เคหาสน์สีแดง (2499)
เคหาสน์สีแดง (2499/1956) เพราะถูกอ้ายคนชั่วพรากความบริสุทธิ์ไปเมื่อหลายปีก่อน อัมภา จึงตั้งท้องกับ ชิต ด้วยความไม่ตั้งใจอัมภาคลอดลูกเป็นบุตรชายและทิ้งให้ชิตดูแล ส่วนตัวเองหนีไปมีครอบครัวใหม่และให้กำเนิด อารยา ชีวิตที่ดูจะราบรื่นกลับมลายลงอีกครั้งเมื่อพ่อของอารยาเสียชีวิต โชคดีที่ พลตรีพระยาพลแสน รับอุปการะอัมภาและลูกให้มาอยู่ที่เคหาศน์รุจิโรจน์ หรือที่คนรู้จักในนาม เคหาสน์สีแดง การปรากฏตัวของสองแม่ลูกสร้างความไม่พอใจแก่ รุจ รุจิโรจน์ ลูกชายของพระยาพลแสนเป็นอันมาก เพราะกลัวจะโดนแย่งความรักไปจากพ่อ พระยาพลแสนเข้าใจเรื่องนี้ดีจึงส่งรุจไปเรียนหมอที่อังกฤษ ไม่นานพระยาพลแสนก็ถึงแก่กรรมโดยทำพินัยกรรมมอบมรดกทั้งหมดแก่รุจ ส่วนอารยาให้รับรายได้จากกองมรดกเดือนละพันบาทตราบใดที่ยังอาศัยที่เคหาสน์สีแดง 8 ปีผ่านไป รุจเรียนจบจากอังกฤษ แต่ไม่ยอมกลับมาอยู่ที่เคหาสน์สีแดง เพราะยังรังเกียจอัมภา จนกระทั่งอัมภาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของชิต รุจจึงกลับมาอยู่ที่เคหาสน์สีแดง อารยาในวัย 17 กลายเป็นสาวงามทำให้รุจจิตใจหวั่นไหวแต่ต่อหน้ากลับแสดงท่าทีหมางเมินกลบเกลื่อนความในใจ วันหนึ่งรุจบังเอิญได้รักษา ชาญ ลูกชายของอัมภาที่เกิดกับชิต จึงได้รู้เรื่องราวในอดีตก็คลายทิฐิลง อารยาไม่สบายใจที่จะอาศัยในเคหาสน์สีแดงจึงไปปรึกษา ชาลี ลูกชายคุณนายพนาเวศเพื่อนบ้าน ชาลีแนะนำให้อารยาไปอยู่ที่ไร่รวงผึ้ง ของ ภาคินัย ซึ่งกำลังต้องการคนมาดูแล ภาคินี น้องสาวซึ่งพิการ รุ่งเช้า เมื่อรุจรู้ว่าอารยาหนีออกจากบ้านก็รีบชวน ขุนผจญคดี ทนายความประจำตระกูลออกตามหา ภาคินัยตกหลุมรักอารยาตั้งแต่แรกเห็น ทำให้เสาวรสซึ่งหมายปองภาคินัยอยู่หึงหวง หมอรุจถูกตามตัวมาจากกรุงเทพเพื่อรักษาภาคินี เมื่อเจอหน้าอารยาจึงได้โอกาสกล่าวขอโทษและขออารยาแต่งงาน แต่อารยาเล่าว่าภาคินัยก็เพิ่งจะขอเธอแต่งงานเหมือนกัน หมอรุจคิดว่าตัวเองหมดหวังกำลังจะขับรถกลับกรุงเทพ แต่อารยามาขวางไว้เพราะเพิ่งรู้ใจตนเอง
หนีเมีย (2499)
หนีเมีย (2499/1956) คุณพูนทรัพย์ หม้ายสาวฐานะดี ต้องมาแต่งงานกับคนไม่ได้เรื่อง เรียนไม่จบ แถมยังสำมะเลเทเมา เพียงเพราะเกรงใจพี่ชายของสามีในอนาคต ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันมาเป็นเวลานาน หลังจากแต่งงาน คุณพูนทรัพย์หาทางดัดนิสัยสามีโดยให้ไปทำงานเป็นเสมียนซึ่งทำให้เขาไม่ค่อยมีความสุขนัก เพราะไม่ได้ไปเที่ยวเตร่เหมือนแต่ก่อน ในบ้านของคุณพูนทรัพย์มีคนรับใช้อยู่หลายคนหนึ่งในนั้นเป็นสาวใช้รูปงามชื่อว่า ทับทิม สามีของคุณพูนทรัพย์พึงพอใจในตัวทับทิมมาก อยากจะได้มาเชยชมทับทิมเองก็แอบหว่านเสน่ห์ให้เจ้านายเพราะหวังจะรวยทางลัด เขาย่องเข้าห้องทับทิมหลายครั้ง จนวันหนึ่งทับทิมเกิดหายไปจากบ้าน ทิ้งไว้แต่จดหมายซึ่งมีใจความว่า การที่เธอต้องตกเป็นเมียเก็บคุณผู้ชายเจ้าของบ้านนั้นยังพอทน แต่คืนหนึ่งๆมีคนย่องเข้าห้องตั้งหลายคนทั้งคนสวน คนขับรถ ทำให้เธอสุดจะทน ขอลาไปตายเอาดาบหน้าซะยังดีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้คุณพูนทรัพย์โกรธมากไม่ยอมพูดจากับสามี เขาจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพราะไม่กล้าสู้หน้าเมีย สุนัขตัวโปรดของคุณพูนทรัพย์วิ่งตามเขาออกมา แม้จะไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมกลับเข้าไปในบ้าน ในที่สุดเขาจึงจำต้องยอมพามันไปด้วยกัน ระหว่างที่อาศัยอยู่ที่บ้านเพื่อนสนิท สามีของคุณพูนทรัพย์เริ่มรู้สึกสำนึกถึงความเหลวแหลกของตนเอง และระลึกได้ว่าคุณพูนทรัพย์นี่เองที่เป็นคนทำให้เขาเริ่มรู้สึกเป็นคนมีค่าขึ้นมาบ้าง 3 วันผ่านไป คุณพูนทรัพย์ก็มาปรากฏตัวที่บ้านเพื่อนสนิทของสามี เพื่อรับสุนัขกลับบ้านโดยไม่ชายตาแลสามีแม้แต่น้อย เขาพยายามง้องอนคุณพูนทรัพย์อย่างสุดกำลัง จนในที่สุดคุณพูนทรัพย์ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ หลังจากนั้น เขาก็ขยันขันแข็งเอาการเอาเงิน ไม่ยอมกลับไปเป็นคนไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมอีกต่อไป
จันทร์เจ้าขา (2499)

จันทร์เจ้าขา (2499/1956) ความรักระหว่าง เจียม แจ่มจันทร์ สาวใสซื่อบริสุทธิ์ กับ ร.ต. จิตต์ พีระกุล นายทหารหนุ่ม ถูกกีดกันจาก นางมงคล ป้าของเจียม ที่ต้องการให้เจียมได้แต่งงานกับ หลวงสัทธนะสิทธิ์ นักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงเจียมจึงหนีออกจากบ้าน กระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากจิตต์ให้มาอยู่ด้วยกัน แต่ทว่าจิตต์ดันมีสาวๆ มาเกาะแกะและมิวายที่บรรดาสาวเหล่านั้นจะคอยหาทางกลั่นแกล้งเจียมต่างๆ นานา เธอจึงต้องระหกระเหินออกจากบ้านจิตต์ไป ดีที่หลวงสัทธนะสิทธิ์มาเห็นเข้าจึงขอรับเธอไปอุปการะด้วยความรักและห่วงใยดุจลูกหลาน จนเจียมยอมแต่งงานด้วย ครั้นเรื่องรู้ไปถึงจิตต์ เขาจึงกลับมาพิสูจน์รักแท้ต่อหน้าเจียม และตัดพ้อเรื่องที่เจียมเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับชายอื่น หลวงสัทธนะสิทธิ์ได้ยินดังนั้นจึงออกมาเปิดเผยว่า การแต่งงานจัดขึ้นมาเพื่อให้เจียมได้พิสูจน์ใจจิตต์ว่าเขารักเธอจริงหรือไม่ เมื่อรู้ดังนั้นจิตต์และเจียมจึงได้ครองรักกันสมปรารถนา

เทพธิดาฮ่อ (2499)
