แจ๋ว (2547/2004) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของบ้านเมือง ที่ดูเหมือนจะเติบโตอย่างรวดเร็วแต่ไร้การควบคุม เปิดโอกาสให้มีการหาประโยชน์โดยมิชอบได้ง่ายดาย ประเสริฐ (สมชาย ศักดิกุล) อดีตผู้กำกับการกองปราบ ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องของความตรง ที่ลาออกจากราชการตำรวจก่อนเวลาเกษียณไม่นาน ได้รับการแต่งตั้งอย่างลับๆ โดยตรงจากนายกรัฐมนตรี ให้มาจัดตั้งและควบคุมหน่วยงานพิเศษ คอยสืบสวนและรวบรวมหลักฐานการสมคบหรือสมรู้ร่วมคิด ในการหาผลประโยชน์จากรัฐบาลโดยมิชอบ ซึ่งหลายกรณี มักจะเกิดจากคนระดับสูงในรัฐบาลนั่นเอง ซึ่งสองปีที่ผ่านมา ประเสริฐได้ช่วยป้องกันและแก้ปัญหาให้บ้านเมือง โดยไม่ออกหน้าได้หลายครั้ง แต่ปฏิบัติการครั้งล่าสุดนี้ ซับซ้อนกว่าที่ใครคาดคิดไว้นัก ระหว่างการดักฟังการพบกันของ สง่า นักการเมืองระดับสูง, โสภณ (เกษียร จารุสมบูรณ์) นักธุรกิจระดับเจ้าสัวและ ชัยสิทธิ์ (พงศนาถ วินศิริ) เจ้าของเครือข่ายสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุด ที่มีข่าวลือหนาหูถึงสายสัมพันธ์ ที่ก่อให้เกิดการผลักดันการเปิดบ่อนเสรี เกิดความผิดพลาด ทำให้ประเสริฐต้องสูญเสียสายลับมือดีไป เพราะรถกำลังเสริมเกิดอุบัติเหตุชนคน ทำให้เข้าไปช่วยคนของเขาไม่ทันเวลา ประเสริฐต้องรับภาระอุปการะ แวว (เบนซ์ - พรชิตา ณ สงขลา) ที่โดนรถหน่วยงานของเขาชนด้วยความสงสาร เนื่องจากเธอเป็นสาวชาวอีสานที่เข้ากรุงเทพฯ มาทำงานตามบ้าน แต่เพิ่งถูกไล่ออกกำลังจะไปหาพี่สาว แต่ยังไม่ทันถึงไหนก็ถูกรถชนเสียก่อน ประเสริฐซึ่งอาศัยอยู่กับภรรยาสาวนามว่า สิริขวัญ (รัศมี ทองสิริไพรศรี) ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง ก็เลยรับไว้ทำงานบ้านเสียเอง ในงานโชว์เครื่องเพชรคอลเล็คชั่นใหม่ ที่บ้านคุณหญิงไฮโซคนหนึ่ง ดูเหมือนว่า คุณสิริขวัญจะเป็นหญิงสาวที่วงการไฮโซ และนักธุรกิจรุ่นใหม่จับตามอง ด้วยรูปกายและความสามารถ และพากันซุบซิบสงสัยว่า เธอเห็นอะไรดีในตัวประเสริฐ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจแก่ๆ คนหนึ่ง ที่งานนี้เองประเสริฐได้เห็นความสามารถอีกด้านหนึ่ง ของบรรดาคนรับใช้ซึ่งติดตามนายของตนมา แล้วพากันมาชุมนุมเม้าท์แตกกัน โดยเฉพาะจากแวว และ จิ๋ม (จารุภัส ปัทมะศิริ) พี่สาวของแวว นั่นคือความช่างสังเกต สอดรู้สอดเห็น และการได้รับความไว้วางใจให้ถือกุญแจ และเข้านอกออกในได้ทุกพื้นที่ของบ้าน ประเสริฐจึงเกิดพุทธิปัญญา และนั่นคือที่มาของเหล่า แจ๋ว ขบวนการคนใช้พยัคฆ์ร้าย แววและจิ๋มถูกทาบทามจากประเสริฐให้ทำงานเพื่อชาติ ซึ่งสองพี่น้องก็ยินดีเนื่องจากผลตอบแทนสูง และเข้าใจว่ามันคงสนุกเหมือนกับที่เห็นในละคร อีกทั้งแววยังรู้สึกรับผิดชอบต่อสายลับที่จากไปเพราะตน และที่สำคัญที่สุด แววและจิ๋มรู้ดีว่า บ่อนมันสร้างหายนะให้กับชาวบ้านตาดำๆ แค่ไหน ทั้งคู่ถูกส่งไปเป็นคนใช้ที่บ้านโสภณ โดยที่ต้องฝังตัวจนได้รับความไว้ใจ จากนั้นประเสริฐจึงจะส่งคำสั่งต่อไปมาให้ โดยผ่าน สมร พ่อค้าส้มตำที่เป็นสายให้ประเสริฐเหมือนกัน ที่บ้านของโสภณ แววและจิ๋มใหญ่ใช้ความเป็นแจ๋วมืออาชีพ ปรนนิบัติ ดูแลบ้านช่องจนเป็นที่พอใจของโสภณและ มาดามเอ็มม่า (บอนนี่ เซลเลอร์แบ็ค) แม้ว่าจะต้องมีเรื่องปีนเกลียวอยู่กับ จิ๋มดำ (ปาณิสรา พิมพ์ปรุ) และ ปุ๊กกี้ (ปวีณ์นุช แพ่งนคร) อีกหนึ่งสาวใช้ที่อยู่มาก่อนก็ตาม การทำงานเพื่อชาติกำลังจะเริ่มต้น แววและจิ๋มต้องเข้าไปขโมยข้อมูลหลักฐานการติดสินบนให้รัฐมนตรี เพื่อผลักดันเสนออนุญาตให้เปิดบ่อนเสรีจากตู้เซฟ แต่แล้วทั้งสองก็ถูกจับได้เสียก่อน โดย เอ๋ (พนาลักษณ์ ณ ลำปาง) คนใช้สาวเหนือ ผู้หลบหนีการตกเขียวมาจากบ้านเกิด และ แคท (จารุณี บุญเสก) สาวใช้ชาวพม่า เมื่อทั้งสองรู้ว่าแววและจิ๋มทำงานลับอยู่ ก็ขอเข้าร่วมขบวนการด้วย เพื่อแลกกับการที่เอ๋จะได้เอาเงินไปช่วยพ่อแม่ และแคทจะได้โอนสัญชาติเป็นไทย จะได้ไม่ต้องวิ่งหนีระเบิดอีก แต่ปฏิบัติการนี้มันง่ายๆ อย่างที่สี่แจ๋ววาดฝันเอาไว้หรือ การหาหลักฐานที่บ้านโสภณเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ทั้งสี่ยังต้องผจญภัยกับสิ่งที่ไม่คาดฝันอีกมากมาย พร้อมกับเวลาที่มีอยู่ก็เหลือน้อยลงไปทุกที การเผชิญหน้ากันระหว่างนายจ้างและสาวใช้ โดยมีอนาคตของประเทศชาติเป็นเดิมพัน เพิ่งเริ่มต้นยกที่ 1 เท่านั้น
