เรื่องย่อ : แหยม ยโสธร (2548/2005) กลางทุ่งนาที่ร้อนเดือดพล่าน ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร ทอง (ชัยพันธ์ นินกง) และ สร้อย (เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ) กำลังจีบกัน อย่างชนิดที่ว่าหวานจนน้ำตาลท่วมทุ่ง ในขณะที่ แหยม (หม่ำ จ๊กม๊ก) น้าชายสไตล์จิ้มลิ้มคนเดียวของทอง ถูก เจ้ย (เจเนต เขียว) สาวหน้าคมคล้ำ..คมขำ ทั้งตามตื้อตามจีบ หลงรักสุดหล่ออย่างแหยม ชนิดหัวปักหัวปำ ทำให้แหยมรำคาญเป็นที่ซู๊ดดด... ทั้งสี่เป็นอันรู้กันว่า เจ้ยหลงรักแหยมอย่างลงรากฝังลึก และพยายามทุกทาง ให้แหยมตอบรับน้ำใจอันนี้ แม้ว่าทองกับสร้อย จะช่วยลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอยกันเสียที แต่แหยมก็ไม่เคยหันมาสนใจ และถึงแม้ว่าเรื่องราวความรักของทองและสร้อย กำลังไปกันได้ด้วยดี แต่ทั้งคู่ยังคงต้องหลบๆ ซ่อนๆ เนื่องจาก คุณนายดอกท้อ (แวว จ๊กม๊ก) คุณป้าสุดเฉิงวับระดับไฮโซของสร้อยนั้น จงเกลียดจงชังความจนของทองมากเหลือเกิน ทำให้คุณนายดอกท้อเข้าขัดขวางทั้งคู่ทุกวิถีทาง แยกความรักของพวกเขาไปไกลถึงเมืองบางกอก ฝ่ายสาว ๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานใจ เพราะพิษแห่งความคิดถึงทองและแหยม จนกระทั่งวันหนึ่ง สร้อยได้รับคำสั่งจากคุณนายดอกท้อ ให้กลับไปยังบ้านนอกด่วน เนื่องจากได้จัดงานหมั้นอย่างใหญ่โตให้กับสร้อย และพ่อยอดชายลูกชายกำนัน ที่แสนจะมั่งคั่งหล่อเข้มขึ้นอย่างกะทันหัน ความรักระหว่างสร้อยและทอง จะสมหวังหรือไม่นั้น... แหยมและเจ้ยจะร่วมหอลงโรงกันได้หรือเปล่า ? เรื่องราวของคู่รักของคน 2 คู่ ซึ่งคู่นึงคือ คู่ทองกับสร้อย ส่วนอีกคู่หนึ่งก็คือ เจ้ยกับแหยม จะเป็นคู่ที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าที่ควร จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน เพราะแหยมรู้สึกว่าตัวเองนั้นหล่อ แล้วแหยมคิดว่าเจ้ยเป็นคนขี้เหร่มาก แหยมจะเป็นน้าของทองคอยแนะนำ คอยเอาใจช่วยชี้แนะว่าควรทำอย่างนี้นะ แต่ตัวเองก็ไม่เคยมีเมียหรือมีแฟนกับเค้ากันหรอก ก็เกือบจะขึ้นคานอยู่เหมือนกันในเรื่องนะ พอดีว่ามีเจอกับเจ้ย เพราะเจ้ยเค้าเป็นพี่เลี้ยงสร้อย เจ้ยก็เจอแหยมบ่อยๆ เข้าเจ้ยเลยมาหลงรักเราหัวปักหัวปำ เจ้ยเป็นคนมุ่งมั่นในความรักที่มีให้กับแหยมมากเลยนะ ไม่ว่าแหยมเค้าจะว่ายังไงก็แล้วแต่ แหยมเค้าจะให้ร้ายป้ายสี กระแทกแดกดัน ประชดประชัน เค้าก็รักของเค้ามุ่งมั่นกับความรักของเค้ามาก แต่ความรักของทั้ง 2 คู่นี้ถูกกีดกันจากคุณนายดอกท้อ ป้าดอกท้อจะคอยขัดขวางทุกวิถีทาง ป้าดอกท้อเค้าไม่ชอบทองเพราะเค้าอยากให้สร้อยได้รักกับคนที่มีฐานะใกล้เคียงกัน คือทางบ้านของสร้อยและป้าดอกท้อรวยที่สุดในตำบล ออกเงินกู้อะไรพวกนี้ ป้าดอกท้อก็พยายามจะบอกหลายว่าอย่าไปรักกับมันเลยไอ้ทองน่ะ คนในหมู่บ้านชอบสร้อยก็เยอะแยะทำไมไม่ไปชอบเค้า แล้วความรักของทั้งสองคู่นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น (2548/2005) รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ รุ่นไหน ก็อลวน ปัจจุบัน ตั้ม (ไพโรจน์ สังวริบุตร) อดีตหนุ่มน้อยหน้าคม กับ โอ๋ (ลลนา สุลาวัลย์) สาวน้อยเจ้าแง่แสนงอน ยังรักกันแนบแน่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือวัยและน้ำหนักตัว ตั้มในวัยเฉียด 50 เป็นทนายหนุ่มใหญ่ ที่ลักยิ้มและเขี้ยวเสน่ห์ยังเขย่าหัวใจสาวๆ ได้เสมอ ส่วน โอ๋ กับรอบเอวที่เพิ่มพูนขึ้นหนึ่งเท่าตัว เป็นแม่บ้านที่น่ารัก อบอุ่น ของ ใบตอง (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) ลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ กับ หนามเตย (วศิษฏ์ ผ่องโสภา) ลูกชาย ม. 6 ที่รักสวยรักงามจนน่าหวาดเสียว วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ตั้มและสมาชิกในครอบครัว พ่วงด้วย ป้าอ้อ (จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา) พี่สาวของโอ๋ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับตั้มมานานปี วางแผนขับรถขึ้นไปเซอร์ไพร์สวันเกิดให้ใบตอง โดยที่ไม่รู้เลยว่า แม่ลูกสาวตัวน้อยของพ่อ มีแฟนเป็นไอ้หนุ่มวิจิตรศิลป์ผมยาวนามว่า วิชาญ (รังสิต ศิรนานนท์) อยู่ที่นั่น ซ้ำร้ายเจ้าหนามเตยลูกแม่ ก็ดันหมายเอาวาระรวมญาตินี้ เป็นวันเปิดเผยตัวตนเสียด้วย ตั้มยังแอบไปหา คุณนิด (พจนีย์ อินทรมานนท์) กิ๊กเก่าที่ไปเปิดร้านอาหารที่เชียงใหม่ แต่บอกโอ๋ว่า แวะไปหาแอ๊ด (จีรศักดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) เพื่อนเก่าที่สอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อความแตก โอ๋ก็อาละวาดบ้านแตก เหมือนในหนังภาคก่อนๆ
มือปืนเก๋าเจ๋ง (2548/2005) ท่ามกลางบรรยากาศความวุ่นวายจากสถานการณ์นองเลือดระหว่างผู้มีอิทธิพล 3 กลุ่มในเมืองหลวง เรื่องราวเริ่มต้นที่สองหนุ่มเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ "สง" นักฆ่ามือเก๋าตัวจริงเสียงจริงมาดดุดันเด็ดขาด ฆ่ามาแล้วเกือบร้อยศพ พ้นกำแพงคุกไม่ทันข้ามวันก็รับงานใหม่สุดหินหมายสังหาร "ป๋าปื๊ด" หนึ่งในผู้มีอิทธิพลคนดังของนครหลวง แต่ด้วยเหตุศัตรูเก่าตามมาล้างแค้นกระหน่ำสงซะเดี้ยงปางตายเลยต้องโยนภาระหนักอึ้งให้กับอีกหนุ่มที่พ้นโทษมาด้วยกัน "เคี๊ยบ" หนุ่มหน้โหดแต่ใจไม่เหี้ยมผู้ที่ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเป็นคนดับ "เฮียเก๊า" ดาวดังของวงการเมื่อหลายปีก่อทั้งที่เรื่องจริงเป็นเหตุบังเอิญสุด ๆ เคี๊ยบจำต้องรับงานฆ่าเจ้าพ่อชื่อดังอย่างตกกระไดพลอยโจน เพราะต้องแบกภาระในการหาเงินค่าเทอมโคตรเแพงให้ลูกที่เรียนโรงเรียนนานาชาติ แล้วไหนจะค่ารักษาสงที่นอนเดี้ยงอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนหน้าเลือดอีก โดยเคี๊ยบได้ "แปะยิ้ง" ไอ้ตี๋วัยโจ๋ที่ฝันอยากจะเป็นผู้กำกับหนังฮอลลีวูดในวันข้างหน้า แต่วันนี้ขอเริ่มเข้าวงการด้วยการผลิตหนังประเภทแอบถ่ายใต้สะดือ แถมยังหนักไปทางพูดมากกว่าลงมือทำได้จริงมาเป็นผู้ช่วย ปฏิบัติการ "เก๋า+เจ๋ง" จึงเริ่มต้นด้วยเงื่อนไขกำหนดเวลา 5 วัน ก่อนจะถึงเที่ยงคืนวันเพ็ญเดือน 12 อันเป็นฤกษ์ที่ถูกย้ำนักย้ำหนาจาก "อาจารย์คง" เกจิชื่อดังว่าเหมาะแก่การปาณาติบาตอย่างยิ่ง 5 วันจะชี้ชะตาว่าจะรอดหรือม้วย ทั้งหมดต้องทำทุกทางวางแผนทุกอย่างเพื่อฝ่าด่านสมุนหน้าเหี้ยมฝีมือโหดไปเก็บป๋าปื้ดให้ได้ งานนี้ถึงเคี๊ยบจะปอดแหกหัวจะหด ก็มีแต่ต้องใส่เกียร์เดินหน้าไม่มีถอยหลังถอดใจ เพื่อลูก เพื่อเมีย เพื่อเพื่อน เพราะฉะนั้น "มันไม่มอดก็เราม้วย"
พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า (2548/2005) หลังเกิดเหตุระเบิดถล่มกลางกรุง จนเป็นเหตุให้กระเทยหัวแห้วนางหนึ่ง ตายอนาถคาร้านทำผม ทางการได้สืบทราบข่าวมาว่าคนร้ายเตรียมระเบิดครั้งต่อไป ในอีก 3 วันข้างหน้า นายตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษ สุภาพ (รับบทโดย เทพ โพธิ์งาม), พิทักษ์ (รับบทโดย ค่อม ชวนชื่น) และ สันติ (รับบทโดย จิ้ม ชวนชื่น) ได้รับมอบหมายให้แฝงตัว เข้าไปในโรงพยาบาลบ้าแห่งหนึ่ง แล้วประทานโทษ... นางพยาบาลที่นี่สวยอย่าบอกใคร โดยเฉพาะคนที่ชื่อ เกวลิน (รับบทโดย ซาร่า มาลากุล เลน) ช่วงเวลาเดียวนั้น หมอผี (รับบทโดย หน่อย ชวนชื่น) นายหนึ่ง เดินทางตามหม้อแม่นาคมาจนถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ เช่นเดียวกับชาวกระเหรี่ยงกลุ่มเอฟโฟว์ นำโดย จ่อมุข (รับบทโดย จตุรงค์ ม๊กจ๊ก) ก็วางแผนปล้นสถานที่ ..ที่ไม่มีใครคาดคิด การแฝงตัวเข้าในโรงพยาบาลบ้าของกลุ่มคนทั้งสาม ในรูปแบบต่างๆ จึงเกิดขึ้น เพื่อปฎิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ (ซะเหลือเกิน) ของพวกตนให้สำเร็จลุล่วงภายในสามวัน ความชุลมุนของสามพยัคฆ์ร้ายจะคลี่คลายประการใด ใครจะได้หัวใจสาวสวยไปครอง? มือระเบิดปริศนาจะเปิดเผยตัวหรือไม่? เตรียมพบกับปฏิบัติการสะท้านความฮา ที่พยัคฆ์ร้ายต้องส่ายหน้า ชาวประชาต้องหงายหลัง!
มหา’ลัยเหมืองแร่ (2548/2005) ปี พ.ศ. 2492 โชคชะตาของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ได้นำพาให้เขาต้องเดินทางข้ามฟาก จากโลกศิวิไลซ์ในเมืองหลวง ไปสู่อีกโลกหนึ่งอันไกลแสนไกล อาจินต์ ปัญจพรรค์ ในวัย 22 ปี คือเด็กหนุ่มคนนั้น เขาถูกรีไทร์จากคณะวิศวะฯ ปี 2 ...นั่นเองเป็นจุดสิ้นสุด ของความเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกัน มันคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปสู่การเรียนรู้ชีวิตจริง ที่ไม่สามารถเรียนรู้จากตำราเล่มไหน มันไม่ได้มีวางขายทั่วไปและหาซื้อได้ด้วยเงิน มันต้องแลกด้วยเวลาและหัวใจ ...สู้ - ท้อแท้, สนุก - เศร้า, พบ - จาก... อาจินต์ในเวลานั้น ขณะที่เขานั่งอยู่บนรถขนหมูที่วิ่งจากภูเก็ตไปพังงา ยังไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่รู้จักกระทั่งสถานที่ที่เขากำลังจะไป สำหรับเขา จ.พังงา อ.ตะกั่วทุ่ง ต.กระโสม เคยเป็นเพียงสถานที่อันไม่มีความสำคัญใดใด แม้เพียงจะจุดลงบนแผนที่ แต่ในวันนี้ มันกำลังจะกลายเป็นสถานดัดสันดาน ที่ถูกพ่อส่งให้ไปอยู่ อาจินต์มาถึงเหมืองกระโสม ที่นี่เขาได้พบและสัมภาษณ์งานกับ นายฝรั่ง (แอนโทนี โฮวาร์ด กูลด์) และนายฝรั่งก็รับเขาเข้าทำงาน ในตำแหน่งที่นายฝรั่งเรียกว่าเป็น 'สมุดพก' ให้กับแก นั่นหมายถึงการฝึกงาน การติดตามนายฝรั่ง และทำงานแทนคนงานที่ขาดงาน อาจินต์ภูมิใจกับงานที่ได้รับ และที่นี่ - วันนี้ - ชีวิตปี 1 ใน มหา'ลัย เหมืองแร่ ได้เริ่มขึ้นแล้ว... เขาจะทำอย่างไรจึงจะเป็นน้องใหม่ที่ดีของที่นี่ได้ เขาจะทำอย่างไรจึงผ่านชีวิตในสถาบันแห่งนี้ได้ เหมืองกระโสม ทิน เดรดยิง อาจจะเป็นเพียงมหา'ลัยที่เขาได้ความภูมิใจแทนปริญญา หาได้มีไว้เพื่อความโก้หรือโอ้อวดกับใครไม่ ผิดไหมที่เขาจะภูมิใจกับเกียรติยศ ..ที่เขาขุดมันขึ้นมาด้วยตนเอง
ก็เคยสัญญา (2548/2005) สาเหตุที่ความรักของคุณต้องเป็นแบบนี้ ก็มาจากชาติก่อน ๆ โน้น ที่คุณ เคยสัญญา สาบานกับใครไว้ มันถึงได้ตาม มาราวีคุณ ทุกชาติทุกชาติไป.. ..แม้แต่ชาตินี้ ก็ไม่เว้นหรอก.. นิกร" เรื่องราวแต่ชาติปางก่อน ของ นิกร (โอ - วรุฒ วรธรรม) กำลังถูกไล่เรียงขึ้นมา จากวิธีบำบัด ด้วยการสะกดจิต และแล้ว... "โอ๊ย.. ไม่ไหวละมั๊ง มีตั้งสิบหกสิบเจ็ดชาติ ยิ่งผ่านเข้ามา เนื้อคู่ของผมก็ยิ่งพิสดารไปเรื่อยๆ..." ดังนั้น นิกร จึงตัดสินใจ เลือกเพียง 4 ชาติ ที่เป็นหัวใจ ต้นเหตุแห่งคำสัญญา สาบาน มาให้เราๆ ท่านๆ ได้สัมผัส ณ บัดนี้..
