คนสั่งผี (2546/2003) เรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีวิถีชีวิตต่างจากคนทั่วไป เมื่อเขามีอำนาจที่สามารถควบคุมสิ่งที่มีพลังเร้นลับเหนือธรรมชาติให้เข้ามาอยู่ในการปกครองได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีใหม่บวกกับพลังทางไสยศาสตร์มาเป็นเครื่องมือ ปิโรญาณ เป็นชายหนุ่มเจ้าของเวบไซต์ชื่อ www.ผีหลอก.com มีอุปนิสัยสันโดษ และไม่เคยรู้จักความหมายของคำว่ารัก ทุกๆ วันเขาจะออกตามล่าหาดวงวิญญาณใหม่ๆ มาไว้ใช้งานในการรับจ้างหลอกตามคำสั่งของลูกค้าทางอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งวันหนึ่งโชคชะตาได้นำเอาผีสาวมาเข้ามาเกี่ยวพันกับชีวิต ทำให้ ปิโรญาณ รู้จักกับคุณค่าของคำว่ารักเป็นครั้งแรก แต่ก็ต้องเผชิญกับศัตรูที่คาดไม่ถึง แม้ด้วยพลังใจที่แข็งแกร่งบวกกับอานุภาพของความรัก ทำให้เขาฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ แต่ปิโรญาณยังต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญที่ทำให้เขาต้องใช้การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ และจุดจบของเรื่องราวทั้งหมดคือบทสรุปทุกๆ อย่างในชีวิตของเขา
ขุนศึก (2546/2003) ก่อนวันประกาศอิสรภาพของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น พระเจ้าบุเรงนอง วางอุบายหมายลอบปลงพระชนม์ ซึ่งยังความโทมนัสให้แก่สมเด็จพระนเรศวรอย่างมาก เมื่อจาตุรงคบาทนักรบประกบฝีเท้าช้างคนหนึ่งต้องพลีชีพเพื่อพระองค์ในกาลนี้ เสมา ลูกชายช่างตีดาบ ซึ่งเดินทางกลับจากเรียนวิชาดาบกับ อาจารย์ขุน เข้าประลองแข่งขันในการหาจาตุรงคบาทคนใหม่ ด้วยความที่เขามีฝีมือดาบอันโดดเด่น จึงได้รับตำแหน่งครูฝึกทหารในเรือน ขุนราม แต่นั่นถือเป็นการหยามศักดิ์ศรีของ หมู่ขัน นายทหารเอกของกรุงศรี ที่ติดภาระต้องไปประจำการที่ด่านหน้า เขาไม่พอใจในตัวลูกช่างตีดาบคนนี้มาก และรอวันที่จะได้ตัดสินกันอย่างแท้จริง ความแค้นยิ่งทวีคูณมากขึ้น เมื่อเรไร คู่หมั้นของหมู่ขัน เกิดชอบพอกับเสมา หมู่ขันโกรธแค้นมาก จึงจับตัวจำเรียง น้องสาวของเสมาไปเป็นทาสขัดดอก คืนนั้น เสมา พร้อมเพื่อนอีกสองคน ตัดสินใจบุกเรือนหมู่ขัน เพื่อนำตัวจำเรียงกลับมา แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกลอุบายของหมู่ขัน จนต้องหนีเข้าไปอยู่ในกองโจรของ ขุนรณฤทธิ์พิชัย หมู่ขันสบโอกาส จึงประกาศว่า เสมาเป็นกบฎ ขณะที่อยู่กับพวกกองโจร เสมา และกลุ่มกองโจรช่วยกันสกัดทัพหน้าของพม่าที่บุกเข้ามา ครั้งหนึ่ง เสมา ได้มีโอกาสได้เข้าช่วย พระเอกาทศรถ ในการศึก และได้ลดโทษไปเป็น ตะพุ่น เลี้ยงช้าง ที่นั่น เสมา ได้เรียนรู้ถึงหัวใจของนักรบ เมื่อเขาทราบข่าวการยกทัพครั้งใหญ่ของพม่า เสมาทนเห็นทหารไทยถูกเข่นฆ่าอีกไม่ได้ จึงเข้าไปช่วยในสนามรบ กระทั่งสามารถฆ่าแม่ทัพพม่าลงได้ จึงได้รับความดีความชอบกลับมา และวันแห่งการตัดสินฝีมืออย่างแท้จริงระหว่างเสมา กับหมู่ขันก็มาถึง เมื่อทั้งสองได้ประลองฝีมือต่อหน้าพระที่นั่ง เพื่อหาผู้ที่เหมาะกับตำแหน่งจาตุรงคบาท นักรบประกบฝีเท้าช้างของสมเด็จพระนเรศวร ในการศึกยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างกษัตริย์สองแผ่นดิน
เยาวราช (2546/2003) เยาวราช Bangkok China Town ย่านไชน่าทาวน์แห่งเมืองไทย ที่นี่ได้เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย ความรัก ความแค้น การต่อสู้ อำนาจ การทรยศหักหลัง ผลประโยชน์อันมหาศาลของผืนดินเพียงไม่กี่หยิบมือของเยาวราชแห่งนี้ ปกคลุมด้วยบารมีของเจ้าพ่อที่แบ่งปันพื้นที่ปกครองอย่างสันติมาอย่างช้านาน ฝั่งเยาวราชเป็นอาณาจักรของเจ้าพ่อตง มีซาเล้ง เป็นมือขวา ฝั่งพาหุรัดเป็นถิ่นของเจ้าพ่อดาดา มี เกาลัด เป็นคนสนิท อำนาจของอีกฝ่ายถูกท้าทาย จนกลายเป็นความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างสองขั้ว
คลับซ่า ปิดตำราแสบ (2546/2003) เมื่อผู้บริหารคนใหม่ของโรงเรียนสมชาย - สายสมรวิทยา ต้องการพลิกโฉมหน้าของโรงเรียน ซึ่งมีประวัติก่อตั้งยาวนานกว่า 53 ปี ให้กลายมาเป็นโรงเรียนชายล้วน และหญิงล้วนให้ได้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของอาจารย์รุ่นเก่า และบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมด กลุ่มผู้บริหารจึงยื่นเงื่อนไขว่า ทุกคนจะต้องทำชื่อเสียง และผลกำไรมาสู่โรงเรียน ให้ได้ภายในเทอมแรก หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ทางผู้บริหารก็จะเปลี่ยนแปลงนโยบายทันที ทั้งลูกศิษย์และอาจารย์จึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อพลิกสถานการณ์วิกฤต ให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะมีความหวังเพียงน้อยนิดก็ตาม... ท่ามกลางบรรยากาศซึมเศร้า.. แต่แล้ว โรงเรียนก็เกิดมีสีสันขึ้นมา เมื่อมีเด็กหนุ่มรูปหล่อชื่อ โด่ง (แทค - ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม) ก้าวเข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ ที่โรงเรียนสมชายสายสมรวิทยาด้วยมาดเท่ โดนใจบรรดานักเรียนหญิงเข้าอย่างจัง มิหนำซ้ำยังมีแนวโน้มว่าจะคว้า แป้ง (ต้อง - ศุภัชญา รื่นเริง) ที่ ตึ๋ง (โก้ บีมิกซ์ - จตุโชค หวังสุวรรณกิจ) หนุ่มแหยประจำโรงเรียน แอบหลงรักมาตั้งแต่ ป.1 ไปครองอีก สร้างความขัดใจกับตึ๋งเป็นที่สุด โอ๊ต (เจเจ - เจตต์ กลิ่นประทุม) ไอคิวต่ำ และ แท็ต (แจ๊ค - บริวัตร อยู่โต) หนุ่มฟันเหยินหน้าผี ก็คอยเป็นลูกยุตลอดเวลา ทำให้ตึ๋งไม่สบอารมณ์ และตั้งตัวเป็นศัตรูกับโด่งไปโดยปริยาย ด้วยความซ่าและเท่แบบเกินพิกัดของโด่ง กลายเป็นที่ถูกใจบรรดาหญิงทั้งโรงเรียน ทำให้บรรดาหนุ่มเห่ยทั้งหลาย พากันมาขอร่ำเรียนวิชา จนโด่งต้องเปิด "คลับซ่า" ขึ้นมาแบบลับๆ ที่โรงยิมร้างหลังโรงเรียน รับโมดิฟายชายหนุ่มทั้งหลาย เพียงไม่กี่วัน สมาชิก "คลับซ่า" ก็ล้นทะลัก ไม่เว้นแม้แต่ สาลี่ (กิ๊บซี่ - วนิดา เติมธนาภรณ์) ซึ่งถูก พิงค์ (โบว์ - ยุคลธร พินิจ) ปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมชมรมเชียร์ลีดเดอร์ เพราะความเห่ย ก็ตบเท้าเข้ามาเป็นสมาชิกหญิงเดียวในคลับ ทุกคนที่เข้าไปทำการฝึกกับโด่งใน "คลับซ่า" ล้วนดูดีขึ้นทั้งนั้น ทำให้ ตึ๋ง, แท็ต และ โอ๊ต ซึ่งเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลง ของบรรดาเพื่อนเห่ยๆ ของตนเริ่มใจคอไม่ดี อยากเข้า "คลับซ่า" ก็อยาก แต่ก็กลัวเสียฟอร์ม เลยไม่มีใครเอ่ยปากขึ้นก่อน.. แต่แล้วจู่ๆ แท็ตที่เพื่อนๆ ล้อว่าเป็นหนุ่มหน้าผี ก็เกิดหน้าเด้งขึ้นมาผิดหูผิดตา ตึ๋งและโอ๊ตเลยจับได้ว่าที่แท้ แท็ตแอบไปเข้า "คลับซ่า" มาแล้ว แท็ตเลยต้องยอมรับว่า เพราะตนอยากจะเป็นแฟนกับพิงค์ เชียร์ลีดเดอร์ในฝัน เลยต้องทำการโมดิฟายตัวเอง โอ๊ตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเพื่อน เลยตัดสินใจจะไปเข้าคลับซ่าบ้าง เพื่อให้โด่งสอนวิธีเอาชนะใจ โย (อุ้ย - จารุพรรณ ตั้วเครือ) หวานใจซึ่งเป็นทอมโหดของตนเหมือนกัน แม้ตึ๋งจะพยายามยับยั้ง ไม่ให้เพื่อนไปรวมกลุ่ม "คลับซ่า" แต่ก็ไม่เป็นผล วันหนึ่ง โด่งกำลังมีเรื่องกับอดีตคู่ปรับเก่า ในโรงเรียนดัดสันดาน บังเอิญตึ๋งขับรถเวสป้าผ่านมาพอดี เลยช่วยโด่งไว้ได้ทัน โด่งรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ จึงเสนอตัวช่วยให้ตึ๋งสมหวังกับแป้ง แต่ตึ๋งไม่รับ และยืนยันว่าจะทำให้แป้งรักด้วยตัวเอง ทำให้โด่งเห็นถึงความซ่าที่ซ่อนอยู่ในตัวตึ๋ง ทำให้โด่งคิดหาวิธีดึงออกมา เพื่อช่วยให้ตึ๋งได้สมหวังในความรัก โด่งคิดจัดงานปาร์ตี้ "คลับซ่า" เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเพื่อนๆ และที่สำคัญ ต้องการกระตุ้นให้ตึ๋งกล้าที่จะดึงความสามารถ ที่ตัวเองซ่อนอยู่ข้างใน ออกมาให้ทุกคนได้เห็นให้ได้ จากนั้นจึงกระจายข่าวงานปาร์ตี้กันแบบลับๆ บัตรเข้างานถูกกระจายไปแบบหมดเกลี้ยงภายในพริบตา.. ในวันงาน มีการเปิดตัวบรรดาหนุ่มๆ ที่ผ่านการโมดิฟายแล้ว ให้ทุกคนได้เห็นบนเวที และด้วยแผนอันแยบยลของโด่ง ทำให้บรรดาเพื่อนทุกคน กำลังเข้าใจกันได้ด้วยดี แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะมีบรรดากลุ่มกระเทยคาบข่าวงานปาร์ตี้ลับๆ ในครั้งนี้ไปฟ้องอาจารย์ กลุ่มอาจารย์เลยบุกเข้ามาใน "คลับซ่า" สั่งปิดงานทันที พร้อมกับประกาศแยกตัวโรงเรียน ออกเป็นโรงเรียนชายล้วน และโรงเรียนหญิงล้วน อย่างเป็นทางการ โด่งถูกเรียกไปทำทัณฑ์บน หากทำผิดแค่ครั้งเดียวจะต้องโดนไล่ออก ส่วนตึ๋งซึ่งเข้าใจว่าสิ่งที่โด่งต้องการจะทำ ไม่ใช่แค่การไล่จีบหญิง แต่เป็นการทำให้เด็กที่ขึ้นชื่อว่า ไม่เอาไหน ได้รู้จักคำว่า Go For It พวกตึ๋งพยายามปลุกระดมให้ทุกคนเห็นด้วย แต่ทุกคนก็ตกอยู่ในสถานการณ์กล้าๆ กลัวๆ แล้วสถานการณ์เลวร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อกลุ่มคนร้ายที่หนีตำรวจ บุกเข้ามายึดโรงยิม หรืออดีต "คลับซ่า" ของเด็กๆ โดยจับตัวนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งเป็นตัวประกัน โดยหนึ่งในนักเรียนกลุ่มนั้น มีแป้งรวมอยู่ด้วย ตึ๋งรู้เข้าจึงขอร้องให้โด่งหาทางช่วยแป้งออกมา.. แม้โด่งจะถูกทำทัณฑ์บน แต่เพื่อเพื่อน โด่งจึงตัดสินใจร่วมมือกับตึ๋ง วางแผนเข้าไปชิงตัวประกันออกมา โด่งกับตึ๋งเกือบจะเพลี้ยงพล้ำ แต่ในช่วงวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน สมาชิกชาว "คลับซ่า" ทุกคน ก็บุกฮือกันเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ ด้วยแผนอันชาญฉลาดของโด่ง บวกกับความกล้าหาญของตึ๋ง และพลังของลูกผู้ชาย "คลับซ่า" ทุกคน สามารถสยบคนร้ายได้สำเร็จ ในขณะที่ทุกคนกำลังฮือฮากับความสำเร็จอยู่นั้น ผู้บริหารก็ออกมาประกาศว่า ถึงแม้โด่งจะช่วยกู้สถานการณ์เลวร้ายของโรงเรียนไว้ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการละเมิดทัณฑ์บน โด่งจึงต้องถูกไล่ออก!! เมื่อสถานการณ์กลับพลิกผัน กลุ่ม "คลับซ่า" จะร่วมต่อสู้เรียกร้อง ให้โด่งพ้นจากการถูกไล่ออกหรือไม่...
