ข้อความบนใบปิด ปักหลักสู้ยับ ดับคาแผ่นดิน! เจ็ดแหลก อาคม มกรานนท์, (อดุลย์ ดุลยรัตน์), ส.อาสนจินดา, จุมพล กาญจนนินทุ, อุศมาน ศรแดง, (ล้อต๊อก), (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) และเจ็ดทหารเสือ, เจ็ดสมิงสาว, เจ็ดเสือร้าย แสดงนำ บริษัท ไทยฟิล์ม จัดจำหน่าย 

 
นักเลงเดี่ยว (2501)
นักเลงเดี่ยว (2501/1958) ตำบลชายแดนแห่งหนึ่ง เรียกว่าบ้านชนแดน อันเป็นถิ่นเกิดและที่ทำมาหากินของจ่าดับ จำเปาะ (ส. อาสนจินดา) ทหารเก่า กำลังลุกเป็นไฟด้วยความเดือดร้อน เมื่ออ้ายเสือโทน (สังเวียน หาญบุญตรง) พ่ออ้ายเสือทิม (เมืองเริง ปัทมินทร์) อ้ายเสือทอม (สุวิทย์ เทียมเมศ) ลูกและเสือทัพ (เทียนชัย สุนทรการันต์) น้องชาย เข้าไปตั้งถิ่นโจรอยู่ในป่าลึกแดนต่อแดน จ่าดับ จำเปาะ หลังจากที่ไปช่วยหกสหายปราบ 7 ผู้ร้ายที่หาดใหญ่มาแล้ว เขากลับมาบ้านต้องพบกับความรันทดแสนสาหัส เมื่อเมียรักของเขาคลอดลูกตายทั้งกลม จ่าดับคำนึงถึงความเป็นนักเลงมือปืนของเขา คงจะก่อเป็นกรรมเก่าสนองเขา ให้ได้รับความโทรมนัสเช่นนี้ จึงได้ลาออกจากหน้าที่กำนัน ไปใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ กำนันคนใหม่ที่รับตำแหน่งจากจ่าดับคือ สวน (ล้อต๊อก) มีลูกสาว 2 คนคือ ชะเอม (วิภา วัฒนธำรงค์) นิสัยเรียบร้อย เสงี่ยมเจียมตัว น้องสาวชื่อ อ้าย (พะเยาว์ สาริกบุตร) เป็นคนชอบฟุ้งเฟ้อ หรูหรา อีกคนหนึ่งเป็นลูกเลี้ยงชื่อ ชะอม (จันตรี สาริกบุตร) สำหรับอ้อยความที่เป็นสาวปราดเปรียว จึงเป็นที่หลงรักของ เจ้าเด่น (พงศ์ศิริ เพียงพรหม) ซึ่งเป็นน้องชายคนสุดท้องของจ่าดับ แต่เจ้าเด่นเป็นหนุ่มลูกทุ่งที่เซ่อซ่า ขี้ขลาดตาขาว จึงหาเป็นที่รักใคร่ชอบพอของอ้อยไม่ แทนที่อ้อยจะรับรักหนุ่มบ้านเดียวกันกลับ ไม่มีจิตรพิศมัยกับอ้ายเสือทอม ซึ่งเป็นอ้ายเสือรูปงาม บ้าบิ่นจนกระทั่งหนีตามอ้ายเสือทอมข้ามเขตต์แดนไป แต่แล้วอ้อยก็ต้องหนีเตลิดกลับมา เพราะไปเห็นสภาพความกักขระโสมมของบรรดาอ้ายเสือร้าย สี่พ่อลูกพี่น้อง นับแต่วันที่อ้อยหนีไป เจ้าเด่นไปนั่งเศร้าเฝ้าคอยหาสาวคนรัก อยู่ในป่าชายเขตต์แดนทุกคืนวัน ไม่เป็นอันกินอันนอน ฉะนั้นเมื่ออ้อยหนีกลับ เด่นจึงยินดีที่จะช่วยพากลับ เด่นพาอ้อยไปที่บ้านพ่อบ้านแม่ซึ่งอยู่ในป่านอกเขตต์แดนไทย ขอยืมม้าพาสาวรักหนีไป ผลกรรมนี้ตกอยู่กับพ่อและแม่ของเด่น เมื่อสี่อ้ายเสือตามพบรอยม้ามันจึงฆ่าพ่อของเด่นตาย และให้อ้ายทิมคุมแม่ของเด่นไว้ อีก 3 เสือขี่ม้าบุกเข้าบ้านชนแดน