ขุนกระบี่ ผีระบาด (2547/2004) เมื่อไวรัส SARS สายพันธุ์ใหม่ แพร่กระจายข้ามทวีปสู่ประเทศไทย ซูเปอร์แมนนอนป่วย สไปเดอร์แมนไม่ว่าง แบตแมนรถเสีย “ขุนกระบี่” (ต๊อก ศุภกรณ์) ฮีโร่รับจ้างสัญชาติไทยแท้ และ “โคตรขุนกระบี่ชาเขียว” (เทพ โพธิ์งาม) จำต้องชักกระบี่ออกปกป้องโลกอีกครั้ง และครั้งนี้มีความฮาและมันส์เป็นเดิมพัน ระหว่าง “ไวรัสซาร์ส์รุ่น 4 / สาวเซ็กซี่ / ผีดิบ / ซอมบี้ / งูยักษ์ / ระเบิดเวลา / รัฐมนตรี” ทั้งคู่จะจัดการกับอะไรก่อน หากทายไม่ถูก ไปหาคำตอบได้ใน “ขุนกระบี่ ผีระบาด” เกิดโรค “ไวรัส SARS รุ่นที่ 4” เป็นไวรัสกลายพันธุ์ร้ายแรงที่สุดที่เคยค้นพบกำลังระบาดอย่างหนักในทวีปแอฟริกา ผู้ที่ติดเชื้อร้ายแรงจะมีสภาพไม่ต่างจากผีดิบหิวกระหาย แมลงสาบตัวหนึ่งนำเชื้อนั้นบินร่อนข้ามน้ำข้ามทะเลจากทวีปแอฟริกามาถึงประเทศไทย “ด็อกเตอร์ไบรอัน ทอมสัน” (แอนดรูว์ บิ๊กส์) ผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกาที่กำลังคิดค้นและวิจัยเรื่องวัคซีนแอนตี้ไวรัสในประเทศไทย แต่หมองูตายเพราะงู ดร.ไบรอันจึงพลาดท่าได้รับเชื้อ SARS เข้าไปเต็มๆ “หลิว” (บอลลูน พินทุ์สุดา) ลูกสาวคนสวยของ “เฮียเหลา” (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) เจ้าพ่อคนดังแห่งกทม. ถูก “โจรกลุ่มหนึ่ง” (สมเล็ก ศักดิกุล, ปื๊ด แบล็กแคต และสมุนอีก 2 หน่อ) ลักพาตัวมากักขังเอาไว้เพื่อแลกกับเงินค่าไถ่ “อ.เทพลีลา” (เทพ โพธิ์งาม) โคตรขุนกระบี่ชาเขียวฮีโร่ปลดระวางในฐานะเพื่อนเก่าแก่ของเฮียเหลาได้รับการติดต่อให้มาชิงตัวหลิวคืน แต่เนื่องด้วยอ.เทพลีลาได้ประกาศวางมือถอนตัวออกจากวงการแล้ว ฮีโร่รับจ้างนาม “ไอ้ขุน” (ต๊อก ศุภกรณ์) ขุนกระบี่สายพันธุ์ใหม่ในฐานะศิษย์รุ่นสุดท้ายจึงถูกส่งตัวมาที่คอนโดฯ นี้ เพื่อจัดการกับเหล่าโจรกระจอกกลุ่มนั้น และนำตัวหลิวกลับคืน แต่ทว่าสิ่งที่กำลังรอคอยขุนกระบี่ อยู่ในคอนโดฯ แห่งนี้ไม่ได้มีแค่กลุ่มโจรกระจอกเท่านั้น ดร.ไบรอันก็พักอาศัยอยู่ที่นี่ และบัดนี้เชื้อ SARS ที่เขาได้รับทำให้เขากลายสภาพไปเป็น “ผีดิบ” (SARS Zombie) อย่างเต็มตัว ด็อกเตอร์ผีดิบเริ่มแพร่เชื้อสู่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ เดียวกันนี้อย่างรวดเร็ว คอนโดฯ มรณะถูกทางการสั่งปิดตาย คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้าเพื่อไม่ให้มีเชื้อแพร่กระจายออกมาภายนอก รัฐบาลส่งทีมแพทย์และหน่วยพิเศษในความรับผิดชอบของ “ท่านรองรัตน์สุดา” (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) เข้ามาจัดการอย่างเร่งด่วน “ด็อกเตอร์ไดอาน่า” (ลีน่า คริสเตนเซ่น) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเชื้อไวรัสร้ายแรงซึ่งทำงานในคณะของดร.ไบรอันเป็นหัวหน้าทีมแพทย์และหน่วยพิเศษชุดนี้ ดร.ไดอาน่ามาพร้อมกับปืนบรรจุกระสุนเคมีวัคซีนแอนตี้ไวรัสที่เพิ่งค้นพบของเธอพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสร้าย แต่ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นความผิดพลาดไปหมด เพราะวัคซีนแอนตี้ไวรัสไม่เป็นผล เมื่อทางการไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ คำสั่งสุดท้ายคือ “ระเบิดตึกทิ้ง!!!” ขุนกระบี่กับหลิวยังติดอยู่ในนั้น กลุ่มโจรกระจอกก็ติดอยู่ในนั้น ดร.ไดอาน่าก็ติดอยู่ในนั้น แถมฝูงผีดิบ SARS Zombie ที่กำลังหิวกระหายก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทุกนาที ทุกชั่วโมง สถานการณ์กำลังคับขันสุดๆ ทุกคนกำลังจวนตัวและจนตรอกที่ต้องปะทะทั้งผี ทั้งกลุ่มโจร และระเบิดเวลาของภาครัฐ เพล้ง…งงง กรอบรูปของขุนกระบี่ร่วงตกแตกกระจาย พร้อมๆ กันกับจิ้งจกร้องทักไปทั่วที่พำนักของอาจารย์เทพ-สุดยอดฝีมือโคตรขุนกระบี่ชาเขียวรู้สึกได้ทันทีถึง ลางสังหรณ์บอกเหตุอันตรายที่กำลังจะเกิดกับศิษย์รักและมหาชนผู้บริสุทธิ์ หลังจากปลดระวางล้างมืออำลาวงการไปนาน ในวันนี้เห็นทีอ.เทพลีลาจะอยู่เฉยไม่ได้เสียแล้ว เขาตัดสินใจคืนวงการมุ่งหน้าไปยังคอนโดฯ ที่เกิดเหตุเพื่อไปช่วยขุนกระบี่ศิษย์รักพร้อมกับอาวุธคู่กาย-กระบี่ชาเขียว สุดยอดศาสตราวุธ ชักแล้วต้องมีเจ็บ เก็บแล้วต้องมีตาย ภารกิจนี้ใหญ่หลวงนัก สองขุนกระบี่ฮีโร่แบบไทยๆ ลูกศิษย์-อาจารย์ต้องร่วมมือกันกับดร.ไดอาน่าและหลิวฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ทั้งฝูง SARS Zombie ผู้หิวกระหาย ทั้งแก๊งโจรกระจอกที่พยายามชิงตัวหลิวไป และระเบิดเวลาจากภาครัฐที่เตรียมทำลายล้างเชื้อไวรัส SARS 4 ผีระบาด และคอนโดฯ นี้ให้พังพินาศสิ้นซากไปพร้อมๆ กัน ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครติดเชื้อ ใครไม่ติดเชื้อ เหตุการณ์ทั้งหมดต้องจบลงก่อนรุ่งเช้า!!! ก่อนเวลาที่ระเบิดจะทำงานวี้ด…ดดดบึ้ม!