7 ประจัญบาน 2 (2548)

เรื่องย่อ : 7 ประจัญบาน 2 (2548/2005) ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นแพร่ขยายอำนาจและอิทธิพล ไปทั่วเอเชียอาคเนย์ ทำให้ทางการไทยมอบหมายงานชิ้นสำคัญผ่านมายัง ผู้กององอาจ (ประกาศิต โบสุวรรณ) ให้เหล่า 7 ประจัญบาน ปฏิบัติภารกิจลับ สำคัญระดับสุดยอดของประเทศ ตรวจสอบพฤติกรรมอันน่าสงสัยของ สุริยะ เอบาต้า (ฮิโระ ซะโนะ) ที่คาดว่าอาจจะเป็นสายลับของทางการญี่ปุ่น ที่มาในคราบของนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทย แต่กลับกลายเป็นว่า ภารกิจดังกล่าวหาได้สำเร็จลุล่วงง่ายดายอย่างที่คิดไม่ เมื่อผู้นำของ 7 ประจัญบาน อย่าง จ่าดับ จำเปาะ (พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง) กลับพลาดพลั้งทำให้ ผู้พันทีเคดะ (โยโกสุกะ ชิโอยะ) พ่อของสุริยะเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ ทำให้เหล่า 7 ประจัญบานกลายเป็นบุคคลต้องห้าม ที่ นายพลนากามูระ (Masayuk Todoroki) ผู้นำทัพของญี่ปุ่นโกรธแค้น และยื่นคำขาดให้ทางการไทย ส่งตัวจ่าดับและพรรคพวกทั้ง 7 มาสำเร็จโทษประหารชีวิต เป็นเหตุให้ประจัญบานทั้ง 7 ต้องรับมือกับทั้งทางการไทย และเหล่าทหารญี่ปุ่น รวมทั้งกลุ่มมือสังหารที่ถูกส่งตรงมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของ 7 เซียนซามูไร จนต้องระหกระเหินไปร่วมกับกลุ่มพี่น้องไทยจีน ที่ร่วมกันต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งมีหน้าฉากคือคณะนักแสดงงิ้วที่มีชื่อเสียงของเตี่ยตังกวย เกิดเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่ของ 7 ประจัญบาน ที่ครั้งนี้ต้องทาหน้าขาวแต่งชุดงิ้ว รำพลองตะลุยกองทัพญี่ปุ่น เหินขึ้นฟ้าเผชิญหน้ากับกองบินกามิกาเซ่ของญี่ปุ่น ภายใต้ฉากไฮไลท์สุดอลังการ กับการเนรมิตสะพานข้ามแม่น้ำแควขึ้นมาอีกครั้ง ในฉากไคลแม็กซ์สำคัญ พร้อมทั้งเปิดเผยที่มา ของกางเกงแดงเชือกกล้วยอันลือลั่นของจ่าดับ รวมถึงเรื่องราวความรักครั้งก่อนของจ่าดับที่มีต่อ นางโฉม (อภิรดี ภวภูตานนท์) และตัวละครสุดคลาสสิก ที่เกิดมาแล้วย่อมไม่แคล้วที่อาจจะกลายเป็น 'คู่กรรม' ของกันอย่าง อังศุมาลย์ (มินท์ - อาทิตยา ดิถีเพ็ญ) และ โกโบต้า (ก้อง - อรรฆรัตน์ นิติพน)

ผมสมชายนะยะ (2548/2005) ก้าน เด็กสาวประเภทสองจากร้อยเอ็ดที่เติบโตมาจากครอบครัวมีฐานะ ความใฝ่ฝันของก้าน อยากจะเป็นเหมือน ฟ้า นางโชว์คาบาเรย์และมีตำแหน่งจากเวทีประกวดความงามระดับประเทศ เมื่อความใฝ่ฝันที่กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูก ตั้งแต่ก้านถูกไล่ออกจากบ้านจึงมา อาศัยอยู่กับ พี่โหน่ง ในกรุงเทพมหานคร และได้เข้ามาทำงานเป็น COSTUME ที่คาบาเรย์โชว์ แห่งหนึ่ง เสมือนเป็นการเริ่มต้นที่ทำให้ความฝันเป็นจริงขึ้นมา แต่ฟ้ากลับไม่ยอมรับที่ก้านได้ก้าว ขึ้นตำแหน่งนางโชว์แสดงร่วมกัน นี่คือโอกาสพิสูจน์ครั้งแรกของชีวิตก้านในการโชว์ ความสามารถ โอกาสที่จะทำให้ทุกคนนั้นเปิดใจยอมรับดาวดวงใหม่ก้าวขึ้นสู่เวทีนางโชว์
นานาช่า (2548/2005) เด็กชายยอดหญ้า หรือ เชียงเป็นเด็กชาวเขากำพร้าที่ได้บาทหลวงโจเซฟดูแล แต่เขามักถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวน้ำความโชคร้ายมาสู่หมู่บ้าน เขาจึงต้องถูกขับออกจากหมู่บ้านไปอยู่โรงเรียนนานาชาติ เขาได้มีโอกาสพบกับเพื่อนคนอื่นมากมาย เมื่อเซียงเข้ามาเรียนวันแรก เพื่อนๆมักมองว่าเขาเป็นคนแปลก เขาอาศัยอยู่กับตาหยอง ภารโรงของโรงเรียนและบูด เด็กผู้ชายอายุคราวเดียวกันที่มักพูดภาษาอีสานทั้งเรื่อง ด้วยความไร้เดียงสาและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้โรงเรียนเกิดความปั่นป่วนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทำถ่อประปาแตกหรือชนต้นไม้ในสวนล้ม แต่นานเข้าเพื่อนๆก็ต่างเอ็นดูเซียงและคอยช่วยเหลือเสมอ เซียงได้มิตรภาพและความสนุกสนานจากโรงเรียนนานาชาติ แต่เขาก็ยังต้องประสบกับโชคร้าย นั่นคือ เขาได้เข้าไปพัวพันกับโจรเรียกค่าไถ่ที่แฝงตัวมาเป็นครูในโรงเรียน เขากับเพื่อนๆ จึงร่วมมือกันหาทางกำจัดโจรนั้น
บุปผาราตรี เฟส 2 (2548)
เรื่องย่อ : บุปผาราตรี เฟส 2 (2548/2005) ออสการ์อพาร์ทเมนต์ ขึ้นชื่อลือชาว่าเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา โดยเฉพาะห้อง 609 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ถึงกับปิดตายทั้งชั้น "รับประกันความเฮี้ยน" จะมีก็แต่แก๊งโจรมือใหม่หัดปล้น และ ทิพย์ สาวตาบอด ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขา ขอเปิดห้องพักหน้าตาเฉย แต่เมื่อคนอยู่ดีไม่ว่าดีดันไปยุ่มย่ามในที่ของผี เจ้าของห้อง 609 อย่าง บุปผา เลยระเบิดแรงอาฆาตตามคำขอ อพาร์ทเมนต์ผีสิงจึงได้อลหม่านฮาแตกอีกครั้ง!! คณะตลกตกอับ ตัดสินใจผันเปลี่ยนอาชีพมาเป็นโจรปล้นธนาคาร พวกเขาหอบเงินหลบหนีตำรวจไปกบดานอยู่ ณ อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งโดยหารู้ไม่ว่ามันคืออพาร์ทเมนต์ผีสิง ระหว่างที่พวกโจรกำลังจะทำการแบ่งเงินกันนั้น พวกเขาพบว่าเงินก้อนนั้นได้หายไปอย่างลึกลับ... พวกโจรออกค้นหาทุกซอกทุกมุมในอพาร์เมนต์ เหลืออยู่แต่เพียงชั้น 6 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ปิดตายไว้ห้ามไม่ให้ใครเข้า โจรทั้งสี่ไม่ฟังคำเตือนออกค้นหาเงินในชั้น 6 จนได้พบว่าเงินซ่อนอยู่ในห้อง 609 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถนำเงินออกจากห้องนั้นได้เพราะถูกผีเจ้าของห้องออกมาหลอกหลอน โจรทั้งสี่จึงต้องคิดหาวิธีเอาเงินออกจากห้อง 609 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะกลัวผีเพียงไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ตำรวจก็เริ่มระแคะระคายแกะรอยโจรทั้งสี่มาถึงอพาร์ทเมนต์แล้ว

หลวงพี่เท่ง (2548/2005) หลวงพี่เท่ง (เท่ง เถิดเทิง) พระหนุ่มเจ้าปัญญา ที่ย้ายมาจำวัดโทรม ๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขณะที่ชาวบ้านเสื่อมศรัทธา ในศาสนาและหลงงมงายในความเชื่อทรงเจ้าเข้าผี ที่อาศรมของท่านเพิ่มเป็นที่พึ่งทางใจ และการขอฝนในฤดูที่แห้งแล้ง หลวงพี่เท่งจึงตั้งปณิธานกับใจตนที่จะพัฒนาจิตใจของชาวบ้าน ไปในทางที่ถูกต้อง โดยมีสองลูกศิษย์สุดเพี้ยนคอยช่วยเหลือ มัคฑายคส่ง ชายวัยกลางคนที่อยู่กับวัดมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับกลัวผีขึ้นสมอง เจ้าเพี้ยนเด็กหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางเพี้ยนหลงรักพะเนียงสาวเจ้าสุดหัวใจ มักแอบมองพะเนียงเวลาทรงเจ้าเป็นประจำ ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่แอบมองพะเนียง เพี้ยนจะถูกทำร้ายกลับมาทุกที อาศรมของท่านเพิ่ม เป็นอาศรมที่เปิดขึ้นเพื่อเอาเงินโดยวิธีทรงเจ้า โดยให้พะเนียงลูกสาวคนสวย ทำหน้าที่เป็นคนเจ้าเข้าทรง พร้อมทั้งพี่หมึก ลูกน้องตัวแสบที่ร่วมขบวนการหลอกเงินชาวบ้าน เมื่อหลวงพี่เท่งเข้ามาสร้างความเชื่อที่ถูกต้อง ชาวบ้านเริ่มศรัทธา อาศรมรายได้ลดน้อยลง ท่านเพิ่มมีอคติและเป็นไม้เบื่อไม้เมากับหลวงพี่เท่ง จึงพยายามกำจัดหลวงพี่เท่ง โดยร่วมมือกับนักพัฒนาตุ๋ย ว่าที่ผู้สมัคร อบต. ชายสองหน้าใช้ท่านเพิ่มเป็นหัวคะแนนในการหาเสียง แลกกับความร่วมมือในการกำจัดหลวงพี่เท่ง โดยการปล่อยข่าว และส่งสมุนไปทำร้ายคนที่เชื่อพระมากกว่าเจ้าพ่อในอาศรม เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ใน หลวงพี่เท่ง

มนต์รักลูกทุ่ง (2548/2005) บุญเย็น (เอกราช สุวรรณภูมิ) ชนะเลิศการประกวดร้องเพลงประจำปี ลุงชื่น (เทพ โพธิ์งาม), แว่น (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) และ บุปผา (อาภาพร นครสวรรค์) ต่างพากันดีใจ บุญเย็นได้เข้าไปร้องเพลงในกรุงเทพ เขามาบอกลา คล้าว (นันทวัฒน์ อาศิรพจนกุล) และ ทองกวาว (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) ทั้งคู่ต่างดีใจกับบุญเย็น คล้าวรักอยู่กับทองกวาว แต่กลัวจะไม่สมหวังเพราะคล้าวจน ที่นาก็จำนองกับ จอม (กรุง ศรีวิไล) แต่ทองกวาวยืนยันในรักมั่น คล้าวสัญญาว่าถ้าขายข้าวได้จะไปหมั้นทองกวาว จอมมาทวงหนี้คล้าว คล้าวไม่มีให้ จอมจึงยึดที่นา ทองกวาวจึงเอาเงินที่มีอยู่มาให้คล้าวใช้หนี้ จอมโกรธที่ยึดที่นาของคล้าวไม่ได้ จึงไปต่อว่า ทองก้อน (ไพโรจน์ ใจสิงห์) และ ทับทิม (ดวงชีวัน โกมลเสน) พ่อแม่ของทองกวาว ทองก้อนและทับทิมจึงส่งทองกวาวไปอยู่กับ ป้าทองคำ (น้ำเงิน บุญหนัก) ที่กรุงเทพ โดยให้บุปผาและ หมึก (ตูมตาม เชิญยิ้ม) ไปดูแล ทองกวาวได้รู้จักกับ ธรรมรักษ์ (โอลิเวอร์ บีเวอร์) หลานของป้าทองคำ ซึ่งป้าทองคำหวังจะให้หลานทั้งคู่แต่งงานกัน เพื่อสมบัติจะได้ไม่ตกเป็นของคนอื่น คล้าวเศร้าโศกเสียใจที่น้ำท่วมทุ่งนาข้าวเสียหาย ได้บุญเย็น ลุงชื่น และพวกคอยปลอบ ลุงชื่นบอกบุญเย็นให้ตามหาทองกวาว บุญเย็นพบทองกวาวที่กรุงเทพและบอกเรื่องคล้าว ทองกวาวขอให้บุญเย็นบอกคล้าวให้ไปสู่ขอ ทองกวาวจะได้กลับบ้านซะที คล้าวดีใจไปยืมเงิน หมู่น้อย (เจี๊ยบ เชิญยิ้ม) ซื้อทองสองสลึงไปหมั้น พ่อแม่ทองกวาวไล่ส่ง เรียกค่าสินสอดสิบหมื่น ธรรมรักษ์เสียการพนัน หวังจะหลอกเอาเงินป้าจึงทำเป็นชอบทองกวาว โดยให้เพื่ออนชื่อ ธีระ (โจอี้ บาซู) หัวหน้าวงดนตรีมากันบุปผา ทั้งหมดเดินทางมาบ้านทองกวาว ด้วยความคิดถึงทองกวาวรีบมาหาคล้าว แต่พบอยู่กับ สายใจ (ไอริน จันยดา) ทำให้ทองกวาวเข้าใจผิด ทองกวาวจึงตกลงหมั้นกับธรรมรักษ์ ทองก้อนดีใจรีบไปป่าวประกาศว่า จะหมั้นลูกสาวด้วยเงินและทองมากมาย บุญเย็นพา ฤทัย (ทอฝัน จิตธาราทิต) เมียของธรรมรักษ์มาบ้านทองกวาว ธรรมรักษ์โกรธมาก บอกฤทัยเป็นนักร้องในวงธีระ ฤทัยแกล้งตีสนิทกับคล้าวเพื่อให้ธรรมรักษ์หึง เรื่องจึงแดงออกมา ป้าทองคำไล่ธรรมรักษ์และเมียกลับไป ข่าวการหมั้นของทองกวาวกับธรรมรักษ์ที่ทองก้อนประกาศไปเข้าหู เสือทุม (ฤทธิ์ ลือชา) เสือทุมจึงวางแผนปล้นแต่ไม่ได้อะไร จึงจับตัวทองกวาวและป้าทองคำไปเรียกค่าไถ่ คล้าวและตำรวจตามไปช่วยไว้ ป้าทองคำเป็นเถ้าแก่สู่ขอทองกวาวให้คล้าว ซึ่งพ่อทองก้อนและแม่ทับทิมไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งคู่จึงแต่งงานกัน...
