ทับเทวา
ทับเทวา (2507/1964) วางเกียรติโล่เงินล้านเป็นเดิมพัน สร้างให้เหนือกว่า ใจเพชร ที่ทำรายได้สูงสุดทั่วประเทศไทยมาแล้ว ทับเทวาเป็นมรดกตกทอดของตระกูลเทวัญมาหลายชั่วอายุคนจนมาถึงในยุคของบุตรชายพระยาพิทักษ์ภูเบศ คือ พงศ์พิทักษ์ เทวัญ ทว่าเจ้าของบ้านหามีความสุขไม่เพราะ พงษ์พิษณุ ทายาทคนเดียวที่เกิดกับคุณกลิ่นจันทร์ ถูกลักพาตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อสิบสองปีก่อน ก่อนสิ้นใจคุณพงษ์พิทักษ์ได้สั่งการไว้ว่า ถ้าครบ 10 ปีไม่สามารถตามหาตัวพงษ์พิษณุกลับมาทับเทวาได้ให้ยกมรดกให้กับอดิเทพ (ประจวบ ฤกษ์ยามดี) ลูกชายคนรองที่เกิดจากลำดวน (สุพรรณ บูรณะพิมพ์) อนุภรรยา นายแพทย์ประวิตร (พัลลภ พรพิษณุ) ผู้เป็นหลานของหลวงไพศาลเวช แพทย์ประจำตระกูล ได้เข้ามาทำงานสืบต่อจากหลวงไพศาจเวช ได้เข้าดูแลคุณพริ้ม น้องสาวของพงษ์พิทักษ์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลมรดกของบ้านทับเทวา ขณะที่ดุจดาว (พิศมัย วิไลศักดิ์) ซึ่งเป็นเป็นเด็กที่พงษ์พิษณุ รับเลี้ยงดูและให้อยู่ในฐานะเสมอน้องสาวของพงษ์พิษณุ แต่ลำดวนกับวรรณทิพย์ (ปรียา รุ่งเรือง) ลูกสาวเกิดจากสามีเก่า ร่วมกันจิกหัวใช้งานเยี่ยงคนรับใช้ ชำนาญ (สมควร กระจ่างศาสตร์) ทนายความอาวุโสประจำตระกูลเทวัญ พยายามที่จะตามหาตัวพงษ์พิษณุให้ได้ เผอิญได้พบอิษฎ์ (มิตร ชัยบัญชา) ซึ่งมีเค้าหน้าเหมือนกับพงษ์พิษณุ ชำนาญเสนองานให้อิษฎ์ ปลอมตัวเป็นทายาททับเทวา เพื่อช่วยชีวิตคุณพริ้มและยืดเวลามิให้ทับเทวาต้องตกเป็นของคนอื่น ชำนาญพาอิษฎ์มาเปิดตัวที่งานวันเกิดของอดิเทพ สร้างความตกตะลึงกับทุก ๆ คน คุณพริ้มได้มอบสิทธิ์การจัดการทุกอย่างในบ้านให้กับอิษฎ์ พ่อเลี้ยงชัย พาลูกชายชื่ออนุชา (มิตร ชัยบัญชา) เดินทางจากเชียงใหม่เพื่อมาขอรับการรักษากับหมอประวิตร ซึ่งพอเห็นอนุชาก็ตกใจ เพราะใบหน้าด้านซ้ายซึ่งไม่เป็นแผลเป็นนั้นเหมือนเป็นคนคนเดียวกับพงษ์พิษณุ เทวัญ ทุกประการ ลำดวนหาทางขับไล่ดุจดาวออกจากทับเทวา ดุจดาวจึงตัดสินใจออกจากทับเทวาไปทำงานที่คลินิคของหมอประวิตร ดุจดาวเห็นภาพอนุชาในแฟ้มคนไข้ของหมอประวิตร จึงเล่าให้ชำนาญฟัง ชำนาญรีบไปพบพ่อเลี้ยงชัยที่เชียงใหม่และสอบถามความจริงจนกระทั่งรู้ว่า อนุชาคือพงษ์พิษณุตัวจริง ซึ่งพ่อเลี้ยงชัยได้ช่วยชีวิตไว้และเลี้ยงดูเหมือนเป็นลูก หมอประวิตรทำการตัดแต่งแผลเป็นให้กับอนุชา ลำดวนให้แคล้วสามีเก่าที่พ้นคุกออกมาตามมาฆ่าอิษฎ์เพื่อหวังครอบครองมรดกทั้งหมด แคล้วติดตามไปจนกระทั่งเห็นพงษ์พิษณุตัวจริงยังไม่ตายและมีรอยแผลเป็นอย่างที่กล้าสมุนของตนบอก จึงหันมาสังหารพงษ์พิษณุแทน อิษฎ์เข้าช่วยเหลือพงษ์พิษณุจึงถูกกระสุนบาดเจ็บ แคล้วถูกตำรวจรวบตัวไว้ได้ เมื่อลำดวนรู้ว่าแคล้วถูกจับจึงรีบพาวรรณทิพย์หนีออกจากบ้านกลางดึก แต่ต้องประสบกับอุบัติเสียชีวิตทั้งคู่ เมื่อทุกอย่างสงบลงอิษฐ์และดุจดาวก็เปิดใจถึงความรักที่มีต่อกันและได้สมหวังในความรัก ส่วนพงษ์พิษณุก็ได้แต่งงานกับคู่หมั้น (ภาวนา ชนะจิต) ซึ่งหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก
เนรมิต (อำนวย กลัสนิมิ)
สมนึก สูตะบุตร (บุษยมาส)
ธม ธาตรี (เชิด ทรงศรี)
นักแสดงและทีมงาน
พิศมัย วิไลศักดิ์
มิตร ชัยบัญชา
น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี
ปรียา รุ่งเรือง
สมควร กระจ่างศาสตร์
พัลลภ พรพิษณุ
ต้อย สุพรรณ บูรณะพิมพ์
กํากับการแสดง
เนรมิต (อำนวย กลัสนิมิ)
ช่างภาพ
รัตน์ เศรษฐภักดี
โปรดักชั่น
รัตน์ เศรษฐภักดี
ข้อมูลเพิ่มเติม
ชื่อ : ทับเทวา
Name : –
ผลิตโดย : เทพกรภาพยนตร์
จัดจำหน่าย : เอวันฟิล์ม
วันที่เข้าฉาย : 25 กันยายน 2507 (ฉายที่โรงภาพยนตร์เอ็มไพร์)
*เกร็ด
-ชื่อ ทับเทวา เป็นชื่อคฤหาสน์โอ่อ่าอลังการที่ลูกหลานแย่งชิงกัน (ตามสไตล์นิยายในยุคนั้น) มิตรแสดงเป็นคน 2 คนที่หน้าตาเหมือนกัน คนหนึ่งเป็นทายาทที่แท้จริงที่หายสาปสูญไป (ฝ่ายตัวร้ายจับไปฆ่าแต่ไม่ตาย หนีรอดได้) ส่วนอีกคนเป็นคนหน้าตาเหมือนที่ทนายประจำตระกูลจ้างให้มาแสดงตนแทน คนนี้จะคู่กับภาวนา ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกนำมาเลี้ยงในทับเทวาและถูกกลั่นแกล้งสารพัดโดยพวกนางอิจฉา (แสดงโดยสุพรรณ บูรณพิมพ์และปรียา รุ่งเรือง) ส่วนพิศมัยแสดงเป็นคู่หมั้นของมิตรที่เป็นทายาทตัวจริงและแน่นอนกลับมาในภายหลัง ฉากตื่นเต้นท้ายเรื่องที่ฮือฮามากในยุคนั้นคือฉากที่สุพรรณเอาขวานวิ่งไล่ฟันพิศมัยบนยอดตึกทับเทวา
-เป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่มิตร ชัยบัญชาร่วมแสดงกับภาวนา ชนะจิต เนื่องจากมีการผิดใจกัน เล่ากันว่าในการถ่ายฉากเข้าพระเข้านางซึ่งมิตรจะต้องกอดภาวนา ภาวนาเกิดกลัวเลยเบี่ยงตัวหลบ ทำให้มิตรโมโหมาก เพราะเขาถือว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษและเป็นทหารด้วย ไม่เคยกระทำการอะไรล่วงเกินผู้หญิงหรือหาเศษหาเลยกับนางเอกในการถ่ายหนัง มิตรเลยประกาศไม่ขอร่วมแสดงกับภาวนาอีก (ที่จริงมิตรคือพระเอกคนแรกของภาวนาในหนัง แสงสูรย์ที่เธอแสดงเป็นเรื่องแรก และได้ร่วมแสดงกับมิตรอีกหลายเรื่อง) หลังจากนั้นภาวนาเลยมีผลงานคู่กับสมบัติ เมทะนีและไชยา สุริยันเท่านั้น (จนมาพบพระเอกคู่ขวัญในอีกหลายปีต่อมาเมื่อมิตรตายแล้ว คือยอดชาย เมฆสุวรรณ) นี่เองจึงเป็นเหตุให้นางเอกอันดับหนึ่งในตอนนั้นเป็นเพชรา เชาวราษฎร์และพิศมัย วิไลศักดิ์ (ยุคนั้นอรัญญายังไม่เข้าวงการ) โดยมีภาวนาและโสภา สถาพร ตามมาห่างๆ
-สร้างเป็นหนังครั้งที่ 2 ในปี 2532 นำแสดงโดย บิณฑ์-เอกพัน บันลือฤทธิ์-ขวัญฤดี กลมกล่อม-อภิรดี ภวภูตานนท์ (บทที่พิศมัยแสดงในฉบับนี้ถูกตัดไป)
*ที่มา :Thai Movie Posters
คุณต้อง เข้าสู่ระบบ จึงจะสามารถรีวิวได้
ยังไม่มีรีวิว