นักเลงเดี่ยว (2501)
นักเลงเดี่ยว (2501/1958) ตำบลชายแดนแห่งหนึ่ง เรียกว่าบ้านชนแดน อันเป็นถิ่นเกิดและที่ทำมาหากินของจ่าดับ จำเปาะ (ส. อาสนจินดา) ทหารเก่า กำลังลุกเป็นไฟด้วยความเดือดร้อน เมื่ออ้ายเสือโทน (สังเวียน หาญบุญตรง) พ่ออ้ายเสือทิม (เมืองเริง ปัทมินทร์) อ้ายเสือทอม (สุวิทย์ เทียมเมศ) ลูกและเสือทัพ (เทียนชัย สุนทรการันต์) น้องชาย เข้าไปตั้งถิ่นโจรอยู่ในป่าลึกแดนต่อแดน จ่าดับ จำเปาะ หลังจากที่ไปช่วยหกสหายปราบ 7 ผู้ร้ายที่หาดใหญ่มาแล้ว เขากลับมาบ้านต้องพบกับความรันทดแสนสาหัส เมื่อเมียรักของเขาคลอดลูกตายทั้งกลม จ่าดับคำนึงถึงความเป็นนักเลงมือปืนของเขา คงจะก่อเป็นกรรมเก่าสนองเขา ให้ได้รับความโทรมนัสเช่นนี้ จึงได้ลาออกจากหน้าที่กำนัน ไปใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ กำนันคนใหม่ที่รับตำแหน่งจากจ่าดับคือ สวน (ล้อต๊อก) มีลูกสาว 2 คนคือ ชะเอม (วิภา วัฒนธำรงค์) นิสัยเรียบร้อย เสงี่ยมเจียมตัว น้องสาวชื่อ อ้าย (พะเยาว์ สาริกบุตร) เป็นคนชอบฟุ้งเฟ้อ หรูหรา อีกคนหนึ่งเป็นลูกเลี้ยงชื่อ ชะอม (จันตรี สาริกบุตร) สำหรับอ้อยความที่เป็นสาวปราดเปรียว จึงเป็นที่หลงรักของ เจ้าเด่น (พงศ์ศิริ เพียงพรหม) ซึ่งเป็นน้องชายคนสุดท้องของจ่าดับ แต่เจ้าเด่นเป็นหนุ่มลูกทุ่งที่เซ่อซ่า ขี้ขลาดตาขาว จึงหาเป็นที่รักใคร่ชอบพอของอ้อยไม่ แทนที่อ้อยจะรับรักหนุ่มบ้านเดียวกันกลับ ไม่มีจิตรพิศมัยกับอ้ายเสือทอม ซึ่งเป็นอ้ายเสือรูปงาม บ้าบิ่นจนกระทั่งหนีตามอ้ายเสือทอมข้ามเขตต์แดนไป แต่แล้วอ้อยก็ต้องหนีเตลิดกลับมา เพราะไปเห็นสภาพความกักขระโสมมของบรรดาอ้ายเสือร้าย สี่พ่อลูกพี่น้อง นับแต่วันที่อ้อยหนีไป เจ้าเด่นไปนั่งเศร้าเฝ้าคอยหาสาวคนรัก อยู่ในป่าชายเขตต์แดนทุกคืนวัน ไม่เป็นอันกินอันนอน ฉะนั้นเมื่ออ้อยหนีกลับ เด่นจึงยินดีที่จะช่วยพากลับ เด่นพาอ้อยไปที่บ้านพ่อบ้านแม่ซึ่งอยู่ในป่านอกเขตต์แดนไทย ขอยืมม้าพาสาวรักหนีไป ผลกรรมนี้ตกอยู่กับพ่อและแม่ของเด่น เมื่อสี่อ้ายเสือตามพบรอยม้ามันจึงฆ่าพ่อของเด่นตาย และให้อ้ายทิมคุมแม่ของเด่นไว้ อีก 3 เสือขี่ม้าบุกเข้าบ้านชนแดน ฆ่าชาวบ้านดะไป จนกระทั่งมาพบจ่าดับ ที่ไม่ยอมให้ 3 เสือร้ายก้าวล้ำฝ่านเข้าไปได้อีก สามเสือร้าย อ้ายโทน อ้ายทอม อ้ายทัพ เผชิญหน้ากับจ่าดับ เสือเก่าซึ่งไม่ยอมถอย จ่าดับจำต้องชักปืนออกมาดวลกับเสือโทนตัวต่อตัว แต่ศรศิลปนอกจากจะไม่กินกันแล้ว ยังกินกันไม่ลงอีกด้วย ต่างถูกกระสุนที่มือพร้อมๆกัน ปืนหลุดมือทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม แม้เสือโทนจะเรียกร้องขอตัวอ้อยกลับไปให้เสือทอมลูกชาย แต่จ่าดับก็ยืนยันอย่างนักเลงว่า ตราบใดที่ชีวิตตนยังไม่สิ้น จะไม่ยอมที่แม้แต่หมาขี้เลื้อนตัวเดียวของบ้านชนแดนแก่เสือโทนเป็นอันขาด เสือโทนขอสัญญาแลกกันกับจ่าดับและกำนันสวนว่า ตนไม่ติดใจที่จะเรียกตัวนังอ้อยคืน และตนเองจะไม่ลุกล้ำเขตต์ เข้ามากระทำตนเป็นจ้าวนักเลงอีก หากแต่กำนันสวนและจ่าดับจะต้องให้สัญญาว่านับแต่นี้ เป็นต้นไปชาวบ้านชนแดน คนใดก็ล้ำเขตต์เข้าไปในป่าของตนไม่ได้ จะต้องไม่ยอมให้นักเลงจรคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจหรือสายลับล่วงล้ำเข้ามาภายในเขตต์บ้านชนแดน และจ่าดับจะเรียกลูกทัพบกคู่ใจที่เหลืออีก 5 คนเข้ามาไม่ได้เป็นอันขาด มิฉะนั้นแล้วตนจะพาพวกโจรบุกเข้ารังควาน จ่าดับไม่อาจจะรับคำได้ เพราะในเขตต์ป่าที่เหล่าร้ายหวงห้าม ยังมีบ้านพ่อ แม่ ของตนอยู่แต่กำนันสวนมีความเห็นแก่ตัวเป็นเอก กลับประณามจ่าดับว่า ถ้าไม่ยอมรับก็เท่ากับจ่าดับเห็นแก่พ่อแม่ของตนเท่านั้น ไม่เห็นแก่สวัสดิภาพของชาวบ้านนับพัน อย่างนี้ก็เท่ากับโอนตำแหน่งกำนันมาต้มให้แกรับภาระ อุจาระเต็มกางเกง คนเดียว หลังจากที่เสือโทนและบรรดาพวกได้สัญญามั่นเหมาะจากกำนันสวนไปแล้ว ในวันสงกรานต์ของบ้านชนแดน ขณะที่ชาวบ้านกำลังสนุกสนานอยู่กับการแห่นกปล่อยปลา การณ์ก็ปรากฏว่า มีนักเลงเดี่ยวคนเดียวคนหนึ่ง คนแปลกหน้าล่วงล้ำแบบทะเล่อทะล่าเข้ามาในหมู่บ้านชนแดน นักเลงเดี่ยว (ทักษิณ แจ่มผล) มาในลักษณะของคนสติไม่เต็ม แต่หมอเป็นคนไวและหมัดหนักชะมัด ฉะนั้นเมื่อกำนันและพวกเข้าไปทำร้ายขับไล่ จึงถูกหมอตอกหน้ากลับ จนล้มลุกคลุกคลานและตกน้ำตกท่าไป นอกจากเก่งในเชิงมวย นักเลงคนนั้น ยังความหมื่นทะลึ่ง กับผู้เป็นเอก และเป็นเหตุให้อ้อยต้องวิ่งไปลากมือ เจ้าเด่นคู่รักมาคะยั้นคะยอให้ต่อยหน้านักแปลกหน้าให้ได้ แต่แล้วผลปรากฏว่า เด่นกลายเป็นกระสอบทรายให้ นักเลงแปลกถิ่นซ้อมมวยไปอย่างน่าสงสาร ชะเอมเข้าช่วยก็ถูกจูบตอบแทน ชะเอมเข้าทุบตีก็ก็จะพลอยถูกปล้ำ จนกระทั่งนักเลงคนนั้นได้เผชิญหน้ากับจ่าดับ การต่อสู้ระหว่างนักแปลกหน้ากับจ้าวถิ่นได้เป็นไปอย่างดุเดือด ผลก็คงเดิมจ่าดับลงไปนอนเป่าฝุ่นเสียศักดิ์ศรีอย่างสิ้นเชิง ขณะที่เหลี่ยมนักเลงของจ่าดับถูกลบ เป็นเวลาเดียวกับที่ เสือโทน เสือทอม เสือทิม และเสือทัพ ขี่ม้ามาถึง มันทั้ง 4 จึงได้หัวเราะเยาะจ่าดับได้ทันเวลา มิหนำซ้ำช่วยกันรุมซ้ำเติมจ่าดับอย่างทารุณ จนนักเลงเดี่ยวคนนั้นทนดูไม่ได้ ขณะที่เสือทอม เสือทิมรุมซ้อมจ่าดับ เสือโทน เสือทัพ จะลอบยิงจ่าดับ นักเลงแปลกหน้าคนนั้นจึงช่วยยิงสกัดไว้ และเขาเองเข้าเสนอตัวรับมือสู้กับเสือทิม เสือทอม แบบ 2 ต่อ 1 อย่างทรหด จนสองเสือพี่น้องสิ้นลาย สี่เสือกลับเข้าป่าอย่างอาฆาตแค้น ขณะเดียวกันความกล้าหาญของนักเลงแปลกหน้าที่มีฝีมือเหนือกว่า จ่าดับ จำเปาะได้ระบือไปทั่วบ้าน เขาเริ่มเป็นที่เอ็นดูของชะเอมและเป็นที่ชอบพอของอ้อย ในคืนนั้นชะเอมแอบไปเอาเสื้อผ้าของพ่อไปให้นักเลงจรคนนั้นเปลี่ยน เธอเป็นห่วงว่าเขาจะถูกทำร้าย เวลานั้นความเก่งของเขากำลังเป็นภัยแก่หมู่บ้าน เพราะเขาคนเดียวจะต้องเป็นเหตุให้พวกเสือโทนมารุกรานหมู่บ้านอีกใครๆก็อยากขับไล่เขาออกไป ความอารีของชะเอม ได้รับความรักจากชายชาตรีผู้นั้นตอบแทน แต่ขณะที่คนทั้งสองจะเข้าใจในรัก อ้อยก็เข้ามาเป็นมารขวาง อ้อยสกดรอยตามพี่สาวมา เพื่อจะเก็บเอาความอารีต่อชายที่พ่อถือว่าเป็นศัตรูผู้นี้ไปฟ้องพ่อ นักเลงเดี่ยวผู้นั้นจึงสร้างความรักจอมปลอมขึ้นกับอ้อยด้วยชั้นเชิงของเสือผู้หญิง เขาแกล้งทำเป็นเข้าใจว่าอ้อยคือชะเอม และพร่ำพรรณารักที่มีต่อชะเอมกับอ้อยเอง แล้วฝากจูบไปให้อ้อยด้วย อ้อยหลงเชื่อตายใจสนิทคิดว่าตนชนะพี่สาว เก็บเอาความรักที่นักเลงเดี่ยวผู้นั้นพร่ำเพ้อถึงตนมาเป็นความอบอุ่นชื่นใจของตนอยู่คนเดียว คืนนั้นเสือโทนใช้พวกมาลอบทำร้ายนักเลงเดี่ยวผู้นั้น ด้วยอาวุธปืนและระเบิดมือแต่กลับถูกซ้อนกลพ่ายกลับไป โจรชายแดน ทั้ง 4 เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ความมุ่งหมายของมันเกินแค้น มันต้องการจะเก็บนักเลงแปลกหน้าคนนี้ให้ได้ จึงปักป้ายไว้กลางตลาด ฉะนั้นแล้ววันรุ่งขึ้นพวกมันนับสิบจะเข้าทลายหมู่บ้าน คนทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในสภาพฝันร้าย ไม่มีใครมีปัญหากล้าไล่นักเลงแปลกหน้าคนนั้นออกไปได้ และไม่มีใครมีปัญญาจะคิดต่อต้านกับพวกเสือโทน ในวันรุ่งขึ้นแม้กระทั่งจ่าดับ จำเปาะก็ผละจากตำแหน่งจ้าวถิ่นไปอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะเขามีใจอยู่กับชะเอม แต่บัดนี้ชะเอมมอบรักให้แก่นักเลงแปลกหน้าเสียแล้ว เหล่าร้ายนับสิบๆหลั่งไหลจากป่าเข้ามาในหมู่บ้าน ด้วยเหลี่ยมนักเลงและชั้นเชิงนักสู้ที่เหนือกว่า นักสู้เดี่ยวๆคนนั้น ก็กระทำการดังปฏิหาริย์ เขาคนเดียวสามารถต่อต้านเหล่าร้ายนับสิบเหล่านั้น ถอยร่นเข้าป่าไปอย่างเป็นระเบียบ แต่ถึงเขาเก่งเพียงไร ก็ไม่ยิ่งไปกว่าเทวดาขณะนั้น ที่เขายังสู้กับเหล่าร้ายและกำลังจะถูกลอบยิงข้างหลัง จ่าดับ จำเปาะซึ่งแอบดูพฤติกรรมของเขาอยู่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เมือเขาขอบคุณจ่าดับ จำเปาะ จ่าดับก็บอกปัดนักเลงเดี่ยว แบบไว้เชิงว่า หายกัน เพราะครั้งหนึ่งนักเลงแปลกหน้าก็เคยช่วยชีวิตเขา ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง คืนนั้นนักเลงแปลกหน้าลอบเข้าไปในป่าเขตต์ชายแดน จ่าดับได้สกดรอยตาม ชะเอมกับชะอมตามจ่าดับไปอีกทีหนึ่ง เพราะคิดว่าจ่าดับจะเล่นสกปรกตามฆ่าชายคนรักของเธอ อ้อยอีกคนหนึ่งบัดนี้ได้ทราบความจริงแล้วว่า เธอถูกหลอกลวง นักเลงคนนั้นรักชะเอมไม่รักคนด้วยความแค้นของเด็กสาว ทำให้อ้อยกระทำการอันไร้สติ เธอหนีออกจากบ้านจะเตลิดกลับไปหาเสือทอมคู่รักเก่าอีก พอดีจ่าดับได้ทราบความจริงจากชาวบ้านว่า พ่อของตนถูกฆ่าตายเป็นศพอยู่หน้าบ้าน ศพแม่ของตนหายไป แต่มีเสียงปีศาจร้องโหยหวลอยู่ในบ้านร้างอันเป็นของพ่อแม่เขา หากใครเข้าใกล้บ้านนั้นจะถูกมือลึกลับยิงออกมา จ่าดับรีบรุดไปที่บ้านผู้ให้กำเนิดของตน ระหว่างทางเข้าได้เห็นเครื่องบินลำมหึมากำลังปล่อยร่มลงมา เมื่อจ่าดับเข้าไปถึงหลุมฝังศพพ่อ เขาได้พบนักเลงคู่อาฆาตคนนั้น นั่งร้องไห้อยู่ที่หลุมฝังศพพ่อ เขาจะขับไล่ ก็เผอิญได้เห็นบนบ้านของเขามีพวกเหล่าร้ายอยู่ มีเสียงแส้ มีเสียงร้องครวญครางของปีศาจแม่ของเขาครวญครางอย่างที่ชาวป่าว่า ทั้งเขากับนักเลงแปลกหน้า เลยช่วยกันเสี่ยงชีวิตเข้าไปทำลายเหล่าร้ายในบ้าน ที่นั่นเขาได้พบแม่ของเขายังไม่ตาย แต่ถูกจับเข้าขื่อคา ทรมานด้วยการเฆี่ยนตีจนแม่เขาเกือบจะสิ้นใจอยู่แล้ว จ่าดับเข้าไปปลดพันธนาการให้แม่ แก่เห็นนักเลงแปลกหน้าก็พยายามพูด แต่แล้วแกก็สิ้นลมเสียก่อน นักเลงคนนั้นเรียกแม่ของจ่าดับว่าแม่ แล้วเปิดเผยความจริงว่า คนเป็นลูกคนกลาง เขาเป็นน้องชายของจ่าดับ จำเปาะ คนที่เกเรที่สุด ซึ่งขโมยเงินพ่อแม่จนหมดตัวหนีไปเกะกะอยู่ในกรุงเทพฯ และเขาชื่อ เดี่ยว จำเปาะ ถึงกระนั้นก็ตาม จ่าดับก็ยังไม่ปลงใจเชื่อ และไม่ยอมให้เดี่ยวทำแม้แต่จะกราบหลุมศพแม่ให้เป็นเสนียด ครั้นเดี่ยวดึงดันจะทำจ่าดับจึงขัดขวาง ด้วยหมัดมวย แต่ก่อนที่ทั้งสองจะรู้ดำรู้แดง ก็ถูกขัดขวางการต่อสู้จากคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแต่งด้วยชุดดำทั้งชุด คนแปลกหน้านั้นมาด้วยกัน 5 คน พอเปิดหน้า จ่าดับจึงได้พบว่า คนทั้งห้านั้นก็คือเพื่อนเก่าและนายเก่า ได้แก่ ตังกวย แซ่ลี้ สิบโทอัคคี เมฆยันต์ สิบโทกล้า ตะลุมพุก และพันตรีกฤษณ์ กับเพื่อนใหม่อีกคนหนึ่งคือพันตรีไกวัล (อดุลย์ ดุลยรัตน์) ผู้เชี่ยวชาญการจรวด คนทั้งหมดเปิดเผยกับจ่าดับว่า ถูกทิ้งร่มมาเพื่อปฏิบัติราชการ ขณะนี้มีเหล่าร้ายไม่ปรากฏสัญชาติกำลังมาตั้งจรวดทีมีอานุภาพร้ายแรงเพื่อรุกรานประเทศไทย เขาทั้ง 5 มาในนามของหน่ายกล้าตาย แห่งกองทัพบกไทยเพื่อหาหนทางทำลายแผนการอุบาทของเหล่าร้ายเสีย จ่าดับจึงเข้าใจเรื่องราวได้ตลอดว่า การที่เสือโทน กับพวกมารุกรานบ้านชนแดนและสัญญาไม่ล้ำถิ่นก็เพื่อ ไม่ต้องการให้คนแปลกหน้าเข้าไปรู้ความลับเรื่องจรวดซึ่งตั้งซ่อนอยู่ในป่านั้นเอง ขณะนั้นคนทั้งหมดได้พบกับชะเอมกับชะอม และได้เห็นเด่นเป็นบ้า รกตามอ้อยเข้าไปในถิ่นเหล่าร้าย ทุกคนเกรงว่า เด่นจะเข้าไปอาละวาดทำให้เรื่องแตก จ่าดับและเพื่อนจึงตามเด่นเข้าไปในหุบเขา ทิ้งให้เดี่ยว ชะเอม ชะอม อยู่ในสายตาของ พันตรีไกวัล เดี่ยวพบสายโทรศัพท์จึงตามสายโทรศัพท์ขึ้นไป จนกระทั่งพบโรงจรวดของผู้คิดร้าย ซึ่งสร้างเป็นโรงไม้ไผ่มุงแฝกครอบคลุมพรางตาไว้กลางป่า พันตรีไกวัลต้องการจะบอกข่าวนี้กับเพื่อนคอมมานโด จึงทิ้งเดี่ยวไว้กับชะเอมและชะอม ตัวเองเล็ดลอดเข้าไปในหุบเขาถิ่นโจรของเสือโทน เสือทอม เสื่อทิม และเสือทัพ ตั้งอยู่โพรงถ้ำอันกว้างขวางของเขาทะยาน ภายในห้องลับด้วยวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยเครื่องยนตร์กลไกและไฟฟ้า พวกทรยศต่อชาติทั้ง 4 เสือ ได้กำลังสมทบจากดาวร้าย มือปืน 12 ดาว ซึ่งได้จ้างมา ในจำนวนนี้มีมือปืนคนสำคัญอยู่คนหนึ่งคือหมัด เชิงมวย มันอ้างว่ามันคือน้องชายของเจ้าเหมาะ เชิงมวยที่สิ้นชื่อไปแล้วแต่ครั้งต่อสู้ที่หาดใหญ่ หมัด เชิงมวยมาสมัครเป็นมือปืนรับจ้างของเหล่าร้ายครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการจะมาล่าชีวิตของจ่าดับ จำเปาะซึ่งมันเข้าใจว่าครั้งนั้น จ่าดับทอดทิ้งให้เจ้าเหมาะพี่ของมันตาย แต่แทนที่เจ้าหมัดจะได้ล่าชีวิตจ่าดับ จ่าดับกลับเป็นผู้ช่วยชีวิตเจ้าหมัดไว้ จากการลอบสังหารของพวกเสือไทย เพราะเจ้าหมัดแอบไปรู้ความลับว่า พวกนี้ขายชาติ เจ้าหมัดชอกช้ำใจมากที่ตนต้องตกเป็นทาสบุญคุณของจ่าดับ แค้นของมันกลายเป็นหมัน มันเลยหาโอกาสช่วยชีวิตจ่าดับ จำเปาะ และเพื่อนคอมมานโดไว้ให้ได้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณในช่วงนาทีวิกฤต พันตรีไกวัลรีบมาบอกพรรคพวกว่าตนพบจรวดแล้ว เขาต้องการจะเล็ดลอดเข้าไปในกองบัญชาการของเหล่าร้ายเพื่อทราบกำหนด วัน เวลา ปล่อยจรวด ซึ่งคาดหมายว่าอยู่ในอุโมงค์ ถ้าของเขาทะยานนั้น ส่วนจ่าดับเป็นห่วงชะเอมและชะอม ทั้งไม่ไว้ใจในความบริสุทธิ์ของเจ้าเดี่ยว เขากับเพื่อนจึงรีบรุดไปยังโรงจรวด พันตรีไกวัลหาทางลงไปในถ้ำเขาทะยาน เป็นเวลาเดียวกันกับที่อ้อยกำลังถูก 4 เสือร้ายยื้อแย่งกันอุตลุด พันตรีไกวัลลงไปในห้องพักของรุ่งทิวา (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) ซึ่งเป็นลูกสาวสุดที่รักของอ้ายเสือโทน เขาช่วยรุ่งทิวาให้รอดพ้นจากการลวนลามของสมุนโจรคนหนึ่ง แต่ใช่ว่าเขาจะมีความเอื้ออารีต่อลูกเสือร้ายก็หาไม่ด้วยเลือดรักชาติมันร้อนระอุ เขาเดือดแค้นทุกสายเลือดของเสือโทน ซึ่งประพฤติตนเป็นคนขายชาติ ถึงกระนั้นพันตรีไกวัลก็หาทำร้ายรุ่งทิวาได้ไม่ ความเดือดแค้นอันเนื่องมาแต่ความรักชาติดับลง เมื่อได้ประจักษ์ว่าแท้จริง รุ่งทิวาเป็นคนตาบอด เธอเป็นเพชรท่ามกลางโคลนตม เป็นลูกที่ดีของพ่อชั่วอย่างเสือโทน เป็นน้องที่ดีของเสือร้ายอย่างทิมและทอม รุ่งทิวาปรารถนาจะได้เห็นฟ้าเมืองไทย เช่นเดียวเดียวกับที่พันตรีไกวัลรักฟ้าเมืองไทย เธอปรารถนาจะได้เห็นธงไทยปลิวสะบัดอยู่เหนือดินแดนนั้น ไม่ใช่ธงของผู้ทรยศหรือผู้คิดร้าย หล่อนมอบธงไทยให้พันตรีไกวัล ธงผืนที่สร้างขึ้นในความฝันของเธอ มันมีเพียงสีขาวและน้ำเงินเธอขอให้ไกวัลเติมสีแดงให้ และขอให้เขาช่วยให้ธงนั้นปลิวสะบัดอยู่เหนือดินแดนนั้นอย่างที่เธอปรารถนา การลอบเข้ามาของพันตรีไกวัล ไม่พ้นการลอบรู้ของเหล่าร้าย เสือโทน ร้องสั่งให้ลูกสาวของตนกดปุ่มระหัสหนี ออกจากประตูกลไปเสียจากห้องนั้น ตนเองจะให้ปืนทันสมัยที่ทรงอานุภาพทำลายห้องที่พันตรีไกวัลแอบไปหลบอยู่นั้นเสีย แต่ระหว่างพ่อ ผู้ทรยศต่อชาติกับนักรบผู้รักชาติ รุ่งทิวาเลือกเอาบุคคลหลัง โดยยอมเสียสละชีวิตของตนเอง ปล่อยพันตรีไกวัลหลบหนีไปทางประตูกล ตนเองต้องตกเป็นเหยื่อกระสุนระเบิดจากปืนทันสมัยซึ่งมีอานุภาพร้ายและผู้บังเกิดเกล้าของเธอเองลั่นประหารโดยสำคัญผิด เมื่อจ่าดับและพวกไปถึงจรวด เจ้านักเลงเดี่ยวคนนั้นได้หลบหนีไปแล้วโดยพันธนาการชะเอมและชะอมไว้ ทุกคนต่างเข้าใจแน่นอนว่า เดี่ยวต้องเป็นจาระบุรุษ แต่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้ต่อไปก็คือ แก้ไขเหตุการณ์โดยด่วนก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป พันตรีกฤษณ์ได้ค้นพบทางลงไปใต้ดินจึงพบเค้าว่า ประดาผู้คิดร้ายต่อประเทศไทยใช้ใต้ดินเขาทะยานเป็นกองบัญชาการ ไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัว ทหารของผู้คิดร้ายก็เข้าจับกุมคนทั้งหมดเว้นชะเอมคนเดียวที่ได้หลบซ่อนตัว ทั้งหมดถูกพันธนาการด้วยลวดขนาดเล็ก ล่ามไว้กับหีบระเบิดเวลา รอเวลาตายตอนย่ำรุ่ง ซึ่งผู้คิดร้ายต่อประเทศไทยจะปล่อยจรวดเข้าทำลายกรุงเทพฯ ขณะนั้นพันตรีไกวัล หนีมาพบเพื่อนๆทุกคนถูกพันธนาการอยู่ แต่ไม่สามารถจะช่วยได้เพราะอยู่คนละห้อง และไม่สามารถจะพังห้องกระจกที่สร้างขึ้นมาพิเศษป้องกันการทำลาย พันตรีไกวัลจึงไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ เผอิญชะเอมออกมาจากที่ซ่อน พันตรีไกวัลซึ่งเป็นผู้พันทหารช่างแสง จึงให้ชะเอมเป็นเครื่องมือเขาในการถอดชนวนระเบิด โดยเขาจะเป็นผู้ออกคำสั่งทีละขั้นตอน ชะเอมสามารถถอดระเบิดเวลาได้จากการบอกของพันตรีไกวัล ชะเอมได้ช่วยชีวิตทุกคนได้สำเร็จ ทั้งหมดจึงร่วมกันต่อสู้แหวกวงล้อมของเหล่าร้ายออกไปนอกเขาทะยานได้ จ่าดับ จำเปาะพบกับน้องคนเล็กเจ้าเด่น จำเปาะถูกเหล่าร้ายทำร้ายบาดเจ็บสาหัสอยู่ในซุ้มไม้ เด่นขณะนั้นเลือดกำลังเข้าตา ความที่ถูกข่มเหงทำร้ายอย่างเจ็บปวด ทำให้เลือดของลูกผู้ชายและเลือดรักชาติเกิดขึ้นฉับพลัน เด่นขอธงของรุ่งทิวาที่พันไกวัลนำติดตัวมา ให้เป็นหน้าที่ของเขาที่จะเติมเลือดสีแดงให้ เพื่อให้เป็นธงไตรรงค์ของชาติไทย และขอร้องให้ทุกคนปล่อยเขาไว้เป็นหน้าที่ของเขาอีกที่จะชักธงไตรรงค์ขึ้นเหนือดินแดนนั้น แทนธงของผู้รุกราน พันตรีกฤษณ์ได้วิทยุบอกแก่กองบัญชาการเพื่อนัดหมายเวลา ทำลายจรวดของเหล่าร้ายในเวลาย่ำรุ่ง โดยใช้ทหารม้าและยานเกราะ โดยให้ดูธงไทยที่ชักขึ้นเหนือดินแดนนั้นเป็นสัญญาณโจมตี รุ่งขึ้น ด้วยธงสีขาว น้ำเงิน และสีแดงอันได้แก่เลือดจากกายของตนเองจนชุ่มโชก เจ้าเด่นซึ่งเคยเป็นหนุ่มขลาดได้สำแดงความเป็นวีรบุรุษสมชายชาตรี มันชูธงไว้กับคอ วิ่งทะยานเข้าหาเหล่าร้าย ที่กำลังจะชักธงดำขึ้นสู่เสา การต่อสู้เพื่อชาติอย่างบ้าเลือดของเจ้าเด่นเกิดขึ้นที่โคนเสาธงนั้น พลังรักชาติของมันประทับใจอ้อยที่เคยหยามน้ำใจแก่มัน อ้อยทนดูเจ้าเด่น แบะอกรับอาวุธของข้าศึกอยู่ไม่ได้ อ้อยที่ทุกคนกล่าวว่าเป็นนังผู้หญิงที่รักความหรูหราฟุ้มเฟ้อ ก็สละชีวิตตนเองเข้าปะทะเหล่าร้ายร่วมด้วยเจ้าเด่น เจ้าเด่นชักธงไตรรงค์ได้ครึ่งเสาก็ถูกยิงด้วยกระสุนปืนกล นางอ้อยโดดเข้าคว้าเชือกธงแทน เมื่อมันเองถูกกระสุน ตัวมันล้มฟาดกลิ้งลง มันดึงเชือกนั้นพาธงไตรรงค์คู่ฟ้าขึ้นสะบัดอยู่ยอดเสา และธงนั้นไม่มีโอกาสที่จะลดลงอีก หรือยอมให้ธงอื่นชักขึ้นแทนเลย เพราะทั้งอ้ายเด่นและนางอ้อยมันร่วมใจกันเอาเชือกธงที่เหลือนั้นมัดติดตัวมันทั้งสองพันรอบเสาธงอย่างแนบแน่น มันขาดใจด้วยกันที่เสาธงนั้น มัดอยู่ด้วยกันเหมือนคนเดียวกัน ใจเดียวกัน ก่อนขาดใจ อ้ายเด่นยิ้มทั้งน้ำตา ในทันใดที่ธงไทยปลิวสะบัด นักรบผู้รักชาติไทยทั้งทหารม้า ยานเกราะ และหน่วยกล้าตายก็เข้าจู่โจมทำลายจรวด ผู้ที่มาเหนือเมฆอย่างที่ไม่มีใครในบ้านชนแดนคาดฝันก็คือ พันตำรวจตรีเดี่ยว จำเปาะ ผู้พันพลร่มกล้าตาย ค่ายนเรศวร ซึ่งได้พาบรรดาพลร่มลูก “เสือดำ” ทั้งผองถลาลงมาจากอากาศเข้าต่อสู้ข้าศึกอย่างทรหดดุเดือด และแม้จรวดจะถูกทำลายแล้วก็ตาม แต่งานของทหารเสือหาได้ยุติลงไม่ เขาได้เผชิญหน้ากับดาวร้ายมือปืน 12 ดาวที่ทรยศต่อประเทศชาติ เพื่อสั่งสอนและกำจัดมิให้คนไทยคนใดทรยศต่อประเทศชาติ จ่าดับ จำเปาะ หมัด เชิงมวยผู้กลับใจเพราะรู้ซึ้งในน้ำใจจ่าดับ ตังกวย แซ่ลี้ สิบโทอัคคี เมฆยันต์ พันตรีไกวัล วิทยา สิบโทกล้า ตะลุมพุก พันตรีกฤษณ์ แก้วณรงค์ และพันตรีเดี่ยว จำเปาะ ทั้งหมดพกปืนกันคนละกระบอก เข้าเผชิญหน้ากับ 12 มือปืนนั้นอย่างแลกชีวิต ทั้งหมัด ทั้งมวย ทั้งยิงกันแบบแลกชีวิต จนสามารถหมอบ 12 มือปืนลงไปอย่างลาบคาบ พันตรีเดี่ยว จำเปาะได้อยู่กินกับชะเอม และพี่น้องก็เข้าใจกันในอ้อมกอดของจ่าดับ จำเปาะและเดี่ยว จำเปาะ จ่าดับได้เพื่อนใหม่ที่ขอติดตามจ่าดับไปในทุกหนแห่งแทนพี่ชายเขา นั้นคือหมัด เชิงมวย
โม่งแดง (2501)
โม่งแดง (2501/1958) นิสา กับ ดาริน สองพี่น้องลูกสาวของดนัยและอุษา ซึ่งเป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ต้องพบกับจุดพลิกผันในชีวิตเมื่อ อมาวดี ก้าวเข้ามาเป็นเลขาของ ดนัย อมาวดีเป็นสาวสวยมีเสน่ห์ อมาวดีใช้ความสวยของตัวเองหลอกล่อหว่านเสน่ห์จนดนัยหลงใหล และมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับอมาวดีอย่างลับๆ โดยอมาวดีมีจุดประสงค์ที่จะได้ครอบครองธุรกิจบันเทิงที่มีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์นับพันล้านบาทของดนัย อมาวดีวางแผนฆ่าอุษาก่อนจะเข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของนิสากับดารินอย่างเต็มตัว อมาวดีเริ่มเข้ามามีบทบาทในรายการโทรทัศน์ของดนัย อมาวดีคิดการใหญ่หวังจะฮุบสมบัติทั้งหมดของดนัยด้วยการวางแผนฆ่าให้เหมือนกับเป็นอุบัติเหตุรถตกเหว ดนัยพยายามช่วยนิสาและดารินจนออกมาจากรถได้สำเร็จ แต่ตัวเองต้องตาย ด้านนิสากับดารินที่รอดชีวิตพากันหนีและได้พบกับ ยามาดะ เจ้าพ่อยากูซ่าแก็งค์มังกรแดงที่กำลังถูกตามล่าจากแก็งค์ยากูซ่าพยัคฆ์ดำ นิสาช่วยยามาดะหลบหนี ทำให้ยามาดะประทับใจในความฉลาดมีไหวพริบและความกล้าของนิสา ยามาดะจึงตัดสินใจอุปถัมภ์นิสากับดารินและพานิสากับดารินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ญี่ปุ่น นิสาผู้ซึ่งในใจคุกรุ่นไปด้วยความแค้นในสิ่งที่อมาวดีทำกับครอบครัวของตน ได้ขอร้องให้ยามาดะฝึกสอนศิลปะวิชาต่อสู้ให้อย่างลับๆ โดยไม่ให้ล่วงรู้ไปถึงดาริน นอกจากนี้นิสายังขอร้องให้ยามาดะปกปิดเรื่องแก็งค์ยากูซ่าและดูแลดารินอย่างเด็กปกติทั่วไป สิบกว่าปีผ่านไป ดาริน เติบโตเป็นหญิงสาวร่าเริงแจ่มใส แก่นแก้ว ช่างพูดช่างเจรจา ลืมเรื่องอดีตไปจนหมด ในขณะที่นิสาเป็นสาวสวยที่สุขุมเยือกเย็น แต่อีกด้านหนึ่งที่
ไกรทอง (2501)
ไกรทอง (2501/1958) ไกรทอง เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย กองสวัสดิการกรมตำรวจ กำกับการแสดงโดย อ. อรรถจินดา (พ.ต.ท. อรรถ อรรถจินดา) และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิทานพื้นบ้านของไทย โดยเนื้อเรื่องภาพยนตร์เรื่องนี้จะเหมือนกับในหนังสือนิทาน
ชาติเสือ (2501)
ชาติเสือ (2501/1958) สู้เมื่อรู้ตัวว่าจะตาย ตายเสียดีกว่าที่จะรู้จักคำว่าแพ้ นี่คือไวย ศักดา ผู้เกิดมาไม่กลัวใคร
ยอดอนงค์ (2501)
ยอดอนงค์ (2501/1958) ยอดอนงค์ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย รัตนาภาพยนตร์ โดยมี พรรณี อินทรกำแหง เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ประกาศิต และให้เสียงพากย์โดย เสน่ห์ โกมารชุน - จุรี โอศิริ
ขบวนเสรีจีน (2501)

ขบวนเสรีจีน (2501/1958) สุเทพ-มิสคูมี่ ข้อความบนใบปิด คันจราภาพยนตร์ ภูมิใจที่ได้เสนอภาพยนตร์พูดไทย มาตรฐาน 35 ม.ม. ประวัติศาสตร์จีนต้องจารึกไว้ ด้วยเลือดและน้ำตา เมื่อญี่ปุ่นบุกเซี่ยงไฮ้ ขบวนนักศึกษาจับกลุ่มวางแผนใต้ดิน เพื่อปลดแอก... ขบวนเสรีจีน จากบทประพันธ์ของ สด กูรมะโรหิต ภาพยนตร์ชีวิตรัก รบดุเดือดจากเรื่อง ซึ่งเกิดขึ้น เมื่อค.ศ.1937 รวมดารานักร้องและนักแสดงมากมาย มิสคูมี่, สุเทพ วงศ์กำแหง, ประจวบ ฤกษ์ยามดี, สวลี ผกาพันธุ์, ชาลี อินทรวิจิตร, ศรินทิพย์ ศิริวรรณ, จรูญ สินธุเศรษฐ์, อดิศักดิ์ เศวตนันท์, อดิเรก จันทร์เรือง, ม.ร.ว.ประสิทธิศักดิ์ สิงหรา, ชาญ เย็นแข, ไกร ภูติโยธิน, วิเชียร ภู่โชติ, สมบูรณ์ มหาพิชยะกุล มิสคูมี่ พูดไทยตลอดเรื่อง เทวะมิตร์ อำนวยการสร้าง ลัดดา สารตายน กำกับการแสดง ประสาท สุขุม ถ่ายภาพ กำหนดฉายที่ โรงหนังคาเธ่ย์ 6 มิถุนายน 2501 เป็นต้นไป (ที่มา :Thai Movie Posters)

Placeholder
ทรชนทรนง (2501/1958) ทรชนทรนง เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501
คู่ชีวิต (2501)
คู่ชีวิต (2501/1958) คู่ชีวิต เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 เป็นผลงานการกำกับของ วิจิตร คุณาวุฒิ อำนวยการสร้างโดย กลาง สัมมาพันธ์ และถ่ายภาพโดย ไพรัช สังวริบุตร
ยอดชาย (2501)
ยอดชาย (2501/1958) ยอดชาย เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย ลูกไทยภาพยนตร์ เป็นผลงานการกำกับของครูเนรมิต, ส.อาสนจินดา, ฑัต เอกทัต และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา
แววมยุรา (2501)
แววมยุรา (2501/1958) แววมยุรา ตัดสินใจลาออกเพราะถูกหัวหน้าตามตื๊อขอแต่งงาน วันหนึ่ง แววบังเอิญได้พบ จักร กังวาลไกล ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ตกหลุมรักและคอยตามจีบเธอ ทั้งสองจึงคบหาดูใจกันเรื่อยมา กระทั่งแววได้งานใหม่ที่เธอจะได้เงินเดือนและไม่ต้องไปทำงาน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามทำงานที่อื่นและห้ามแต่งงาน เธอจึงพยายามตามหาตัว คุณสยุมภูว์ ทศพลเจ้านายปริศนาคนนี้
อำนาจกับอำนาจ (2501)
อำนาจกับอำนาจ (2501/1958) อำนาจกับอำนาจ เป็นภาพยนตร์สีธรรมชาติ 16 มม. ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย ศรีบูรพาภาพยนตร์ โดยมี พุฒ ภักดีวิจิตร เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย สดศรี บูรพารมย์ ถ่ายภาพ-ลำดับภาพโดย ฉลอง ภักดีวิจิตร และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา - นิทรา - สายัณห์
ม่วยในฝัน (2501)
ม่วยในฝัน (2501/1958) เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ กิมเอง (ยวงพร พวงประดิษฐ์) กลับจากโรงเรียน ผ่านมาทางถนนสายเปลี่ยว ได้ถูกอันธพาลกลุ่มหนึ่งกลุ้มรุมทำร้าย เป็นขณะเดียวกับที่ นรชัย (ชนะ ศรีอุบล) มาตักปลาเค็มอยู่ในแถวนั้นได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากผู้หญิง ก็พาพวกของตัวเข้าขัดขวางอันธพาลกลุ่มนั้นไว้ได้ และก็พากิมเองไปส่งที่บ้าน เมื่อกิมเองพบกับเตี่ย (ทองฮะ วงษ์รักไทย) ในบ้านซึ่งเตี่ยเห็นสาระรูปของหอมเองเปรอะเปื้อนจึงซักไซร้ ไล่เลียงกิมเอง กิมเองจึงเล่าให้เตี่ยฟังในเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมด และเลยเล่าให้ฟังถึงเรื่อง นรชัยได้ช่วยเหลือไว้ด้วย จากนั้นเตี่ยก็ขอให้กิมเอง อุตส่าห์เล่าเรียนให้จบเร็วๆ จะจัดการแต่งงานกับกิมย้ง (ไฉน วิทยากล) ต่อมานรชัยและกิมเอง ก็เกิดความสนิทสนมกันขึ้นและคอยไปรับไปส่งเที่ยวเตร่ กันเสมอจนถึงวันโรงเรียนปิดเทอม กิมเองก็บอกกับนรชัยว่าอาจไม่มีโอกาสได้พบกันอีก หลายวันต่อมานรชัยก็มีโอกาสพบกิมเองอีกที่ร้านขายทอง แห่งหนึ่งจึงนัดแนะกันว่าจะพบกันใหม่เพราะวันนี้เตี่ยมาด้วย ถึงวันนัดกิมเองก็มาคอยพบนรชัย แต่ย้งขับรถมาก็เลยพากิมเองไป เมื่อพาไปหลายต่อหลายแห่งตามความประสงค์แล้วย้งก็พากิมเองมาส่งบ้านตามเดิมเป็นเหตุให้ กิมเองต้องรีบไปขอโทษนรชัยจนถึงที่บ้าน ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง ย้งกับพวกได้ปรึกษาหารือกัน ต้องการหาเงินก้อนหนึ่งเพื่อเอาไปซื้อของเถื่อนมาขายทั้งย้งเองก็หมดปัญญาไม่รู้จะไปเอาได้ที่ไหน ในที่สุดจึงลงความเห็นว่าจะไปเอาที่เสี่ยกิมเตี่ยของกิมเองนั่นเองการปรึกษาหารือของย้ง กับพวกเป็นเหตุให้ เซ้ง (พูลสวัสดิ์ ธีมากร) เพื่อนของนรชัยได้แอบได้ยินเข้า ในคืนนั้นเองย้งก็มาหาเสี่ยกิมขอร้องเรื่องเงินเมื่อย้งพูดเกลี้ยกล่อมอยู่พักใหญ่ เสี่ยกิมก็ตกลงมอบเงินให้ยิงไปเมื่อย้งออกไปแล้ว นรชัยก็พาพวกของเขามายังบ้านของเสี่ยกิม พบกับกิมเองเข้า กิมเองก็เล่าเรื่องให้ฟัง นรชัยกับพวกก็แยกย้ายกันกลับไป ทางกิมเองก็นำเรื่องราวที่ทราบจากเซ้งเล่าให้เตี่ยฟังว่าถูกต้มเสียแล้ว นรชัยมาถึงบ้าน ที่ย้งกับพวกนัดหมายขนของเถื่อนกัน พอดีกับย้งและพวกก็เตรียมขนของเถื่อนกันพอดี นรชัยเห็นท่าจะไม่ทันการ เพราะพรรคพวกและตำรวจที่นัดหมายไวิก็ยังมาไม่ถึง จึงตัดสินใจออกจากที่ซ่อนทำการขัดขวางไว้จนเกิดการต่อสู้กันขึ้นในที่สุด นรชัยก็ถูกลูกน้องของย้งตีด้วยไม้ที่ศีรษะสลบลง ย้งจะยิงซ้ำแต่ถูกห้ามไว้ ในที่สุดรถขนของเถื่อนก็เคลื่อนเข้ามา ยังร่างของนรชัย นรชัยจะรอดจากความตายหรือไม่
เหยี่ยวราตรี (2501)
เหยี่ยวราตรี (ตอนหน้ากากผี) (2501/1958) แมน ดำเกิงเดช คุณพ่อของเขามีศักดิ์เป็นพระยาครอบครองทรัพย์สมบัติมากมาย แมนเป็นลูกชายคนเดียวได้รับมอบหมายให้สืบทอดกิจการทั้งหมด เขาถูกคุณพ่อส่งไปเรียนที่ยุโรปตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ชะตาชีวิตผลิกผัน แมนประสบอุบัติเหตุตกจากม้าจนหลังหักและสมองได้รับความกระทบกระเทือน จากชายหนุ่มรูปงามกลายเป็นชายปัญญาอ่อน หลังพิการ ขาเป๋ คุณพ่อของเขาพยายามหาหมอมือดีมารักษาแต่ก็ไม่ดีขึ้น จนได้ข่าวว่ามีหมอผู้เชี่ยวชาญในประเทศทิเบตจึงส่งแมนไปรักษา แต่แมนกลับหายสาบสูญในทิเบตจนทุกคนเข้าใจว่าเขาเสียชีวิตแล้ว คุณพ่อของแมนป่วยเพราะตรอมใจจนเสียชีวิต แต่หลังจากนั้นอีกสามปีโดยไม่มีใครคาดคิด แมนกลับมาเมืองไทยเพื่อจัดการมรดก แต่เขาก็ยังคงเป็นชายอัปลักษณ์หลังโกง ขาเป๋ นิสัยคุ้มดีคุ้มร้ายจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แม้แต่คู่หมั้นสาวสวยที่เฝ้ารอการกลับมาของเขายังขอถอนหมั้น แมนขายกิจการทั้งหมดของพ่อเหลือไว้แต่คฤหาสน์ส่วนตัวและเงินสดจำนวนมากในธนาคาร ทุกวันชาวบ้านแถวนั้นจะ ได้ยินเสียงเปียโนกับเสียงหัวเราะอันวิกลจริตของแมนดังก้องออกจากคฤหาสน์ที่ ทรุดโทรมเหมือนบ้านผีสิงเข้าไปทุกวันยามกลางวันเขาคือคนบ้าในสายตาผู้คน แต่ในยามราตรีเขาคือยมทูตของเหล่าคนชั่ว ที่แท้แมนได้รักษาตัวเองจนหายดีแล้ว เขาได้ร่ำเรียนการบำเพ็ญจิตและทักษะการต่อสู้จากนักบวชในทิเบต หลังจากสำเร็จวิชาทั้งหมด แมนตัดสินใจยุติชีวิตลูกพระยาที่แสนสบาย เที่ยวเล่น เจ้าชู้จีบผู้หญิงไปวัน ๆ ตั้งอุดมการณ์ใหม่ออกปราบอธรรมเพื่อช่วยเหลือชาวโลกผู้อ่อนแอกว่าในนามวีรบุรุษผู้สวมหน้ากาก สีดำ ‘เหยี่ยวราตรี’
กตัญญูปกาสิต (2501)
กตัญญูปกาสิต (2501/1958) กตัญญูปกาสิต เป็นภาพยนตร์สี 35 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างจากบทประพันธ์ของ ส.อาสนจินดา กำกับการแสดงโดยครูเนรมิต (อำนวย กลัสนิมิ) ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในปี พ.ศ. 2526
อกสามศอก (2501)
อกสามศอก (2501/1958) อกสามศอก เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 เป็นผลงานการกำกับของครูรังสี ทัศนพยัคฆ์ สร้างโดย กมลศิลป์ภาพยนตร์ โดยมี น้อย กมลวาทิน เป็นผู้อำนวยการสร้าง ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ อรวรรณ (เลียว ศรีเสวก)
สามสิงห์ (2501)
สามสิงห์ (2501/1958) สามสิงห์ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย วิษณุภาพยนตร์ โดยมี มนัส มณีเปรม เป็นผู้อำนวยการสร้าง อำนวยการแสดงโดย เสน่ห์ โกมารชุน กำกับการแสดงโดย ไวย์ วิทยา และถ่ายภาพโดย ฉลอง กลิ่นพิกุล - วงศ์ แววงาม