มวยไทย นายขนมต้ม (2546/2003) นายขนมต้ม (ภาณุทัต รัตนไตร) ลูกชายของนายเกิดและนางอี่ ชาวบ้านกุ่ม แขวงขุนเสนา มีพี่สาวชื่ออีเอื้อย ทั้งสามถูกพม่าฆ่าตายตั้งแต่ขนมต้มยังเด็ก จึงอาศัยอยู่กับหลวงตาคง (เล็ก เฉยสวัสดิ์)วัดปีกกาจนเติบใหญ่ นายขนมต้มถูกอ้ายดำรังแก แต่มี ชายนิรนาม (ดามพ์ ดัสกร) ช่วยไว้ ทำให้ขนมต้มเห็นคุณค่าของแม่ไม้มวยไทย จึงขอร้องให้ชายนิรนามสอนให้แต่ถูกปฏิเสธ นายสอน (ไกร ครรชิต) และ อ้ายดำ ขอท้ามวยกับชายนิรนาม ถึงสองครั้งสองคราแต่ถูกปฏิเสธ ขนมต้มขอสู้กับอ้ายดำและเป็นฝ่ายชนะ นายสอนผู้เป็นพ่อจึงขอแก้มือ และทำให้รู้ว่า ชายนิรนามคือคนที่เขาตามหา หวังให้ร่วมรับศึกกับพม่า ทำให้ทั้งหมดร่วมใจกันคิดสู้พม่า และหลังจากนั้น ขนมต้มกับอ้ายดำ ก็เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่นั้นมา จากนั้น ขนมต้มได้ลาหลวงตาคง เดินทางร่วมกับอ้ายดำไปป่าโมก เพื่อฝึกวิชามวยเพิ่ม โดยขนมต้มไปอาศัยอยู่กับ ทองอยู่ (นิวัติ พิบูลย์ศิริ) และนางยมซึ่งเป็นญาติ ขณะที่อ้ายดำไปหาครูเสา (มีศักดิ์ นาครัตน์) ข่าวข้าศึกพม่าประชิดกรุงศรีฯ และจะมีทัพพม่าผ่านทางป่าโมก พันเพชร (ยอดชาย เมฆสุวรรณ) กับ ครูสุก (สมชาติ ประชาไทย) ได้วางแผนดัน อ้ายเปลว (สุเมธ อ่อนนวล) เป็นนายทัพ โดยเรียกครูเสากับทองอยู่มาประชุม ครูเสาได้ต่อว่าครูสุก ที่ให้อ้ายเปลวออกไปรบกับพม่า โดยไม่ให้พวกตนไปด้วย ครูสุกบอกว่าพวกครูเสาเป็นเพียงทัพหลัง หาใช่ดั่งอ้ายเปลว ที่เป็นเหมือนนายทัพ และกล่าวว่าหากคิดว่ามีฝีมือดีก็ลองดู... วันต่อมา อ้ายดำและ อ้ายเทียบ (เฉลิมชัย สายทอง) นำพวกแอบซุ่มโจมตีฆ่าพม่าได้ยี่สิบคน แต่อ้ายดำได้รับบาดเจ็บ ครูสุกจึงมีความโกรธแค้น ที่อ้ายดำและอ้ายเทียบพร้อมพรรคพวก ทำได้เช่นเดียวกับอ้ายเปลว อีกทั้งทราบข่าวว่า ขนมต้มกับออนุ่น ซึ่งเป็นฝ่ายสอดแนม กำลังเดินทางไปกรุงศรีฯ จึงตามไปดักรอในป่าที่โพงเพง เมื่อประจันหน้ากันแล้ว ครูสุกได้ใช้แม่ไม้มวยไทยกับขนมต้มจนได้รับบาดเจ็บ และฆ่าออนุ่นตาย เหตุเพราะต้องการทราบว่า ขนมต้มเรียนแม่ไม้มวยไทยมาจากใคร เพราะคนๆ นั้นคือคนที่ครูสุกตามหาอยู่ อีกทั้งหมายจะฆ่าขนมต้มด้วย แต่ชายนิรนามมาช่วยไว้ทัน เมื่อทุกคนทราบว่า ครูสุกดักทำร้ายขนมต้มและฆ่าออนุ่นตาย จึงมีความโกรธแค้นและยกพวกมาจับครูสุก ครูสุกขัดขืนและหนีไป ส่วนอ้ายเปลวโดนจับและกักตัวไว้ แต่ จั๊กกะจั่น (บุญธิดา นาคเจริญ) แอบมาช่วยให้อ้ายเปลวหนีไป หลังจากทุกคนทราบว่า ครูสุกและอ้ายเปลวหักหลังคนไทยด้วยกัน โดยอ้ายเปลวนำทัพพม่าบุกป่าโมก จึงให้ขนมต้มกับอ้ายมิ่งขึ้นกรุงศรีฯ ขออาวุธและทหารมาช่วย แต่ระหว่างทาง เจอครูสุกดักรอขอประลองมวย ครูสุกแพ้จึงคิดใช้ดาบฆ่าขนมต้ม แต่ชายนิรนามมาช่วยไว้ทัน และฟันครูสุกคอขาดกระเด็น จากนั้นทั้งสองจึงเดินทางต่อ แต่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ฝ่ายป่าโมก โดนพม่าซึ่งมีอ้ายเปลวเป็นคนนำทัพโจมตี ทำให้นายสอน, ครูทองอยู่, ครูเสา, จั๊กกะจั่น, มะขาม, อ้ายดำ ตายสิ้น รวมทั้งพันเพชรด้วย ทำให้อ้ายเปลวเกิดความละอายใจ และด้วยความแค้น จึงวิ่งไล่ฆ่าพม่าและคนไทยด้วยกันโดยไม่ยั้งคิด กรรมตามสนองอ้ายเปลวคนขายชาติ มังทอคะยา (อาคะเน บุญเกิด) สั่งจับอ้ายเปลวเป็นเชลย รวมกับคนไทยคนอื่นด้วย ที่ค่ายกักกัน มีการเกณฑ์เชลยไทยมาสร้างเจดีย์หลวง ตามความประสงค์ของพระเจ้ามังระ (ครรชิต ขวัญประชา) ขนมต้มกลายเป็นเชลยศึก และเมื่อทราบเรื่องราวต่างๆ จากอ้ายโตจึงเกิดความเดือดดาล เมื่อเจอกับอ้ายเปลว ทั้งคู่จึงต่อสู้กันด้วยลีลาแม่ไม้มวยไทย แต่ มังสุรนาถ (สมเกียรติ พัฒนทรัพย์) มาห้ามไว้และกล่าวว่า เหตุใดคนไทยจึงชอบมีเรื่องวิวาทกัน และสั่งให้ทั้งสองสู้กัน หากใครแพ้จะถูกบั่นหัวเสียบประจาน ผลออกมาขนมต้มเป็นฝ่ายชนะ เพื่อไม่ให้เป็นการขายหน้าแผ่นดินไทย ขนมต้มจึงต่อยอ้ายเปลวจนตาย ตายด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกัน ดีกว่าถูกพม่าบั่นคอเสียบประจาน ตราบจนถึงวาระที่พระเจ้ามังระจัดฉลองพระเจดีย์ จึงได้มีพระราชโองการให้เบิกตัวนายขนมต้มจากที่คุมขัง มาแสดงฝีมือมวยไทยหน้าพระที่นั่ง โดยมีเดิมพันว่า หากขนมต้มแพ้จะถูกบั่นคอ แต่หากชนะขนมต้มประสงค์สิ่งใดก็ทูลขอได้ การต่อสู้มวยไทยของขนมต้ม เป็นไปตามลีลาแม่ไม้มวยไทยที่เป็นต้นตำรับขนานแท้ จนเอาชนะพม่าได้ถึงสิบคน ในเวลาเพียงกะลายังไม่จมน้ำ พระเจ้ามังระทรงให้รางวัลแก่ขนมต้ม เป็นนางสนมถึงสองคนเพื่อไปทำเมีย แต่ขนมต้มปฏิเสธและทูลขอให้พระเจ้ามังระ ทรงพระราชทานอภัยโทษแก่คนไทยได้เป็นอิสระ ไม่ตกเป็นเชลยของพม่าอีกต่อไป พระเจ้ามังระเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ทรงปลดปล่อยคนไทยเป็นอิสระจากการตกเป็นเชลยศึกของพม่า และทรงตรัสชมขนมต้มว่า "คนไทยนี้มีพิษสงรอบตัว แม้มือเปล่ายังเอาชนะคนได้ถึงเก้าคนสิบคน นี่หากว่ามีเจ้านายดี มีความสามัคคีกัน ไม่ขัดขากันเอง และไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว และโคตรตระกูลแล้ว ไฉนเลยกรุงศรีอยุธยาจะเสียทีแก่ข้าศึก ดั่งที่เห็นอยู่ทุกวันนี้"
จังหวัด 77 (2546/2003) ไทยทาวน์ คือ ย่านหนึ่งที่อยู่ใกล้กับฮอลลีวู้ด ในนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ย่านแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นบ้านหลังหนึ่งของคนไทยกว่า 5 หมื่นคนเลยก็ว่าได้ ที่อพยพเข้ามาในประเทศนี้ ด้วยเหตุที่ย่านนี้เป็นเสมือนประตูเข้าสู่ประเทศอเมริกาสำหรับคนไทย ย่านนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเสมือนจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ครอบครัวคนไทยครอบครัวหนึ่งที่ประกอบกิจการร้านอาหาร ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอด ท่ามกลางสังคมบริโภคนิยมที่มีความเจริญเติบโตที่รวดเร็วมาก ในขณะที่ตัวพวกเขาเอง พยายามคงไว้ซึ่งประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมของตัวเองเอาไว้ การต่อสู้ทางวัฒนธรรม ระหว่างความเป็นไทย กับวัฒนธรรมของชาวอเมริกาในย่านชายฝั่งตะวันตก ที่เต็มไปด้วยเพลงฮิพฮอพ ยาเสพติด การแข่งรถบนท้องถนนและความรุนแรงต่างๆ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้แพท (ไมค์ กิ่งโพยม) เด็กหนุ่มคนหนึ่งต้องเสียคน[
มหาอุตม์ (2546/2003) มีหลายเหตุผลที่ทำให้ “มหาอุตม์” เป็นภาพยนตร์ไทยหวังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ประจำปี 2546 ที่ไม่ควรพลาด ตั้งแต่การกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 3 ระหว่าง “สหมงคลฟิล์ม” กับ “อ๊อกไซด์ แปง” หลังจากความสำเร็จมหาศาลของ “คนเห็นผี” (The Eye) เมื่อปีกลาย ภายใต้มุมมองและการนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์แอคชั่นรูปแบบใหม่ โดยผสมผสานระหว่างพิธีกรรม ความเชื่อในเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ความเป็นอมตะอยู่ยงคงกระพัน หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า จากการการสักยันตุ์มหาอุตม์ของคนไทยกับจินตนาการในส่วนวิชวลเอฟเฟกต์ทางด้านภาพที่น่าจับตามองมากที่สุดเพื่อเนรมิตฤทธานุภาพ อิทธิฤทธิ์ พลังอำนาจที่เกิดจากยันต์มหาอุตม์ โดยเฉพาะการอุด หยุดลูกกระสุนปืน ยิงไม่เข้า รวมไปถึงฉากแอคชั่นซีนที่โชว์โปรดักชั่นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะฉากการเผชิญหน้าและการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังมหาอุตม์ และฉากไคลแมกซ์ของภาพยนตร์ ประเด็นที่ภาพยนตร์เรื่อง “มหาอุตม์” ต้องการนำเสนอคือใช่ว่าคนทุกคนที่ผ่านการสักยันต์มหาอุตม์จะได้สัมผัสและรู้ซึ้งถึงพลานุภาพของสิ่งที่เป็นคุณอนันต์หรือโทษมหันต์เหมือนกันทุกคน พลังทุกอย่างในโลกล้วนอุบัติและมีวันดับสูญ หากไม่รู้จักรักษาคุณความดีที่เป็นบ่อเกิดแห่งขุมพลังนั้น ในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 “จ่าทองคำ” และ “จ่าขจร” สองเพื่อนรักที่ต่างเคยร่วมสักยันต์มหาอุตม์มาด้วยกันออกปฏิบัติภารกิจลับในชายแดนกับข้าศึกในฐานะทหารรับจ้าง กลับต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญเมื่อหน่วยรบของตนถูกข้าศึกทำลายล้างจนสูญสิ้น ในขณะที่กำลังรอความตายโดยไร้ซึ่งกองหนุนจากกองทัพ ทั้งคู่กลับพบว่าพลังมหาอุตม์อยู่ยงคงกระพันชาตรีได้ช่วยพลิกสถานการณ์ให้กลายเป็นโอกาส แต่โดยที่ไม่มีใครคาดคิด พลังที่ไร้ขอบเขตกลับทำให้ทั้งคู่ต้องพบกับความเป็นจริงที่เศร้าสลด