พร ไพโรจน์
เป็นที่รู้จักสำหรับ
กํากับการแสดง, นักแสดง, อำนวยการสร้าง, โปรดักชั่นผลงาน
76วันเกิด
08-07-1932สถานที่เกิด
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทยพร ไพโรจน์
พร ไพโรจน์ ชื่อจริง : อำพร เกิดไพโรจน์ ชื่ออังกฤษ : Porn Pairoj
วันเกิด : 8 กรกฎาคม 2475
เสียชีวิต : เสียชีวิตแล้ว
พร ไพโรจน์ เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่
-เริ่มเรียนที่โรงเรียนพร้อมการศึกษา อยู่ในตรอกเพชรพลอย ใกล้ที่ทำการไปรษณีย์กลาง บางรัก จบชั้นม.1 เมื่ออายุ 10 ขวบ พอดีเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องอพยพไปอยู่ยุธยา ส่วนพ่อก็ต้องไปเป็นทหาร เขาเองก็ต้องหยุดเรียนหนังสือถึง 4 ปี จนสงครามเลิก บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ จึงอพยพกลับกรุงเทพฯ ได้เข้าเรียนชั้นม.2 ที่โรงเรียนมัธยมวัดสุทธิวราราม เรียนจนจบม.5 แล้วมาต่อม.6 ที่โรงเรียนศิริศาสตร์
-อำพรชอบกีฬาทุกชนิดไม่ว่ากรีฑา, มวย, ฟุตบอล ส่วนการเรียนซึ่งเขาไม่ชอบนั้น เขาก็กัดฟันเรียนจนจบม.6 เขาเลือกที่จะไม่เรียนต่อ เพราะเรียนไม่ค่อยดี เนื่องจากร้องเพลงได้ดี จึงคิดจะใช้เสียงหากินต่อไป แต่โชคไม่เข้าข้าง ว่างงานอยู่ 1ปีเพื่อนชวนไปเข้าเรียนในโรงเรียนตำรวจนครบาล ได้เพื่อนร่วมรุ่นคือพิชัย จิตรีขันธ์ (ลือชัย นฤนาท) และชนะ ศรีอุบล หลังจากเรียนจบแล้ว เขาก็คิดว่าจะเป็นตำรวจตลอดไป แต่แล้วก็มีเหตุอันเนื่องจากความเกเรของเขาเอง ทำให้เขาต้องอำลาชีวิตตำรวจไป
-จากนั้น ได้เจอเพื่อนซึ่งเป็นนักแสดงชื่อ ถวิล นันทิวงศ์ เพื่อนชักนำไปรู้จักกับส.อาสนจินดา ส.จึงให้แสดงเป็นตัวประกอบในหนัง น้ำตาชาย ที่ส.กำกับ จากตัวประกอบก็ได้บทมากขึ้นในหนัง แรงพิศวาส คู่กับมาลิน เลขะวัฒนะพิจารณ์ หนังไม่ประสบความสำเร็จ อำพรเกิดความเบื่อหน่ายที่ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงหายหน้าไป 2 ปี โดยเขาไปสมัครทำงานที่บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย
-จนวันหนึ่งได้พบกับประทีป โกมลภิส ประทีปชวนไปเล่นหนัง ชาติเสือ (2501) ที่มีนักแสดงใหม่ มิตร ชัยบัญชา เป็นพระเอก ประทีปตั้งชื่อในการแสดงให้ว่า พร ไพโรจน์ (แค่ตัดคำแรกออกจากชื่อ-นามสกุลจริง) เพราะไปถ่ายหนังต่างจังหวัดนานไป บริษัทจึงให้ออกจากงาน โชคดีที่หนัง ชาติเสือ ประสบความสำเร็จ
-นอกจาก ชาติเสือ จะแจ้งเกิดให้พระเอกมิตร ชัยบัญชาแล้ว ยังแจ้งเกิดให้ พร ไพโรจน์ ในนามขุนมีดเมืองไทยด้วย (ตามบทในหนัง)
-จากนั้นพร ไพโรจน์ก็กลายเป็นดาราหนังไทยที่มีชื่อเสียง มีงานแสดงหนังมากมาย เช่น จ้าวนักเลง (2502), ทับสมิงคลา (2505), อวสานอินทรีแดง (2506), ปีศาจดำ (2509), จ้าวอินทรี (2511), อินทรีทอง (2513) ฯลฯ
*เรียบเรียงจากหนังสือดาราสยามปี 2514
*ที่มา : Thai Movie Posters