Six หกตายท้าตาย (2547/2004) ฝ้าย เด็กสาวคนเดียว ในกลุ่มมีอาการคล้ายๆ ประสาทหลอน เหม่อลอย บางครั้งเธอเหมือนตกอยู่ในโลกของความฝัน ฝันแปลกๆ คอยรบกวนจิตใจของฝ้ายอยู่เสมอ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เธอไปเจอซินแสโดยบังเอิญ และซินแสได้เตือนให้ระวังเภทภัยจากเลข 6 ด้วยว่า ชีวิตของเธอเฝ้าวนเวียนเกี่ยวข้องกับเลข 6 มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะห้องพักเลข 6 หรือกระทั่งวันอายุ 24 ที่รวมกันแล้วได้เลข 6 เพื่อนๆ จึงพากันเป็นห่วงโดยเฉพาะ ภัทร ผู้ซึ่งเกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกับเธอ คืนก่อนวันครบรอบวันเกิด 24 ปีของ ฝ้าย เพื่อนทั้ง 6 คนนัดกันมาอวยพรวันเกิดให้เธอ พวกเขาได้เดินทางไปฉลองกันที่ชานเมือง อ๋อง สังเกตเห็นดาวงู ซึ่งเป็นดาวที่ไม่ปรากฎบ่อยนักในช่วงฤดูฝน อ๋อง รีบตรวจชะตาเพื่อนๆ ทุกคนว่ากำลังจะมีเคราะห์ร้าย หรือชะตาถึงฆาต เพราะทั้งหมดจับได้ไพ่ Death กันหมด การที่ อ๋อง เป็นผู้ช่ำชองในเรื่องโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ รวมทั้งถูกเพื่อนในกลุ่มกล่าวหาว่างมงาย ทั้งยังถากถางและท้าทาย โดยเฉพาะ กานต์ ซึ่งเป็นคนใจร้อนและค่อนข้างเป็นนักเลง และ ตรี ซึ่งเป็นคนปากไม่ดี ทั้งปากอย่างใจอย่าง ทั้งที่กลัวก็ยังกล้าท้า และใช้วาจาข่ม อ๋อง ทว่ามีเพียงคนเดียวที่คัดค้านนั่นคือ นัฐ เพราะเป็นคนขี้กลัว ทั้งยังขี้ใจน้อยอีกด้วย ลอเซอ ที่เพื่อนๆ ชอบเรียกว่า ทิดเซอ พูดให้ข้อคิดกับเพื่อน ก่อนที่ความเชื่อและการท้าทายจะกลายเป็นความขัดแย้ง จนเป็นเหตุให้ทั้งหมดต้องเดินทางไปพิสูจน์ สิ่งที่น้อยคนจะมีโอกาสได้เห็นคฤหาสน์ร้าง ที่เชียงใหม่ อันเป็นมรดกของยายทวดของ ภัทร และเป็นที่เล่าลือกันมานานถึงความน่ากลัว ด้วยว่าเจ้าของบ้านได้นำโลงศพคนตาย 6 คนเก็บไว้ในบ้าน เช้าวันที่ 6 มิถุนายน ทั้งหมดนัดรวมตัวกันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ก่อนออกเดินทางต่าง ได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก หากแต่ภาพถ่ายนั้นปรากฎแต่เพียงรูปรถ และสิ่งอื่นๆ ยกเว้นรูปของพวกเขาทั้งหมด ระหว่างทางก็มีเหตุการณ์ประหลาดเช่น อีกาบินชนหน้ากระจกรถจนเปื้อนเลือด รถบรรทุกเฉี่ยว ในค่ำคืนที่พวกเขาเดินทางไปถึงคฤหาสน์ บรรยากาศวังเวง ต่างออกสำรวจบริเวณต่างๆ ของบ้าน จากนั้น อ๋อง ได้นำเพื่อนๆ เริ่มพิธีปลุกผีด้วยการเล่น ผีถ้วยแก้ว และเริ่มพิสูจน์วิธีการเห็นผีด้วย 6 วิธีที่แตกต่างกัน คือ ใช้ผ้าห่อศพปิดตา กระดูกคนตายกับไม้ระกำแขวนคอส่องกระจก คาบใบมีดโกนหน้าอ่างน้ำมนต์ นอนคาบธูปนำวิญญาณ ท่องนโมย้อนหลัง 16 จบ เผากระจุกผมผีตายโหง เงินปากผีคาบไว้ในปาก เพ่งมองผ่านก้นบาตรพระ ด้วยการจับไม้สั้นไม้ยาว เพื่อเสี่ยงดวงว่าใครจะได้ท้าลองวิธีไหน และแยกย้ายกันไปแต่ละจุด คนละวิธี โดยมี ภัทร เป็นจุดศูนย์รวมโดยจับตาดูทุกคนผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
นางครวญ (2547/2004) เพียงออ หญิงสาวงามในตระกูลราชนิกูลอันสูงศักดิ์ มิอาจสมปรารถนาในความรักและ ความหมายแห่งชีวิต ด้วยการถูกกักขังและขวางกั้นให้พลัดพรากจาก แสน หนุ่มสามัญชนหนึ่งใน วงปี่พาทย์ ความสิ้นหวังแห่งรักที่จะนำชีวิตจบลง แต่คำสาบานของหญิงสาวในร่างวิญญาณที่ ยังคงยึดมั่นในรักไปทุกภพทุกชาติ เมื่อแสนเกิดในภพใหม่นามว่า ไกร หนึ่งในสมาชิกวงปี่พาทย์ อีกครั้ง จุดเริ่มต้นแห่งการรอคอย พร้อมกับความอาฆาตพยาบาท ทุกคนกำลังเผชิญความสยองใน ค่ำคืนแห่งความตาย และอาถรรพ์แห่งบทเพลง “นางครวญ”
ตุ๊กแกผี (2547/2004) เรื่องราวสยองขวัญนี้เริ่มต้นมาจาก “กล่องไม้เล็กๆ เก่าคร่ำคร่าใบหนึ่ง” ที่ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ภายในนั้น… กลุ่มนักสำรวจทางธรณีวิทยากลุ่มหนึ่งนำโดย “อาจารย์มาเอดะ ชู” (คาซึกิ ยาโน) และภรรยาสาว “มิโย” (คาโนะ ไซโต) พร้อมด้วยคณะลูกศิษย์ “นิพนธ์” (สรายุทธ์ ศรี ทอง), “ไก่” (หญิง-ไอศิกา ตั้งศิริธานนท์), “ประพัฒน์” (พลกฤษณ์ จักรสุวรรณ) และ “แบม” (น้ำฝน-โสภิตา ศรีบาลชื่น) ออกเดินทางสำรวจถ้ำแห่งหนึ่งเพื่อการศึกษาทางธรณีวิทยา พวกเขาขุดค้นพบตัวอย่างสายแร่และหินประเภทต่างๆ มากมายรวมถึงกล่องไม้ปิดตายใบหนึ่ง พวกเขานำมันติดตัวกลับมาด้วย ขณะปีนขึ้นปากถ้ำ หลังจากเสร็จสิ้นการสำรวจในค่ำคืนนั้น มาเอดะ ชูหัวหน้าทีมสำรวจชาวญี่ปุ่นเผลอทำกล่องไม้ใบนั้นตกลงสู่ก้นถ้ำอย่างไม่ตั้งใจ กล่องไม้แตกกระจายอยู่ในถ้ำแห่งนั้น และเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่องไม้ใบนั้น นั่นคือ “ซากตุ๊กแกตัวหนึ่งที่ถูกพันด้วยสายสิญจน์และปิดทับด้วยยันต์แดงลงอาคมผืนหนึ่ง” ไม่มีใครสังเกตเห็นและรู้เลยว่าความลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามา… กลุ่มนักสำรวจทีมเดิมมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรีบเร่ง แข่งกับกลุ่มก้อนเมฆสีทะมึนบนท้องฟ้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าหากัน