ฆ่าชาวบ้านดะไป จนกระทั่งมาพบจ่าดับ ที่ไม่ยอมให้ 3 เสือร้ายก้าวล้ำฝ่านเข้าไปได้อีก สามเสือร้าย อ้ายโทน อ้ายทอม อ้ายทัพ เผชิญหน้ากับจ่าดับ เสือเก่าซึ่งไม่ยอมถอย จ่าดับจำต้องชักปืนออกมาดวลกับเสือโทนตัวต่อตัว แต่ศรศิลปนอกจากจะไม่กินกันแล้ว ยังกินกันไม่ลงอีกด้วย ต่างถูกกระสุนที่มือพร้อมๆกัน ปืนหลุดมือทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม แม้เสือโทนจะเรียกร้องขอตัวอ้อยกลับไปให้เสือทอมลูกชาย แต่จ่าดับก็ยืนยันอย่างนักเลงว่า ตราบใดที่ชีวิตตนยังไม่สิ้น จะไม่ยอมที่แม้แต่หมาขี้เลื้อนตัวเดียวของบ้านชนแดนแก่เสือโทนเป็นอันขาด เสือโทนขอสัญญาแลกกันกับจ่าดับและกำนันสวนว่า ตนไม่ติดใจที่จะเรียกตัวนังอ้อยคืน และตนเองจะไม่ลุกล้ำเขตต์ เข้ามากระทำตนเป็นจ้าวนักเลงอีก หากแต่กำนันสวนและจ่าดับจะต้องให้สัญญาว่านับแต่นี้ เป็นต้นไปชาวบ้านชนแดน คนใดก็ล้ำเขตต์เข้าไปในป่าของตนไม่ได้ จะต้องไม่ยอมให้นักเลงจรคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจหรือสายลับล่วงล้ำเข้ามาภายในเขตต์บ้านชนแดน และจ่าดับจะเรียกลูกทัพบกคู่ใจที่เหลืออีก 5 คนเข้ามาไม่ได้เป็นอันขาด มิฉะนั้นแล้วตนจะพาพวกโจรบุกเข้ารังควาน จ่าดับไม่อาจจะรับคำได้ เพราะในเขตต์ป่าที่เหล่าร้ายหวงห้าม ยังมีบ้านพ่อ แม่ ของตนอยู่แต่กำนันสวนมีความเห็นแก่ตัวเป็นเอก กลับประณามจ่าดับว่า ถ้าไม่ยอมรับก็เท่ากับจ่าดับเห็นแก่พ่อแม่ของตนเท่านั้น ไม่เห็นแก่สวัสดิภาพของชาวบ้านนับพัน อย่างนี้ก็เท่ากับโอนตำแหน่งกำนันมาต้มให้แกรับภาระ อุจาระเต็มกางเกง คนเดียว หลังจากที่เสือโทนและบรรดาพวกได้สัญญามั่นเหมาะจากกำนันสวนไปแล้ว ในวันสงกรานต์ของบ้านชนแดน ขณะที่ชาวบ้านกำลังสนุกสนานอยู่กับการแห่นกปล่อยปลา การณ์ก็ปรากฏว่า มีนักเลงเดี่ยวคนเดียวคนหนึ่ง คนแปลกหน้าล่วงล้ำแบบทะเล่อทะล่าเข้ามาในหมู่บ้านชนแดน นักเลงเดี่ยว (ทักษิณ แจ่มผล) มาในลักษณะของคนสติไม่เต็ม แต่หมอเป็นคนไวและหมัดหนักชะมัด ฉะนั้นเมื่อกำนันและพวกเข้าไปทำร้ายขับไล่ จึงถูกหมอตอกหน้ากลับ จนล้มลุกคลุกคลานและตกน้ำตกท่าไป นอกจากเก่งในเชิงมวย นักเลงคนนั้น ยังความหมื่นทะลึ่ง กับผู้เป็นเอก และเป็นเหตุให้อ้อยต้องวิ่งไปลากมือ เจ้าเด่นคู่รักมาคะยั้นคะยอให้ต่อยหน้านักแปลกหน้าให้ได้ แต่แล้วผลปรากฏว่า เด่นกลายเป็นกระสอบทรายให้ นักเลงแปลกถิ่นซ้อมมวยไปอย่างน่าสงสาร ชะเอมเข้าช่วยก็ถูกจูบตอบแทน ชะเอมเข้าทุบตีก็ก็จะพลอยถูกปล้ำ จนกระทั่งนักเลงคนนั้นได้เผชิญหน้ากับจ่าดับ การต่อสู้ระหว่างนักแปลกหน้ากับจ้าวถิ่นได้เป็นไปอย่างดุเดือด ผลก็คงเดิมจ่าดับลงไปนอนเป่าฝุ่นเสียศักดิ์ศรีอย่างสิ้นเชิง ขณะที่เหลี่ยมนักเลงของจ่าดับถูกลบ เป็นเวลาเดียวกับที่ เสือโทน เสือทอม เสือทิม และเสือทัพ ขี่ม้ามาถึง มันทั้ง 4 จึงได้หัวเราะเยาะจ่าดับได้ทันเวลา มิหนำซ้ำช่วยกันรุมซ้ำเติมจ่าดับอย่างทารุณ จนนักเลงเดี่ยวคนนั้นทนดูไม่ได้ ขณะที่เสือทอม เสือทิมรุมซ้อมจ่าดับ เสือโทน เสือทัพ จะลอบยิงจ่าดับ นักเลงแปลกหน้าคนนั้นจึงช่วยยิงสกัดไว้ และเขาเองเข้าเสนอตัวรับมือสู้กับเสือทิม เสือทอม แบบ 2 ต่อ 1 อย่างทรหด จนสองเสือพี่น้องสิ้นลาย สี่เสือกลับเข้าป่าอย่างอาฆาตแค้น ขณะเดียวกันความกล้าหาญของนักเลงแปลกหน้าที่มีฝีมือเหนือกว่า จ่าดับ จำเปาะได้ระบือไปทั่วบ้าน เขาเริ่มเป็นที่เอ็นดูของชะเอมและเป็นที่ชอบพอของอ้อย ในคืนนั้นชะเอมแอบไปเอาเสื้อผ้าของพ่อไปให้นักเลงจรคนนั้นเปลี่ยน เธอเป็นห่วงว่าเขาจะถูกทำร้าย เวลานั้นความเก่งของเขากำลังเป็นภัยแก่หมู่บ้าน เพราะเขาคนเดียวจะต้องเป็นเหตุให้พวกเสือโทนมารุกรานหมู่บ้านอีกใครๆก็อยากขับไล่เขาออกไป ความอารีของชะเอม ได้รับความรักจากชายชาตรีผู้นั้นตอบแทน แต่ขณะที่คนทั้งสองจะเข้าใจในรัก อ้อยก็เข้ามาเป็นมารขวาง อ้อยสกดรอยตามพี่สาวมา เพื่อจะเก็บเอาความอารีต่อชายที่พ่อถือว่าเป็นศัตรูผู้นี้ไปฟ้องพ่อ นักเลงเดี่ยวผู้นั้นจึงสร้างความรักจอมปลอมขึ้นกับอ้อยด้วยชั้นเชิงของเสือผู้หญิง เขาแกล้งทำเป็นเข้าใจว่าอ้อยคือชะเอม และพร่ำพรรณารักที่มีต่อชะเอมกับอ้อยเอง แล้วฝากจูบไปให้อ้อยด้วย อ้อยหลงเชื่อตายใจสนิทคิดว่าตนชนะพี่สาว เก็บเอาความรักที่นักเลงเดี่ยวผู้นั้นพร่ำเพ้อถึงตนมาเป็นความอบอุ่นชื่นใจของตนอยู่คนเดียว คืนนั้นเสือโทนใช้พวกมาลอบทำร้ายนักเลงเดี่ยวผู้นั้น ด้วยอาวุธปืนและระเบิดมือแต่กลับถูกซ้อนกลพ่ายกลับไป โจรชายแดน ทั้ง 4 เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ความมุ่งหมายของมันเกินแค้น มันต้องการจะเก็บนักเลงแปลกหน้าคนนี้ให้ได้ จึงปักป้ายไว้กลางตลาด ฉะนั้นแล้ววันรุ่งขึ้นพวกมันนับสิบจะเข้าทลายหมู่บ้าน คนทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในสภาพฝันร้าย ไม่มีใครมีปัญหากล้าไล่นักเลงแปลกหน้าคนนั้นออกไปได้ และไม่มีใครมีปัญญาจะคิดต่อต้านกับพวกเสือโทน ในวันรุ่งขึ้นแม้กระทั่งจ่าดับ จำเปาะก็ผละจากตำแหน่งจ้าวถิ่นไปอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะเขามีใจอยู่กับชะเอม