สามเกลอเจอผี (2496)
สามเกลอเจอผี (2496/1953) สามเกลอเจอผี เป็นภาพยนตร์ไทย ฟิล์ม 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2496 กำกับการแสดงโดย ดอกดิน กัญญามาลย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำโปรยว่า ภาพยนตร์ตลก-แปลก และใหม่ที่สุด ไม่ซ้ำแบบใคร
จอมหิว (2496)
จอมหิว (2496/1953) เรื่องราวของสองพี่น้อง องอาจ ซึ่งเป็นพวกชอบคิดแต่ไม่ชอบทำ กับ อัศวิน ซึ่งเป็นจอมหิว ด้วยความระอาความไม่เอาไหนของลูกชายทั้งสอง นายอ้น ซึ่งเป็นพ่อจึงไล่ตะเพิดอัศวินกับองอาจออกจากบ้าน หลายวันผ่านไป องอาจกับอัศวินเร่ร่อนไปตามยถากรรมจนมาเจอเกวียนตกหล่ม อัศวิน จอมหิว ซึ่งมีนิสัยประหลาด คือเมื่อโมโหหิวจะมีพละกำลังมหาศาล จึงไปช่วยชาวบ้านยกเกวียน จึงได้อาหารเป็นการตอบแทน สองพี่น้องยังคงระหกระเหร่อนเร่หาวิธีประทังความหิวไปวันๆ แม้บางครั้งอับจนขนาดต้องกินหินแทนข้าว องอาจพยายามคิดหาวิธีต่างๆ เช่น ให้อัศวินปลอมตัวเป็นคนพิการขอทานประทังชีวิต แต่ความก็แตกทุกครั้งเพราะอัศวิน จนวันหนึ่ง ทั้งสองมาจนถึงสวนสัตว์และพบ จันทรา กำลังถูกนักเลงรังเก อัศวินซึ่งกำลังโมโหหิวจึงเข้าไปช่วย จันทราตอบแทนบุญคุณทั้งสองด้วยการให้กล้วยหอมซึ่งทีแรกกะจะนำมาให้ลิง วันต่อมา องอาจพาอัศวินมาสมัครเป็นนักมวย และต่อยชนะเพราะโมโหหิวนั่นเอง โชคชะตาพาให้สองพี่น้องได้พบกับจันทราอีกครั้งที่บาร์เหล้าซึ่งบิดาของจันทราเป็นเจ้าของ จันทราเล่าให้บิดาฟังว่าองอาจกับอัศวินเคยช่วยชีวิตจันทราไว้ บิดาของจันทราจึงรับทั้งสองเข้าทำงาน อัศวินใช้พลังให้เป็นประโยชน์ในการจัดการนักเลงซึ่งมาเบ่งกินฟรีที่บาร์ ส่วนองอาจก็ได้ใช้ความคิดพิชิตใจจันทรา
วิญญาณคนอง (2496)
วิญญาณคนอง (2496/1953) นางนากพระโขนงแผลงฤทธิ์อีก นิยายใหม่ของนางนาก (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2496)
สามเกลอกระยาจก (2496)
สามเกลอกระยาจก (2496/1953) คอยชม! ภาพยนตร์ตลก ชั้นแนวหน้า ไม่ซ้ำแบบใคร
ยอดนักเบ่ง (2496)
ยอดนักเบ่ง (2496/1953) แม้จะเป็นเพียงคนแจวเรือจ้าง แต่ สม จิ๋ม และ อัมพร ก็ยังมีความฝัน สมฝันอยากเป็นพระเอกลิเก ส่วนจิ๋มฝันไกลอยากเป็นประธานาธิบดี ส่วนอัมพรฝันอยากเป็นนักร้อง ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของคนทั้งสามคือการแลกเปลี่ยนความฝันและร้องเพลงอย่างสำราญ ไม่มีใครคาดฝันว่าฝันนั้นจะกลายเป็นจริงวันหนึ่งทั้งสามเผอิญไปเจอชายฉกรรจ์กำลังจะปลุกปล้ำหญิงสาวทั้งสามจึงรี่เข้าไปช่วย ไม่ได้รู้เลยว่านั่นเป็นฉากหนึ่งในหนังที่กำลังถ่ายทำอยู่ ผู้กำกับเห็นความงามของอัมพรจึงชักชวนมาแสดงหนังรวมทั้งสมกับจิ๋มด้วย เหมือนเทวดาเล่นตลก สมได้รู้ว่าตนเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทหนังที่หายตัวไป ผู้กำกับรีบเอาใจเจ้าของบริษัทด้วยการเปลี่ยนให้สมเป็นพระเอก และให้ เชาวน์ พระเอกคนก่อนไปแสดงเป็นผู้ร้าย กองถ่ายหนังเรื่อง "คดีสร้อยเพชร" เริ่มทันทีในคืนนั้นที่เวทีพัฒนากรเชาวน์แค้นใจที่ถูกปลดกลางคันจึงขอสวมบทคนร้ายตัวจริง จับตัวอัมพรไปขังไว้ที่บ้านร้าง อัมพรใช้เสน่ห์ล่อหลอกให้ผู้คุมทะเลาะกันเอง และอาศัยช่วงชุลมุนหนีออกมาที่ท่าเรือจ้าง ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจึงรอดเงื้อมมือเชาวน์มาได้อย่างหวุดหวิด ทั้งสามกลับมาตายรังที่ท่าเรือจ้างและไม่นึกอยากฝันเป็นอะไรอื่นอีกเลย
Placeholder
ไซอิ๋ว (2496)
ไซอิ๋ว (2496/1953) ภาพยนตร์ไทยในเรื่องจีน (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ 2 เมษายน พ.ศ. 2496)
สามล้อประจันบาน (2495)
Placeholder
ซากผีดิบ (2495)
ซากผีดิบ (2495/1952) ดร.ชาญ จบจากประเทศฝรั่งเศสเป็นคนไม่เชื่อว่าผีมีจริงในโลก ได้โคจรมาพบ ผ่องพรรณ ลูกสาวของ ขุนจำนง และเริ่มชอบผ่องพรรณ แต่เธอมีคนรักแล้วคือ สาโรช ขุนจำนงมีภรรยาชื่อ พวง เป็นภรรยาหลวง และ พริ้ง เป็นภรรยาน้อย แม่พริ้งยังสาวและสวยอยู่ ส่วนขุนจำนงวันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการเล่นแร่แปรธาตุ เมื่อ ดร.ชาญ มาคลุกคลีในบ้านขุนจำนงนานเข้า ทั้งสองจึงเล่นชู้กัน คืนหนึ่ง ขุนจำนงฝันว่ามีผู้วิเศษมาเข้าฝัน บอกให้ขุนจำนงเอาตะกั่วหลอมเป็นลูกกลมๆ เอาไปใส่น้ำยาสมุนไพร นำไปบวงสรวงและฝังกลางโบสถ์ร้าง เมื่อครบกำหนด 3 วัน 3 คืน ให้ไปขุดขึ้นมา ก้อนตะกั่วจะกลายเป็นแก้วสารพัดนึก สามารถขอพรได้ 3 ประการ ขุนจำนงทำตามความฝันโดยมี ดร.ชาญ ตามไปด้วย แต่แล้ว ดร.ชาญ ผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสางก็ถูกผีบีบคอตายอย่างน่าสยดสยอง เมื่อครบกำหนดขุนจำนงไปขุดเอาแก้วสารพัดนึก แล้วให้ภรรยานึกสิ่งที่ต้องการคนละ 1 ข้อ ไม่นานนักทุกคนในบ้านก็ถูกลอตเตอรี่พร้อมกันเป็นไปตามที่พวงขอ ส่วนพริ้ง ไม่มีใครล่วงรู้ว่าขอเรื่องอะไร จนกระทั่ง ผีดิบ ดร.ชาญ ตามมาอาละวาดที่บ้าน ทุกคนจึงได้รู้ว่าพริ้งขอให้ ดร.ชาญ ฟื้นคืนชีพ
พ่อครูเอก (2495/1952) เรื่องราวของ พ่อเฒ่าฟุ้ง ชาวพระนครศรีอยุธยา ที่ต้องการให้ ฟื้น กับ เฟื่อง ลูกชายและลูกสาวได้ดีจึงส่งไปร่ำเรียนและใช้ชีวิตในกรุงเทพจนมีคู่ครองแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา ฟื้นแต่งงานกับ ชั้น น้องสาวของ เชี่ยว ซึ่งเป็นสามีของเฟื่อง ฟื้นมีอุปนิสัยเกรงอกเกรงใจเมีย ส่วนเฟื่องเองก็โดนเชี่ยวทำร้ายร่างกายบ่อยๆ ต่อมาพ่อเฒ่าฟุ้งประสบปัญหาน้ำท่วมนาข้าวเสียหาย หนี้สินท่วมหัว จึงเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อขอความช่วยเหลือจากลูกระหว่างเดินทางได้ซื้อลอตเตอรี่ไว้ เมื่อพ่อเฒ่าฟุ้งมาถึงกรุงเทพได้พบชั้นกับเชี่ยวซึ่งปฏิเสธที่จะช่วยเหลือพ่อเฒ่าฟุ้ง ซ้ำร้ายยังถูก ชาญ พ่อของเชี่ยวดูถูกอย่างไม่ใยดี ฟื้นเห็นท่าไม่ดีจึงไปปรึกษาเชี่ยวเพื่อขอวิชาปราบเมีย ทางเชี่ยวก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี เฟื่องเองก็ไปขอคำปรึกษากับชั้นเรื่องที่โดนทำร้าย ชั้นเห็นอย่างนั้นก็สงสารและให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน พ่อเฒ่าฟุ้งเดินโซซัดโซเซจนถึงกองสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงนำเอาสลากที่ซื้อไปตรวจปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 2 จึงนำสลากไปขึ้นเงิน และตั้งใจนำเงินรางวัลไปแบ่งลูกๆ เมื่อไปถึงเห็นว่าฟื้นสามารถปราบเมียได้สำเร็จ ส่วนเฟื่องก็สามารถกำราบเชี่ยวได้อยู่หมัด จนชาญไม่กล้าต่อว่าอะไร เมื่อเหตุการณ์ผันแปรเช่นนี้ทั้งสองครอบครัวจึงอยู่กันเป็นปรกติสุข
เสมาทองคำ (2495)

เสมาทองคำ (2495/1952) พระเจ้าอารยะบดี แห่งกรุงทวารวดี ทรงหมั้นหมายพระราชธิดาพระนาม เจ้าหญิงมลิวัลย์ กับ เจ้าชายชัยสิทธิ์ ตั้งแต่ยังอยู่ในพระครรภ์ แต่เจ้าชายชัยสิทธิ์ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ 5 พรรษาพร้อมสร้อยเสมาทองคำซึ่งจารึกพระนามและวันประสูติ 15 ปีผ่านไป เจ้าหญิงยังพระทัยซื่อตรงต่อเจ้าชายชัยสิทธิ์แต่ถึงเวลาต้องออกเรือนตามราชประเพณี จึงออกอุบายเลือกคู่ครองที่สามารถโต้วาทีเรื่อง "ไก่มาก่อนไข่หรือไข่มาก่อนไก่" หากผู้ใดตอบได้พระราชธิดาจะสมรสด้วย ฝ่ายเจ้าชายชัยสิทธิ์ หลังจากถูกลักพาตัวไป สองพ่อลูก มะปะ กับ มะกะโท ได้ช่วยไว้ ก่อนมะปะจะเสียชีวิตได้สั่งให้มะกะโทพาเจ้าชายชัยสิทธิ์กลับเมาะตะมะเพื่ออบรมประเพณีและเรียนหนังสือไทย เมื่อเจ้าชายชัยสิทธิ์อายุครบ 20 ปี มะกะโทจึงพาเจ้าชายชัยสิทธิ์มากรุงทวารวดี เจ้าชายชัยสิทธิ์ขอให้มะกะโทรอที่หน้าเมืองและจะกลับมาภายใน 7 วัน ชัยสิทธิ์เข้าไปในเมืองได้พบ พาโล กับ กาษะสองพ่อลูกซึ่งกำลังหาคนทายปัญหา พาโลกับกาษะเข้าใจว่าเจ้าชายชัยสิทธิ์ไขปัญหาได้จึงทุบตีเจ้าชายชัยสิทธิ์จนสลบเพื่อจะสวมรอย แล้วสั่งให้ เจ้าหงิก ลากชัยสิทธิ์ไปทิ้งกลางป่าแต่เจ้าหงิกนำไปฝากยายเฒ่าเพราะสงสาร เจ้าชายชัยสิทธิ์ซ่อนตัวในกระท่อมเมื่อมีเวลาว่างก็ช่วยทำสวน และด้วยอภินิหารบันดาลให้ต้นไม้ในสวนผลิดอกงดงามอย่างมหัศจรรย์ ครบกำหนด 7 วัน มะกะโทไม่เห็นเจ้าชายชัยสิทธิ์กลับมาจึงผลุนผลันเข้าเมืองทวารวดี มาอาศัยขุนคชบาลในโรงช้าง พระเจ้าอารยะบดีพอพระทัยในความเฉลียวฉลาดของมะกะโท หมายจะให้มาโต้วาทีกับพระราชธิดา ระหว่างนั้นข่าวพระราชอุทยานกลายเป็นสวรรค์แพร่สะพัดไปถึงพระกรรณของเจ้าหญิงมลิวัลย์ จึงชวน นันทา ข้าหลวงคนโปรดไปทรงทอดพระเนตร จึงได้พบกับเจ้าชายชัยสิทธิ์ ทั้งสองต่างพึงพอใจกัน เจ้าหญิงออกอุบายนัดหมายเจ้าชายชัยสิทธิ์และได้เห็นเสมาทองคำจึงรู้ว่านี่คือเจ้าชายชัยสิทธิ์ที่ถูกลักพาตัวไป จึงให้เจ้าชายชัยสิทธิ์ไปปรากฏตัวในสนามโต้วาทีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า กาษะแอบได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน กลับไปปรึกษาพาโล พาโลตกใจสั่งให้กาษะนำหน้ากากเหล็กซึ่งมีอำนาจให้ผู้ถูกสวมพูดไม่ได้ ไปสวมให้เจ้าชายชัยสิทธิ์ เจ้าหงิกกับนันทาแอบฟังอยู่จึงรีบไปทูลเจ้าหญิงได้ทันท่วงที

วิวาห์คนจน (2495/1952) ตลก ขบขัน เศร้า เสียสละ และน้ำตา เรื่องชีวิตคนจนซึ่งประกอบด้วยความดี (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2495)
ลูกสาว (2495)
ลูกสาว (2495/1952) ภาพยนตร์ไทยชนิดไม่โป๊สมชื่อ แต่เป็นเรื่องการเมืองจริงๆ ว่ากันเละทีเดียว พรรคก้าวหน้า! พรรคถอยหลัง! พรรคเดินข้างๆ คูๆ (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2495)
ไซอิ๋ว ฉบับครูมี (2495/1952) ภาพยนตร์ไทยในนิยายจีน เรื่องเยี่ยมไม่ซ้ำแบบใคร (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ 4 เมษายน พ.ศ. 2495)
สามเกลอถ่ายหนัง (2495)
สามเกลอถ่ายหนัง (2495/1952) เรื่องราวของคณะถ่ายหนังที่ต้องมาสู้กับผู้ร้ายนอกจอ กรุงเทพ พ.ศ. 2493 เสือฉาย กำลังอาละวาดออกปล้นสะดมสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านร้อนถึงตำรวจต้องเร่งปราบปรามขนานนัก เสือฉาย จึงไปหลบซ่อนตัวที่จังหวัดเพชรบุรี ขณะนั้น สมพงษ์ ล้อต๊อก และ ดอกดิน สามเกลอหนุ่มเพิ่งเรียนการสร้างหนังจากประเทศอเมริกาจบ เกิดร้อนวิชาอยากทดลองฝีมือ อนิจจา สามเกลอสิ้นเนื้อประดาตัวแต่ก็ยังไม่ละความพยายาม ดิ้นรนเอาข้าวไปจำนำจนสามารถตั้งบริษัท "จิ้งจกภาพยนตร์" สำเร็จ บริษัทจิ้งจกภาพยนตร์เริ่มถ่ายหนัง โดยมีดอกดินเป็นผู้กำกับ สมพงษ์เป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ ล้อต๊อกเป็นผู้ร้ายและได้ ณรงค์ มาเป็นพระเอก ชูศรี เป็นนางเอก แต่การทำงานเป็นไปอย่างทุลักทุเล สามเกลอหารือกันว่าจะเปลี่ยนไปถ่ายหนังที่จังหวัดเพชรบุรี แต่สามีนางเอกเกิดไม่ยอมให้นางเอกแสดงต่อ สามเกลอเข้าตาจนจึงต้องหาผู้มาแสดงแทน โชคดีได้พบสาวชาวไร่ชื่อ น้อย จึงชวนมาเป็นนางเอกโดยไม่รู้ว่าน้อยเป็นที่หมายปองของเสือฉาย รุ่งขึ้นถึงคิวการถ่ายฉากพลอดรักระหว่างพระเอกนางเอก เสือฉายผ่านมาเห็นเข้านึกว่าเป็นเรื่องจริงก็เกิดโทสะ วิ่งพรวดเข้าไปชกณรงค์ สมพงษ์สวมวิญญาณตากล้องถ่ายภาพยนตร์ต่อไป น้อยวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ขับรถผ่านมาแถวนั้น ตำรวจเห็นหน้าเสือฉายก็จำได้ว่าเป็นมหาโจรที่ทางการกำลังต้องการตัวแต่ไม่เคยมีใครมีภาพถ่ายเสือฉาย เสือฉายฉวยโอกาสหลบหนีไป สามเกลอกลับมาล้างฟิล์มที่กรุงเทพ เจอข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ประกาศให้รางวัลแก่ผู้ที่มีภาพเสือฉาย จึงไม่รอช้ารีบเอาฟิล์มไปให้ตำรวจ แต่ เสือปาน ลูกสมุนของเสือฉายมาดักรอกลางทาง สามเกลอพากันวิ่งหนีจนกระทั่งถึงสถานีตำรวจ อารามรีบวิ่งตามสามเกลอเสือปานจึงไม่รู้ตัวว่ากำลังวิ่งเข้าสถานีตำรวจจึงถูกจับเข้าตาราง สามเกลอกลับมาถ่ายหนังต่อที่จังหวัดเพชรบุรีและมาสู่ขอน้อยให้พระเอกเสือฉายสบโอกาสตามมาล้างแค้น แต่พลาดท่าเสียทีถูกตำรวจจับเสียเอง รางวัลนำจับเสือฉายจึงตกเป็นของสามเกลอคณะถ่ายหนัง เอวังด้วยประการฉะนี้