หมานคร (2547/2004) สิ่งมหัศจรรย์กำลังจะเกิดขึ้นที่เมืองนี้ เมืองที่ “ป๊อด” หนุ่มต่างจังหวัดที่ตั้งใจเข้ามาหาความก้าวหน้าในเมืองหลวง แต่ในที่สุดเค้าก็ค้นพบว่าคิดว่ายังไม่ใช่ที่เขาต้องการ แต่ที่นี่เองเขาได้พบกับ “จิน” หญิงสาวแม่บ้านทำความสะอาด ผู้ที่จะมาจุดประกายความหวังอีกครั้งให้กับป๊อด แต่ยิ่งนับวันความรักของทั้งสองเกิดอุปสรรคต่างๆ นานา ป๊อดเริ่มสังเกตว่าเมืองนี้มีสิ่งที่ผิดปกติ แปลกประหลาดมากมาย ส่วนจินก็มีนิสัยเปลี่ยนไป จนเขารู้สึกเหมือนจิน อยู่ห่างเขาออกไปทุกที ป๊อดเริ่มไม่แน่ใจว่าเมืองนี้มันประหลาดหรือเขาเองที่เป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับเมืองนี้ แล้วความรักของป๊อดในเมืองจะสมหวังหรือไม่? เตรียมพบคำตอบในเมืองที่ชื่อว่า “หมานคร”
กั๊กกะกาวน์ (My Space) (2547/2004) “กั๊กกะกาวน์“ ผลงานภาพยนตร์ก้าวแรกที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์อันเต็มเปี่ยมของ “นักศึกษาชั้นปี 4 วิชาเอกภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” กว่า 28 (มั่ว)หัวใจที่มุ่งมั่นที่จะเดินทางบนแผ่นฟิล์ม พวกเขาเลือกที่จะตามหา “โอกาส” ที่จะทำให้ภาพยนตร์สารนิพนธ์ซึ่งเป็นโปรเจกต์สุดท้ายที่พวกเขาจะได้ทำร่วมกันภายในรั้วมหาวิทยาลัยของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ “หนังนักศึกษา” ธรรมดาๆ ที่จำกัดคนดูเพียงกลุ่มแคบๆ โดยมีหัวหอกหลักอย่างสองผู้กำกับ “วิทิต คำสระแก้ว” และ “ฤทธิชัย สิริประสิทธิ์พงศ์” ที่หนังสั้นของพวกเขาเคยได้รับรางวัลช้างเผือก มูลนิธิหนังไทย เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ และโปรดิวเซอร์ที่หลายคนรู้จักในฐานะนักร้อง “นิหน่า-สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา” กุญแจสำคัญที่ทำให้ “ความมุ่งมั่น” ของพวกเขาไป “เข้าตา” ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มือทองอย่าง “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ที่มีส่วนสำคัญในการเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนในส่วนงานด้านโปรดักชัน รวมไปถึงรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะที่ต่างร่วมช่วย “ปลุกปั้น” ให้หนังเรื่องนี้กลายเป็น “หนังใหญ่” ที่ใครหลายคนต้องจับตามอง รวมไปถึงการผลักดันให้ภาพยนตร์เรืองนี้ได้เข้าไปอยู่ในโปรแกรมฉายของค่ายหนัง “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ได้เป็นผลสำเร็จ และละลายเส้นแบ่งกั้น “ความเป็นมืออาชีพ” และ “มือสมัครเล่น” อย่างสิ้นเชิง “คงไม่มีใครเข้าใจวัยรุ่นเท่ากับวัยรุ่นด้วยกัน” และโดยเฉพาะเรื่อง “ความรัก” ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอผ่านมุมมองที่ “เข้าถึง” ความรู้สึกของ “ความเหงา“ ที่วัยรุ่นและใครหลายๆ คนต้องเผชิญ การตั้งคำถามกับ “ชีวิต“ และ “ความรัก“ ผ่านตัวละคร “ป่าน“ นศ.แพทย์ชั้นปี 4 ที่กำลังตามหาว่าจริงๆ แล้วชีวิตในแต่ละวันนั้นเธออยู่เพื่ออะไร ท่ามกลางความเหงานั้น เธอรอคอยอะไรหรือใครบางคนอยู่ แล้วช่วงชีวิตหนึ่งก็ทำให้ป่านพบกับ “นิค” ช่างภาพอิสระอารมณ์ศิลปินที่อาศัยอยู่ห้องตรงข้ามกับเธอ หลายครั้งที่เจอกันไม่มีใครกล้าเริ่มบทสนทนา จนวันหนึ่งที่นิคเอ่ยปากคุยทั้งสองจึงเริ่มต้นที่จะมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน ทั้งสองเริ่มเรียนรู้กันและกัน “เธอ” สอนให้ “เขา” ได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจผู้อื่น แต่ “เขา” สอนให้ “เธอ” ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ และรู้จักกับคำว่า “รัก“ ที่จะไม่มีวันเลือนไปจากความทรงจำ “ความเหงา” ทำร้ายใครหลายๆ คน แต่บางครั้งมันก็พาให้ใครบางคนมาพบกัน…
ซาไก ยูไนเต็ด (2547/2004) เปาตุ๊ (นำแสดงโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) อดีตกรรมการบอลที่กำลังหนีลูกน้องของหัวหน้ากรรมการฟุตบอล แล้วเขาก็กระโดดลงที่ลำธาร และได้ไปสนามกีฬาโดยเห็นเงาะร่วมแข่งขันด้วย เขาสังสัยว่าเขาเค้าคือใครและเขาจึงตามพวกเขาไป โดยเข้าไปในป่า ก่อนที่จะพบเห็นหมู่บ้านเงาะป่ากับหัวหน้าเผ่า ซึ่งกำลังพูดเรื่องในหมู่บ้านกำลังมีโรคระบาด โดยที่ชาวซาไกยังคงมีอาหารป่วยไม่รู้จะรักษาอย่างไรจึงจะหาย ทำให้เขาตัดสินใจให้ซาไกทั้งกลุ่มออกเดินทางที่กรุงเทพมหานคร แต่ซาไกที่ไม่ได้ออกเดินทางนอกป่าที่ไกลมาก ซาไกทั้งกลุ่มจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือพวกเผ่าเราให้หายป่วยโดยได้รับถ้วยพระราชทานในการแข่งขันฟุตบอลโลกครังนี้ และพวกเขาไปกรุงเทพโดยรถเมล์ เปาตุ๊คอยฝึกซาไกไว้ให้มาแข่งขันทีมซาไกยูไนเต็ดที่เปาตุ๊เคยตั้งชื่อทีมไว้แล้วในจังหวัดยะลา โดยการแข่งขันจะมี มะม่วงเป็นกัปตันทีมของซาไกยูไนเต็ด การแข่งขันของซาไกยูไนเต็ดไม่สำเร็จพอที่จะแข่งขันฟุตบอลตอนนี้ ในตอนกลางคืนกลุ่มซาไกได้เดินทางไปที่ถนนข้าวสารและได้เข้าไปในคลับ ซาไกเกิดอาการแปลกใจที่เห็นโลกภายนอก ในการแข่งขันทีมซาไกยูไนเต็ดแข่งกับสิงห์น้ำเงินแข่งเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จต่อๆกัน และต่อมาทีมซาไกยูไนเต็ดเอาชนะสิงห์น้ำเงินสำเร็จ และสามารถรับถ้วยพระราชทานได้ มะม่วงได้ชนะเลิศในการแข่งขัน และเขาได้รับถ้วยพระราชทาน แก่เปาตุ๊ และมะม่วงได้กอดกับเปาตุ๊ดีใจที่ชนะและเปาตุ๊ก็จากไป ก็กลับไปบ้าน ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เปาตุ๊ได้เห็นภาพซาไกยูไนเต็ดที่ได้ชัยชนะมาสู่เรา พอเปาตุ๊เห็นคนไม่ดีเห็นแล้วก็เลยหนีไป คนไม่ดีเห็นว่าเขาขึ้นรถไฟไปเลยขึ้น เปาตุ๊ก็รอดชีวิตมาได้ ที่หมู่บ้านซาไกคนในหมู่บ้านซาไกดีใจมากที่ได้กลับมาบ้านเกิด และได้วางถ้วยพระราชทานรอพระอาทิตย์ส่องแสงสว่าง สักพักพระอาทิตย์ก็แสงสว่างไปถึงถ้วย มะม่วงและคนในหมู่บ้าน รวมถึงหัวหน้าเผ่าได้ไหว้พระเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นพระบารมีทีมีต่อพสกนิกรไทย และหัวหน้ามะม่วง กับคนทั้งหมู่บ้านได้พบหมอเพื่อจะมารักษาคนที่ติดไข้ทรพิษ โดยสามารถรักษาให้หายได้เป็นปกติ และในหมู่บ้านของกะเหรี่ยง มีพวกชาวกะเหรี่ยงเล่นตะกร้อกันอย่างสนุกสนาน โดยมีชายผู้หนึ่งที่หันหลังให้อยู่ เขาผู้นั้นคือ เปาตุ๊
