เสือข้ามแดน (2508)

เสือข้ามแดน (2508/1965) ร้อยป่าภาคพิเศษ เสือข้ามแดน ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ ตื่นเต้นสุดยอด จากนวนิยายขายดีของ อรชร พันธุ์ บางกอก เลือดพล่านด้วยเล่ห์เหลี่ยมร้อยแปดของทรชน ชม...พฤติการณ์ใหม่ของ เสือ กลิ่นสัก ผู้รักความยุติธรรมเท่าชีวิต

วังเสือ (2508)
วังเสือ (2508/1965) ข้อความบนใบปิด ศิวารมณ์ภาพยนตร์ เสนอ 2 ผู้กำกับ มารุต-เนรมิต วังเสือ มิตร-เพชรา ประจวบ พบ รัตนาภรณ์ ธม ธาตรี สร้างบทจากละครวิทยุ รัตน์ เศรษฐภักดี ถ่ายภาพ สงาน มัทวพันธ์ อำนวยการสร้าง เอวันฟิล์ม จัดจำหน่าย
ครุฑเพชร (2508)

ครุฑเพชร (2508/1965) เกรียงไกรที่สุดคือจุดนัดพบของ 5 พระเอกนักบู๊ บทประพันธ์ของสามนักประพันธ์ชื่อก้อง ส.เนาวราช-พนมเทียน-อ้อย อัจฉริยกร มาแล้ว...มาอย่างแกล้วกล้าท้าทาย 5 สหาย ยอดชายชาตรี ชีพ ชูชัย, เหยี่ยวราตรี, ขุนดง, วุธ วัชระ และจ่าดับ จำเปาะ เพราะ สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์-จรี อมาตยกุล 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์ไทย ร่วมสร้าง ดีเด็ด-โด่งดัง-ทั้งเย้ยฟ้า-ท้านรก และใต้ทะเลลึก พร้อมด้วยกองเรือตำรวจน้ำ-ทีมนักแม่นปืนกรมตำรวจ สมาชิกสมาคมมนุษย์กบ-หมู่พลร่มถล่มฟ้า

สุภาพบุรุษนักเลง (2508)
สุภาพบุรุษนักเลง (2508/1965) มิตร-เพชรา ข้อความบนรูปโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ไม่ยอดเยี่ยม ไม่ยิ่งใหญ่ แต่ เข้าไส้วิเศษสุด! 7 ดาราเอกพบกันเป็นครั้งแรก มิตร-เพชรา (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), ทักษิณ แจ่มผล, ส.อาสนจินดา, อภิญญา วีระขจร, ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี สุเทพภาพยนตร์ ภูมิใจเสนอ สุภาพบุรุษนักเลง จากบทประพันธ์ของ ช่อทิพย์วรรรณ ร่วมด้วย (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), สังเวียน หาญบุญตรง, ถวัลย์ คีรีวัต, ชนินทร์ นฤปกรณ์, เทียนชัย, สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม) ฯลฯ เพื่อให้สมกับคำว่า สุภาพบุรุษนักเลง จึงเชิญ ม.ล.รุจิรา-มารศรี นักพากย์เงินล้าน พากย์ประเดิมชัยอย่างสุดคารม ร่วมด้วย มนทิพย์ นาฏยา ศาลาเฉลิมบุรี ยุคพัฒนา จะสร้างความเชื่อมั่นแก่แฟนหนังไทย ส.อาสนจินดา กำกับการแสดง ส.สุเทพ-สงคราม ถ่ายภาพ สมบูรณ์ จันทร์สมบูรณ์ อำนวยการสร้าง ที่ เฉลิมบุรี ยุคพัฒนา โปรแกรมหน้า
ธนูทอง (2508)

เรื่องย่อ : ธนูทอง (2508/1965) กมลสิงห์ กษัตริย์หนุ่มบ้าเลือดที่รักการทำสงครามเป็นชีวิตจิตใจ ยกทัพไปตีและยึดเมืองต่างๆไปทั่ว จนมีเมืองหนึ่งเจ้าผู้ครองเมืองไม่อยากรบเลยคิดแผนแยบยลส่งเจ้าหญิงพระราชธิดามาเป็นเครื่องบรรณาการ ตอนแรกกษัตริย์หนุ่มก็ไม่ได้สนพระทัยเพราะมุ่งแต่จะทำสงคราม แต่สุดท้ายก็ทนความเย้ายวนของเจ้าหญิงไม่ได้จึงอภิเษกเจ้าหญิงเป็นพระมเหสีและยุติการทำสงครามไปพักใหญ่ ต่อมาบรรดาเสนาก็มาทูลชวนให้ไปรบต่อ มิเช่นนั้นประชาชนจะเห็นว่ากษัตริย์ของตนนั้นขี้ขลาด ลุ่มหลงอยู่แต่กับอิสตรี กษัตริย์หนุ่มก็เลยจำใจเตรียมจะยกทัพไปบุกเมืองของเจ้าหญิงพระมเหสี ฝ่ายเจ้าหญิงแอบรู้แผนการก่อนเลยส่งสารไปบอกพระบิดาของตนเอง ทำให้ฝ่ายกษัตริย์หนุ่มรบไม่ชนะ กษัตริย์หนุ่มทรงพิโรธมาก ตรัสว่าถ้ารู้ว่าใครเป็นไส้ศึกจะประหารด้วยมือของพระองค์เอง เจ้าหญิงเลยออกมาพูดความจริงว่าตนเองที่เป็นไส้ศึก และขอให้พระสวามีประหารชีวิตตนเสียเพราะเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วต้องไม่คืนคำ ฉากสุดท้ายสุดเศร้าคือฉากที่กษัตริย์หนุ่มจำใจประหารพระมเหสีสุดรักด้วย ธนูทอง และพระองค์ก็ตัดสินพระทัยดึงธนูทองที่ปักอยู่ที่พระอุระของมเหสียอดรักมาปักที่หัวใจพระองค์เอง สิ้นพระชนม์ไปด้วยกัน

เทพบุตรนักเลง (2508)

