ส.อ.ว.ห้อง 2 รุ่น 44 (2533/1990) ภาพยนตร์แห่งการทวงถามถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้หญิงยุคปัจจุบัน โดยที่เด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งจบการศึกษาชั้นมัธยม และชีวิตของคนในกลุ่มแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ลัดดาเธอแต่งงานกับเสี่ยร้านก๋วยเตี๋ยวและใช้ชีวิตตามสมถะ ขันทองถูกจับแต่งงานกับหนุ่มหล่อเจ้าสำอางค์ ลินดาเรียนต่อด้านบริหาร เพลินพรรณเธอเป็นเซลล์ขายสินค้าทุกอย่าง รำยงเรียนต่อมหาวิทยาลัย ระหว่างที่เรียนต่อ เธอได้เข้าประกวดนางงาม และสุนทรีก็เข้าประกวดด้วยเหมือนกัน วันตัดสินสุนทรีได้ตำแหน่งไป ทันทีที่ลงจากเวทีนายธนาคาร คนหนึ่งต้องการซื้อตัวรำยง ทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก วันต่อมารำยงเห็นสุนทรีเพื่อนรักไปกับเสี่ยนายธนาคารคนนั้น เธอผิดหวังมากที่เพื่อนยอมขายตัว ส่วนขันทองสามีก็เจ้าชู้และตบตีเธอ รำยงเฝ้ามองดูเพื่อนอย่างเศร้าใจ และได้ตัดสินใจทำรายการข่าวเพื่อเรียกร้องศักดิ์ศรีให้ผู้หญิงทุกคน
ปุกปุย (2533/1990) ว่าว (ณพัชร สุพัฒนกุล) เด็กน้อยที่มีพ่อติดการพนันอย่างหนัก เขามักจะถูกพ่อหาว่าเป็นตัวซวยอยู่เสมอ ในขณะที่แม่ (ธิติมา สังขพิทักษ์) เท่านั้นที่เข้าใจในตัวว่าว ว่าวต้องเดินทางไปอาศัยอยู่กับน้าที่ต่างจังหวัด โดยน้าสาว (ญานี จงวิสุทธิ์) ไม่ค่อยชอบว่าวเท่าใดนัก ว่าวมีเพื่อนใหม่ที่ชื่อ ชิชา (ปรางใส ณ นคร) แล้ววันแห่งการจากลาก็มาถึงเมื่อว่าวต้องเดินทางกลับบ้านเก่าอีกครั้งหนึ่ง เรื่องราวของ เด็กชายเสนา หรือ ว่าว มีพ่อซึ่งถูกผีพนันเข้าสิงมองเขาเป็นตัวซวย ชีวิตในแต่ละวันของว่าวผ่านไปอย่างกระท่อนกระแท่น ทั้งยังต้องเลี้ยงน้องชายวัยกำลังซนแทนแม่ที่หาเลี้ยงครอบครัวด้วยการเย็บผ้า แต่ว่าวก็ยังมีความฝันที่จะเป็นนักบินอวกาศไปเหยียบดวงจันทร์ แม้จะเป็นฝันที่ห่างไกลเหลือเกิน สิ่งที่ว่าวพอจะทำได้ในวัยเท่านี้คือไปทำงานเป็นเด็กเชิดสิงโตเก็บเงินซื้อจักรเย็บผ้าคันใหม่ให้แม่ ความสุขเพียงน้อยนิดดับวูบลงไปต่อหน้า เมื่อพ่อเสียพนันจนหมดตัว เจ้าหนี้ทยอยมายกของใช้ในบ้านรวมทั้งจักรเย็บผ้าของแม่ พ่อกล่าวโทษว่าเป็นเพราะว่าว ลูกซึ่งนำความซวยมาให้ และยื่นคำขาดให้แม่ส่งว่าวไปอยู่กับน้าชาย ว่าวได้พบกับ ชิชา เด็กน้อยผู้น่ารักซึ่งกลายมาเป็นกำลังใจให้ว่าว น้าชายและตาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ว่าวขาดหายไป ว่าวเฝ้ารอคอยวันที่แม่จะมาเยี่ยมแต่ก็ไร้วี่แววใด วันหนึ่งครอบครัวของชิชากำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อไปงานรับปริญญา ว่าวจึงได้ติดตามมาด้วย เมื่อพ่อเห็นหน้าว่าว ก็ยื่นคำขาดให้แม่ไล่ว่าวกลับไปอยู่กับน้าอย่างไม่แยแส พร้อมสำทับคำขู่ว่าไม่อย่างนั้นจะออกจากบ้าน แต่คราวนี้แม่ทำใจแข็งเพื่อปกป้องลูกชายทำให้พ่อต้องตัดสินใจออกจากบ้านตามคำประกาศของตัวเอง แต่ก็ต้องไปตกระกำลำบาก จนยอมกลับมาหาครอบครัวอีกครั้งพร้อมกับคำมั่นสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวเสียใหม่ จะรักและเข้าใจลูก โดยจะไม่คิดว่าว่าวเป็นตัวนำความโชคร้ายมาสู่ครอบครัวอีก
บุญชู 5 เนื้อหอม
บุญชู 5 เนื้อหอม (2533/1990) บุญชู 3 จำจากแม่ ชาวบ้านอำเภอบ้านโค่ง จังหวัดสุพรรณบุรี พากันเฉลิมฉลองให้กับบุญชูซึ่งสอบติดมหาวิทยาลัยเป็นคนแรกของอำเภอ โดยร่วมกันเดินขบวนไปส่งยังท่ารถสองแถว ก่อนจะขึ้นรถแม่ของบุญชูได้ฝากฝังให้ตั้งใจเรียน อย่าออกนอกลู่นอกทาง แต่สั่งสอนนานไปหน่อยจนรถสองแถวออกจากท่าไปแล้ว ทั้งคู่จึงเดินกลับบ้านเพื่อรอรถเที่ยวถัดไป โดยแก้ตัวกับคนที่เจอว่า รถเต็มแล้ว ไปไม่ได้ (บุญชู 3 มีความยาวเพียง4นาทีครึ่ง) บุญชู 4 ปีหนึ่ง ไวยกรณ์พาบุญชูเที่ยวชมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยสอนบุญชูว่าอย่าทำอะไรเปิ่นๆจนเกิดเรื่อง แต่ระหว่างที่จอดจักรยานบริเวณที่จอดนั้น บุญชูเกิดทำจักรยานล้มไปชนจักรยานคันอื่น ทำให้จักรยานล้มต่อกันไปเป็นแถวยาว ไวยกรณ์และบุญชูจึงรีบขี่จักรยานหนีออกมา (บุญชู 4 มีความยาว1นาทีเท่านั้น) บุญชู 5 เนื้อหอม บุญชูเข้าเรียนในคณะเกษตรได้ 3 ปีแล้ว ด้วยความเป็นคนซื่อนิสัยดี เจ้าคารม และสำเนียงเหน่อแบบสุพรรณที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้บุญชูเป็นที่รู้จักของเพื่อนๆทั้งในและนอกคณะ บุญชูได้พบน้องปีหนึ่งชื่อ อำภาวรรณ ซึ่งมีปัญหาเรื่องการเงิน เนื่องจากหลักฐานทางฐานะบ่งบอกว่าเป็นคนมีเงิน แต่อันที่จริงทางบ้านมีปัญหาเรื่องทรัพย์สินอยู่ ทำให้อำภาวรรณไม่ได้รับทุนการศึกษาจากบริษัทที่คอยสนับสนุนอยู่ ตรงกันข้าม ทุนกลับไปอยู่ที่ สายัณห์ ซึ่งนำทุนที่ได้ไปเลี้ยงเหล้าเบียร์เพื่อนๆ เมื่อการเข้าพบอาจารย์ที่รับผิดชอบเรื่องทุนการศึกษาไม่เป็นผลสำเร็จ บุญชูจึงตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานนิสิต โดยต้องแข่งกับเพื่อนสนิทอีกสองคนคือ เรวัติ และ จันทร์เพ็ญ โดยมีเพื่อนๆชาวก๊วนคอยช่วยเหลือ
ครูไหวใจร้าย (2532/1989) ครูไหวเป็นคุณครูที่มีใจรักเด็กและอาสา มาอยู่โรงเรียนชนบท ในอำเภอสะเมิง ที่ไม่ค่อยมีความเจริญ ครูไหวสอนหนังสือที่นี่ ตั้งแต่สาวจนแก่ วันหนึ่งขณะที่ครูไหวลงโทษลูกศิษย์อยู่ เกิดไม่สบายอย่างมาก ลูกศิษย์คนนั้น ต้องไปตามจ่าช่วง จ่าช่วงและหมออารีย์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของครูต้องนำครูไปที่ โรงพยาบาล หมออารีย์ตรวจร่างกาย ครูไหวรู้ว่าคุณครูป่วยหนักต้องผ่าตัด และนำตัวไปโรงพยาบาลที่กรุงเทพ โดยเรียกอาจารย์หมอกำแหงซึ่ง เป็นเพื่อนครูมาดูแลรักษาระหว่างที่ ครูไปรักษาตัวอยู่ชาวบ้านและลูกศิษย์ ต่างเป็นห่วงครูอย่างมาก สุดท้ายคุณครูหายดี กลับมาเห็นชาวบ้าน และลูกศิษย์คอยต้อนรับจึงทราบซึ้งใจ กับทุกคนและภูมิใจในความเป็นครู
น้ำเซาะทราย (2529/1986) เรื่องราวของ "ภีม" ชายหนุ่มที่มีภรรยาอย่าง "วรรณรี" อยู่แล้วแต่เมื่อ "พุดกรอง" เพื่อนสาวคนสนิทของภรรยาที่ภีมเคยรักมาก่อน ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดความแตกแยกในครอบครัวของภีมอย่างรุนแรง ภีม และ วรรณรี คู่รักที่ใช้ชีวิตอยู่กับลูกน้อยสองคนที่กำลังเติบใหญ่ จนเมื่อ พุดกรอง ม่ายสาวผู้เป็นเพื่อนรักของวรรณรีได้เข้ามาใกล้ชิดกับพวกเขา และเกิดมีสัมพันธ์กับภีม ครอบครัวที่เคยสงบสุขก็มีถึงคราวต้องแตกสลาย
ผีเสื้อและดอกไม้ 2528
ผีเสื้อและดอกไม้ (2528/1985) ฮูยัน เด็กหนุ่มที่ตัดสินใจออกจากการเรียนเพื่อไปทำงานหารายได้ช่วยครอบครัว จนได้ไปเข้าร่วมขบวนการกองทัพมดของเด็กหนุ่มจำนวนมากที่ทำงานขนข้าวขึ้นรถไฟไปขายยังชายแดนมาเลเซีย เป็นผลให้เขาได้เรียนรู้ถึงเรื่องราวของชีวิตและมิตรภาพ ฮูยัน เป็นเด็กมุสลิมเกิดในครอบครัวที่ฐานะยากจน มีพ่อเป็นกรรมกรรถไฟซึ่งกำลังจะตกงาน มีน้องๆอีก 2 คนในความดูแล ฮูยันต้องออกจากโรงเรียนเพราะไม่มีเงินจ่ายค่ากระดาษสอบทั้งที่เป็นเด็กที่เรียนเก่ง จากนั้นก็ต้องดิ้นรนหาเงินมาจุนเจือครอบครัวด้วยวิธีต่างๆ เริ่มแรกจากเดินขายไอติมก็ไปไม่รอด จนกระทั่งเข้าไปอยู่ในขบวนการกองทัพมดลอบขนข้าวสารข้ามประเทศ ในวัยที่เปรียบเสมือนดอกไม้แรกผลิ ฮูยันกลับต้องเผชิญภยันตรายเสี่ยงภัยต่างๆ ท่ามกลางความขัดแย้ง อาชญากรรมและควันปืนคุกรุ่นในชุมชนที่ยากจนซ้ำซาก
เขยใหม่ปึ๋งปั๋ง (2522)
เขยใหม่ปึ๋งปั๋ง (2522/1979) เรื่องราวของ "กิมธง แซ่เบ้" หนุ่มเชื้อสายจีนพูดไทยไม่ชัด ได้พบรักกับ "วรรัตน์" สาวสวยนักเรียนนอก แม้ทั้งคู่จะรักกันมาก แต่แม่ของวรรัตน์กลับรังเกียจลูกเขยคนจีนคนนี้มาก ทำให้เกิดศึกประทะคารมและประสาทระหว่างลูกเขยและแม่ยายเป็นประจำ ด้านแม่ของวรรัตน์ก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายความรักของคนทั้งสอง
น้ำค้างหยดเดียว (2521)

น้ำค้างหยดเดียว (2521/1978) ข้อความบนใบปิด บริษัทเอแพ็กซ์โปรดักชั่นจำกัด มิใช่เป็นเพียงภาพยนตร์ แต่มันเป็นชีวิต... “น้ำค้างหยดเดียว” สร้างสรรค์ “ความใหม่” เพื่อหนีความจำเจ นิจ อลิษา สุรเดช ชุ่มสิน ด.ช.กริช วงศ์ไทย นันทา ตันสัจจา อำนวยการสร้าง ชูชาติ โตประทีป ถ่ายภาพ สุชาติ วุฒิวิชัย กำกับการแสดง

 
วัยตกกระ (2521)
วัยตกกระ (2521/1978) ความสมบูรณ์พร้อมด้วยเกียรติและทรัพย์สินของครอบครัว ส่งผลให้ นิสา วัฒน์ และ เล็ก สามพี่น้องไม่ได้นึกถึงความกตัญญูต่อมารดาเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดต่างไม่ไยดีต่อแม่ผู้ให้กำเนิด และทำตัวหมางเมินจนเหมือนเป็นเพียงคนแก่ที่เดินผ่านไปผ่านมาภายในบ้าน วันหนึ่งหญิงชราก็มิอาจทนการถูกดูแคลนจากลูกบังเกิดเกล้าได้ จึงตัดสินหนีออกจากบ้านไปโดยไม่บอกกล่าว ความสมบูรณ์พร้อมด้วยเกียรติและทรัพย์สินของครอบครัว มิได้ทำให้ นิสา, วัฒน์ และ เล็ก สามพี่น้องได้คำนึงถึงความกตัญญูต่อมารดาเลยแม้แต่นิด นิสา เอาแต่เป็นสาวสังคมปล่อยให้สามีซึ่งเป็นคนรวยคอยว่าร้ายมารดาเธอ วัฒน์ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็มีท่าทีจะคอรัปชั่นโดยไม่ใส่ใจคำสอนของมารดา ในขณะที่เล็กก็หลงผู้ชายจนโงหัวไม่ขึ้นไม่แยแสแม้กระทั่งคำตักเตือน ซ้ำยังเกรี้ยวกราดใส่มารดาหาว่าเข้ามายุ่งยากกับชีวิต ทั้งหลายทั้งปวงทำให้หญิงชราที่เคยให้กำเนิดเลี้ยงดูลูกรักทั้งสาม ถูกมองข้ามและถูกทอดทิ้งให้กลายเป็นคนแก่ที่เดินผ่านไปผ่านมาภายในบ้าน ดีที่ได้ทรงพลเด็กหนุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงคอยเติมเต็มความรู้สึกที่ดีราวกับหลานรัก แต่กระนั้นนางก็มิอาจทนถูกดูแคลนจากลูกบังเกิดเกล้าจึงตัดสินหนีออกจากบ้านไปโดยไม่บอกกล่าว  เหตุนี้จึงทำให้ บุตรและธิดาทั้งสามกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้ง นิสาออกตามหามารดาอย่างสุดกำลัง วัฒน์ตัดสินใจเลิกสมคบกันคอรัปชั่นกับนายทุนอย่างเด็ดขาด ในขณะที่เล็กก็รู้ซึ้งถึงคำเตือนของมารดาเมื่อผู้ชายของเธอนั้นเป็นเพียงคนหลอกลวงที่ทิ้งเธอไป ทั้งสามออกตามหามารดาพร้อมด้วยการช่วยเหลือจากทรงพล เด็กหนุ่มซึ่งดูจะห่างเหินจากคนบ้านนี้แต่กลับกลายเป็นคนที่เข้าใจมารดาของคนบ้านหลังนี้ที่สุด กระทั่งได้มาพบกับมารดาที่บ้านพักคนชรา ทั้งสามจึงขออโหสิกรรมและวิงวอนให้มารดากลับไปอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง โดยสัญญาว่าเรื่องที่เคยผ่านมาจะไม่มีทางเกิดขึ้นต่อมารดาผู้เป็นที่รักยิ่งอีกแล้ว
7 ซุปเปอร์เปี๊ยก (2521)

7 ซุปเปอร์เปี๊ยก (2521/1978)สักกะ จารุจินดา จงใจสร้างเป็นของขวัญสำหรับเด็ก สุดสนุก ซึ้งซาบประทับใจ "เมตตา" จากนางอิจฉา กลายเป็น ซินเดอเรลล่า โรแมนติค เข้าท่า

ครูระบำพานักเรียนไปเข้าค่ายพักแรมที่หาดยาว ครูระบำปล่อยเด็กๆ ไปเดินเล่น ธงชัยและเพื่อนอีก 6 คน เดินเล่นและไปพบกับบ้านหลังหนึ่ง จึงแอบเข้าไปดูด้วยความซุกซน และได้รู้ว่าเป็นที่หลบซ่อนตัวของพวกโจรขโมยทอง ธงชัยและเพื่อนๆ ช่วยกันวางแผนจนสามารถนำทองกลับมามอบให้ตำรวจสำเร็จ

เมื่อโรงเรียนปิดเทอม ครูระบำ (เมตตา รุ่งรัตน์) กับครูโป้ง (ปัญญา นิ่มเจริญพงษ์) ก็พานักเรียนประมาณ 40 คนไปเที่ยวชายทะเลที่จังหวัดระยอง โดยไปตั้งแค้มป์พักกันเองเพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ต่อมาเด็กกลุ่มหนึ่ง 7 คนซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องก็พากันไปเที่ยวตกปลาหาหอยไกลจากที่พักและไปพบบ้านร้างหลังหนึ่งซึ่งสมัยก่อนเคยเป็นที่พักของทหารอเมริกัน มีป้ายปักหน้าบ้านว่า ห้ามเข้า ผีดุ เด็กๆ ก็เห็นว่าเป็นเรื่องตลกเพราะครูสอนว่า ผีไม่มีในโลก จึงจะพากันเข้าไปพิสูจน์ในบ้านหลังนั้น แต่ก็ถูกชายคนหนึ่งไล่ออกมาก่อน เด็กๆ ก็คิดกันว่า บ้านร้าง แต่มีคนเฝ้า มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เป็นเรื่องไม่ดีเหมือนอย่างที่เคยเห็นในหนังทีวี จึงจะแอบเข้าไปดูให้รู้ความจริง แม้ว่าจะมีเด็กๆ บางคนคัดค้าน แต่สุดท้ายก็ตามไปด้วย

พอแอบเข้าไปในบ้านร้าง เด็กๆ ก็ได้ยินฝรั่งคนร้ายพูดถึงเรื่องการนำทองคำแท่งซึ่งปล้นมาจากธนาคารไปแลกกับอาวุธสงคราม ก็รีบไปบอกครูโป้ง แต่ครูโป้งกลับเตือนไม่ให้เข้าไปยุ่งกับที่นั่นเอง พอดีจ่าหงอยผ่านมาเยี่ยมแค้มป์ เด็กๆ ก็เล่าเรื่องให้จ่าหงอยฟัง จ่าหงอยฟังแล้วกลับคิดว่าเด็กๆ เล่าเรื่องจากหนังทีวีให้ฟัง ทำให้เด็กๆ ก็พากันน้อยใจที่ไม่มีใครเชื่อคำพูดตน จึงตกลงกันว่า จะต้องไปเอาทองคำแท่งมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เด็กๆ อย่างเราพูดจริง จากนั้นก็พากันกลับไปที่บ้านร้างและลอบเข้าไปในห้องใต้ดินและก็นำทองคำแท่งมาใส่ไว้ในเสื้อของจุ๋มจิ๋มเด็กตัวอ้วนๆ แต่ขณะกำลังจะหนีออกมา คนร้ายก็รู้ตัวและจับจุ๋มจิ๋มไว้ เด็กๆ ก็รีบกลับไปบอกครูและตำรวจมาช่วยจุ๋มจิ๋ม คนร้ายรู้ว่า ความลับรั่วไหลและตำรวจกำลังจะมาจึงหลบหนีไป เด็กๆ ก็รอดปลอดภัยกลับมา

อุดมเด็กดี (2505)
อุดมเด็กดี (2505/1962) อุดม มั่นสุจริต เด็กยากจนแต่มีความขยันหมั่นเพียร มีมานะในการทำงานเพื่อเลี้ยงแม่และค่าเช่าที่ดิน ซึ่งหากไม่มีเงินมาจ่ายก็อาจจะเสียม้าที่ชื่อ เจ้าลอยลม มรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ การหาเงินเป็นเรื่องยากลำบากรวมถึงต้องพบกับอุปสรรค และชะลอ รักการค้า เพื่อนขี้เกียจที่ชวนอุดมให้เกียจคร้าน แต่ท้ายสุดด้วยความซื่อสัตย์และขยัน อุดมจึงช่วยแม่ จ่ายค่าเช่าที่ดิน และช่วยให้ชะลอให้หายหลังยาวได้สำเร็จ
แม่ศรีเรือน (2497)
แม่ศรีเรือน (2497/1954) เพราะทนถูกนายจ้างเอาเปรียบเรื่องเงินเดือนไม่ได้ โดม จึงตัดสินใจลาออกจากงานมาเป็นพ่อบ้าน ชไมพร ภรรยาที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านจึงจำต้องออกไปหางานทำแทนสามี กระทั่งได้งานที่บริษัทสตรีไทยของ คุณนายแช่มช้อย บริษัทที่ออกกฎห้ามพนักงานหญิงมีสามี ชไมพรจึงต้องปิดบังเรื่องโดมไว้เป็นความลับ ความสามารถของชไมพรเป็นที่ปลาบปลื้มของคุณนายแช่มช้อย จึงพยายามจับคู่ชไมพรให้ ชวลิตลูกชาย ฟากโดมก็ได้รู้จักกับ วัทณีย์ ลูกสาวเจ้าของบ้านเช่าที่ตนอาศัยอยู่ ความรักระหว่างโดมกับชไมพรจึงส่อแววเข้าใจผิดเป็นเหตุให้เกิดเรื่องยุ่งๆ ตามมา กระทั่งความลับถูกเปิดเผย ในจังหวะเดียวกับที่ชวลิตและวัทณีย์ดันมาชอบกันโดยบังเอิญ ด้วยความเมตตาชไมพร คุณนายแช่มช้อยจึงยกเลิกกฎ และให้ชไมพรได้ทำงานต่อไป ฝ่ายโดมหลังจากว่างงานมานานก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ด้วยความช่วยเหลือจากวัทณีย์ เรื่องจึงจบลงด้วยความสุขสมหวังทุกประการ
พลายมลิวัลย์ (2496)
พลายมลิวัลย์ (2496/1953) ม.จ. สุริยา ผู้มีชาติตระกูลฐานะนักเรียนนอกมีความรู้ ผิดหวังชีวิตในการทำงาน ทําให้เป็นผู้ติดเหล้าขนาดหนัก จนกระทั่งหลงไปอยู่ในป่าไม้ศรีราชาโดยไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร ได้ทํางานเป็นควาญเลี้ยงช้างชื่อ "พลายมลิวัลลิ์" มีความผูกพันกันระหว่างคนกับสัตว์และสัตว์กับคน ในเวลา 2 ปีที่อยู่ในป่าไม้ มีตัวเชื่อมคือเหล้าเถื่อน กินทั้งคนและช้าง การหายไปของ ม.จ. สุริยา ที่มีบุตรชายกับภรรยา (อรพิน) ทําาให้คิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว จึงได้แต่งงานใหม่ กับ ม.จ.วรวัฒน์ ภายหลัง 2 ปี ได้นําครอบครัวมาเยี่ยมเยียนดูแลธุรกิจของของครอบครัวที่ศรีราชา ทําให้ลูกชาย (จิ๋ว) และสุริยาได้พบกัน แต่พลายมลิวัลลิ์ที่มีความรักให้กับสุริยา เหมือนสัตว์รักคน เกิดรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนปุถุชน จึงดันรถไฟจะให้ทับร่างจิ๋ว ลูกชายที่กําลังเดินทางกลับ พ่อเห็นจึงโดดให้รถไฟทับเพื่อช่วยลูกชาย
ตุ๊กตาจ๋า (2494)
ตุ๊กตาจ๋า (2494/1951) เฉลิม ชลกุล ญาติสนิทปฏิเสธการช่วยเหลือเรื่องเงินทอง อุดม ชายโฉดจึงลักพาตัวตุ๊กตา ลูกสาวของเฉลิมไป แต่อุดมไม่อยากมีภาระ จึงเอาตุ๊กตาไปฝากไว้กับ ละม้าย ญาติซึ่งไม่ชอบขี้หน้าเฉลิม โดยเสนอว่าจะส่งเงินให้ ละม้ายปฏิเสธการช่วยเหลือจึงถูกอุดมฆ่าปิดปาก โจ้ กับ ธร ซึ่งนั่งเลื่อยไม้อยู่แถวนั้น ได้ยินเสียงปืนดังลั่นก็รีบวิ่งไปดูที่มาของเสียง พบศพของละม้ายนอนตายอยู่กลางทาง และมีตุ๊กตานั่งอยู่ข้างๆ ศพโจ้กับธรจึงเก็บตุ๊กตามาเลี้ยงเพราะความสงสาร ด้วยความยากมีเงินทอง โจ้กับธรจึงต้องอาศัยการลักเล็กขโมยน้อยประทังชีวิต 10 ปีผ่านไป ตุ๊กตาเริ่มโตพอจะอ่านออกเขียนได้ ธรก็ใช้ความรู้เท่าที่มีสอนหนังสือให้ตุ๊กตา แล้วโชคชะตาก็พาให้ตุ๊กตาได้พบกับแม่ที่แท้จริง เมื่อธรเกิดไปถูกใจสาวสวยคนหนึ่ง แต่ถูกสาวเจ้าสาดน้ำใส่ อารามเสียหน้าจึงตั้งใจจะไปขโมยของในบ้านของสาวเจ้าเป็นการแก้เผ็ด แต่เมื่อเข้าไปในบ้าน ธรกลับได้เห็นรูปภาพของเด็กหญิงตุ๊กตาใส่กรอบรูปไว้เป็นอย่างดี จึงได้รู้ว่าตุ๊กตาเป็นลูกสาวของบ้านนั้นที่หายตัวไปพร้อม ๆ กับที่รู้ว่าสาวที่ตนแอบชอบนั้นตาบอด เป็นพี่สาวของตุ๊กตา ชื่อว่า ไพริน เมื่อธรแน่ใจจึงเล่าความจริงให้โจ้ฟัง และชวนกันไปทำความรู้จักกับครอบครัวของไพรินในวันต่อมามณี แม่ของไพรินได้เห็นตุ๊กตาก็ถึงกับตะลึงงัน จึงต้อนรับขับสู้แขกแปลกหน้าทั้งสามอย่างไม่มีทีท่ารังเกียจ แต่แล้ววันหนึ่ง อุดมก็มาปรากฏตัวที่บ้านของธรเพื่อข่มขู่จะเอาตัวตุ๊กตา แล้วไปเรียกค่าไถ่จากมณี ธรกับโจ้ปรึกษากันเห็นว่าไม่มีทางออกอื่นนอกจากต้องคืนตุ๊กตาให้ครอบครัวที่แท้จริงเพื่อความปลอดภัยของเด็กน้อย แม้ทั้งสองจะรักตุ๊กตาประดุจลูกในไส้ก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่อุดมนัดหมายจะมารับตุ๊กตา ธรเอาตัวเข้าสู้และยิงอุดมเสียชีวิต แม้ตัวเองจะต้องตายไปด้วยก็ตาม