อดีตวีรบุรุษของชาติอย่าง “ขจร” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) หายสาบสูญไปในระหว่างสงครามจากความผิดพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้น ส่วน “ทองคำ” (ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง – ขุนแผน, บางระจัน) หรือจ่าทองคำในอดีตเผชิญกับบาดแผลที่ติดค้างอยู่ในหัวใจจนต้องหันไปพึ่งใบบุญของพระธรรม ตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเป็นหลวงพ่อทองคำเพื่อเป็นการไถ่บาป พร้อมชุบเลี้ยงเด็กน้อยที่รอดชีวิตจากการเข่นฆ่าในสมรภูมิโดยตั้งชื่อให้ว่า “เจตน์” (ชาติชาย งามสรรพ์) จนเติบใหญ่โดยมี “ชัย” (ชิน ตั้งสกุลสถาพร) เด็กขี้กลัวซึ่งเป็นลูกไล่ของเด็กเกเรอย่าง “ไอ้ดำ” และ “ไอ้เคน” (กัมปนาท แย้มวิมล) เป็นเพื่อนสนิทและน้องชายเพียงคนเดียว เจตน์เรียนรู้และสัมผัสกับแง่มุมของความตายมาตั้งแต่เยาว์วัย แท้จริงแล้วด้วยเด็กน้อยถึงต้องชะตาฆาต แต่ยังคงยืนหยัดมีชีวิตอยู่ได้เพราะได้หลวงพ่อที่คอยต่ออายุขัย เปิดโลกทางธรรม และถ่ายทอดพลังมหาอุตม์เพื่อปกปักรักษาคุ้มกันภัยให้โดยการสักยันต์ แต่เด็กน้อยก็ต้องเรียนรู้ศึกษาเคล็ดวิชาความดี ประพฤติตัวภายใต้เงื่อนไขและกฎข้อห้ามของการฝึกฝนพลังมหาอุตม์ โดยไม่เคยได้รู้ถึงพลังอำนาจแห่งมหาอุตม์อย่างแท้จริง จนกระทั่งเมื่อเริ่มเติบโตขึ้นเป็นหนุ่ม ในระหว่างตรวจดูความเรียบร้อยในสนามยิงปืนที่ตนเองทำงานอยู่ เขาได้พบกับ “มล” (อัญชสา ตั้งมงคลกุล) โปรแกรมเมอร์สาวปากดีที่ไม่กลัวเกรงใครทำปืนลั่นเข้าใส่เจตน์อย่างจัง ดีที่พลังมหาอุตม์คุ้มกันไว้ แต่เมื่อชะตาถูกลิขิตไว้แล้ว ย่อมเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ชัยถูกไอ้เคนและไอ้ดำลากเข้าไปในวังวนของยาเสพติดโดยมี “เมธา” (สุเมธ องอาจ) เพลย์บอยนักธุรกิจหนุ่มที่หน้าฉากเป็นเจ้าของกิจการที่ถูกกฎหมาย แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังเป็นผู้ก่อการร้ายสำคัญที่ทางการซึ่งนำโดย “ผู้กองมณฑล” (พิเศก อินทรครรชิต) กำลังหมายหัวและเป็นที่ต้องการตัว และนี่เองที่ทำให้เจตน์เรียนรู้สัจธรรมข้อหนึ่งที่ว่าทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีวันดับสูญ เมื่อมหาอุตม์ไม่สามารถป้องกันภัยได้อย่างที่เคย ลูกกระสุนปืนแล่นเข้าสู่ร่างของเจตน์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่หลวงพ่อทองคำต้องพบกับฝันร้ายในอดีตอย่างขจรที่ตามมาหลอกหลอนอีกครั้งด้วยอวิชชาแห่งพลังอำนาจที่ประหลาดพิสดารไปมากกว่ายันต์มหาอุตม์ที่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลงทุกที ความหวาดหวั่นที่หลวงพ่อทองคำเคยคาดการณ์กำลังจะเกิดขึ้น ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกลับเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดเมื่อหลวงพ่อเสียชีวิตจากน้ำมือของขจรเพราะต้องการพิสูจน์ว่า มหาอุตม์ยังคงแกร่งกล้าอย่างที่เคยเป็นหรือไม่ ระหว่างอวิชชากับมหาอุตม์สิ่งใดที่แข็งแกร่งที่สุด และนี่คือจุดเริ่มต้นของ “มหาอุตม์” ศาสตร์วิชาที่มาพร้อมกับความแกร่งกล้าแห่งจิตใต้สำนึกของความดีงามที่พร้อมพลิกทุกชีวิต ตอกย้ำทุกชะตากรรม สิ่งที่เจตน์จะต้องเผชิญไม่ได้เป็นเพียงเคล็ดวิชาที่ทวีคูณพละกำลังเหนืออนันต์อย่างการอาบน้ำว่าน 108 หรือเพิ่มห้วงจิตแห่งพลังศรัทธาเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบจิตวิญญาณของสามัญสำนึกแห่งความเป็นคน
191 1/2 มือปราบทราบแล้วป่วน (2546/2003) ตำรวจสายตรวจ 191 สองคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ต้องมาทำงานด้วยกัน คนหนึ่งเป็นนายร้อยตำรวจไฟแรง อีกคนหนึ่งเป็นจ่าแก่ที่หมดไฟแล้ว ความต่างและทิฏฐิไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันของทั้งสอง ก่อให้เกิดความไม่ลงรอยกันมากมาย แต่ละคดีทำให้แต่ละคนได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และเหตุการณ์ก็นำพาให้ได้พบกับนักข่าวสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจบใหม่ และเลือกเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม เธอกลายเป็นตัวป่วนตลอดการทำงาน แต่ก็เป็นตัวกลางประสานความขัดแย้งของทั้งสองด้วยโดยไม่รู้ตัว