นรก Hell (2548/2005) ทีมงานสารคดีโทรทัศน์ที่มุ่งตีแผ่ความเลวและลงโทษเหล่าคนชั่วในสังคม พวกเขากำลังได้รับความนิยมมากในวงการ ทีมงานประกอบไปด้วย “อาร์ต” (วุฒินันท์ ไหมกัน) ช่างภาพหนุ่มอารมณ์ร้อน, “จ๋า” (ณัฐวรรณ วรวิทย์) ครีเอทีฟสาวอนาคตไกล, “น้าเต๋า” (ค่อม ชวนชื่น) หนุ่มรุ่นใหญ่ฝ่ายข้อมูลตัวกลั่นและเชี่ยวในการหาโลเคชันของรายการ, “ชด” (ปัญญาพล เดชสงฆ์) ผู้กำกับรายการสารคดีหนุ่มที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน, “คิม” (ดลยา โพธิพิภัทรกุล) เด็กสาวลูกครึ่งอังกฤษที่ชีวิตแทบจะไม่เคยทำบาป รับหน้าที่เป็นนกต่อในการถ่ายทำสารคดีแต่ละครั้ง, “อ้น” (สิทธิชัย เหลืองเสรี) เด็กฝึกงานที่อายุน้อยที่สุดในทีมแต่ฝันที่จะเป็นผู้กำกับ และ “เละ” (บวรฤทธิ์ ฉันทศักดา) โชเฟอร์หนุ่มจิตอ่อนนิสัยขี้กลัวที่ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองชะตาขาด ทั้งหมดเดินทางมุ่งหน้าไปถ่ายทำรายการตามปกติเหมือนเคย กลับต้องมีเหตุให้ตัวเองและพรรคพวกต้องเผชิญหน้าและรับกรรมไปกับโทษมหันต์จากการตก “นรก” เมื่อรถตู้ของกองถ่ายเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำเสียหลักจนทุกคนหมดสติไป หลังจากที่พวกเขาฟื้นขึ้นมาก็ต้องพบและฝ่าฟันกับความน่าสะพรึงกลัวของนรก ทั้งที่จริงแล้วมีเพียงเละซึ่งเป็นคนขับที่ชะตาถึงฆาต ส่วนคนอื่นๆ ติดสอยห้อยตามมา เพราะอุบัติเหตุที่ทั้งหมดร่วมเดินทางมาด้วยกันเท่านั้น ทุกคนมีกรรมหนักกรรมเบากันคนละแบบจึงถูกส่งไปอยู่ในขุมที่ต่างกัน 5 ขุม ประกอบไปด้วย… “นรกขุมฆ่าสัตว์” (ได้รับผลกรรมชดใช้ตามที่เคยทำไว้กับสัตว์อื่น) “นรกพูดปด คิดไม่ดี ทำร้ายบุพพการี” (ถูกทรมานโดยการทุบฝ่ามือ) “นรกลักทรัพย์” (ถูกตัดแขนตัดขา) “นรกสุรา” (เอาน้ำกระทะทองแดงกรอกปาก) “นรกกาเม” (ปีนป่ายต้นงิ้วและอีกาปากเหล็ก) พวกเขาต่างระลึกกรรมในอดีตที่เคยทำกันมา โดยในแต่ละขุมจะมียมทูตคนละชุดกันคอยควบคุมดูแล และพวกเขาจะมองเห็นแต่เฉพาะคนที่มีบาปอยู่ในขุมของตนเท่านั้น เมื่ออาร์ตได้รู้ว่าตนและเพื่อนยังไม่ถึงฆาต พวกเขาจึงยังไม่ใช่คนตายที่ยมทูตจะมองเห็น ดังนั้นพวกเขาจึงพากันหลบหนีไป การติดตามไล่ล่าจากนรกได้เปิดฉากขึ้น พวกเขาจะตัดสินใจอย่างไรระหว่างความเป็นกับความตาย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในการช่วยเพื่อนหรือเอาตัวรอด เมื่อยังมีคนในกลุ่มที่ยังไม่ถึงฆาต พวกเขาจะฝืนชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้นได้อย่างไร…
จอมขมังเวทย์ (2548/2005) ปี 2547 ระหว่างการเคลื่อนย้ายนักโทษพิเศษจากเรือนจำเก่า...ประตูคุกเคลื่อนเปิดออกพราหมณ์ร่ายมนต์พิธีเดินนำขบวนผู้คุมขยับปืน ขยับตัว แววตาหวาดกลัวกึ่งระแวดระวังทุกสายตาจับจ้องไปยังที่ร่างของนักโทษพิเศษที่เดินออกมาเสียงร่ายมนต์ดังกึกก้องสายลมกระโชกพัดกรู เกรียวร่างของนักโทษพิเศษผู้นั้นถูกจองจำด้วยพันธนาการที่แน่นหนาผิดธรรมดาสองเท้าตีตรวนสองมือมัดตรึงกับขื่อไม้ดวงตามีผ้าคาดไว้แน่นหนา กระทั่งปากก็มีผ้ามัดปิดไว้ท่ามกลางเสียงร่ายมนต์ดังกึกก้องสายลมกระโชกพัดกรูเกรียวหากสังเกตสักนิดนักโทษพิเศษที่ถูกปิดตาไว้นั้นเดินตรงทางมั่นคงราวกับตาเห็น !! อิทธิ อดีตนายตำรวจหน่วยพิเศษเคยจับคนร้ายที่แก่กล้าทางอาคมหนังเหนียวฟันแทงไม่เข้ามานับไม่ถ้วน แต่ตัวเองกลับต้องโทษคดีวิสามัญคนร้ายจนกลายเป็นนักโทษถูกขังลืมอยู่ในคุกมืดแดนจองจำพิเศษ 10 ปีผ่านไป อิทธิ หายตัวอันตรธานไปจากห้องขังที่ปิดทึบราวกับล่องหนร้อนถึง พ.ท.ทศพล อดีตเพื่อนนายตำรวจได้ออกคำสั่งจับตายอิทธิ ร้อยตรี สันตินายตำรวจเจ้าของพื้นที่ออกติดตามสืบสาวหาตัวอิทธิแต่กลับพบเจอเหตุประหลาดลี้ลับอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ที่ล้วนแต่เคยได้ยินแต่คำร่ำลือ ไม่ว่าจะการเสกตะปูเข้าตัวคนหรือคนร้ายที่คงกระพันหนังเหนียว ฯลฯเส้นทางแห่งอาคมอันน่าสะพรึงกลัวอำนาจเหนือธรรมชาติของอิทธิไม่ได้ทำให้สันติหวาดกลัว กลับเพิ่มความมุ่งมั่นจะจับกุมอิทธิให้จงได้โดยไม่สนใจว่าจะต้องใช้วิธีการใดวิถีทางใด ไม่ว่าจะต้องเปลี่ยนตัวเองขนาดไหน สันติรู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับจอมขมังเวทย์ผู้ครองครอบอาคมเวทย์ทางเดียวที่จะสยบอิทธิคือต้องเป็นให้เหนือกว่าจอมขมังเวทย์
คนหอนขี้เรื้อน ในคืนเดือนเสี้ยว Werewolf in Bangkok (2548/2005) สิงห์ (ทศพร รถกิจ) กับ ใหญ่ (จ๊อด เชิญยิ้ม) กำลังล่าหมาป่าตัวสุดท้ายที่กัด เดือน (ปริญญาทิพย์ หนูเทศ) เมียสาวของสิงห์ที่ท้องแก่ ที่ตึกต้องห้ามมี ตาย้อย(โย่ง เชิญยิ้ม)กับหลาน ชื่อ อนิรุธ (สายัณห์ ดอกสะเดา) อาศัยอยู่ เป็นทายาทหมาป่าตัวสุดท้าย ที่ยังวัยเยาว์จึงถูกตาย้อยกักขังล่ามโซ่ไว้อย่างปลอดภัย ภายในห้องลับ ๆ ภายในตึกจึงเป็นที่มาของตึกต้องห้าม ซึ่งไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป แม้กระทั่งซอยที่เป็นที่ตั้งของตัวตึกก็ยังไม่มีใครกล้าเดินเฉียดเข้าไป คงมีแต่ แฟร้งค์ (โหน่ง ชะชะช่า)หนุ่มคุ้ยเขี่ยเท่านั้นที่หนีการไล่กระทืบจาก น้าแดง(ค่อม ชวนชื่น)กับถั่วดำ (สังข์ ดอกสะเดา)เข้ามาหลบภัยในซอยต้องห้ามและรอดตัวได้ทุกครั้ง แต่แล้วครั้งสุดท้ายนี้เอง ที่แฟร้งค์ไม่สามารถออกจากซอยได้ เนื่องจากน้าแดงกับไอ้ถั่วดำเฝ้าอยู่ปากซอยแฟร้งค์จึงหลบเข้าไปในตัวตึกต้องห้าม และคืนนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง จึงโดนอนิรุธ ผู้กลายร่างเป็นหมาป่ากัดเข้าที่ต้นคอ แฟร้งค์หนีออกมาได้ด้วยความงุนงง ขุนเดช(สมเล็ก ศักดิกุล) หัวหน้าแก๊งค์คุ้ยเขี่ยผู้ฉ้อฉลและมี ขุนหนวก(สุเทพ สีใส)เลขาประจำตัวขุนเดชทราบเรื่องที่น้าแดงกับไอ้ถั่วดำไม่สามารถนำตัวแฟร้งค์มาร่วมแก๊งค์ได้ เนื่องจากแฟร้งค์หนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในซอยต้องห้ามทุกครั้ง ขุนเดช จึงมอบหน้าที่นี้ให้กับ ฉู่ฉี่(เดบาร่าห์ ซี)ดำเนินการต่อ ฉู่ฉี่ หญิงสาววัย 18 ปี ที่ทั้งห้าวและบ้าบิ่นมีความสนิทสนมกับแฟร้งค์อยู่แล้ว จึงเข้ามาชักชวนแฟร้งค์ให้เข้าแก๊งค์ แต่แฟร้งค์ไม่ยอมเพราะกลัวขุนเดชขี้โกง ฉู่ฉี่สังเกตเห็นแฟร้งค์มีพฤติกรรมคล้ายหมาขึ้นทุกที จนฉู่ฉี่แปลกใจแต่แฟร้งค์ก็ปฏิเสธทุกครั้งไป สิงห์กับใหญ่ก็ว่าจ้างให้ขุนเดชกับพวกแก๊งค์คุ้ยเขี่ยช่วยสืบหาตัวหมาป่า คืนนี้เดือนเสี้ยวแฟร้งค์ เกิดอาการเจ็บปวดขึ้นตามร่างกายและกลายร่างเป็นหมาป่าในที่สุด แต่สารรูปกลับไม่เหมือนหมาป่าตามตำนาน แต่กลับเป็นหมาป่าขี้เรือน ในขณะที่ฉู่ฉี่โดนพวกน้าแดงกับไอ้ถั่วดำฉุดกระชากหมายจะปลุกปล้ำ พอดีที่แฟร้งค์กลายร่างเป็นหมาป่าขี้เรื้อนและตามไปช่วยฉู่ฉี่ไว้ได้ น้าแดงไอ้ถั่วดำจึงแจ้งพวกขุนเดช สิงห์ใหญ่และพวกแก๊งค์ คุ้ยเขี่ยให้บุกเข้าไปในตึกต้องห้าม และพบตาย้อยกับอนิรุธ แต่อนิรุธหนีไปได้และสวนกันกับแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนสิงห์กับใหญ่และคนอื่น ๆ คิดว่าแฟร้งค์เป็นหมาป่าขี้เรื้อน เป็นตัวที่กัดเดือนจึงตามล่าเอาชีวิตเพื่อควักหัวใจไปให้เดือนกินแต่ขุนเดชไม่ได้ตามไปแต่กลับจับอนิรุธที่ร่างกายอ่อนแอหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณหน้าตึก ต่อมาฉู่ฉี่คิดว่าแฟร้งค์เป็นหมาป่าขี้เรื้อนจึงมาพบตาย้อยเพื่อให้ช่วยรักษา แต่อนิรุธถูกขุนเดชจับตัวไป ฉู่ฉี่กับ ตาย้อย จึงแอบเข้าไปช่วยอนิรุธออกมาได้ ขุนเดชรู้โกรธมากจึงกลายร่างเป็นหมาป่าและตามล่าตัวอนิรุธ ส่วนสิงห์กับใหญ่ก็ตามล่าแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนอย่างกระชั้นชิด แล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่ออนิรุธที่ร่างกายอ่อนแอกับแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนวิ่งชนกันจังเบ้อเริ่มและกลายร่างเป็นหมาป่าที่ทั้งสูงทั้งใหญ่และน่ากลัว ทำให้ฉู่ฉี่ถึงกับตะลึงกับภาพที่เห็นสิงห์กับใหญ่จำหมาป่าขุนเดชได้และรู้ความจริงว่าขุนเดชคือหมาป่าที่ตัวเองล่าอยู่

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