งูผี (2509)
งูผี (2509/1966) เรื่องราวพญางูขาวที่เข้าไปสิงทารกในครรภ์ของหญิงนางหนึ่ง ซึ่งเมื่อคลอดออกมาถูกชาวบ้านนำไปเลี้ยงและตั้งชื่อว่า บุญเหลือ โดยเลี้ยงคู่กับ แว่นฟ้า ลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขาเอง วันหนึ่ง ได้เกิดคดีลึกลับขึ้นในหมู่บ้านแห่งนี้ จนทางการต้องส่ง ประกิต ตำรวจหนุ่มปลอมตัวเข้ามาสืบหาความจริง นำมาซึ่งความรักสามเส้าระหว่างสองสาว และนายตำรวจหนุ่มผู้นี้
ไทรคู่ (2509)
ไทรคู่ (2509/1966) มิตร-โสภา ข้อความบนใบปิด อัมพรภาพยนตร์ เสนอ ไทรคู่ บทประพันธ์ของ พ.ณ.สายชล มิตร ชัยบัญชา โสภา สถาพร ทักษิณ แจ่มผล, รุจน์ รณภพ, ชุมพร เทพพิทักษ์, สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย, ปรียา รุ่งเรือง, นภาพร หงสกุล, โฉม, เยาวเรศ นิศากร, มาลี เวชประเสริฐ, นาวิน เทพโยธี, ล้อต๊อก, ก๊กเฮง และด.ญ.น้อยหน่า อนุมาศ บุนนาค กำกับการแสดง เทวิน สุขศิลา ถ่ายภาพ อัมพร ประทีปเสน อำนวยการสร้าง ม.ร.ว.ธิติสาร สุริยง ดำเนินงาน วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
เกล้าฟ้า (2509)
เกล้าฟ้า (2509/1966) ยอดนวนิยายแห่งความลึกลับ มหัศจรรย์ จากบทประพันธ์ของ...เครื่องหมายคำถามคู่ จากละครวิทยุของ...คณะแก้วฟ้า ร่วมกันให้เป็นภาพยนตร์ที่พิเศษ วิเศษจริงๆ เกล้าฟ้า ใน หุบผาสวรรค์ เจ้าแววดาว (เมตตา รุ่งรัตน์) แห่งเวียงนกยูงซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีนิสัยโหดร้ายจนกระทั่งเจ้าแสงคำ (รุจน์ รณภพ) ผู้เป็นสวามีทนไม่ได้จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และไม่กลับเวียงนกยูงอีกจนกระทั่งสิ้นชีวิต ทำให้เจ้าแววดาวเสียใจและแค้นใจมาก จึงได้เลี้ยงดูเจ้ารุ่งฟ้า (อดุลย์ ดุลยรัตน์) ผู้เป็นบุตรชายด้วยความเข้มงวด และต่อมาได้ส่งเจ้ารุ่งฟ้าไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่ฝรั่งเศสเจ้ารุ่งฟ้าได้พบรักและแต่งงานกับมาเรีย (ปริม ประภาพร) หญิงสาวชาวฝรั่งเศส เมื่อศึกษาจบแล้วเจ้ารุ่งฟ้าจึงพามาเรียกลับมายังเวียงนกยูง เจ้าแววดาวไม่พอใจมากและระบายออกมาด้วยการทารุณบ่าวไพร่ในเวียง จนกระทั่งมาเรียตั้งท้อง แต่เจ้ารุ่งฟ้าต้องเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อทำงานราชการตามที่ได้เรียนมา เจ้าแววดาวทำทารุณกับมาเรียและบ่าวไพร่ จนมาเรียซึ่งกำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอดตัดสินใจหนีออกมาจากเวียงนกยูงพร้อมกับหมอโจเซฟซึ่งเป็นผู้ดูแลครรภ์ของเธอ ทั้งสองเดินทางข้ามไปฝั่งประเทศลาว มาเรียคลอดบุตรออกมาและตั้งชื่อตามที่เจ้ารุ่งฟ้าตั้งเอาไว้ว่า "เกล้าฟ้า" ต่อมามาเรียได้แต่งงานกับหมอโจเซฟและได้เลี้ยงดูเกล้าฟ้าจนเติบใหญ่ เมื่อมาเรียหนีออกจากเวียงนกยูง เจ้าแววดาวได้ส่งข่าวให้เจ้ารุ่งฟ้าว่ามาเรียหนีตามชู้ ทำให้เจ้ารุ่งฟ้าเสียใจไม่ยอมเดินทางกลับเวียงนกยูง ทำให้เจ้าแววดาวเสียใจมาก และผูกอาฆาตผู้ชายทุกคนจนกระทั่งเสียชีวิต และได้สั่งให้บริวารนำร่างของตนไปซ่อนไว้ในถ้ำลับ แต่วิญญาณของเจ้าแววดาวยังคงสิงสถิตย์อยู่ที่เวียงนกยูง และหลอกหลอนผู้คนจนเป็นที่หวาดกลัวจนทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เวียงนกยูง เกล้าฟ้า (โสภา สถาพร) อายุได้ 19 ปี เติบโตเป็นสาวสวยและมีความห้าวหาญ จึงมักปลอมตัวเป็นผู้ชายมารับจ้างขับรถม้ารับส่งผู้โดยสารที่หน้าสถานีรถไฟลำปาง โดยใช้ชื่อว่า "สวย" ทุกคืนวัน 15 ค่ำ วิญญาณของเจ้าแววดาวจะมีฤทธิ์แข็งกล้ามากจึงสกดจิตให้เกล้าฟ้านำผู้โดยสารที่เป็นผู้ชายมายังเวียงนกยูง เพื่อเอาชีวิตมาสังเวยเจ้าแววดาว เหตุการณ์เกิดขึ้นหลายครั้งจน ร.ต.ท.วัชระ (สมบัติ เมทะนี) เข้ามาสอบสวนคดี โดยมีเกียรติ (รุจน์ รณภพ) หัวหน้าสถานีรถไฟคอยให้ความช่วยเหลือ เกียรติค้นพบเส้นทางเข้าเวียงนกยูง เมื่อเข้าไปในเวียงแล้วก็พบเจ้าแววดาวในสภาพที่งดงาม เจ้าแววดาวรู้ว่าเกียรติคือเจ้าแสงคำกลับชาติมาเกิดจึงกักตัวเอาไว้ และทำให้เกียรติกลายเป็นคนเสียสติ ขณะเดียวกับที่เจ้ารุ่งฟ้าตัดสินใจเดินทางกลับเวียงนกยูงเพื่อสืบหาลูกของตน ส่วนวัชระก็ติดตามหาเกียรติจนกระทั่งหลงเข้าไปถ้ำที่เก็บร่างของเจ้าแววดาว แต่ก็ถูกเกียรติที่เสียสติทำร้ายจนบาดเจ็บ เกล้าฟ้าในสภาพสาวสวยได้ช่วยชีวิตเอาไว้ และดูแลรักษาจนกระทั่งหายเจ็บ ทั้งสองได้สารภาพรักต่อกัน ในที่สุดเกียรติพลาดตกหน้าผาเสียชีวิต ดวงวิญญาณระลึกได้ว่าตนเองคือเจ้าแสงคำในอดีตจึงขอโทษต่อดวงวิญญาณของเจ้าแววดาว จนเจ้าแววดาวสิ้นความอาฆาต ดวงวิญญาณของทั้งสองจึงสลายไป มาเรียติดตามมาหาเกล้าฟ้าจึงพบกับเจ้ารุ่งฟ้า ทำให้เจ้ารุ่งฟ้าได้ทราบความจริงว่าเกล้าฟ้าคือลูกของตน ขณะที่เจ้ารุ่งฟ้าก็สำนึกในความผิดของตนที่ทอดทิ้งมาเรียกับลูกไปจึงยินยอมให้มาเรียอยู่กับหมอโจเซฟต่อไป และวัชระก็ได้ทราบความจริงว่า "สวย" และ "เกล้าฟ้า" คือคนเดียวกัน ในที่สุดวัชระกับเกล้าฟ้าก็ได้แต่งงานครองคู่กัน
จ้าวหญิงนกกระจาบ (2509)
เจ้าหญิงนกกระจาบ (2509/1966) มิตร-กรุณา ข้อความบนใบปิด มารุตฟิล์ม เจ้าหญิงนกกระจาบ จาก ชาดกนิยาย ดินแดนแห่งความมหัศจรรย์ มาเป็นภาพยนตร์... แฟนตาซี สวยสด งดงาม มิตร ชัยบบัญชา กรุณา ยุวากร ร่วมด้วย สาหัส บุญหลง, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, ถวัลย์ คีรีวัต มารุต กำกับการแสดง
พระอภัยมณี (2509)
พระอภัยมณี (2509/1966) พระอภัยมณี (มิตร ชัยบัญชา) ที่ถูกนางยักษ์ผีเสื้อสมุทร (เพชรา เชาวราษฎร์) ลักพาตัวมาไว้ในถ้ำ แม้จะไม่ยินยอม แต่พระอภัยมณีกับนางยักษ์ก็มีสัมพันธ์กันจนเกิดบุตรชายชื่อว่า สินสมุทร วันหนึ่ง เมื่อสินสมุทรพบครอบครัวเงือกโดยบังเอิญ แผนการหลบหนีนางยักษ์ของพระอภัยมณีจึงเริ่มต้นขึ้น
หมอชนินทร์ผู้วิเศษ (2509)
หมอชนินทร์ผู้วิเศษ (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ดาราทองภาพยนตร์ สนั่น จรัสศิลป และ สะท้าน เทพบัญชา ขอเสนอผลงานอันวิเศษ ใน หมอชนินทร์ผู้วิเศษ ของ ไพร วิษณุ นำโดย สมบัติ เมทะนี ภาวนา ชนะจิต รุ้งลาวัลย์ วิบูลย์สันติ, น้ำเงิน บุญหนัก, เยาวเรศ นิสากร, วารุณี นาคะนาวี, พร ไพโรจน์, อัมพร, ใจดาว บุษยา, มาลี เวชประเสริฐ, โยธิน เทวราช, สัมพันธ์, พูนสวัสดิ์ ธีมากร, ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา, สิงห์ มิลินทราศัย, ถวัลย์ คีรีวัต แปลก...มหัศจรรย์...ไม่ซ้ำใคร วิเศษ...วิเศษจริงๆ สนั่น จรัสศิลปะ และ สะท้าน เทพบัญชา สร้าง เฉลิม บุตรบุรุษ ถ่ายภาพ กาย บางขุนนนท์ สร้างบท ประทีป โกมลภิส กำกับการแสดง
พระรถ-เมรี (2508)
พระรถ-เมรี (2508/1965) ข้อความบนใบปิด เสน่ห์ศิลป์ภาพยนตร์ สร้าง เสน่ห์ โกมารชุน อำนวยการสร้าง-กำกับการแสดง อนุศักดิ์ เจนจรัสสกุล ถ่ายภาพ พระรถ-เมรี หรือ นางสิบสอง จากวรรณคดีชาดกที่รู้กันทั่วไป นำโดย ไชยา สุริยัน เพชรา เชาวราษฎร์ และอีก 12 นางเอก เอื้อมเดือน อัษฎา, ปรียา รุ่งเรือง, เยาวเรศ นิสากร, บุษกร สาครรัตน์, อภิญญา วีระขจร, อุษา อัจฉรานิมิตร, วรรณา แสงจันทร์ทิพย์, ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี, ใจดาว บุษยา, สุดเฉลียว เกตุผล, แพร ไพลิน, บุษบา และ...พาทีมเสน่ห์ศิลป์ครบครัน...
ปลาบู่ทอง (2508)
ปลาบู่ทอง (2508/1965) "เศรษฐีทารกะ" ผู้มีอาชีพจับปลามีภรรยาสองคน คนแรกชื่อ "ขนิษฐา" มีลูกสาวชื่อ "เอื้อย" ส่วนคนที่สองชื่อ "ขนิษฐี" มีลูกสาวชื่อ "อ้าย" และ "อี่" วันหนึ่งทารกะพยายามจับปลาแต่จับทีไรก็ได้แต่ปลาบู่ตั้งท้องตัวหนึ่งกระทั่งพลบค่ำทารกะจึงจะนำปลาบู่กลับบ้านแต่ด้วยความสงสารขนิษฐาผู้เป็นภรรยาขอร้องให้ปล่อยไป ทำให้ทารกะเกิดบันดาลโทสะฆ่านางขนิษฐาจนตายและทิ้งศพลงคลอง และบอกกับอ้ายลูกสาวว่ามารดาได้หนีตามผู้ชายไป เอื้อยเสียใจที่สูญเสียแม่ไปอีกทั้งยังโดนแม่เลี้ยงและพี่เลี้ยงกดขี่ข่มเหง สิ่งเดียวที่ปลอบประโลมเธอได้มีเพียง "ปลาบู่ทอง" ที่คือแม่ที่กลับชาติมาเกิด แต่สองแม่ลูกหารู้ไม่ว่าเธอทั้งคู่จะต้องถูกขนิษฐีและลูกๆของเธอพรากความสุขเล็กๆของพวกเธอไปครั้งแล้วครั้งเล่า ปลายทางของสองแม่ลูกที่น่าสงสารจะลงเอยเช่นไรเมื่อหนทางแห่งความสุขในชีวิตแทบจะไม่เห็นทางสว่างเลย
ธนูทอง (2508)
ธนูทอง (2508/1965) กมลสิงห์ กษัตริย์หนุ่มบ้าเลือดที่รักการทำสงครามเป็นชีวิตจิตใจ ยกทัพไปตีและยึดเมืองต่างๆไปทั่ว จนมีเมืองหนึ่งเจ้าผู้ครองเมืองไม่อยากรบเลยคิดแผนแยบยลส่งเจ้าหญิงพระราชธิดามาเป็นเครื่องบรรณาการ ตอนแรกกษัตริย์หนุ่มก็ไม่ได้สนพระทัยเพราะมุ่งแต่จะทำสงคราม แต่สุดท้ายก็ทนความเย้ายวนของเจ้าหญิงไม่ได้จึงอภิเษกเจ้าหญิงเป็นพระมเหสีและยุติการทำสงครามไปพักใหญ่ ต่อมาบรรดาเสนาก็มาทูลชวนให้ไปรบต่อ มิเช่นนั้นประชาชนจะเห็นว่ากษัตริย์ของตนนั้นขี้ขลาด ลุ่มหลงอยู่แต่กับอิสตรี กษัตริย์หนุ่มก็เลยจำใจเตรียมจะยกทัพไปบุกเมืองของเจ้าหญิงพระมเหสี ฝ่ายเจ้าหญิงแอบรู้แผนการก่อนเลยส่งสารไปบอกพระบิดาของตนเอง ทำให้ฝ่ายกษัตริย์หนุ่มรบไม่ชนะ กษัตริย์หนุ่มทรงพิโรธมาก ตรัสว่าถ้ารู้ว่าใครเป็นไส้ศึกจะประหารด้วยมือของพระองค์เอง เจ้าหญิงเลยออกมาพูดความจริงว่าตนเองที่เป็นไส้ศึก และขอให้พระสวามีประหารชีวิตตนเสียเพราะเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วต้องไม่คืนคำ ฉากสุดท้ายสุดเศร้าคือฉากที่กษัตริย์หนุ่มจำใจประหารพระมเหสีสุดรักด้วย ธนูทอง และพระองค์ก็ตัดสินพระทัยดึงธนูทองที่ปักอยู่ที่พระอุระของมเหสียอดรักมาปักที่หัวใจพระองค์เอง สิ้นพระชนม์ไปด้วยกัน
ผู้พิชิตมัจจุราช (2506)

ผู้พิชิตมัจจุราช (2506/1963) ผู้พิชิตมัจจุราช เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2506 เป็นผลงานการกำกับของ ส.อาสนจินดา สร้างโดย วัชรภาพยนตร์ โดยมี วิมล ยิ้มละมัย เป็นผู้อำนวยการสร้าง ถ่ายภาพโดย ฉลอง ภักดีวิจิตร และลำดับภาพโดย ฉลวย ศรีรัตนา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ เทียน เหลียวรักวงศ์

มหาเวสสันดร (2504)
มหาเวสสันดร (2504/1961) มหาเวสสันดร เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2504 สร้างโดย เนรมิตภาพยนตร์ โดยมี จรี อมาตยกุล เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดยครูเนรมิต (อำนวย กลัสนิมิ) ถ่ายภาพโดย ส. อาสนจินดา และจัดจำหน่ายโดยบริษัทไทยฟิล์ม จำกัด ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากชีวประวัติเรื่องมหาเวสสันดรชาดกในทศชาติชาดก
ยอดชายชาตรี (2503)
ยอดชายชาตรี (2503/1960) ยอดชายชาตรี เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 กำกับการแสดงโดย วรุณ ฉัตรกุล ณ อยุธยา
ชูชกกับกัณหาชาลี (2500)
ชูชกกับกัณหาชาลี (2500/1957) ชูชกกับกัณหาชาลี เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 สร้างโดย 25 ศตวรรษภาพยนตร์ โดยมี ช.ลุนเผ่ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ทองต่อ จาตุรงคกุล และให้เสียงพากย์โดย เสถียร-ละม่อม ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากชีวประวัติเรื่องมหาเวสสันดรชาดกในทศชาติชาดก
โอเคสังข์ทอง (2497)
โอเคสังข์ทอง (2497/1954) ท้าวสามล เป็นกษัตริย์ ณ สามลพระนคร มีเอกอัครชายาชื่อ มณฑาเทวี มีพระราชธิดา 7 พระองค์ องค์สุดท้องชื่อ รจนา วันหนึ่งท้าวสามลและนางมณฑาเทวีใช้ให้ ขุนหมื่น ไปเชิญหน่อกษัตริย์ร้อยเอ็ดหัวเมืองมาชุมนุมให้ธิดาทั้งเจ็ดพระองค์เลือกเป็นคู่ครอง ธิดาทั้ง 6 เลือกหน่อกษัตริย์ที่ตนพึงใจ เว้นเสียแต่รจนาที่เลือกเอาเจ้าเงาะหน้าตาอัปลักษณ์เป็นคู่ แม้เสด็จพ่อเสด็จแม่จะห้ามปรามยังไงก็ไม่ฟัง รจนาและเจ้าเงาะครองสุขได้ไม่นานก็ถูกกลั่นแกล้งให้ไปหาปลา นายเงาะหรือพระสังข์ก็ไปหามาได้ซ้ำยังแกล้งตัดจมูกหกเขยเสียด้วย ต่อมานายเงาะก็ถูกเกณฑ์ให้ไปหาเนื้ออีกนายเงาะจึงแกล้งตัดหูหกเขย เวลาผ่านไปเจ้าเงาะไม่ยอมถอดรูปออกจึงร้อนไปถึงสวรรค์พระอินทร์ออกอุบายแปลงตนมาชิงเมืองท้าวสามล ท้าวสามลส่งใครไปรบก็แพ้ ส่ง 6 เขยไปต่อสู้ก็แพ้ มองไม่เห็นทางออกใดจึงจำยอมเชิญเจ้าเงาะมาช่วยรบ เจ้าเงาะยอมไปรบโดยถอดรูปเงาะและรบได้ชัยชนะกลับมา ขับไล่พระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไป เมื่อท้าวสามลและนางมณฑาเห็นเจ้าเงาะถอดรูปก็หลงใหล ยิ่งรู้ว่าเจ้าเงาะคือ พระสังข์ราชบุตรท้าวยศวิมลกับนางจันทร์เทวี ก็ยิ่งปลาบปลื้มยกสมบัติพัสถานให้สังข์ทอง
พิมพิลาไลย (2498)
พิมพิลาไลย (2498/1955) นิยายจาก ขุนช้างขุนแผน วรรณคดีชั้นเยี่ยมของไทย ทองประศรี ต้องเลี้ยงดู พลายแก้วแต่เพียงผู้เดียวหลังจากที่ ขุนไกร ต้องโทษประหารชีวิต 15 ปีผ่านไป พลายแก้วบวชเรียนสั่งสมวิชาจนเก่งกล้าวันหนึ่งเณรแก้วออกเทศน์ทำให้ พิมพิลาไลยหลงใหลในสำเนียง เณรแก้วไม่สามารถระงับกิเลสจึงลาสิกขาบทมาหานางพิมและแต่งงานกันในเวลาต่อมา เป็นผลให้ ขุนช้างแค้นพลายแก้วเพราะหมายปองนางพิมอยู่ ขุนช้างฉวยโอกาสกราบทูลพระพันวษาให้แต่งตั้งพลายแก้วไปคุมทัพปราบเชียงทอง ในระหว่างที่พลายแก้วไม่อยู่ก็ออกอุบายต่างๆ เพื่อให้นางพิมแต่งงานด้วยแต่ก็ไม่สำเร็จ ต่อมานางพิมล้มป่วย ขรัวตาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น วันทอง เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขุนช้างกุเรื่องหลอกนางวันทองจนสำเร็จและได้แต่งงานกับนางวันทอง พลายแก้วนำทัพชนะได้รับพระราชทานยศเป็นขุนแผน พร้อมได้ลาวทอง ชาวเชียงทองเป็นภรรยาอีกคน วันทองดีใจที่พลายแก้วไม่ตายแต่ก็เสียใจที่ตกเป็นของขุนช้างแล้ว ขุนแผนกับขุนช้างได้รับราชโองการให้ไปรับราชการ ขุนช้างฟ้องพระพันวษาว่าขุนแผนทิ้งหน้าที่หนีไปหาลาวทองที่สุพรรณบุรี ขุนแผนจึงถูกเนรเทศไปเป็นนายด่านเมืองกาญจนบุรี ขุนแผนแค้นขุนช้างมากจึงสร้างดาบฟ้าฟื้น ปลุกเศกกุมารทองและค้นหาม้าสีหมอกตามตำราพิชัยสงคราม แล้วบุกไปชิงนางวันทองที่เรือนขุนช้าง
วารุณี (2498)
วารุณี (2498/1955) เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้วมีคนตายที่บ้านของ จิต นักโบราณคดี ในตัวผู้ตายมีลายแทงกับกำไลข้างหนึ่งซึ่งเหมือนกับกำไลโบราณที่จิตมีอยู่ กำไลนี้มีลายสวัสดิกะสลักอยู่ ซึ่งเมื่อพันให้ตรงกันจะเกิดเป็นประกายไฟลุกขึ้น ตามลายแทงนั้นว่ากำไลนี้จะสามารถชุบชีวิตพระนางวารุณี ซึ่งถูกสาปเป็นหินอยู่ในถ้ำใต้ปราสาทหินพิมายให้คืนชีพขึ้นมาได้ จิตจึงชวนบุษบา น้องสาวและเชิด คนรักของบุษบาเดินทางไปปราสาทหินพิมายด้วยกัน โดยมีเมฆเป็นผู้นำทางผ่านดงพญาไฟ ระหว่างทางพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสิงสาราสัตว์ต่างๆ จิตและคณะถูกคนป่าพวกช่าย่าเหินซึ่งบูชาพระนางวารุณีจับตัว ปรากฏว่าแท้จริงแล้วเมฆเป็นหัวหน้าคนป่านั่นเอง เมฆสั่งประหารจิตแต่เชิดมาช่วยไว้ได้ เมื่อทั้งหมดเดินทางต่อจนถึงปราสาทหินพิมายก็เกิดแผ่นดินไหว แต่ในที่สุดก็สามารถหาทางเข้าถ้ำได้ และได้พบกับพระนางวารุณีซึ่งนอนเป็นหินอยู่บนแท่น จิตใช้กำไลวิเศษชุบชีวิตพระนางทำให้พระนางฟื้น และเล่าอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ผู้ที่ไปตายบ้านจิตก็คือ ขุนพลกัมพุช ซึ่งกลับชาติมาเกิดและพยายามชุบชีวิตพระนางแต่ไม่สำเร็จ ทันใดนั้น ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทำให้หินถล่มมาปิดทางเข้าถ้ำ พระนางวารุณีวิ่งกลับไปหาร่างของขุนพลฯ ที่เป็นหิน แต่เพดานถล่มลงมาทับพระนางเสียก่อนพระนางบอกทางออกให้จิต เชิด และบุษบาก่อนจะสิ้นลมหายใจ