หลังจากทั้งสามคนได้ผ่านปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ในที่สุด ก็กลายเป็นความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และความผูกพัน วันหนึ่ง โชคชะตาทำให้ทั้งสามคนมาพบกับ โทนี่ โจรกลับใจที่เข้ากรุงเทพเพื่อตามหาน้องชายชื่อจืด โทนี่กับจืดถูกตำรวจจับ ในฐานะผู้มีส่วนรู้เห็นในการซื้อขายยาทั้งสองยืนกรานปฏิเสธแต่ไม่มีใครเชื่อ ต่อมาหมวดชาติได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท จ่าได้เลื่อนยศเป็นนายร้อย ส่วนนักข่าวสาวก็ได้รับการยอมรับจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานให้เป็นนักข่าวอาชญากรรมดีเด่นและกลายเป็นคนที่รู้ใจของตำรวจหนุ่มในที่สุด
องคุลิมาล (2546/2003) ณ ดินแดนชมพูทวีป เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีที่ผ่านมา อหิงสกะ ได้ถือกำเนิดขึ้นในวรรณะพราหมณ์ ซึ่งถือเป็นวรรณะชั้นสูงสุดของผู้มีบุญ แต่ชะตาของทารกกลับถูกสวรรค์ลิขิตไว้ว่า เมื่อเติบโตขึ้นจะกลายเป็นมหาโจร สนองคืนผู้มีคุณด้วยความตาย เพราะเชื่อในลิขิตแห่งฟ้า บิดาจึงส่งอหิงสกะไปร่ำเรียนวิชชากับสำนักทิศาปาโมกข์แห่งเมืองตักกสิลา แต่ฝ่ายมารดากลับมุ่งหวังว่า สาติพราหมณ์ ผู้เป็นเจ้าสำนักทิศาปาโมกข์ จะสามารถช่วยนำพาให้อหิงสกะหลุดพ้นไปจากปัญหาทางโลกย์ได้ สาติพราหมณ์หาได้สอนวิชชาใดๆ ให้แก่อหิงสกะไม่ เพราะตรวจชะตาล่วงรู้ว่าผู้มีคุณแก่อหิงสกะจะมีเคราะห์ เด็กน้อยจึงกลายมาเป็นคนเลี้ยงแพะจนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่ม ในขณะที่ศิษย์คนอื่นๆ ฝึกฝนวิชชา อหิงสกะต้องนั่งนับจำนวนแพะอยู่กลางทุ่ง หารู้ไม่ว่าการทำเช่นนั้นนานนับปีเป็นการฝึกสมาธิโดยธรรมชาติ แล้ววันหนึ่งอหิงสกะก็สามารถเข้าถึงปฐมฌานได้ด้วยตนเอง ชีวิตของอหิงสกะที่สงบเงียบเริ่มผันแปรไปในคืนวันวิวาห์ของสาติพราหมณ์กับเจ้าสาวคนใหม่นามว่า นันทาพราหมณี สาติได้พบความลับว่าภรรยาคนใหม่นี้ ที่แท้จริงเป็นจัณฑาลจึงคิดหาทางกำจัดนันทา แต่กลับถูกอหิงสกะช่วยเหลือไว้ สาติจึงกล่าวหาว่าอหิงสกะฉุดคร่านันทาไปและประกาศให้ทุกคนทราบถึงดวงชะตาของอหิงสกะที่ถูกลิขิตไว้ว่าจะต้องเป็นมหาโจร อหิงสกะพานันทาหลบหนีเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และบนยอดเขาแห่งหนึ่งเขาก็ได้พบกับพญามาร ผู้อ้างตนว่าเป็นเทพ ณ ที่แห่งนั้น พญามารเล่าว่าในโลกนี้ยังมีคนบางพวกที่ไม่นับถือบูชาเทพบนสวรรค์ ทางที่จะปลดปล่อยให้คนเหล่านี้หายจากความหลงผิดมีเพียงวิธีเดียว ซึ่งไม่เรียกว่าการฆ่า แต่เป็นการบูชายัญคนชั่ว ถ้าเมื่อใดอหิงสกะสร้างกุศลโดยการบูชายัญชีวิตคนครบ 1000คน เมื่อนั้นผลบุญที่ก่อจะทำให้เขาบรรลุธรรม หลุดพ้นจากเวรกรรมในอดีตทั้งปวง อหิงสกะเริ่มหนทางสู่การบรรลุธรรมด้วยการเข่นฆ่าพวกโจรป่าที่ดักปล้นฆ่าคนเดินทาง คนที่ลบหลู่ไม่บูชาเทพเทวดา จนสุดท้ายก็ถลำตัวไปสู่การฆ่าฟันโดยไม่เลือก เพราะเขาได้เข้าใจว่าสิ่งทั้งปวงมีแต่ความทุกข์ การที่เขาฆ่าคนจึงเป็นการปลดปล่อยคนเหล่านั้นให้พ้นทุกข์ นันทาพยายามคัดค้านมิให้อหิงสกะฆ่าคน แต่อหิงสกะมั่นใจว่าสิ่งที่ตนทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะยิ่งฆ่าคนดวงจิตของเขาก็มีพลังมากขึ้น และในช่วงนั้นเองอหิงสกะก็ได้ค้นพบความจริงเกี่ยวกับพญามารว่ามิใช่เทพดังอ้าง เขาได้ปราบพญามารลง ตั้งแต่นั้นอหิงสกะจึงหันมาบูชาแต่เพียงดวงจิตของตนเอง โดยเขาได้นำนิ้วของคนที่ถูกฆ่าตายมาร้อยเป็นพวงมาลาคล้องคอ อันเป็นที่มาของชื่อมหาโจรนาม องคุลิมาล เมื่อใกล้จะฆ่าคนครบ 1000 คนแล้ว อหิงสกะหารู้ไม่ว่าเหยื่อรายสุดท้ายที่ตนกำลังจะปลิดชีพนั้น คือ มารดาของตนเอง และขณะที่อหิงสกะจะยิงศรไปสังหารผู้เป็นมารดานั้นก็ถูกขัดขวางโดยศัตรูคนสำคัญ นั่นคือ ศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ หรือ พระพุทธเจ้า อหิงสกะจึงวิ่งไล่ตามไปเพื่อฆ่า วิ่งไปเพื่อจะได้พบความสำเร็จที่ตนมุ่งมั่นมานานแสนนาน อหิงสกะหารู้ไม่ว่าการไล่ตามพระพุทธเจ้าในครั้งนั้น เขาได้ก้าวเข้าไปสู่หนทางที่จะนำไปสู่ความสุขสว่าง ทางที่จะทำให้เขามองเห็นความหลงผิดทั้งปวง และทางที่มารดาของเขาใฝ่ฝันให้เขาก้าวไปเพื่อบรรลุสิ่งอันประเสริฐสูงสุดของมนุษย์ นั่นก็คือ นิพพาน