แต่บัดนี้ชะเอมมอบรักให้แก่นักเลงแปลกหน้าเสียแล้ว เหล่าร้ายนับสิบๆหลั่งไหลจากป่าเข้ามาในหมู่บ้าน ด้วยเหลี่ยมนักเลงและชั้นเชิงนักสู้ที่เหนือกว่า นักสู้เดี่ยวๆคนนั้น ก็กระทำการดังปฏิหาริย์ เขาคนเดียวสามารถต่อต้านเหล่าร้ายนับสิบเหล่านั้น ถอยร่นเข้าป่าไปอย่างเป็นระเบียบ แต่ถึงเขาเก่งเพียงไร ก็ไม่ยิ่งไปกว่าเทวดาขณะนั้น ที่เขายังสู้กับเหล่าร้ายและกำลังจะถูกลอบยิงข้างหลัง จ่าดับ จำเปาะซึ่งแอบดูพฤติกรรมของเขาอยู่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เมือเขาขอบคุณจ่าดับ จำเปาะ จ่าดับก็บอกปัดนักเลงเดี่ยว แบบไว้เชิงว่า หายกัน เพราะครั้งหนึ่งนักเลงแปลกหน้าก็เคยช่วยชีวิตเขา ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง คืนนั้นนักเลงแปลกหน้าลอบเข้าไปในป่าเขตต์ชายแดน จ่าดับได้สกดรอยตาม ชะเอมกับชะอมตามจ่าดับไปอีกทีหนึ่ง เพราะคิดว่าจ่าดับจะเล่นสกปรกตามฆ่าชายคนรักของเธอ อ้อยอีกคนหนึ่งบัดนี้ได้ทราบความจริงแล้วว่า เธอถูกหลอกลวง นักเลงคนนั้นรักชะเอมไม่รักคนด้วยความแค้นของเด็กสาว ทำให้อ้อยกระทำการอันไร้สติ เธอหนีออกจากบ้านจะเตลิดกลับไปหาเสือทอมคู่รักเก่าอีก พอดีจ่าดับได้ทราบความจริงจากชาวบ้านว่า พ่อของตนถูกฆ่าตายเป็นศพอยู่หน้าบ้าน ศพแม่ของตนหายไป แต่มีเสียงปีศาจร้องโหยหวลอยู่ในบ้านร้างอันเป็นของพ่อแม่เขา หากใครเข้าใกล้บ้านนั้นจะถูกมือลึกลับยิงออกมา จ่าดับรีบรุดไปที่บ้านผู้ให้กำเนิดของตน ระหว่างทางเข้าได้เห็นเครื่องบินลำมหึมากำลังปล่อยร่มลงมา เมื่อจ่าดับเข้าไปถึงหลุมฝังศพพ่อ เขาได้พบนักเลงคู่อาฆาตคนนั้น นั่งร้องไห้อยู่ที่หลุมฝังศพพ่อ เขาจะขับไล่ ก็เผอิญได้เห็นบนบ้านของเขามีพวกเหล่าร้ายอยู่ มีเสียงแส้ มีเสียงร้องครวญครางของปีศาจแม่ของเขาครวญครางอย่างที่ชาวป่าว่า ทั้งเขากับนักเลงแปลกหน้า เลยช่วยกันเสี่ยงชีวิตเข้าไปทำลายเหล่าร้ายในบ้าน ที่นั่นเขาได้พบแม่ของเขายังไม่ตาย แต่ถูกจับเข้าขื่อคา ทรมานด้วยการเฆี่ยนตีจนแม่เขาเกือบจะสิ้นใจอยู่แล้ว จ่าดับเข้าไปปลดพันธนาการให้แม่ แก่เห็นนักเลงแปลกหน้าก็พยายามพูด แต่แล้วแกก็สิ้นลมเสียก่อน นักเลงคนนั้นเรียกแม่ของจ่าดับว่าแม่ แล้วเปิดเผยความจริงว่า คนเป็นลูกคนกลาง เขาเป็นน้องชายของจ่าดับ จำเปาะ คนที่เกเรที่สุด ซึ่งขโมยเงินพ่อแม่จนหมดตัวหนีไปเกะกะอยู่ในกรุงเทพฯ และเขาชื่อ เดี่ยว จำเปาะ ถึงกระนั้นก็ตาม จ่าดับก็ยังไม่ปลงใจเชื่อ และไม่ยอมให้เดี่ยวทำแม้แต่จะกราบหลุมศพแม่ให้เป็นเสนียด ครั้นเดี่ยวดึงดันจะทำจ่าดับจึงขัดขวาง ด้วยหมัดมวย แต่ก่อนที่ทั้งสองจะรู้ดำรู้แดง ก็ถูกขัดขวางการต่อสู้จากคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแต่งด้วยชุดดำทั้งชุด คนแปลกหน้านั้นมาด้วยกัน 5 คน พอเปิดหน้า จ่าดับจึงได้พบว่า คนทั้งห้านั้นก็คือเพื่อนเก่าและนายเก่า ได้แก่ ตังกวย แซ่ลี้ สิบโทอัคคี เมฆยันต์ สิบโทกล้า ตะลุมพุก และพันตรีกฤษณ์ กับเพื่อนใหม่อีกคนหนึ่งคือพันตรีไกวัล ((อดุลย์ ดุลยรัตน์)) ผู้เชี่ยวชาญการจรวด คนทั้งหมดเปิดเผยกับจ่าดับว่า ถูกทิ้งร่มมาเพื่อปฏิบัติราชการ ขณะนี้มีเหล่าร้ายไม่ปรากฏสัญชาติกำลังมาตั้งจรวดทีมีอานุภาพร้ายแรงเพื่อรุกรานประเทศไทย เขาทั้ง 5 มาในนามของหน่ายกล้าตาย แห่งกองทัพบกไทยเพื่อหาหนทางทำลายแผนการอุบาทของเหล่าร้ายเสีย จ่าดับจึงเข้าใจเรื่องราวได้ตลอดว่า การที่เสือโทน กับพวกมารุกรานบ้านชนแดนและสัญญาไม่ล้ำถิ่นก็เพื่อ ไม่ต้องการให้คนแปลกหน้าเข้าไปรู้ความลับเรื่องจรวดซึ่งตั้งซ่อนอยู่ในป่านั้นเอง ขณะนั้นคนทั้งหมดได้พบกับชะเอมกับชะอม และได้เห็นเด่นเป็นบ้า รกตามอ้อยเข้าไปในถิ่นเหล่าร้าย ทุกคนเกรงว่า เด่นจะเข้าไปอาละวาดทำให้เรื่องแตก จ่าดับและเพื่อนจึงตามเด่นเข้าไปในหุบเขา ทิ้งให้เดี่ยว ชะเอม ชะอม อยู่ในสายตาของ พันตรีไกวัล เดี่ยวพบสายโทรศัพท์จึงตามสายโทรศัพท์ขึ้นไป จนกระทั่งพบโรงจรวดของผู้คิดร้าย ซึ่งสร้างเป็นโรงไม้ไผ่มุงแฝกครอบคลุมพรางตาไว้กลางป่า พันตรีไกวัลต้องการจะบอกข่าวนี้กับเพื่อนคอมมานโด จึงทิ้งเดี่ยวไว้กับชะเอมและชะอม ตัวเองเล็ดลอดเข้าไปในหุบเขาถิ่นโจรของเสือโทน เสือทอม เสื่อทิม และเสือทัพ ตั้งอยู่โพรงถ้ำอันกว้างขวางของเขาทะยาน ภายในห้องลับด้วยวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยเครื่องยนตร์กลไกและไฟฟ้า พวกทรยศต่อชาติทั้ง 4 เสือ ได้กำลังสมทบจากดาวร้าย มือปืน 12 ดาว ซึ่งได้จ้างมา ในจำนวนนี้มีมือปืนคนสำคัญอยู่คนหนึ่งคือหมัด เชิงมวย มันอ้างว่ามันคือน้องชายของเจ้าเหมาะ เชิงมวยที่สิ้นชื่อไปแล้วแต่ครั้งต่อสู้ที่หาดใหญ่ หมัด เชิงมวยมาสมัครเป็นมือปืนรับจ้างของเหล่าร้ายครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการจะมาล่าชีวิตของจ่าดับ จำเปาะซึ่งมันเข้าใจว่าครั้งนั้น จ่าดับทอดทิ้งให้เจ้าเหมาะพี่ของมันตาย แต่แทนที่เจ้าหมัดจะได้ล่าชีวิตจ่าดับ จ่าดับกลับเป็นผู้ช่วยชีวิตเจ้าหมัดไว้ จากการลอบสังหารของพวกเสือไทย เพราะเจ้าหมัดแอบไปรู้ความลับว่า พวกนี้ขายชาติ เจ้าหมัดชอกช้ำใจมากที่ตนต้องตกเป็นทาสบุญคุณของจ่าดับ แค้นของมันกลายเป็นหมัน มันเลยหาโอกาสช่วยชีวิตจ่าดับ จำเปาะ และเพื่อนคอมมานโดไว้ให้ได้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณในช่วงนาทีวิกฤต พันตรีไกวัลรีบมาบอกพรรคพวกว่าตนพบจรวดแล้ว เขาต้องการจะเล็ดลอดเข้าไปในกองบัญชาการของเหล่าร้ายเพื่อทราบกำหนด วัน เวลา ปล่อยจรวด ซึ่งคาดหมายว่าอยู่ในอุโมงค์ ถ้าของเขาทะยานนั้น ส่วนจ่าดับเป็นห่วงชะเอมและชะอม ทั้งไม่ไว้ใจในความบริสุทธิ์ของเจ้าเดี่ยว เขากับเพื่อนจึงรีบรุดไปยังโรงจรวด พันตรีไกวัลหาทางลงไปในถ้ำเขาทะยาน เป็นเวลาเดียวกันกับที่อ้อยกำลังถูก 4 เสือร้ายยื้อแย่งกันอุตลุด พันตรีไกวัลลงไปในห้องพักของรุ่งทิวา (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) ซึ่งเป็นลูกสาวสุดที่รักของอ้ายเสือโทน เขาช่วยรุ่งทิวาให้รอดพ้นจากการลวนลามของสมุนโจรคนหนึ่ง แต่ใช่ว่าเขาจะมีความเอื้ออารีต่อลูกเสือร้ายก็หาไม่ด้วยเลือดรักชาติมันร้อนระอุ เขาเดือดแค้นทุกสายเลือดของเสือโทน ซึ่งประพฤติตนเป็นคนขายชาติ ถึงกระนั้นพันตรีไกวัลก็หาทำร้ายรุ่งทิวาได้ไม่ ความเดือดแค้นอันเนื่องมาแต่ความรักชาติดับลง เมื่อได้ประจักษ์ว่าแท้จริง รุ่งทิวาเป็นคนตาบอด เธอเป็นเพชรท่ามกลางโคลนตม เป็นลูกที่ดีของพ่อชั่วอย่างเสือโทน เป็นน้องที่ดีของเสือร้ายอย่างทิมและทอม รุ่งทิวาปรารถนาจะได้เห็นฟ้าเมืองไทย เช่นเดียวเดียวกับที่พันตรีไกวัลรักฟ้าเมืองไทย เธอปรารถนาจะได้เห็นธงไทยปลิวสะบัดอยู่เหนือดินแดนนั้น ไม่ใช่ธงของผู้ทรยศหรือผู้คิดร้าย หล่อนมอบธงไทยให้พันตรีไกวัล ธงผืนที่สร้างขึ้นในความฝันของเธอ มันมีเพียงสีขาวและน้ำเงินเธอขอให้ไกวัลเติมสีแดงให้ และขอให้เขาช่วยให้ธงนั้นปลิวสะบัดอยู่เหนือดินแดนนั้นอย่างที่เธอปรารถนา การลอบเข้ามาของพันตรีไกวัล ไม่พ้นการลอบรู้ของเหล่าร้าย เสือโทน ร้องสั่งให้ลูกสาวของตนกดปุ่มระหัสหนี ออกจากประตูกลไปเสียจากห้องนั้น ตนเองจะให้ปืนทันสมัยที่ทรงอานุภาพทำลายห้องที่พันตรีไกวัลแอบไปหลบอยู่นั้นเสีย แต่ระหว่างพ่อ ผู้ทรยศต่อชาติกับนักรบผู้รักชาติ รุ่งทิวาเลือกเอาบุคคลหลัง โดยยอมเสียสละชีวิตของตนเอง ปล่อยพันตรีไกวัลหลบหนีไปทางประตูกล ตนเองต้องตกเป็นเหยื่อกระสุนระเบิดจากปืนทันสมัยซึ่งมีอานุภาพร้ายและผู้บังเกิดเกล้าของเธอเองลั่นประหารโดยสำคัญผิด เมื่อจ่าดับและพวกไปถึงจรวด