สันติ-วีณา (2497)
สันติ-วีณา (2497/1954) สันติ เด็กชายกำพร้าวัย 12 ปี จากเหตุการณ์ภูเขาถล่มเป็นเหตุให้เขาสูญเสียแม่ทั้งนัยน์ตาสองข้างในเวลาเดียวกัน ทุกเช้า วีณา เพื่อนบ้านวัยไล่เลี่ยกันจะช่วยจูงสันติไปโรงเรียน ถึงแม้สันติจะตาบอดก็ยังถูก ไกร ซึ่งมีนิสัยเกเรแกล้งอยู่เป็นนิจ โดยหักขลุ่ยอันเป็นที่รักของสันติหักคามือ วันหนึ่งพระภิกษุวัยชราเพิ่งกลับจากธุดงค์แวะมาเยี่ยมสันติ และขอรับสันติไปอยู่ที่วัดเขาน้อย ตลอดเวลาที่อยู่ในถ้ำกับหลวงตา วีณายังคงแวะเวียนไปหาสันติอย่างสม่ำเสมอ สร้างความไม่พอใจให้ไกรซึ่งหมายปองวีณาอย่างมาก ทุกเย็นก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน สันติจะนั่งเป่าขลุ่ยบนก้อนหินข้างถ้ำ รอคอยการมาของวีณา แต่แล้ววันหนึ่งวีณาก็หายไป สันติปฏิบัติอย่างเดิมวันแล้ววันเล่า โดยที่ไม่รู้ว่า วีณาถูกกักตัวให้อยู่แต่ในบ้าน เพราะแม่ของไกรมาสู่ขอวีณา วีณาหนีออกมาได้ในวันหนึ่งและมาขอร้องให้สันติช่วยพาเธอหนีไกรแค้นมากสั่งลูกน้องตามล่าสันติกับวีณาแทบพลิกแผ่นดินเมื่อพบทั้งสองก็กระหน่ำชกสันติไม่ยั้ง วีณารีบไปตามหลวงตามาช่วยได้ทัน สันติยืนยันกับหลวงตาว่าจะหาทางหนีอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จเช่นเคย วีณาถูกพาตัวกลับไปบ้าน ส่วนสันติถูกทำร้ายจนสลบ หลวงตาจึงพาสันติกลับมายังวัดถ้ำ สันติเหม่อลอยไร้สติอย่างหนักยิ่งรู้ว่าจวนถึงวันแต่งงานของวีณา จนไม่ได้ยินเสียงหินที่กำลังร่วงหล่นในถ้ำ หลวงตารีบวิ่งเข้าไปฉุดสันติ ส่วนตนเองถูกก้อนหินทับตาย ตาของสันติมองเห็นอีกครั้ง ภาพแรกที่สันติเห็นคือภาพความตายของหลวงตาซึ่งเลี้ยงดูสันติมาตั้งแต่เด็กสันติจึงตัดสินใจบวชเพื่อหาความสุขสงบอย่างแท้จริง
สามหัวใจ (2497)
สามหัวใจ (2497/1954) ลครปิดโรง! แต่ศิลปินไม่อดตาย เพราะ ... สุวัฒน์ วรดิลก กำหนดให้ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ขึ้น ชกมวยเลี้ยงแม่ "พันคำ" ไปสมัครเรียนกฎหมายเอาตัวรอด วิไลวรรณ วัฒนพานิช ทำงานแลกข้าวไปวันๆ ทัต เอกทัต กลายเป็นพรานล่าพรหมจรรย์ผู้หญิง สวลี ผกาพันธ์ ลากคอคนรักเข้าตะแลงแกง ท่านเชื่อไหม? ไม่ เชื่อไปรับรู้ความเป็นจริง ในภาพยนตร์สีธรรมชาติ (ที่มา: ซีเนมาสโคป ธันวาคม พ.ศ. 2497)
ชตารัก (2497)
ชตารัก (2497/1954) ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ รัมภา แพทย์สาวแสนสวยมอบใจให้ สุเทพ ทั้งๆที่สุเทพเป็นคนเจ้าชู้เหลวแหลก แม้ หมอชลิต แพทย์หนุ่มที่แอบชอบเธอจะคอยเตือน แต่ใครก็มิอาจห้ามหัวใจของเธอได้จนวันหนึ่งสุเทพเกิดไปได้เสียกับ สุนทรี น้องสาวของหมอชลิตจนสุนทรีติดโรคร้ายจากสุเทพ รัมภาจึงได้เห็นธาตุแท้ของเขา และบอกให้สุเทพรับผิดชอบสุนทรี แต่คนที่ช้ำหนักไปกว่ารัมภาคือ ประวิทย์ คู่หมั้นของสุนทรีที่แทบกลายเป็นบ้าหลังรู้ว่าคนรักไปมีอะไรกับชายอื่น หมอชลิตจึงแนะนำให้รัมภาใช้วิชาแพทย์รักษาจิตใจให้ประวิทย์แต่ปรากฏว่าประวิทย์กลับตกหลุมรักรัมภาและขอเธอแต่งงาน ด้วยไม่อยากให้ประวิทย์ต้องตกอยู่ในสภาพเดิมอีก รัมภาจึงจำตอบรับคำขอแต่งงานของประวิทย์ แต่เรื่องร้ายก็เกิดขึ้นซ้ำสอง เมื่อสุนทรีกลับมาขอคืนดีกับประวิทย์ แต่ประวิทย์หมดรักสุนทรีแล้ว จึงไม่คิดจะกลับไปหาสุนทรีอีก สุนทรีโกรธแค้นจึงใช้มีดแทงประวิทย์ ในจังหวะเดียวกับที่สุเทพโผล่เข้ามาในเหตุการณ์สุเทพที่รังเกียจสุนทรีอยู่เป็นทุนเดิมจึงถือโอกาสฆ่าสุนทรีแล้วป้ายความผิดไปให้ประวิทย์จนเขาต้องติดคุก เมื่อหมอชลิตรู้ความจริง จึงออกตามหาสุเทพ แต่เพราะสุเทพยังไม่ทิ้งลายความเจ้าชู้จึงถูกคนท้องถิ่นฆ่าตายฐานที่ไปคบชู้กับเมียชาวบ้าน ก่อนตายสุเทพได้สารภาพความจริงเพื่อล้างผิดให้ประวิทย์ แต่ช้าไปแล้วเพราะประวิทย์แหกคุกมาหารัมภาจนถูกตำรวจยิงตาย หมอชลิตจึงรับเยียวยาหัวใจของรัมภา
กังวานไพร (2497)
กังวานไพร (2497/1954) หลังจากวางหูโทรศัพท์จากสายข่าวว่าป่าไม้แขวงจังหวัดแพร่คนใหม่มีชื่อเสียงเรียงนามว่า เชิดชัยวนพงษ์ สกล ผู้อำนวยการบริษัท สกลพานิช จำกัด ก็ไม่รอช้าคิดแผนชั่วหาทางชักชวนเชิดชัยมาเป็นพวก เหมือนฟ้าจะเข้าข้าง เพราะ กรรณิการ์ ลูกสาวของสกลเป็นคู่รักของเชิดชัย สกลจึงหลอกให้กรรณิการ์ชวนเชิดชัยมาทำงานที่บริษัท กรรณิการ์ดีอกดีใจเพราะไม่รู้เบื้องหลังธุรกิจของพ่อแต่เชิดชัยปฏิเสธ คืนวันหนึ่ง เชิดชัยแวะไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์กมลวัฒนา และบังเอิญได้ทำความรู้จักกับเบญจวรรณ น้องสาวของ บัวเขียว ภรรยาของทักษ์ ซึ่งเพิ่งเรียนจบกลับมาที่แพร่ ทั้งสองก็เริ่มไปมาหาสู่กัน ทักษ์ เรืองผล สมุนของสกลซึ่งหวังจะรวบหัวรวบหางกรรณิการ์ทั้งที่ตัวเองมีเมียอยู่แล้ว คิดแผนชั่วหมายจะกำจัดเสี้ยนหนามทางธุรกิจและหัวใจให้พ้นทาง แม้ทักษ์จะจ้องกำจัดเชิดชัยทุกครั้งที่มีโอกาสแต่ก็ยังไม่สำเร็จ เชิดชัยเริ่มรู้ตัวว่ากำลังถูกทักษ์หมายหัว ก็ส่งคนไปสืบจนรู้แน่ชัดว่าทักษ์แอบร่วมมือกับเสี่ยหวั่งจะหักหลังสกล เชิดชัยจึงเปิดโปงว่าทักษ์เป็นนกสองหัว ทักษ์แค้นมาก ปล่อยข่าวว่ามีคนลอบเข้าไปตัดไม้ที่ผาน้อยแล้วส่งมือปืนไปดักยิงเชิดชัย เบญจวรรณเผอิญล่วงรู้แผนการของทักษ์จึงรีบไปห้ามเชิดชัยแต่ไม่ทันกาลจึงต้องย้อนไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พวกของทักษ์เผาป่าเพื่อล้อมเชิดชัยและพรรคพวก เบญจวรรณที่ตามมาทีหลังหาตัวเชิดชัยจนพบ และแล้วเชิดชัยก็ได้ประจัญหน้ากับทักษ์โดยมีเบญจวรณคอยช่วย ทักษ์พลาดท่าระหว่างการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เสียชีวิตในป่าเพลิงนั้นเอง
แม่ศรีเรือน (2497)
แม่ศรีเรือน (2497/1954) เพราะทนถูกนายจ้างเอาเปรียบเรื่องเงินเดือนไม่ได้ โดม จึงตัดสินใจลาออกจากงานมาเป็นพ่อบ้าน ชไมพร ภรรยาที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านจึงจำต้องออกไปหางานทำแทนสามี กระทั่งได้งานที่บริษัทสตรีไทยของ คุณนายแช่มช้อย บริษัทที่ออกกฎห้ามพนักงานหญิงมีสามี ชไมพรจึงต้องปิดบังเรื่องโดมไว้เป็นความลับ ความสามารถของชไมพรเป็นที่ปลาบปลื้มของคุณนายแช่มช้อย จึงพยายามจับคู่ชไมพรให้ ชวลิตลูกชาย ฟากโดมก็ได้รู้จักกับ วัทณีย์ ลูกสาวเจ้าของบ้านเช่าที่ตนอาศัยอยู่ ความรักระหว่างโดมกับชไมพรจึงส่อแววเข้าใจผิดเป็นเหตุให้เกิดเรื่องยุ่งๆ ตามมา กระทั่งความลับถูกเปิดเผย ในจังหวะเดียวกับที่ชวลิตและวัทณีย์ดันมาชอบกันโดยบังเอิญ ด้วยความเมตตาชไมพร คุณนายแช่มช้อยจึงยกเลิกกฎ และให้ชไมพรได้ทำงานต่อไป ฝ่ายโดมหลังจากว่างงานมานานก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ด้วยความช่วยเหลือจากวัทณีย์ เรื่องจึงจบลงด้วยความสุขสมหวังทุกประการ
ฟ้าแลบบนสาปไตย (2497)
ฟ้าแลบบนสาปไตย (2497/1954) หลังจากกลับมาที่สิงคโปร์ วสันต์ (ชาลี อินทรวิจิตร) ชายหนุ่มที่เคยเป็นคนอัธยาศัยดีก็เงียบขรึมจนเป็นที่ประหลาดใจของเพื่อนร่วมงาน ทั้งที่การเจรจาธุรกิจครั้งนั้นประสบความสำเร็จได้ด้วยดี ประจวบเหมาะกับที่ลิ้มไต้ง้วน ผู้จัดการห้างประสบอุบัติในการเดินทางครั้งนั้น วสันต์จึงได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการห้างลิ้มไต้ง้วนซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ เพื่อนร่วมงานจับกลุ่มนินทาไปต่างๆ นานาเรื่องที่วสันต์เอามือที่ดองไว้ในขวดแก้วกลับมาด้วยมีเพียงวสันต์เท่านั้นที่รู้ความหมายของมัน หลายเดือนก่อน วสันต์ติดตามลิ้มไต้ง้วนผู้จัดการห้างไปเจรจาธุรกิจที่กรุงเทพ บนเรือเดินทะเล "สาปไตย" ที่ลอยเอื่อยบนท้องทะเลวันแล้ววันเล่า วสันต์ได้แต่หมกตัวทำงานให้ลิ้มไต้ง้วนอยู่ในห้องส่วนตัวแคบๆ เมื่อได้พบกับ มาลาตี (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) หญิงสาวเพียงคนเดียวบนเรือวสันต์จึงไม่รีรอจะเข้าไปทักทายเพื่อทำความรู้จัก ความเบื่อหน่ายบนเรือทำให้วสันต์กระโจนเข้าสู่ไฟราคะที่กำลังมอดไหม้หัวใจตนเอง ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามาลาตีมีสามีแล้วจนถลำลึกวางแผนหนีตามกันทันทีที่สาปไตยเทียบท่าเรือคลองเตย ติดอยู่เพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องเงิน คืนนั้น วสันต์ฉวยโอกาสที่ท้องทะเลกำลังคุ้มคลั่ง ฆ่าลิ้มไต้ง้วนเพื่อขโมยเงินเอามาเป็นทุนตั้งต้นชีวิต แล้วรีบมาบอกมาลาตี ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เป็นกัปตันเรือที่เดินตามรอยเลือด ซึ่งหยดเป็นทางจนมาสุดที่ห้องของมาลาตี มาลาตีหยิบมีดตัดนิ้วตัวเองเพื่อเบนความสนใจ กัปตันเรืออาสาไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล มาลาตีจึงเร่งเร้าให้วสันต์ไปจัดการศพลิ้มไต้ง้วน มาลาตีขอร้องให้วสันต์โอนเงินคืนห้างและช่วยงานห้างจนสำเร็จเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ แม้วสันต์จะรีบพามาลาตีไปโรงพยาบาลทันทีที่เรือถึงกรุงเทพ แต่ก็สายไปเสียแล้ว เชื้อโรคได้ลุกลามจนหมอต้องตัดมือของมาลาตี ในระหว่างที่มาลาตีนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล สามีของมาลาตีคอยดูแลเธออยู่ไม่ห่าง จนวสันต์รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่เขามีให้เธอวสันต์จึงเป็นฝ่ายเดินออกมาจากชีวิตของมาลาตีอย่างเงียบๆ เหลือเพียงมือของมาลาตีที่เขานำกลับมา เป็นอนุสรณ์ความรักบนเรือสาปไตย
กุลปราโมทย์ (2497)

กุลปราโมทย์ (2497/1954) เพราะความลึกลับของตึกโบราณข้างบ้านที่ชาวบ้านต่างลือว่ามีผีสิง ทำให้ กุลปราโมทย์ลูกสาวของ พระยาราชมณเฑียร เกิดความอยากรู้อยากเห็นและได้เข้าไปพัวพันกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเพราะความโลภของมนุษย์ กุลปราโมย์ได้ทราบจาก หลวงเวช ซึ่งเป็นหมอประจำตระกูลว่าตึกหลังนั้นเป็นตึกของ ท่านสรกิจพิศาล เสนาบดีเก่า ซึ่งมีลูกชายชื่อ พระวิเศษ กับลูกสาวชื่อ จำรัส แต่เพราะจำรัสเกิดไปได้เสียกับทนายประจำตระกูลจนตั้งครรภ์ ท่านสรกิจจึงพลั้งมือลงโทษจำรัสจนเสียโฉม หลังจากที่ท่านสรกิจถึงแก่กรรม พินัยกรรมระบุว่า ท่านสรกิจฯ ยกมรดกทั้งหมดให้จำรัส แต่หลังจากจำรัสคลอดบุตรชายก็หายตัวไป ด้วยเหตุนี้ พระวิเศษจึงกลายเป็นผู้ดูแลทรัพย์สมบัติของตระกูล ยศ ลูกชายของจำรัสก็ถูกเลี้ยงเยี่ยงลูกคนใช้ เมื่อกุลปราโมทย์ทราบดังนั้นก็เกิดสงสารในชะตากรรมของยศ จึงคอยมาให้กำลังใจยศที่บ้านพระวิเศษอยู่เสมอ พร้อมกับวางแผนสืบหาความจริงเรื่องการหายตัวไปของจำรัส กระทั่งกุลปราโมทย์ได้รู้ว่าพระวิเศษสั่งให้ลูกน้องย้ายบางอย่างที่อยู่ในบ้าน กุลปราโมทย์พร้อมด้วยคนใช้จึงบุกเข้าไปเปิดโปงความจริงจนรู้ว่า พระวิเศษแอบขังจำรัสไว้ในตึกเพราะหวังจะฮุบมรดกเป็นของตน จำรัสถูกฆ่าตาย แต่ก่อนตายเธอได้เขียนพินัยกรรมมอบมรดกให้ยศ ส่วนพระวิเศษก็สติวิปลาสจนถึงแก่ความตาย ยศจึงกลายเป็นเจ้าของตระกูลและได้ครองรักกับกุลปราโมทย์อย่างมีความสุข

แผลเก่า (2497)

แผลเก่า (2497/1954) ในปี พ.ศ. 2496 ณ คฤหาสน์โลจนะรัตน์กำลังจะมีพิธีวิวาห์ในวันรุ่งขึ้น ระหว่าง รังรอง โลจนะรัตน์ (พรทิพย์ โกศลมัชกิช) ลูกสาวสุดที่รักของเจ้าของคฤหาสน์ กับชายที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน รังรองได้แต่มองการ์ดแต่งงานด้วยความเจ็บช้ำ ก่อนจะฉีกมันทิ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางไปหลบที่ทุ่งวังทองหลางซึ่งเมื่อสมัยเด็กรังรองเคยมาเก็บค่าเช่าที่นากับแม่อยู่บ่อยๆ ค่ำแล้ว รังรองยังไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้จึงลงมาเดินเล่น และได้พบกับหนุ่มนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ใต้ต้นไทรหญิงสาวเกิดความสนใจจึงเข้าไปคุยด้วย ก่อนจะตกใจจนสลบไปเมื่อรู้ว่าเขาเป็นวิญญาณ ผัวเมียเจ้าของบ้านจึงเล่าเรื่องราวในอดีตที่ทำให้วิญญาณของชายหนุ่มยังคงสถิตอยู่ที่ต้นไทร เขาชื่อว่า ขวัญ (ชีพ ชูพงษ์) ในอดีตเคยรักอยู่กับหญิงสาวชื่อ เรียม (พรทิพย์ โกศลมัชกิช) ทั้งสองให้สัตย์สาบานต่อศาลไทรว่าจะรักและซื่อตรงต่อกัน แม้นใครผิดคำสาบานขอให้มาตายอยู่ใต้ต้นไทรต้นนี้ แต่เพราะตระกูลของชายหนุ่มหญิงสาวเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน ขวัญจึงถูก เรือง พ่อของเรียมกีดขวางความรักโดยการจับเรียมไปกักขัง ก่อนจะขายเรียมให้คุณนายทองคำ และส่งตัวไปอยู่บางกอกด้วยความเห็นแก่เงิน ขวัญได้แต่นับวันรอคอยการกลับมาของเรียม คุณนายทองคำปฏิบัติต่อเรียมประหนึ่งลูกสาวเพราะคุณนายนั้นเคยเสียลูกสาวไป เมื่อถูกปรนเปรอด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ราคาแพง เรียมก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รวมทั้งหัวใจของเธอก็เอนเอียงไปให้ สมชาย (ทวนทอง วิมลรัตน์) อดีตว่าที่ลูกเขยของคุณนายทองคำที่มาชอบเรียม ครั้นมีโอกาสได้กลับมาเยี่ยมแม่ที่กำลังป่วยหนัก ขวัญจึงหาโอกาสมาทวงถามความรักต่อเรียม หญิงสาวจึงได้ระลึกถึงความหลังครั้งเก่า และคำสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อหน้าเจ้าพ่อไทร แต่ในไม่ช้าสมชายก็กำลังจะพาเรียมกลับกรุงเทพ ความสับสนและความกลัวว่าสาวคนรักจะเปลี่ยนใจทำให้ขวัญบุ่มบ่ามทำลายเรือของสมชายพังยับเยิน สมชายแค้นจัดเป็นตัวตั้งตัวตีนำชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ขวัญ ขวัญพยายามตะเกียกตะกายไปที่ศาลไทรโดยมีเรียมว่ายน้ำตามมา เมื่อเห็นว่าขวัญกำลังจะสิ้นใจเรียมจึงใช้มีดปลิดชีพตนตายตามคนรัก ณ ที่ที่เคยสาบานรักกัน

เพลิงชีวิต (2497)
เพลิงชีวิต (2497/1954) เรื่องของชายใจเพ็ชร์ที่ชตากรรมบรรดาลให้เขาเป็น ผู้ร้ายฆ่าคน ดู! ชีวิตอันแสนเศร้าของ หญิงผู้อาภัพต้องยอมชั่วเสียคนเพราะความรักลูกและผัว ชม! "ติ๋ม" ดาราน้อยเจ้าน้ำตาในบทของหนูน้อยผู้มีกรรม (ที่มา: นิตยสารตุ๊กตาทอง พ.ศ. 2497)
นกป่า (2497)
นกป่า (2497/1954) เรื่องราวของสาวชาวป่าที่ถูกพิษรักจากนายอำเภอหนุ่มเมืองกรุง ทำให้เธอยอมสละทุกสิ่งเพื่อชายคนรัก โนรี ลูกสาวคนเดียวที่ พรานบุญ เลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม เธอสวยสะคราญเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มบ้านป่า มีเพียง พรานเอก ที่สนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่เด็กที่สามารถใกล้ชิดโนรีเพียงคนเดียว บ้านป่าที่เคยสงบสุขต้องมาเปลี่ยนผัน โนรีต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุฆาตกรรมอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อ จามร ชายแปลกหน้าบุกเข้ามาบ้านป่าและขอร้องให้โนรีพาไปหาที่ซ่อนตัว โดยมี นายอำเภอ หนุ่มติดตามจามรมาอย่างประชั้นชิดจึงได้พบกับโนรี ชายหนุ่มต่างเมืองกับหญิงสาววัยขบเผาะ เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกันไฟเสน่หาจึงลุกโชน โนรีตกเป็นของนายอำเภออย่างรวดเร็ว และพลั้งปากบอกที่ซ่อนตัวของจามร โนรีตามไปอยู่กับนายอำเภอที่เมืองกรุง แต่ต้องพบกับความจริงอันขมขื่นว่าเขามีภรรยาแล้ว โนรีต้องกล้ำกลืนรับสภาพการเป็นเมียน้อย แต่ยังไม่ร้ายเท่าถูกภรรยาของนายอำเภอโขกสับ ทำร้ายให้โนรีต้องชอกช้ำทั้งกายและใจ จนโนรีต้องซมซานกลับมาที่บ้านป่า แม้โนรีจะเคยตกเป็นของชายอื่น แต่พรานเอกก็ไม่รังเกียจเธอเลย คอยปรนนิบัติจนโนรีหายเป็นปรกติ แต่ในเวลาไม่นาน นายอำเภอก็ตามมาขอโทษโนรี ความปลิ้นปล้อนของนายอำเภอทำให้พรานเอกระงับใจไม่ไหว ชักปืนขึ้นยิง หมายจะปลิดชีพคนที่ทำร้ายคนที่ตนรัก แต่ทันใดนั้น โนรีก็โผตัวเข้าหามัจจุราชความตาย เพื่อปกป้องชายหนุ่มที่เธอรักสุดหัวใจ
มนต์รักอสูร (2497)
มนต์รักอสูร (2497/1954) ม.จ.อิศรา และ ม.จ.วิชชา สองพี่น้องตระกูลสุริยัน มีนิสัยต่างกันอย่างสิ้นเชิง ม.จ.อิศรา ผู้พี่เปิดคลินิกส่วนตัวทุ่มเทชีวิตให้การทำงาน ส่วน ม.จ.วิชชาผู้น้องชอบเข้าสังคม สองพี่น้องหลงรักสาวคนเดียวกัน คือ พรรณราย ม.จ.วิชชา รู้เข้าก็ต่อว่า ม.จ.อิศรา อย่างเสียหายส่วน ม.จ.อิศรา เข้าใจว่าพรรณรายไม่รักตน จึงหันหลังให้กับความรัก หมกมุ่นอยู่กับการเล่นแร่แปรธาตุ จนประสบอุบัติเหตุจากการทดลองได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ม.จ.วิชชา ฉวยโอกาสกุว่า ม.จ.อิศรา เป็นบ้า และปล่อยข่าวว่าตนกับพรรณรายหมั้นหมายกัน ม.จ. อิศรา ผิดหวังอย่างหนักหนีออกจากโรงพยาบาล กิจการโรงงานระเบิดหินที่สระบุรีของตระกูลสุริยันค่อยๆ เสื่อมโทรมลง หลังจากที่ ม.จ.อิศรา หายสาบสูญไป เพราะ เทิ้มหัวหน้าคนงานโกงเงินบริษัทไปเล่นการพนัน หนักข้อเข้าก็ตั้งตนเป็นนักเลง ขูดรีดชาวบ้านละแวกนั้น ยกเว้น หมอไอสูรย์ ซึ่งเพิ่งย้ายมาใหม่ที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้เทิ้ม บ่ายวันหนึ่ง เทิ้มถูกลอบยิงที่ข้างบ้านหมอไอสูรย์ จึงปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของหมอ บังเอิญ ม.จ.วิชชาพาพรรณรายคู่หมั้นมาพักผ่อนที่โรงงานระเบิดหิน ทราบข่าวว่าเทิ้มถูกยิงก็รีบไปเยี่ยม เฟื่องรัตน์ น้องสาวของพรรณรายตามมาเจอ และเปิดเผยว่าตนเป็นภรรยาของม.จ.วิชชา พรรณรายเสียใจวิ่งหลงไปในเขตระเบิดหินประสบอุบัติเหตุ ชาวบ้านพาไปรักษายังบ้านหมอไอสูรย์ จึงได้ทราบตัวจริงของหมอไอสูรย์ ม.จ.วิชชา ตรงไปบ้านหมอไอสูรย์เพื่อจะแก้แค้นให้เทิ้ม แต่พรรณรายห้ามปรามไว้ และบอกว่าหมอไอสูรย์แท้จริงคือ ม.จ.อิศรา ม.จ.วิชชาจะเข้าไปขอโทษพี่ชายก็ถูกเฟื่องรัตน์ยิงตายเพราะแรงหึง
ศรีราชา (2497)
ศรีราชา (2497/1954) ศรีราชา เป็นภาพยนตร์สีธรรมชาติ 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2497 สร้างโดย วชิราภาพยนตร์ และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ ส. อาสนจินดา

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