เทพบุตรนักเลง (2508/1965) เทพบุตรนักเลง ของ รพีพร นวนิยายชีวิตที่ฮิตที่สุดในนิตยสาร "บางกอก" ดู! ครั้งแรก...ครั้งสำคัญ ที่สองเทพบุตรนักสู้ (โผน กิ่งเพชร) พบ อภิเดช ศิษย์หิรัญ ชม สุเทพโชว์-เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ร่วมแสดงและร้องเพลงประกอบ "ป่าลั่น" ยุคสมัยของคนหนุ่มได้เริ่มขึ้นแล้ว ด้วยศรัทธาอันทรงพลัง "เทพบุตรนักเลง" จึงปรากฏกายอย่างสง่า พร้อมที่จะให้ท่านพิสูจน์ในความดี และเรียบร้อยทุกด้าน... จากนวนิยายฮิตที่ฮิตที่สุด ในนิตยสาร "บางกอก" ของนักประพันธ์ตุ๊กตาทอง รพีพร

5 พยัคฆ์ร้าย (2508)
5 พยัคฆ์ร้าย (2508/1965) เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ตำบลสันฉลาม เมื่อสองไร่ระหว่าง ไร่นายทอง เอกเทศ (ทัต เอกทัต) กับไร่ของผู้ใหญ่แพง ไพบูลย์ ทั้งสองไร่ต่างไม่ถูกกัน เพราะนายทองพยายามจะซื้อไร่ของผู้ใหญ่แพง แต่ผู้ใหญ่แพงไม่ยอมขาย จึงใช้อิทธิพลบีบคั้นผู้ใหญ่แพง. ผู้ใหญ่แพงมีลูกชายนิสัยใจร้อน โพธ ไพบูลย์ (ชนะ ศรีอุบล) กับลูกสาว ไพรำ ไพบูลย์ (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) โพธมีภรรยาแลัวชื่อ วไลพร (ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี) วันหนึ่งผู้ใหญ่แพงถูกลอบสังหาร บนบ้านตนเองโพธกับไพรำเข้าประคองพ่อ ก่อนตายพ่อบอกไม่ให้ขายที่และอย่าอาฆาตแค้น แต่โพธไม่ฟังไล่ล่าคนยิงพ่อตนเองไปจนเข้าเขตไร่นายทอง จนโดนยิงบาดเจ็บกลับไร่ตนเอง เพราะนายทองมีลูกน้องฝีมือดี 4 คน คือ ฟ้าฟื้น ฟันเสือ (ทักษิณ แจ่มผล) โอ อัสนี (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) เคียว ดาวคะนอง (อดินันท์ สิงห์หิรัญ) ง่วน งาแซง (ชาณีย์ ยอดชัย) โพธ มักมีเรื่องกับพวกนายทองตลอดหลังพ่อตาย ด้วยความใจร้อนของโพธ วันหนึ่งที่บาร์พรานทะเลของนายทอง มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งได้เข้ามาในบาร์ อย่างไม่หวั่นเกรงผู้ใด ทั้งที่ทุกสายตาในร้านต่างมองดูเขาอยู่ โดยเฉพาะกับฟ้าฟื้น โอ เคียว และปริศนา (ปรียา รุ่งเรือง) ผู้จัดการบาร์ ที่มองความหล่อเหลาของชายแปลกหน้า เขาสั่งเหล้ากระดกเข้าปากอย่างไม่กลัวบาดคอ ฟ้าฟื้นสั่งให้เคียวไปถามชายแปลกหน้าว่าเป็นใคร ความยียวนของเคียว เลยโดนยียวนกลับ แต่ก็ได้รู้ว่าชื่อ เชษฐ ชวาล ((มิตร ชัยบัญชา)) มาหางานทำ ด้วยลีลายียวนของเชษฐทำให้เคียวหมั่นไส้ จึงประหมัดกับเชษฐ แต่สุดท้ายก็สู้เชษฐไม่ได้ไปนอนกองอยู่กับพื้น ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนใจอยู่เชษฐ โดยไม่รู้ว่ามีชายแปลกหน้าอีกคนเข้ามาในร้าน เมื่อเคียวสลบ ชายแปลกหน้าก็เช้าท้าเชษฐ บอกว่า "ดีแต่รังแกผู้ที่มีฝีมือด้อยกว่า" แล้วบอกชื่อตนเองว่า คือ เผด็จ ผันผยอง (สมบัติ เมทะนึ) ขอท้าเชษฐ ทั้งสองแรกหมัดกันไม่มีแพ้ไม่มีชนะ จนหมดแรงทั้งคู่ ก่อนเชษฐจะแยกออกไปจากบาร์โดยมีฟ้าฟื้นแอบสะกดรอยตามเชษฐไป ส่วนเผด็จ โอได้ชักชวนให้มาทำงานด้วยกัน ฟ้าฟื้นได้เห็นเชษฐไปหาโพธ ได้มาเล่าให้นายทองฟัง นายทองสั่งให้จับตัวเชษฐถ้ามาที่บาร์ แล้วเชษฐก็กลับมาบาร์พรานทะเลอีกครั้ง จึงถูกนายทองซักถาม แต่ไม่ได้ความเลยใช้วิชาสะกดจิต เชษฐบอกว่ามารับจ้างทำไร่ให้โพธ นายทองให้เคียวกับพวกซ้อมเชษฐจนสลบแล้วเอาไปโยนทิ้งนอกร้าน โพธกับไพรำและคนในไร่มาตามเชษฐ ได้มาช่วยเชษฐ พาขึ้นรถหนี เคียวขับรถไล่ตาม รถเคียวพลาดเสียหลักพลิกคว่ำรถระเบิด เคึยวกับลูกน้องเสียชีวิต นายทองแค้นโพธเป็นอันมาก เผด็จได้เจอกับทิพมล (จีน่า ฮัน) ลูกสาวของนายทอง เผด็จกับทิพมลเคยรักกันในสมัยเรียนที่กรุงเทพฯ ก่อนแยกย้ายกันไป ถ่านไฟเก่าครุ ทั้งาองกลับมารักกันอีกครั้ง นายทองรู้เรื่องไม่พอใจ ให้ลูกน้องจับเผด็จ แต่ลูกน้องสู้เผด็จไม่ได้ เผด็จหนีไปได้ ทิพมลไปหาโพธกับเชษฐเพื่อขอให้ช่วยเผด็จ เผด็จถูกนายทองจับจนได้ โพธรู้ดีว่าทิพมลเป็นคนดี เชษฐจึงบอกความจริงว่า เผด็จเป็นเพื่อนรักของเขากับโพธ ถูกส่งตัวมาเพื่อสืบหาผู้ก่อการร้ายที่เตรียมจะทำลายล้างประเทศ เชษฐสืบแล้วนายทองไม่ใช่ตัวการ เชษฐได้ขอให้ปริศนาช่วย ทิพมลกับปริศนาช่วยเผด็จ ระหว่างทั้งสองสาวกำลังช่วยเผด็จ โอได้อัดเทปเสียงทั้งหมดไว้ เอาให้นายทองฟัง นายทองโมโหที่ทิพมลกับปริศนาหักหลังตน
ชาติเจ้าพระยา (2508)