เจ้านักเลงเดี่ยวคนนั้นได้หลบหนีไปแล้วโดยพันธนาการชะเอมและชะอมไว้ ทุกคนต่างเข้าใจแน่นอนว่า เดี่ยวต้องเป็นจาระบุรุษ แต่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้ต่อไปก็คือ แก้ไขเหตุการณ์โดยด่วนก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป พันตรีกฤษณ์ได้ค้นพบทางลงไปใต้ดินจึงพบเค้าว่า ประดาผู้คิดร้ายต่อประเทศไทยใช้ใต้ดินเขาทะยานเป็นกองบัญชาการ ไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัว ทหารของผู้คิดร้ายก็เข้าจับกุมคนทั้งหมดเว้นชะเอมคนเดียวที่ได้หลบซ่อนตัว ทั้งหมดถูกพันธนาการด้วยลวดขนาดเล็ก ล่ามไว้กับหีบระเบิดเวลา รอเวลาตายตอนย่ำรุ่ง ซึ่งผู้คิดร้ายต่อประเทศไทยจะปล่อยจรวดเข้าทำลายกรุงเทพฯ ขณะนั้นพันตรีไกวัล หนีมาพบเพื่อนๆทุกคนถูกพันธนาการอยู่ แต่ไม่สามารถจะช่วยได้เพราะอยู่คนละห้อง และไม่สามารถจะพังห้องกระจกที่สร้างขึ้นมาพิเศษป้องกันการทำลาย พันตรีไกวัลจึงไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ เผอิญชะเอมออกมาจากที่ซ่อน พันตรีไกวัลซึ่งเป็นผู้พันทหารช่างแสง จึงให้ชะเอมเป็นเครื่องมือเขาในการถอดชนวนระเบิด โดยเขาจะเป็นผู้ออกคำสั่งทีละขั้นตอน ชะเอมสามารถถอดระเบิดเวลาได้จากการบอกของพันตรีไกวัล ชะเอมได้ช่วยชีวิตทุกคนได้สำเร็จ ทั้งหมดจึงร่วมกันต่อสู้แหวกวงล้อมของเหล่าร้ายออกไปนอกเขาทะยานได้ จ่าดับ จำเปาะพบกับน้องคนเล็กเจ้าเด่น จำเปาะถูกเหล่าร้ายทำร้ายบาดเจ็บสาหัสอยู่ในซุ้มไม้ เด่นขณะนั้นเลือดกำลังเข้าตา ความที่ถูกข่มเหงทำร้ายอย่างเจ็บปวด ทำให้เลือดของลูกผู้ชายและเลือดรักชาติเกิดขึ้นฉับพลัน เด่นขอธงของรุ่งทิวาที่พันไกวัลนำติดตัวมา ให้เป็นหน้าที่ของเขาที่จะเติมเลือดสีแดงให้ เพื่อให้เป็นธงไตรรงค์ของชาติไทย และขอร้องให้ทุกคนปล่อยเขาไว้เป็นหน้าที่ของเขาอีกที่จะชักธงไตรรงค์ขึ้นเหนือดินแดนนั้น แทนธงของผู้รุกราน พันตรีกฤษณ์ได้วิทยุบอกแก่กองบัญชาการเพื่อนัดหมายเวลา ทำลายจรวดของเหล่าร้ายในเวลาย่ำรุ่ง โดยใช้ทหารม้าและยานเกราะ โดยให้ดูธงไทยที่ชักขึ้นเหนือดินแดนนั้นเป็นสัญญาณโจมตี รุ่งขึ้น ด้วยธงสีขาว น้ำเงิน และสีแดงอันได้แก่เลือดจากกายของตนเองจนชุ่มโชก เจ้าเด่นซึ่งเคยเป็นหนุ่มขลาดได้สำแดงความเป็นวีรบุรุษสมชายชาตรี มันชูธงไว้กับคอ วิ่งทะยานเข้าหาเหล่าร้าย ที่กำลังจะชักธงดำขึ้นสู่เสา การต่อสู้เพื่อชาติอย่างบ้าเลือดของเจ้าเด่นเกิดขึ้นที่โคนเสาธงนั้น พลังรักชาติของมันประทับใจอ้อยที่เคยหยามน้ำใจแก่มัน