เทพธิดาฮ่อ (2499/1956) 19 ปีก่อน น้อย ต้องสูญเสียพ่อแม่ในคราวเดียวกัน เพราะถูก บุญตา และ คำปัน โจรป่าดักปล้นระหว่างเดินทางไปเชียงใหม่ เคราะห์ดีที่ เลากวางสือ หัวหน้าชาวฮ่อมาช่วยไว้และเก็บน้อยไปเลี้ยงดู กว่า โห้ คนสนิทของ ขุนประจญศัตรูพ่าย พ่อของน้อย จะรู้สึกตัวชาวฮ่อก็เอาตัวน้อยไปเสียแล้ว ขุนประจญศัตรูพ่ายสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้โห้ออกตามหาน้อยและช่วยดูแล ใหญ่ ลูกชายคนโต เลากวางสือตั้งชื่อให้น้อยใหม่ว่า เลากวางรุ่ง จนกระทั่งเลากวางรุ่งโตเป็นหนุ่มก็ได้รับความไว้วางใจจากเลากวางสือให้ช่วยดูแลงานแทน วันหนึ่ง เลากวางสือให้เลากวางรุ่งเข้าไปในเมืองเชียงใหม่เพื่อดูลาดเลาก่อนทำการซื้อขายฝิ่นเถื่อนกับบุญตาและคำปัน ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นพ่อเลี้ยงทรงอิทธิพลที่สุดในจังหวัด ก่อนออกเดินทาง ฮ่องฟ้า ลูกสาวคนเดียวของเลากวางสือมาระบายความรู้สึกที่มีต่อเลากวางรุ่ง แม้จะสำนึกในบุญคุณของเลากวางสือและรู้ดีว่าก้องฟู่ แอบรักฮ่องฟ้ามานานแล้ว แต่เลากวางรุ่งก็ไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองได้ อีกฟากหนึ่ง พ่อเลี้ยงบุญตากำลังเตรียมการต้อนรับผู้กำกับตำรวจคนใหม่ คือ พ.ต.ท. เผชิญ เทพยากร และจ่าโห้ ญาติสนิท โดยการนำของ ร.ต.ท. เติมชัย วรพงษ์ พ่อเลี้ยงบุญตาตั้งใจจะโน้มน้าวให้ พ.ต.ท. เผชิญ มาเป็นพรรคพวกของตน แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายตกใจเมื่อได้เห็นหน้า พ.ต.ท.เผชิญ เพราะ พ.ต.ท. เผชิญ คืออดีตคนขับรถของตนนั่นเอง พ่อเลี้ยงบุญตาซ่อนความกลัวไว้ในใจเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมพ.ต.ท. เผชิญ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ค่ำวันหนึ่ง จ่าโห้ลอบเข้ามาสืบหาหลักฐานที่เฝ้าติดตามมาสิบกว่าปี เขามั่นใจว่าบุญตาและคำปันคือสองโจรที่ฆ่าเจ้านายของตน เลากวางรุ่งซึ่งมาหาบุญตาตามเวลานัดหมาย ได้พบจ่าโห้โดยบังเอิญ คืนวันแห่งความแค้นจึงหมุนย้อนมาเตือนทั้งสองอีกครั้ง เมื่อถึงวันนัดซื้อขายฝิ่น ก้องฟู่เดินทางมาที่บ้านบุญตาพร้อมแผนการฮุบเงินค่าฝิ่น ส่วน พ.ต.ท. เผชิญ ซุ่มวางกำลังจับกุมพ่อเลี้ยงบุญตา ร.ต.ท. เติมชัย เห็นท่าไม่ดีจึงหาทางเอาตัวรอด สารภาพว่าตนเป็นสายให้พ่อเลี้ยงบุญตายังไม่ทันขาดคำ ร.ต.ท. เติมชัย ก็ถูกสมุนของพ่อเลี้ยงฆ่าปิดปาก ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร พ่อเลี้ยงบุญตาเองก็หวังจะโกงค่าฝิ่น ทั้งสองฝ่ายจึงเกิดการปะทะกัน คำปันถูกก้องฟู่ยิงเสียชีวิตและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เลากวางรุ่งสบโอกาสยิงบุญตาเพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่ เมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย พ.ต.ท. เผชิญ ขอให้น้องชายกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่เลากวางรุ่งปฏิเสธเพราะเป็นห่วงเลากวางสือ เลากวางรุ่งรีบกลับไปที่แม่เสลี่ยงซึ่งบัดนี้ตกอยู่ในกองเพลิงด้วยน้ำมือของก้องฟู่ ชาวฮ่อหลายคนต้องเสียชีวิตลงรวมทั้งเลากวางสือ ก้องฟู่จับตัวฮ่องฟ้าพาไปยังดอยอีกลูกหนึ่ง เลากวางสือแอบสะกดรอยตามก้องฟู่เพื่อไปช่วยชีวิตฮ่องฟ้า
รักคุณเข้าแล้ว (2499)
รักคุณเข้าแล้ว (2499/1956) โทรเลขฉบับหนึ่งทำให้ วิเชียร มานะดีถูก ปราณีต เมียรักเพ็งเล็งอีกครั้ง เพราะเคยเป็นคนเจ้าชู้มาก่อน แต่แท้จริงแล้วผู้ที่ส่งโทรเลขมาคือ วัชรี มานะดี หลานสาวซึ่งกำลังจะมากรุงเทพ เมื่อถึงวันที่ 12 วิเชียรไปรับวัชรีที่สถานีรถไฟตามนัดหมาย แต่ก็หาได้เล็ดลอดสายตาของปราณีตไม่ เพราะนางได้แอบสะกดรอยตามผัวอย่างไม่คลาดสายตา วิเชียรไหวตัวทันถีบสามล้อหนีการจับกุมของผู้ที่เป็นเมีย อะไรๆ ก็ดูท่าจะไม่ราบรื่นไปซะหมด เมื่อวิเชียรพาวัชรีมายังหอพักที่ตนแอบเล็งไว้ ผู้ดูแลซึ่งหูหนวกและเจ้าระเบียบก็ดันเข้าใจผิดคิดว่านายวิเชียรเป็นพวกมารสังคม กว่าจะอธิบายจนเข้าใจก็เล่นเอาเหนื่อยหอบพอหาหอพักให้หลานสาวได้สำเร็จกลับเจอปราณีตยืนจังก้าอยู่หน้าหอ วิเชียรจึงหาทางออกด้วยการแกล้งเป็นลม ค่ำวันนั้น วัชรีต้องใจหายใจคว่ำเพราะเสียงโหวกเหวกของขี้เมาข้างห้อง ทราบชื่อว่าคือ สมศักดิ์ หนุ่มนักหนังสือพิมพ์ของสารเสรี ซึ่งกำลังดีอกดีใจที่ กานดาธิดาสาวของเจ้าคุณโหราธิบดีจะแต่งงานด้วย แต่แล้ววันต่อมา นายสมศักดิ์ก็ส่งเสียงดังโวยวายอีกในเวลาเดิม แต่คราวนี้เป็นเพราะถูกกานดายกเลิกการแต่งงาน จนแล้วจนรอด วัชรีก็ไม่เคยพบหน้าเจ้าขี้เมาข้างห้อง เพราะเวลางานที่แตกต่างกัน กระทั่งวันหนึ่ง วัชรีได้พบสมศักดิ์ที่ป้ายรถเมล์ในยามเช้า ชายหนุ่มตกหลุมรักวัชรีตั้งแต่แรกเห็น และพยายามหาทางทำความรู้จักแต่ก็ต้องคลาดกันทุกที ทนง หัวหน้าโรงงานน้ำอัดลมซึ่งวัชรีทำงานอยู่เป็นผู้มีนิสัยเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น เล็งวัชรีเป็นเป้าหมายต่อไป แต่วัชรีไม่คล้อยตาม มิหนำซ้ำยังเอาเรื่องไปฟ้องผู้จัดการจนทนงถูกไล่ออก ทนงผูกใจเจ็บ จ้างนักเลงมาดักทำร้ายวัชรี แต่สมศักดิ์มาช่วยไว้ทัน วัชรีทราบว่าหนุ่มนักหนังสือพิมพ์ที่ช่วยเธอไว้ก็คือขี้เมาข้างห้อง จึงหาโอกาสตอบแทนด้วยการแอบเข้าไปทำความสะอาดห้องให้ หนุ่มสาวข้างห้องเริ่มโคจรมาพบกันด้วยดี ถ้าหากไม่เข้าใจผิดกันเสียก่อน เพราะในขณะนั้น ปราณีตกำลังมาขอคำปรึกษาจาก สมศักดิ์ หลานชาย ส่วนวิเชียรฉวยโอกาสที่เมียไม่อยู่แวะมาเยี่ยมหลานสาว ความโกลาหลจึงเกิดขึ้น
เศรษฐีอนาถา (2499)

เรื่องย่อ : เศรษฐีอนาถา (2499/1956) เรื่องราวเกิดขึ้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพงวันนี้ นายจอน บางคอแหลม (เจิม ปั้นอำไพ) ก็เมาหัวราน้ำสร้างความอิดหนาระอาใจต่อเพื่อนเจ้าหน้าที่รถไฟเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้ เขาโชคดีได้มาเจอกับ ประพนธ์ ธนพิทักษ์ (เสถียร ธรรมเจริญ) หนุ่มมหาเศรษฐีที่เพิ่งอกหักจาก กันทิมา (ระเบียบ อาชนะโยธิน) ช่างตัดเสื้อสาว จึงมานั่งดื่มเหล้าคลายเครียดบนรถไฟและนึกสนุกมอบเงินให้นายจอนสิบล้านบาท หลังจากที่คุยกันถูกคอเรื่องความรวยความจน โดยมีข้อแม้ว่านายจอนจะต้องใช้เงินคืนเขาให้หมดภายในหนึ่งปีก่อนจะแยกจากกัน