ชาติเจ้าพระยา (2508/1965) ปิง ปราการ (ชนะ ศรีอุบล) วัง วาปี (ฤทธิ์ นฤบาล) ยม ยางแดง (อดินันท์ สิงห์หิรัญ) น่าน นาเมือง (ทรงวุฒิ สุทธิเมธี) ทั้งสี่มาพบและเป็นเพื่อนกันด้วยเป้าหมายเดียวกันคือตามหาคนฆ่าพ่อของตน หลังจากที่ทั้งสี่กลับมาจากเป็นทหารรับใช้ชาติไปรบที่เกาหลีมา ปิง วัง ยม และน่าน ได้มาทำงานกับพ่อเลี้ยงธงชัย เชิงพาณิชย์ (พันคำ) ที่มีธุรกิจส่งสินค้าขึ้นลงกรุงเทพฯ - ปากน้ำโพ ด้วยมีฝีมือในการต่อสู้ ปิง วัง ยม น่าน จึงทำหน้าที่ควบคุมเรือ พ่อเลี้ยงธงชัยได้ยืมมือทั้งสี่กำจัดคู่แข่งโดยทั้งสี่ไม่รู้ตัว อ้างว่าคู่แข่งคือผู้ที่ฆ่าพ่อของทั้งสี่ ให้ทั้งสี่ปลอมตัวปะปนไปกับเรื่องคู่แข่งแล้วจัดการสังหารคู่แข่งซะ ความเข้าใจผิดทำให้ทั้งสี่สังหารคนในเรือ พ่อเลี้ยงธงชัยดัดหลังโดยบอกให้ตำรวจมาจับคนทั้งสี่ ที่เรือนจำ ทั้งสี่ได้เจอชาติ เจ้าพระยา ((มิตร ชัยบัญชา)) หนุ่มจอมกะล่อนที่ติดคุกเพราะฆ่าคนตาย หลังพ้นคุก ปิง วัง ยม น่าน ตัดสินใจจะกลับตัวเป็นคนดี แต่ชาติได้แอบเขียนจดหมายถึงพ่อเลี้ยงธงชัยบอกว่า ทั้งสี่จะกลับมาล้างแค้น พ่อเลี้ยงธงชัยจึงส่งสมุนมาเล่นงานทั้งสี่ ก่อนจะพลาดท่าชาติกับพิศดาร โอฬารกุล (ทักษิณ แจ่มผล) ได้เข้ามาช่วยคนทั้งสี่ ชาติ เจ้าพระยาทำตัวเป็นนกสองหัว แถมเจ้าชู้ ยามอยู่กับปิง วัง ยม น่าน เขาบอกมีทุนให้ทำธุรกิจแข่งกับพ่อเลี้ยงธงชัย พอลับหลังชาติก็มาหาพ่อเลี้ยง บอกทั้งสี่มีแผนจะโค่นล้มพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงธงชัยจึงมักตบรางวัลให้ทุกครั้งที่มาบอกความ พ่อเลี้ยงธงชัยมีลูกสาว 3 คน คือ อ่าองค์ (เมตตา รุ่งรัตน์) อ้อยทิพย์ (เพชรา เชาวราษฏร์) คนกลาง อ้อมใจ (โสภา สถาพร) คนเล็ก ลูกสาวทั้งสามของพ่อเลี้ยงแกร่ง ห้าวราวกับชายอกสามศอก ชาติ เจ้าพระยาได้ใกล้ชิดกับอ้อยทิพย์ จนได้รู้ความเคลื่อนไหวของพ่อเลี้ยงธงชัย ชาติได้ยั่วโทสะพ่อเลี้ยงและกับปิง วัง ยม น่าน จนยิงกันหลายครั้ง โดยวิธีการทำเป็นนกสองหัวของชาติ นอกจากเป็นนกสองหัวแล้วชาติยังทำตัวเจ้าชู้กับคนรักของปิง วัง ยม น่าน นั่นคือ อ้อมใจ อ่าองค์ เดือนฉาย (บุษกร สาครรัตน์) ใบไม้ (ปรียา รุ่งเรือง) แต่จริงแล้วคนที่ชาติรักคือ อ้อยทิพย์
อินทรีมหากาฬ (2508)
อินทรีมหากาฬ (2508/1965) ข้อความบนใบปิด วัชรภาพยนตร์ ร่วม กองพันราชวัลลภ พบดาราชุด เล็บอินทรี – เก้ามหากาฬ ครั้งยิ่งใหญ่ รบ รัก ชีวิต เสทือนใจ ไม่มีใครกล้าสร้าง อินทรีมหากาฬ ของ ส.เนาวราช มอบบทบาทให้ 67 ดารา (มิตร ชัยบัญชา) พบสองดาราตุ๊กตาทอง พิศมัย วิไลสักดิ์ (ไชยา สุริยัน) พร้อมด้วย ทักษิณ แจ่มผล, โยธิน เทวราช, ฤทธี นฤบาล, (อดุลย์ ดุลยรัตน์), วิไลวรรณ วัฒนพานิช, อนุชา รัตนมาลย์, กวี, อภิญญา วีระขจร, สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต, ถวัลย์ คีรีวัต, สังเวียน หาญบุญตรง, เทียนชัย, บังเละ, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ทองฮะ, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, ยนตร์, พรชัย, เชาว์ แคล่วคล่อง, ฉลวย, แป้น ปลื้มสระไชย, ปฐมชัย, และสาวสวยคนใหม่ ใจดาว บุษยา จากรั้วศิลปากร ราณี ว่องสวัสดิ์ ส.อาสนจินดา กำกับการแสดง ฉลอง ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ วิมล ยิ้มละมัย อำนวยการสร้าง สนั่น นาคสู่สุข ดำเนินงาน บริษัทวัชรภาพยนตร์จำกัด จัดจำหน่าย
เสือไม่ทิ้งลาย (2507)
เสือไม่ทิ้งลาย (2507/1964) ข้อความบนใบปิด เบญจมินทร์ภาพยนตร์ เสนอ (ไชยา สุริยัน) เสือไม่ทิ้งลาย ของ มณเฑียรทอง ผู้ประพันธ์ “เสือเฒ่า” สีสวยสด ร่วมด้วย (ชนะ ศรีอุบล), อุษา อัจฉรานิมิต, สุพรรณ บูรณพิมพ์, เชาว์ แคล่วคล่อง, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ) ฯลฯ และขอแนะนำดาวรุ่งดวงใหม่ รุ้งสวรรค์
อาชญากร 999 (2507)
อาชญากร 999 (2507/1964) อาชญากร 999 เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2507 สร้างโดย โดมฤดีโปรดักชั่น โดยมี โดม แดนไทย เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ศิริ ศิริจินดา และจัดจำหน่ายโดยเอวันฟิล์ม เป็นภาพยนตร์บู๊ที่ได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์เจมส์บอนด์ที่เข้าฉายในไทยเมื่อต้นปี 2507 เรื่อง Dr. No (1962) ปัจจุบันภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่หลงเหลือฟิล์มแล้ว
ศึกประจันตคาม (2507)
ศึกประจันตคาม (2507/1964) ข้อความบนใบปิด จิตรวาณีภาพยนตร์ ห้าชายสหายร่วมชีวิต ได้มิตรใหม่มาอีกหนึ่ง จึงเป็นหกชายฉกรรจ์ ร่วมโรมรัน...ใน... ศึกประจันตคาม ของ อรวรรณ (มิตร ชัยบัญชา) เอื้อมเดือน อัษฎา กิ่งดาว ดารณี ทักษิณ แจ่มผล (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) ราชันย์ กาญจนมาศ วิน วิศณุรักษ์ เปรมชัย ประภากร นำแสดง สุดเฉลียว เกตุผล, (สมพล กงสุวรรณ), (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), ทศ วงศ์งาม, (เทียว ธารา), แววตา อาษาสุข, พศ, สมโภชน์, สุวรรณ, ทองแถม เขียวแสงใส, แป๊ะอ้วน, (ล้อต๊อก), อบ บุญติด ดารารับเชิญ พงษ์ลดา พิมลพรรณ, เทพี เอกพันธ์ (รังสี ทัศนพยัคฆ์) กำกับการแสดง กิจติพงษ์ เวศูญาณ อำนวยการสร้าง ขุนแผน ดำเนินงาน ธีระ แอคะรัจน์ ถ่ายภาพ
เล็บเหล็ก (2507)

เล็บเหล็ก (2507/1964) ไชยา-รัตนาภรณ์ ข้อความบนรูปโฆษณา กมลศิลป์ภาพยนตร์ เสนอ เล็บเหล็ก จากบทประพันธ์ “เล็บมัจจุราช” ของ เมศร์ ศราวุธ (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) (ไชยา สุริยัน) แสดงนำ ร่วมด้วย (อดุลย์ ดุลยรัตน์), สมควร กระจ่างศาสตร์, (ชฎาพร วชิรปราณี), แววตา อาษาสุข, ราชันย์ กาญจนมาศ, (สมพล กงสุวรรณ), (เทียว ธารา), สังวรณ์ ฯลฯ ดารารับเชิญ อรสา อิศรางกูร, วีนัส พยัคฆชาติ อนุศักดิ์ เจนจรัสสกุล ถ่ายภาพ (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) อำนวยการสร้าง น้อย กมลวาทิน กำกับการแสดง วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย

 
สิงห์ล่าสิงห์ (2507)

สิงห์ล่าสิงห์ (2507/1964) อินทรเดช เดินทางกลับบ้านหลังจากที่พ่อของเขาถูกฆ่า แต่ถูกคนร้ายซุ่มทำร้ายระหว่างทางแต่รอดมาได้ และได้รู้จักกับ แตงอ่อน ต่อมาทราบว่า หมู่บ้าน นางหงส์ตกอยู่ใต้อิทธิพลของ ลำเนาว์ อินทรเดชกลับมาตามล่าคนที่ฆ่าพ่อ ได้รับความช่วยเหลือจาก เกรียง, ยโส,แขม ต่อมาเขาได้พบกับมือปืนที่ฆ่าพ่อของ อินทรเดช ชื่อ กัลป์ และเป็นคนรักของ ลำเนาว์ ต่อมาเกิดการหักเหลี่ยมขึ้นระหว่าง กัลป์กับอินทรเดช ทั้งการหาความจริงของสาเหตุในการตายของพ่อ และการช่วงชิงคนรักกัน

จ้าวพยัคฆ์ (2507)

จ้าวพยัคฆ์ (2507/1964) ข้อความบนใบปิด ธาดาภาพยนตร์ เสนอ จ้าวพยัคฆ์ ของ เศก ดุสิต ส.อาสนจินดา กำกับการแสดง ฉลอง ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ ฐิติรัชต์ ภักดีวิจิตร อำนวยการสร้าง นำโดย (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (ชนะ ศรีอุบล) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) บุศรา นฤมิตร ร่วมด้วย ทักษิณ แจ่มผล, (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), วิไลวรรณ วัฒนพานิช, แววตา อาษาสุข, ส.อาสนจินดา, สังเวียน หาญบุญตรง, ประมินทร์ จารุจารีต, เทียนชัย, (เสน่ห์ โกมารชุน), (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, แป้น ปลื้มสระไชย, ยนตร์, (ล้อต๊อก), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม) วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย

 
คมแสนคม (2507)
คมแสนคม (2507/1964) ข้อความบนใบปิด บริษัทสหการภาพยนตร์ไทยจำกัด อำนวยการสร้าง ขอเสนอนางเอกใหม่ วัลย์ลดา รุ้งวิไล พบ (ลือชัย นฤนาท) เรื่องเดียวเท่านั้น อย่าได้หาอื่นใดมาเทียม ทั้งร้อยยอด พันเยี่ยม ก็ไม่เทียม... คมแสนคม จากบทประพันธ์ของ รังษี เทพวรสิน พร้อมด้วย (เมตตา รุ่งรัตน์), (อดุลย์ ดุลยรัตน์), พันคำ, (รุจน์ รณภพ), เชาว์ แคล่วคล่อง, เยาวเรศ นิสากร, ชาลี อินทรวิจิตร, (ชุมพร เทพพิทักษ์), อิทธิพล ชัยสมร ร่วมด้วย พูนสวัสดิ์ ธีมากร, (ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา), ชนินทร์, วิชิต ไวงาน, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), สาหัส บุญหลง, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง คุณาวุฒิ กำกับการแสดง
พันธุ์ลูกหม้อ (2507)

พันธุ์ลูกหม้อ (2507/1964) มิตร-เพชรา ข้อความบนใบปิด เก่งฉกาจ ชาติฉกรรจ์ ยิ่งดู ยิ่งมัน ต้อง พันธุ์ลูกหม้อ จากบทประพันธ์ ของ อรวรรณ ไทยฟิล์ม จัดเสนอเป็นโปรแกรมต้อนรับสารทจีน นำแสดงโดย (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) (บุษกร สาครรัตน์), อุษา อัจฉรานิมิต, (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), อนุชา รัตนมาลย์, (รุจน์ รณภพ), เชาว์ แคล่วคล่อง, สมควร กระจ่างศาสตร์, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), (ทานทัต วิภาตะโยธิน), แป๊ะอ้วน, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ปราณีต คุ้มเดช, แป้น ปลื้มสระไชย, ชาย มีคุณสุต ฯลฯ เนรมิต กำกับการแสดง อนันต์ อินลออ ถ่ายภาพ มงคล ตันติวงศ์ อำนวยการสร้าง สุวรรณา มุกดาประกร ดำเนินงาน

 
ยอดรักพยัคฆ์ร้าย (2507)
ยอดรักพยัคฆ์ร้าย (2507/1964) ยอดรักพยัคฆ์ร้าย เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2507 เป็นผลงานการกำกับของครู(รังสี ทัศนพยัคฆ์) และจัดจำหน่ายโดย วัชรภาพยนตร์
กฎหมายป่า (2507)
กฎหมายป่า (2507/1964) ข้อความบนรูปโฆษณา (ในสื่อสิ่งพิมพ์) รัตนมาลย์ภาพยนตร์ เสนอ ยอดหนังไทย บู๊อร่อย! ต่อยกันสะบั้น! มันถึงใจ! ใน... กฎหมายป่า ของ ก้อง อินทรกำจร นำโดยยอดดารา (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) อนุชา รัตนมาลย์ ฤทธี นฤบาล ปริม ประภาพร (ปรียา รุ่งเรือง) อภิญญา วีระขจร ร่วมด้วย (พร ไพโรจน์), (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), ประมินทร์ จารุจารีต, (สมพล กงสุวรรณ), (ทานทัต วิภาตะโยธิน), วิน วันชัย, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, (เทียว ธารา), บู๊ วิบูลย์นันท์, (เสน่ห์ โกมารชุน), (ล้อต๊อก), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), สำราญ, ชาย ฯลฯ
เลือดแค้น (2507)

เลือดแค้น (2507/1964) ข้อความบนใบปิด พงษ์มิตรภาพยนตร์ เสนอ ภาพยนตร์ชีวิตการต่อสู้ของลูกผู้ชาย เลือดแค้น บทประพันธ์ของส.เนาวราช (มิตร ชัยบัญชา) บุศรา นฤมิต (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) อุษา อัจฉรานิมิตร ทัต เอกทัต, สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย, ถวัลย์ คีรีวัต, (ปรียา รุ่งเรือง), วิชิต ไวงาน, สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก), (เสน่ห์ โกมารชุน), ชูศรี โรจนประดิษฐ์, ธรรมนูญ ปุงคานนท์, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, พิภพ พู่ภิญโญ, สมพงษ์ พงษ์มิตร อำนวยการสร้าง ปริญญา ลีละศร กำกับการแสดง แสวง ดิษยวรรธนะ ถ่ายภาพ เสรีภาพยนตร์ จัดจำหน่าย

 
ขุนดง (2507)
ขุนดง (2507/1964) ข้อความบนรูปโฆษณา จินดาวรรณภาพยนตร์ ภูมิใจเสนอ แชมเปี้ยนโลก ยอดขวัญใจของชาวไทย (โผน กิ่งเพชร) บอกตรงๆ ขุนดง ดีจริงๆ จากบทประพันธ์อันเกรียวกราวที่สุดของ อ้อย อัจฉริยกร ขอแนะนำพระเอกสุภาพบุรุษจากอังกฤษ (เสกสรร สัตยา) ร่วมด้วย (ขวัญใจ สะอาดรักษ์), (เมตตา รุ่งรัตน์), (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), (บุษกร สาครรัตน์), (ปันใจ นาควัฒนา), (ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา) และสาวอกอวบ...(แก่นใจ มีนะกนิษฐ์) (เมืองเริง ปัทมินทร์), (สุวิน สว่างรัตน์), (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), (เทียว ธารา), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ไศล พูนชัย ฯลฯ และผู้แสดงประกอบนับพัน กับกองคาราวานเกวียนจาก 4 จังหวัด ประทีป โกมลภิส สร้างบทภาพยนตร์ ศิริ ศิริจินดา อำนวยการสร้าง-กำกับการแสดง สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ เริ่ม 24 เมษานี้ที่...คาเธ่ย์ วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
สมิงบ้านไร่ (2507)
สมิงบ้านไร่ (2507/1964) ในละแวกตำบลบ้านไร่ คนที่ใหญ่ยิ่งด้วยอิทธิพลที่สุด มั่งมีที่สุด เหี้ยมโหดที่สุดและดุร้ายที่สุด สามารถคุมนักเลงฝีมือดีไว้ได้มากมายหลายคนคือ โมกขศักดิ์ ผาณิตเวส (พันคำ) โมกขศักดิ์มาสู่บ้านไร่อย่างไมมีอะไรเลย แต่ด้วยความสามารถในเชิงนักเลงและเล่ห์เหลี่ยมของเขา ในที่สุดเขาก็ได้ครองตำหน่งผู้จัดการโรงงานน้ำตาล ที่ใหญ่ที่สุดของตำบล ปรากฎว่าเมื่อโมกขศักดิ์ขึ้นครองตำหน่งอำนาจนั้น โรงงานน้ำตาลจนจะล้มอยู่แล้ว เพราะว่าไม่มีชาวไร่คนใดให้ความร่วมมือ ปลูกอ้อยส่งโรงงาน และพากันหันไปปลูกพืชอื่นกันเสียหมด โมกขศักดิ์ต้องใช้วิธีแก้สถานการณ์อันน่าวิตกนี้ ด้วยการแผ่อิทธิพล ปล่อยนักเลงอันธพาลในสังกัด ให้ออกไปบังคับกดขี้ให้ชาวไร่หันกลับมาร่วมมือปลูอกอ้อยส่งโรงงาน ชาวไร่ทนต่อความบีบคั้นไม่ได้ ก็จำต้องยอมและโรงงานก็เจริญรุ่งเรืองสืบมา ในจำนวนชาวไร่ของบ้านไร่ ที่ขัดขืนไม่ยอมปลูกอ้อยส่งโรงงานนั้นมี ที่สำคัญอยู่คนหนึ่งคือ สมิง บ้านไร่ ((มิตร ชัยบัญชา)) เด็กหนุ่มคนนี้มีไร่กว้างขวางมากมาย และได้พยายามจะสลงส้มในไร่แทนพีชอย่างอื่น จึงเป็นการขัดกับจุดประสงค์ของโมกขศักดิ์นักเลงใหญ่ อย่างรุนแรง โดยธรรมดาโมกขศักดิ์จะต้องใช้อิทธิพลเล่นงานสมิง ก็ฌพราะว่าประการแรก สมิงเป็นนักสู้อย่างไม่ยอมแพ้ใคร และมีฝีมือในการต่อสู้ ไม่ว่าด้วยหมัด ปืน หรืออาวุธใด ๆ ได้อย่างดียิ่ง อีกประการหนึ่งเป็นเรื่องที่มีเบื้องหลังอยู่อย่างสำคัญ โมกขศักดิ์พาลูกเมียมาอยู่ ที่บ้านไร่ได้หน่อยเดียว ภริยาที่แสนรักของเขาก็ตายจากไป คงทิ้งลูกสาวแสนสวย และดื้อไว้ให้ชมเพียงคนเดียวชื่อว่า สัตวา ผาณิตเวส หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่า นกเขียว (เพชรา เชาวราษฏร์) ธิดาสาวคนเดียว ที่เป็นดวงใจของโมกศักดิ์ ผู้พ่อคนในบ้านไร่รู้กันว่า นกเขียว ธิดาสาวคนเดียวนี้ คือดวงใจของโมกขศักดิ์ ผู้พ่อคนในบ้านไร่รู้กันว่า ไม่มีใครกล้าขัดใจหรือว่าสู้รบปรบมือกับโมกขศักดิ์ได้ นอกจากคนเดียวคือนกเขียว ธิดาของเขานั่นเอง และเป็นการบังเอิญอย่างยิ่ง ที่ในตำบลบ้านไร่นั้นไม่มีใครถูกกับนกเขียวเท่ากับสมิง ทั้งสองคบกันเป็นเพื่อนที่ดี จนเป็นที่สงสัยกันว่าสองหนุ่มสาวจะรักกัน ด้วยเหตุนี้เอง เป็นเหตุให้โฒกขศักดิ์ไม่กล้ารุกราน สมิงบ้านไร่ เพราะเก่งว่าหากสมิงต้องเป็นอะไร เพราะเขา มันอาจจะกลายเป็นการทำลายหัวใจของลกสาวที่เปรียบด้วยชีวิตของเขาเอาก็ได้ สองฝ่ายจึงได้คุมเชิงกันเรื่อยมา วันหนึ่ง มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินผ่านมาที่บ้านไร่ และได้เข้าไปหาอะไรดื่มที่ในร้ายอาหรของน้ำผึ้ง (บุศรา นฤมิตร) หญิงสาวเจ้าของร้านที่สวยอย่างยิ่งอีกคนหนึ่ง ชายคนนั้นชื่อว่า สมัย บ้านดอน (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) ได้เกิดเรื่องกับ เดช ไช และทองก้อนสมุนเอกง 3 นายของโมกขศักดิ์ ในร้านของน้ำผึ้ง เพราะน้ำผึ้งเป็นต้นเหตุ ในตอนแรกสมัยใช้ขวานขว้างขู่ให้นักเลงสามคนนั้นกลัว แต่พอเผลอก็ถูกรุมจากนักเลงสามคนนั้น บังเอิญสมิง บ้านไร่ มาพบเข้า และได้ช่วยเหลือสมัยไว้ทันท่งทีก่อนที่จะถูกรุมถึงตายสมัย - นักพนเจรก็ตกลงใจอยู่ที่บ้านไร่กับสมิงเพื่อช่วยสมิงทำสงครามล้างอิทธิพลโมกขศักดิ์ต่อไป ระหว่างที่พักอยู่กับสมิงที่บ้านไร่นั้น สมัยไออกเดินทางไดบริเวณไร่อันกว่างขวางของสมิงและที่ชายไร่ เขาได้พบกับหญิงงามอีกคนหนึ่งชื่อว่า ทองกร (อัมพิกา ดาราวรรณ) ขณะที่เธอกำลังเปลือยกายว่ายน้ำเล่นอยู่ในลำธารพอดี สมัยได้พยายาถามชื่อจนได้ความ และทั้งสองก็รู้สึกขอบพอกันตั้งแต่นั้นมา ต่อมาอีกวันหนึ่งสมัยได้ไปดื่มเหล้าอยู่ที่ร้านของน้ำผึ้ง นกเขียว ลูกสาวของโมกขศักดิ์ได้มาหาน้ำผึ้งซื้อแป้งสักอับหนึ่ง และได้มาพบสมัยที่กำลังเมาอย่างหนัก สมัยึงได้เอ่ยปากกับเขียวด้วยถ้อยคำที่สนุกสนานต่าง ๆ นา ๆ นกเขียวโกรธ จึงรีบกลับเข้าบ้าน นกเขียวพบแม่วอน (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) แม่บ้านและอยู่ในฐานะที่เป็นภรรยาและฐานะ มารดาเลี้ยง ของนกเขียว เธออาละวาดแม่วอนเสียจนร้องไห้ แม่วอนก็ไม่เคยว่าอะไร เพราะเธอรักนกเขียวเหมือนลูกในไส้ของเธอ โมกขศักดิ์ทราบเรื่อง จึงบอกให้เดชไช และทองก้อนออกไปเล่นงานคนที่ก้าวร้าวกับนกเขียว แต่เมื่อไปถึงสมัยได้กลับไปไร่แล้ว มีแต่ชายแปลกหน้าคนหนึ่งนั่งอยู่ เขามีชื่อว่า สมาน บ้านนา ((อดุลย์ ดุลยรัตน์)) มีฝีมือในทางยิ่งปืนอย่างมาก ทั้งสองปะทะกันเพราะความเข้าใจผิด สมัยกลับมาที่ร้านเห็นก็เข้าช่วยสมาน ทั้งสองสาบานเป็นเพื่อนกัน นกเขียวนั้นรักสมิงอย่างจับใจ หากแต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามรรถบอกความในใจแก่กันได้ เพราะความขัดแย้งระหว่างโมกขศักดิ์กับสมิง มันมีมากเกินกว่าจะประณีประณอมได้ นกเขียวพยายามเป็นสือกลางแต่ไม่สำเร็จ สมิงได้พรรคพวกมาสมทบมากขึ้น นกเขียวแอบไปพบสมิง โมกขศักดิ์โกรธมากสั่งให้ลูกน้องพานกเขียวไปกักขังไว้ที่บ้านพักในป่า โดยมีแม่วอนไปคอยดูแล สมิงกลุ้มใจที่นกเขียวถูกนำตัวไปกักขัง ทำให้สมิงประกาศจะล้างอิทธิพลของโมกขศักดิ์ แล้วสมิงก็ได้เจอกับสมร บ้านด่าน (ฤทธิ์ นฤบาล) นักมวยพเนจร สมิงได้เพื่อนร่วมล้างอิทธิพลโมกขศักดิ์ 3 คน มี สมัย บ้านดอน สมร บ้านด่าน สมาน บ้านนาและเขาสมิง บ้านไร่ ศึกการล้างอิทธิพลจึงเริ่มขึ้น สุดท้ายโมกขศักดิ์ก็ถูกล้มอำนาจลงได้ โมกขศักดิ์ได้ชดใช้กรรมที่ตนเองกระทำ นกเขียวกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของสมิง บ้านไร่ อย่างเต็มใจ
อรทัยใจเพชร (2507)
อรทัยใจเพชร (2507/1964) ข้อความบนใบโฆษณา จะดูหนังดี ที่มีทีเด็ด ต้อง...”อรทัยใจเพชร” วชิรนท์ภาพยนตร์ เสนอ ปริม ประภาพร นางเอกขวัญใจวัยรุ่นในภาพยนตร์เรื่อง อรทัยใจเพชร ของ ภูมิ ภูวดล วิน วันชัย กำกับการแสดง ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ ชุมนุมดาราเจ้าบทบาท โดยการนำ ของ อนุชา รัตนมาลย์ (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) ฤทธี นฤบาล อภิญญา วีระขจร น้ำเงิน บุญหนัก พร้อมด้วย (ทานทัต วิภาตะโยธิน), วิน วันชัย, ประมินทร์ จารุจารีต, วลิต สนธิรัตน์, สำราญ เหมือนประสิทธิเวช, มาศ เมืองแมน, รัศมี วังดาว และ (ล้อต๊อก) ที่ เอ็มไพร์ สมพงษ์-พวงเล็ก-สีเทา พากย์
เล็บอินทรีย์ (2507)
เล็บอินทรีย์ (2507/1964) สมบัติ-พิศมัย ข้อความบนใบปิด ภาพยนตร์สหนาวีไทย โดย สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ เสนอ เล็บอินทรีย์ ของ ส.เนาวราช นำดาราขวัญใจของชาวไทย (พิศมัย วิไลศักดิ์) ดาราตุ๊กตาทองปี 2507 พบ (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) แสน สุรศักดิ์, จรัสศรี สายะศิลปี, (ชฎาพร วชิรปราณี), ม.ร.ว.ประสิทธิศักดิ์ สิงหรา, ชาณีย์ ยอดชัย, อธึก, สมถวิล, สุระ นานา, สมศรี, สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช ตลอดจนนักยูโด และนักพละชั้นครู อีกมาก สาวชาวยุโรป สแกนดิเนเวียน มิส มิคาร่า ฟอร์สโฮม กับสุภาพบุรุษผู้มีอนาคต เมศร์ แมนสรวง, เจษฎา ทรรทรานนท์ ร่วมด้วย ดาราหน้าหวานคนใหม่ เยาวเรศ นิศากร 7 ปี ยังไม่มีใครมาลบสถิติการสร้าง ภาพยนตร์บู๊ของเขาได้ คือ เล็บครุฑ-มังกรแดง
เทพบุตร 12 คม (2507)
เทพบุตร 12 คม (2507/1964) ข้อความบนใบปิด ฉัตรชัยภาพยนตร์ เสนอผลงานสร้างที่เต็มเปี่ยมด้วยรสสนุก ทุกชีวิตใต้แผ่นฟ้า กลางคืนของสังคมกรุงเทพฯ ต่างอยู่กันอย่าง เย้ยฟ้า...ท้ามนุษย์ เพราะเป็น... เทพบุตร 12 คม RN 6 บทประพันธ์ สีสวยสดรุ้งสวรรค์ จากขบวนดาราที่เหมาะสมต่อบทบาท (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) แสน สุรศักดิ์ ปริม ประภาพร และภูมิใจที่จะนำ...ชาย เมืองสิงห์ มาสู่จอครั้งแรก ด้วยบทและเสียงแปลก พร้อมด้วย ถวัลย์ คีรีวัต, ชาณีห์ ยอดชัย, (ปรียา รุ่งเรือง), วิน วิษณุรักษ์, แววตา อาษาสุข, ไกร ครรชิต, สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช, ปิ่นนเรศ, บังเละ, แคหลอ ฯลฯ ขอแนะนำ เมศร์ แมนสรวง ทรชนหุ่นสำอางค์ กับ ทรวงทิพย์ พิไลพรรณ สาวทรงประโลมใจ พิศวาส ร้อนเร่า เผาใจ ต่อสู้โลดโผนแนวใหม่ สนุกไม่มีอะไรเทียบ ปานเทพ กุยโกมุท-โสภณ เจนพานิช ถ่ายภาพ อุไร ศิริสมบัติ สร้างฉาก วรุณ ฉัตรกุล ณ อยุธยา กำกับการแสดง พาณี ฉัตรกุล ณ อยุธยา อำนวยการสร้าง เอ.วันฟิล์ม จัดจำหน่าย
พรายดำ (2507)
พรายดำ (2507/1964) ข้อความบนใบปิด พันคำภาพยนตร์ เสนอ ชอบหนังบู๊ ดู”ลือชัย” ชอบหนังไทยดู พรายดำ ของ ส.เนาวราช พฤติการณ์ตอนเยี่ยมสุดของ...เหยี่ยวราตรี (ลือชัย นฤนาท) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) พบกันเป็นครั้งแรก...ครั้งเดียว... ร่วมด้วย (ชนะ ศรีอุบล), วิชิต ไวงาน, (ปรียา รุ่งเรือง), (บุษกร สาครรัตน์), (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), พันคำ, ชาลี อินทรวิจิตร, (เสน่ห์ โกมารชุน), เชาว์ แคล่วคล่อง, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ชาณีย์ ยอดชัย, พูลสวัสดิ์ ธีมากร พันคำ สร้างและกำกับการแสดง ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ บริษัทสหการภาพยนตร์ไทย จัดจำหน่าย
เก้ามหากาฬ (2507)
เก้ามหากาฬ (2507/1964) เก้ามหากาฬ เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2507 พากย์สด เป็นผลงานกำกับของ ส.อาสนจินดา สร้างโดยวัชรภาพยนตร์ โดยมี วิมล ยิ้มละมัย เป็นผู้อำนวยการสร้าง ออกฉายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในรอบปฐมทัศน์มีราคาสูงถึง 25 บาท
วันปืน (2507)
วันปืน (2507/1964) วันปืน เป็นภาพยนตร์ไทย ฟิล์ม 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2507 อำนวยการสร้างและกำกับการแสดงโดย อนุมาศ บุนนาค
อวสานอินทรีแดง (2506)

อวสานอินทรีแดง (2506/1963) เมื่อใดที่วายร้ายออกอาละวาด สุจริตชนเดือดร้อน มีหรือที่ โรม ฤทธิไกร ((มิตร ชัยบัญชา)) จะทนนิ่งเฉยอยู่ได้ อินทรีแดง จึงต้องปรากฏกายอีครั้งโดยมีคู่หู ขวัญใจ สาวสวยอย่างวาสนา (เพชรา เชาวราษฏร์) เป็นทั้งแรงใจแรงกาย ช่วยเหลือ แต่การปฏิบัติ หน้าที่ของอินทรีแดง ก็ต้องเจอกับอุปสรรคนานัปการ ทั้งนายตำรวจอย่างหมวดชาติ (พร ไพโรจน์) ที่ตงฉิน มุ่งหมายแต่จะปราบอินทรีแดง และยังมีธำรง (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) นักสืบหนุ่มจากเมืองนอกที่ใฝ่ฝันจะกระชากหน้ากากอินทรีแดง และอินทรีแดงจะจัดการกับวายร้ายพร้อมๆ กับหลบเลี่ยงตำรวจและนักสืบที่คอยเป็นเงาติดตามตัวได้อย่าง

ชโลมเลือด (2506)

ชโลมเลือด (2506/1963) ภาพยนตร์ไทยที่เหนือความเกรียงไกร เหนือความยิ่งใหญ่ ใน... ชโลมเลือด จากบทประพันธ์ของ ส.เนาวราช รวมดาราทั่วกรุง ประชันสาวอก 38 คริสติน เหลียง แสดงนำเป็นครั้งสุดท้าย สุดยอด ยิ่งใหญ่! ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ หนังไทยเรื่องใหญ่ สร้างเท่า 35 ดูการรวมดาราที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จากเหตุการณ์ที่เข้มข้นทุกบททุกตอน ดู..ฉากฟ้าผ่าอันน่าสพรึงกลัว ดู..ฉากระเบิดเขื่อนกั้นน้ำพังพินาศ ดู..ขบวนชาวบ้านต่อต้านศัครูอย่างเลือดเดือด

เก้ามังกร (2506)
เก้ามังกร (2506/1963) ข้อความบนใบปิด โดมฤดีโปรดัคชั่น เสนอ 9 ดาราใหญ่ (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) (ไชยา สุริยัน) (แมน ธีระพล) (รุจน์ รณภพ) ชาติ ชูพงษ์ บุศรา นฤมิตร อุษา อัจฉรานิมิตร วรรณา แสงจันทร์ทิพย์ ใน เก้ามังกร ยอดอาชญนิยายที่เกียงไกรที่สุดของ 3 นักประพันธ์ พนมเทียน-ส.เนาวราช-เกรียง ไกรสร วรุณ ฉัตรกุล กำกับการแสดง บริษัทสหการภาพยนตร์ไทยจำกัด จัดจำหน่าย
กัปตันเครียว ฉลามเหล็ก (2506)

กัปตันเครียว ฉลามเหล็ก (2506/1963) ข้อความบนใบปิด หนังไทยรสเผ็ดเด็ดถึงใจ เรื่องยิ่งใหญ่ทางทะเล... กัปตันเครียว ฉลามเหล็ก ภาพยนตร์ไทยเรื่องเดียวที่ผู้สร้างและดารา ลงทุนดำดิ่งลงไปถ่ายฉากใต้ทะเลงาม ตระการตา.. นำแสดงโดย (มิตร ชัยบัญชา) (เมตตา รุ่งรัตน์) (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) บุศรา นฤมิตร อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา, (รุจน์ รณภพ), อภิญญา วีระขจร, สิงห์ มิลินทราศัย และผู้แสดงประกอบนับร้อย คุณาวุฒิ กำกับการแสดง รอย ฤทธิรณ ประพันธ์เรื่อง-สร้างบท โสภณ เจนพานิช ถ่ายภาพ มารุต อำนวยการสร้าง