อ้อยทนดูเจ้าเด่น แบะอกรับอาวุธของข้าศึกอยู่ไม่ได้ อ้อยที่ทุกคนกล่าวว่าเป็นนังผู้หญิงที่รักความหรูหราฟุ้มเฟ้อ ก็สละชีวิตตนเองเข้าปะทะเหล่าร้ายร่วมด้วยเจ้าเด่น เจ้าเด่นชักธงไตรรงค์ได้ครึ่งเสาก็ถูกยิงด้วยกระสุนปืนกล นางอ้อยโดดเข้าคว้าเชือกธงแทน เมื่อมันเองถูกกระสุน ตัวมันล้มฟาดกลิ้งลง มันดึงเชือกนั้นพาธงไตรรงค์คู่ฟ้าขึ้นสะบัดอยู่ยอดเสา และธงนั้นไม่มีโอกาสที่จะลดลงอีก หรือยอมให้ธงอื่นชักขึ้นแทนเลย เพราะทั้งอ้ายเด่นและนางอ้อยมันร่วมใจกันเอาเชือกธงที่เหลือนั้นมัดติดตัวมันทั้งสองพันรอบเสาธงอย่างแนบแน่น มันขาดใจด้วยกันที่เสาธงนั้น มัดอยู่ด้วยกันเหมือนคนเดียวกัน ใจเดียวกัน ก่อนขาดใจ อ้ายเด่นยิ้มทั้งน้ำตา ในทันใดที่ธงไทยปลิวสะบัด นักรบผู้รักชาติไทยทั้งทหารม้า ยานเกราะ และหน่วยกล้าตายก็เข้าจู่โจมทำลายจรวด ผู้ที่มาเหนือเมฆอย่างที่ไม่มีใครในบ้านชนแดนคาดฝันก็คือ พันตำรวจตรีเดี่ยว จำเปาะ ผู้พันพลร่มกล้าตาย ค่ายนเรศวร ซึ่งได้พาบรรดาพลร่มลูก “เสือดำ” ทั้งผองถลาลงมาจากอากาศเข้าต่อสู้ข้าศึกอย่างทรหดดุเดือด และแม้จรวดจะถูกทำลายแล้วก็ตาม แต่งานของทหารเสือหาได้ยุติลงไม่ เขาได้เผชิญหน้ากับดาวร้ายมือปืน 12 ดาวที่ทรยศต่อประเทศชาติ เพื่อสั่งสอนและกำจัดมิให้คนไทยคนใดทรยศต่อประเทศชาติ จ่าดับ จำเปาะ หมัด เชิงมวยผู้กลับใจเพราะรู้ซึ้งในน้ำใจจ่าดับ ตังกวย แซ่ลี้ สิบโทอัคคี เมฆยันต์ พันตรีไกวัล วิทยา สิบโทกล้า ตะลุมพุก พันตรีกฤษณ์ แก้วณรงค์ และพันตรีเดี่ยว จำเปาะ ทั้งหมดพกปืนกันคนละกระบอก เข้าเผชิญหน้ากับ 12 มือปืนนั้นอย่างแลกชีวิต ทั้งหมัด ทั้งมวย ทั้งยิงกันแบบแลกชีวิต จนสามารถหมอบ 12 มือปืนลงไปอย่างลาบคาบ พันตรีเดี่ยว จำเปาะได้อยู่กินกับชะเอม และพี่น้องก็เข้าใจกันในอ้อมกอดของจ่าดับ จำเปาะและเดี่ยว จำเปาะ จ่าดับได้เพื่อนใหม่ที่ขอติดตามจ่าดับไปในทุกหนแห่งแทนพี่ชายเขา นั้นคือหมัด เชิงมวย
หนึ่งต่อเจ็ด (2501)
หนึ่งต่อเจ็ด (2501/1958) หนึ่งต่อเจ็ด เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 เป็นผลงานการกำกับของ ส.อาสนจินดา เป็นภาพยนตร์ตอนแรกในภาพยนตร์ชุด หนึ่งต่อเจ็ด ภาพยนตร์ภาคต่อของไทยที่ได้รับการสร้างอย่างต่อเนื่องมากที่สุดในอดีต โดยเป็นเรื่องราววีรกรรมการกอบกู้ชาติไทย เชือกกล้วย กางเกงแดง กลายเป็นเอกลักษณ์ของจ่าดับ จำเปาะ ที่รับบทโดย ส.อาสนจินดา ซึ่งเป็นตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้