          เรื่องดำเนินไปด้วยความครื้นเครง กระทั่งประพนธ์รู้ว่านายจอนคือพ่อของกันทิมา จึงพยายามหาทางพิชิตใจเธอ แต่ความก็ดันมาแตก กันทิมาน้อยใจคิดว่าประพนธ์วางแผนเพื่อให้ได้ตัวเธอ นายจอนจึงต้องเข้ามาช่วยประสานรอยร้าวให้ทั้งสองเข้าใจกัน ประพนธ์และกันทิมาจึงได้รักกันสมปรารถนา
กาหลงรัง (2499)
กาหลงรัง (2499/1956) เพราะความใสซื่อบริสุทธิ์ของ บัวงามสาวคนงานในบ้านของ พ่อเลี้ยงพร เศรษฐีเชียงใหม่ทำให้เธอต้องถูก นายกำพล คนสนิทของพ่อเลี้ยงหลอกลวงและพรากพรหมจรรย์ของเธอไปเสียสิ้น ซ้ำนายกำพลยังใช้ความเลวของตนลักลอบเป็นชู้กับ ปราณีต ภรรยาสาวของพ่อเลี้ยงและพาปราณีตหนีไปเสวยสุขกันที่สงขลา เมื่อความรู้ไปถึงพ่อเลี้ยงจึงบอกให้บัวงามไปตามกำพลกลับมาเพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้อง แต่กำพลกลับไม่ยอมทำตามด้วยเห็นว่าบัวงามเป็นเพียงหญิงยากจน ผิดกับปราณีตที่พร้อมจะปรนเปรอเขาด้วยรสรักและเงินทองบัวงามจึงต้องชอกช้ำกลับมา แต่ในระหว่างที่เดินทางกลับบัวงามได้พบกับ ดุสิต และ วณี สองสามีภรรยาผู้แสนดี ซึ่งได้มาเห็นสภาพของบัวงามที่กำลังโศกเศร้าจึงเข้ามาปลอบโยน
สร้อยฟ้าศรีมาลาลุยไฟ (2499/1956) จมื่นไวย์วรนารถ หรือ พลายงามลูกชายของนางวันทองกับขุนแผนรับราชการอยู่กรุงศรีอยุธยา อาศัยอยู่กับ ทองประศรี ซึ่งเป็นย่ากับ พลายชุมพล น้องชาย จมื่นไวย์มีนิสัยถอดแบบมาจากขุนแผนทุกประการ ทั้งความเก่งกล้าและความเจ้าชู้ โดยมีภรรยาสองคนคือ สร้อยฟ้า ลูกสาวเจ้าเมืองเชียงอินทร์ กับ ศรีมาลา ลูกสาวเจ้าเมืองพิจิตร สร้อยฟ้าและศรีมาลามักจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเพราะความหึงหวงกันอยู่เสมอ วันหนึ่งคนสนิทของทั้งสองทะเลาะกัน เจ้านายเลยเข้าไปช่วย เมื่อจมื่นไวย์กลับจากงานจึงถามสาเหตุ แต่สร้อยฟ้ากลับถลาเข้าหาศรีมาลา จมื่นไวย์เหลืออดตบหน้าสร้อยฟ้า เป็นเหตุให้สร้อยฟ้าเจ็บใจหันไปพึ่ง เถรขวาดกับเณรจิ๋ว ทำเสน่ห์ให้จมื่นไวย์และทองประศรีลุ่มหลง หลังจากนั้นศรีมาลาเหมือนตกอยู่ในขุมนรกเพราะถูกสร้อยฟ้าหาเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน พลายชุมพลซึ่งเห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด ทนดูความอยุติธรรมไม่ไหวจึงไปเล่าให้ขุนแผนฟัง สร้อยฟ้าใส่ไฟกล่าวหาว่าศรีมาลามีชู้ ศรีมาลาเสียใจมากจะผูกคอฆ่าตัวตาย แต่ขุนแผนพระพิจิตรและพลายชุมพลมาทันเวลา พระพิจิตรไปกราบทูลพระพันวษาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระพันวษาให้พลายชุมพลและกุมารทองไปจับตัวเถรขวาดกับเณรจิ๋ว ทั้งสองสารภาพและแก้เสน่ห์ให้ พระพันวษาให้สร้อยฟ้าและศรีมาลาพิสูจน์ความจริงด้วยการลุยไฟศรีมาลาผู้บริสุทธิ์สามารถเดินผ่านกองไฟได้แต่สร้อยฟ้าไม่กล้า พระพันวษาจึงตัดสินประหารชีวิตสร้อยฟ้า แต่ศรีมาลาขอร้องให้พระพันวษาเห็นแก่ชีวิตที่กำลังอยู่ในครรภ์ของสร้อยฟ้า พระพันวษาจึงยอมอภัยโทษแต่เนรเทศสร้อยฟ้าออกจากกรุงศรีอยุธยา
สุภาพบุรุษเสือผา (2499)
สุภาพบุรุษเสือผา (2499/1956) เป็นเรื่องของคนดีๆ ต้องกลับกลายเป็นเสือไป เพราะความทารุณโหดร้ายของผู้ทรงอิทธิพล บุคคลที่ขึ้นชื่อว่ามีการศึกษาดี แต่ความเป็นเสือของเขาหาใช่เป็นเสือร้ายใจทมิฬหินชาติที่ไหนไม่ แต่กลับเป็นเสือที่เต็มไปด้วยคุณธรรมมุ่งสังหารแต่คนที่ผิดเท่านั้น จึงได้รับการยกย่องว่าเป็น "สุภาพบุรุษ" (ที่มา: นิตยสารตุ๊กตาทอง ธันวาคม พ.ศ. 2499)
7 มุมเมือง (2499)
7 มุมเมือง (2499/1956) ณ กองปราบสามยอด บนโต๊ะของ ร.ต.อ.ปราโมทย์ สารวัตรใหญ่เต็มไปด้วยแฟ้มประวัติอาชญากรที่กำลังออกอาละวาดอยู่ทุกมุมเมือง คนแรกคือพ่อเลี้ยงผู้มีอิทธิพลทางภาคเหนือประกอบการค้าของผิดกฎหมาย อีกคนคือ สะพรั่ง มือปืนชื่อดังในจังหวัดสุพรรณบุรี จากปากน้ำโพจนถึงตะพานหินไม่มีใครไม่รู้จัก แพรว นักต้มตุ๋น เหยี่ยว ขโมยมือฉมังชื่อดังในปักษ์ใต้ กบินทร์ นักย่องเบาฉายาไอ้ตีนแมวอาละวาดแถบอรัญประเทศ ชล ฆาตรกรซึ่งฆ่าคนมาแล้วทั่วจังหวัดชลบุรี และ เพลิง นักรีดไถประจำจังหวัดเพชรบุรี สารวัตรใหญ่คิดจะใช้ไม้เบาจึงเรียกโจรทั้ง 7 มุมเมืองเข้ากรุงเทพเพื่อตักเตือน แต่กลายเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งเจ็ดจับมือกันปล้นกรุงเทพ โดยที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมได้ วันหนึ่ง ชลพบ เคลือ นอนสลบอยู่กลางถนน จึงนำตัวมาพักฟื้นที่รังโจร เคลือมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากอดอาหารและไม่มีที่อยู่ ทั้งเจ็ดจึงขอให้เธอช่วยดูแลเรื่องอาหารและทำความสะอาดรังโจรแลกกับที่อยู่อาศัย ทั้งเจ็ดเริ่มขัดแย้งกันเพราะต่างหลงใหลในตัวเคลือยกเว้นชลที่คอยสังเกตอยู่เงียบๆ วันหนึ่ง ตำรวจได้เบาะแสว่าทั้งเจ็ดจะปล้นบ้านเศรษฐี จึงส่งกำลังออกไปจับกุมแต่ทั้งเจ็ดก็หนีรอดไปได้ ชลถูกกระสุนบาดเจ็บแต่ได้เคลือช่วยพยาบาล ชลจึงเริ่มรักเคลือ ต่อมาพ่อเลี้ยงวางแผนปล้นโรงภาพยนตร์ โดยตกลงกันว่าจะทำเป็นครั้งสุดท้าย แต่ตำรวจตามติดมาถึงรังโจรจนเกิดการปะทะกันขึ้น กบินทร์กับเพลิงขัดแย้งกันเรื่องส่วนแบ่งจึงฆ่ากันเอง ส่วนที่เหลือถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ยกเว้นชลที่ยอมจำนนรับโทษในคุก
สามรักในปารีส (2499)
สามรักในปารีส (2499/1956) เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นที่กรุงปารีสทวิช พ่อค้าไทยเปิดร้านจำหน่ายสินค้าไทยกับ เชิด น้องชาย การค้าขายประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทวิชได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ มาเดอลีน หญิงสาวชาวฝรั่งเศสโดยนำมาอุปการะในบ้าน ด้วยความสำนึกในการช่วยเหลือของทวิช ทำให้มาเดอลีนเต็มใจที่จะแต่งงานกับทวิชแม้ว่าทั้งสองจะมีอายุต่างกันราวกับพ่อลูก วันหนึ่งทวิช ได้รับจดหมายให้ตามตัว ยุทธนา หลานชายซึ่งเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ การมาของยุทธนาสร้างความตื่นเต้นให้มาเดอลีนเป็นอย่างมากเพราะยุทธนานั้นเป็นคนรักเก่าของเธอที่ได้พลัดพรากจากกันเมื่อเกิดสงคราม มาเดอลีนบอกกับยุทธนาว่าเธอพร้อมที่จะหย่าขาดจากทวิช แต่ยุทธนาไม่ปรารถนาภาวิณี นักเรียนไทยในกรุงปารีส เกิดหลงรักยุทธนาอย่างเงียบๆ ด้วยความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้ยุทธนาพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับภาวิณี
นักสืบพราน ตอน จำเลยไม่พูด (2499)
นักสืบพราน ตอน จำเลยไม่พูด (2499/1956) ขุนวนกิจบำรุง ติดต่อให้ พราน เจนเชิง นักสืบหนุ่มช่วยคลี่คลายคดีฆาตกรรมซึ่ง อรัญญา ลูกสาวของตนตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม วิกรม สามีเศรษฐีอยุธยาเพราะอรัญญาปิดปากเงียบไม่ยอมให้การใดๆ หลังจากถูกจับกุม ทำให้การสืบสวนเป็นไปอย่างยากลำบาก พรานเริ่มงานโดยให้ เกรียง ศักดา สืบความเป็นมาของวิกรม อรัญญา และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่ตลาดหัวรอจ.อยุธยา และให้ พิชิต ผู้ช่วยอีกคนไปขอภาพถ่ายวันเกิดเหตุจากตำรวจ ส่วนตัวเองไปสืบข้อมูลจาก ร.อ. เถกิง พี่ชายของอรัญญา และได้รู้ว่าอรัญญากับวิกรมมีเรื่องระหองระแหงกันเรื่องชู้สาวมาสักระยะ ในวันเกิดเหตุ อรัญญาไปหาวิกรมที่อยุธยาเพราะโมโหที่ถูกถอดชื่อออกจากกรมธรรม์ การสนทนาจบแต่เพียงนี้ เมื่อ ร.อ. วิษณุ เพื่อนของเถกิงเข้ามาขัดจังหวะ ร.ต.อ. ผจญ เจ้าของคดีรู้สึกเสียหน้ามากที่พรานเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดี จึงสั่งให้คนสะกดรอยตาม เกรียงสืบได้ว่าวิกรมแอบเล่นชู้กับ มยุรี ส่งศรี และถูก ประพาศ สามีของตนรีดไถ พรานวางแผนหลอกล่อตำรวจจนสืบข้อมูลจากมยุรีได้สำเร็จ ก่อนที่ ร.ต.อ. ผจญ จะจับมยุรีไปกักขัง คืนนั้น พรานได้รับโทรศัพท์จากชายลึกลับเรียกไปพบตอนตีสอง ที่ถนนสนามม้า พรานโทรศัพท์ไปบอกร.ต.อ. ผจญ แต่ถูกเยาะเย้ยหาว่าโกหก จึงไปที่นัดหมายเพียงคนเดียว เมื่อถึงเวลา เก๋งดำคันหนึ่งห้อมาด้วยความเร็วสูงและกระหน่ำยิงนักสืบพรานจนแน่นิ่ง ร.ต.อ. พจน์ ซึ่งรู้เรื่องในภายหลังรีบนำกำลังตำรวจติดตามและต้อนเก๋งดำจนจนมุมปรากฏว่ามือปืน คือ ร.อ. วิษณุ นั่นเอง ตำรวจรีบไปช่วยชีวิตพราน แต่พบกับหุ่นจำลองที่พรานใช้ตบตาเพื่อจับกุมคนร้าย อรัญญาจึงได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระโดยความช่วยเหลือจากนักสืบพราน
ขุนศึกน่านเจ้า (2499)
ขุนศึกน่านเจ้า (2499/1956) ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ สมัยจักรพรรดิ์กุบไลข่านบุกไทย... เรื่องใหญ่ยิ่ง ใช้ผู้แสดงกว่า 2 พันคนและใช้เวลาสร้าง 2 ปี...
สเว็ตเตอร์สีแดง (2499)
สเว็ตเตอร์สีแดง (2499/1956) นเรนทร์ (ส. อาสนจินดา) ชายหนุ่มผู้มีฐานะยากจนแต่มีความมานะพยายามจนสามารถเดินทางมาศึกษาในอเมริกา ด้วยการรับจ้างทำงานเพื่อหาเงินเรียน และมีเงินที่ทางบ้านส่งมาให้เพียงเล็กน้อย ต่างกับหวั่นจิต (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) ซึ่งเป็นลูกของครอบครัวที่มีฐานะดี จึงใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายและไม่สนใจการเรียน นเรนทร์พยายามตักเตือนให้หวั่นจิตสนใจการเรียนทำให้หวั่นจิตรู้สึกไม่พอใจ และพยายามโปรยเสน่ห์เพื่อให้นเรนทร์หลงใหล แม้ในใจนเรนทร์จะนึกรักหวั่นจิตแต่ก็ต้องพยายามหักใจ เพราะต้องการเรียนให้จบเพราะทราบว่าทางบ้านต้องขายที่นาเพื่อส่งเงินมาให้ เหตุการณ์พลิกผันเมื่อบิดาของหวั่นจิตเสียชีวิต ทางบ้านจึงเรียกตัวหวั่นจิตกลับบ้านแต่หวั่นจิตไม่ยอมกลับ ทางครอบครัวจึงงดส่งเงินมาให้ทำให้หวั่นจิตได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงประกาศหาผู้อุปการะ โดยมีนเรนทร์คอยช่วยเป็นกำลังใจ ต่อมามีผู้รับอุปการะมอบทุนการศึกษาให้หวั่นจิต ในนามมิสเตอร์แนโรว์ หวั่นจิตดีใจมากส่งข่าวให้นเรนทร์รับทราบ พร้อมกับมอบสเว๊ตเตอร์สีแดงที่เธอถักด้วยตนเองให้กับชายที่ตนเองรัก แต่นเรนทร์กลับใช้วาจาดูถูกหวั่นจิต ทำให้หวั่นจิตเสียใจมากจึงมุมานะเล่าเรียนอย่างจริงจังจนกระทั่งจบ ในขณะที่นเรนทร์เรียนจบก่อนและได้เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว หวั่นจิตเรียนจบแล้วจะเดินทางกลับจึงไปขอพบมิสเตอร์แนโรว์ เพื่อขอบคุณที่ให้ทุนการศึกษา จึงทราบความจริงว่ามิสเตอร์แนโรว์แท้จริงแล้วคือขจร (สาหัส บุญ-หลง) เพื่อนของนเรนทร์ และเงินทุนการศึกษาที่มอบให้หวั่นจิตนั้นคือเงินของนเรนทร์ที่พยายามทำงานเก็บเงินเพื่อมอบเป็นทุนการศึกษาให้หวั่นจิต หวั่นจิตเดินทางกลับประเทศและออกตามหานเรนทร์ แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อเธอมาพบนเรนทร์ขณะที่กำลังจะสิ้นใจเพราะป่วยหนัก โดยมีสเว๊ตเตอร์สีแดงอยู่ในอ้อมอก
ขุนไพร (2499)
ขุนไพร (2499/1956) เพียงลูกบ้านทำตนเป็นโจร ราษฎรก็เดือดร้อนกันจนนอนไม่หลับ แต่เมื่อผู้ใหญ่บ้านเป็นโจรเสียเอง เรื่องมันก็ถึงแหลกกันเท่านั้น! (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามนิกร ตุลาคม พ.ศ. 2499)
มรสุมสวาท (2499)
มรสุมสวาท (2499/1956) ความรักของหนุ่มไทยกับสาวพม่าที่มรสุมชักพาให้ทั้งสองได้พบกัน นารถ (จงรักษ์ จำรัสโรมรัน) นักข่าวหนังสือพิมพ์กับ สมพงษ์ (สมพงษ์ พงษ์มิตร) ช่างภาพคู่ใจ เดินทางไปทำข่าวการประชุมสภากรรมกรที่อินเดีย แต่ระหว่างการเดินทางเครื่องบินเจอมรสุมขนาดหนักจึงต้องแวะพักที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ทั้งสองจึงชวนกันไปเที่ยวเมืองเป็นการฆ่าเวลา ที่เจดีย์ชเวดากอง นารถกับสมพงษ์ได้พบกับ เมียวดี (ขิ่นเลส่วย) มัคคุเทศก์สาวซึ่งพูดภาษาไทยได้ และอาสาพาชายหนุ่มต่างเมืองเที่ยว นารถแอบเสียดายอยู่ลึกๆ ที่ต้องแยกจากเมียวดี แต่โชคชะตาก็ทำให้ทั้งสองได้พบกันครั้ง เมื่อนารถทำกระเป๋าสตางค์หาย เมียวดีจึงเสนอให้ทั้งสองมาพักที่บ้านระหว่างรอการติดต่อจากบริษัท ความสัมพันธ์ของนารถกับเมียวดีทำท่าว่าจะไปได้ดี ถ้าหากไม่มี มุตอ (ถวัลย์ คีรีวัต) คู่หมั้นของเมียวดีซึ่งไม่พอใจมากที่เห็นนารถมาติดพันเมียวดี จึงรีบมาทวงสัญญาล้างหนี้กับ บาตัน (เขียน คงราศี) พ่อของเมียวดี เร่งรัดการแต่งงานให้เร็วที่สุด หัวใจของเมียวดีซึ่งมอบให้นารถไปหมดแล้ว จึงไม่อาจบังคับใจให้แต่งงานกับชายอื่นได้ ความอัดอั้นในใจของเมียวดีทำให้โรคหัวใจกำเริบ นารถรีบโทรเลขไปขอเงินทางกรุงเทพเพื่อมาช่วยเมียวดี ทั้งสองพยายามใช้เวลาที่เหลือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่แล้ววันหนึ่ง เมียวดีเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากเนินเขา มุตอโมโหสุดขีดเมื่อรู้ว่าเมียวดีได้รับบาดเจ็บ ตรงเข้าไปทำร้ายนารถ จนบาตันต้องห้ามปรามบาตันพยายามเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นารถฟังและขอร้องให้นารถกลับกรุงเทพเพื่อเห็นแก่ครอบครัว นารถยอมทำตามแต่โดยดี แต่เมื่อเมียวดีฟื้นคืนสติและพบว่าคนรักได้จากไปแล้ว ก็เพ้อคลั่งจนหัวใจวายตาย
สามชีวิต (2499)
สามชีวิต (2499/1956) สามชีวิต เป็นภาพยนตร์สีธรรมชาติ 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2499 เป็นผลงานการกำกับและอำนวยการสร้างของ ส.อาสนจินดา
เสน่ห์สาวฮ่องกง (2499)
เสน่ห์สาวฮ่องกง (2499/1956) เรื่องราวความรักของหนุ่มไทยกับสาวฮ่องกง สุชาติ มาเรียนวิชาการค้าที่ฮ่องกง และได้พบกับ ลีนา สาวฮ่องกงซึ่งตรากตรำทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษา หลีม้า ผู้เป็นแม่ที่กำลังไม่สบาย สุชาติเห็นใจลีนาจึงช่วยเงินค่ารักษาพยาบาล วันหนึ่ง โกริ้ว และเลี่ยงก่ำ อันธพาลประจำถิ่นวางแผนฉุดลีนาเพื่อจะไปขายเป็นโสเภณี แต่ หยู และสุชาติช่วยไว้ทัน ทำให้ลีนาซึ้งน้ำใจสุชาติจนก่อเกิดเป็นความรัก ประเสริฐ กับ พรรณี พ่อและแม่ของสุชาติเริ่มสงสัยที่ลูกชายใช้เงินเปลืองผิดปรกติ พอปิดเทอมจึงเรียกตัวสุชาติกลับ สุชาติจึงพาลีนากลับมาด้วยโดยแนะนำว่าเป็นเพื่อนนักเรียน ทำให้ อรอนงค์ หลานของประเสริฐที่แอบรักสุชาติเสียใจ ประเสริฐวางแผนให้สุชาติไปทำธุระที่ต่างจังหวัด ส่วนตัวเองนั้นหาทางปลุกปล้ำลีนา เมื่อลีนาขัดขืนก็เฆี่ยนหลังลีนาอย่างทารุณ พรรณีบังเอิญเห็นลีนาเดินออกจากห้องประเสริฐในสภาพอ่อนแรงก็เข้าใจผิด ด้วยความหึงหวงจึงหยิบมีดตรงไปหวังจะฆ่าลีนาแต่เมื่อเข้าไปในห้อง เห็นหลังของลีนาเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตีจึงเข้าใจในเหตุการณ์ทันที ลีนาสารภาพความจริงกับพรรณีว่าเป็นภรรยาของสุชาติ ประเสริฐมาได้ยินเข้าจึงสำนึกผิด และตั้งใจจะจัดงานแต่งงานให้ทั้งสอง แต่ลีนาผิดหวังกับชีวิตในเมืองไทยจึงหนีกลับไปหาหลีม้าที่ฮ่องกง ทว่าหลีม้าเสียชีวิตแล้ว สุชาติตามลีนามายังหลุมฝังศพของหลีม้าและปรับความเข้าใจกัน
ยอดดรุณี (2499)
ยอดดรุณี (2499/1956) ศักดา กับ พระสรไกร สองเพื่อนรักเดินทางไปพักผ่อนที่หัวหิน ระหว่างทางรถยางแตกแต่ได้แอ๊ว ช่วยไว้ แอ๊วพาไปที่บ้านโดยมี อ่อน มารดาให้การต้อนรับเป็นอย่างดี รุ่งขึ้นศักดาพาแอ๊วไปเที่ยวที่โฮเต็ลหัวหิน คุณหญิงสุดาซึ่งหมายมั่นจะจับศักดาเห็นก็ไม่พอใจ จึงเยาะเย้ยถากถางแอ๊ว ขณะนั้นศักดาได้พบพระยาสราวุธ คนรู้จักพาลูกสาวมาเที่ยวหัวหินเช่นกันแอ๊วมองพระยาสราวุธอยู่กับลูกสาวท่าทางมีความสุขก็เศร้าใจที่ตนไม่มีพ่อ ศักดาเริ่มเข้าหาแอ๊วมากขึ้นสร้างความไม่สบายใจแก่อ่อน เพราะไม่อยากให้ลูกสาวยุ่งเกี่ยวกับคนกรุง ความสัมพันธ์ของทั้งสองรู้ไปถึงหูคุณหญิงสุดา จึงร่วมมือกับอร่ามหาเรื่องใส่ร้ายแอ๊วแต่ไม่มีใครเชื่อ ศักดาทราบจากแอ๊วว่า หลวงอนุศาสตร์ ผู้เป็นตาป่วยเป็นโรคตาต้อจึงยื่นมือเข้าช่วย หลวงอนุศาสตร์เปิดเผยแก่ศักดาว่า ชื่อจริงของอ่อนคือ นงเยาว์ ซึ่งถูกหนุ่มชาวกรุงทิ้งไปตอนตั้งท้อง ผู้ชายที่ทิ้งอ่อนก็คือพระยาสราวุธนั่นเอง เมื่อพระยาสราวุธได้รู้ความจริงจากศักดา จึงรีบไปสารภาพผิดกับนงเยาว์แต่เธอไม่ยอมให้อภัย และขอให้คืนสมบัติแก่แอ๊วผู้เป็นลูก ศักดากับพระสรไกรพยายามช่วยประสานรอยร้าว โดยพาแอ๊วไปหาพระยาสราวุธบ่อยๆ ส่วนพระสรไกรพยายามเป็นแม่สื่อระหว่างแอ๊วกับศักดา หลวงอนุศาสตร์เตือนสติอ่อนให้เห็นแก่ความสุขของลูก แอ๊วกับศักดาจึงสมหวังในความรัก ส่วนพระยาสราวุธก็ต้องผิดหวังเพราะความใจแข็งของนงเยาว์
สุดทางรัก (2499)
สุดทางรัก (2499/1956) บ้านเศรษฐีจำนง ในบางกอก มีการเปิดพินัยกรรมของเศรษฐีจำนงโดยมีทนายเจริญ (ผาสุก คงสถิต) เป็นคนอ่านพินัยกรรม ใจความว่า เศรษฐีจำนงได้มอบมรดกส่วนหนึ่งให้กับน้อมจิตต์ (ดรุณี สุขสาคร) ลูกสาวของตากล่ำ (ทองต่อ จาตุรงคกุล) ชาวนาแห่งตำบลบางแพ ราชบุรี ซึ่งเศรษฐีจำนงเพิ่งจะรู้จัก แต่ชอบอัธยาศัยไมตรี ส่วนพร (ศิริพงษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) ชายหนุ่มบ้านเดียวกันที่แอบรักน้อมจิตต์อยู่ ก็เห็นว่า น้อมจิตต์อาจจะต้องลำบากใจ หากมาใช้ชีวิตอยู่ในบางกอก แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านอะไรประกอบกับตัวพรเองจะต้องไปเป็นรบที่เกาหลีด้วย จึงได้แต่บอกว่า หากเสร็จสงครามเกาหลีเมื่อใดจะแวะมาเยี่ยมน้อมจิตต์ ในการที่น้อมจิตต์ได้รับมรดกครั้งนี้ ทำให้ประภัทร (เมืองเริง ปัทมินทร์) ซึ่งรักใคร่ชอบพอกับไฉไล (นาฏยา รัมภเวช) ลูกสาวของเฉิดโฉม (กำจาย รัตนดิลก) น้องเมียเศรษฐีจำนงนั้นไม่พอใจเพราะสูญเสียมรดกส่วนหนึ่งไป จึงพยายามเกลี้ยกล่อมน้อมจิตต์ให้สละสิทธิ์ในมรดก แต่เมื่อน้อมจิตต์ก็ไม่ยอม ทั้งสามคนจึงวางแผนให้พจน์ (พรชัย เปรมประสิทธิ์) ลูกชายเฉิดโฉมแต่งงานกับน้อมจิตต์เพื่อที่จะหาทางหุบมรดกในภายหลัง น้อมจิตต์แต่งงานกับพจน์โดยที่จำเนียร (ทานฑัต วิภาตะโยธิน) ลูกชายคนเดียวของเศรษฐีจำนงซึ่งป่วยเป็นโรคประสาทแสดงความยินดีด้วย ต่อมาเมื่อพรกลับจากสงครามเกาหลีรู้ว่า หญิงที่ตัวเองรักได้แต่งงานกับชายอื่นไปแล้ว จึงกลับไปบางแพเพื่อช่วยดูแลแม่ของน้อมจิตต์แทน ส่วนน้อมจิตต์ก็มีลูกชายกับพจน์หนึ่งคน ต่อมาพรส่งจดหมายมาบอกน้อมจิตต์ว่า แม่ป่วยหนัก น้อมจิตต์จึงกลับบางแพเพื่อไปเยี่ยมแม่ ระหว่างนั้น เฉิดโฉมไฉไลและประภัทร ก็จัดฉากให้มีงานเลี้ยงขึ้นในบ้าน ไฉไลแอบวางยาให้พจน์ดื่มและให้เพื่อนสาวเข้าไปนอนกับพจน์ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่น้อมจิตต์กลับจากบางแพมาเห็นพอดี น้อมจิตต์เสียใจมากที่พจน์นอกใจ จึงขอหย่าและกลับไปอยู่บางแพ พจน์รู้ความจริงภายหลังว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้นเกิดจากการรวมหัวของเฉิดโฉม ไฉไลและประภัทร จึงอุ้มลูกชายไปตามหาน้อมจิตต์ที่บางแพ ต่อมาจำเนียรเกิดคุ้มคลั่งจุดไฟเผาบ้านตัวเอง ทำให้ทุกคนเสียชีวิต พจน์เดินทางไปถึงบางแพก็พบว่า น้อมจิตต์กำลังจะแต่งงานใหม่กับพร ก็ไม่อยากจะขัดขวาง จะหลีกทางให้ แต่เมื่อถึงวันแต่งงาน พรก็ได้หายตัวไป คงมีแต่จดหมายเขียนทิ้งไว้ว่า ขอเป็นฝ่ายเสียสละเพราะอยากให้น้อมจิตต์มีความสุขกับครอบครัวเดิมต่อไป
ยิงทิ้ง (2499)
ยิงทิ้ง (2499/1956) รุ่งสางวันหนึ่ง ตำรวจได้รับรายงานว่าคนขับรถบรรทุกพบศพสภาพสยดสยองของชายนิรนาม ถูกยิงทิ้งข้างถนน ทราบภายหลังว่าเป็นศพของ นายวิง หนึ่งในแก๊งโจรปล้นบริษัทประกันภัย ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะถูกฆ่าปิดปากเพราะขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ และรีบนำกำลังไปจับ พัฒ แสงทอง และ จวบ เพียรฉลาด เพื่อนร่วมแก๊งของ วิง ส.ต.อ.จรินทร์ เริงฤทธิ์ จึงได้รับมอบหมายให้ไปสืบคดีจากพัฒและจวบ โดยปลอมตัวเป็นนักโทษชายเข้าไปในคุกในนามของ เหิม บุญยืม เหิมเข้าไปคลุกคลีกับแก๊งของพัฒจนได้รับความไว้วางใจ จนร่วมมือกันแหกคุกในวันหนึ่ง และกลับไปประกอบมิจฉาชีพดังเดิม ทั้งสามไปเข้ากับแก๊งของ เริ่ม วางแผนปล้นเงินธนาคาร โดยแสร้งทำเป็นสร้างภาพยนตร์บังหน้า แผนการปล้นสำเร็จไปด้วยดี แต่เริ่มกับสมุนยักยอกเงิน แก๊งโจรจึงแตกคอกันขึ้น เหิมหาจังหวะแอบรายงานไปยังผู้กำกับการตำรวจแต่ถูกพัฒกับสนิทจับได้จึงถูกจับเป็นตัวประกัน
ลันตาบูลัง (2499)

ลันตาบูลัง (2499/1956) ประเดิมภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกในความสำเร็จของ กองดุริยางค์ทหารเรือ (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามนิกร สิงหาคม พ.ศ. 2499)

แผ่นดินว่างกษัตริย์ (2499)
แผ่นดินว่างกษัตริย์ (2499/1956) หลังเสียกรุงครั้งที่สอง พระเจ้าตากผู้นำการกอบกู้เอกราช ได้สั่งให้ ขุนพิชิตจตุรงค์ นายทหารฝีมือดีชาวบ้านแหลม ไปทำการขนส่งทรัพย์เสบียงมาจากบ้านแหลม แม้ว่าพระองค์จะรู้ว่าทหารพม่านั้นอยู่รายล้อม การออกไปทำหน้าที่ของขุนพิชิตจึงทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย ครั้นไปถึงบ้านแหลม ขุนพิชิตก็รวบรวมไพร่พลออกวางอุบายเพื่อจะขนถ่ายทรัพย์เสบียงไปให้ถึงทัพพระเจ้าตาก แต่ทว่าระหว่างทางลักลอบขุนพิชิตกลับถูกหักหลัง จนเกิดการต่อสู้ เป็นเหตุให้ขุนพิชิตต้องตายในสนามรบ ฝากไว้ซึ่งความความเสียสละต่อชาติบ้านเมืองที่น่ายกย่อง
สุดหล้าฟ้าเขียว (2499)
สุดหล้าฟ้าเขียว (2499/1956) มะลิ สาวใช้บ้าน พลเรือโทพระยายุทธไกร และ คุณหญิงสงวน แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ธารา ลูกชายของคุณหญิงสงวนจนตั้งครรภ์ ธาราไม่กล้าบอกความจริงกับพ่อแม่ ประจวบกับที่เขาต้องย้ายไปประจำที่สถานทูตไทยในอังกฤษ จึงให้สัญญากับมะลิว่าจะเขียนจดหมายมาสารภาพความจริงกับพ่อแม่ในภายหลัง เมื่อคุณหญิงรู้ว่ามะลิตั้งครรภ์ก็ลงโทษเฆี่ยนตีและคาดคั้นจากมะลิว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แต่มะลิก็ไม่ยอมปริปากบอก เกื้อ คนขับรถทนเห็นมะลิถูกทรมานไม่ได้จึงรับว่าเป็นพ่อของเด็ก คุณหญิงไล่ทั้งสองออกจากบ้าน เกื้อพามะลิไปเช่าห้องแถวเก่าๆ และพยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อเลี้ยงดูมะลิและลูก แม้จะต้องเป็นโจรก็ตาม วันหนึ่ง เกื้อไปวิ่งราวกระเป๋าของ แน่งน้อย ตำรวจจึงตามมาจับตัวเกื้อที่บ้าน แน่งน้อยเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเกื้อจึงรับอุปการะมะลิและลูก เวลาผ่านไป ธารากลับจากอังกฤษหวังจะได้พบหน้าลูกเมียแต่ไม่พบ พระยายุทธไกรจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ธาราฟัง ธาราออกตามหามะลิและลูกทันทีส่วนเกื้อหลังจากพ้นโทษก็ตามมาหามะลิที่สงขลา ในขณะที่มะลิกำลังจะตัดสินใจแต่งงานกับเสี่ยเม้ง เพื่อทดแทนบุญคุณแน่งน้อยที่รับหน้าที่แม่สื่อ
บ้านทรายทอง (2499)

บ้านทรายทอง (2499/1956) เป็นภาพยนตร์ชีวิตยอดเยี่ยม สีสด รักกระจุ๋มกระจิ๋ม หวานชื่น ซึ้งใจยิ่งกว่า สลักจิต ที่ เสรีภาพยนตร์ กล้ารับรองว่าดีจริง เจ้าพระยาราชาพิพิธ ต้นตระกูลพินิตนันท์ เจ้าของคฤหาสน์บ้านทรายทอง มีลูกชายสองคน คนโตคือ พระยาราชาพิพิธ เจริญรอยตามพ่อ ส่วน สุรพล ลูกชายคนรอง ไม่ยอมทำงานราชการจึงถูกตัดออกจากกองมรดก ภริยาของเจ้าพระยาฯ เป็นห่วงลูกชายคนเล็กจึงทำพินัยกรรมยกบ้านทรายทองให้เป็นสมบัติแก่สุรพล แต่พระยาราชาพิพิธไม่ยอมปฏิบัติตาม ยึดเอาบ้านทรายทองเป็นของตน สุรพลมีลูกชายชื่อ พนา นิสัยคล้ายตนเอง ขยันทำงานจนได้เป็น พระยาดุลยธรรมพินิจ พนาแต่งงานกับหญิงชาวบ้านและมีลูกสามคนคือ พจมาน พจนา และพจนีย์ ก่อนตายได้สั่งเสียให้พจมานไปอยู่กับ หม่อมพรรณราย ลูกสาวของพระยาราชาพิพิธที่บ้านทรายทอง หม่อมพรรณรายเป็นคนเห็นแก่ตัว มีบุตรกับหม่อมเจ้าสว่างวงศ์สี่คนคือ ม.ร.ว.ภารดี หรือ หญิงใหญ่ ม.ร.ว.ภราดา หรือ ชายกลาง ม.ร.ว. ภาวินี หรือ หญิงเล็ก และ ม.ร.ว. ภาณุทัต หรือ ชายน้อย หม่อมพรรณรายไม่อยากรับอุปการะพจมาน จึงร่วมกับหญิงเล็กกลั่นแกล้งพจมานมีเพียงหญิงใหญ่กับชายกลางที่คอยช่วยเหลือ แต่เมื่อชายกลางต้องไปทำงานต่างประเทศ หม่อมพรรณรายกับหญิงเล็กก็รวมหัวกันวางแผนทำร้ายพจมาน แต่กรรมตามสนอง เพราะทำให้ หม่อมเจ้าเอนก คู่หมั้นของหญิงเล็กเห็นธาตุแท้จึงขอถอนหมั้น พระยาราชาพิพิธซึ่งกำลังอยู่ในบั้นปลายชีวิตเริ่มรู้สึกผิดในสิ่งที่ตนเองทำไว้ จึงคิดจะคืนบ้านทรายทองแต่พจมานปฏิเสธและกลับไปหาแม่ที่อยุธยา เมื่อชายกลางกลับจากต่างประเทศจึงรีบลงเรือไปตามพจมาน และขอร้องให้พจมานเลือกว่าจะแต่งงานกับใครระหว่างเศรษฐีอยุธยาหรือหม่อมเจ้าอเนก แต่พจมานไม่ขอเลือกทั้งสองคนเพราะได้มอบหัวใจให้ชายกลางซึ่งคอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด

เลือดนาวี (2499)
เลือดนาวี (2499/1956) มานะ และ อุสาหะ เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเด็ก ทั้งสองไปศึกษาต่อที่โรงเรียนนายเรือ เมื่อเรียนจบมานะและอุสาหะได้รับคำสั่งให้ไปประจำการที่กองพันนาวิกโยธิน สัตหีบ วันหนึ่ง คณะคุรุสภาได้จัดทัศนาจรที่สัตหีบโดยมีเพียงจันทร์ ลูกสาวผู้บังคับบัญชากรมนาวิกโยธินเป็นผู้นำ มานะและอุสาหะจำได้ว่าเพียงจันทร์คือเพื่อนสมัยเด็ก ซึ่งในอดีตทั้งสองเคยช่วยเพียงจันทร์ขณะถูกประวิทย์รังแก มานะอาสาพาเพียงจันทร์ไปเที่ยว โดยมีอุสาหะและ วิภา ผู้ช่วยเพียงจันทร์ร่วมด้วย เพียงจันทร์เริ่มรู้สึกถึงความรักที่ทั้งสองมีให้แต่ยังคงรักษาระยะห่างไว้ ในการฝึกของหน่วยคอมมานโด พ.จ.อ.ประวิทย์ซึ่งอยู่กองพันเดียวกันหาเรื่องมานะกับอุสาหะ เพราะแค้นเรื่องในอดีต ทำให้มานะได้รับบาดเจ็บ ขณะนั้นศัตรูรุกรานชายทะเลไทย กองพันนาวิกโยธินได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประเทศชาติ เพียงจันทร์ก็สมัครเป็นหน่วยอาสากาชาด มานะและอุสาหะได้รับบาดเจ็บขณะนำทัพ แต่เพียงจันทร์คอยดูแลมานะคนเดียว ทำให้อุสาหะน้อยใจกลับไปสมรภูมิรบอีกครั้งและเสียชีวิตในเวลาต่อมา วิภาซึ่งแอบรักอุสาหะอยู่ฝ่ายเดียวได้แต่เสียใจในการจากไปของอุสาหะ
สามชาติ เรื่อง นางนาคพระโขนงคืนชีพ (2499)
สามชาติ เรื่อง นางนาคพระโขนงคืนชีพ (2499/1956) 3 เรื่อง... 3 รส รวมอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน นางนาคพระโขนงคืนชีพ หวาดเสียว ตื่นเต้น สนุกสนานด้วยอภินิหารแบบใหม่ ระบำผี นาฏศิลปแบบใหม่ ของ... ดินแดนอาทิตย์อุทัย เทพธิดาดำ นิยายชีวิต รัก เศร้า เสทือนใจของเด็กสาวในมุมมืดแห่งนครปารีส (ที่มา: นิตยสารผดุงศิลป์ กรกฎาคม พ.ศ. 2499)
คำอธิษฐานของดวงดาว (2499)
คำอธิษฐานของดวงดาว (2499/1956) จากนวนิยายชีวิตเรื่องยิ่งใหญ่ของ "ดวงดาว" มาเป็นภาพยนตร์ชีวิตของสาวแสนสวยคนหนึ่ง ดู...ความรัก ความริษยาอาฆาตระหว่าง 4 สาว กับสาวหนึ่งคือ ดวงดวงผู้บริสุทธิ์ ในงานเลี้ยงปีใหม่ ณ คฤหาสน์ของคหบดีบริพันธ์ ดวงดาว หลีกหนีความวุ่นวายในงานเลี้ยงมาเดินเล่นที่ชายทะเล และหวนนึกถึงวันปีใหม่เมื่อห้าปีก่อนซึ่งเธอเคยมีความสุข แต่ทุกสิ่งต้องพังทลายเมื่อพ่อของดวงดาวล้มละลาย ดวงดาวจึงต้องมาอาศัยอยู่กับคหบดีบริพันธ์ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ แม้ต้องทนถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากบรรดาหลานๆ ของ คุณใหญ่ อาของดวงดาวซึ่งอาศัยในบ้านเดียวกัน ดวงดาวได้แต่อธิษฐานกับดวงดาวขอให้เธอพ้นจากความทุกข์โดยเร็ว ทันใดนั้นเอง มีชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาขอร้องให้ดวงดาวช่วยหาที่หลบซ่อนตำรวจ ด้วยความมีเมตตาดวงดาวจึงให้ที่หลบซ่อนแก่โจรผู้นั้น โดยไม่ทันได้ถามชื่อ วันถัดมาดวงดาวได้ยินเสียงบรรดาหลานสาวของคุณใหญ่พูดถึง ม.จ. จิรพันธ์ ซึ่งกำลังเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ และต่างแต่งตัวแข่งขันกันเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงส่งท่านชายกลับกรุงเทพ ดวงดาวจึงปลีกตัวไปเดินเล่นที่ชายหาดกับ สีนิล สุนัขคู่ใจอย่างเงียบๆ แต่แล้วดวงดาวก็ได้เจอกับโจรที่เธอช่วยหาที่หลบซ่อนให้ในคืนวันปีใหม่ ชายหนุ่มสารภาพว่ามาดักรอดวงดาวเพราะตั้งใจจะไปประกอบอาชีพสุจริต ดวงดาวจึงให้สมบัติชิ้นสุดท้ายของเธอเป็นเงินทุนแก่ชายหนุ่ม หลังจากนั้นไม่นาน รุ่ง อาของดวงดาวมารับตัวดวงดาวไปอยู่ที่กรุงเทพ และพาดวงดาวไปงานเลี้ยงวันเกิดของ ม.จ. จิรพันธ์ ดวงดาวจำได้ว่าบรรดาหลานสาวของคุณใหญ่ต่างใฝ่ฝันถึง ม.จ. จิรพันธ์ แต่ด้วยความเกรงใจอารุ่งจึงยอมไปร่วมงาน และต้องตะลึงเพราะ ม.จ. จิรพันธ์ ก็คือนายโจรที่เธอช่วยไว้ในคืนวันปีใหม่นั่นเอง
สองดาบ (2499)
สองดาบ (2499/1956) ราว พ.ศ. 1500 หลังจากเจ้าเมืองอ้ายพญาของไทยเสียชีวิตลง บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ข้อยน้อย ราชโอรสองค์เล็กหนีไปอยู่ป่า ปล่อยให้ ข้อยอ้าย พระเชษฐาซึ่งอ่อนแอปกครองบ้านเมือง ทำให้ท้าวพยากและแสนพญา ทหารใจคดคบคิดกันทรยศ โดยให้อ่อนส่วย พระสนมเอกปั่นหัวข้อยอ้าย คอยยุยงให้ข้อยอ้ายคุมทหารออกปล้นหัวเมืองใหญ่น้อยต่างๆ ขณะนั้นเอง พระเจ้าเง่กโกวโจว แห่งเมืองเง่กลั้ง เมืองหน้าด่านของจีน ต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเมืองอ้ายพญา จึงให้ เซอวเชอว มหาเสนาบดีนำตัวเจ้าหญิงเง่กลั้งไปอภิเษกสมรสกับเจ้าชายเมืองอ้ายพญาระหว่างทางขบวนถูกปล้นจากกองโจร เจ้าหญิงเง่กลั้งจึงสลับตัวกับ กิมสี สาวใช้อำพรางตัว ข้อยน้อยซึ่งเห็นเหตุการณ์รีบเข้าไปช่วยและตามมาคุ้มครอง เมื่อมาถึงท้องพระโรงอ้ายพญา ข้อยน้อยก็โจมตีท้าวพยากทันที แต่ไม่สามารถเอาชนะได้จึงรีบหลบหนีไปพร้อมเง่กลั้ง ท้าวพยากจับตัวกิมสีเพราะเข้าใจว่าเป็นราชธิดา เมื่อความแตกก็ร่วมมือกับแสนพญาและอ่อนส่วยบุกเข้าจับเง่กลั้ง ข้อยอ้ายจะยกทัพคนป่าของข้อยน้อยเข้าโจมตีท้าวพยาก แสนพญาหลอกล่อเซอวเชอวให้ร่วมมือกันโดยสัญญาว่าจะมอบเจ้าหญิงเง่กลั้งเป็นของเซอวเซอวข้างฝ่ายอ่อนส่วยพยายามปั่นหัวให้ข้อยน้อยทรยศพี่ชายแต่ข้อยน้อยไม่หลงกล ข้อยอ้ายกับข้อยน้อยจึงร่วมดาบต่อสู้ศัตรูอย่างไม่ลดละเพื่อปกป้องเมืองอ้ายพญา
กัปตันยุทธ (2499)
กัปตันยุทธ (2499/1956) เรื่องราวของ ร.อ. ยุทธ ยุทธนาวิน ร.น. หรือที่ทุกคนเรียกว่า กัปตันยุทธ ซึ่งเคยเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนทหารเรือ แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นขี้เมาอาละวาดจนถูกสั่งปลดราชการมิหนำซ้ำยังถูกตัดออกจากตระกูลกัปตันยุทธจึงตอบแทนด้วยการถอนหมั้น สายสุนี แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ร.อ. สุรพล เพื่อนสนิทของกับตันยุทธได้รับคำสั่งให้ไปราชการที่ฟิลิปปินส์ เขาได้พบกับโรซิต้าซึ่งเข้ามาทำความสนิทสนม โดยมีเบื้องหลังเพื่อหว่านล้อมให้สุรพลช่วยติดตั้งปืนบนเรือบังคับด้วยกระแสคลื่นวิทยุตามคำแนะนำของยุทธ แต่โรซิต้าเกิดหลงรักสุรพลจริงจึงบอกความจริงทั้งหมดแก่สุรพล สุรพลโกรธมากจึงต่อว่าโรซิต้า ยุทธ ดำรง และพรรคพวกซึ่งแอบสังเกตการณ์อยู่ จึงจับตัวสุรพลไปขัง สุรพลโดนทรมานแสนสาหัส แต่ก็ยังไม่ยอมร่วมมือกับดำรง ในเวลานั้นสมุนของเดชได้ฆ่านักสืบกองทัพเรือไทยซึ่งมีไม้ขีดหมายเลข 13 อยู่ในตัว ดำรงจำได้ว่าเคยเห็นยุทธพกไม้ขีดไฟลักษณะเดียวกันแต่เป็นหมายเลข 19 จึงรู้ว่ายุทธเป็นนักสืบของกองทัพเรือ แต่ยุทธไหวตัวทันช่วงชิงแผนผังการต่อเรือของไทยที่หายไปมาได้และรีบหนีออกมา โรซิต้าหาทางช่วยชีวิตสุรพลแต่ตัวเองถูกสมุนของดำรงยิงจนเสียชีวิต ยุทธหนีการไล่ล่าของดำรงและเกิดการต่อสู้กัน ดำรงพลาดท่าจมน้ำเสียชีวิต ส่วนยุทธถูกยิงจนบาดเจ็บสาหัส ก่อนสิ้นใจยุทธมอบแผนผังการต่อเรือและไม้ขีดไฟประจำตัวให้สุรพลนำไปมอบผู้บังคับบัญชากองเรือ
เกียรติศักดิ์รักของข้า (2499)
เกียรติศักดิ์รักของข้า (2499/1956) เรื่องราวของหนุ่ม ปาน กับสาว เนิ่นซึ่งอาศัยอยู่ที่ตำบลหาดตะโก ทั้งสองรักและตกลงจะอยู่ด้วยกัน ความสวยของเนิ่นไปต้องตา หมู่เจิม เป็นเหตุให้ปานถูกยัดข้อหาฆ่าคนตาย ปานแหกคุกออกมาพร้อมกับความแค้นแน่นอก ยิ่งเมื่อรู้ว่าเนิ่นต้องยอมแต่งงานกับหมู่เจิมเพราะอิทธิพลของกำนัน จึงบันดาลโทสะลงมือฆ่ากำนัน ทำให้ปานต้องหนีการจับกุมอีกครั้ง หมู่เจิมได้แต่งงานกับเนิ่นสมใจและรับเลี้ยงดูลูกในท้องซึ่งเกิดกับปาน หลายปีต่อมา ปานกลายเป็นเสือคนสำคัญที่ทางราชการต้องการตัว เสือปานออกปล้นเงินเศรษฐีเพื่อมาแจกจ่ายคนยากจน เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านและช่วยให้เขาไม่ถูกตำรวจจับ เสือปานเฝ้าหวังอยากเจอลูกชายของตัวเองสักครั้ง จนในที่สุดทั้งสองก็ได้โคจรมาพบกันแต่ในฐานะตำรวจกับผู้ร้าย
ลูกแก้วเมียขวัญ (2499)
ลูกแก้วเมียขวัญ (2499/1956) ความใฝ่ฝันที่จะเรียนมหาวิทยาลัยของ กิมเจ็ง สำเร็จลงในวันหนึ่ง แม้เขาจะแต่งงานกับ เง็กลั้ง จนมีลูกแล้วก็ตาม เมื่อ กิมตี่ บุตรชายอายุได้ 5 ขวบ กิมเจ็งได้รับการสนับสนุนจากอาให้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แป๊ะล้ง ผู้เป็นบิดาจึงยินยอม โดยมี ตั๊วปุ๊ย ญาติสนิทร่วมทางไปด้วย กิมเจ็งมุมานะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดีจนเหตุการณ์เริ่มพลิกผัน เมื่อเขายื่นมือไปช่วย ผกาพรรณที่กำลังถูก เชิดศักดิ์ ทำร้าย กิมเจ็งหลงเสน่ห์ผกาพรรณจนละทิ้งการเรียน มิหนำซ้ำยังโกหกทางบ้านเพื่อขอเงินไปปรนเปรอผกาพรรณจนครอบครัวต้องย้ายไปอยู่กระท่อมหลังน้อย ไม่นาน ลี่คิ้ม ผู้เป็นแม่ก็เสียชีวิต ผ่านไปไม่นานผกาพรรณก็เริ่มเบื่อหน่ายกิมเจ็งจึงกลับไปเล่นชู้กับเชิดศักดิ์อีกครั้ง ตั๊วปุ๊ยมาเห็นเข้าจึงเข้าไปต่อว่า แต่ผกาพรรณไหวตัวทันโวยวายลั่นว่าตั๊วปุ๊ยลวนลามตัวเอง กิมเจ็งเพิ่งกลับมาถึงบ้านไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็ออกปากไล่ตั๊วปุ๊ยออกจากบ้านโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ ด้วยหลงผกาพรรณอย่างโงหัวไม่ขึ้น ตั๊วปุ๊ยเขียนจดหมายไปเล่าความจริงทั้งหมดให้ทางบ้านของกิมเจ็งฟัง แป๊ะล้งกำลังป่วยหนัก รู้ข่าวเข้าก็ตรอมใจ แต่หลังจากนั้นไม่นาน กิมเจ็งก็ได้ประจักษ์ว่าผกาพรรณคบชู้ ด้วยความโมโหจึงเกิดมีเรื่องกับเชิดศักดิ์ โชคร้ายที่เชิดศักดิ์ล้มทับมีดของตัวเองตายทำให้กิมเจ็งตกเป็นฆาตกร หลังจากที่พ่อและแม่ของสามีตาย เง็กลั้งกับกิมตี่ต้องอาศัยศาลเจ้าเป็นที่ซุกหัวนอน เคราะห์กรรมซ้ำหนักเมื่อเง็กลั้งล้มป่วย กิมตี่จึงต้องออกขอทานหาเงินมาประทังชีวิต สองแม่ลูกเผอิญเห็นข่าวกิมเจ็งบนหน้าหนังสือพิมพ์ จึงพากันไปเยี่ยมกิมเจ็งที่ห้องขัง กิมเจ็งพ้นข้อกล่าวหาในที่สุด ชีวิตนักโทษ 6 เดือน ทำให้กิมเจ็งสำนึกผิด จึงกลับตัวกลับใจมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง