โคตรสู้ โคตรโส BANGKOK KNOCKOUT (2553/2010) "โส" คือภาษาอีสานแปลว่า "สู้แค่ตาย" เมื่อการรวมตัวของเหล่าสุดยอดนักสู้สายพันธุ์ระห่ำ กำลังผันเปลี่ยนงานเลี้ยงให้กลายเป็นสุสานในชั่วข้ามคืนดีกรีความแค้นพุ่งทะลุปรอท ความตายเข้าใกล้ประชิดเขาและเธอจึงขอแท๊คทีม โคตร...โส กันแบบไม่มียั้ง การต่อสู้เต็มรูปแบบฉีกทุกท่วงท่ากับความมันส์ระดับ สู้ยิบตา จึงเริ่มต้นขึ้น Fighting Club คือการวมตัวของกลุ่มนักศึกษาผู้หลงใหลในศิลปะการต่อสู้ หลังจากเรียนจบสมาชิกในคลับต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของชีวิต ก่อนที่ทุกคนจะได้รับการเชิญชวนให้มางานเลี้ยงเพื่อที่จะฉลองการได้ไปเป็นนักแสดงแอ๊คชั่นของฮอลลีวู้ด จึงเป็นโอกาสได้มารวมตัวกันอีกครั้ง จนทำให้ปาร์ตี้ของชาว Fighting Club สนุกสนานและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ จนกระทั่งเสียงระเบิดได้เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง งานปาร์ตี้กลับกลายเป็น งานร้าง เพื่อนของพวกเขาถูกจับตัวไปและสัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังขยับเข้าใกล้มาทุกขณะ เมื่อพวกเขาต้องเจอกับเหล่าเพชรฆาตลึกลับที่จ้องทำร้ายพวกเขา เมื่อชีวิตถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ความตายเข้าประชั้นชิด พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นในใจของทุกคนว่า ใครเป็นคนทำ และทำไมต้องทำกับพวกเขาถึงขนาดนี้ ที่สำคัญพวกมันทำเพื่ออะไร แต่พวกเขามีทางเลือกเดียว! นั่นคือการ สู้แค่ตาย
ซามูไร อโยธยา YAMADA (2553/2010) เรื่องราวของ ยามาดะ นางามาสะ (เซกิ โอเซกิ) ซามูไรชาวอาทิตย์อุทัยที่มาตั้งรกรากอยู่ที่หมู่บ้านญี่ปุ่น ครั้งรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งกรุงอโยธยา เขาเคยร่วมรบในคราวสงครามยุทธหัตถีฝากฝีมือให้ปรากฏแก่แผ่นดินอโยธยาจนเลื่องชื่อ แม้เสร็จศึกยุทธหัตถีแล้ว อโยธยาก็หาได้มาความสงบสุขไม่ เนื่องจากมีกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายเป็นทหารหงสาวดีออกปล้นฆ่าชาวสยาม ยามาดะ ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหมู่บ้านญี่ปุ่นให้ออกค้นหาคนร้าย แล้วเขาก็ทราบความจริงอันแสนอัปยศว่ากลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นเป็นชาวญี่ปุ่น โดยมี คุโรดะ รองหัวหน้าหมู่บ้านญี่ปุ่นเป็นหัวหน้า การที่ยามาดะล่วงรู้ความลับของ คุโรดะ ทำให้เขาถูกสะกดรอยทำร้ายจนปางตาย แต่โชคดีที่กลุ่มของขาม กลุ่มคนไทยจากหมู่บ้านป่าแก้วมาช่วยไว้ได้ หมู่บ้านป่าแก้ว เป็นหมู่บ้านผลิตนักรบและตีดาบ ฝึกการรบด้วยยุทธวิธีต่าง ๆ โดยมี พระครู (สรพงษ์ ชาตรี) วัดป่าแก้ว เป็นที่เคารพนับถือของคนในหมู่บ้าน และมีหลวงราชเสนาเป็นหัวหน้าคอยดูแลความสงบในหมู่บ้าน ยามาดะ ถูกนำมาที่หมู่บ้านป่าแก้วในสภาพบาดเจ็บ ขาม ให้น้องสาวของเขาคือ จำปา (ธรรมรส ใจชื่น) กับ กระถิน เด็กหญิงแสนแก่นแก้วผู้ช่วย จำปา คอยรักษาพยาบาลจน ยามาดะ มีอาการดีขึ้น จำปา เป็นหญิงไทยที่เก่งการบ้านการเรือนทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องกับข้าวและการปรุงยาสมุนไพร ยามาดะ แข็งแรงขึ้นเขาทราบจาก จำปา