จี้ Andaman Girl (2548/2005) เรื่องราวของ พี (อัมรินทร์ นิติพน) อดีตผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ถึงคราวดวงตกแบบสุดๆ ต้องจับพลัดจับผลูมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โป๊ โดยได้ จี้ (ศุภักษร ไชยมงคล) หญิงสาวสุดเซ็กซี่ มาเป็นนางเอก ส่วนพระเอก คือ ม้าจอมพลัง (นิรุติ สาวสุดชาติ) ผู้ชอบฟันนางเอกเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อทุกอย่างพร้อมเปิดกล้อง กองถ่ายหนังโป๊ของพีก็เริ่มถ่ายทำ ทีมงานทุกคนตั้งความหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าจะได้กลับมาในวงการอีกครั้ง แต่พีเกิดตกหลุมรักจี้เข้าอย่างจัง ซึ่งพีรู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้จบลงได้ นอกจากนี้ จี้ยังมีโรคประจำตัวคล้ายฮีสทีเรีย มักจะมีอาการกำเริบเป็นระยะ ๆ อีกด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่พีและทีมงานทุกคนไม่รู้ คือ จี้ นางเอกแสนเซ็กซี่ของพวกเขาเป็นลูกสาวเจ้าพ่อโหด ซึ่งหลบหนีการแต่งงานมา เจ้าพ่อประกาศกร้าวว่า "ใครทำเยื่อพรหมจรรย์ของลูกสาวขาด ผู้นั้นจะต้องตาย!!" ชะตากรรมของกองถ่ายดวงกุดจะเป็นยังไง เตรียมลุ้นกับภาพยนตร์รัก สนุก เสี่ยงตาย ได้ใน จี้
Happy Inn โรงเตี๊ยม (2548/2005) เรื่องราวเริ่มต้นจากโรงเตี๊ยมเก่าๆ แห่งหนึ่งที่ซึ่งไม่มีคนมาใช้บริการแต่มีคนอาศัยอยู่ 3 คน คือป้าแต๋ว เจ้าของโรงเตี๊ยม โหน่ง และ จอร์ด โรงเตี๊ยมแห่งนี้จึงกลายมาเป็นที่นัดหมายของคน 3 กลุ่มที่มีจุดหมายแตกต่างกัน ริต้ายอมหลับนอนกับเสี่ยติ่ง เพื่อเช็ค 5 ล้านบาท ต่อมาเมื่อเมียหลวงของเสี่ยรู้ จึงจ้าง 2 นักสืบมาตามเก็บภาพไปแบล็คเมล์ ส่วนกลุ่ม3 โจร ได้เดินทางมาเอาเงิน 10 ล้านที่ซ่อนไว้ในโรงแรมนี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 2 นักสืบที่ได้ยินคำสั่งแล้วไปทำผิดจาก " เก็บภาพมาให้ได้ " เป็น " เก็บมาให้ได้ " แล้วเงิน 10 ล้านที่ซ่อนไว้ของสามโจรหายไปจากที่ๆ ควรจะอยู่ เรื่องราวเริ่มวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีสพชัย จอมซวยเข้ามาพักในโรงแรมนี้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย แล้วยังมีจอร์ด บริกรปัญญาอ่อนผู้ทำให้เรื่องสับสนอลหม่านไปหมด
คนหอนขี้เรื้อน ในคืนเดือนเสี้ยว Werewolf in Bangkok (2548/2005) สิงห์ (ทศพร รถกิจ) กับ ใหญ่ (จ๊อด เชิญยิ้ม) กำลังล่าหมาป่าตัวสุดท้ายที่กัด เดือน (ปริญญาทิพย์ หนูเทศ) เมียสาวของสิงห์ที่ท้องแก่ ที่ตึกต้องห้ามมี ตาย้อย(โย่ง เชิญยิ้ม)กับหลาน ชื่อ อนิรุธ (สายัณห์ ดอกสะเดา) อาศัยอยู่ เป็นทายาทหมาป่าตัวสุดท้าย ที่ยังวัยเยาว์จึงถูกตาย้อยกักขังล่ามโซ่ไว้อย่างปลอดภัย ภายในห้องลับ ๆ ภายในตึกจึงเป็นที่มาของตึกต้องห้าม ซึ่งไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป แม้กระทั่งซอยที่เป็นที่ตั้งของตัวตึกก็ยังไม่มีใครกล้าเดินเฉียดเข้าไป คงมีแต่ แฟร้งค์ (โหน่ง ชะชะช่า)หนุ่มคุ้ยเขี่ยเท่านั้นที่หนีการไล่กระทืบจาก น้าแดง(ค่อม ชวนชื่น)กับถั่วดำ (สังข์ ดอกสะเดา)เข้ามาหลบภัยในซอยต้องห้ามและรอดตัวได้ทุกครั้ง แต่แล้วครั้งสุดท้ายนี้เอง ที่แฟร้งค์ไม่สามารถออกจากซอยได้ เนื่องจากน้าแดงกับไอ้ถั่วดำเฝ้าอยู่ปากซอยแฟร้งค์จึงหลบเข้าไปในตัวตึกต้องห้าม และคืนนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง จึงโดนอนิรุธ ผู้กลายร่างเป็นหมาป่ากัดเข้าที่ต้นคอ แฟร้งค์หนีออกมาได้ด้วยความงุนงง ขุนเดช(สมเล็ก ศักดิกุล) หัวหน้าแก๊งค์คุ้ยเขี่ยผู้ฉ้อฉลและมี ขุนหนวก(สุเทพ สีใส)เลขาประจำตัวขุนเดชทราบเรื่องที่น้าแดงกับไอ้ถั่วดำไม่สามารถนำตัวแฟร้งค์มาร่วมแก๊งค์ได้ เนื่องจากแฟร้งค์หนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในซอยต้องห้ามทุกครั้ง ขุนเดช จึงมอบหน้าที่นี้ให้กับ ฉู่ฉี่(เดบาร่าห์ ซี)ดำเนินการต่อ ฉู่ฉี่ หญิงสาววัย 18 ปี ที่ทั้งห้าวและบ้าบิ่นมีความสนิทสนมกับแฟร้งค์อยู่แล้ว จึงเข้ามาชักชวนแฟร้งค์ให้เข้าแก๊งค์ แต่แฟร้งค์ไม่ยอมเพราะกลัวขุนเดชขี้โกง ฉู่ฉี่สังเกตเห็นแฟร้งค์มีพฤติกรรมคล้ายหมาขึ้นทุกที จนฉู่ฉี่แปลกใจแต่แฟร้งค์ก็ปฏิเสธทุกครั้งไป สิงห์กับใหญ่ก็ว่าจ้างให้ขุนเดชกับพวกแก๊งค์คุ้ยเขี่ยช่วยสืบหาตัวหมาป่า คืนนี้เดือนเสี้ยวแฟร้งค์ เกิดอาการเจ็บปวดขึ้นตามร่างกายและกลายร่างเป็นหมาป่าในที่สุด แต่สารรูปกลับไม่เหมือนหมาป่าตามตำนาน แต่กลับเป็นหมาป่าขี้เรือน ในขณะที่ฉู่ฉี่โดนพวกน้าแดงกับไอ้ถั่วดำฉุดกระชากหมายจะปลุกปล้ำ พอดีที่แฟร้งค์กลายร่างเป็นหมาป่าขี้เรื้อนและตามไปช่วยฉู่ฉี่ไว้ได้ น้าแดงไอ้ถั่วดำจึงแจ้งพวกขุนเดช สิงห์ใหญ่และพวกแก๊งค์ คุ้ยเขี่ยให้บุกเข้าไปในตึกต้องห้าม และพบตาย้อยกับอนิรุธ แต่อนิรุธหนีไปได้และสวนกันกับแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนสิงห์กับใหญ่และคนอื่น ๆ คิดว่าแฟร้งค์เป็นหมาป่าขี้เรื้อน เป็นตัวที่กัดเดือนจึงตามล่าเอาชีวิตเพื่อควักหัวใจไปให้เดือนกินแต่ขุนเดชไม่ได้ตามไปแต่กลับจับอนิรุธที่ร่างกายอ่อนแอหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณหน้าตึก ต่อมาฉู่ฉี่คิดว่าแฟร้งค์เป็นหมาป่าขี้เรื้อนจึงมาพบตาย้อยเพื่อให้ช่วยรักษา แต่อนิรุธถูกขุนเดชจับตัวไป ฉู่ฉี่กับ ตาย้อย จึงแอบเข้าไปช่วยอนิรุธออกมาได้ ขุนเดชรู้โกรธมากจึงกลายร่างเป็นหมาป่าและตามล่าตัวอนิรุธ ส่วนสิงห์กับใหญ่ก็ตามล่าแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนอย่างกระชั้นชิด แล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่ออนิรุธที่ร่างกายอ่อนแอกับแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนวิ่งชนกันจังเบ้อเริ่มและกลายร่างเป็นหมาป่าที่ทั้งสูงทั้งใหญ่และน่ากลัว ทำให้ฉู่ฉี่ถึงกับตะลึงกับภาพที่เห็นสิงห์กับใหญ่จำหมาป่าขุนเดชได้และรู้ความจริงว่าขุนเดชคือหมาป่าที่ตัวเองล่าอยู่
แจ๋ว (2547/2004) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของบ้านเมือง ที่ดูเหมือนจะเติบโตอย่างรวดเร็วแต่ไร้การควบคุม เปิดโอกาสให้มีการหาประโยชน์โดยมิชอบได้ง่ายดาย ประเสริฐ (สมชาย ศักดิกุล) อดีตผู้กำกับการกองปราบ ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องของความตรง ที่ลาออกจากราชการตำรวจก่อนเวลาเกษียณไม่นาน ได้รับการแต่งตั้งอย่างลับๆ โดยตรงจากนายกรัฐมนตรี ให้มาจัดตั้งและควบคุมหน่วยงานพิเศษ คอยสืบสวนและรวบรวมหลักฐานการสมคบหรือสมรู้ร่วมคิด ในการหาผลประโยชน์จากรัฐบาลโดยมิชอบ ซึ่งหลายกรณี มักจะเกิดจากคนระดับสูงในรัฐบาลนั่นเอง ซึ่งสองปีที่ผ่านมา ประเสริฐได้ช่วยป้องกันและแก้ปัญหาให้บ้านเมือง โดยไม่ออกหน้าได้หลายครั้ง แต่ปฏิบัติการครั้งล่าสุดนี้ ซับซ้อนกว่าที่ใครคาดคิดไว้นัก ระหว่างการดักฟังการพบกันของ สง่า นักการเมืองระดับสูง, โสภณ (เกษียร จารุสมบูรณ์) นักธุรกิจระดับเจ้าสัวและ ชัยสิทธิ์ (พงศนาถ วินศิริ) เจ้าของเครือข่ายสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุด ที่มีข่าวลือหนาหูถึงสายสัมพันธ์ ที่ก่อให้เกิดการผลักดันการเปิดบ่อนเสรี เกิดความผิดพลาด ทำให้ประเสริฐต้องสูญเสียสายลับมือดีไป เพราะรถกำลังเสริมเกิดอุบัติเหตุชนคน ทำให้เข้าไปช่วยคนของเขาไม่ทันเวลา ประเสริฐต้องรับภาระอุปการะ แวว (เบนซ์ - พรชิตา ณ สงขลา) ที่โดนรถหน่วยงานของเขาชนด้วยความสงสาร เนื่องจากเธอเป็นสาวชาวอีสานที่เข้ากรุงเทพฯ มาทำงานตามบ้าน แต่เพิ่งถูกไล่ออกกำลังจะไปหาพี่สาว แต่ยังไม่ทันถึงไหนก็ถูกรถชนเสียก่อน ประเสริฐซึ่งอาศัยอยู่กับภรรยาสาวนามว่า สิริขวัญ (รัศมี ทองสิริไพรศรี) ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง ก็เลยรับไว้ทำงานบ้านเสียเอง ในงานโชว์เครื่องเพชรคอลเล็คชั่นใหม่ ที่บ้านคุณหญิงไฮโซคนหนึ่ง ดูเหมือนว่า คุณสิริขวัญจะเป็นหญิงสาวที่วงการไฮโซ และนักธุรกิจรุ่นใหม่จับตามอง ด้วยรูปกายและความสามารถ และพากันซุบซิบสงสัยว่า เธอเห็นอะไรดีในตัวประเสริฐ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจแก่ๆ คนหนึ่ง ที่งานนี้เองประเสริฐได้เห็นความสามารถอีกด้านหนึ่ง ของบรรดาคนรับใช้ซึ่งติดตามนายของตนมา แล้วพากันมาชุมนุมเม้าท์แตกกัน โดยเฉพาะจากแวว และ จิ๋ม (จารุภัส ปัทมะศิริ) พี่สาวของแวว นั่นคือความช่างสังเกต สอดรู้สอดเห็น และการได้รับความไว้วางใจให้ถือกุญแจ และเข้านอกออกในได้ทุกพื้นที่ของบ้าน ประเสริฐจึงเกิดพุทธิปัญญา และนั่นคือที่มาของเหล่า แจ๋ว ขบวนการคนใช้พยัคฆ์ร้าย แววและจิ๋มถูกทาบทามจากประเสริฐให้ทำงานเพื่อชาติ ซึ่งสองพี่น้องก็ยินดีเนื่องจากผลตอบแทนสูง และเข้าใจว่ามันคงสนุกเหมือนกับที่เห็นในละคร อีกทั้งแววยังรู้สึกรับผิดชอบต่อสายลับที่จากไปเพราะตน และที่สำคัญที่สุด แววและจิ๋มรู้ดีว่า บ่อนมันสร้างหายนะให้กับชาวบ้านตาดำๆ แค่ไหน ทั้งคู่ถูกส่งไปเป็นคนใช้ที่บ้านโสภณ โดยที่ต้องฝังตัวจนได้รับความไว้ใจ จากนั้นประเสริฐจึงจะส่งคำสั่งต่อไปมาให้ โดยผ่าน สมร พ่อค้าส้มตำที่เป็นสายให้ประเสริฐเหมือนกัน ที่บ้านของโสภณ แววและจิ๋มใหญ่ใช้ความเป็นแจ๋วมืออาชีพ ปรนนิบัติ ดูแลบ้านช่องจนเป็นที่พอใจของโสภณและ มาดามเอ็มม่า (บอนนี่ เซลเลอร์แบ็ค) แม้ว่าจะต้องมีเรื่องปีนเกลียวอยู่กับ จิ๋มดำ (ปาณิสรา พิมพ์ปรุ) และ ปุ๊กกี้ (ปวีณ์นุช แพ่งนคร) อีกหนึ่งสาวใช้ที่อยู่มาก่อนก็ตาม การทำงานเพื่อชาติกำลังจะเริ่มต้น แววและจิ๋มต้องเข้าไปขโมยข้อมูลหลักฐานการติดสินบนให้รัฐมนตรี เพื่อผลักดันเสนออนุญาตให้เปิดบ่อนเสรีจากตู้เซฟ แต่แล้วทั้งสองก็ถูกจับได้เสียก่อน โดย เอ๋ (พนาลักษณ์ ณ ลำปาง) คนใช้สาวเหนือ ผู้หลบหนีการตกเขียวมาจากบ้านเกิด และ แคท (จารุณี บุญเสก) สาวใช้ชาวพม่า เมื่อทั้งสองรู้ว่าแววและจิ๋มทำงานลับอยู่ ก็ขอเข้าร่วมขบวนการด้วย เพื่อแลกกับการที่เอ๋จะได้เอาเงินไปช่วยพ่อแม่ และแคทจะได้โอนสัญชาติเป็นไทย จะได้ไม่ต้องวิ่งหนีระเบิดอีก แต่ปฏิบัติการนี้มันง่ายๆ อย่างที่สี่แจ๋ววาดฝันเอาไว้หรือ การหาหลักฐานที่บ้านโสภณเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ทั้งสี่ยังต้องผจญภัยกับสิ่งที่ไม่คาดฝันอีกมากมาย พร้อมกับเวลาที่มีอยู่ก็เหลือน้อยลงไปทุกที การเผชิญหน้ากันระหว่างนายจ้างและสาวใช้ โดยมีอนาคตของประเทศชาติเป็นเดิมพัน เพิ่งเริ่มต้นยกที่ 1 เท่านั้น
ขุนกระบี่ ผีระบาด (2547/2004) เมื่อไวรัส SARS สายพันธุ์ใหม่ แพร่กระจายข้ามทวีปสู่ประเทศไทย ซูเปอร์แมนนอนป่วย สไปเดอร์แมนไม่ว่าง แบตแมนรถเสีย “ขุนกระบี่” (ต๊อก ศุภกรณ์) ฮีโร่รับจ้างสัญชาติไทยแท้ และ “โคตรขุนกระบี่ชาเขียว” (เทพ โพธิ์งาม) จำต้องชักกระบี่ออกปกป้องโลกอีกครั้ง และครั้งนี้มีความฮาและมันส์เป็นเดิมพัน ระหว่าง “ไวรัสซาร์ส์รุ่น 4 / สาวเซ็กซี่ / ผีดิบ / ซอมบี้ / งูยักษ์ / ระเบิดเวลา / รัฐมนตรี” ทั้งคู่จะจัดการกับอะไรก่อน หากทายไม่ถูก ไปหาคำตอบได้ใน “ขุนกระบี่ ผีระบาด” เกิดโรค “ไวรัส SARS รุ่นที่ 4” เป็นไวรัสกลายพันธุ์ร้ายแรงที่สุดที่เคยค้นพบกำลังระบาดอย่างหนักในทวีปแอฟริกา ผู้ที่ติดเชื้อร้ายแรงจะมีสภาพไม่ต่างจากผีดิบหิวกระหาย แมลงสาบตัวหนึ่งนำเชื้อนั้นบินร่อนข้ามน้ำข้ามทะเลจากทวีปแอฟริกามาถึงประเทศไทย “ด็อกเตอร์ไบรอัน ทอมสัน” (แอนดรูว์ บิ๊กส์) ผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกาที่กำลังคิดค้นและวิจัยเรื่องวัคซีนแอนตี้ไวรัสในประเทศไทย แต่หมองูตายเพราะงู ดร.ไบรอันจึงพลาดท่าได้รับเชื้อ SARS เข้าไปเต็มๆ “หลิว” (บอลลูน พินทุ์สุดา) ลูกสาวคนสวยของ “เฮียเหลา” (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) เจ้าพ่อคนดังแห่งกทม. ถูก “โจรกลุ่มหนึ่ง” (สมเล็ก ศักดิกุล, ปื๊ด แบล็กแคต และสมุนอีก 2 หน่อ) ลักพาตัวมากักขังเอาไว้เพื่อแลกกับเงินค่าไถ่ “อ.เทพลีลา” (เทพ โพธิ์งาม) โคตรขุนกระบี่ชาเขียวฮีโร่ปลดระวางในฐานะเพื่อนเก่าแก่ของเฮียเหลาได้รับการติดต่อให้มาชิงตัวหลิวคืน แต่เนื่องด้วยอ.เทพลีลาได้ประกาศวางมือถอนตัวออกจากวงการแล้ว ฮีโร่รับจ้างนาม “ไอ้ขุน” (ต๊อก ศุภกรณ์) ขุนกระบี่สายพันธุ์ใหม่ในฐานะศิษย์รุ่นสุดท้ายจึงถูกส่งตัวมาที่คอนโดฯ นี้ เพื่อจัดการกับเหล่าโจรกระจอกกลุ่มนั้น และนำตัวหลิวกลับคืน แต่ทว่าสิ่งที่กำลังรอคอยขุนกระบี่ อยู่ในคอนโดฯ แห่งนี้ไม่ได้มีแค่กลุ่มโจรกระจอกเท่านั้น ดร.ไบรอันก็พักอาศัยอยู่ที่นี่ และบัดนี้เชื้อ SARS ที่เขาได้รับทำให้เขากลายสภาพไปเป็น “ผีดิบ” (SARS Zombie) อย่างเต็มตัว ด็อกเตอร์ผีดิบเริ่มแพร่เชื้อสู่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ เดียวกันนี้อย่างรวดเร็ว คอนโดฯ มรณะถูกทางการสั่งปิดตาย คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้าเพื่อไม่ให้มีเชื้อแพร่กระจายออกมาภายนอก รัฐบาลส่งทีมแพทย์และหน่วยพิเศษในความรับผิดชอบของ “ท่านรองรัตน์สุดา” (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) เข้ามาจัดการอย่างเร่งด่วน “ด็อกเตอร์ไดอาน่า” (ลีน่า คริสเตนเซ่น) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเชื้อไวรัสร้ายแรงซึ่งทำงานในคณะของดร.ไบรอันเป็นหัวหน้าทีมแพทย์และหน่วยพิเศษชุดนี้ ดร.ไดอาน่ามาพร้อมกับปืนบรรจุกระสุนเคมีวัคซีนแอนตี้ไวรัสที่เพิ่งค้นพบของเธอพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสร้าย แต่ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นความผิดพลาดไปหมด เพราะวัคซีนแอนตี้ไวรัสไม่เป็นผล เมื่อทางการไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ คำสั่งสุดท้ายคือ “ระเบิดตึกทิ้ง!!!” ขุนกระบี่กับหลิวยังติดอยู่ในนั้น กลุ่มโจรกระจอกก็ติดอยู่ในนั้น ดร.ไดอาน่าก็ติดอยู่ในนั้น แถมฝูงผีดิบ SARS Zombie ที่กำลังหิวกระหายก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทุกนาที ทุกชั่วโมง สถานการณ์กำลังคับขันสุดๆ ทุกคนกำลังจวนตัวและจนตรอกที่ต้องปะทะทั้งผี ทั้งกลุ่มโจร และระเบิดเวลาของภาครัฐ เพล้ง…งงง กรอบรูปของขุนกระบี่ร่วงตกแตกกระจาย พร้อมๆ กันกับจิ้งจกร้องทักไปทั่วที่พำนักของอาจารย์เทพ-สุดยอดฝีมือโคตรขุนกระบี่ชาเขียวรู้สึกได้ทันทีถึง ลางสังหรณ์บอกเหตุอันตรายที่กำลังจะเกิดกับศิษย์รักและมหาชนผู้บริสุทธิ์ หลังจากปลดระวางล้างมืออำลาวงการไปนาน ในวันนี้เห็นทีอ.เทพลีลาจะอยู่เฉยไม่ได้เสียแล้ว เขาตัดสินใจคืนวงการมุ่งหน้าไปยังคอนโดฯ ที่เกิดเหตุเพื่อไปช่วยขุนกระบี่ศิษย์รักพร้อมกับอาวุธคู่กาย-กระบี่ชาเขียว สุดยอดศาสตราวุธ ชักแล้วต้องมีเจ็บ เก็บแล้วต้องมีตาย ภารกิจนี้ใหญ่หลวงนัก สองขุนกระบี่ฮีโร่แบบไทยๆ ลูกศิษย์-อาจารย์ต้องร่วมมือกันกับดร.ไดอาน่าและหลิวฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ทั้งฝูง SARS Zombie ผู้หิวกระหาย ทั้งแก๊งโจรกระจอกที่พยายามชิงตัวหลิวไป และระเบิดเวลาจากภาครัฐที่เตรียมทำลายล้างเชื้อไวรัส SARS 4 ผีระบาด และคอนโดฯ นี้ให้พังพินาศสิ้นซากไปพร้อมๆ กัน ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครติดเชื้อ ใครไม่ติดเชื้อ เหตุการณ์ทั้งหมดต้องจบลงก่อนรุ่งเช้า!!! ก่อนเวลาที่ระเบิดจะทำงานวี้ด…ดดดบึ้ม!