แก้วขนเหล็ก (2546/2003) นฤดม (คงกะพัน แสงสุริยะ) ทายาทคนเดียวแห่งบ้านประชานาถ ซึ่งสำเร็จการศึกษามาจากประเทศอินเดีย และกำลังมีโครงการจะแต่งงานกับ โชติรส (พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์) แฟนสาว แต่เมื่อเขาได้รับมรดกตกทอดเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ถูกขนานนามว่า ปราสาทพยับเมฆ นฤดมเข้าไปสำรวจปราสาทพยับเมฆ ชายหนุ่มผู้แสนดีก็มีอุปนิสัยและวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป นฤดม เอาแต่ฝังตัวอยู่กับปราสาท เขานำคัมภีร์เร้นลับบรรจุคาถาชีวิตวัฒนะที่ได้มาจากองค์ลามะแห่งทิเบตมาไว้ที่ปราสาท แล้ววันหนึ่ง นฤดม ก็กลายเป็นผู้ชุบชีวิตแห่งจอมปีศาจร้าย เมฆินทร์ (วินัย ไกรบุตร) ให้ลุกขึ้นมาโลดแล่นในโลกยุคปัจจุบัน นับแต่นั้น กลิ่นไอของเลือดสด ๆ และความตายก็คละคลุ้งไปทั้งปราสาทพยับเมฆ วิทวัส ( นินนาท สินไชย) รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลที่เกิดกับเพื่อนรักจาก โชติรส เขากับ รมณีย์ (ภิสสรา อุมะวิชนี) แฟนสาวจึงตัดสินไชยเดินทางไปยังปราสาทพยับเมฆเพื่อหาทางหยุดยั้งเหตุการณ์ร้าย ๆ ทั้งหลาย แต่ดูเหมือน นฤดม จะไม่สนใจรับฟังเขาเหมือนเก่า วิทวัส พยายามหาทางขโมยคัมภีร์ชีวิตวัฒนะจาก นฤดม เพื่อสวดคาถาย้อนกลับหวังจะให้ความสงบสุขกลับคืนสู่ที่นี่ดุจเดิม แต่ดูเหมือนทุกอย่างไปไกลเกินกว่าจะหยุดยั้งได้แล้ว ตรงกันข้ามทั้ง วิทวัส กับ รมณีย์ กลับกลายเป็นส่วนแห่งปมรักปมแค้นที่ฝังลึกอยู่ในใจจอมผีดิบ เมฆินทร์ไปเสียอีก นฤดม ที่ตอนนี้กลายเป็นสาวกคนสำคัญภายใต้อำนาจบัญชาของของ เมฆินทร์ พยายามทำทุกอย่างเพื่อหาเหยื่อสาว ๆ สวยๆ มาให้ เมฆินทร์ ดูดเลือดเพื่อดำรงชีวิตอันเป็นอมตะที่เปี่ยมด้วยพลังอำนาจไม่สิ้นสุด ชีวิตบริสุทธิ์จากสิบคนเป็นร้อยคนและมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ กลายเป็นกองกำลังปีศาจร้ายที่ทรงพลานุภาพซึ่งคืบคลานขึ้นมาเพื่อยึดครองทุกอณูพื้นที่แห่งปราสาทพยับเมฆ เป็นเสมือนกำแพงเหล็กกล้าที่พร้อมพิทักษ์รักษาเจ้านายของพวกเขาคือ เมฆินทร์ ไม่ให้ใครมาแตะต้องทำร้ายได้ เมื่อ วิทวัส รมณีย์ เมฆินทร์ ประจัญหน้ากันโดยมีปมแห่งความหลังของหนี้รักหนี้แค้นแต่ชาติปางก่อนเป็นแรงผลักดัน เรื่องราวอันเข้มข้นยิ่งทวีขึ้น
สองอันตราย ล่าหักเหลี่ยม (2546/2003) ฮาลา กับ อาณัฐ สองเด็กกำพร้าจากปักษ์ใต้เดินทางสู่กรุงเทพฯ ชีวิตทั้งสองต้องผกผันเมื่อผู้ ที่รับอุปการะพวกเขานั่นคือ เสี่ยไป๋ เจ้าของบ่อนและเจ้าพ่อค้ายา ถึงแม้ว่าทั้งสองจะเติบโต มาด้วยกัน แต่อุปนิสัยกลับแตกต่างกันคนละขั้ว และความบังเอิญที่ทั้งคู่หลงรัก เพียงดาว หญิงสาวที่เพรียบพร้อมทุกอย่าง จึงเกิดเป็นรักสามเส้าที่กลายเป็นช่องว่างระหว่างเพื่อนรัก เปี๊ยก มือที่สามที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายบาดหมางกัน จนในที่สุดฮาลาต้องติดคุก เมื่อมิตรภาพ กำลังถูกเปลี่ยนเป็นความแค้น ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายจะบัญญัติความถูกต้องลบเหลี่ยมอิทธิพลที่ ครั้งหนึ่งมันเคยก่อไว้
องค์บาก (2546)

องค์บาก (2546/2003) ในประวัติศาสตร์หมู่บ้านหนองประดู่ ที่ยาวนานตั้งแต่ครั้นสมัยสงครามไทยกับพม่า ตำนานของครูดำ ผู้แกร่งกล้าด้วยศิลปะการต่อสู้ คือชายไทยผู้กล้าที่เคยแหวกฝ่ากองทัพพม่า ไปแย่งชิงเอาองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกทหารพม่าบุกมาปล้นสดมภ์ และแย่งชิงไปจากหมู่บ้าน เมื่อคราครั้งกระโน้นได้เป็นผลสำเร็จ จนเกิดปาฏิหาริย์แห่งรอยบาก อยู่บนพระพักตร์ขององค์พระ ว่ากันว่าร่องรอยดังกล่าว คือบาดแผลจากการต่อสู้ ที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ ที่รับแทนคมหอกคมดาบ ที่ทหารพม่าถาโถมฟาดฟัน เข้าใส่ร่างของครูดำนั่นเอง ว่ากันว่าความเชื่อดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับครูดำ และผู้คนในหมู่บ้านได้ถูกเล่าขาน สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่แล้วองค์บากกลับถูก ดอน (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) อดีตลูกหลานบ้านหนองประดู่ ที่ปัจจุบันหันหน้าเข้าสู่โลกแห่งความชั่วช้าอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งเรื่องของยาเสพติด การพนัน และที่ร้ายแรงที่สุด คือการแอบตัดเศียรองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ไปให้กับนักสะสมวัตถุโบราณ ที่มีจิตใจชั่วช้าในกรุงเทพ ในคืนก่อนงานเฉลิมฉลองงานบุญ ที่ชาวหนองประดู่จัดขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองศรัทธาต่อองค์บาก ที่ได้หมุนเวียนมาครบ 24 ปี ส่งผลให้เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความสะเทือนใจ ต่อทุกชีวิตในบ้านหนองประดู่ โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ ที่รอวันนี้มาค่อนชีวิต ราวกับว่านี่คือกงล้อแห่งศรัทธา ที่หมุนเวียนบรรจบมา เพื่อทดสอบในศรัทธาแห่งความความผูกพัน และพลังแห่งความดีงาม ของผู้คนในบ้านหนองประดู่อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับการสืบทอดชะตากรรม จากองค์บากโดยตรงอย่าง ทิ้ง (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มลูกกำพร้า ที่ได้รับการชุบเลี้ยงเติบโต จนมีสายเลือดของบ้านหนองประดู่อย่างข้นคลั่ก รวมทั้งเคล็ดวิชานวอาวุธ (อาวุธที่ก่อเกิดจากอวัยวะสำคัญ ในร่างกายของมนุษย์ทั้ง 9 อันประกอบไปด้วย 1 ศรีษะ 2 หมัดกร้าวแกร่ง 2 แรงกระทุ้งของศอก ตอกย้ำความหนักหน่วงของ 2 เข่า และความคล่องแคล้วว่องไวของ 2 เท้า) ผสมผสานกับศิลปะมวยไทยโบราณ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากพระครู หลวงพ่อผู้เป็นดั่งเสาหลัก ที่เคารพนับถือของผู้คนในหมู่บ้านหนองประดู่ ลูกศิษย์คนสำคัญของครูดำ ปูชนียบุคคลที่มีคุณอนันต์ของหมู่บ้าน การเดินทางมุ่งหน้าสู่หนทางแห่งการต่อสู้ การทบทวนจิตวิญญาณแห่งความใฝ่ดี และการเผชิญหน้ากับโลกใหม่ ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ลุ่มหลงนิยมในวัตถุเงินทอง ท่ามกลางแสงสีของเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยความคดโกง หลอกหลวง และแก่งแย่งชิงดี ทิ้งได้พบกับบททดสอบแห่งศรัทธา และภาระรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น อันตรายมากขึ้น โดยมีคนๆ เดียวในเมืองหลวง ที่จะช่วยทิ้งตามหาดอนได้คือ หำแหล่ หรือ ยืนยง (หม่ำ จ๊กหมก) ลูกชายของผู้ใหญ่น้อย อีกหนึ่งลูกหลานบ้านหนองประดู่ ที่ถูกส่งมาเล่าเรียน เพื่อกอบโกยเอาความรู้ นำกลับไปพัฒนาถิ่นเกิด แต่กลับกลายเป็นว่า ทิ้งถูกหำแหล่ ที่บัดนี้เปลี่ยนรูปโฉมเป็น ไอ้ยอร์จ หนุ่มหัวทองไร้ซึ้งหัวจิตหัวใจ หลอกขโมยเอาถุงห่อของมีค่า ที่รวบรวมเอาแบ๊งค์ยี่สิบเก่าๆ เงินเหรียญ และบรรดาทรัพย์สมบัติของผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกหลานของบ้านหนองประดู่ ที่รวบรวมให้ทิ้งเพื่อเป็นทุนรอน ในการตามหาองค์บากในเมืองใหญ่ ไปวางเดิมพันในมวยเถื่อนเสียแล้ว เส้นทางในการเสาะหาองค์บาก ดึงเอาทิ้งเข้าไปเกี่ยวข้อง กับชีวิตของผู้คนอันหลากหลายในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เง็ก (รุ่งระวี บริจินดากุล) หญิงสาวสู้ชีวิต ที่ถูกความเหลวแหลกของเมืองหลวง กัดกินทั้งร่างกายและจิตใจ, หมวยเล็ก (ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวแก่นแก้ว ที่งดงามทั้งหน้าตาและจิตใจ, ไอ้เป๋ง (เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) นักเลงหัวไม้ หัวโจกของบรรดาจิ๊กโก๋คุมซอย คู่ปรับคนสำคัญของยอร์จ ความเป็นจริงในความหวังที่ไม่เพียงดูริบหรี่ แต่กลับเริ่มไกลห่าง ออกไปจากตัวทิ้งมากขึ้นทุกที เมื่อจิตศรัทธาแห่งความดีงาม จากคนรอบข้างที่มีต่อองค์บาก ค่อยรางเลือนมากยิ่งขึ้น กลับกันกับชักนำให้ทิ้ง ถล้ำเข้าไปสู่วังวนแห่งการต่อสู้ ที่ดูเหมือนจะขัดกับถ้อยคำที่พร่ำสอนจากพระครู เมื่อทิ้งถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง กับเกมการต่อสู้และการไล่ล่า ที่อบอวลไปด้วยความชั่วร้าย จากทั้งคนไทยด้วยกันเองและชาวต่างชาติ และนี่คือจุดเริ่มต้น ของการเดินทางแห่งจิตศรัทธา ที่นำมาซึ่งการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีของศิลปะการต่อสู้ ที่เรียกขานว่า แม่ไม้มวยไทยโบราณ

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