ว่าผู้ที่ช่วยเขาคือ ขาม ยามาดะ ไปขอบคุณ ขาม ถึงโรงตีดาบและได้เห็นการฝึกมวยไทยที่ลานวัดทำให้เขาอยากฝึกบ้าง เขาท้าประลองวิชามวยไทยกับ ไอ้เสือ (สมบัติ บัญชาเมฆ) ทนายเลือก (สมจิตร จงจอหอ) ของพระนเรศวรที่เข้ามาฝึกฝนมวย และวิชาการต่อสู้ให้กับชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านที่จะเข้าคัดเลือกทนายเลือก แต่ ยามาดะ ก็พ่ายแพ้แก่ ไอ้เสือ จนได้รับบาดเจ็บต้องให้ จำปา พยาบาลอยู่หลายครั้ง ในที่สุด ขาม เห็นความมุ่งมั่นของ ยามาดะ จึงบอกความลับว่าคนที่จะสอนมวยให้เขาได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ พระครู ยามาดะ รบเร้าให้ พระครู สอนมวยให้ พระครู ให้ ยามาดะ ฝากตัวเป็นศิษย์ตามประเพณี ยามาดะ ยอมทำทุกอย่าง เพราะลึก ๆ ในใจแล้วเขาคิดแค้น คุโรดะ ตั้งใจที่จะเอาวิชามวยและอาวุธไปต่อสู้ชำระแค้นกับ คุโรดะ อยู่ทุกลมหายใจ ยามาดะ ยอมรับวิชาไสยศาสตร์คงกระพันชาตรีของไทย เขาสักยันต์และอาบน้ำว่านตามพิธีกรรมของ พระครู และร่ำเรียนวิชามวยไทยจนเก่งกล้าสามารถกระทั่ง ไอ้เสือ มิอาจล้มเขาได้ ตลอดเวลาที่อยู่ในหมู่บ้าน ยามาดะ ได้รับการดูแลจาก จำปา และ กระถิน เป็นอย่างดี ความใกล้ชิดทำให้ก่อเกิดเป็นความรัก หากแต่ทั้งสองไม่ยอมเปิดเผยความในใจต่อกัน ด้วย จำปา ต้องสงวนท่าทีแบบหญิงไทย ส่วน ยามาดะ คิดเสมอว่าภารกิจของเขาคือกลับไปแก้แค้น คุโรดะ ให้สำเร็จเสียก่อน หมู่บ้านป่าแก้วเตรียมการคัดเลือกทนายเลือกเพื่อเป็นกองทหารกล้าของสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งในครั้งนี้พระองค์ได้เสด็จมาที่หมู่บ้านเพื่อทอดพระเนตรการคัดเลือกด้วยพระองค์เอง ยามาดะ ขอเข้ารับการคัดเลือกด้วย และเขาก็สามารถฝ่าฟันคู่ต่อสู้มาตลอด โดยมี จำปา คอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่างในที่สุด ยามาดะ ก็ได้รับการคัดเลือกเป็นทนายเลือก ในวันนั้นเองทหารลาดตระเวนทราบว่าหงสาวดีส่งทหารมาลอบสังหารพระนเรศวร จึงมากราบทูลให้ทรงทราบ พระครู ให้ทนายเลือกที่เพิ่งได้รับการคัดเลือกออกไปปราบทหารลาดตระเวนซึ่งเป็นทหารของชนเผ่าต่าง ๆ ริมชายแดนอโยธยา กลุ่มของ ยามาดะ สามารถปราบกองทหารลาดตระเวนของหงสาวดีได้สำเร็จ เสร็จศึกครั้งนั้น ยามาดะ เตรียมตัวเข้ารับราชการเป็นทนายเลือก แต่จิตใจที่คุ่มแค้นของเขา ทำให้เขาคิดจะชำระแค้นกับ คุโรดะ ให้รู้ผลไป เขาคิดว่าความลับที่สู้เก็บไว้ในใจ มิอาจบอกแก่ผู้ใดได้ว่าเหตุใดเขาจึงหนีตายมาอยู่ที่หมู่บ้านป่าแก้วจะได้รับการสะสางจากใจเสียที เขากล่าวลาจำปาบอกเป็นนัยว่าเขามีใจต่อเธอ และจะกลับมาเพื่อเธอ ด้วยความรักที่ จำปา มีต่อ ยามาดะ เธอจึงเป็นห่วงเขามาก ในที่สุดเธอบอกเรื่อง ยามาดะ ลาไปหมู่บ้านญี่ปุ่นให้ ขาม ผู้เป็นพี่ชายทราบ ขาม ออกไปช่วย ยามาดะ ด้วยสำนึกว่ายามาดะเคยช่วยชีวิตตนไว้เมื่อคราวสู้รบกับทหารชนเผ่าของหงสาวดี และทั้งสองสาบานเป็นพี่น้องกัน ที่ลานใกล้หมู่บ้านญี่ปุ่น คุโรดะ ผิดสัญญาไม่ยอมออกมาสู้รบตัวต่อตัวกับยามาดะหากแต่นำนินจาออกมารุมทำร้าย ยามาดะ โชคดีที่ ขาม ช่วย ยามาดะ ไว้ได้แต่แล้ว ยามาดะ ก็ต้องเสียใจที่ ขาม เสียชีวิตในครั้งนั้น จำปา เสียใจที่พี่ชายมาจากไป ยามาดะ สัญญาว่าจะรักเธอและดูแลเธอตลอดไป เยี่ยงที่ ขาม เคยปกป้องเธอ ยามาดะ ลาจาก จำปา เข้าไปรับราชการเป็นทนายเลือก เพื่อปกปักรักษาแผ่นดินสยามมิให้ตกเป็นของผู้ใด ด้วยสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่า "แม้มิใช่แผ่นดินเกิด แต่จักขอเป็นแผ่นดินตาย"