หมานคร (2547/2004) สิ่งมหัศจรรย์กำลังจะเกิดขึ้นที่เมืองนี้ เมืองที่ “ป๊อด” หนุ่มต่างจังหวัดที่ตั้งใจเข้ามาหาความก้าวหน้าในเมืองหลวง แต่ในที่สุดเค้าก็ค้นพบว่าคิดว่ายังไม่ใช่ที่เขาต้องการ แต่ที่นี่เองเขาได้พบกับ “จิน” หญิงสาวแม่บ้านทำความสะอาด ผู้ที่จะมาจุดประกายความหวังอีกครั้งให้กับป๊อด แต่ยิ่งนับวันความรักของทั้งสองเกิดอุปสรรคต่างๆ นานา ป๊อดเริ่มสังเกตว่าเมืองนี้มีสิ่งที่ผิดปกติ แปลกประหลาดมากมาย ส่วนจินก็มีนิสัยเปลี่ยนไป จนเขารู้สึกเหมือนจิน อยู่ห่างเขาออกไปทุกที ป๊อดเริ่มไม่แน่ใจว่าเมืองนี้มันประหลาดหรือเขาเองที่เป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับเมืองนี้ แล้วความรักของป๊อดในเมืองจะสมหวังหรือไม่? เตรียมพบคำตอบในเมืองที่ชื่อว่า “หมานคร”
ซาไก ยูไนเต็ด (2547/2004) เปาตุ๊ (นำแสดงโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) อดีตกรรมการบอลที่กำลังหนีลูกน้องของหัวหน้ากรรมการฟุตบอล แล้วเขาก็กระโดดลงที่ลำธาร และได้ไปสนามกีฬาโดยเห็นเงาะร่วมแข่งขันด้วย เขาสังสัยว่าเขาเค้าคือใครและเขาจึงตามพวกเขาไป โดยเข้าไปในป่า ก่อนที่จะพบเห็นหมู่บ้านเงาะป่ากับหัวหน้าเผ่า ซึ่งกำลังพูดเรื่องในหมู่บ้านกำลังมีโรคระบาด โดยที่ชาวซาไกยังคงมีอาหารป่วยไม่รู้จะรักษาอย่างไรจึงจะหาย ทำให้เขาตัดสินใจให้ซาไกทั้งกลุ่มออกเดินทางที่กรุงเทพมหานคร แต่ซาไกที่ไม่ได้ออกเดินทางนอกป่าที่ไกลมาก ซาไกทั้งกลุ่มจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือพวกเผ่าเราให้หายป่วยโดยได้รับถ้วยพระราชทานในการแข่งขันฟุตบอลโลกครังนี้ และพวกเขาไปกรุงเทพโดยรถเมล์ เปาตุ๊คอยฝึกซาไกไว้ให้มาแข่งขันทีมซาไกยูไนเต็ดที่เปาตุ๊เคยตั้งชื่อทีมไว้แล้วในจังหวัดยะลา โดยการแข่งขันจะมี มะม่วงเป็นกัปตันทีมของซาไกยูไนเต็ด การแข่งขันของซาไกยูไนเต็ดไม่สำเร็จพอที่จะแข่งขันฟุตบอลตอนนี้ ในตอนกลางคืนกลุ่มซาไกได้เดินทางไปที่ถนนข้าวสารและได้เข้าไปในคลับ ซาไกเกิดอาการแปลกใจที่เห็นโลกภายนอก ในการแข่งขันทีมซาไกยูไนเต็ดแข่งกับสิงห์น้ำเงินแข่งเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จต่อๆกัน และต่อมาทีมซาไกยูไนเต็ดเอาชนะสิงห์น้ำเงินสำเร็จ และสามารถรับถ้วยพระราชทานได้ มะม่วงได้ชนะเลิศในการแข่งขัน และเขาได้รับถ้วยพระราชทาน แก่เปาตุ๊ และมะม่วงได้กอดกับเปาตุ๊ดีใจที่ชนะและเปาตุ๊ก็จากไป ก็กลับไปบ้าน ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เปาตุ๊ได้เห็นภาพซาไกยูไนเต็ดที่ได้ชัยชนะมาสู่เรา พอเปาตุ๊เห็นคนไม่ดีเห็นแล้วก็เลยหนีไป คนไม่ดีเห็นว่าเขาขึ้นรถไฟไปเลยขึ้น เปาตุ๊ก็รอดชีวิตมาได้ ที่หมู่บ้านซาไกคนในหมู่บ้านซาไกดีใจมากที่ได้กลับมาบ้านเกิด และได้วางถ้วยพระราชทานรอพระอาทิตย์ส่องแสงสว่าง สักพักพระอาทิตย์ก็แสงสว่างไปถึงถ้วย มะม่วงและคนในหมู่บ้าน รวมถึงหัวหน้าเผ่าได้ไหว้พระเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นพระบารมีทีมีต่อพสกนิกรไทย และหัวหน้ามะม่วง กับคนทั้งหมู่บ้านได้พบหมอเพื่อจะมารักษาคนที่ติดไข้ทรพิษ โดยสามารถรักษาให้หายได้เป็นปกติ และในหมู่บ้านของกะเหรี่ยง มีพวกชาวกะเหรี่ยงเล่นตะกร้อกันอย่างสนุกสนาน โดยมีชายผู้หนึ่งที่หันหลังให้อยู่ เขาผู้นั้นคือ เปาตุ๊
โคเลสเตอรอลที่รัก (2547/2004) เจษฎาภรณ์ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) หนุ่มนักเรียนนอก เพิ่งกลับมาจากลอนดอนพร้อมกับ นาเดีย (แคนดี้ เอเวอรี่) เพื่อนสาวคนสนิท หลังจากเรียนอยู่ที่โน่นนานถึง 8 ปี พอกลับมาถึงบ้านเขาก็ได้ทราบเรื่องจาก สันติ (หมู สมภพ เบญจาธิกุล) ผู้เป็นพ่อว่าเขาจะต้องแต่งงานกับ ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) เพื่อนสนิทวัยเด็กที่เคยช่วยชีวิตไว้จากการจมน้ำ เพราะสันติกับ ไพโรจน์ (ครรชิต ขวัญประชา) พ่อของลูกเกดเป็นเพื่อนรักกันเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะลูกเกดกำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก ไพโรจน์จึงอยากจะให้คนดีๆ อย่างเจษฎาภรณ์ ช่วยดูแลลูกเกดและบริษัท ไลท์แมน ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการรับสร้างบ้านของเขาต่อไป ไพโรจน์จึงส่งเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาให้กับเจษฎาภรณ์มาโดยตลอดเพราะฐานะครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก พอได้ทราบข่าวเรื่องการแต่งงานเจษฎาภรณ์ก็ยินดีและบอกกับพ่อว่าจะไม่ทำให้ลูกเกดและคุณอาไพโรจน์ผู้มีพระคุณต้องผิดหวังด้วย แต่เมื่อเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอหน้าลูกเกดครั้งแรกในงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเขา ซึ่งไพโรจน์จัดให้อย่างใหญ่โต ทำเอาเจษฎาภรณ์ถึงกับช็อค เพราะลูกเกดเด็กสาวรูปร่างบอบบางที่มองโลกในแง่ดีมีน้ำใจที่เขาเคยรู้จักในอดีตนั้น เดี๋ยวนี้กลายเป็นสาวตุ้ยนุ้ยมีน้ำหนัก หนักกว่า 150 กิโลกรัม ทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกผิดหวังอย่างมากๆ และยังถูกนาเดียซึ่งได้รับเกียรติให้มาร่วมงานในคืนนี้ พูดจาถากถางเกี่ยวกับว่าที่เจ้าสาวหุ่นตุ้ยนุ้ยของเขาด้วย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รีบกลับบ้านก่อน โดยอ้างว่าไม่ค่อยสบายเพราะยังรู้สึกเมาเครื่องอยู่ ซึ่งลูกเกดก็ไม่ได้สงสัยอะไรและคิดว่าเจษฎาภรณ์ยังมีความรู้สึกที่ดีๆ กับเธอเหมือนวัยเด็กทุกประการ ในขณะที่เจษฎาภรณ์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบรษัทไลท์แมนของไพโรจน์นั้น นาเดียก็เปิดกิจการห้องเสื้อเป็นของตัวเอง และนาเดียพยายามที่จะแสดงตัวให้ใครต่อใครได้รู้ว่าเธอกับเจษฎาภรณ์เป็นแฟนกัน โดยที่เจษฎาภรณ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด และยังคงไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองบ่อยๆ ปล่อยให้ลูกเกดต้องคอยโทรศัพท์ตามหาว่าพี่เจษหายไปไหน ไม่ยอมมาเที่ยวหาเธอบ้าง วันวาเลนไทน์ลูกเกดดีใจเป็นที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์โทรศัพท์มานัดเพื่อที่จะพาเธอไปดินเนอร์ในคืนนี้ แทนที่คืนนี้จะเป็นคืนที่เธอมีความสุขอย่างที่สุดเหมือนเช่นคู่รักที่จะแต่งงานในเร็วๆ นี้ แต่กลับกลายเป็นคืนที่เธอต้องพบกับความเสียใจมากที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์มาพบกับเธอก็เพื่อจะบอกยกเลิกการแต่งงาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ ลูกเกดเสียใจที่เจษฎาภรณ์รังเกียจในรูปลักษณ์ของเธอ พอกลับถึงบ้านลูกเกดจึงคิดฆ่าตัวตาย พร้อมทั้งกินยาลดความอ้วนเกินขนาดโชคดีที่แพทย์เยียวยารักษาไว้ทัน เพื่อให้ลูกสาวอันเป็นที่รักดั่งดวงใจกลายเป็นลูกเกดคนใหม่ ไพโรจน์จึงส่งลูกเกดไปรักษาแผลใจและเข้าคอร์สลดความอ้วนที่อเมริกาตามคำแนะนำของหมอ ซึ่งก็ได้ผลเพราะสุขภาพจิตของลูกเกดเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ในขณะที่สุขภาพจิตของเจษฎาภรณ์เริ่มแย่ลง เพราะสันติเสียใจที่ลูกชายไม่ทำตามสัญญา และยังทำให้ครอบครัวของผู้มีพระคุณผิดหวัง จึงทำให้โรคหัวใจกำเริบและเขาก็สิ้นใจตายในอ้อมกอดของลูกชาย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกเสียใจที่เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อตาย หนึ่งปีผ่านไปเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอนางแบบอินเตอร์นามว่า เมทะนี (เมทินี กิ่งโพยม) ในงานเดินแฟชั่นโชว์ห้องเสื้อของนาเดีย เขามีความรู้สึกว่านางแบบคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างคล้ายลูกเกดมาก แต่พอเขาเข้าไปทำความรู้จักเธอก็ปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน แต่เจษฎาภรณ์ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะทำความใกล้ชิดและสนิทสนมเธอให้มากกว่านี้ ถึงแม้จะเจอ ณัฐ (ภราดร ศิรโกวิท) คอยกันท่าหรือถูกเมทะนีแกล้งต่างๆ นานา มาแล้วหลายครั้งหลายหนก็ตาม พอเจษฎาภรณ์หันหน้ามาให้ความสนใจในตัวเมทะนีมากขึ้นทุกวัน ทำให้นาเดียคิดแก้เผ็ดเจษฎาภรณ์ด้วยการหันไปคบผู้ชายคนอื่นบ้าง จึงทำให้เจษฎาภรณ์เริ่มจะคิดได้ว่าผู้หญิงที่ดีและมีน้ำใจให้กับเขามาโดยตลอดก็คือลูกเกดนั่นเอง ในที่สุดเจษฎาภรณ์จึงตัดสินใจไปที่บ้านลูกเกดเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ และเขาก็ได้รับรู้ความจริงจากณัฐว่าเมทะนีคือใคร และณัฐยังบอกให้เขาต้องชอกช้ำใจมากขึ้นไปอีกว่าลูกเกด ไม่ต้องการพบเขาอีกแล้ว และยังฝากคืนว่าวที่เธอเคยขอจากเขาเมื่อตอนเด็กอีกด้วย เรื่องราวความรักที่ยุ่งๆ ของหนุ่มนักเรียนนอกกับสาวตุ้ยนุ้ยจะลงเอยอย่างไร เตรียมหาคำตอบจากภาพยนตร์ โคเลสเตอรอล..ที่รัก ได้อีกไม่นานเกินรอ
สายล่อฟ้า (2547/2004) ไอ้ตุ่น (โหน่ง ชะชะช่า) กับ ไอ้เต่า (เต๋า - สมชาย เข็มกลัด) เป็นเพื่อนคู่ซี้คู่ฮาประจำหาดพัทยา ไอ้ตุ่นเป็นเซียนพระที่ได้มรดกกิจการมาจากเซียนต่ายพ่อมัน ส่วนไอ้เต่าเป็นเซียนบอลที่คลั่งไคล้เพลง "สายล่อฟ้า" ของพี่ป้อม-อัสนี เข้าไส้ ไปคาราโอเกะทีไร มันแหกปากร้องเพลงนี้จนหวิดหัวแตกมาแล้วหลายเที่ยว คืนหนึ่งที่บาร์คาราโอเกะไอ้ตุ่น ไปตกหลุมรักสาวนางหนึ่งเข้าโดยไม่รู้เลยว่า น้องนก (เมย์ - พิชญ์นาฏ สาขากร) เป็นเด็กของ กำนันหมู (เล็ก - สมชาย ศักดิกุล) มาเฟียใหญ่ของพัทยา ที่ไอ้เต่าเช่ามาเอาใจเพื่อน หลังจากคืนแห่งความทรงจำ น้องนกก็หายตัวไป ไอ้ตุ่นพยายามตามหาจนถูก อีปลา (น็อต - อนุชา ฉัตรแก้ว) กะเทยแม่เล้าหลอกฟันเงินไปแสนหนึ่ง ร้อนถึงไอ้เต่าที่กำลังอยากจะยืมเงินเพื่อน ไปคืนหนี้โต๊ะบอลอยู่พอดีต้องไปทวงให้ อีปลาขอใช้คืนเป็นโคเคน โดยเอาไปขายให้ เฮียหมา (หม่ำ มกจ๊ก) แต่ด้วยความซื่อผสมความเซ่อ ไอ้เต่ากลับโดนเฮียหมาต้มซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเข้าตาจนไอ้เต่าจึงไปดักจับ น้องหนู (แป้ง - อรจิรา แหลมวิไล) สาวลูกครึ่งมาเรียกค่าไถ่ ข้างไอ้ตุ่นซึ่งหลงรักน้องนกหัวปักหัวปำ บ้าเลือดเข้าไปขอตัวเธอคืนจากกำนันหมู กำนันหมูยื่นข้อเสนอ ให้มันเอาเงินมาซื้อความรักในราคาสามล้าน พอดีกับที่ ผู้ใหญ่หมี (แบล็ค ผมทอง) เรียกไอ้ตุ่นไปดูพระ มันได้ทีจึงแกล้งตีเป็นของเก๊ แล้วทำเลียนแบบไปขายเองได้เงินมาสามล้าน ไอ้ตุ่นได้เงินไปไถ่ตัวนกสมใจ รวมทั้งใช้หนี้ให้ไอ้เต่าด้วย แต่อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ใหญ่หมีรู้ความจริงว่าเสียรู้ไอ้ตุ่น และ ไมเคิล พ่อของน้องหนูที่ไอ้เต่าลักพาตัว ดันเป็นเพื่อนกับกำนันหมูอีกที ไอ้ตุ่นกับไอ้เต่าจะเอาชีวิตรอดหรือไม่ น้องนกจะซึ้งในความรักของตุ่นหรือเปล่า แล้วไอ้เต่าจะได้กลับไปครวญเพลงสายล่อฟ้าอีกหรือไม่ มีแต่ยุทธเลิศเท่านั้นที่รู้!