โคเลสเตอรอลที่รัก (2547/2004) เจษฎาภรณ์ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) หนุ่มนักเรียนนอก เพิ่งกลับมาจากลอนดอนพร้อมกับ นาเดีย (แคนดี้ เอเวอรี่) เพื่อนสาวคนสนิท หลังจากเรียนอยู่ที่โน่นนานถึง 8 ปี พอกลับมาถึงบ้านเขาก็ได้ทราบเรื่องจาก สันติ (สมภพ เบญจาธิกุล) ผู้เป็นพ่อว่าเขาจะต้องแต่งงานกับ ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) เพื่อนสนิทวัยเด็กที่เคยช่วยชีวิตไว้จากการจมน้ำ เพราะสันติกับ ไพโรจน์ (ครรชิต ขวัญประชา) พ่อของลูกเกดเป็นเพื่อนรักกันเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะลูกเกดกำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก ไพโรจน์จึงอยากจะให้คนดีๆ อย่างเจษฎาภรณ์ ช่วยดูแลลูกเกดและบริษัท ไลท์แมน ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการรับสร้างบ้านของเขาต่อไป ไพโรจน์จึงส่งเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาให้กับเจษฎาภรณ์มาโดยตลอดเพราะฐานะครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก พอได้ทราบข่าวเรื่องการแต่งงานเจษฎาภรณ์ก็ยินดีและบอกกับพ่อว่าจะไม่ทำให้ลูกเกดและคุณอาไพโรจน์ผู้มีพระคุณต้องผิดหวังด้วย แต่เมื่อเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอหน้าลูกเกดครั้งแรกในงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเขา ซึ่งไพโรจน์จัดให้อย่างใหญ่โต ทำเอาเจษฎาภรณ์ถึงกับช็อค เพราะลูกเกดเด็กสาวรูปร่างบอบบางที่มองโลกในแง่ดีมีน้ำใจที่เขาเคยรู้จักในอดีตนั้น เดี๋ยวนี้กลายเป็นสาวตุ้ยนุ้ยมีน้ำหนัก หนักกว่า 150 กิโลกรัม ทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกผิดหวังอย่างมากๆ และยังถูกนาเดียซึ่งได้รับเกียรติให้มาร่วมงานในคืนนี้ พูดจาถากถางเกี่ยวกับว่าที่เจ้าสาวหุ่นตุ้ยนุ้ยของเขาด้วย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รีบกลับบ้านก่อน โดยอ้างว่าไม่ค่อยสบายเพราะยังรู้สึกเมาเครื่องอยู่ ซึ่งลูกเกดก็ไม่ได้สงสัยอะไรและคิดว่าเจษฎาภรณ์ยังมีความรู้สึกที่ดีๆ กับเธอเหมือนวัยเด็กทุกประการ ในขณะที่เจษฎาภรณ์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบรษัทไลท์แมนของไพโรจน์นั้น นาเดียก็เปิดกิจการห้องเสื้อเป็นของตัวเอง และนาเดียพยายามที่จะแสดงตัวให้ใครต่อใครได้รู้ว่าเธอกับเจษฎาภรณ์เป็นแฟนกัน โดยที่เจษฎาภรณ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด และยังคงไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองบ่อยๆ ปล่อยให้ลูกเกดต้องคอยโทรศัพท์ตามหาว่าพี่เจษหายไปไหน ไม่ยอมมาเที่ยวหาเธอบ้าง วันวาเลนไทน์ลูกเกดดีใจเป็นที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์โทรศัพท์มานัดเพื่อที่จะพาเธอไปดินเนอร์ในคืนนี้ แทนที่คืนนี้จะเป็นคืนที่เธอมีความสุขอย่างที่สุดเหมือนเช่นคู่รักที่จะแต่งงานในเร็วๆ นี้ แต่กลับกลายเป็นคืนที่เธอต้องพบกับความเสียใจมากที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์มาพบกับเธอก็เพื่อจะบอกยกเลิกการแต่งงาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ ลูกเกดเสียใจที่เจษฎาภรณ์รังเกียจในรูปลักษณ์ของเธอ พอกลับถึงบ้านลูกเกดจึงคิดฆ่าตัวตาย พร้อมทั้งกินยาลดความอ้วนเกินขนาดโชคดีที่แพทย์เยียวยารักษาไว้ทัน เพื่อให้ลูกสาวอันเป็นที่รักดั่งดวงใจกลายเป็นลูกเกดคนใหม่ ไพโรจน์จึงส่งลูกเกดไปรักษาแผลใจและเข้าคอร์สลดความอ้วนที่อเมริกาตามคำแนะนำของหมอ ซึ่งก็ได้ผลเพราะสุขภาพจิตของลูกเกดเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ในขณะที่สุขภาพจิตของเจษฎาภรณ์เริ่มแย่ลง เพราะสันติเสียใจที่ลูกชายไม่ทำตามสัญญา และยังทำให้ครอบครัวของผู้มีพระคุณผิดหวัง จึงทำให้โรคหัวใจกำเริบและเขาก็สิ้นใจตายในอ้อมกอดของลูกชาย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกเสียใจที่เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อตาย หนึ่งปีผ่านไปเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอนางแบบอินเตอร์นามว่า เมทะนี (เมทินี กิ่งโพยม) ในงานเดินแฟชั่นโชว์ห้องเสื้อของนาเดีย เขามีความรู้สึกว่านางแบบคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างคล้ายลูกเกดมาก แต่พอเขาเข้าไปทำความรู้จักเธอก็ปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน แต่เจษฎาภรณ์ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะทำความใกล้ชิดและสนิทสนมเธอให้มากกว่านี้ ถึงแม้จะเจอ ณัฐ (ภราดร ศิรโกวิท) คอยกันท่าหรือถูกเมทะนีแกล้งต่างๆ นานา มาแล้วหลายครั้งหลายหนก็ตาม พอเจษฎาภรณ์หันหน้ามาให้ความสนใจในตัวเมทะนีมากขึ้นทุกวัน ทำให้นาเดียคิดแก้เผ็ดเจษฎาภรณ์ด้วยการหันไปคบผู้ชายคนอื่นบ้าง จึงทำให้เจษฎาภรณ์เริ่มจะคิดได้ว่าผู้หญิงที่ดีและมีน้ำใจให้กับเขามาโดยตลอดก็คือลูกเกดนั่นเอง ในที่สุดเจษฎาภรณ์จึงตัดสินใจไปที่บ้านลูกเกดเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ และเขาก็ได้รับรู้ความจริงจากณัฐว่าเมทะนีคือใคร และณัฐยังบอกให้เขาต้องชอกช้ำใจมากขึ้นไปอีกว่าลูกเกด ไม่ต้องการพบเขาอีกแล้ว และยังฝากคืนว่าวที่เธอเคยขอจากเขาเมื่อตอนเด็กอีกด้วย เรื่องราวความรักที่ยุ่งๆ ของหนุ่มนักเรียนนอกกับสาวตุ้ยนุ้ยจะลงเอยอย่างไร เตรียมหาคำตอบจากภาพยนตร์ โคเลสเตอรอล..ที่รัก ได้อีกไม่นานเกินรอ
ซี-อุย (2547/2004) ปีพุทธศักราช 2489 หนุ่มชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ลี่ฮุย หรือ ซีอุย ดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาแผ่นดินไทยเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า พร้อมมีดเล่มเดียวที่มารดามอบให้เป็นสมบัติติดตัว แต่เมื่อมาถึงทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เขาโดนรังแกถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้าง เขาพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด จนเขาเริ่มล้มป่วย คิดถึงแม่ เวลาเดียวกัน สัญชาติญาณความอยู่รอดก็เริ่มบีบบังคับเขามากยิ่งขึ้น เขาเริ่มฆ่าเด็ก ควักหัวใจ และตับออกมาเพราะความเชื่อว่าตับและหัวใจเด็กจะทำให้เขารู้สึกแข็งแรงขึ้น และเมื่อใดที่เขารู้สึกอ่อนแอ เขาจะฆ่าและฆ่าอีก เพื่อให้ตนเองพ้นจากความอ่อนแออีกครั้ง เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงทางตันเขาถูกจับได้และยอมรับสารภาพในการกระทำที่เขาทำ เขาถูกตัดสินประหารชีวิต สังคมเริ่มกลับมาสู่ความปลอดภัยอีกครั้ง แต่ทำไมยังคงมีเด็กหายและถูกฆ่าอีก หรือซีอุยที่ตายไปนั้นเป็น…?