ชิงหมาเถิด THE DOG (2553/2010) ณ ประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย หลากหลายสีจนน่าเวียนหัว แต่ทุกสี..เอ้ย..ทุกคนในประเทศนี้กำลังตื่นเต้นและรอคอยอย่างใจจดใจจ่อกับงานสำคัญระดับประเทศคือ งานฉลองครบรอบวันเกิด 1 ปีของ หมาหิมะ หมาที่เป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศ หมาพิเศษสุดแสนจะหายาก ที่ทางประเทศหิมาลัยได้มอบให้เพื่อแสดงไมตรีจิตอันดีต่อกัน ขณะที่คนทั้งประเทศกำลังมีความสุขอยู่นั้น ชายหนุ่ม 3 คน (มาริโอ้ เมาเร่อ, ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และ เจริญพร อ่อนละม้าย) กำลังมองสังคมอย่างไม่พอใจ ว่า ทำไมประเทศนี้ถึงให้ความสำคัญกับมันนัก กะอีแค่หมาตัวนึงเท่านั้น พวกเขาจึงหาหนทางทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับคนทั้งประเทศคือ เขาจะขโมย หมาหิมะ ไป ความที่อยากเอาชนะ อยากเด่น อยากดังของทั้ง 3 คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ต้องมาร่วมหัวจมท้ายขโมยหมาหิมะด้วยกัน ความโกลาหล ปน ฮา จึงเกิดขึ้น โดยเขาไม่รู้ว่าเรื่องเล็ก ๆ นี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต และคืบคลานไปจนถึง การไล่ล่าอย่างอำมหิตเพื่อเอาชีวิตพวกเขาจากมือปืนสุดโหด!
MY BEST BODYGUARD มาย เบสท์ บอดี้การ์ด (2553/2010) "นิชา" นักข่าวสาวที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ได้รับข่าวสารลับเกี่ยวกับเชื้อไวรัสตัวใหม่ตัวหนึ่ง ที่สามารถจะฆ่าคนทั้งประเทศไทยเพียงพริบตาเดียว เธอตามสืบข่าวนี้ทันที แต่ยิ่งเธอใกล้หาข้อมูลได้มากขึ้นเท่าไร ชีวิตของเธอก็ตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น ต่อมาเธอพบว่า มีบริษัทยาต่างชาติอยู่เบื้องหลังการผลิตเชื้อไวรัสนี้ บริษัทดังกล่าวได้ใช้คนเป็น ๆ จำนวน 7 คน เพื่อทดลองยานี้ แทนที่จะใช้หนูตะเภา นิชาต้องการหยุดการกระทำอันเลวร้ายนี้ เธอต้องการปล่อยข่าวนี้ให้ประชาชนรับทราบ และหยุดการกระทำอันผิดมนุษย์นี้ เธอเริ่มตามหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย 7 คนนี้ และพบว่าเลือดของเหยื่อเหล่านี้คนหนึ่ง สามารถช่วยรักษาคนที่เหลือได้ ขณะเดียวกัน มีคำสั่งลับให้สั่งฆ่าหนูห้องแล็บ 7 คนนี้ นิชาพยายามออกตามหาพวกเขา และปกป้องพวกเขา
ยาย สั่งมาใหญ่ (2553/2010) เรื่องราวของสองพี่น้อง ขวด (จาตุรงค์ พลบูรณ์) กับ ไข่ (มิกค์ ทองระย้า) ที่โชคชะตาทำให้ทั้งสองคนต้องพลัดพรากจากกันตั้งแต่เด็ก โดย ขวด ถูกพ่อเอาไปเลี้ยงอยู่ในชุมชนสลัมคลองเตย ส่วน ไข่ ถูกแม่เอาไปเลี้ยงอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด เมื่อ ขวด เข้าสู่วัยรุ่น พ่อของ ขวด ก็ต้องมาเสียชีวิต ขวด เลยต้องหาเลี้ยงตัวเองอยู่ในสลัมคลองเตย และอาศัยการเล่นการพนันทุกรูปแบบเพื่อให้มีชีวิตรอดโดยได้รับการถ่ายทอดวิชาจาก เหนียว (ศรสุทธา กลั่นมาลี) ส่วน ไข่ เมื่อแม่ต้องมาเสียชีวิตก็อาศัยอยู่กับ ยาย (ศิริพร อยู่ยอด) ที่บ้านนอก จนกระทั่งวันหนึ่งยายของ ไข่ ประสบอุบัติเหตุถึงขั้นโคม่าจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้ ไข่ ต้องเข้ากรุงเทพ เพื่อตามหา ขวด เพื่อจะบอกเรื่องของ ยาย และหวังจะขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อทั้งคู่มาเจอกันแล้วต้องอยู่ด้วยกันความวุ่นวายต่าง ๆ เลยต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไข่ ปรึกษา ขวด เรื่องของยาย ขวด บอกจะช่วยไข่หาเงินไปรักษายาย โดยพา ไข่ เข้าไปที่บ่อนของ เสี่ยกวง (ชูเกียรติ เอี่ยมสุข) โดยมี ไอ้แสบ (พงษ์ศักดิ์ โสภักดี) กับ ไอ้เสือ (รณกร ทรงแสง) ซึ่งทั้งสองคนเป็นลูกน้องคนสนิทของ เสี่ยกวง ขวด มาแวะเวียนที่บ่อน เสี่ยกวง บ่อย ๆ เพราะนอกจากมาเล่นการพนันแล้ว ขวด ยังมาติดพันกับ หมวย (ภัณฑิลา ฟูกลิ่น) เด็กสาวหน้าหมวยที่ทำงานอยู่ในบ่อน เสี่ยกวง หมวย ถูกพ่อแม่ส่งมาขัดดอกใช้หนี้พนันตั้งแต่ยังเป็นเด็กสาวรุ่น ๆ หลังจากนั้นพ่อแม่ของ หมวย ก็หายตัวไป เหตุการณ์นั้นทำให้ หมวย ฝังใจกับการพนันและเกลียดคนเล่นการพนันเลยทำให้พาลเกลียด ขวด ไปด้วย ซึ่ง ขวด เองก็รู้ว่า หมวย ไม่ชอบตนแต่ ขวด ก็พยายามพิสูจน์โดยการจะหาเงินมาไถ่ตัวหมวยออกจากบ่อน เสี่ยกวง จนกระทั่งวันหนึ่ง เสี่ยหมง (นพดล ทรงแสง) มาเล่นไพ่กับ เสี่ยกวง ที่บ่อน วันนั้นโชคดูจะเข้าข้าง เสี่ยหมง เสี่ยหมง เล่นได้เงินไปเป็นจำนวนมากและสร้างความไม่พอใจให้ เสี่ยกวง เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จน เสี่ยกวง เริ่มมีความคิดชั่ว ๆ ขึ้นมาในหัว และในวันนั้นเองขณะที่ เสี่ยหมง ออกจากบ่อนจะกลับบ้านได้เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ขวด กับ ไข่ อยู่ในเหตุการณ์ ไข่ พยายามจะช่วยเหลือ เสี่ยหมง ส่งโรงพยาบาล เสี่ยหมง แสดงความมีน้ำใจโดยให้ทั้งสองเข้าทำงานที่บริษัท ซึ่งมีลูกสาว เสี่ยหมง ชื่อ หลิน (หญิง แปงอ้วน) ดูแลอยู่ พร้อมกับช่วยเหลือไถ่ตัวหมวยจาก เสี่ยกวง เสี่ยหมงอยากแก้แค้น เสี่ยกวง ที่ทำร้ายตนจึงจ้างเซียนมาจากฮ่องกงชื่อ เซียนหลู่ (เอนก อินทะจันทร์) แต่ก็ถูก เสี่ยกวง ส่งคนมาทำร้าย น้องชายของ เซียนหลู่ (ชูศักดิ์ เอี่ยมสุข) ทราบข่าวพี่ชายก็ตามมาแก้แค้นและได้รับการช่วยจาก ไข่ เสี่ยกวง โกรธแค้น เสี่ยหมง มากจึงจ้าง เซียนอี๋ ผู้มีพลังพิเศษมาช่วย วันหนึ่ง ไข่ ได้ปรึกษากับ เสี่ยหมง เรื่องจะขอยืมเงินก้อนหนึ่งเพื่อไปรักษายาย โดยมีข้อแม้ว่าตนกับ ขวด จะช่วยทำงานใช้หนี้ เสี่ยหมง ไม่ปฏิเสธให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง แต่ขอให้ ไข่ ช่วยโค่น เสี่ยกวง เพราะ เสี่ยกวง จับตัว หลิน และ หมวย ไป
อินทรีแดง (2553/2010) ปี 2016 กรุงเทพมหานคร เต็มไปด้วยความวุ่นวาย โจรผู้ร้ายชุกชุม เกิดการคอรัปชั่นของนักการเมืองและกระจายวงกว้างเกินกว่าจะควบคุมได้ โครงการอาวุธนิวเคลียร์ร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้น ท่ามกลางสภาพความเสื่อมโทรมของสังคม ประเทศชาติ ได้เกิด วีรบุรุษลึกลับ ที่ตามล่ากวาดล้างคนชั่ว เขาไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ทุกครั้งที่ฆ่าคนชั่วสำเร็จ มีเพียงนามบัตรใบเดียวที่ทิ้งไว้ ภายใต้ชื่อ “อินทรีแดง” เท่านั้น อินทรีแดงไม่ได้เป็นผู้ล่าเพียงฝ่ายเดียว เขายังต้องเผชิญหน้ากับ “ปีศาจดำ” นักฆ่ามือหนึ่ง ที่เหล่าคนชั่ว ส่งมาตามล่าเขา เช่นกัน
มือปืน/ดาว/พระ/เสาร์ SATURDAY KILLER (2553/2010) ตี๋ ไรเฟิล (โหน่ง ชะชะช่า) นกเพลิงบางปลาม้า มือปืนแห่งซุ้มสะพานเหล็ก มือปืนรับจ้างผู้มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศที่ล้มเหลวนกกระจอกไม่กินน้ำ ตี๋ต้องฆ่าคนมากมายเพื่อหาเงินมาบำบัดอาการนกเขาไม่ขัน จนในวันหนึ่งตี๋ก็ได้พบกับ คริส สไตย์เออร์ (คริส หอวัง) ผู้หญิงลึกลับที่ทำให้เขาตกหลุมรักด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่คริสกลับไม่ต้องการความรักแบบนั้น จากประสบการณ์รักที่หลอกลวงทำให้คริสปฏิเสธความรักก่อนจะบัญญัตินิยามใหม่ให้ตัวเองว่า รักไม่ต้องเพราะน้องแค่วันไนท์แสตนด์
องค์บาก 3 (2553)

องค์บาก 3 (2553/2010) หลังจากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (ชูพงษ์ ช่างปรุง) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (ทัชชกร ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูกลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (พริมรตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่งจิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมี ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ พลังศรัทธาอันแรงกล้า จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ นาฏยุทธ์ ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในขณะที่แผนการณ์ต่าง ๆ ของ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็น จอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ ภูติสางกา ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ ภูติยุทธ์ ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้านคณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้างและเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนามที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น ภูติสางกา หรือ พระยาราชเสนา เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้ เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ องค์บาก 3 จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็นตำนาน

คนไท ทิ้งแผ่นดิน มหาสงครามเพื่อแผ่นดินสุดท้าย (2553/2010) ภาพยนตร์ไทยอิงแนวประวัติศาสตร์กล่าวถึงกลุ่มบรรพบุรุษไทย ที่รวมตัวกันกอบกู้และต่อสู้จากการรุกรานของกลุ่มชนฮาน เพื่ออิสรภาพและเพื่อความเป็นไท แม้นจะแลกมาด้วยการเสียสละทุกอย่างก็ตาม เมื่อกว่าหนึ่งพันปีก่อน ตอนใต้ประเทศมองโกเลียมีชนกลุ่มน้อยที่เรียกตนเองว่า ไท ที่ตกอยู่ภายใต้กฏระเบียบและการปกครองของเมืองฮานมหาอำนาจ ชาวไท เป็นผู้ซึ่งรักความสงบ ความสุข ไม่คิดร้ายกับผู้อื่นมีความเมตตาและเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมโลกสิ่งเหล่านี้คือวิถีชีวิตที่ชาว ไท ยึดถือเป็นแบบอย่างมาช้านาน แต่ก็ยังไม่วายที่จะถูกกดขี่ข่มเหงต่างๆนาๆ จากผู้ปกครองและทหารฮานเมืองมหาอำนาจในยุคนั้น กลุ่มคนไทถูกกดขี่ข่มเหงมาช้านานถึงเวลาแล้วที่พวกเหล่าไทต้องผนึกรวมตัวกันขับไล่ปราบปรามเหล่าทหารและผู้นำฮานเพื่ออิสรภาพสู่มวลชนชาวไท สมัครสมานสามัคคี รักชาติ รักแผ่นดิน รวมพลังให้เป็นปึกแผ่นขับไล่อธรรม เพื่อได้มาซึ่งความเป็นไท อิสรภาพและความยุติธรรม
หนูกันภัย ศึกมหายันต์ ยิงกันสนั่นจอ (2553/2010) วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2506 เด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและวิบากกรรม ด้วยบิดาเป็นเสือร้ายถูกหมายหัวจับตายทำให้แม่ต้องหอบหิ้วเขาหนีไปอย่างยากลำบาก หลังพ้นพยันตรายทารกน้อยคนนั้นก็เติบโตขึ้นในจังหวัดนนทบุรีที่รู้จักกันดีในนาม หนูโต เมื่อย่างอายุเข้า 6 ขวบเขาก็ค้นพบเส้นทางชีวิตของตัวเองทันทีที่ได้ครองพระตำรามหายันต์ของบรรพบุรุษ ต่อมาทั้งชีวิตและลมหายใจของ หนูโต ก็เต็มไปด้วยความหลงใหลในการร่ำเรียนคาถาอาคม อีกทั้งวิชาเวชมนต์สักเสกเลขยันต์ต่าง ๆ ซึ่งนับวัน หนูโต ก็แก่กร้าขึ้นเรื่อย ๆ และความร้อนวิชาก็เริ่มนำพาปัญหามาเรื่อย ๆ ราวกับถูกสวรรค์ส่งมาลองวิชา ไม่ว่าเด็กเกเรหรือนักเลงบ้านใกล้ในละแวกนั้นจึงไม่เคยมีใครหลีกเลี่ยงการมีเรื่องกับ หนูโต ไปได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาพยายามหลบเลี่ยงอย่างดีแล้วก็ตาม ข่าวคราวของเขาดังกระฉ่อนมากขึ้นในวีรกรรมต่าง ๆ ซึ่งทำให้แม่กับพ่อเลี้ยงของ หนูโต เริ่มหนักใจ จึงให้เขาบวชเณร แต่มันกลับทำให้เขาร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม การอยู่ในศีลธรรมคือพลังผลักดันให้เขาก้าวเข้าไปอย่างลึกซึ้ง แล้ว เณรหนู ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วในด้านการสักยันต์ให้ผู้คนแคล้วคลาดปลอดภัยจากเหตุร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนกระทั่งเขาเติบโตขึ้นด้วยวัย 14 ปี วันนี้ หนูโต ก็ยังมีเรื่องกับเหล่านักเลงอยู่เรื่อย ๆ จนเริ่มมีคนพูดถึงเขาไปยังนักเลงทั่วฟ้าเมืองไทยในด้านวิชาอาคมอันแก่กร้าเกินกว่าเด็กอายุ 14 ธรรมดา ๆ จะทำได้ แม้หลายคนจะแปลกใจในสิ่งนั้นแต่ หนูโต คือคนที่ตอบได้ชัดเจนที่สุดว่าตัวเขากับวิชามนต์คาถานั้นคือสิ่งที่เกิดมาคู่กัน ความฮึกเหิมในวิชารวมทั้งวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยศัตรูก็กลายเป็นดาบสองคมทำลายความสุขรอบตัวไปจนหมด เรื่องความรักและความอบอุ่นในบ้านที่เคยมีจึงค่อย ๆ หมดไป แถมกลายเป็นความบาดหมางระหว่าง หนูโต กับพ่อเลี้ยงที่เขาเข้าใจว่ามาแย่งความรักจากแม่ไป หนูโต จึงดำเนินหนทางชีวิตด้วยตนเองตั้งแต่บัดนั้น แม้กระทั่งแม่ของเขาก็ไม่สามารถบงการได้อีกแล้ว และชีวิตนักเลงของ หนูโต ก็ค่อย ๆ เด่นชัดมากขึ้นทุกทีจนไม่รู้ตัวเองว่าถูกเพ่งเล็งทำให้เขาต้องเดินเข้าออกคุกตารางอย่างบ่อยครั้ง หลังจากนั้น หนูโต ก็ไม่ค่อยกลับบ้านเอาแต่สร้างอำนาจให้ตนด้วยวิชาเพื่อคุมวงการนักเลงจนเริ่มมีเงินทองและฐานะแต่ศัตรูก็ยังอยู่เท่าเดิม และเวลาที่ล่วงเลยไปในแต่วันนั้นกำลังเผยให้เห็นว่า หนูโต เดินตามรอยของพ่อมาจนถอนตัวไม่ขึ้น การเป็นหนุ่มใหญ่ของเขาจึงกลายเป็นความมืดมนจากฐานะของตนที่เป็นเพียงโจรฆ่าคนในสายตาทุกคน แต่ก็ไม่มีใครหรือตำรวจหน้าไหนจัดการกับความร้ายกาจของมนต์คาถาได้เลย ส่วนแม่กับพ่อของหนูโตก็ได้แค่หาทางช่วยดึงเขากลับมาอยู่ห่าง ๆ แม่เล็กจึงวางอุบายให้หนูโตบวชพระแก้บนจนได้
บางระจัน ๒ (2553/2010) ภายหลังวีรกรรมของกลุ่มนักรบบ้านระจัน ที่ร่วมกันต่อสู้กับกองทัพพม่าจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต แม้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่เรื่องราวของพวกเขากลับกลายเป็นตำนานแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ปลุกให้ชาวบ้านผู้กล้าอีกหลายคนทิ้งจอบ เสียม มาจับดาบสู้กับพม่า หลายหมู่บ้านลุกขึ้นต่อต้านการรุกรานจากพม่าด้วยกำลังอันน้อยนิด แม้ว่าอยุธยาเมืองหลวงจะอ่อนแอจากความแตกแยก แต่ชาวบ้านตัวเล็กๆกลับพยายามยืนหยัดต่อสู้เพื่อผืนแผ่นดินบ้านเกิด ทำให้การเคลื่อนทัพของพม่าเต็มไปด้วยอุปสรรค โดยการนำของพระอาจารย์ธรรมโชติกลุ่มผู้กล้าชุมเขานางบวชรวมตัวกันขึ้นมาเป็นนักรบผ้าประเจียด คอยซุ่มโจมตี และปล้นสะดมกองทัพพม่าเพื่อปลดปล่อยเชลยคนไทยหลายร้อยคน จากที่เคยเป็นเสี้ยนหนามเล็กๆ นอกสายตา สุกี้แม่ทัพพม่าประกาศล่าหัวกลุ่มนักรบผ้าประเจียด แม้ว่าต้องฆ่าคนไทยจนหมดทุกหมู่บ้านก็ตาม ทหารพม่าเริ่มไล่ฆ่าชาวบ้านทุกคนเพื่อบีบให้นักรบผ้าประเจียดยอมมอบตัว แม้ว่าชาวบ้านบางคนจะยอมสละแม้กระทั่งชีวิตก็ไม่ยอมเผยความลับ แต่ก็มีบางคนเพียงแค่เงินทอง และลาภยศก็เปิดปากมันได้ สุกี้นำทัพเข้าปิดล้อมที่ซ่อนของกองทัพนักรบผ้าประเจียดได้ในที่สุด หากไม่มีความช่วยเหลือจากอยุธยา และไม่มีปาฏิหาริย์จากฟ้า เลือดของคนไทยจะไหลนองพื้นแผ่นดินเกิดอีกครั้ง กลุ่มกำลังนักรบผ้าประเจียดเพียงไม่กี่ร้อย ยกดาบขึ้นโห่ร้องก่อนเข้าประจันบานกองทัพนับพันของพม่า วันนี้ตำนานบ้านระจันกำลังจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยวิญญาณและเลือดเนื้อของคนไทย เสียงประดาบและเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง นี้คืออีกตำนานการต่อสู้เพื่อจะบอกคนไทยทุกคนว่า “ดินทุกก้อน ต้นไม้ทุกต้น สายน้ำทุกสาย หล่อหลอมขึ้นมาจากเลือดและเนื้อของคนไทย จงรักษามันไว้ให้ดี”
นาคปรก (2553/2010) เราเชื่อว่า… ศาสนาไม่เคยเสื่อม แต่คนต่างหากที่เสื่อม เมื่อศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี และไม่มีความเลวใดที่จะทำลายได้ หยั่งลึกถึงแก่นแท้ของความดีที่รอการเข้าถึง สุดขั้วของความชั่วที่แฝงเร้นในสังคม ยังไม่เคยมีหนังไทยเรื่องไหนที่ฉีกทุกความกล้า ท้าทุกความแรงเท่านี้มาก่อน “นาคปรก” ว่าแต่คุณกล้าไหมที่จะพิสูจน์ 18 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ ภาพยนตร์แอคชั่นดราม่าสุดเข้มข้นว่าด้วยเรื่องราวของสามโจร “สิงห์” (เร แม็คโดแนลด์), “ป่าน” (สมชาย เข็มกลัด), “ปอ” (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ที่รวมหัวกันวางแผนปล้นรถขนเงิน แต่เคราะห์กรรมทำให้ถูกไล่จับ เมื่อจนมุมจึงตัดสินใจนำเงินที่ปล้นมาได้แอบซ่อนไว้ในวัด แต่เมื่อย้อนกลับมาขุดหาเงินจึงรู้ว่าที่ซ่อนเงินถูกโบสถ์ใหม่สร้างทับไปแล้ว ทางเดียวที่จะทำให้ได้เงินคืนมาคือการปลอมเป็นพระภิกษุในวัดนั้น! สิงห์จึงทำการปล้นผ้าเหลืองด้วยการบังคับให้ “หลวงตาชื่น” (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) บวชให้ตนและป่าน เพื่อกลายสภาพเป็นพระธุดงค์ปลอมเข้ามาอยู่ในวัด มีเพียงปอเท่านั้นที่ยืนกรานที่จะไม่บวชเพราะเชื่อว่านี่คือสิ่งผิด จึงตัดสินใจเป็นแค่เด็กวัดเพื่อคอยติดตามพระปลอมทั้งสองเท่านั้น ถึงแม้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของแต่ละคนจะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน ป่านและปอสองพี่น้องตัดสินใจลงมือทำเพื่อต้องการนำเงินที่ได้ไปรักษาตาที่มืดบอดของ “แม่” (รัชนู บุญชูดวง) ส่วนสิงห์ทำลงไปด้วยความชั่วที่ฝังลึกอยู่ในสันดาน แต่ใช่ว่าพฤติกรรมที่แฝงเร้นเข้ามาในวัดของทั้งสามจะรอดพ้นไปจากสายตาแห่งความเคลือบแคลงสงสัยของเหล่าพระและเด็กในวัดไม่ ในขณะเดียวกันผ้าเหลืองที่สองโจรห่มอยู่คล้ายดั่งเครื่องห้ามความชั่วที่อยู่ในตัวของเหล่ามารศาสนาลงไปได้บ้าง ส่วนปอเองกลับค่อยๆ เรียนรู้และซึมซับเอาหลักธรรมคำสอนแห่งความดีที่ได้จากหลวงตาชื่นทีละน้อย จนกระทั่งเมื่อความจริงปรากฏ “กิเลส ความเลว ความโลภ” ที่ครอบงำถึงส่วนลึกในจิตใจได้ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง “ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธา” จะเกิดขึ้นในห้วงสำนึกสุดท้ายของคนได้หรือไม่ “ศาสนา” จะสามารถขัดเกลาให้ “คนเลว” กลับกลายเป็น “คนดี” ได้จริงหรือ เตรียมพบกับบทสรุปของเหตุการณ์พลิกผันที่หลายคนคาดไม่ถึง สู่แก่นแท้ของ “ความดี” และ “ความเลว” ที่สุดขั้วในใจคน
4 สิงห์ คอนเฟิร์ม (2553/2010) เรื่องราวอันคาดไม่ถึงของคน 4 คน น้ำ ต้านลม (ขวัญ จันทอง) เห็น เปี๊ยก พริกขี้หนู (ริชาร์ด เกียนี่) นั่งคอตกกับโชคชะตาที่ยังไม่เกิดขึ้น หลังจากที่เห็นเพื่อนโดนจับไปต่อหน้าต่อตา และคิดว่าวันหนึ่งต้องเป็นคิวตัวเองแน่ น้ำคาดคั้นจนไอ้เปี๊ยกเล่าให้ฟัง น้ำเลยไปดักซุ่มดูพวกวายร้ายที่คอยจะจับเด็กเร่ร่อนไปทำงานกับตน เรื่องราวเริ่มวุ่นวายเมื่อน้ำและเปี๊ยก ได้เจอกับชาลี ตีบ่ ยั่น (ตั๊ก บริบูรณ์) ที่กำลังวางแผนตอบโต้พวกแก๊งค์ลักเด็ก ไอ้เปี๊ยกเข้าไปต่อว่าชาลีที่ทำให้แผนพังพลาย ชาลีจึงอาสาเป็นพวกกับน้ำด้วย เรื่องมันยิ่งอลหม่านมากขึ้นเมื่อมีนักโทษแหกคุก ชื่อชนะ ฉะดะ (บอย AF 3) มาที่หมู่บ้าน ขณะที่เขากำลังหลบอยู่ในห้องน้ำ ไอ้เปี๊ยกไปเจอเข้า จึงพาชนะมาเจอน้ำกับชาลี ทั้งหมดจึงตัดสินใจที่จะเข้าช่วยเด็กที่โดนจับตัว น้ำกับ ชนะใช้รถมอเตอร์ไซค์ ชาลีใช้รถซาเล็ง ไอ้เปี๊ยกใช้หนังสติ๊ก การต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อเจอกับพวกวายร้าย ชนะยอมโดนจับตัวเพื่อจะล้วงความลับรังใหญ่ของพวกมัน (ทุกคนไม่รู้ว่าชนะทางการให้มาสืบราชการลับ) หญิงสาวที่น้ำและชาลีช่วยออกมาหากระเป๋าตังค์นึกว่าหายแล้วเปิด น้ำเห็นมีรูปพี่สาวตน จึงถามว่ามีรูปพี่สาวตนได้ไง หญิงสาวเล่าให้ น้ำกับชาลีฟังถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา หญิงสาวบอกจะช่วยน้ำอีกทาง ชนะได้เข้าไปอยู่กับตัวจอมบงการเห็นทำธนบัตรปลอม ทำเอทีเอ็มปลอม สิ่งผิดกฏหมายมากมายจึงโทรศัพท์บอกน้ำและชาลีให้มาจัดการ

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