๔๐๐ นักรบ ขุนรองปลัดชู THE400BRAVERS (2561/2018) เรื่องราวของ ๔๐๐ นักรบ ขุนรองปลัดชู เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ก่อนการเสียกรุงครั้งที่สองราวห้าปี พระเจ้าอลองพญา (กษัตริย์แห่งอาณาจักรอังวะของพม่า) ได้ส่งกองทัพรี้พลสองหมื่นนาย ยกมายึดเมืองตะนาวศรีและเมืองมะริด อันเป็นเมืองท่าที่สำศัญของอโยธยาในแถบทะเลอันดามัน หลังจากที่ทราบข่าวศึกทางอโยธยาได้ส่งกองทัพสองกองเพื่อปกป้องรักษาแผ่นดิน โดยกองทัพพระยายมราชและกองทัพพระยารัตนาธิเบศร์ ในขณะเดียวกัน ขุนรองปลัดชู กรมการเมืองวิเศษไชยชาญได้รวบรวมเหล่าอาสาอาทมาฏ จำนวน 400 นายมาร่วมทัพด้วย หลังจากนั้นเมื่อพระยารัตนาธิเบศน์ทราบข่าวว่า ทัพของพระยายมราชได้แตกพ่าย โดยกองทัพอังวะที่กำลังเดินทัพเข้ามา จึงมอบหมายให้ขุนรองปลัดชูนำกองอาทมาฏ 400 นาย ไปยันทัพที่เมืองกุยบุรี อีกไม่นานทางกองทัพมังระราชบุตรและมังฆ้องนรธาเคลื่อนผ่านช่องด่านสิงขร เข้ามาก็ได้พบทัพไทยขวางอยู่ที่เมืองกุยบุรี จึงยกพลเข้าโจมตี ถึงแม้จะมีทหารน้อยกว่าข้าศึกหลายสิบเท่าก็ตาม และรู้ว่าจุดจบจะเป็นเช่นไร แต่ขุนรองปลัดชูกับพวกนักรบผู้กล้าทั้ง 400 นายก็ต่อสู้ไม่หวั่น ต่อต้าน และต้านทานกันอย่างเข้มแข็ง ต่อสู้จนตัวตายในสนามรบจนหมดสิ้น..
รักเป็นบ้า CRAZY LOVE (2560/2017) เมืองไท (อนุพงศ์ สกุลมงคลลาภ) อาศัยอยู่ฝั่งมหาชัยส่วนแฟนสาววัยละอ่อนชื่อ ฟ้า (ประวีวรรณ สิงห์โต) อาศัยอยู่ฝั่งท่าฉลอม บ้านของเมืองไทนั้นเป็นท่าเรือข้ามฟากไปฝั่งท่าฉลอม ซึ่งด้านบนเป็นที่พักของเมืองไท ส่วนด้านล่างเป็นท่าเรือข้ามฟากและสภาพแวดล้อมของเมืองไท ประกอบไปด้วยบุคคลหลากหลายประเภทเช่น คุณลำยง แซ่หลีพนักงานเก็บค่าโดยสารเรือข้ามฟาก ที่เอาใจใส่เมืองไท ยิ่งกว่าคนรักเสียอีก และสาวตูนพนักงานทำความสะอาดร้านอาหารที่อยู่ติดกับบ้านเมืองไท มีอาชีพเสริมคือบริการสยิวทางโทรศัพท์ โดยมีเมืองไทเป็นหนุ่มในจินตนาการของตูน ในขณะที่งานของเมืองไทราบรื่นรุ่งเรื่องแต่ชีวิตรักกลับมีอันจบลงอย่างไม่เป็นท่า โดย ฟ้า เป็นฝ่ายทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดีพร้อมทิ้งคำถามที่ค้างคาใจให้เมืองไท ได้คิดว่าผู้หญิงต้องการอะไร เมืองไท เผลอไปทำร้าย หญิงบ้า (อิสซาเบล่า เลเต้) ที่บุกเข้ารื้อค้นข้าวของของเขาถึงในบ้าน และในตัวหญิงบ้า มียาติดตัวมาด้วยจำนวนหนึ่ง เมืองไทจำต้องดูแลหญิงบ้าอย่างที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน ทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ ฯลฯ หญิงบ้ามีอาการชัก เป็นโรคประจำตัว และการชักนั้นรุนแรงขึ้นทุกวัน เมืองไทจึงต้องเฝ้าดูตลอดเวลา เพื่อป้อนยา ตามคำแนะนำของพี่สาวที่เป็นหมอ เพราะเวลาชักหญิงบ้าจะกัดลิ้นตัวเองและถ้าพลาดการให้ยา นั่นอาจหมายถึงชีวิต
คนขับรถ DRIVER (2560/2017) คนขับรถเล่าเรื่องราวของ เกด (ศิตา ชุติภาวรกานต์) ผู้หญิงสวยและแสนดีคนหนึ่งที่ เต้ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) สามีของเธอหายตัวไปแบบติดต่อไม่ได้หลังจากทริปดูงานที่เกาหลี เกดร้อนใจจึงปรึกษาตั้ม(ปฏิพล นาคะประเสริฐกุล) เพื่อนที่เป็นตำรวจให้ช่วยสืบดูแต่ตั้มคิดว่าเต้คงไปเถลไถลที่ไหนต่อตามประสาผู้ชายจึงให้เกดรอดูอีกสองสามวัน เกดรอไม่ไหวจึงขอให้ แมค (ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย) คนขับรถของเต้พาเธอไปสืบดูที่ออฟฟิสจนเจอบิลค่าไฟบ้านหลังที่เธอไม่เคยรู้จัก เกดขอให้แมคขับรถพาเธอไปตามหาบ้านหลังนั้นหวังว่าจะเจอสามีสุดที่รัก แต่สิ่งที่เธอค้นพบกลับเป็นเบาะแสสู่ความลับที่เจ็บปวดที่ทำให้เธอไม่สามารถไว้ใจใครได้อีกตลอดไป คนขับรถเป็นภาพยนตร์แนวดราม่าที่มีความเป็นอีโรติกและทริลเล่อร์ผสมอยู่ นำแสดงโดย ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย, ภูริ หิรัญพฤกษ์, ปฏิพล นาคะประเสริฐกุล และนางเอกใหม่ประเดิมผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก ศิตา ชุติภาวรกานต์ เขียนและกำกับโดย ฐิติพันธ์ รักษาสัตย์ อำนวยการสร้างโดย ปฐมกฤษณ์ สุดสระ
ทองดีฟันขาว (2560)

ทองดี ฟันขาว (2560/2017) เรื่องราวความกล้าหาญและความจงรักภักดีในช่วงชีวิตสำคัญของ “นายทองดี ฟันขาว” นักสู้หัวใจแกร่งที่มากความสามารถและฝีไม้ลายมวย โชคชะตานำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันในนาม “พระยาพิชัยดาบหัก” ทองดี นักสู้หัวใจแกร่ง ผู้มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อรักษาคำมั่นสัญญา กล้าหาญจงรักภักดี มีความสามารถและฝีไม้ลายมือทางหมัดมวยและดาบอย่างหาตัวจับยาก เขาไม่ชอบกินหมาก จึงเป็นที่มาของฉายา ทองดีฟันขาว ชีวิตของเขาต้องระหกระเหินจากครอบครัวตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย และต้องออกเดินทางหาเงินเลี้ยงตัวจากการชกมวย และร่ำเรียนวิชามวยเพิ่มเติมจากบรรดาครูมวยตามเมืองต่างๆ จนสุดท้ายโชคชะตาและวีรกรรมอันเลื่องชื่อของเขาก็นำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่ง พระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทย ที่รู้จักกันในนาม พระยาพิชัยดาบหัก

พันท้ายนรสิงห์ (2558/2015) ในปี พ.ศ. 2231 รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชตอนปลาย ขณะที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชประทับอยู่ที่เมืองลพบุรีและประชวรหนัก หลวงสรศักดิ์ได้จับตัวเจ้าพระยาวิชเยนทร์ไปสำเร็จโทษ และพระเพทราชาได้กำจัดพระปีย์ พระโอรสบุญธรรมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เสด็จสวรรคต บรรดาข้าราชการได้อัญเชิญพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาบุรุษวิสุทธิเดชอุดม หรือ สมเด็จพระเพทราชา ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) แห่งกรุงศรีอยุธยา ราว พ.ศ. 2246 – 2252 บ้านเมืองวุ่นวายเพราะพระยาราชสงครามรีดไถประชาชนด้วยการอ้างพระบรมราชโองการในการเกณฑ์ช้างม้าวัวควายไปเพื่อเป็นภาษี ส่วนสาววัยรุ่นจะนำไปถวายพระเจ้าเสือ เพื่อเป็นนางสนมในพระราชวัง ส่งผลให้ชาวบ้านทุกทั่วหัวระแหงได้รับความเดือดร้อน ขณะเดียวกันพระพิชัย เจ้าเมืองวิเศษชัยชาญ ก็ได้ตั้งกลุ่มเพื่อต่อต้านการกระทำของขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ด้วยการตั้งตัวเป็นกองโจรเพื่อปล้นเสบียงและผู้หญิงที่ถูกเกณฑ์ไปในวังหลวง ซึ่งหนึ่งในกองโจรนั้นมี สิน ซึ่งชอบช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน สินมีเมียรักชื่อ นวล ที่คอยช่วยเหลือทั้งงานบ้านและการต่อสู้กับทหารที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง เธอเคยรบเร้าให้สินเลิกเป็นโจรหลายครั้งแต่ไม่เป็นผลเนื่องจากสินต้องการสร้างความยุติธรรมให้กับชาวบ้าน ต่อมาพระเจ้าเสือได้ทรงพระราชดำเนินไปตกปลากับขุนนางคนสนิทเป็นการส่วนพระองค์ โดยปลอมตัวเป็นสามัญชนชื่อว่า ทิดเดื่อ ซึ่งนัยหนึ่งพระองค์ต้องการทราบถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้นได้ปะฝีมือเชิงมวยกับสินผู้เป็นชาวบ้านธรรมดา โดยไม่รู้ว่าคนที่ตนกำลังชกอยู่ด้วยเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่ไม่ทันได้รู้ผลแพ้ชนะก็มีขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงมาอ่านพระบรมราชองค์การในการเกณฑ์ราษฎรชายไปเป็นทหาร ทำให้พระเจ้าเสือได้รับทราบการทุจริตของข้าราชการและได้พูดคุยกับสินอย่างถูกคอ หลังจากพระเจ้าเสือเสด็จกลับพระราชวังได้มีรับสั่งให้สินเข้ารับราชการในตำแหน่งนายทหารคัดท้ายเรือประจำพระที่นั่งเอกไชยและช่วยเหลืองานราชการในการปราบขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยต่อมาคือ พันท้ายนรสิงห์ จนได้รับคำยกย่องว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษาระเบียบวินัย ครั้นพระเจ้าเสือเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรี ซึ่งจะต้องผ่านตำบลโคกขามซึ่งคลองบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวและแคบ ทำให้พระพิชัย และพระพินิจ ทหารเก่าในสมัยพระนารายณ์ที่เกลียดชังพระเจ้าเสือวางอุบายลอบปลงพระชนม์ได้ ขณะเดียวกันนั้นสินที่ได้ล่วงรู้แผนการนี้จึงให้นวลไปขอร้องกับพระพิชัยแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตนจึงวางแผนบังคับเรือพระที่นั่งให้ชนกับริมตลิ่งเพื่อไม่ให้พระเจ้าเสือเสด็จพระราชดำเนินไปถึงจุดที่กลุ่มชาวบ้านซุ่มอยู่ เมื่อเรือพระที่นั่งเอกไชยมาถึงตำบลโคกขาม สินพยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งจนชนตลิ่ง ทำให้หัวเรือพระที่นั่งเอกไชยหักตกลงไปในน้ำ สินรู้โทษดีว่าความผิดครั้งนี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณีซึ่งกำหนดว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหักผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสีย สินจึงกราบทูลขอน้อมรับโทษตามพระราชประเพณี พระเจ้าเสือทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเหตุสุดวิสัยมิใช่ความประมาทจึงพระราชทานอภัยโทษให้ แต่สินก็กราบบังคมยืนยันให้ตัดศีรษะตนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดกฎหมายและเป็นการป้องกันมิให้เกิดข้อติเตียนต่อพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดิน พระเจ้าเสือไม่ต้องการประหารสินจึงทรงโปรดให้ฝีพายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรูปสินแล้วให้ตัดศีรษะรูปดินนั้นเพื่อเป็นการทดแทน แต่สินยังคงยืนยันขอให้ตัดศีรษะตน โดยขอให้พระเจ้าเสืออภัยโทษให้แก่กลุ่มผู้ที่ลอบปลงพระชนม์ แม้พระเจ้าเสือจะทรงอาลัยรักน้ำใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใดก็ทรงจำพระทัยปฏิบัติตามพระราชกำหนด จึงตรัสสั่งให้เพชฌฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์แล้วโปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตาและนำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้นขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล ทำให้พระพิชัยที่แอบดูอยู่รู้ความจริงว่าพระเจ้าเสือมิได้เลวร้ายอย่างที่คิด จึงถวายตัว รับใช้พระเจ้าเสือด้วยความซื่อสัตย์ตลอดมา
พรหมจรรย์ สวยพันธุ์สยอง (2558/2015) เนญ่า (ไอยวริญท์ โอสถานนท์ โธมัส) หญิงสาวผู้ปิดกั้นความรักจากผู้ชายทุกคนเพราะมีความเชื่อว่าผู้ชายทุกคนเจ้าชู้ และเห็นผู้หญิงเป็นแค่เครื่องเล่นบำเรอความใคร่ ได้เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดทางเหนือตามคำชักชวนของ แพรว (พัทธ์ธีรา ศรลัมพ์) กับ กิ๊บ สองเพื่อนหญิงคนสนิท เนญ่า ไม่พอใจเมื่อเห็นว่า กิ๊บ แอบนัด พัตโตะ (ธนันท์รัฐ ยันต์ฉิมพลี) แฟนหนุ่มกับเพื่อนชายอีกสองคนที่ชื่อ ยิม (กวินพนธ์ พานิชพงษ์) และ มาวิน (กวี วงศ์จันทรา) มาด้วย กิ๊บ วางแผนให้ยิมหลอกฟัน เนญ่า เพื่อต้องการพิสูจน์ว่าที่ เนญ่า เป็นเลสเบี้ยนหรือผู้หญิงแท้ เนญ่า ไม่ชอบหน้า มาวิน แต่กลับรู้สึกดีกับ ยิม เพราะหลงเชื่อว่า ยิม เป็นสุภาพบุรุษ ในขณะเดียวกัน มาวิน กลับเริ่มสนใจในตัว เนญ่า เพราะเข้าใจผิดคิดว่า เนญ่า ยังบริสุทธ์ ในระหว่างที่ทุกคนใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพักในป่าลึก เนญ่า ได้เดินหลงเข้าไปในป่าและเจอกับหญิงสาวที่มีรอยสักเต็มตัวโดยเฉพาะรอยสักเสือที่อยู่ด้านหลัง เนญ่า กลับออกมาจากป่าโดยที่จำไม่ได้ว่าตัวเองถูกหญิงสาวคนนั้นสักรูปเสือเอาไว้ที่แผ่นหลัง หลังจากวันนั้น เนญ่า ก็มีท่าทีและพฤติกรรมที่แปลกไปพร้อมกับเกิดเหตุการณ์ที่ มาวิน ถูกเสือฆ่าตาย ทุกคนเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ เนญ่า และเสือที่ออกมาตามฆ่าพวกเขาเป็นเสือจริงหรือเสือสมิงตามที่ชาวบ้านล่ำลือกันแน่ เรื่องราวความลี้ลับที่แฝงไปด้วยเสน่หาแห่งความตายภายใต้มนต์ไสยศาสตร์ของรอยสัก เสือกำลังรอคอยเพื่อให้คุณได้พิสูจน์ความจริง
สยามยุทธ Siam Yuth (2558/2015) ทัพ (ธันน์ ธนากร) นักดนตรีพเนจร ได้พบกับการสังหารเข่นฆ่าชาวบ้านโดยฝีมือของ ขุนราม (ธนายงค์ ว่องตระกูล) ผู้ทะเยอทะยานหมายยึดครองแผ่นดิน โดยป้ายความผิดให้แก่ขุนศึกที่แตกทัพมาอย่าง สิน (กฤษฏ์ศิรวัชร แก้วมณีกานนท์) ทัพเห็นความไม่เป็นธรรม และต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ชาวบ้าน จึงเดินทางไปเมืองจันทบูร ซึ่งเป็นที่พำนักของขุนราม เขาได้พบกับอดีตคนรักอย่าง อังกาบ (ไปรยาพิณ เจริญวิชิตไชยเดช) ผู้ซึ่งเป็นอนุของเจ้าเมืองจันทบูรและยังเป็นมือสังหารของขุนรามด้วย ระหว่างการเดินทางไปพบเจ้าเมืองจันทบูร ทัพผู้เลือดร้อนตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู แต่ได้ บุญมา (ธนาวุฒิ เกสโร) ขุนศึกของสินที่มาสอดแนมช่วยเหลือเอาไว้ ทัพตัดสินใจเข้าร่วมกับสินเพื่อลงโทษขุนรามผู้โฉดชั่วและร้ายกาจ และทัพก็ได้พบรักกับ ทิม นักรบหญิงภายใต้สังกัด แม่หญิงบัว (แคนดี้ รากแก่น) ซึ่งเข้ามาร่วมด้วยกับกองกำลังของสิน ระหว่างนั้นขุนรามซึ่งมองสินเป็นหอกข้างแคร่ ได้ออกปล้นสะดมไปทั่วและป้ายความผิดให้สิน ต่อมาได้วางแผนเพื่อที่จะล่อสินมากำจัดไปพร้อมๆ กับ เจ้าเมืองจันทบูร (โชคชัย เจริญสุข) เพื่อยึดเมืองจันทบูรเป็นของตนเองเป็นที่มั่นในการยึดครองแผ่นดิน ศึกสุดตัดสินระหว่างสินกับขุนรามจึงเริ่มขึ้นโดยมีเมืองจันทบูรเป็นเดิมพัน
แม่เบี้ย (2558/2015) ความลุ่มหลงแห่งอิสตรี จะเปิดความลับแห่งอสรพิษ เบื้องลึกของความรัก ตัณหาราคะ เหล่าคนบาป และความเร้นลับแห่งอสรพิษ ทุกเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ชนะชล สุพรรณภูมิ (ชาคริต แย้มนาม) ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ผู้มั่งคั่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นเจ้าของ "เรือนไทยโบราณริมแม่น้ำ" ทำให้ภาคภูมิ (จิรวิชญ์ พงษ์ไพจิตร) เลขาคนสนิทได้พาเขาไปดูเรือนไทยโบราณที่ อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี ของ เมขลา พลับพลา (กานต์พิสชา เกตุมณี) เจ้าของบริษัท "เมขลาทัวร์" ซึ่งเป็นเพื่อนหญิงรุ่นพี่ของภาคภูมิ ที่นั่น ชนะชลเกิดความลุ่มหลงในความเร้นลับของบรรยากาศเรือนไทยโบราณแห่งนั้น รวมทั้งเสน่ห์อันยั่วยวนใจ ของเมขลาเจ้าของบ้าน ทำให้ทั้งสองติดต่อกันเรื่อยมาจนก้าวข้ามไปสู่ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวอย่างลึกซึ้ง และที่เรือนไทยแห่งนี้ ชนะชลได้ค้นพบขนบธรรมเนียนประเพณีไทยที่บ้านนั้นรักษาไว้อย่างเคร่งครัดพร้อมกับความลึกลับที่มี "งูเห่ายักษ์" แฝงเร้นความน่าสะพรึงกลัวในบ้านนั้น และคอยจับจ้องทำร้ายเขาในทุกขณะจิต และที่นี่เขาก็ได้พบกับ ลุงทิม (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) คนเก่าแก่แห่งครอบครัวพลับพลาผู้เฝ้าดูแลและกุมความลับเหนือธรรมชาติของเรือนไทยโบราณแห่งนี้ ซึ่งชนะชลรู้สึกคุ้นเคยกับชายชราผู้นี้เป็นพิเศษราวกับเคยรู้จักกันมาแต่เก่าก่อน รวมถึงการล่วงรู้ความลับดำมืดในบ้านเรือนไทยหลังนี้ที่ได้สร้างความปวดร้าวใจแก่ คุณโกสุม (อาภา ภาวิไล) มารดาของเมขลาเป็นยิ่งนัก ซึ่งมันอาจจะเกี่ยวพันกับปริศนาชีวิตในอดีตของเขาที่ยังไม่อาจคลี่คลาย ยิ่งเวลาผ่านไป สัมพันธ์สวาทของชนะชลและเมขลาก็ยิ่งดำดิ่งเป็นปมลึก และนั่นได้นำพาทั้งคู่และคนรอบข้างไปสู่หายนะแห่งชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ไหมแก้ว (ภัทรนันท์ รวมชัย) ภรรยาของชนะชลที่ไม่อาจยอมรับการนอกใจของสามีได้ และ พจน์ (ชัยวัฒน์ ทองแสง) เพื่อนสนิทและคู่ขาของเมขลาที่หึงหวงอย่างรุนแรงต่อการปันใจของเธอให้ชายอื่น รวมถึง คุณ (งูเห่ายักษ์) ที่ปรากฏตัวให้ชนะชลและเมขลาเห็นบ่อยขึ้น และแสดงอำนาจเร้นลับมากขึ้นทุกที ราวกับจะดึงสติทั้งคู่ให้กลับมาอยู่ในทำนองคลองธรรม ก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างจะพลิกผันจบลงด้วยการแก้แค้น, ชำระบาป และความตาย เมขลาจึงจำต้องคลี่คลายปัญหาด้วยการตัดใจลา ยุติความสัมพันธ์กับชนะชลอย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้งูเห่ายักษ์พรากชีวิตของเขาไป ในขณะที่ชนะชลเองก็ได้ค้นพบรากเหง้าชีวิตอันเป็นต้นกำเนิดของเขาไปพร้อมๆ กับตระหนักถึงบาปที่ตนก่อไว้เช่นกัน
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา (2558/2015) ในปี พ.ศ. 2135 หลังพ่ายศึกยุทธหัตถี ฝ่ายหงสาวดีพระเจ้านันทบุเรง ทรงโทมนัสที่ต้องสูญเสียพระราชโอรส จึงมีรับสั่งให้คลอกไฟเหล่าแม่ทัพนายกอง ที่ตามเสด็จพระมหาอุปราช ให้ตายตกตามกัน ทั้งยังระบายพระโทสะไปที่ พระสุพรรณกัลยา องค์ประกัน และพระราชโอรสธิดาถึงสิ้นประชนม์ชีพ ข้าง สมเด็จพระนเรศวร นั้น มีพระราชประสงค์จะนำทัพปราบหงสาวดี ให้ราบคาบ มิให้ตกค้างเป็นเสี้ยนหนาม ครั้นมาได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ ของพระพี่นาง และพระราชนัดดาก็ยิ่งโทมนัส จึงตัดสินพระทัยยกทัพใหญ่ หมายเหยียบหงสาวดีให้ราบเป็นหน้ากลอง ในระหว่างที่เดินทางมาถึงเมืองเมาะตะมะได้จับตัว พระยาลอ ผู้สำเร็จราชการแทน ที่พระเจ้านันทบุเรง ส่งให้มาปกครองเมือง ถูก เม้ยมะนิก ราชธิดาของ ศิริสุธรรมราชา เจ้าเมืองเมาะตะมะลอบสังหาร เพื่อแก้แค้นแทนบิดา พร้อมรวบรวมชาวรามัญเพื่ออาสาขอเข้าร่วมรบพม่ากับชาวอโยยา แต่ครั้นเมื่อทัพของพระองค์เสด็จถึงหงสาวดีก็พบแต่เพียงเศษซากของมหานครอันเคยยิ่งใหญ่ ด้วยนัดจินหน่อง ราชบุตรพระเจ้าตองอูได้วางอุบาย เชิญพระเจ้านันทบุเรงพร้อมกวาดต้อนผู้คนแลทรัพย์ศฤงคารของหงสาไปไว้ยังตองอูจนหมดสิ้น ครั้งนั้น สมเด็จพระนเรศวร จึงทรงยกทัพตามขึ้นไปถึงเมืองตองอู มีพระราชบัญชาให้ เมงเยสีหตู เจ้าเมืองส่งตัว พระเจ้านันทบุเรงออกมาถวาย ด้านนัดจินหน่องเห็นว่าพระเจ้านันทบุเรง ที่เชิญมานั้น เป็นภัยชักศึกเข้าบ้าน จึงหมายยืมมือ สมเด็จพระนเรศวร สังหาร พระเจ้านันทบุเรง เสีย แต่เมื่อ สมเด็จพระนเรศวร ได้ทอดพระเนตรเห็น พระเจ้านันทบุเรง ที่ทรงทุพพลภาพเป็นที่น่าสมเพช ก็ให้สลดพระราชหฤทัย ระหว่างนั้น เมงราชาญี เจ้าเมืองยะไข่ได้แต่งทัพเป็นกองโจร ตีลัดตัดเสบียงอยุธยามิให้ส่งข้าวน้ำขึ้นไปเลี้ยงทัพที่ล้อมพระนครตองอูอยู่ สมเด็จพระเอกาทศรถ จึงแบ่งทัพลงมาหมายจะเผด็จศึกยะไข่มิให้เป็นหอกข้างเเคร่ แต่ทรงพลาดท่าถูกเมงราชาญีจับตัวได้ พระราชมนู จำต้องขันอาสานำกำลังลงมา แก้เอา สมเด็จพระเอกาทศรถ กลับคืน และยกทัพกลับยังอยุธยา ข้างฝ่ายพุกามประเทศนั้นได้บังเกิดกษัตริย์ชาตินักรบขึ้นมา แทนพระเจ้าชนะสิบทิศ มีพระนามว่า พระเจ้ายองยาน ตามชื่อพระนครที่ปกครอง พระเจ้ายองยาน ทรงขยายแสนยานุภาพครอบคลุมดินแดนพม่าตอนบน เข้ายึดครองหัวเมืองในรัฐไทยใหญ่ทั้งหลาย และทรงกรีฑาทัพเข้าตีเมืองยองห้วยและเมืองแสนหวีซึ่งขณะนั้นล้วนเป็นเมืองประเทศราชของอยุธยา เมื่อ สมเด็จพระนเรศวร ทรงล่วงรู้ก็ทรงมีพระราชดำริที่จะตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่ให้อธิราชศัตรูพลิกฟื้นขึ้นมา เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินอยุธยาได้อีก สมเด็จพระนเรศวร จึงได้เสด็จยกกองทัพไปตีอังวะ ครั้งนั้น พระมหาเถรคันฉ่อง และ พระอัครมเหสีมณีจันทร์ ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ก็ทูลขอให้งด ซึ่งราชการสงคราม สมเด็จพระนเรศวร จึงทรงให้สัญญาว่า จะเสด็จไปทำศึกครานี้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่ก็ยั้งทัพจัดกระบวนอยู่หนึ่งเดือน แล้วให้ทัพ สมเด็จพระเอกาทศรถ ยกขึ้นไปทางเมืองฝาง ส่วนกองทัพหลวงยกไปทางเมืองหาง ตั้งค่ายหลวงประทับอยู่ที่ทุ่งแก้ว อยู่มา สมเด็จพระนเรศวร ทรงพระประชวรจึงโปรดให้ข้าหลวงรีบเชิญเสด็จ พระเอกาทศรถ มาเฝ้า ครั้นมาถึงได้ 3 วัน สมเด็จพระนเรศวร ก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันจันทร์ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สมเด็จพระเอกาทศรถ จึงได้อัญเชิญพระบรมศพ สมเด็จพระนเรศวร กลับกรุงศรีอยุธยาราชธานี

น้ำมันพราย 3D SPELL 3D (2557/2014) เรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า แพร (วนิดา เติมธนาภรณ์) ดูเผิน ๆ แพร เป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ เหมือนคนอื่นทั่วไป จะต่างก็เพียงแค่ แพร เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างหน้าตาดี ถึงขั้นสวยเลยล่ะ ระดับอดีตดาวมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว มีแต่หนุ่ม ๆ มาขายขนมจีบไม่ว่างเว้น ตั้งแต่คนใกล้ตัว ไปจนถึงชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ในที่ทำงาน จนเป็นที่อิจฉาริษยาของเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนอื่น ๆ ไปทั่ว! จริง ๆ แล้วการดำเนินชีวิตของ แพร เกือบจะปกติเหมือนคนอื่นทั่ว ๆ ไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความสวยของตัวเองมาทำลายมันเสียก่อน มันคือสาเหตุ ชนวน ต้นเหตุปมปัญหาทั้งหมด และเป็นสิ่งที่นำพาเรื่องราวอันน่าสยองขวัญ น่าสะพรึงกลัวอย่าง น้ำมันพราย เข้ามาวังวนชีวิตของ แพร และคนรอบข้างไปในที่สุด
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี (2557/2014) ในปี พ.ศ. 2129 พระเจ้านันทบุเรง ทรงแค้นเคืองที่ต้องปราชั­ยต่อ สมเด็จพระนเรศฯ อย่างย่อยยับ ทั้งต้องเสียไพร่พลและพระสิริโฉม จึงระบายความแค้นนั้นไปที่องค์พระสุพรรณกั­ลยา เมื่อ สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาทราบค­วามก็ให้โทมนัสด้วยสำนึกว่าชะตากรรมของพระ­ราชธิดาและแผ่นดินอยุธยาที่ถูกกระทำการย่ำ­ยีก็ด้วยเพราะพระองค์ทรงแปรพักตร์ไปเข้าข้­างศัตรู จนตรอมพระทัยเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศฯ ทรงมีพระชนมายุ 31 พรรษา จึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติค­รองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระราชบิดา สมเด็จพระมหาธรรมราชา หรือ (สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ 1) ข่าวการผลัดแผ่นดินของกรุงศรีอยุธยารู้ไปถึง พระเจ้านันทบุเรง แห่งกรุงหงสาวดี พระเจ้านันทบุเรง พระราชโอรสในพระเจ้าบุเรงนอง สำคัญว่าราชอาณาจักรสยาม หรืออาณาจักรอยุธยาจะไม่เป็นป­กติสุขเป็นช่องชวนชิงเชิง จึงโปรดให้พระราชบุตร พระมังสาม­เกียด หรือ(พระมังกะยอขวาที่ 1) พระมหาอุปราชเจ้าวังหน้ากรีฑาทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ นำกองทัพทหาร 240,000 นาย (สองแสนสี่หมื่นนาย) มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวร ทรงทราบว่า พม่ายกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลัง 100,000 นาย (หนึ่งแสนนาย) เดินทางออกจากบ้านป่าโมก อ่างทองไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง ลพบุรี และตั้งค่ายหลวงบริเวณหนองสาหร่าย โดย สมเด็จพระนเรศวร โปรดให้ พระราชมนู แต่­งพลเป็นทัพหน้าขึ้นไปลองกำลังข้าศึกถึงหนอง­สาหร่าย ทัพหน้า พระราชมนู ปะทะเข้ากับทัพพม่าถึงขั้­นตะลุมบอน แต่กำลังข้าง พระราชมนู น้อยกว่าจึงแตกพ่ายถ­อยลงมาเป็นอลหม่าน สมเด็จพระนเรศฯ ทราบความจึงออกอุบายให้ทัพข้าศึกไล่เตลิดลงมาจนเสียกระบวนแล้วจึงทรงนำกำลังออกยอทัพข้าศึก ครั้งนั้นพระคชสารทรงของสมเด็จพระนเรศฯ นามเจ้าพระยาไชยานุภาพ และพระคชสารทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถคือเจ้าพระ­ยาปราบไตรจักรต่างตกมัน วิ่งเตลิดแบกพลฝ่าเข้าไปในทัพพม่ารามัญกลางว­งล้อมข้าศึก และหยุดอยู่หน้าช้าง พระมังสามเกียดพระมหาอุปร­าชา พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าพระยาขุนศึก จึงทราบได้ว่าพระคชสารทรงของสองพระองค์หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพข้าศึก และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึกจึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามด้วยคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า "พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้สมพระเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว" พระมังสามเกียดพระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสพระคชสารนามว่า พลายพัทธกอเข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมังสามเกียดพระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่ สมเด็จพระนเรศวร ทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้น เจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพัทธกอเสียหลัก สมเด็จพระนเรศวร ทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูก พระมังสามเกียด พระมหาอุปราชา เข้าที่อังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง ส่วน สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงฟันเจ้าเมืองจาปะโรเสียชีวิตเช่นกัน พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นระยะเวลาอีกยาวนาน

คู่กรรม (2556/2013) โศกนาฏกรรมความรักในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างทหารญี่ปุ่นที่ถูกส่งมาร่วมสงครามที่ประเทศไทย กับนักศึกษาสาวไทยที่เกลียดชังทหารญี่ปุ่น พรหมลิขิตบันดาลให้ทั้งคู่ครองคู่กัน ก่อนจะพรากพวกเขาออกจากกันภายใต้ไฟสงคราม เรื่องราวของโกโบริ นายทหารหนุ่มประจำกองทัพญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานทัพบนแผ่นดินไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กับ อังศุมาลิน หญิงสาวชาวไทย แม้อังศุมาลินจะเกลียดชังโกโบริตั้งแต่แรกพบ ด้วยอคติเพราะเห็นว่าเป็นคนญี่ปุ่นซึ่งเปรียบเสมือนศัตรูของชาติ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความรักของทั้งสองกลับก่อค่อย ๆ ตัวขึ้นท่ามกลางความรุนแรงของสงคราม ในปี พ.ศ. 2485 สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เริ่มต้นขึ้น กองทัพญี่ปุ่นได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อใช้เป็นฐานทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในเขตพระนครของกรุงเทพฯ เนื่องจากประเทศไทยได้เซ็นสัญญาร่วมรบกับกองทัพญี่ปุ่นในฐานะพันธมิตร และประชาชนทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับกองทัพญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ หากผู้ใดฝ่าฝืนจำต้องได้รับโทษ ซึ่งแน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยกับกฎหมายข้อบังคับของรัฐบาล เมื่อเกิด ‘ความรัก’ ขึ้นท่ามกลางสงคราม ระหว่างหญิงสาวชาวไทยนามว่า อังศุมาลิน และทหารญี่ปุ่นนามว่า โกโบริ ความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติและเหตุผลทางการเมือง ก็อาจผันเปลี่ยนเป็น ‘รักต้องห้าม’ ไปได้
จันดารา ปัจฉิมบท (2556/2013) หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นในบ้านพิจิตรวานิช ทำให้ จัน ดารา (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ เคน กระทิงทอง (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) สหายสนิทของเขาต้องหนีภัยอันเกิดจากการกระทำอันเหี้ยมโหดของ คุณหลวงวิสนันท์เดชา (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้ที่เขาคิดว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้านานถึง 17 ปี ไปพำนักอยู่กับ คุณท้าวพิจิตรรักษา (รัดเกล้า อามระดิษ) ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เมืองพิจิตร ช่วงระยะเวลาที่อยู่ที่เมืองพิจิตรนี้ จัน เป็นสุขทั้งกายใจ และรู้สึกถึงอิสรภาพของชีวิตอย่างแท้จริง เขายังคงติดต่อทางจดหมายกับ ไฮซินธ์ (สาวิกา ไชยเดช) เพื่อนหญิงในดวงใจอันเป็นรักบริสุทธิ์ของเขาอยู่เสมอมา และคาดหวังว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อันสดใสที่เมืองนี้พร้อม ๆ กับการตามค้นหาพ่อแท้ ๆ ของเขาไปด้วย แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งให้วันชื่นคืนสุขอยู่กับเขาเพียงไม่นาน เมื่อในที่สุด จัน ก็ได้ล่วงรู้ความจริงอันไม่คาดฝันเรื่องพ่อผู้ให้กำเนิดแท้จริงที่เขารอคอยมานานจากปากคำของ ร้อยตำรวจเอกเรืองยศ (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) ผู้กุมความลับอันน่าอดสูเกี่ยวกับ ตระกูลพิจิตรวานิช นี้ไว้มาตลอดทั้งชีวิต จัน พยายามทำใจให้ผ่านช่วงชีวิตอันแสนทุกข์ทรมานนี้ไปให้ได้ จนกระทั่ง น้าวาด (บงกช คงมาลัย) ได้เดินทางมาแจ้งข่าวเรื่อง คุณหลวง ล้มป่วยลงอย่างฉับพลัน เนื่องจากเกิดเหตุบางอย่างขึ้นกับ คุณแก้ว (โช นิชิโนะ) และ คุณขจร (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) และแล้วสงครามแห่งการชำระแค้นและทวงคืนทุกอย่างให้กลับมาเป็นของเขาและ ตระกูลพิจิตรวานิช ก็ได้เปิดฉากขึ้นในทันทีตามคำสั่งเสียสุดท้ายของ คุณท้าว ยายผู้คอยบงการและพลิกผันชะตาชีวิตของ จัน ให้ตกอยู่ในด้านมืดอย่างคาดไม่ถึง จัน กลับมาอย่างสง่าผ่าเผยในฐานะเจ้าของบ้านคนใหม่ และมีสิทธิในทรัพย์สมบัติและอำนาจทั้งหมดภายในบ้าน แต่เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจของเขา เมื่อสัตว์ร้ายและตัณหาราคะในใจปะทุออกมาอย่างรุนแรง เมื่อเขาเห็นภาพ คุณบุญเลื่อง (รฐา โพธิ์งาม) กับ คุณหลวง ยังรักใคร่กันเป็นอย่างดี จัน จึงใช้เสน่ห์แห่งความเป็นชายหนุ่มรูปงามหลอกล่อจน คุณบุญเลื่อง ตกเป็นของเขาอย่างสมยอม และเมื่อ คุณหลวง ได้เห็นภาพร่วมรักอันเร่าร้อนของทั้งคู่ ทำให้เขาสิ้นสติและกลายเป็นอัมพาตไปในที่สุด กระจกเงาแห่งความชั่วร้ายได้สะท้อนภาพคุณหลวงมาสู่ตัว จัน อย่างไม่มีผิดเพี้ยน การล้างแค้นอันน่าขยะแขยงนี้ดูเหมือนจะปิดฉากอย่างสมบูรณ์แบบด้วยชัยชนะของ จัน ดารา แต่เพียงผู้เดียว ถ้าเขาไม่ได้รับบทเรียนชีวิตอันยิ่งใหญ่จากศัตรูคู่อาฆาตอย่าง คุณแก้ว ที่เอาคืนจันอย่างสาสม รวมถึงคนรอบข้างที่คอยห่วงใยเขาเสมอมาอย่าง น้าวาด, เคน และ คุณบุญเลื่อง ที่ค่อย ๆ ตีตัวออกห่างจาก จัน ไปเรื่อย ๆ อำนาจและทรัพย์สมบัติจะมีค่าอะไร หากไร้คนที่รักและห่วงใยเราอย่างจริงใจอยู่เคียงข้าง
จันดารา ปฐมบท (2555/2012) เรื่องราวโศกนาฏกรรมชีวิตของ จันดารา (มาริโอ้ เมาเร่อ) เริ่มต้นนับตั้งแต่เขาถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ณ บ้านพิจิตรวานิชในปี พ.ศ. 2458 เขาเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับความตายของมารดาโดยไม่คาดฝัน นั่นทำให้ คุณหลวงวิสนันท์เดชา (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้เป็นบิดาได้ลงโทษทัณฑ์เขาอย่างทารุณราวกับว่าเขาไม่ใช่ลูก พร้อมเรียกขานเขาว่า ไอ้จัญไร ที่เรือนเล็กในสวนหลังบ้าน จัน เติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของ น้าวาด (บงกช คงมาลัย) ญาติสนิทของมารดาจากเมืองพิจิตร และมี เคน กระทิงทอง (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) ลูกชายแม่ครัวในบ้านเป็นสหายสนิทเพียงคนเดียวที่ จัน สามารถเล่าทุกอย่างให้ฟังได้ ต่อมา น้าวาด ได้ตกเป็นภรรยาของ คุณหลวง และให้กำเนิดลูกสาวสาวชื่อ คุณแก้ว หรือ วิไลเลข (โช นิชิโนะ) อันเป็นที่รักยิ่งของ คุณหลวง ซึ่งสอนให้หล่อนเกลียดชัง จัน ตั้งแต่จำความได้ ตัว คุณหลวง เองนั้นก็มักมากในกาม บริวารหญิงแทบทั้งสิ้นในบ้านล้วนตกเป็นเมียลับของเขา ซึ่งเมื่อเขามีอารมณ์ที่จะสังวาสกับหญิงคนใดก็กระทำการอย่างเปิดเผยไม่ว่าจะเป็นเวลาใดหรือมุมใดในบ้านหลังนั้นอย่างเสรี จนทำให้เด็กทุกคนในบ้านไม่ว่าจะเป็น จัน ดารา, เคน กระทิงทอง หรือ คุณแก้ว ล้วนเติบโตขึ้นมาในบรรยากาศแห่งกามตัณหาอย่างที่ไม่สมควรจะเกิดให้เป็นแบบอย่างแก่เด็กคนใดก็ตาม เมื่อ จัน เติบโตเป็นหนุ่ม เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์แห่งกามคุณกับบ่าวหญิงในบ้าน โดยการชักนำของ เคน กระทิงทอง ก่อนที่ จัน จะได้พบรักอันบริสุทธิ์เป็นครั้งแรกกับ ไฮซินธ์ (สาวิกา ไชยเดช) เพื่อนหญิงร่วมโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษภาคค่ำ จนกระทั่งเมื่อคุณหลวงได้พา คุณบุญเลื่อง (รฐา โพธิ์งาม) คนรักเก่าเข้ามาอยู่บ้าน ทำให้ จัน เกิดความประทับใจในความสง่างามและความอบอุ่นประดุจมารดา ส่วนตัว คุณบุญเลื่อง เองก็ประทับใจในความละเอียดอ่อนลึกซึ้งดุจศิลปินของ จัน จนมีความสัมพันธ์ลับอันเกินเลย และแล้ววันหนึ่ง ชะตากรรมได้พลิกผันทำให้ จัน ล่วงรู้ความจริงบางอย่างอันน่าอดสูเกี่ยวกับตระกูลของเขา นั่นทำให้ จัน ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต เพราะ คุณหลวง นั้นเป็นมนุษย์ฉ้อฉลผู้ใช้ทุกกลวิธีในการคดโกงเพื่อครอบครองทรัพย์สินอันมหาศาลแห่ง ตระกูลพิจิตรวานิช ทำให้ จัน ต้องเดินทางหนีภัยจากพระนครไปพำนักอยู่กับ คุณท้าวพิจิตรรักษา (รัดเกล้า อามระดิษ) ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เมืองพิจิตร เพื่อรอเวลาชำระแค้นและเอาทุกสิ่งทุกอย่างคืนกลับมาเป็นของเขาให้จงได้ โศกนาฏกรรมชีวิตของ จันดารา แวดล้อมไปด้วยผู้คนรอบข้างที่สะท้อนมวลอารมณ์แห่งความรัก ความชัง ความใคร่ ความเคียดแค้น และการจดจำเอาเยี่ยงอย่างมาสู่การดำเนินชีวิตของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของความเป็นมนุษย์อันน่าสมเพชจนนำไปสู่หายนะอย่างแท้จริง
ม้ง สงครามวีรบุรุษ (2555/2012) ม้ง สงครามวีรบุรุษ ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์อันยาวนาน สงครามระหว่างความคิดที่ยาวนานถึง 15 ปี จากชนเผ่าเล็ก ๆ กลายเป็นตำนานวีรบุรุษ ที่สร้างเรื่องจริงจากสมรภูมิรบเขาค้อในอดีต ผู้พันเกรียงไกร เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามคอมมิวนิสต์ ในหมู่บ้านของ เด็กชายเก๊ง เด็กชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง เมื่อกองทหารเข้าถล่มทำให้ ผู้พันเกรียงไกร รับรู้ว่าเกิดการผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่เพราะหมู่บ้านนี้มีแต่ชาวบ้านทั้งนั้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งอะไรได้แล้ว ผู้พันเกรียงไกร พบว่าเด็กชายเก๊งตกอยู่ในอันตรายท่ามกลางกองเพลิง ผู้พันจึงฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยเด็กออกมาได้โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ในที่สุดใบหน้าของผู้พันต้องเสียโฉมเพราะถูกไฟลวกไปข้างหนึ่ง บาดแผลที่ใบหน้าของผู้พันแสดงถึงความกล้าหาญของนักรบที่เต็มไปด้วยคุณธรรมและศีลธรรม แต่การไปรบครั้งนี้ทำให้ผู้พันต้องสูญเสีย ร้อยเอกสุพจน์ เพื่อนรุ่นน้อง ด้วยน้ำมือของเจ้อดัว พ่อเด็กชายเก๊ง ผู้พันเกรียงไกรจึงนำเด็กชายเก๊งที่กลายเป็นเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมพร้อมกับ ชาติ ลูกชายของตัวเองที่คอยปกป้องน้องใหม่มาตั้งแต่เล็กจนโต และ อารียา ลูกสาวของร้อยเอกสุพจน์ เด็กทั้งสามจึงเติบโตมาด้วยกัน ผู้พันได้ปลูกฝังให้เด็กชายเก๊ง รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เก๊งได้ซึมซับพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงรัก และ ห่วงใยชาวเขาทุกชนเผ่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จไปเยี่ยมเยือนชาวไทยภูเขาทุกหมู่เหล่าในถิ่นทุรกันดาร โดยมิทราบว่าพระองค์เป็นใคร รู้แต่เพียงว่าพระองค์เป็นที่เคารพรักของพสกนิกรทุกหมู่เหล่าซึ่งเปรียบเสมือนเทพเจ้าที่ทรงมีคุณธรรมและปรีชาสามารถที่จะนำเขากลับไปยังบ้านเกิดได้ เขาจึงเกิดความศรัทธาและซาบซึ้งในคุณงามความดีและความมีน้ำพระทัยขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้ทำให้เก๊งเติบโตขึ้นกลายเป็นนายทหารหนุ่มที่พร้อมจะทำงานเสียสละเลือดเพื่อชาติไทยอย่างเต็มภาคภูมิ 15 ปีต่อมา เก๊ง หรือ ร้อยเอกทรงเกียรติ ได้ถูกส่งตัวไปรบที่เขาค้อ เพื่อทำสงครามจิตวิทยาเกลี้ยกล่อมให้ชาวม้งกลับมาเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ ส่วนอารียา เรียนจบหมอจากต่างประเทศ เธอจึงเข้าป่าไปพร้อมกับเหล่านักศึกษา เพื่อตามหาศพของพ่อที่ตกไปพร้อมเฮลิคอปเตอร์ในอดีต แต่ด้วยความเป็นหมอเมื่อเห็นคนเจ็บจำนวนมากทำให้ อารียา ไม่อาจละทิ้งสมรภูมิเขาค้อไปได้ แต่ด้วยที่ เก๊งมีสายเลือดม้ง ทำให้เกิดความแคลงใจกลัวว่าเขาจะเกิดเปลี่ยนใจ ทางกองทัพจึงจำต้องส่ง ชาติ พี่ชายต่างสายเลือดไปประกบเพื่อตามดูพฤติกรรม หากแม้ เก๊ง คิดทรยศต่อประเทศชาติให้สังหารได้ทันทีโดยไม่ต้องคำนึกถึงความเป็นพี่น้อง...
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง (2554/2011) เรื่องราวอันเป็นผลจากการปราชัยของหงสาวดีในคราวศึก พระยาพะสิม และ พระเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งทำให้ พระเจ้านันทบุเรง ทรงตระหนักในพระปรีชาสามารถของ สมเด็จพระนเรศวร และในความเข้มแข็งของกองทัพอยุธยา จึงทรงยกทัพใหญ่เป็นทัพกษัตริย์มาย่ำยีราชธานีสยามหวังให้ราบเป็นหน้ากลองเพื่อเป็นการแก้มือ และเพื่อรักษาซึ่งพระเกียรติยศ มิให้เป็นที่ดูแคลนแก่เหล่าเจ้าประเทศราชในการปกครองของฝ่ายพม่า กองทัพกษัตริย์ของ พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง มีความสมบูรณ์ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามกว่าทุกศึก ประกอบด้วยช้าง 3,200 ทัพม้า 12,000 และไพร่ราบซึ่งมีจำนวนถึง 252,000 โดยมีนายทัพผู้ปรีชาสามารถมาร่วมรบ ทั้ง พระมหาอุปราชา มังจาปะโร และลักไวทำมูทหารกล้า กิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของทัพหงสาวดีที่ยกเข้ามานี้ ส่งผลให้เจ้าเมืองในขอบขัณฑสีมาของราชอาณาจักรอยุธยาข้างฝ่ายเหนือประหวั่นพรั่นพรึงถึงกับสมคบคิดกัน แปรพักตร์เข้าสมานสมัคร พระเจ้านันทบุเรง รบ สมเด็จพระนเรศวร เป็นเหตุให้ สมเด็จพระนเรศวร ต้องเผชิญทั้งศึกนอกและศึกใน สถานการณ์กลับยิ่งบีบคั้นให้คับขันยิ่งขึ้น เมื่อ พระศรีสุพรรณธรรมาธิราช พระอนุชาเจ้ากรุงละแวกซึ่งขัดพระทัย สมเด็จพระนเรศวร แต่กาลก่อน ได้ยุยงให้พระเชษฐาตัดสัมพันธไมตรีกับอยุธยา ละแวกจึงกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่พร้อมจะกระหน่ำซ้ำเติมสยามให้ย่อยยับหากมีอันพลาดท่าเสียทีในศึกนันทบุเรงนี้ ภัยรอบด้านบีบรัดให้ สมเด็จพระนเรศวร ทรงต้องเผชิญศึกอย่างโดดเดี่ยว ซ้ำเคราะห์กลับทับทวีคูณเมื่อสหายศึก เช่น เลอขิ่น และกองกำลังเมืองคัง ซึ่งร่วมกรำศึก กันมาแต่เบื้องต้นคิดถอนตัวตีจากเนื่องจากพิษรักระหว่างรบที่จบลงด้วยความร้าวฉานระหว่าง เลอขิ่น กับ พระราชมนู ขุนศึกคู่พระทัย ความขัดแย้งด้วยเหตุส่วนตัวได้บานปลายกลายเป็นภัยของแผ่นดินในคราวคับขันเมื่ออยุธยาต้องเผชิญศึก ซึ่งประมาณได้ว่าเป็นมหาสงครามภายใต้โทสจริตของ พระเจ้านันทบุเรง ด้วยข้อจำกัดที่รุมเร้าหลายประการ ผสานกับจำนวนไพร่พลที่เป็นรองหงสาวดีอยู่หลายขุม ทำให้ สมเด็จพระนเรศวร ทรงจำต้องปรับยุทธศาสตร์การตั้งรับทัพหงสาวดี โดยทรงใช้พระนครศรีอยุธยาซึ่งมีทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบเป็นฐานบัญชาการรบแต่เพียงแห่งเดียว ทรงส่งกำลังออกไปปักปราการ วางแนวป้องกันมิให้พม่าเข้ามาปลูกค่ายใกล้ขอบคูพระนครและกำแพงเมือง ทั้งยังแต่งกำลังเป็นกองโจรเข้าปล้นค่ายข้าศึกอย่างอาจหาญ เมื่อศึกเหนือเสือใต้รุมกระหน่ำ ขุนนางผู้ใหญ่ขาดสามัคคีคิดคดคำนึงแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง จอมทัพผู้รั้งราชบัลลังก์และความอยู่รอดของแผ่นดินก็มาพลาดท่า ต้องศาสตรากลางสมรภูมิศึก ยอดทหารเอกกรุงศรีถูกขุนศึกผู้ชาญณรงค์กว่าจับเป็นเชลย ชะตากรรมกรุงศรีอยุธยา และ สมเด็จพระนเรศวร จะลงเอยอย่างไร

หน้าที่