สายล่อฟ้า (2547/2004) ไอ้ตุ่น (โหน่ง ชะชะช่า) กับ ไอ้เต่า (เต๋า - สมชาย เข็มกลัด) เป็นเพื่อนคู่ซี้คู่ฮาประจำหาดพัทยา ไอ้ตุ่นเป็นเซียนพระที่ได้มรดกกิจการมาจากเซียนต่ายพ่อมัน ส่วนไอ้เต่าเป็นเซียนบอลที่คลั่งไคล้เพลง "สายล่อฟ้า" ของพี่ป้อม-อัสนี เข้าไส้ ไปคาราโอเกะทีไร มันแหกปากร้องเพลงนี้จนหวิดหัวแตกมาแล้วหลายเที่ยว คืนหนึ่งที่บาร์คาราโอเกะไอ้ตุ่น ไปตกหลุมรักสาวนางหนึ่งเข้าโดยไม่รู้เลยว่า น้องนก (เมย์ - พิชญ์นาฏ สาขากร) เป็นเด็กของ กำนันหมู (เล็ก - สมชาย ศักดิกุล) มาเฟียใหญ่ของพัทยา ที่ไอ้เต่าเช่ามาเอาใจเพื่อน หลังจากคืนแห่งความทรงจำ น้องนกก็หายตัวไป ไอ้ตุ่นพยายามตามหาจนถูก อีปลา (น็อต - อนุชา ฉัตรแก้ว) กะเทยแม่เล้าหลอกฟันเงินไปแสนหนึ่ง ร้อนถึงไอ้เต่าที่กำลังอยากจะยืมเงินเพื่อน ไปคืนหนี้โต๊ะบอลอยู่พอดีต้องไปทวงให้ อีปลาขอใช้คืนเป็นโคเคน โดยเอาไปขายให้ เฮียหมา (หม่ำ มกจ๊ก) แต่ด้วยความซื่อผสมความเซ่อ ไอ้เต่ากลับโดนเฮียหมาต้มซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเข้าตาจนไอ้เต่าจึงไปดักจับ น้องหนู (แป้ง - อรจิรา แหลมวิไล) สาวลูกครึ่งมาเรียกค่าไถ่ ข้างไอ้ตุ่นซึ่งหลงรักน้องนกหัวปักหัวปำ บ้าเลือดเข้าไปขอตัวเธอคืนจากกำนันหมู กำนันหมูยื่นข้อเสนอ ให้มันเอาเงินมาซื้อความรักในราคาสามล้าน พอดีกับที่ ผู้ใหญ่หมี (แบล็ค ผมทอง) เรียกไอ้ตุ่นไปดูพระ มันได้ทีจึงแกล้งตีเป็นของเก๊ แล้วทำเลียนแบบไปขายเองได้เงินมาสามล้าน ไอ้ตุ่นได้เงินไปไถ่ตัวนกสมใจ รวมทั้งใช้หนี้ให้ไอ้เต่าด้วย แต่อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ใหญ่หมีรู้ความจริงว่าเสียรู้ไอ้ตุ่น และ ไมเคิล พ่อของน้องหนูที่ไอ้เต่าลักพาตัว ดันเป็นเพื่อนกับกำนันหมูอีกที ไอ้ตุ่นกับไอ้เต่าจะเอาชีวิตรอดหรือไม่ น้องนกจะซึ้งในความรักของตุ่นหรือเปล่า แล้วไอ้เต่าจะได้กลับไปครวญเพลงสายล่อฟ้าอีกหรือไม่ มีแต่ยุทธเลิศเท่านั้นที่รู้!
ทวารยังหวานอยู่ (2547/2004) ในปี พ.ศ. 2525 ปีแห่งการสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี กรุงเทพฯ สดใส ไร้เดียงสาอยู่กับแฟชั่นสีสันหวานแหวว เสียงเพลงจากวงสตริง และหนังทีวีกำลังภายใน กำลังฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง มือกลองหนุ่ม เบ๊ (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) ศิษย์โปรด อาจารย์ตึ่งโป๊ะ (ปราณี กี่บุตร) สำนักกลองเทวดา ที่พยายามฝึกวิชากลองเทวดาให้ถึงขั้นที่ 10 แต่ระหว่างนั้น เขากลับพบว่า ตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตาย จนต้องหลบหนีการไล่ล่าของนักสืบมือปราบ ไอ้หูดำ (นิพนธ์ ชัยศิริกุล) ที่มี ซื่อบื้อ (ริชาร์ด ออฟ ไลออน ฮาร์ท) สุนัขดมกลิ่นเป็นผู้ชี้เบาะแส เบ๊พยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ทุกคนรู้ โดยมี ต้น (นันทกา วรวณิชชานันท์) ศิษย์พี่ร่วมสำนักกลองเทวดา คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือ จนต้นกับเบ๊เกิดความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ระหว่างหนีเอาตัวรอด เบ๊ได้พบเจอผู้คน และเรื่องราวพลิกผันมากมาย หลายคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเบ๊ จนกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในยุคนี้
ฟอร์มาลีนแมน รักเธอเท่าฟ้า (2547/2004) แก่นเรื่องนี้คือใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ผมมองว่าคนสมัยนี้แสวงหาเพื่ออะไร ทุกอย่างล้วนเอาไปไม่ได้หากตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ การยึดติดในสิ่งต่างๆ หนังเรื่องนี้นำเสนอให้เห็นถึงเหตุของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัก โลภ โกรธ หลงซึ่งจะแสดงออกผ่านทางตัวละคร “ฉัตรทอง” คือความโกรธ, “แก้ว” คือความรัก, ความโลภก็คือ “เฮียกวง” ส่วนความหลงก็มีตัวของ “แหว๋ว” ซึ่งเป็นเรื่องชู้สาว ก็เป็นการแบ่งไปตามตัวละครซึ่งตัวละครทุกตัวก็จะแก้ปัญหากันไปตามทิศทางของเขา แต่สุดท้ายทุกคนจะต้องหยุด ทำให้รู้ว่าเมื่อคุณละแล้วก็จะพบความสุข ซึ่งจะเห็นชัดมากในตัวของเอกชัย สุดท้ายก็ต้องยอมรับในสัจจธรรม ทุกคนต้องปล่อยวางเดินสายกลาง ผมเป็น Film Maker มาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน จวบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลาร่วมสิบปี เงินก้อนแรกที่ได้มาจากการทำงานก็มาจากการทำหนังไทย ผมถือว่าหนังไทยมีบุญคุณกับผม และเมื่อผมได้มีโอกาสเข้ามากำกับภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” มันจึงทำให้ผมรู้สึกกลัวและเกร็ง กลัวว่าจะทำให้คนดูผิดหวังกับหนังไทย ผมถึงต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวให้กับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกคัตทุกเฟรมที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ มันได้ผ่านสายตาของผมมาเกินร้อยครั้งเพื่อทำให้มันสมบูรณ์ที่สุดเมื่อต้องผ่านสายตาผู้ชมในครั้งแรก แรงบันดาลใจที่ทำให้คิดทำภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดมาจากความสนใจในเรื่องราวของคนตายแล้วฟื้น ผมพยายามที่จะคิดหาคำตอบว่า ทำไมคนที่ตายไปแล้วถึงฟื้นขึ้นมา และคำตอบมันก็อยู่ในเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นความโชคดีของผมในการนั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกก็คือผมได้ทีมงานและนักแสดงที่มีคุณภาพมากๆ ทุกคนล้วนมีความสามารถสูง พวกเขาได้มาแต่งเติมภาพในฝันของผมให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น วิธีกำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ผมจะเลือกใช้การ Improvisation หรือการด้นสดๆ เพื่อจะได้การแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ-สมจริง จึงจำเป็นต้องใช้นักแสดงที่มีจินตนาการและความสามารถสูง ไม่ใช่ทำตามสั่งแต่นักแสดงจะต้องร่วมคิดร่วมจินตนาการไปกับผมด้วย เขาต้องเชื่อว่าเขาเป็นตัวละครในภาพยนตร์จริงๆ ซึ่งนักแสดงทุกคนก็ทำได้ดีเกินคาด ถ้าจะเปรียบภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” เป็นอาหารจานหนึ่ง มันคงไม่ใช่แฮมเบอร์เกอร์, หูฉลาม, ปลาซาบะ, เนื้อย่างเกาหลี แต่มันเป็นข้าวมันส้มตำรสแซ่บ ที่มีทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เต็มครบทุกรสชาติถูกปากคนไทย
The Adventure of Iron Pussy หัวใจทรนง (2547/2004) Iron Pussy สายลับสาวเจ้าเสน่ห์ของเรา ผู้เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาท และรูปโฉมเฉกเช่นกุลสตรีไทยพร้อมกับภารกิจครั้งใหม่ โดยภารกิจนี้ เธอได้รับมอบหมายจากทางการให้แฝงกายเป็นสาวใช้เข้าไปสืบสวนความไม่ชอบมาพากลของเบื้องหลังธุรกิจพันล้านในคฤหาสน์ของสาวสังคมชั้นสูง มาดามปอมปาดอย และมิสเตอร์เฮนรี่ ว่าที่คู่หมั้นใหม่ของเธอ และถึงแม้ว่าเธอจะโดนกลั่นแกล้งจากสมจินตนาหัวหน้าสาวใช้ สายลับสาวของเราก็ยอมทนอดกลั้น จนกระทั่งวันหนึ่งฟ้าได้ลิขิตให้เธอมาพบกับ คุณแทง บุตรชายรูปงามของมาดาม ณ วินาทีนั้น ภารกิจของหัวใจก็อุบัติขึ้นพร้อมๆ กับภารกิจของชาติ ทำให้เธอตระหนักว่าเสียงเรียกร้องในหัวใจของเธอนั้น ขัดแย้งกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ร้ายไปกว่านั้น ความจริงที่ไม่คาดฝันก็ได้เปิดเผยขึ้นทำให้ชะตาชีวิตของคนทั้งสองนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาและเธอจำต้องฝ่าฝันอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ปราณี
โว๊กว๊าก (2547/2004) เรื่องราวของ ครอบครัวเจ้าสัว กับ คุณหญิง ที่มี พ่อใหญ่ เป็นที่ปรึกษา เหตุเกิดขึ้นเมื่อบุตรชายแสนรักชื่อ โว๊กว๊าก ผู้ชอบเล่นสนุกกับสาว ๆ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ เพื่อให้ได้ลูกสุดเสน่หาคืนมาอย่างปลอดภัย เจ้าสัว จึงไม่กล้าเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่ให้ บอดี้การ์ด เอ๋อ กับสมุนออกตามหา โว๊กว๊าก โดยจ่ายค่าตอบแทนให้ไม่อั้น ทั้งยังว่าจ้าง นักสืบสันติ กับ เพชรแท้ หลานชายของนักสืบสันติ ที่เพิ่งจบหลักสูตรสืบสวนมาจากเมืองนอก โดยได้ร่วมมือกับ อุ๋งอิ๋ง พี่สาวของ โว๊กว๊าก ซึ่งเรียนการต่อสู้มาจากญี่ปุ่นและต้องบินด่วนกลับจากนอกเพื่อตามหาน้องชาย ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามปิดข่าวจากยอดนักข่าว สิทธิชัย หย่อน เพื่อไม่ให้มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ชึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับ โว๊กว๊าก ได้ เรื่องราวพัวพันไปถึงสถานบันเทิงของเสี่ยชูวิทย์ ที่มีหมอเหนื่อยเป็นแพทย์ ประจำอยู่ และเชื่อมโยงไปถึงโรงพยาบาลที่มี ผอ.เทพ และหมอพร สังกัดอยู่ นัวเนียไปถึง คุณระเบียบจัด แห่งสังคมสลัมรวมทั้ง น้าหมัก กับ น้าเสียบ เจ้าของร้านผัดไทในตลาด และ มัคนายกพะโยม สุดท้ายต้องใช้หมอผีให้เรียกผีขึ้นมาถามเรื่อง โว๊กว๊าก แต่ก็โดนผีหลอก โว๊กว๊าก อยู่ที่ไหน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร?
ชายชาติอาชาไนย (2547/2004) เรื่องราวของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวทหาร [คือ ชาติชาย ชุณหะวัณ]มีพ่อเป็นผู้นำทหารที่ทรงอำนาจ จอมพล ผิน ชุณหะวัณ มีพี่เขยที่ยิ่งใหญ่เจ้าของสโลแกน ไม่มีอะไรใต้ฟ้าเมืองไทย ที่ทำตำรวจไทยทำไม่ได้ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ; ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่สมัยเป็นผู้บังคับหมวด ครั้งสงครามอินโดจีน ในขณะเดียวกันก็มีหัวใจรักแม่นมั่นกับคุณครูบุญเรือน โสพจน์ แห่งโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ ชาติชายทุ่มเทชีวิตกับการเป็นทหารม้า ท่ามกลางกระแสการเมืองในขณะนั้นที่อยู่ในวังวนการแย่งชิงอำนาจ ... การถูกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้นำการปฏิวัติสั่งให้ไปเป็นทูตที่อาร์เจนติน่า 15 ปี ... การกลับไทยเริ่มบทบาทบนถนนการเมือง จนกระทั่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย และผกผันอีกครั้งจากการถูกยึดอำนาจ ...
Headless Hero 2 ผีหัวขาด 2 (2547/2004) ไอ้ไฝ (แสดงโดย อรุณ ภาวิไล) กับ ไอ้เทือง(แสดงโดย โต อำพล รัตนวงศ์) ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันและทั้งคู่ก็ขโมยสร้อยศพของผีถั่วแระ(ถั่วแระ เชิญยิ้ม) และไฝก็เอาสร้อยเส้นหนึ่งไปแต่ความซุ่มซ่ามของไอ้เทือง มือของไอ้เทืองติดอยู่กับปากศพของคนจีนจนทำให้ไอ้เทืองตาย และไอ้ไฝวิ่งหนีไป และไอ้ไฝก็รอดตัวจากผีตามหาสร้อยของมัน และรุ่งเช้ามีงานเทศกาลแข่งเรือ เวลาที่กำลังจะเริ่มแข่งเรืออยู่นี้เห็นเรือประหลาดโผล่มาและมีคนประหลาดที่แล่นเรือเอง โดยมีไม่มีฝีพายและเรือของผีหัวขาดก็ชนะในการแข่งขัน และกรรมการให้รางวัลในการชนะเลิศแต่ผีหัวขาดก็ไม่ชอบใจ และคนอื่นก็ใช้มือในผลักหัวแต่นี่ไม่ใช่คนมันเป็นผีหัวขาด และทุกคนก็วิ่งหนีไป และมีหมอเฒ่าเป็นนักปราบผี และใช้ไหโบราณผนึกผีหัวขาดตัวนั้น ตอนที่หมอเฒ่ากำลังผนึกผีหัวขาดตนนั้นได้แต่หัว ส่วนร่างของผีหัวขาดก็เก็บไว้ในสุสานตามเดิม 25 ปีต่อมา เมฆ ลูกชายของไฝ มีนิสัยเป็นคนชอบช่วยเหลือคน โดยเฉพาะ ป๋อง เพื่อนสนิทของเมฆที่มักมีเรื่องให้เมฆต้องช่วยอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองได้เจอผกากับเพื่อนชื่อเง็ก ผู้หญิงที่ทั้งสองแอบชอบอยู่ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋า จึงเข้าไปช่วย สร้างความไม่พอใจให้สาธิต คู่หมั้นของผกาเป็นอันมาก ส่วนป๋องนั้นแอบหลงรักเง็ก แต่เง็กไม่เล่นด้วยแถมไล่ตะเพิดทุกครั้งที่เห็นหน้า จนป๋องทนไม่ไหวได้ขอร้องให้เมฆช่วยเรื่องเง็ก เมฆทนคำขอร้องไม่ไหวจึงยอมช่วย โดยเมฆได้ไปขโมยตำราปราบผีของพ่อ (ไฝ) เพื่อที่จะมาทำพิธีกลั่นไอเสน่ห์ โดยที่ทั้งสองได้ไปทำพิธีในป่าช้าฝังศพผีถั่วแระ และได้ทำให้ผีถั่วแระฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพราะป๋องได้ไปดึงมีดที่สะกดวิญญาณผีถั่วแระออก แต่ทั้งสองนั้นไม่รู้ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับเมฆได้ช่วยเหลือผีกองกอย ให้หลุดพ้นจากการคุมขังทำให้ผีกองกอยยอมเป็นผีรับใช้เมฆ ในขณะที่ผีถั่วแระพอฟื้นคืนชีพก็จับหนูดูดเลือดเพื่อเพิ่มพลัง และเริ่มติด ตามหาหัวของตัวเอง เพื่อให้มารวมกับตัว และตามหาสร้อยหยกที่ไฝนั้นขโมยมาคืนซึ่งตอนนี้สร้อยได้อยู่ที่เมฆลูกของไฝ ณ จวนผู้ว่า ในงานวันเกิดของผู้ว่า หรือขุนวิชัยพ่อของผกา สาธิตและเสี่ยกวงได้นำของขวัญมาให้ผู้ว่าซึ่งก็คือโถที่ใส่หัวของผีถั่วแระไว้แต่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว ขณะเดียวกันในงาน เมฆและ ป๋องที่แอบอยู่ก็พยายามที่จะพ่นไอเสน่ห์ใส่เง็กแต่พลาด ไอเสน่ห์ไปโดนมารีรีน คนใช้ของเง็กแทนทำให้เกิดความวุ่นวายเพราะมารีรีนคอยวิ่งไล่ตามป๋องจนทำให้ทั้งป๋องและเมฆต้องหนีออกจากงาน ต่อมาในงานวันหมั้นของสาธิตและผกา เมฆและป๋องแอบเข้าไปในงานพร้อมกับนำผีกองกอยใส่กระบอกไม้ไผ่ เพื่อที่จะไปขัดขวางการหมั้น โดยเมื่อถึงเวลาที่จะต้องสวมแหวนผีกองกอยก็คอยกวนจนไม่สามารถสวมแหวนได้ ในขณะที่ทั้งเมฆและป๋องหลุดหัวเราะออกมาทำให้ดาบแฉ่ง รู้ตัวและไล่จับทั้งสองรวมทั้งมารีรีนที่คอยไล่ตามป๋องจนทำให้งานหมั้นวุ่วาย เมฆและป๋องต้องหนีอีกครั้ง จนหนีมาถึงป่าช้าที่เก็บศพ โดยที่มารีรีนตามมาด้วย แต่มารีรีนต้องโชคร้ายไปเจอกับผีถั่วแระ และถูกผีถั่วแระที่ยังไม่มีหัวดูดเลือดจนตายต่อหน้าเมฆและป๋อง ดาบแฉ่งที่ตามมาเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองฆ่า จึงตามจับป๋องและเมฆหนีกลับไปหาใฝที่บ้านเล่าเรื่องผีหัวขาดให้ฟัง ใฝตกใจมากและทั้งสามคนจึงต้องหาวิธีปราบ แต่ทั้งสามกลับถูกดาบแฉ่งจับได้เสียก่อน ในโรงพักทั้งสามพยายามพูดเรื่องผีหัวขาด แต่ไม่มีใครเชื่อ จึงต้องถูกขังต่อไป ณ จวนผู้ว่า เง็กมาขอนอนกับผกา ภายนอกไม่มีใครรู้ว่าผีหัวขาดกำลังตามหาหัวเข้ามาในจวน และได้ฆ่าท่านผู้ว่าและคุณนายพวงทอง ตายและต่อหัวได้สำเร็จ ทำให้ผกาและเง็กต้องหนีไปอาศัยอยู่กับสาธิตชั่วคราว ในโรงพักผีหัวขาดได้ตามไปเอาสร้อยคืนจนเกิดการกันต่อสู้กันระหว่างผีถั่วแระกับผีกองกอยทำให้ผีกองกอยตายไป แต่ทั้งสามก็หนีออกมาได้ และหาวิธีกำจัดผีหัวขาด โดยการวางระเบิดเพื่อที่จะเผาผีหัวขาดแต่ไม่สามารถทำอะไรผีหัวขาดได้ จนในที่สุดทั้งหมดหนีไปและไปพบกันที่โรงทำน้ำแข็ง ผีถั่วแระก็ตามไปอาละวาดเพื่อทวงสร้อยคืน ขณะที่กำลังอาละวาดอยู่นั้น ผีถั่วแระได้เดินผ่านท่อไฮโดรเจน ไอเย็นจากท่อไฮโดรเจนทำให้ผีถั่วแระชะงักตัวสั่นแข็ง เมฆจึงรู้ทันทีว่า ผีถั่วแระกลัวความเย็นจึงให้ทุกคนเปิดวาล์วในโรงน้ำแข็ง แต่ว่าวาล์วแต่ละอันแข็งมากไม่สามารถเปิดออกได้ ผกาพยายามจะเดินไปช่วยเมฆเปิดวาล์วแต่รองเท้ากลับติดอยู่กับร่องไม้จนถูกผีหัวขาดจับตัว เมฆพยายามช่วยด้วยการเอาสร้อยเข้าแลก ขณะที่ผีหัวขาดเผลอ เมฆเข้าไปจะเอาสร้อยคืนจึงเกิดการต่อสู้กัน ผีถั่วแระพลาดท่าตกลงไปในบ่อผลิตน้ำแข็งทำให้ร่างของผีถั่วแระค่อยๆแข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง และค่อยๆ แตกตัวสลายไปในที่สุด ทุกคนดีใจมากที่ปราบผีถั่วแระลงได้ และจากการเสี่ยงของเมฆเพื่อที่จะช่วยเหลือผกาทำให้ผกาซึ้งใจและยอมรับไมตรีจากเมฆ และบอกเลิกกับสาธิตที่ไม่ยอมช่วยเธอเลย และหลังจากนั้นทั้งหมดก็ทยอยเดินออกจากโรงน้ำแข็ง โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งละลายพร้อมกับทิ้งคำปริศนาไว้
X แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์ (2547/2004) การดูหนังสือโป๊ หนังโป๊ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะความสนใจในเรื่อง “เซ็กส์” มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว การสืบพันธุ์หรือการมีเพศสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนเราซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ สื่อลามกประเภทหนังสือโป๊หรือหนังโป๊ถูกผลิตขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการทางด้านนี้ของคนโดยเฉพาะเพศชาย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือความต้องการของผู้เสพมันเริ่มเบี่ยงเบนไปในทิศทางอื่นๆ มากขึ้น เช่น ความต้องการและความนิยมในการดูหนังแอบถ่าย คำถามอีกข้อหนึ่งที่ตามมาก็คือ ทำไมคนถึงอยากดูสิ่งเหล่านี้ รสนิยมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปหรืออย่างไร หนังเรื่อง “เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์” (The Story of X-Circle) อาจจะไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงหนทางการแก้ไขปัญหานี้ แต่สิ่งหนึ่งที่หนังได้พยายามจะบอกก็คือ ปัญหาเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเพศอยู่ใกล้กับตัวเรามากเหลือเกิน… “เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์” คือผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของ “ธนกร พงษ์สุวรรณ” อีกหนึ่งผู้กำกับคุณภาพของวงการภาพยนตร์ไทยเจ้าของงานกำกับสร้างชื่อเรื่อง “Fake โกหกทั้งเพ” เมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา ธนกรเสนอพล็อตเรื่องนี้ให้แก่ทางบาแรมยูในเวลาเดียวกันกับที่ภาพยนตร์เรื่อง Fake เริ่มเตรียมงานถ่ายทำ และพัฒนาบทเรื่อยมาจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Fake ตัดต่อเสร็จไม่นานนัก และได้เริ่มเตรียมงานสร้างภาพยนตร์เรื่องเอ็กซ์แมนฯ ทันทีหลังจากนั้น “X-Man ก็คือคนเอ็กซ์หรือคนกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติกรรมจิตบกพร่องไม่เหมือนกับคนอื่นในแง่ที่พวกเขาจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเพศรสหรือเซ็กส์ในรูปแบบต่างๆ มากจนเกินไป ซึ่งเราอาจไม่รู้เลยก็ได้ว่าเขาเป็นใคร เป็นกลุ่มที่ดีหรือไม่ดี อาจจะคนใกล้ตัวหรือไม่ก็ได้ แต่จากพฤติกรรมของพวกเขา มันมีผลกระทบต่อทั้งเจ้าตัวและคนรอบข้าง การนำเสนอไม่ได้มุ่งเน้นไปเรื่องโป๊หรือเรื่องเซ็กส์ไปซะทีเดียว ไม่ได้เอาเซ็กส์มาเป็นจุดขาย แต่ต้องการนำเสนอว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมาสถานการณ์รอบตัวเราจะเป็นอย่างไรมากกว่า…” หนังเล่าเรื่องราวของ “ชมรมชาวเอ็กซ์” ที่มีผู้คนหลากอาชีพหลายฐานะทางสังคม ไม่ว่าจะเป็น “ตากล้องแอบถ่ายมือดี” ที่ผลงานแอบถ่ายของเขาทุกชิ้นมักเป็นที่ต้องการของตลาดเซ็กส์อยู่เสมอ, “นักศึกษาหนุ่มเรียนดี” ที่มีเบื้องหลังเป็นเจ้าของเว็บโป๊ชื่อดังอย่าง motel69, “พ่อค้าสิ่งหฤหรรษ์ทางเพศทุกประเภท” ที่เป็นพวกชอบโชว์ของลับ, “หนุ่มออฟฟิศจอมหื่น” ที่ชอบเซ็กส์โฟนเป็นชีวิตจิตใจ หรือแม้กระทั่ง “จิตแพทย์ชื่อดัง” ที่อาจจะเป็นผู้ป่วยทางจิตเสียเอง พวกเขาเหล่านี้มักจะมาชุมนุมกันที่คลับในยามว่างอยู่เสมอ บางคนก็รู้จักกัน และบางคนก็พยายามทำตัวไม่ให้เป็นที่รู้จักของใครเลย เรื่องราวของพวกเขาคงจะดำเนินไปตามครรลอง “คลับเอ็กซ์” ที่แทรกตัวอยู่ในหลืบของสังคมอันวุ่นวายนี้อย่างเสียวสงบ ถ้าหากเรื่องที่พวกเขาได้เข้าไปเกี่ยวพันกับการ “แอบถ่ายดาราสาวชื่อดังอักษรย่อ จ” ที่ใครๆ ก็อยากเห็น “ความลับ” ของเธอไม่ไปเข้าถึงหูตำรวจเสียก่อน ปฏิบัติการสืบค้นและไล่ล่า “สมาคมชมเซ็กส์” จึงเกิดขึ้นโดยการนำของตำรวจสาวมือดีสุดเซ็กซี่ที่เธอเองก็กำลังตกเป็น “เหยื่อ” และ “ตัวล่อ” โดยไม่รู้ตัว “ผมเห็นว่าเรื่องนี้มันมีมุมมองที่เป็นปัญหาสังคมที่น่าสนใจ มันเป็นประเด็นที่ไม่มีคนพูดถึง เราอยากทำออกมาเป็นหนังเพื่อเป็นจุดชี้ให้คนช่วยกันระวังภัยในสังคมและหันมาสนใจมากขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากครับ อยากให้คนดูมองพวกตัวละครในหนังด้วยความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนพวกนี้ในสังคมได้อย่างไร เพราะคนพวกนี้อาจจะเป็นคนใกล้ตัวเราก็ได้ เราต้องเรียนรู้ เข้าใจ และระวังตัวมากขึ้น”
ธิดาช้าง (2547/2004) ดร.บัญชา ชุตินัยนา นักธุรกิจเจ้าของกิจการเครื่องสำอางและอาหารเสริมแบบขายตรง เป็นคนเจ้าระเบียบมีวินัยในการดำเนินชีวิต ภรรยาชื่อ มาลี เป็นพยาบาล มีบุตรีด้วยกันชื่อ หนอน ภรรยาคนปัจจุบันชื่อ สาวิตรี เป็นสาวสังคมชั้นสูง มีบุตรีด้วยกันชื่อ แพรไหม หนอน หญิงสาววัย 24 ปี ที่มีน้ำหนักกว่า 100 กก. เป็นสาวอารมณ์ดี จิตใจดี มีความสุขกับการใช้ชีวิตในอาชีพช่างเสริมสวย มีร้านชื่อ "ก้ำบี้ ซาลอน" หนอนอาศัยอยู่กับยาย ซึ่งเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก และมีเพื่อนชายรู้ใจ เป็นชายหนุ่มร่างสันทัดชื่อ ผีเสื้อ ทั้งสองคบกันด้วยความดีงามของจิตใจ ไม่ใช่ความสวยของรูปร่าง ในอดีต บัญชา โกรธมากที่ มาลี ตามใจลูก จนขาดระเบียบวินัยในการกิน ทำให้ หนอน เป็นเด็กอ้วนตั้งแต่เด็ก และด้วยความทะเยอทะยานของบัญชา จนทั้งสองแยกทางกัน บัญชาได้แต่งงานใหม่กับสาวิตรี ทิ้งหนอนให้อยู่กับยายที่ลำพูน เมื่อมาลีเสียชีวิต หนอนก็อยู่กับยายมาตลอด ต่อมา บัญชา เป็นแกนนำในการรณรงค์ต่อต้านคนอ้วน เจ้าของสโลแกน "อย่าอ้วน ไม่ดี" เขาและ สาวิตรี อยากให้ แพรไหม เป็นตัวแทนของสาวรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและความสวยงาม จึงพยายามทุกทางผลักดันให้ได้รับตำแหน่ง นางสาวสยาม แพรไหม แม้ไม่อยากเข้าประกวด แต่ต้องทำเพราะไม่กล้าขัดใจพ่อแม่ เธอถูกเลี้ยงดูแบบบังคับให้ทำทุกอย่างตามตาราง โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอาหาร สภาพจิตใจเก็บกด และในการประกวดครั้งนี้ ยิ่งกดดันเธอมากขึ้น วันหนึ่งขณะอยู่ที่ร้านทำผม หนอนเห็นข่าวบัญชาทางทีวี ส่งเสริม แพรไหม และแอนตี้คนอ้วน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าบัญชามีลูกอ้วนมากอย่างเธอ หนอนจึงเกิดความคิดที่จะเอาชนะใจพ่อ ที่ไม่ได้พบหน้ากันเลยตั้งแต่แยกทางกับแม่ หนอน ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อประกวด ธิดาช้าง ด้วยความมุ่งมั่น โดยที่ผีเสื้อก็ไม่อาจทัดทานได้ เมื่อบัญชาเห็นข่าวทางทีวี และจำได้ว่าคือลูกสาวของตน จึงสั่งการให้ลูกน้องคนสนิท ให้ไปขัดขวางการประกวดทุกวิถีทาง แต่ทุกครั้งที่โดนกลั่นแกล้ง กลับกลายเป็นแรงใจส่งเสริมให้หนอน และการประกวดธิดาช้างก็ยิ่งโด่งดังขึ้นทุกที ขณะ การประกวดของทั้ง 2 เวทีดำเนินต่อไป เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับ แพรไหม เมื่อ หนอน ทราบข่าว เธอจึงต้องตัดสินใจว่า จะเลือกช่วยชีวิตน้องสาวคนเดียวของเธอ หรือเลือกตำแหน่งอันทรงคุณค่าจากเวทีอันมีเกียรติ ที่เธอต้องต่อสู้เพื่อแสดงให้พ่อเห็นว่า เธอสามารถทำได้แม้จะมีรูปร่างอ้วนก็ตาม

หน้าที่