และเตรียมปล่อยสายฝนสายหนักลงมา และโดยไม่คาดคิด รถของคณะสำรวจเกิดดับกลางคันอย่างหาสาเหตุไม่ได้ พวกเขาจึงต้องมุ่งหน้าหาที่พักในป่าใกล้ๆ แห่งหนึ่งแทน และ “กระท่อมกลางป่า” ก็เป็นที่พักที่พวกเขาพบเจอ โดยไม่รีรอ พวกเขาเข้าสู่กระท่อมแห่งนั้นเพื่อหลบสายฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมา แต่แล้วไอแห่งความสยองจากกล่องไม้ลึกลับที่ตามติดพวกเขามาจากถ้ำแห่งนั้นอย่างไม่รู้ตัว ก็ค่อยๆ เริ่มเผยความน่าสะพรึงกลัวออกมา และเข้าห้ำหั่นชีวิตนักสำรวจเหล่านั้นทีละคน…ทีละคน “ขวัญไพลิน” (โอ๋-รุ่งระวี บริจินดากุล) นักเขียนสาวชื่อดังที่ผลงานเรื่องล่าสุดของเธอที่ชื่อ “ตุ๊กแกผี” กลายเป็นนิยายติดอันดับขายดีขึ้นมาทันทีที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ได้เดินทางมาพบปะนักอ่านที่เป็นแฟนหนังสือของเธอที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เธอแวะซื้อของที่ระลึกฝากคนใกล้ชิดของเธอ รวมทั้ง “กล่องไม้เล็กๆ ลายเก่าใบหนึ่ง” ที่เธอได้ซื้อจากคนพื้นเมืองที่นั่น ความลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวกำลังย้ายสู่ที่สิงสถิตสถานใหม่แล้ว… ในห้วงเวลาเดียวกันนั้น ขวัญไพลินเริ่มรู้สึกพรั่นพรึงถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจดจ้องและลอบมองเธออยู่ทุกขณะจิต “ตุ๊กแก” ตัวละครที่เธอเขียนถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตเธอมากขึ้น ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน มันก็จะปรากฏตัวให้เธอได้เห็นตลอดเวลา เธอกำชับ “ป้าสาย” (สุชาดา อีแอม) แม่บ้านชาวเขมรของเธอ ให้จัดการไม่ให้มีตุ๊กแกเข้ามาในบ้านอีกอย่างเด็ดขาด แต่ป้าสายเตือนขวัญไพลินให้ได้รู้ว่า ตุ๊กแกนั้นอาจไม่ใช่ตุ๊กแกธรรมดา เพราะเธอสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจบางอย่างจากมัน และแล้วเหตุการณ์แปลกประหลาดก็ค่อยๆ เริ่มก่อตัวและกล้ำกรายเข้าสู่ชีวิตผู้คนที่อยู่รอบข้างเธอ “นิดา” (วันทิพย์ ภวภูตานนท์) บรรณาธิการสำนักพิมพ์ที่เธอส่งเรื่องให้ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยความชื่นชมและชื่นชอบในผลงานเรื่อง “ตุ๊กแกผี” ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลกนี้ด้วยเช่นกัน ขวัญไพลินเริ่มแน่ใจแล้วว่ามันต้องมีสาเหตุมาจากตุ๊กแกอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย แม้แต่ “วิฑูรย์” (พีท ทองเจือ) แพทย์สาขาจิตเวช แฟนหนุ่มของเธอ เพื่อที่จะหาทางรักษาแต่เนิ่นๆ วิฑูรย์จึงได้ขอร้องให้เธอลองไปเช็กสมอง เพราะเขาเห็นว่าขวัญไพลินมีอาการผิดปกติ เริ่มเห็นภาพหลอนและจินตนาการเกินจริง ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เธอเป็นอย่างมาก เพราะเธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นเป็นความจริงไม่ใช่ภาพหลอนแต่อย่างใด ขวัญไพลินเริ่มระแวงและหวาดหวั่นในชะตาชีวิตของเธอที่อาจจะต้องจบลงเช่นเดียวกับคนรอบข้าง เธอเริ่มค้นหาสาเหตุและวิธีจัดการกับความสยองขวัญเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดอาจจะมาจาก…ตัวเธอเอง เรื่องราวลึกลับสยองขวัญอันน่าสะพรึงกลัวยังคงอยู่รอบๆ ตัว และดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…
ฟอร์มาลีนแมน รักเธอเท่าฟ้า (2547/2004) แก่นเรื่องนี้คือใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ผมมองว่าคนสมัยนี้แสวงหาเพื่ออะไร ทุกอย่างล้วนเอาไปไม่ได้หากตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ การยึดติดในสิ่งต่างๆ หนังเรื่องนี้นำเสนอให้เห็นถึงเหตุของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัก โลภ โกรธ หลงซึ่งจะแสดงออกผ่านทางตัวละคร “ฉัตรทอง” คือความโกรธ, “แก้ว” คือความรัก, ความโลภก็คือ “เฮียกวง” ส่วนความหลงก็มีตัวของ “แหว๋ว” ซึ่งเป็นเรื่องชู้สาว ก็เป็นการแบ่งไปตามตัวละครซึ่งตัวละครทุกตัวก็จะแก้ปัญหากันไปตามทิศทางของเขา แต่สุดท้ายทุกคนจะต้องหยุด ทำให้รู้ว่าเมื่อคุณละแล้วก็จะพบความสุข ซึ่งจะเห็นชัดมากในตัวของเอกชัย สุดท้ายก็ต้องยอมรับในสัจจธรรม ทุกคนต้องปล่อยวางเดินสายกลาง ผมเป็น Film Maker มาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน จวบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลาร่วมสิบปี เงินก้อนแรกที่ได้มาจากการทำงานก็มาจากการทำหนังไทย ผมถือว่าหนังไทยมีบุญคุณกับผม และเมื่อผมได้มีโอกาสเข้ามากำกับภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” มันจึงทำให้ผมรู้สึกกลัวและเกร็ง กลัวว่าจะทำให้คนดูผิดหวังกับหนังไทย ผมถึงต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวให้กับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกคัตทุกเฟรมที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ มันได้ผ่านสายตาของผมมาเกินร้อยครั้งเพื่อทำให้มันสมบูรณ์ที่สุดเมื่อต้องผ่านสายตาผู้ชมในครั้งแรก แรงบันดาลใจที่ทำให้คิดทำภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดมาจากความสนใจในเรื่องราวของคนตายแล้วฟื้น ผมพยายามที่จะคิดหาคำตอบว่า ทำไมคนที่ตายไปแล้วถึงฟื้นขึ้นมา และคำตอบมันก็อยู่ในเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นความโชคดีของผมในการนั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกก็คือผมได้ทีมงานและนักแสดงที่มีคุณภาพมากๆ ทุกคนล้วนมีความสามารถสูง พวกเขาได้มาแต่งเติมภาพในฝันของผมให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น วิธีกำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ผมจะเลือกใช้การ Improvisation หรือการด้นสดๆ เพื่อจะได้การแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ-สมจริง จึงจำเป็นต้องใช้นักแสดงที่มีจินตนาการและความสามารถสูง ไม่ใช่ทำตามสั่งแต่นักแสดงจะต้องร่วมคิดร่วมจินตนาการไปกับผมด้วย เขาต้องเชื่อว่าเขาเป็นตัวละครในภาพยนตร์จริงๆ ซึ่งนักแสดงทุกคนก็ทำได้ดีเกินคาด ถ้าจะเปรียบภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” เป็นอาหารจานหนึ่ง มันคงไม่ใช่แฮมเบอร์เกอร์, หูฉลาม, ปลาซาบะ, เนื้อย่างเกาหลี แต่มันเป็นข้าวมันส้มตำรสแซ่บ ที่มีทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เต็มครบทุกรสชาติถูกปากคนไทย
มนต์ผีบอก (2547/2004) เมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งคิดแก้แค้นเพื่อนด้วยวิธีลึกลับทางไสยศาสตร์ โดยการนำดินจากป่าช้า 7 แห่ง ตามตำรา "เจ็ดป่าช้า" มาปลุกเสกด้วยมนต์ผีบอก แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่านอกจากความสะใจที่ได้แล้ว "หายนะ" กำลังไล่ล่าอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อความน่าสะพึงกลัวปนสยดสยองของ "เงา" ลึกลับที่มองไม่เห็นได้ตามไล่ล่าอย่างไม่ลดละ พวกเขาจะลบ "อาถรรพ์" นี้ลงได้อย่างไร..??
ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ (2547/2004) ธรรม์ (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ช่างภาพหนุ่มกับ เจน (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) แฟนสาวของเขา ทั้งคู่ขับรถชนหญิงสาวคนหนึ่งอย่างแรง แล้วตัดสินใจขับหนีไป ต่อมาทั้งคู่พบเหตุการณ์ประหลาด เมื่อภาพที่ธรรม์ถ่ายติดแสงเงาประหลาด และบางภาพมีเงาคล้ายกับใบหน้าของผู้หญิงติดมาในรูปด้วย และเป็นที่มาของการสืบเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ
Headless Hero 2 ผีหัวขาด 2 (2547/2004) ไอ้ไฝ (แสดงโดย อรุณ ภาวิไล) กับ ไอ้เทือง(แสดงโดย โต อำพล รัตนวงศ์) ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันและทั้งคู่ก็ขโมยสร้อยศพของผีถั่วแระ(ถั่วแระ เชิญยิ้ม) และไฝก็เอาสร้อยเส้นหนึ่งไปแต่ความซุ่มซ่ามของไอ้เทือง มือของไอ้เทืองติดอยู่กับปากศพของคนจีนจนทำให้ไอ้เทืองตาย และไอ้ไฝวิ่งหนีไป และไอ้ไฝก็รอดตัวจากผีตามหาสร้อยของมัน และรุ่งเช้ามีงานเทศกาลแข่งเรือ เวลาที่กำลังจะเริ่มแข่งเรืออยู่นี้เห็นเรือประหลาดโผล่มาและมีคนประหลาดที่แล่นเรือเอง โดยมีไม่มีฝีพายและเรือของผีหัวขาดก็ชนะในการแข่งขัน และกรรมการให้รางวัลในการชนะเลิศแต่ผีหัวขาดก็ไม่ชอบใจ และคนอื่นก็ใช้มือในผลักหัวแต่นี่ไม่ใช่คนมันเป็นผีหัวขาด และทุกคนก็วิ่งหนีไป และมีหมอเฒ่าเป็นนักปราบผี และใช้ไหโบราณผนึกผีหัวขาดตัวนั้น ตอนที่หมอเฒ่ากำลังผนึกผีหัวขาดตนนั้นได้แต่หัว ส่วนร่างของผีหัวขาดก็เก็บไว้ในสุสานตามเดิม 25 ปีต่อมา เมฆ ลูกชายของไฝ มีนิสัยเป็นคนชอบช่วยเหลือคน โดยเฉพาะ ป๋อง เพื่อนสนิทของเมฆที่มักมีเรื่องให้เมฆต้องช่วยอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองได้เจอผกากับเพื่อนชื่อเง็ก ผู้หญิงที่ทั้งสองแอบชอบอยู่ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋า จึงเข้าไปช่วย สร้างความไม่พอใจให้สาธิต คู่หมั้นของผกาเป็นอันมาก ส่วนป๋องนั้นแอบหลงรักเง็ก แต่เง็กไม่เล่นด้วยแถมไล่ตะเพิดทุกครั้งที่เห็นหน้า จนป๋องทนไม่ไหวได้ขอร้องให้เมฆช่วยเรื่องเง็ก เมฆทนคำขอร้องไม่ไหวจึงยอมช่วย โดยเมฆได้ไปขโมยตำราปราบผีของพ่อ (ไฝ) เพื่อที่จะมาทำพิธีกลั่นไอเสน่ห์ โดยที่ทั้งสองได้ไปทำพิธีในป่าช้าฝังศพผีถั่วแระ และได้ทำให้ผีถั่วแระฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพราะป๋องได้ไปดึงมีดที่สะกดวิญญาณผีถั่วแระออก แต่ทั้งสองนั้นไม่รู้ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับเมฆได้ช่วยเหลือผีกองกอย ให้หลุดพ้นจากการคุมขังทำให้ผีกองกอยยอมเป็นผีรับใช้เมฆ ในขณะที่ผีถั่วแระพอฟื้นคืนชีพก็จับหนูดูดเลือดเพื่อเพิ่มพลัง และเริ่มติด ตามหาหัวของตัวเอง เพื่อให้มารวมกับตัว และตามหาสร้อยหยกที่ไฝนั้นขโมยมาคืนซึ่งตอนนี้สร้อยได้อยู่ที่เมฆลูกของไฝ ณ จวนผู้ว่า ในงานวันเกิดของผู้ว่า หรือขุนวิชัยพ่อของผกา สาธิตและเสี่ยกวงได้นำของขวัญมาให้ผู้ว่าซึ่งก็คือโถที่ใส่หัวของผีถั่วแระไว้แต่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว ขณะเดียวกันในงาน เมฆและ ป๋องที่แอบอยู่ก็พยายามที่จะพ่นไอเสน่ห์ใส่เง็กแต่พลาด ไอเสน่ห์ไปโดนมารีรีน คนใช้ของเง็กแทนทำให้เกิดความวุ่นวายเพราะมารีรีนคอยวิ่งไล่ตามป๋องจนทำให้ทั้งป๋องและเมฆต้องหนีออกจากงาน ต่อมาในงานวันหมั้นของสาธิตและผกา เมฆและป๋องแอบเข้าไปในงานพร้อมกับนำผีกองกอยใส่กระบอกไม้ไผ่ เพื่อที่จะไปขัดขวางการหมั้น โดยเมื่อถึงเวลาที่จะต้องสวมแหวนผีกองกอยก็คอยกวนจนไม่สามารถสวมแหวนได้ ในขณะที่ทั้งเมฆและป๋องหลุดหัวเราะออกมาทำให้ดาบแฉ่ง รู้ตัวและไล่จับทั้งสองรวมทั้งมารีรีนที่คอยไล่ตามป๋องจนทำให้งานหมั้นวุ่วาย เมฆและป๋องต้องหนีอีกครั้ง จนหนีมาถึงป่าช้าที่เก็บศพ โดยที่มารีรีนตามมาด้วย แต่มารีรีนต้องโชคร้ายไปเจอกับผีถั่วแระ และถูกผีถั่วแระที่ยังไม่มีหัวดูดเลือดจนตายต่อหน้าเมฆและป๋อง ดาบแฉ่งที่ตามมาเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองฆ่า จึงตามจับป๋องและเมฆหนีกลับไปหาใฝที่บ้านเล่าเรื่องผีหัวขาดให้ฟัง ใฝตกใจมากและทั้งสามคนจึงต้องหาวิธีปราบ แต่ทั้งสามกลับถูกดาบแฉ่งจับได้เสียก่อน ในโรงพักทั้งสามพยายามพูดเรื่องผีหัวขาด แต่ไม่มีใครเชื่อ จึงต้องถูกขังต่อไป ณ จวนผู้ว่า เง็กมาขอนอนกับผกา ภายนอกไม่มีใครรู้ว่าผีหัวขาดกำลังตามหาหัวเข้ามาในจวน และได้ฆ่าท่านผู้ว่าและคุณนายพวงทอง ตายและต่อหัวได้สำเร็จ ทำให้ผกาและเง็กต้องหนีไปอาศัยอยู่กับสาธิตชั่วคราว ในโรงพักผีหัวขาดได้ตามไปเอาสร้อยคืนจนเกิดการกันต่อสู้กันระหว่างผีถั่วแระกับผีกองกอยทำให้ผีกองกอยตายไป แต่ทั้งสามก็หนีออกมาได้ และหาวิธีกำจัดผีหัวขาด โดยการวางระเบิดเพื่อที่จะเผาผีหัวขาดแต่ไม่สามารถทำอะไรผีหัวขาดได้ จนในที่สุดทั้งหมดหนีไปและไปพบกันที่โรงทำน้ำแข็ง ผีถั่วแระก็ตามไปอาละวาดเพื่อทวงสร้อยคืน ขณะที่กำลังอาละวาดอยู่นั้น ผีถั่วแระได้เดินผ่านท่อไฮโดรเจน ไอเย็นจากท่อไฮโดรเจนทำให้ผีถั่วแระชะงักตัวสั่นแข็ง เมฆจึงรู้ทันทีว่า ผีถั่วแระกลัวความเย็นจึงให้ทุกคนเปิดวาล์วในโรงน้ำแข็ง แต่ว่าวาล์วแต่ละอันแข็งมากไม่สามารถเปิดออกได้ ผกาพยายามจะเดินไปช่วยเมฆเปิดวาล์วแต่รองเท้ากลับติดอยู่กับร่องไม้จนถูกผีหัวขาดจับตัว เมฆพยายามช่วยด้วยการเอาสร้อยเข้าแลก ขณะที่ผีหัวขาดเผลอ เมฆเข้าไปจะเอาสร้อยคืนจึงเกิดการต่อสู้กัน ผีถั่วแระพลาดท่าตกลงไปในบ่อผลิตน้ำแข็งทำให้ร่างของผีถั่วแระค่อยๆแข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง และค่อยๆ แตกตัวสลายไปในที่สุด ทุกคนดีใจมากที่ปราบผีถั่วแระลงได้ และจากการเสี่ยงของเมฆเพื่อที่จะช่วยเหลือผกาทำให้ผกาซึ้งใจและยอมรับไมตรีจากเมฆ และบอกเลิกกับสาธิตที่ไม่ยอมช่วยเธอเลย และหลังจากนั้นทั้งหมดก็ทยอยเดินออกจากโรงน้ำแข็ง โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งละลายพร้อมกับทิ้งคำปริศนาไว้
อาถรรพณ์ แก้บนผี (2547/2004) ปิ่น, มอส, หมวย และบรรดาเพื่อน ๆ เป็นเด็กสาวที่เพิ่งจบการศึกษาชั้นมัธยม ขณะที่ทั้งหมดกำลังรอสอบเข้ามหาวิทยาลัย คืนหนึ่ง ทั้งหมดได้เดินทางไปยังบ้านร้างแห่งหนึ่งชานกรุงเทพมหานคร ที่ร่ำลือว่าเป็นบ้านผีสิง ที่หน้าบ้านมีศาลเพียงตาตั้งอยู่หน้าอย่างน่ากลัว พร้อมของแก้บนและเครื่องเซ่นต่างๆ ด้วยความคึกคะนอง มอสจึงเอ่ยปากท้าทายและตามมาด้วยเพื่อนๆ ทั้งหมด ด้วยไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ต่อมา ในกลุ่มเพื่อน ๆ ต่างได้ประสบกับเหตุการณ์แปลก ๆ มอสเองก็ฝันแปลก ๆ จนตัวเองต้องป่วยหนัก ก่อนที่ทั้งหมดจะต้องเซ่นสังเวยการท้าบนบานครั้งนี้ด้วยชีวิต
คนเล่นของ (2547/2004) บุ๋มหญิงสาวแววตาอาฆาต ……กำลังคุยกับ แนนสาวน้อยซึ่งมีใบหน้าโกรธแค้น บุ๋มบังคับให้แนนเซ็นมอบมรดกทรัพย์สินของตระกูลให้กับหล่อน โดยบุ๋มอ้างว่าสิทธินี้ควรเป็นของตน แล้วทั้งสองก็พูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น…ในอดีต ประธาน ได้มีสัมพันธ์รักกับ บุ๋ม ในตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาสาว ทั้ง ๆ ที่ประธานมีครอบครัวอยู่แล้ว จากนั้นไม่นาน…บุ๋มก็ท้อง ประธานเลี่ยงความรับผิดชอบโดยการเอาเงินฟาดหัว เท่านั้นยังไม่พอ เขาพร้อมกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ร่วมกันข่มขื่นบุ๋ม… บุ๋มกลับมาทวงสิทธิของลูกในท้อง แต่กลับถูกประธาน ดุด่า และทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำ ด้วยความแค้น บุ๋มจึงไปหาหมอทำคุณไสย เพื่อปล่อยของใส่พวกเพื่อนประธาน พร้อมกับประธานและครอบครัว ในที่สุดทุกคนก็ตายสมใจบุ๋ม คราวนี้ลูกในท้องของบุ๋มก็มีสิทธิในมรดกของประธานโดยชอบธรรม แต่แล้วจู่ ๆ ในขณะที่บุ๋มกำลังข้ามถนน ก็ถูกรถชนเข้าอย่างจัง กลายเป็นว่า…กมลา เมียน้อยอีกคนหนึ่งของประธาน พร้อมกับลูก ๆ ได้รับมรดกทั้งหมด ไป แทนที่จะเป็นบุ๋ม ซึ่งแท้งลูก นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล กมลาและลูก ๆ รุตน์พี่ชายคนโต แนนพี่สาวคนรอง เหน่งลูกชายคนกลาง และบอลน้องชายตัวเล็กย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของประธาน ดูท่าทางทุกคนตื่นเต้น และมีความสุข เหมือนคนถูกหวย โดยที่หารู้ไม่ว่า ภัยร้ายกำลังจะมาเยือน บุ๋มกลับเข้ามาสู่กองมรดกของประธานอีกครั้ง ในฐานะลูกสะใภ้ของกมลา เมื่อบุ๋มเข้าวิวาห์กับรุตน์ พี่ชายตนโต โดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่า บุ๋มกำลังตามมาทวงสิทธิของตนในมรดกประธานคืน บุ๋มคิดปล่อยของใส่ทุกคนในครอบครัวกมลา เพื่อตนเองก็จะได้รับมรดก โดยสิทธิของลูกสะใภ้ซึ่งจะเหลืออยู่เพียงคนเดียว บุ๋มเริ่มแผนการ โดยให้หมอทำพิธีปล่อยของใส่ เหน่งน้องชายคนกลางตาย พบสาเหตุการ ทำให้แนนพี่สาวคนรอง ต้องพิสูจน์หาความจริง จนในที่สุดหล่อนได้ไปเจอกับ ดนัยผู้สื่อข่าวหนุ่ม ซึ่งติดตามคดีการตายแปลก ๆ หรือที่เขาเรียกว่า ตายด้วยคุณไสย ดนัยให้ข้อมูล และความช่วยเหลือแนนอย่างเต็มที่ แต่ทั้งสองก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยของ ไม่นานนัก…รุจน์ก็ต้องมาตายลงไปอีกคน ดนัยกับแนนพยายามค้นหาว่า ใครคือผู้ที่บงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง จนในที่สุดทั้งคู่ก็รู้ว่า แท้จริงแล้วบุ๋มคือผู้วางแผนการทั้งหมด ในขณะที่ กมลา และบอล น้องชายคนสุดท้อง กำลังโดนของ แนนกับดนัยได้ร่วมมือกัน โดยดนัยไปจัดการตามล่า หาตัวหมอปล่อยของ ส่วนแนนก็ต้องต่อสู้กับบุ๋ม เพื่อรักษาชีวิตของน้องและแม่ ทั้งหมดต้องแข่งกับสิ่งที่พวกเขาไม่เคยอยากเชื่อ…….
คนเห็นผี 2 (The Eye 2) (2547/2004) “คนเห็นผี 2” (The Eye 2) โปรเจกต์ร่วมทุนสร้างครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างไทยและฮ่องกงโดย 3 โปรดิวเซอร์มือทอง “สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, ปีเตอร์ ชาน และ นนทรีย์ นิมิบุตร” จาก 3 บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ระดับแถวหน้าแห่งเอเชีย “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล, แอพพลอส พิคเจอร์ส และ ภาพยนตร์หรรษา” ภายใต้การเผชิญหน้าและร่วมชะตากรรมกันเป็นครั้งแรกของ 3 ซูเปอร์สตาร์แห่งเอเชีย “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” นักแสดงชายแถวหน้าของเมืองไทย, “ซูฉี” นักแสดงสาวชาวฮ่องกงที่โด่งดังระดับโลก และ “ยูจินเนีย หยวน” (ประกบ “หลีหมิง” ใน “Three อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต”) นักแสดงสาวลูกครึ่งจีน-อเมริกันทายาทสาวของ “จางเพ่ยเพ่ย” ราชินีนักบู๊แห่ง “ชอว์ บราเดอร์ส” “คนเห็นผี 2” (The Eye 2) กลับมาถ่ายทอดเรื่องราวสยองสุดระทึกจากมุมมองของ 2 พี่น้องผู้กำกับตระกูลแปง “ออกไซด์-แดนนี แปง” แห่ง “คนเห็นผี” (The Eye) และ “เพชฌฆาตเงียบอันตราย” (Bangkok Dangerous) และทีมงานระดับหัวกะทิจากคนเห็นผีภาคแรกอย่างโปรดิวเซอร์และผู้เขียนบท “โจโจ้ ฮุย” และผู้กำกับภาพ “เดชา ศรีมันตะ” (เจ้าของรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์ “Catalonian International Film Festival” ที่ประเทศสเปน) ฯลฯ บอกเล่าเรื่องราวในแนวสยองขวัญสั่นประสาทโดยเล่นกับสถานการณ์ในพื้นที่จำกัดเพื่อปลุกเร้าความตื่นระทึกที่พร้อมเล่นกับความรู้สึกของผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของภาพยนตร์ในซีรีส์คนเห็นผีจนประสบความสำเร็จไปทั่วโลก มีความเชื่อบางอย่างสำหรับการที่ใครสักคนจะสามารถมองเห็นสิ่งที่เรียกว่า “ผี” ได้นั่นไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ กับคนทั่วไป การที่คนเราจะสามารถมีพลังในการรับรู้ในปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นใน 2 กรณีด้วยกันคือ “การเกิด” และ “การตาย” แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าถ้าใครสักคนตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีองค์ประกอบของทั้ง 2 สิ่งเกิดขึ้นพร้อมกันจะเป็นอย่างไร จนกระทั่งมันเกิดเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง ความรักสำหรับคนอื่นอาจเป็นสิ่งสวยงามที่พร้อมเติมเต็มและเป็นพลังของชีวิต แต่บางครั้งที่ความรักกับกลายเป็นยาพิษที่ทำร้ายและทำลายชีวิตของคนอีกหลายคน ดังที่กำลังเกิดขึ้นกับ “โจอี้” (ซูฉี) เมื่อความรักคือความทุกข์ที่พร้อมถาโถมกระหน่ำวนเวียนต่อชีวิตของคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่สามารถหลบหลีกได้ หนทางเดียวที่จะหลุดจากห้วงแห่งความเศร้าที่แสนทรมานได้นั้นมีเพียงหนทางเดียวคือความตาย หลังจากที่พยายามลงมือฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งด้วยการกินยานอนหลับทำให้โจอี้ตกอยู่ในสภาวการณ์ของความเป็นและความตายที่อยู่เพียงแค่เอื้อม แต่แรงปรารถนาที่เธอต้องการหลับไม่สัมฤทธิ์ผลเมื่อมีคนช่วยชีวิตเธอได้ทัน ไม่มีใครรู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงการเรียกร้องความสนใจจากความผิดหวังในรักที่โจอี้มีต่อ “แซม” (ติ๊ก เจษฎาภรณ์) ชายคนรักหรือเป็นเพราะภาวะของการป่วยทางจิตที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเองอย่างที่หลายคนเข้าใจ เมื่อสถานการณ์เฉียดตายผ่านพ้นไป โจอี้ได้พยายามตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่กลับพบว่าตัวเองตั้งท้อง ความรู้สึกสับสน เหงา และรู้สึกแปลกแยกผุดขึ้นในใจอีกครั้งหลังจากที่เธอพยายามติดต่อขอคืนดีกับแซม แต่กลับลงเอยด้วยคำตอบที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำให้โจอี้ย้อนกลับสู่โลกมืดอีกครั้งเธอตัดสินใจทำแท้ง และนั่นเองเป็นจุดที่นำเธอไปสู่ประสบการณ์บางอย่างที่ไร้ซึ่งคำอธิบายซึ่งหญิงสาวอย่างโจอี้ต้องเผชิญด้วยดวงตาของเธอเอง การเกิดประสบการณ์บางอย่างที่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถมองเห็นได้ ภาพแปลกตาของคนแปลกหน้าที่ไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก ความทุกข์ทรมานที่แสนสาหัสจากสิ่งที่เห็นและรู้สึกได้เริ่มคืบคลานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต นับตั้งแต่ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่หันมาสบตาเธอบริเวณสถานีรถไฟ ก่อนที่เขาจะทิ้งร่างของเธอเองลงขวางรถไฟทั้งขบวนที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็วใส่ร่างดังกล่าวอย่างจัง ตามด้วยอีกหลายเหตุการณ์ที่ตามคุกคามผ่านเข้ามาในชีวิตซึ่งยากเกินกว่าจะอธิบายได้ เป็นภาพที่ปรากฏขึ้นผ่านการมองเห็นจากดวงตาของโจอี้เอง ดูเหมือนว่าความพยายามที่จะสลัดภาพเหล่านี้ออกไปจากชีวิตทำให้เธอต้องหวนกลับไปหาแซมอดีตคู่รักที่ยังคงมีอิทธิพลสำคัญในชีวิตของเธอ พ่อของเด็กในท้องของเธอที่เขาไม่รู้อะไรเลย แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็ปลงไม่ตกกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ แรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้เธอเชื่อว่าสิ่งที่เผชิญอยู่ไม่ได้เป็นเพราะอาการทางประสาทหรือจิตหลอนแต่อย่างใด แต่นี่คืออาการของ “คนเห็นผี” ต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการมาถึงของ “ผู้หญิงลึกลับ” (ยูจินเนีย หยวน) คนหนึ่ง มันคือบ่อเกิดของเรื่องราวที่นำไปสู่สถานการณ์ที่รายล้อมไปด้วยคำถามที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด ที่เธอจะต้องค้นหาคำตอบให้ได้ด้วยตัวของเธอเอง
ผีช่องแอร์ (2547/2004) กลุ่มนักดนตรีวัยรุ่น ประกอบไปด้วย พิมพ์นักร้องนำ และเพื่อนร่วมวงดนตรีอีก 5 คน ได้เดินทางมาเล่นดนตรีและเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ ภายในห้องพักที่เหลืออยู่เพียงห้องเดียวเท่านั้น คือห้อง 409 ซึ่งเป็นห้องที่ “แสงดาว” หญิงขายบริการเบอร์หนึ่งของโรงแรมถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมสยดสยอง โดยการตัดคอและนำเอาหัวของแสงดาวมาทิ้งไว้ที่ช่องแอร์ หลังจากเกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นกับสมาชิกในวง โดยเริ่มจาก บอยที่ถูกรถชนกระเด็นพุ่งทะลุผ่านกระจกตกลงตายอย่างสยดสยอง และกบ ที่เกิดความกลัวจนถึงสุดขีด หยิบปืนขึ้นยิงมั่วจนไม่สามารถขัดขืนแรงสะกดของแสงดาวที่หันปลายปืนเข้าหาตัวจนปืนลั่นกรอกปากตายคาที่ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกทุกคน ก็มีแค่ พิมพ์และหนุ่ย เท่านั้นที่มีชีวิตที่เหลือรอด พิมพ์นั่งเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอและเพื่อนกลุ่มนักดนตรีให้กับตำรวจฟัง หลังจากที่เธอต้องเสียเพื่อนแต่ละคนไปจนเหลือแค่เธอกับหนุ่ย หนุ่ยต้องเข้าไปนอนในโลงศพทุกคืนเพื่อจะรักษาชีวิตไว้ได้ พิมพ์เล่าต่อว่า ปัจจุบันแสงดาวไม่มาปรากฏตัวให้เธอเห็นเลย อาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็ได้ แล้วคำถามที่ว่า ใครฆ่าแสงดาว เธอก็ให้คำตอบว่า อาจเป็นผู้ชายคนใดคนหนึ่งที่ตายไปนานแล้วอย่างไม่มีคนดูแลและทุกข์ทรมานที่สุดก็เป็นได้ ตำรวจได้นำตัวพิมพ์ไปถ่ายรูปเก็บประวัติแต่เมื่อล้างรูปออกมาผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นกลับกลายเป็นแสงดาว
คน ผี ปีศาจ (2547/2004) จากแรงบันดาลใจที่เคยต้องถูกขังอยู่ในตึกแถวคนเดียวทั้งวันไปจนถึงกลางคืน จนอดไม่ได้ที่จะลองผูกเรื่องและแตกโจทย์ขึ้นมาในลักษณะของบทภาพยนตร์ โดยมี “มะเดี่ยว–ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” คนรุ่นใหม่ในวัย 22 ปีรับผิดชอบในตัวบทภาพยนตร์และทำหน้าที่ในส่วนของการกำกับภาพยนตร์ ได้ที่ปรึกษาอย่าง “ยุทธนา บุญอ้อม, พงศ์นรินทร์ อุลิศ, ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ช่วยผลักดันจนในที่สุดกลายเป็น “คน ผี ปีศาจ” ภาพยนตร์ระทึกขวัญใน “โครงการยักษ์เล็ก” ทางเลือกที่ถูกเปิดขึ้นสำหรับคนทำหนังเลือดใหม่ของทาง “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และเป็นภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกในชีวิตของมะเดี่ยว หลังจากผลงานหนังสั้น, หนังสารคดีมาก่อนหน้านี้อย่างมากมาย… “จะเป็นอย่างไร เมื่อต้องอยู่ในบ้านที่เป็นตึกแถวสี่ห้าชั้นมืดๆ คนเดียว บรรยากาศของตึกแถวที่แสงเข้ามันจะน้อยมันทึมๆ มืดๆ ไปทุกชั้น แล้วเวลาข้างบ้านจะทำอะไรก๊อกแก๊กๆ จะได้ยินกันหมด พอได้ยินกันหมดก็เออ! อยู่ในบ้านตัวเองหรือเปล่านะ เกิดจินตนาการไปต่างๆ นานา และถ้าเกิดเราติดอยู่ในบ้านมีอะไรแปลกๆ จะทำอย่างไร” และนี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว 4 วันที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งหนึ่งซึ่งมีขนาด 4 คูหาที่ตัวตึกทะลุถึงกัน ชั้น 1 เป็นโรงพิมพ์ ชั้นลอยเป็นออฟฟิศของป้าบัว ชั้น 2 ที่เป็นห้องนอนที่อยู่อาศัย และชั้นบนสุดเป็นที่พักของคนงาน โดยมีจุดศูนย์กลางของเรื่องราวอยู่ที่ “อุ้ย” (แอร์-ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวที่หนีตายมาจากต่างจังหวัดซึ่งถูกส่งให้เข้ามากรุงเทพฯ เพื่ออาศัยอยู่กับ “ป้าบัว” (อมรา อัศวนนท์) ญาติห่างๆ หลังจากสูญเสียพ่อและแม่อย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตาเมื่อถูกสั่งฆ่าจากผู้มีอิทธิพลซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้ายาบ้า ทำให้เด็กสาววัย 15-16 ที่มีภูมิหลังอยู่ที่จังหวัดพิจิตรอย่างอุ้ยต้องประสบกับภาพหลอนของคนที่ฆ่าพ่อแม่มาไล่ตามฆ่าเพื่อเอาชีวิตของตัวเองอยู่เสมอๆ แต่แทนที่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของอุ้ยจะดีขึ้นกลับกลายเป็นว่าทันทีที่ก้าวเท้าแรกของสู่โรงพิมพ์แห่งนี้ กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่อุ้ยต้องเผชิญคือความผิดปกติของบรรยากาศสถานที่พร้อมทั้งผู้คนอีก 3 คนที่ดูแปลกตาในโรงพิมพ์แห่งนี้ โดยเริ่มที่ป้าบัวเจ้าของโรงพิมพ์ที่มีอีกหนึ่งอาชีพที่ไม่ธรรมดาคือร่างทรงของเจ้าพ่อ ว่ากันว่าเหตุผลที่ป้าบัวกลายมาเป็นคนทรงเนื่องจากก่อนหน้านี้สูญเสียสามีและลูกชายที่รักมากๆ โดยทิ้งหลานชายปล่อยให้สาวใหญ่วัย 52 อย่างป้าบัวต้องเลี้ยงดู “อาร์ม” (อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์) เพียงลำพัง ความผิดหวังทำให้ป้าบัวมุ่งหาที่พึ่งทางใจ ก่อนที่ในท้ายที่สุดป้าบัวกลับกลายมาเป็นอีกหนึ่งร่างทรงของเจ้าพ่อ แต่คงไม่แปลกใจเท่าอาร์มเด็กชายวัย 11-12 ขวบหลานชายของป้าที่ดูลึกลับไว้ตัวและหวาดกลัวต่อการเข้าห้องน้ำ พร้อมกับพูดถึงใครบางคน อาร์มเชื่อว่าปรากฏอยู่ในบ้านตลอดเวลา ซึ่งอาร์มได้ให้คำจำกัดความต่อเสียงเดิน ร้อง พูดคุยที่คอยกวนอุ้มในยามวิกาลตลอดเวลาว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีเพียงเรา 3 คนเท่านั้น และรอยแผลเป็นที่อยู่บนหลังของอาร์มก็ไม่ได้เป็นฝีมือของคน สำหรับคนสุดท้ายอย่าง “ไม้” (ธีรดนัย สุวรรณหอม) เด็กหนุ่มลูกจ้างวัย 16-17 คนงานประเภทหาเช้ากินค่ำประจำโรงพิมพ์ ซึ่งไม่เคยพูดจาถูกหูอุ้ยเลยตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน ภาพพจน์ของไม้ที่อุ้ยรับรู้มาจากคนงานในโรงงานคือ เพื่อนของไม้เคยงัดแงะบุกรุกเข้ามาในโรงพิมพ์เพื่อขโมยของ ด้วยเหตุบังเอิญที่ทำให้เขาต้องมาพัวพันกับเรื่องราวอันน่าสะพรึงนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งนี้ทุกชั่วโมงในแต่ละวันค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อยๆ พอๆ กับที่อุ้ยค่อยๆ ซึมซับถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งนี้ ทั้งจากป้าบัวและอาร์มที่ทำให้อุ้ยต้องอาศัยยาระงับประสาทที่เธอต้องพกติดตัวและพึ่งพามันตลอดเพื่อกัดกร่อนและลดทอนความตึงเครียดที่ตามรุกเร้าเธอโดยไม่ปล่อยโอกาสให้ได้หายใจและทันตั้งตัว จนกระทั่งเธอได้เผชิญและสัมผัสถึงรูปแบบของสิ่งที่ถูกเรียกขานว่า “ปีศาจ” ตรงหน้าเข้าอย่างจัง…
เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี (2547/2004) หมู่บ้านมอญเล็กๆ ที่มีความสงบสุขมาตลอด ชาวบ้านมีความรักใคร่กลมเกลียวกัน คนในหมู่บ้านก็มีความสามัคคีกันทุกครัวเรือน แต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดเมื่อ กาหลง หญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเกิดตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ อันเป็นการตายแบบสยดสยอง สร้างความอกสั่นขวัญหายให้กับคนในหมู่บ้าน ที่ต่างคิดว่าเป็นการกระทำของพวกผีปิศาจ ก่อนตาย กาหลง อาศัยอยู่กับพ่อและแม่พร้อมด้วยลูกน้อยวัย 8 ขวบอีกคน ที่ได้เป็นเณรอยู่วัดประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้กาหลงยังมีน้องสาวแสนสวยอีกคนชื่อ ปิปี้ ทำงานอยู่ในเมืองหลวง ในวันแรกของงานศพกาหลง ชาวบ้านต่างทยอยมาร่วมงานกันพอประมาณ ก๊วนขี้เมาจอมแสบนำทีมโดย หนูแดง พร้อมด้วย แตงไทย ไหมดี และสีดา เกิดเมาได้ที่ ก็อุตริขึ้นไปสวดมาลัยแบบผิดๆ ถูกๆ ต่อหน้าศพ แล้วก็ได้เรื่องเมื่อทั้งก๊วนขี้เมาจอมแสบและชาวบ้านที่อยู่ในงาน ต้องเผ่นกันป่าราบกับความสยองที่ต่างเผชิญกันมา ปิปี้ทราบถึงการเสียชีวิตของพี่สาวก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางโดน แดน ลูกชายกำนันโด่งที่หลงรักปิปี้แทะโลมแต่ปิปี้ไม่สนใจ กำนันโด่งเป็นผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่น นอกจากนี้เบื้องลึกกำนันโด่งยังชอบหลอกล่อสาวๆ หน้าตาดีในหมู่บ้านมาบำเรอ โดยใช้หมอเสน่ห์นามว่าอาจารย์แอ เป็นผู้ทำเสน่ห์ยาแฝดมาให้ วิญญาณกาหลงไม่สงบสุขเมื่อเณรแอได้ปลุกเธอขึ้นมาเพื่อลนเอาน้ำมันพราย แล้วเณรแอยังสะกดวิญญาณกาหลงให้เป็นทาสตังเองอีกด้วย กาหลงได้มาเข้าฝันเณรลูกชายให้หาทางช่วยปลดปล่อยจากความทรมานสำหรับวิญญาณตนเอง เณรน้อยสงสารโยมแม่จึงขะมักเขม้นกับการร่ำเรียนตำราทางไสยเวศย์เพื่อช่วยโยมแม่ หมู่บ้านที่เคยสงบสุขเวลานี้ได้เกิดอาเพศอย่างหนัก เมื่อเกิดผีออกมาอาละวาด แม้แต่หลวงพ่อแนบ และพระเณรในวัดต่างก็กลัวผีกันไปตามๆ กัน กระทอก หนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านกับปิปี้เกิดมีความรักชอบพอกัน สร้างความไม่พอใจให้กับแดนและดวงตา ลูกสาวของกำนันโด่ง ที่แอบรักกระทอกอยู่ วิญญาณกาหลงได้พยายามสื่อสารกับคนในหมู่บ้าน โดยการเข้าสิงร่างนางเอกลิเกที่กำลังแสดงแก้บนเพื่อบอกให้ชาวบ้านรู้ว่าเวลานี้มีหญิงสาวกำลังโดนมนต์สะกดของอาจารย์แอ แต่กว่าจะสื่อกันรู้เรื่องก็เกือบจะทำให้ชาวบ้านเผ่นหนีกันเป็นแถว หนูแดงพร้อมชาวบ้านนำกำลังกันไปตามหาหญิงสาว ทางด้านอาจารย์เณรแอระหว่างที่กำลังสะกดสาวชาวบ้าน สัปเหร่อชอบกับพวกเกิดมาเห็นเข้า อาจารย์แอรู้ตัวก็สั่งให้วิญญาณที่ตนเองเลี้ยงไว้ออกไปทำร้ายพวกสัปเหร่อชอบ กลุ่มสัปเหร่อหนีผีมาเจอกับกลุ่มหนูแดงแบบกระชั้นชิด ก็ทำให้หนูแดงและชาวบ้านหนีเผ่นอีกครั้ง เพราะเข้าใจว่าลูกน้องสัปเหร่อชอบที่หน้าตาไม่ต่างอะไรกับผีคือผี ก็เลยเผ่นกันไปคนละทิศละทาง ก่อนที่จะวิ่งมารวมกันอีกทีเมื่อถึงบริเวณวัด เพราะหวังเอาพระเป็นที่พึ่ง ขณะที่หลวงพ่อแนบและพระเณรในวัดต่างก็หวาดๆ กับผีที่อาละวาดอยู่ขณะนี้ พอชาวบ้านวิ่งเข้าวัดและทราบว่าผีกำลังไล่ล่าอยู่ งานนี้ทั้งหลวงพ่อ พระ เณร ต่างก็วิ่งกันจีวรปลิว เมื่อพระยังเผ่นมีหรือชาวบ้านจะอยู่ก็เผ่นกันไปคนละทิศละทาง การอาละวาดของผี ทำให้ชาวบ้านต้องจ้างหมอผีมาปราบ แต่แทนที่หมอผีจะมาปราบผีกลับหนีผีอย่างไม่เหลียวหลัง ทำเอาชาวบ้านต้องเผ่นอีกครั้ง ศึกคาถาอาคมเริ่มระเบิดขึ้น เมื่ออาจารย์แอเตรียมปลุกผีทั้งป่าช้าออกล่าชาวบ้าน ขณะที่เณรน้อยผู้มุ่งมั่นศึกษาวิชาด้านไสยศาสตร์จนช่ำชอง ก็เตรียมที่จะช่วยชาวบ้านให้พ้นจากเณรแอ เณรจะช่วยวิญญาณกาหลงผู้เป็นแม่ได้หรือไม่ กาหลงตายเพราะเหตุใด การต่อสู้ของเณรกับอาจารย์แอจะเป็นอย่างไร หาคำตอบได้ใน เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี
แว่วเสียงซอ (2547/2004) แม่พริ้ง สาวงามของหมู่บ้าน เธอมีความสามารถในการสีซอได้ไพเราะและน่าฟัง ไทย ชาย หนุ่มที่แม่พริ้งรักใคร่และเทิดทูน เรียนซอมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก สอน ชายหนุ่มข้างบ้านที่ แอบหลงรักแม่พริ้งพยายามทำทุกอยางเพื่อให้เธอรัก แล้วแม่พริ้งก็มาจากไปทิ้งให้เป็น ปริศนาของคนทั้งหมู่บ้าน ไทย, สอน หรือ สิ่งไหน จะเกี่ยวข้องกับการจากไปแบบปริศนา ที่ทำให้แม่พริ้งกลับมา เธอมาพร้อมกับแรงอาฆาตที่ต้องการแก้แค้น ความรักที่มีต่อชายอัน เป็นที่รักนำพาให้เธอต้องกลายเป็นหญิงที่โหดเหี้ยมอย่างน่าสะพรึงกลัว
คนเล่นผี (2547/2004) (*ปีไม่แน่ชัด อาจไม่ตรง) หมู่บ้านแห่งหนึ่งเกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อวิญญาณผีร้ายเข้าสิง แสน ชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ใน หมู่บ้านแห่งนั้น ซึ่งไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ จนกระทั่งมีชายหนุ่มต่างถิ่นมาทำพิธีขับไล่ วิญญาณร้าย ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาขนานนามว่า อาจารย์คง ผู้มีวิชาไสย ศาสตร์อันแกร่งกล้า แสน กับ ใหญ่ จึงขอเป็นลูกศิษย์ เสี่ยไพศาล ขอร้องอาจารย์ให้เสกของ ใส่ฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวตนจนได้รับกรรม ตำรวจสืบรู้ว่าเป็นฝีมือของอาจารย์คง บุษกรลูกสาว กำนันสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวของอาจารย์คง นับวันก็มีคนตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องเพิ่ง อาจารย์ผัน ผู้มีวิชาอาคมอันแกร่งกล้าเช่นเดียวกับอาจารย์คง ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นหรือ กำลังจะเริ่มต้น….
รินลณี ผีถ้วยแก้ว (2547/2004) เรื่องราวของปราง (อภิรดี ภวภูตานนท์) หญิงสาวใจแตกที่ถูกผู้ชายทิ้ง เธอไม่มีสมบัติมีค่าอะไรมากไปกว่าลูกในท้อง แต่ความคึกคะนองชอบลองของคือต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เธอตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อที่เธอได้มาจากการเล่นผีถ้วยแก้ว แต่มันกลับเป็นการทำให้วิญญาณที่มีชื่อเดียวกันนั้นมาสิงอยู่ในร่างลูกสาว ปรางจึงต้องหาทางช่วยเหลือ เพื่อกำจัดวิญญาณนั้นออกไป แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของใครอีกหลายคน ชีวิตของเธอและลูกจึงขึ้นอยู่กับตัวของปรางเอง ความรัก ความผูกพันระหว่างแม่กับลูก จะมีพลังพอที่จะขับไล่วิญญาณร้ายตัวนี้ได้หรือไม่

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