ทวารยังหวานอยู่ (2547/2004) ในปี พ.ศ. 2525 ปีแห่งการสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี กรุงเทพฯ สดใส ไร้เดียงสาอยู่กับแฟชั่นสีสันหวานแหวว เสียงเพลงจากวงสตริง และหนังทีวีกำลังภายใน กำลังฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง มือกลองหนุ่ม เบ๊ (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) ศิษย์โปรด อาจารย์ตึ่งโป๊ะ (ปราณี กี่บุตร) สำนักกลองเทวดา ที่พยายามฝึกวิชากลองเทวดาให้ถึงขั้นที่ 10 แต่ระหว่างนั้น เขากลับพบว่า ตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตาย จนต้องหลบหนีการไล่ล่าของนักสืบมือปราบ ไอ้หูดำ (นิพนธ์ ชัยศิริกุล) ที่มี ซื่อบื้อ (ริชาร์ด ออฟ ไลออน ฮาร์ท) สุนัขดมกลิ่นเป็นผู้ชี้เบาะแส เบ๊พยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ทุกคนรู้ โดยมี ต้น (นันทกา วรวณิชชานันท์) ศิษย์พี่ร่วมสำนักกลองเทวดา คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือ จนต้นกับเบ๊เกิดความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ระหว่างหนีเอาตัวรอด เบ๊ได้พบเจอผู้คน และเรื่องราวพลิกผันมากมาย หลายคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเบ๊ จนกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในยุคนี้
The Adventure of Iron Pussy หัวใจทรนง (2547/2004) Iron Pussy สายลับสาวเจ้าเสน่ห์ของเรา ผู้เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาท และรูปโฉมเฉกเช่นกุลสตรีไทยพร้อมกับภารกิจครั้งใหม่ โดยภารกิจนี้ เธอได้รับมอบหมายจากทางการให้แฝงกายเป็นสาวใช้เข้าไปสืบสวนความไม่ชอบมาพากลของเบื้องหลังธุรกิจพันล้านในคฤหาสน์ของสาวสังคมชั้นสูง มาดามปอมปาดอย และมิสเตอร์เฮนรี่ ว่าที่คู่หมั้นใหม่ของเธอ และถึงแม้ว่าเธอจะโดนกลั่นแกล้งจากสมจินตนาหัวหน้าสาวใช้ สายลับสาวของเราก็ยอมทนอดกลั้น จนกระทั่งวันหนึ่งฟ้าได้ลิขิตให้เธอมาพบกับ คุณแทง บุตรชายรูปงามของมาดาม ณ วินาทีนั้น ภารกิจของหัวใจก็อุบัติขึ้นพร้อมๆ กับภารกิจของชาติ ทำให้เธอตระหนักว่าเสียงเรียกร้องในหัวใจของเธอนั้น ขัดแย้งกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ร้ายไปกว่านั้น ความจริงที่ไม่คาดฝันก็ได้เปิดเผยขึ้นทำให้ชะตาชีวิตของคนทั้งสองนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาและเธอจำต้องฝ่าฝันอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ปราณี
โว๊กว๊าก (2547/2004) เรื่องราวของ ครอบครัวเจ้าสัว กับ คุณหญิง ที่มี พ่อใหญ่ เป็นที่ปรึกษา เหตุเกิดขึ้นเมื่อบุตรชายแสนรักชื่อ โว๊กว๊าก ผู้ชอบเล่นสนุกกับสาว ๆ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ เพื่อให้ได้ลูกสุดเสน่หาคืนมาอย่างปลอดภัย เจ้าสัว จึงไม่กล้าเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่ให้ บอดี้การ์ด เอ๋อ กับสมุนออกตามหา โว๊กว๊าก โดยจ่ายค่าตอบแทนให้ไม่อั้น ทั้งยังว่าจ้าง นักสืบสันติ กับ เพชรแท้ หลานชายของนักสืบสันติ ที่เพิ่งจบหลักสูตรสืบสวนมาจากเมืองนอก โดยได้ร่วมมือกับ อุ๋งอิ๋ง พี่สาวของ โว๊กว๊าก ซึ่งเรียนการต่อสู้มาจากญี่ปุ่นและต้องบินด่วนกลับจากนอกเพื่อตามหาน้องชาย ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามปิดข่าวจากยอดนักข่าว สิทธิชัย หย่อน เพื่อไม่ให้มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ชึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับ โว๊กว๊าก ได้ เรื่องราวพัวพันไปถึงสถานบันเทิงของเสี่ยชูวิทย์ ที่มีหมอเหนื่อยเป็นแพทย์ ประจำอยู่ และเชื่อมโยงไปถึงโรงพยาบาลที่มี ผอ.เทพ และหมอพร สังกัดอยู่ นัวเนียไปถึง คุณระเบียบจัด แห่งสังคมสลัมรวมทั้ง น้าหมัก กับ น้าเสียบ เจ้าของร้านผัดไทในตลาด และ มัคนายกพะโยม สุดท้ายต้องใช้หมอผีให้เรียกผีขึ้นมาถามเรื่อง โว๊กว๊าก แต่ก็โดนผีหลอก โว๊กว๊าก อยู่ที่ไหน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร?
Headless Hero 2 ผีหัวขาด 2 (2547/2004) ไอ้ไฝ (แสดงโดย อรุณ ภาวิไล) กับ ไอ้เทือง(แสดงโดย โต อำพล รัตนวงศ์) ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันและทั้งคู่ก็ขโมยสร้อยศพของผีถั่วแระ(ถั่วแระ เชิญยิ้ม) และไฝก็เอาสร้อยเส้นหนึ่งไปแต่ความซุ่มซ่ามของไอ้เทือง มือของไอ้เทืองติดอยู่กับปากศพของคนจีนจนทำให้ไอ้เทืองตาย และไอ้ไฝวิ่งหนีไป และไอ้ไฝก็รอดตัวจากผีตามหาสร้อยของมัน และรุ่งเช้ามีงานเทศกาลแข่งเรือ เวลาที่กำลังจะเริ่มแข่งเรืออยู่นี้เห็นเรือประหลาดโผล่มาและมีคนประหลาดที่แล่นเรือเอง โดยมีไม่มีฝีพายและเรือของผีหัวขาดก็ชนะในการแข่งขัน และกรรมการให้รางวัลในการชนะเลิศแต่ผีหัวขาดก็ไม่ชอบใจ และคนอื่นก็ใช้มือในผลักหัวแต่นี่ไม่ใช่คนมันเป็นผีหัวขาด และทุกคนก็วิ่งหนีไป และมีหมอเฒ่าเป็นนักปราบผี และใช้ไหโบราณผนึกผีหัวขาดตัวนั้น ตอนที่หมอเฒ่ากำลังผนึกผีหัวขาดตนนั้นได้แต่หัว ส่วนร่างของผีหัวขาดก็เก็บไว้ในสุสานตามเดิม 25 ปีต่อมา เมฆ ลูกชายของไฝ มีนิสัยเป็นคนชอบช่วยเหลือคน โดยเฉพาะ ป๋อง เพื่อนสนิทของเมฆที่มักมีเรื่องให้เมฆต้องช่วยอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองได้เจอผกากับเพื่อนชื่อเง็ก ผู้หญิงที่ทั้งสองแอบชอบอยู่ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋า จึงเข้าไปช่วย สร้างความไม่พอใจให้สาธิต คู่หมั้นของผกาเป็นอันมาก ส่วนป๋องนั้นแอบหลงรักเง็ก แต่เง็กไม่เล่นด้วยแถมไล่ตะเพิดทุกครั้งที่เห็นหน้า จนป๋องทนไม่ไหวได้ขอร้องให้เมฆช่วยเรื่องเง็ก เมฆทนคำขอร้องไม่ไหวจึงยอมช่วย โดยเมฆได้ไปขโมยตำราปราบผีของพ่อ (ไฝ) เพื่อที่จะมาทำพิธีกลั่นไอเสน่ห์ โดยที่ทั้งสองได้ไปทำพิธีในป่าช้าฝังศพผีถั่วแระ และได้ทำให้ผีถั่วแระฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพราะป๋องได้ไปดึงมีดที่สะกดวิญญาณผีถั่วแระออก แต่ทั้งสองนั้นไม่รู้ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับเมฆได้ช่วยเหลือผีกองกอย ให้หลุดพ้นจากการคุมขังทำให้ผีกองกอยยอมเป็นผีรับใช้เมฆ ในขณะที่ผีถั่วแระพอฟื้นคืนชีพก็จับหนูดูดเลือดเพื่อเพิ่มพลัง และเริ่มติด ตามหาหัวของตัวเอง เพื่อให้มารวมกับตัว และตามหาสร้อยหยกที่ไฝนั้นขโมยมาคืนซึ่งตอนนี้สร้อยได้อยู่ที่เมฆลูกของไฝ ณ จวนผู้ว่า ในงานวันเกิดของผู้ว่า หรือขุนวิชัยพ่อของผกา สาธิตและเสี่ยกวงได้นำของขวัญมาให้ผู้ว่าซึ่งก็คือโถที่ใส่หัวของผีถั่วแระไว้แต่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว ขณะเดียวกันในงาน เมฆและ ป๋องที่แอบอยู่ก็พยายามที่จะพ่นไอเสน่ห์ใส่เง็กแต่พลาด ไอเสน่ห์ไปโดนมารีรีน คนใช้ของเง็กแทนทำให้เกิดความวุ่นวายเพราะมารีรีนคอยวิ่งไล่ตามป๋องจนทำให้ทั้งป๋องและเมฆต้องหนีออกจากงาน ต่อมาในงานวันหมั้นของสาธิตและผกา เมฆและป๋องแอบเข้าไปในงานพร้อมกับนำผีกองกอยใส่กระบอกไม้ไผ่ เพื่อที่จะไปขัดขวางการหมั้น โดยเมื่อถึงเวลาที่จะต้องสวมแหวนผีกองกอยก็คอยกวนจนไม่สามารถสวมแหวนได้ ในขณะที่ทั้งเมฆและป๋องหลุดหัวเราะออกมาทำให้ดาบแฉ่ง รู้ตัวและไล่จับทั้งสองรวมทั้งมารีรีนที่คอยไล่ตามป๋องจนทำให้งานหมั้นวุ่วาย เมฆและป๋องต้องหนีอีกครั้ง จนหนีมาถึงป่าช้าที่เก็บศพ โดยที่มารีรีนตามมาด้วย แต่มารีรีนต้องโชคร้ายไปเจอกับผีถั่วแระ และถูกผีถั่วแระที่ยังไม่มีหัวดูดเลือดจนตายต่อหน้าเมฆและป๋อง ดาบแฉ่งที่ตามมาเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองฆ่า จึงตามจับป๋องและเมฆหนีกลับไปหาใฝที่บ้านเล่าเรื่องผีหัวขาดให้ฟัง ใฝตกใจมากและทั้งสามคนจึงต้องหาวิธีปราบ แต่ทั้งสามกลับถูกดาบแฉ่งจับได้เสียก่อน ในโรงพักทั้งสามพยายามพูดเรื่องผีหัวขาด แต่ไม่มีใครเชื่อ จึงต้องถูกขังต่อไป ณ จวนผู้ว่า เง็กมาขอนอนกับผกา ภายนอกไม่มีใครรู้ว่าผีหัวขาดกำลังตามหาหัวเข้ามาในจวน และได้ฆ่าท่านผู้ว่าและคุณนายพวงทอง ตายและต่อหัวได้สำเร็จ ทำให้ผกาและเง็กต้องหนีไปอาศัยอยู่กับสาธิตชั่วคราว ในโรงพักผีหัวขาดได้ตามไปเอาสร้อยคืนจนเกิดการกันต่อสู้กันระหว่างผีถั่วแระกับผีกองกอยทำให้ผีกองกอยตายไป แต่ทั้งสามก็หนีออกมาได้ และหาวิธีกำจัดผีหัวขาด โดยการวางระเบิดเพื่อที่จะเผาผีหัวขาดแต่ไม่สามารถทำอะไรผีหัวขาดได้ จนในที่สุดทั้งหมดหนีไปและไปพบกันที่โรงทำน้ำแข็ง ผีถั่วแระก็ตามไปอาละวาดเพื่อทวงสร้อยคืน ขณะที่กำลังอาละวาดอยู่นั้น ผีถั่วแระได้เดินผ่านท่อไฮโดรเจน ไอเย็นจากท่อไฮโดรเจนทำให้ผีถั่วแระชะงักตัวสั่นแข็ง เมฆจึงรู้ทันทีว่า ผีถั่วแระกลัวความเย็นจึงให้ทุกคนเปิดวาล์วในโรงน้ำแข็ง แต่ว่าวาล์วแต่ละอันแข็งมากไม่สามารถเปิดออกได้ ผกาพยายามจะเดินไปช่วยเมฆเปิดวาล์วแต่รองเท้ากลับติดอยู่กับร่องไม้จนถูกผีหัวขาดจับตัว เมฆพยายามช่วยด้วยการเอาสร้อยเข้าแลก ขณะที่ผีหัวขาดเผลอ เมฆเข้าไปจะเอาสร้อยคืนจึงเกิดการต่อสู้กัน ผีถั่วแระพลาดท่าตกลงไปในบ่อผลิตน้ำแข็งทำให้ร่างของผีถั่วแระค่อยๆแข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง และค่อยๆ แตกตัวสลายไปในที่สุด ทุกคนดีใจมากที่ปราบผีถั่วแระลงได้ และจากการเสี่ยงของเมฆเพื่อที่จะช่วยเหลือผกาทำให้ผกาซึ้งใจและยอมรับไมตรีจากเมฆ และบอกเลิกกับสาธิตที่ไม่ยอมช่วยเธอเลย และหลังจากนั้นทั้งหมดก็ทยอยเดินออกจากโรงน้ำแข็ง โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งละลายพร้อมกับทิ้งคำปริศนาไว้
X แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์ (2547/2004) การดูหนังสือโป๊ หนังโป๊ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะความสนใจในเรื่อง “เซ็กส์” มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว การสืบพันธุ์หรือการมีเพศสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนเราซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ สื่อลามกประเภทหนังสือโป๊หรือหนังโป๊ถูกผลิตขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการทางด้านนี้ของคนโดยเฉพาะเพศชาย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือความต้องการของผู้เสพมันเริ่มเบี่ยงเบนไปในทิศทางอื่นๆ มากขึ้น เช่น ความต้องการและความนิยมในการดูหนังแอบถ่าย คำถามอีกข้อหนึ่งที่ตามมาก็คือ ทำไมคนถึงอยากดูสิ่งเหล่านี้ รสนิยมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปหรืออย่างไร หนังเรื่อง “เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์” (The Story of X-Circle) อาจจะไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงหนทางการแก้ไขปัญหานี้ แต่สิ่งหนึ่งที่หนังได้พยายามจะบอกก็คือ ปัญหาเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเพศอยู่ใกล้กับตัวเรามากเหลือเกิน… “เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์” คือผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของ “ธนกร พงษ์สุวรรณ” อีกหนึ่งผู้กำกับคุณภาพของวงการภาพยนตร์ไทยเจ้าของงานกำกับสร้างชื่อเรื่อง “Fake โกหกทั้งเพ” เมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา ธนกรเสนอพล็อตเรื่องนี้ให้แก่ทางบาแรมยูในเวลาเดียวกันกับที่ภาพยนตร์เรื่อง Fake เริ่มเตรียมงานถ่ายทำ และพัฒนาบทเรื่อยมาจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Fake ตัดต่อเสร็จไม่นานนัก และได้เริ่มเตรียมงานสร้างภาพยนตร์เรื่องเอ็กซ์แมนฯ ทันทีหลังจากนั้น “X-Man ก็คือคนเอ็กซ์หรือคนกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติกรรมจิตบกพร่องไม่เหมือนกับคนอื่นในแง่ที่พวกเขาจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเพศรสหรือเซ็กส์ในรูปแบบต่างๆ มากจนเกินไป ซึ่งเราอาจไม่รู้เลยก็ได้ว่าเขาเป็นใคร เป็นกลุ่มที่ดีหรือไม่ดี อาจจะคนใกล้ตัวหรือไม่ก็ได้ แต่จากพฤติกรรมของพวกเขา มันมีผลกระทบต่อทั้งเจ้าตัวและคนรอบข้าง การนำเสนอไม่ได้มุ่งเน้นไปเรื่องโป๊หรือเรื่องเซ็กส์ไปซะทีเดียว ไม่ได้เอาเซ็กส์มาเป็นจุดขาย แต่ต้องการนำเสนอว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมาสถานการณ์รอบตัวเราจะเป็นอย่างไรมากกว่า…” หนังเล่าเรื่องราวของ “ชมรมชาวเอ็กซ์” ที่มีผู้คนหลากอาชีพหลายฐานะทางสังคม ไม่ว่าจะเป็น “ตากล้องแอบถ่ายมือดี” ที่ผลงานแอบถ่ายของเขาทุกชิ้นมักเป็นที่ต้องการของตลาดเซ็กส์อยู่เสมอ, “นักศึกษาหนุ่มเรียนดี” ที่มีเบื้องหลังเป็นเจ้าของเว็บโป๊ชื่อดังอย่าง motel69, “พ่อค้าสิ่งหฤหรรษ์ทางเพศทุกประเภท” ที่เป็นพวกชอบโชว์ของลับ, “หนุ่มออฟฟิศจอมหื่น” ที่ชอบเซ็กส์โฟนเป็นชีวิตจิตใจ หรือแม้กระทั่ง “จิตแพทย์ชื่อดัง” ที่อาจจะเป็นผู้ป่วยทางจิตเสียเอง พวกเขาเหล่านี้มักจะมาชุมนุมกันที่คลับในยามว่างอยู่เสมอ บางคนก็รู้จักกัน และบางคนก็พยายามทำตัวไม่ให้เป็นที่รู้จักของใครเลย เรื่องราวของพวกเขาคงจะดำเนินไปตามครรลอง “คลับเอ็กซ์” ที่แทรกตัวอยู่ในหลืบของสังคมอันวุ่นวายนี้อย่างเสียวสงบ ถ้าหากเรื่องที่พวกเขาได้เข้าไปเกี่ยวพันกับการ “แอบถ่ายดาราสาวชื่อดังอักษรย่อ จ” ที่ใครๆ ก็อยากเห็น “ความลับ” ของเธอไม่ไปเข้าถึงหูตำรวจเสียก่อน ปฏิบัติการสืบค้นและไล่ล่า “สมาคมชมเซ็กส์” จึงเกิดขึ้นโดยการนำของตำรวจสาวมือดีสุดเซ็กซี่ที่เธอเองก็กำลังตกเป็น “เหยื่อ” และ “ตัวล่อ” โดยไม่รู้ตัว “ผมเห็นว่าเรื่องนี้มันมีมุมมองที่เป็นปัญหาสังคมที่น่าสนใจ มันเป็นประเด็นที่ไม่มีคนพูดถึง เราอยากทำออกมาเป็นหนังเพื่อเป็นจุดชี้ให้คนช่วยกันระวังภัยในสังคมและหันมาสนใจมากขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากครับ อยากให้คนดูมองพวกตัวละครในหนังด้วยความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนพวกนี้ในสังคมได้อย่างไร เพราะคนพวกนี้อาจจะเป็นคนใกล้ตัวเราก็ได้ เราต้องเรียนรู้ เข้าใจ และระวังตัวมากขึ้น”
ธิดาช้าง (2547/2004) ดร.บัญชา ชุตินัยนา นักธุรกิจเจ้าของกิจการเครื่องสำอางและอาหารเสริมแบบขายตรง เป็นคนเจ้าระเบียบมีวินัยในการดำเนินชีวิต ภรรยาชื่อ มาลี เป็นพยาบาล มีบุตรีด้วยกันชื่อ หนอน ภรรยาคนปัจจุบันชื่อ สาวิตรี เป็นสาวสังคมชั้นสูง มีบุตรีด้วยกันชื่อ แพรไหม หนอน หญิงสาววัย 24 ปี ที่มีน้ำหนักกว่า 100 กก. เป็นสาวอารมณ์ดี จิตใจดี มีความสุขกับการใช้ชีวิตในอาชีพช่างเสริมสวย มีร้านชื่อ "ก้ำบี้ ซาลอน" หนอนอาศัยอยู่กับยาย ซึ่งเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก และมีเพื่อนชายรู้ใจ เป็นชายหนุ่มร่างสันทัดชื่อ ผีเสื้อ ทั้งสองคบกันด้วยความดีงามของจิตใจ ไม่ใช่ความสวยของรูปร่าง ในอดีต บัญชา โกรธมากที่ มาลี ตามใจลูก จนขาดระเบียบวินัยในการกิน ทำให้ หนอน เป็นเด็กอ้วนตั้งแต่เด็ก และด้วยความทะเยอทะยานของบัญชา จนทั้งสองแยกทางกัน บัญชาได้แต่งงานใหม่กับสาวิตรี ทิ้งหนอนให้อยู่กับยายที่ลำพูน เมื่อมาลีเสียชีวิต หนอนก็อยู่กับยายมาตลอด ต่อมา บัญชา เป็นแกนนำในการรณรงค์ต่อต้านคนอ้วน เจ้าของสโลแกน "อย่าอ้วน ไม่ดี" เขาและ สาวิตรี อยากให้ แพรไหม เป็นตัวแทนของสาวรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและความสวยงาม จึงพยายามทุกทางผลักดันให้ได้รับตำแหน่ง นางสาวสยาม แพรไหม แม้ไม่อยากเข้าประกวด แต่ต้องทำเพราะไม่กล้าขัดใจพ่อแม่ เธอถูกเลี้ยงดูแบบบังคับให้ทำทุกอย่างตามตาราง โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอาหาร สภาพจิตใจเก็บกด และในการประกวดครั้งนี้ ยิ่งกดดันเธอมากขึ้น วันหนึ่งขณะอยู่ที่ร้านทำผม หนอนเห็นข่าวบัญชาทางทีวี ส่งเสริม แพรไหม และแอนตี้คนอ้วน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าบัญชามีลูกอ้วนมากอย่างเธอ หนอนจึงเกิดความคิดที่จะเอาชนะใจพ่อ ที่ไม่ได้พบหน้ากันเลยตั้งแต่แยกทางกับแม่ หนอน ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อประกวด ธิดาช้าง ด้วยความมุ่งมั่น โดยที่ผีเสื้อก็ไม่อาจทัดทานได้ เมื่อบัญชาเห็นข่าวทางทีวี และจำได้ว่าคือลูกสาวของตน จึงสั่งการให้ลูกน้องคนสนิท ให้ไปขัดขวางการประกวดทุกวิถีทาง แต่ทุกครั้งที่โดนกลั่นแกล้ง กลับกลายเป็นแรงใจส่งเสริมให้หนอน และการประกวดธิดาช้างก็ยิ่งโด่งดังขึ้นทุกที ขณะ การประกวดของทั้ง 2 เวทีดำเนินต่อไป เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับ แพรไหม เมื่อ หนอน ทราบข่าว เธอจึงต้องตัดสินใจว่า จะเลือกช่วยชีวิตน้องสาวคนเดียวของเธอ หรือเลือกตำแหน่งอันทรงคุณค่าจากเวทีอันมีเกียรติ ที่เธอต้องต่อสู้เพื่อแสดงให้พ่อเห็นว่า เธอสามารถทำได้แม้จะมีรูปร่างอ้วนก็ตาม
หมอเจ็บ (2547/2004) หมอพาย (ภัทรพล ศิลปาจารย์), หมอถุน (ตะวัน แซ่ตั้ง) สองคู่ซี้คู่ซ่าส์นักเรียนหมอเอ๊กซ์เทิร์น ถึงคราวต้องออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ไปฝึกงานภาคสนาม ที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดห่างไกลความเจริญ ทั้งสองต้องเผชิญกับหมอรุ่นพี่จอมเผด็จการสุดเฮี้ยบ พยาบาลสาวใหญ่จอมโหดสุดโต่ง ที่ชอบข่มหมอใหม่ และพยาบาลสาวสวยที่มากไมตรี โดยเฉพาะกับคุณหมอหนุ่ม ๆ แถมด้วยเหล่าคนป่วยที่ห่างไกลความเจริญหลายหลากรูปแบบ เมื่อองค์ประกอบที่ว่านี้ มาเจอกับพฤติกรรมหลุดกรอบของสองหมอเข้า ก็เกิดเป็นปฏิกิริยาที่ดุเดือด วุ่นวาย ทั้งเจ็บ ทั้งแสบ เฮฮา ปนเปกันไป หมอพาย และ หมอถุน ไม่เคยคิดเลยว่า เพียงชั่วเวลาไม่กี่เดือนที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้ จะเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมากมาย ซึ่งทำให้พวกเขาได้ประสบการณ์และความรู้ เติบโตในความเป็นหมอมากขึ้น และยังทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องของมิตรภาพ และความรัก เติบโตในความเป็นคนเพิ่มขึ้นด้วย และเมื่อการฝึกงานจบลง พวกเขาก็กลับสู่บ้านเกิด กรุงเทพมหานครอันกว้างใหญ่ เข้าสู่การสอบครั้งสุดท้ายเพื่อจบเป็นหมออย่างเต็มตัว แต่กลับมีสถานการณ์พลิกผัน ที่ทำให้ หมอพาย ต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างการสอบ และการช่วยชีวิตคนไข้ อย่างแรกเพื่อเป็นหมอที่มีใบรับรอง อย่างที่สองเพื่อเป็นหมอของคนไข้ ที่ความตายรออยู่ข้างหน้า
มนต์รักร้อยล้าน (2547/2004) ในงานประจำปีบ้านโคกสำราญ ได้จัดการประกวดเทพีบ้านโคกสำราญขึ้น คู่แข่งที่ชาวบ้านจับตามอง คือ มาลี (กิ๊ฟ อัญชิสา เลี่ยวไพโรจน์) ลูกสาวคนรองของ ผู้ใหญ่เทพ (อุดม ชวนชื่น) และ กิ่งแก้ว (เพชรรัตน์ พุ่มคำ) ลูกสาวคนเดียวของ กำนันเทือก (กรุง ศรีวิไล) ก้านไม้ (จิรายุ ชัยเชียงเอม) พี่ชายของกิ่งแก้วที่รู้ว่าอย่างไงกิ่งแก้วต้องแพ้มาลีแน่ๆ จึงแอบเอาเงินยัดให้พิธีกรเปลี่ยนผลประกาศให้กิ่งแก้วได้เป็นเทพี มาลีเสียใจมากที่ตนไม่ได้ตำแหน่ง ท่ามกลางความโชคร้าย สายลมแห่งรักก็โชยมาถึงเธอ เมื่อเกษตรอำเภอหนุ่ม ฉัตรชัย (ภาณุ สุวรรณโณ) เพิ่งเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้มอบรางวัลให้มาลีในฐานะรองเทพี เพียงสบตาสองหนุ่มสาวต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกัน การกระทำของฉัตรชัยสร้างความไม่พอใจแก่ก้านไม้ที่แอบชอบมาลีอยู่ มาลา (วิญาดา จงรัตนเมธีกุล) พี่สาวของมาลี ก็แอบพึงพอใจในตัวฉัตรชัย ด้วยความเป็นหญิงไม่กล้าแสดงท่าทีออกไป เพราะมาลาถูกอบรมเลี้ยงดูจาก ยายเปรี้ยว คนแก่หัวโบราณเจ้าระเบียบ ส่วนกิ่งแก้วเองก็ชอบฉัตรชัย เพราะความหล่อหมายมั่นจะเอาฉัตรชัยมาเป็นของตนให้ได้ ฉัตรชัย เข้ามาสอนชาวบ้านให้รู้จักการปลูกหญ้าแฝก พืชจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งสอนให้ทำปุ๋ยธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูสภาพดิน และชาวบ้านสามารถลดต้นทุนในการซื้อปุ๋ยเคมี การกระทำของฉัตรชัยสร้างความไม่พอใจให้กับกำนันเทือก และ ปลัดอำเภอ ที่เป็นนายหน้าขายปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะกำนันเทือกต้องสูญเสียรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชาวบ้านต่างแห่กันเอาเงินมาคืน มาลัย (ดาราวัลย์ วิไลงาม) ลูกสาวคนเล็กจอมแก่นของผู้ใหญ่เทพกลับชื่นชมฉัตรชัยว่าเก่ง เอาฉัตรชัยไปชมต่อหน้าพ่อและยายเปรี้ยว แต่ทั้งสองหาว่าฉัตรชัยทำงานเอาหน้า กำนันเทือก ส่งก้านไม้ ไอ้ลิต (กิติธัช ทองมาก) และ ไอ้เหลิม (ราชันย์ บุญชูวงศ์) ไปจัดการฉัตรชัย ทั้งสามแอบไปถอดน็อตรถมอเตอร์ไซค์ของฉัตรชัย ฉัตรชัยเจ็บตัวแต่กลับส่งผลดีเมื่อ มาลา มาลี มาลัย สามสาวพี่น้องมาพบเข้า ฉัตรชัยได้ใกล้ชิดมาลีมากขึ้น ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่งอกเงยขึ้นตามลำดับ ส่วนมาลาเองก็ได้แต่ทำใจด้วยความรักของพี่น้องที่มาก่อนความรักของหนุ่มสาว ความสัมพันธ์ของฉัตรชัยและมาลี สร้างความไม่พอใจให้ผู้ใหญ่เทพและยายเปรี้ยวเป็นอย่างมาก เพราะฉัตรชัยเอานิสัยของคนกรุงเทพฯ มาใช้คบหากันข้ามหัวผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เทพโกรธฉัตรชัยมากขึ้น เมื่อฉัตรชัยกล้าเอ่ยปากขอมาลีแต่งงานโดยไม่มีผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นตามประเพณีไทย ผู้ใหญ่เทพบอกให้ฉัตรชัยเอาเงินร้อยล้านมากองตรงหน้าถึงจะยกมาลีให้ ส่วนก้านไม้เองพยายามหาเรื่องฉัตรชัยไม่หยุดหย่อน จนผู้ใหญ่เทพเข้าใจผิดคิดว่าฉัตรชัยเป็นคนไม่ดี ผู้ใหญ่เทพยื่นคำขาดไม่ให้มาลีคบหากับฉัตรชัยอีก ส่วนกิ่งแก้วเองก็ไม่ลดละตามตื้อฉัตรชัยถึงที่ทำงาน สร้างความรำคาญใจให้กับฉัตรชัยเป็นอย่างมาก มาลีแอบทำกับข้าวมาให้ฉัตรชัยกิน เธอได้เห็นภาพของฉัตรชัยและกิ่งแก้วนั่งกอดกันจูบกัน มาลีโกรธฉัตรชัยมากฉัตรชัยกำลังตามไปอธิบาย แต่ก็เกิดเรื่องเสียก่อนเมื่อถูกปลัด อำเภอสั่งย้ายด่วนให้ออกจากหมู่บ้านโคกสำราญ เรื่องราวความรักระหว่าง มาลี และ ฉัตรชัย จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน มนต์รักร้อยล้าน
เจ้าสาวผัดไทย (2547/2004) เจ้าสาวผัดไทย เรื่องราวความรักของ เพชรา แม่ค้าผัดไทยในชุมชนร่วมใจ ที่อยู่ในสภาวะตกกระไดพลอยโจน ต้องเข้าร่วมเกมโชว์แข่งกินผัดไทย 100 วัน ชิงรางวัลเงินสด 1 ล้านบาท พร้อมความรักจากราชินีผัดไทยแม่ค้าคนสวย และในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน มากหน้าหลายตาหลากเผ่าพันธุ์ มี สุระชาติ อาจารย์หนุ่มข้างบ้าน ที่ชาวชุมชนเต็มใจนำเสนอรวมอยู่ด้วย ส่วนคู่แข่งคนสำคัญของอาจารย์คือ สุรชาติ หนุ่มรูปหล่อแฟนเก่าของเพชรา ที่พยายามทุกวิถีทางไม่ให้ตนเองปราชัย และที่ขาดไม่ได้ คือเหล่าสมาชิกชุมชนร่วมใจระดับหัวแถว ที่คอยทั้งส่งใจและส่งแรง ช่วยเพชราไม่ขาดสาย ภาพยนตร์แนวโรแมนติก/ตลก เจ้าสาวผัดไทย เป็นผลงานการสร้างของ นครไทยพิคเจอร์ เขียนบท-กำกับฯ โดย มงคลชัย ชัยวิสุทธิ์ นักเขียนนักวิจารณ์ภาพยนตร์ นามปากกา "ตีตั๋ว" ที่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนเขียนบท-ผู้กำกับฯ และเคยมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ เมื่อปี 2545, ภาพยนตร์เรื่องนี้ อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารโดย กิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร, อำนวยการสร้างโดย ประไพพรรณ ชัยวิสุทธิ์, กำกับภาพโดย วันชัย เล่งอิ๊ว, ดนตรีประกอบโดย ปธัย วิจิตรเวชการ
ไอ้ฟัก (2547/2004) เมื่อ 30 ปี ก่อนที่หมู่บ้านธรรมะสว่าง หมู่บ้านเล็ก ๆ ในภาคกลางอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย ที่ซึ่งศาสนา ประเพณี และวิถีชีวิตชาวบ้านผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น ฟัก (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) บวชเรียนตั้งแต่เด็ก และตั้งใจปวารณาตัวทั้งชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา ชาวบ้านต่างหวังว่า เขาจะเป็นพระสงฆ์ที่น่าเคารพ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวัด แต่เมื่อย่างเข้าวัยหนุ่ม ฟัก กลับตัดสินใจขอลาสึกออกมา เพราะพ่อของเขาเริ่มไม่แข็งแรง จากนั้นเขาก็ถูกเกณฑ์ทหาร เมื่อเขากลับบ้านมา หลังปลดประจำการจากการเป็นทหาร เขาได้พบ สมทรง (บงกช คงมาลัย) หญิงสาวแปลกหน้าโดยบังเอิญ และรู้สึกเหมือนรักแรกพบ แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับ ฟัก เมื่อเขากลับบ้านเขาพบว่า สมทรง เป็นสาวที่ไม่เต็มเต็ง และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นเมียของพ่อเขาอีก และจู่ ๆ พ่อของเขาก็ตายจากไป ทิ้ง สมทรง ให้เป็นภาระของ ฟัก ที่ต้องดูแล การใช้ชีวิตตามลำพังกับ สมทรง ฟัก ต้องต่อสู้อย่างหนัก กับความต้องการทั้งทางร่างกาย และทางหัวใจที่เขามีต่อเธอ แม้จะยากแต่เขาก็รับเลี้ยงดู และอยู่ร่วมกันกับเธอต่อไป เพราะเขาคิดว่าเป็นหน้าที่ที่พึงมีต่อมนุษย์ผู้อ่อนแอกว่า และที่สำคัญ เขาเองก็มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตกับเธอ ชาวบ้านเริ่มจับตาพฤติกรรมของหนุ่มสาวคู่นี้มากขึ้น ในที่สุดชาวบ้านก็เชื่อแน่ว่า ฟัก กระทำผิดอย่างร้ายกาจ คือเอาเมียพ่อเป็นเมีย ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยล่วงเกินใด ๆ ทางกายต่อ สมทรง และเขาก็สาบานกับตัวเองว่า เขาไม่มีวันร่วมหลับนอนกับเธอเด็ดขาด พฤติกรรมแปลก ๆ ของ สมทรง เช่น แก้ผ้าอาบน้ำไม่เป็นที่เป็นทาง ร้อนก็ถอดเสื้อผ้ากลางสวน โกรธก็เปิดผ้านุ่งโชว์ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ จนถึงขั้นจะขับไล่เธอออกจากหมู่บ้าน ฟัก ต่อสู้กับชาวบ้านอย่างหนักเพื่อรักษา สมทรง ไว้ จนชาวบ้านหันมาเกลียด ฟัก และคิดว่าเขามัวเมาในกาม จนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี นำความเสื่อมเสียมาสู่หมู่บ้าน ท่ามกลางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสังคม เส้นที่ขีดกั้นระหว่าง ดี - ชั่ว หรือ ถูก - ผิด ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกที่ ฟัก มีต่อ สมทรง การอยากปกป้องดูแลผู้หญิงไม่เต็มเต็งคนหนึ่ง กลายเป็นความผิดด้วยหรือ? คำพิพากษาเรื่องราวความรักอันบริสุทธิ์ ที่ถูกผลักดันให้กลับกลายเป็นเรื่องเศร้าสะเทือนใจของ ไอ้ฟัก
เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี (2547/2004) หมู่บ้านมอญเล็กๆ ที่มีความสงบสุขมาตลอด ชาวบ้านมีความรักใคร่กลมเกลียวกัน คนในหมู่บ้านก็มีความสามัคคีกันทุกครัวเรือน แต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดเมื่อ กาหลง หญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเกิดตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ อันเป็นการตายแบบสยดสยอง สร้างความอกสั่นขวัญหายให้กับคนในหมู่บ้าน ที่ต่างคิดว่าเป็นการกระทำของพวกผีปิศาจ ก่อนตาย กาหลง อาศัยอยู่กับพ่อและแม่พร้อมด้วยลูกน้อยวัย 8 ขวบอีกคน ที่ได้เป็นเณรอยู่วัดประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้กาหลงยังมีน้องสาวแสนสวยอีกคนชื่อ ปิปี้ ทำงานอยู่ในเมืองหลวง ในวันแรกของงานศพกาหลง ชาวบ้านต่างทยอยมาร่วมงานกันพอประมาณ ก๊วนขี้เมาจอมแสบนำทีมโดย หนูแดง พร้อมด้วย แตงไทย ไหมดี และสีดา เกิดเมาได้ที่ ก็อุตริขึ้นไปสวดมาลัยแบบผิดๆ ถูกๆ ต่อหน้าศพ แล้วก็ได้เรื่องเมื่อทั้งก๊วนขี้เมาจอมแสบและชาวบ้านที่อยู่ในงาน ต้องเผ่นกันป่าราบกับความสยองที่ต่างเผชิญกันมา ปิปี้ทราบถึงการเสียชีวิตของพี่สาวก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางโดน แดน ลูกชายกำนันโด่งที่หลงรักปิปี้แทะโลมแต่ปิปี้ไม่สนใจ กำนันโด่งเป็นผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่น นอกจากนี้เบื้องลึกกำนันโด่งยังชอบหลอกล่อสาวๆ หน้าตาดีในหมู่บ้านมาบำเรอ โดยใช้หมอเสน่ห์นามว่าอาจารย์แอ เป็นผู้ทำเสน่ห์ยาแฝดมาให้ วิญญาณกาหลงไม่สงบสุขเมื่อเณรแอได้ปลุกเธอขึ้นมาเพื่อลนเอาน้ำมันพราย แล้วเณรแอยังสะกดวิญญาณกาหลงให้เป็นทาสตังเองอีกด้วย กาหลงได้มาเข้าฝันเณรลูกชายให้หาทางช่วยปลดปล่อยจากความทรมานสำหรับวิญญาณตนเอง เณรน้อยสงสารโยมแม่จึงขะมักเขม้นกับการร่ำเรียนตำราทางไสยเวศย์เพื่อช่วยโยมแม่ หมู่บ้านที่เคยสงบสุขเวลานี้ได้เกิดอาเพศอย่างหนัก เมื่อเกิดผีออกมาอาละวาด แม้แต่หลวงพ่อแนบ และพระเณรในวัดต่างก็กลัวผีกันไปตามๆ กัน กระทอก หนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านกับปิปี้เกิดมีความรักชอบพอกัน สร้างความไม่พอใจให้กับแดนและดวงตา ลูกสาวของกำนันโด่ง ที่แอบรักกระทอกอยู่ วิญญาณกาหลงได้พยายามสื่อสารกับคนในหมู่บ้าน โดยการเข้าสิงร่างนางเอกลิเกที่กำลังแสดงแก้บนเพื่อบอกให้ชาวบ้านรู้ว่าเวลานี้มีหญิงสาวกำลังโดนมนต์สะกดของอาจารย์แอ แต่กว่าจะสื่อกันรู้เรื่องก็เกือบจะทำให้ชาวบ้านเผ่นหนีกันเป็นแถว หนูแดงพร้อมชาวบ้านนำกำลังกันไปตามหาหญิงสาว ทางด้านอาจารย์เณรแอระหว่างที่กำลังสะกดสาวชาวบ้าน สัปเหร่อชอบกับพวกเกิดมาเห็นเข้า อาจารย์แอรู้ตัวก็สั่งให้วิญญาณที่ตนเองเลี้ยงไว้ออกไปทำร้ายพวกสัปเหร่อชอบ กลุ่มสัปเหร่อหนีผีมาเจอกับกลุ่มหนูแดงแบบกระชั้นชิด ก็ทำให้หนูแดงและชาวบ้านหนีเผ่นอีกครั้ง เพราะเข้าใจว่าลูกน้องสัปเหร่อชอบที่หน้าตาไม่ต่างอะไรกับผีคือผี ก็เลยเผ่นกันไปคนละทิศละทาง ก่อนที่จะวิ่งมารวมกันอีกทีเมื่อถึงบริเวณวัด เพราะหวังเอาพระเป็นที่พึ่ง ขณะที่หลวงพ่อแนบและพระเณรในวัดต่างก็หวาดๆ กับผีที่อาละวาดอยู่ขณะนี้ พอชาวบ้านวิ่งเข้าวัดและทราบว่าผีกำลังไล่ล่าอยู่ งานนี้ทั้งหลวงพ่อ พระ เณร ต่างก็วิ่งกันจีวรปลิว เมื่อพระยังเผ่นมีหรือชาวบ้านจะอยู่ก็เผ่นกันไปคนละทิศละทาง การอาละวาดของผี ทำให้ชาวบ้านต้องจ้างหมอผีมาปราบ แต่แทนที่หมอผีจะมาปราบผีกลับหนีผีอย่างไม่เหลียวหลัง ทำเอาชาวบ้านต้องเผ่นอีกครั้ง ศึกคาถาอาคมเริ่มระเบิดขึ้น เมื่ออาจารย์แอเตรียมปลุกผีทั้งป่าช้าออกล่าชาวบ้าน ขณะที่เณรน้อยผู้มุ่งมั่นศึกษาวิชาด้านไสยศาสตร์จนช่ำชอง ก็เตรียมที่จะช่วยชาวบ้านให้พ้นจากเณรแอ เณรจะช่วยวิญญาณกาหลงผู้เป็นแม่ได้หรือไม่ กาหลงตายเพราะเหตุใด การต่อสู้ของเณรกับอาจารย์แอจะเป็นอย่างไร หาคำตอบได้ใน เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี