สหศิลปภาพยนตร์
ธารชีวิต (2499/1956) หลังจากกลับจากสงครามเกาหลีพันตรีเชิดศักดิ์ เดินทางไปแจ้งข่าวการตายของลูกชายของ คำฟ้า ที่บ้าน ทำให้เขาได้รู้จัก ฟองแก้ว ลูกสาวของคำฟ้าและหลงรักในทันที ทั้งสองแต่งงานกันในเวลาต่อมา แต่ไม่นาน เชิดศักดิ์ก็ได้รับจดหมายว่า คุณหญิงอรพิณ มารดา กำลังป่วยหนัก จึงรีบเดินทางกลับกรุงเทพโดยพาคำฟ้ามาด้วย แท้จริงแล้วเป็นอุบายของ ภารดี คู่หมั้นของเชิดศักดิ์ทั้งสิ้น ทันทีที่เห็นหน้าฟองแก้ว คุณหญิงและภารดีพร้อมใจกันรังเกียจสะใภ้ที่ไม่ได้รับเชิญ แต่ไม่นานคุณหญิงก็ใจอ่อนเมื่อได้เห็นกิริยามารยาทอันอ่อนน้อมของฟองแก้ว และส่งเสริมให้ทั้งสองแต่งงานกัน ยิ่งรู้ว่าฟองแก้วกำลังตั้งครรภ์คุณหญิงก็ยิ่งปลาบปลื้มเป็นอันมาก ภารดีไม่ลดละความพยายาม ฉวยโอกาสที่คุณหญิงล้มป่วย กีดกันไม่ให้ฟองแก้วได้ปรนนิบัติคุณหญิงคุณหญิงจึงเข้าใจว่าฟองแก้วเนรคุณ สั่งให้เชิดศักดิ์ไล่ฟองแก้วออกจากบ้าน ก่อนจะกลับไปหาคำฟ้า ฟองแก้วได้มอบเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้ จิต คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ แต่จิตประสบอุบัติเหตุในเวลาต่อมาในขณะที่สวมชุดของฟองแก้ว ทุกคนจึงเข้าใจว่าฟองแก้วเสียชีวิตแล้ว ภารดีได้แต่งงานกับเชิดศักดิ์สมใจและให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคนแต่เสียชีวิต ภารดีเลี้ยงดู แก้วตา ลูกสาวของฟองแก้วอย่างทารุณ เมื่อแก้วตาเริ่มเข้าสู่วัยเรียนเชิดศักดิ์จึงประกาศหาครูมาสอนแก้วตาที่บ้าน ฟองแก้วปลอมตัวมาสมัครเป็นครูด้วยความคิดถึงลูกในไส้ที่ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดู ฟองแก้วคอยปลอบประโลมแก้วตาในยามที่ถูกภารดีทำร้าย จนกระทั่งวันหนึ่ง ฟองแก้วแอบเห็นภารดีกำลังวางยาพิษแก้วตา จึงเผยตัวต่อภารดี ภารดีกลัวความผิด หนีออกจากที่นั่นด้วยความลนลานจึงถูกรถชนเสียชีวิต ฟองแก้วจึงได้กลับมาอยู่กับครอบครัว
เทวีขวัญฟ้า (2498/1955) กว่า 5 ปี ที่ นายรังสรรค์ และ นางอนงค์ ตั้งตารอการกลับมาของลูกชายที่ส่งไปเรียนยังต่างประเทศ กลับสร้างความช้ำชอกใจยิ่งนัก เพราะแทนที่ทั้งสองจะไปเรียนตามที่นายรังสรรค์วาดฝัน อุไภย คนพี่ กลับไปเรียนดนตรีที่ประเทศอเมริกา ส่วน สีทอง คนน้องกลับไปเรียนยูโดที่ประเทศญี่ปุ่น กระนั้นสองพี่น้องก็รับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะใช้วิชาที่ได้ไปร่ำเรียนมาให้เป็นผล นายรังสรรค์จึงให้ยืมเงินเป็นทุนในการตั้งกิจการ โดยมีสัญญาว่าจะต้องใช้เงินคืนภายใน 6 เดือน สีทองเปิดกิจการสอนกายกรรมแต่ดูท่าจะไม่รุ่งผิดกับอุไภยซึ่งเปิดบาร์พาราไดส์เป็นที่นิยมมาก อุไภยได้รู้จักกับ ศรินทร์ สาวสังคมและหลงศรินทร์จนหัวปักหัวปำไม่เป็นอันทำงาน ทำให้กิจการตกต่ำจนเป็นหนี้สินไม่มีเงินใช้คืนพ่อตามสัญญา อุไภยจึงเอาตัวรอดด้วยการหนีออกจากบ้าน ยังความกลุ้มใจให้นางอนงค์เนื่องจากไปสู่ขอ ชื่นธิดา ลูกสาวของ คุณหญิงผกา ไว้ นางอนงค์จึงแก้ปัญหาด้วยการให้สีทองแต่งงานแทนพี่ชาย อุไภยหนีไปที่เกาะพิทักษ์ ปากน้ำตะโก จังหวัดชุมพร และขออาศัยอยู่กับ นายวงศ์ ชายตาบอดและ เจิด ลูกสาว เจิดหลงรักอุไภยจึงยินยอมทอดกายให้ แต่สีทองก็ตามมาจนเจอและพาอุไภยกลับกรุงเทพ อุไภยกลับมาแต่งงานกับศรินทร์ตามความต้องการของแม่ ส่วนเจิดคลอดลูกสาวและตั้งชื่อว่า ดวงใจ 3 ปีผ่านไป อุไภยและศรินทร์มาพักผ่อนที่ชุมพร อดีตของอุไภยจึงเปิดเผยขึ้น ศรินทร์ซึ่งไม่มีลูกอยู่แล้วจึงจ้างคนให้ไปขโมยลูกสาวเจิด เจิดกับวงศ์จึงเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากสีทองเพื่อฟ้องร้องต่อศาล แต่ศรินทร์ชนะคดีความ ไม่นานอุไภยก็จับได้ว่าศรินทร์ทำทารุณต่อลูกสาวของตน อุไภยโกรธมากและสำนึกผิดจึงพาดวงใจไปหาเจิด ซึ่งขณะนั้นเจิดได้เสียสติไปแล้ว แต่เมื่อเจิดได้ยินเสียงของดวงใจเรียกตัวเองว่าแม่ เจิดจึงได้สติกลับคืนมา
วิมานทราย (2494/1951) ชีวิตคือความฝัน วิมานใครๆ ก็สร้างได้ แต่ 99 ใน 100 เปนวิมานทราย (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน พิมพ์ไทย 14 มีนาคม พ.ศ. 2495)