ในม่านเมฆ (2509)
ในม่านเมฆ (2509/1966) ข้อความบนใบปิด จุฬาโลกภาพยนตร์ ใครๆก็คอยน้องทราย จากละครวิทยุของคณะ แก้วฟ้า ในม่านเมฆ ของ บุษยมาส นำโดย (พิศมัย วิไลศักดิ์) (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (อดุลย์ ดุลยรัตน์), (ขวัญใจ สะอาดรักษ์), (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), ทักษิณ แจ่มผล, (รุจน์ รณภพ), (ปรียา รุ่งเรือง), อนุชา รัตนมาลย์ และพบกับสามดาวตลก ชูศรี โรจนประดิษฐ์, สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก) (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), วิชิต ไวงาน, สมศรี, วงศ์ ศรีสวัสดิ์, กอบกูล ฯลฯ สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ ที่ปรึกษาและอุปการะ พันคำ กำกับการแสดง นิวัติ สิมะกริชษานนท์ อำนวยการสร้าง ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
เลือดทรนง (2509)
เลือดทรนง (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ฉัตรชัยภาพยนตร์ เสนอ หน้ากากสังคมวัยรุ่นเมืองไทย ได้ถูกกระชากจากภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงมีทั้งสุข เศร้า หัวเราะ น้ำตา ตื่นเต้น หวาดเสียว ดาราตุ๊กตาทองพระราชทาน ถวายชีวิตและความสามารถแสดงบทบาททุกแบบ คู่กับดาวรุ่งฟ้า (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) โสภา สถาพร เลือดทรนง บทประพันธ์ของ อ้อย อัจฉริยกร ละครวิทยุเรื่องดีคณะ เสนีย์ บุษปะเกศ พร้อมด้วย ประมินทร์ จารุจารีต, (ปรียา รุ่งเรือง), (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), พูนสวัสดิ์ ธีมากร, ถวัลย์ คีรีวัต, ชาณีย์ ยอดชัย, ไกร ครรชิต, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, สังวรณ์, กล้า,พิภพ ภู่ภิญโญ, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ประณีต คุ้มเดช, ทองถม, ชื้นแฉะ ฯลฯ ขอเสนอนักเพลงขวัญใจวัยรุ่น ทิว สุโขทัย, แอนนี่ แจ๋วแหวว และวงดนตรีเดอะแค๊ท
นางนกป่า (2509)
นางนกป่า (2509/1966) ณรงค์ (สาหัส บุญ-หลง) เศรษฐีใหญ่ใจบุญใครๆก็รู้จัก มีลูก 2 คน คือ นเรศ ((มิตร ชัยบัญชา)) กับ นรา ((รุจน์ รณภพ)) ทั้ง 2 หนุ่มเนื้อหอม เป็นที่หมายปองของสาวๆ วันหนึ่ง ณรงค์ได้มีโอกาสต้อนรับสาวแปลกหน้าคือ เพิ้ง (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใคร เพิ้งได้เข้ามาสร้างความชุลมุนวุ่นวายในครอบครัวณรงค์ จนได้รับฉายาว่า นางนกป่า
จามเทวี (2509)
จามเทวี (2509/1966) ไชยา-เพชรา ข้อความบนใบปิด อมรินทร์ภาพยนตร์ โดย สุรัสน์ พุกกะเวส เสนอ จินตนาการประกอบอาชญนิยาย เหตุการณ์ระหว่าง 2000 ปี มาผนึกกับยุคปัจจุบัน สะเทือนขวัญ สยดสยอง สุดยอดของความตื่นเต้น จามเทวี นำโดย ไชยา-เพชรา (แมน ธีระพล), (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), มานี มณีวรรณ, เยาวเรศ นิศากร, สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต, สัมพันธ์, สุดเขต, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), ปราณีต คุ้มเดช, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ทองฮะ วงศ์รักไทย, แป๊ะอ้วน, ก๊กเฮง และขอแนะนำดาวรุ่งดวงใหม่ มิส เอ.ซี.บอลล์ รังสินี รอยวิวัฒน์ ในบท “พระนางจามเทวี” อุษา บุณยรักษ์ อำนวยการสร้าง อรรถ อรรถจินดา กำกับร่วมกับผู้กำกับเกียรติยศ ส.อาสนจินดา สมชาย จันทวังโส ถ่ายภาพ เอวันฟิล์ม จัดจำหน่าย
พิมพิลาไล (2509)

พิมพิลาไล (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ดอกดิน ร่วมกับ นพรัตน์ภาพยนตร์ นพรัตน์ ศศิวิมลรัตน์ อำนวยการสร้าง พิมพิลาไล จากวรรณคดีเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน (มิตร ชัยบัญชา) (พิศมัย วิไลศักดิ์) มีศักดิ์ นาครัตน์ (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์) นำแสดง ร่วมด้วย (ชฎาพร วชิรปราณี), น้ำเงิน บุญหนัก, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), มานี มณีวรรณ, สาหัส บุญหลง, ชาลี อินทรวิจิตร, (สุวิน สว่างรัตน์), จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, (เทียว ธารา), ทศ วงศ์งาม, ไฉน, เสริมพันธ์ สุทธิเนตร, มาลี เวชประเสริฐ, (มนัส บุณยเกียรติ), แววตา อาษาสุข, ปราณีต คุ้มเดช, (ล้อต๊อก), ดอกดิน กัญญามาลย์, ดาวน้อย ดวงใหญ่, ก๊กเฮง (ชื่อจริง เฉลิมศักดิ์ พุกกะณะสุต) ดอกดิน กำกับการแสดง รพีพร สร้างบทภาพยนตร์ สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ สุกริชต์ ชุติมัน สร้างฉาก

 
นกยูง (2509)
นกยูง (2509/1966) ข้อความบนใบปิด เสน่ห์ศิลป์ภาพยนตร์ เสนอ นกยูง ของ (เสน่ห์ โกมารชุน) (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ร่วมด้วย (เมตตา รุ่งรัตน์), (ปรียา รุ่งเรือง), (อดุลย์ ดุลยรัตน์), ทักษิณ แจ่มผล, พงษ์ลดา พิมลพรรณ, (ชฎาพร วชิรปราณี), (แมน ธีระพล), เสถียร ธรรมเจริญ, สาหัส บุญหลง, (เสน่ห์ โกมารชุน), (ล้อต๊อก), ทองฮะ, แป๊ะอ้วน ฯลฯ และดาราเกียรติยศรับเชิญ ชรินทร์ นันทนาคร และ พร ภิรมย์ แสดงเป็นพระเอกลิเก (รังสี ทัศนพยัคฆ์) กำกับการแสดง มหศักดิ์ สารากร สร้างบท ธีระ แอคะรัจน์ ถ่ายภาพ (เสน่ห์ โกมารชุน) อำนวยการสร้าง วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
น้ำค้าง (2509)
น้ำค้าง (2509/1966) น้ำค้าง เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2509 เป็นผลงานการกำกับของ ส.อาสนจินดา โดยมี ชุดา เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา เป็นผู้อำนวยการสร้าง ถ่ายภาพโดย ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์-วินิจ ภักดีวิจิตร สร้างฉากโดย อุไร ศิริสมบัติ และจัดจำหน่ายโดยบริษัทเอกรัตน์จำกัด
เชลยใจ (2509)
เชลยใจ (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ธาดาภาพยนตร์ ภูมิใจเสนอ ดูชีวิตอื่นหมื่นแสน ยังไม่คับแค้นเท่า ชีวิตครูผู้อาภัพกว่าใคร ที่ต้องตกเป็น... เชลยใจ ของ...บุษยมาส ละครวิทยุคณะ “แก้วฟ้า” ได้รับคะแนนนิยมจากท่านผู้ฟัง ฮิทที่สุดในรอบปี 2509 นำโดยดาราที่เหมาะสมกับบทบาท (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (ภาวนา ชนะจิต) วิไลวรรณ วัฒนพานิช, (ชุมพร เทพพิทักษ์), โยธิน เทวราช, เยาวเรศ นิสากร, (กัณฑรีย์ นาคประภา), สมควร กระจ่างศาสตร์, (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), สมศรี อรรถจินดา, จันตรี สาริกบุตร, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), บู๊ วิบูลย์นันท์, แน่งน้อย พระเอกจากจอแก้ว ทม วิศวชาติ ชุลี เมธุดิษฐ์ อำนวยการสร้าง วิไล นาคสู่สุข ที่ปรึกษา สาธิต ตินตบุตร ดำเนินงาน และสถานสงเคราะห์เด็กพิการ ให้ความอนุเคราะห์ สมควร กระจ่างศาสตร์ กำกับการแสดง สมชาย จันทวังโส ถ่ายภาพ พัมนาการภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
แสงเทียน (2509)
แสงเทียน (2509/1966) ข้อความบนใบปิด นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์และชื่อเรื่อง แสงเทียน ของ “แก้วฟ้า” นำโดย (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) (อดุลย์ ดุลยรัตน์), (ชฎาพร วชิรปราณี), (บุษกร สาครรัตน์), (สุวิน สว่างรัตน์), อาคม มกรานนท์, มาลี เวชประเสริฐ, สิงห์ มิลินทราศัย, ธัญญา ธัญญารักษ์ และ ด.ญ.วชิราภรณ์ พึ่งสังข์ อรสา อิศรางกูร, ดาวน้อย ดวงใหญ่, ดอกดิน กัญญามาลย์ กัญญามาลย์ภาพยนตร์ เสนอ ดอกดิน-บรรจง กัญญามาลย์ อำนวยการสร้าง สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ ดอกดิน กัญญามาลย์ กำกับการแสดง บริษัทวชิรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก (2509)
เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก (2509/1966) เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2509 สร้างโดย จิตรวาณีภาพยนตร์ อำนวยการสร้างโดย กิจติพงษ์ เวศภูญาณ กำกับการแสดงโดย (รังสี ทัศนพยัคฆ์) โดยมี ขุนแผน เป็นผู้ดำเนินงาน ถ่ายภาพโดย ธีระ แอคะรัจน์
สายเลือดกตัญญู (2509)

สายเลือดกตัญญู (2509/1966) ข้อความบนใบปิด พิพัฒน์ภาพยนตร์ เสนอ สายเลือดกตัญญู ของ ภิรวดี นำแสดงโดย (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ธานินทร์ อินทรเทพ, บุศรา นฤมิต, (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), (อดุลย์ ดุลยรัตน์), สมควร กระจ่างศาสตร์, มาลี เวชประเสริฐ, สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต, (มนัส บุณยเกียรติ), วิน วิษณุรักษ์, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), (เทียว ธารา), (ล้อต๊อก), ขอแนะนำดาราสาว เนตรนภา ดาราพรหม วันชัย รักษาวัย-สมพงษ์ โชติวรรณ อำนวยการสร้าง (รังสี ทัศนพยัคฆ์) กำกับการแสดง รัตนงามภาพยนตร์ จัดจำหน่าย

 
ลมหนาว (2509)
ลมหนาว (2509/1966) นันทนาครภาพยนตร์ ขอมอบของขวัญอันเป็นมิ่งมงคล แก่ชีวิตทุกชีวิตที่อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภาร โปรดเกล้าพระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ "ลมหนาว" เป็นเพลงเอก ฟัง! เพลงพระราชนิพนธ์ "ลมหนาว" บรรเลงด้วยดนตรี 101 ชิ้น ยิ่งใหญ่ที่สุด จากนวนิยายชีวิตในนิตยสาร เดลิเมล์วันจันทร์ โดยนักประพันธ์ตุ๊กตาทองพระราชทาน รพีพร นำโดยดาราที่ปวงประชาทุกครัวเรือนถือเสมือนญาติสนิท...
อรุณเบิกฟ้า (2509)
อรุณเบิกฟ้า (2509/1966) ข้อความบนใบปิด จินดาวรรณภาพยนตร์ เสนอ จากละครวิทยุแสนดีของคณะ “แก้วฟ้า” บทประพันธ์ของ...”นราวดี” อรุณเบิกฟ้า (พิศมัย วิไลศักดิ์) (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (ขวัญใจ สะอาดรักษ์), วิไลวรรณ วัฒนพานิช, วงทอง ผลานุสนธิ์, (สุวิน สว่างรัตน์), ไฉน, เยาวเรศ นิสากร, ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี ร่วมด้วย (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), เมืองเริง ปัทมินมร์, (สมพล กงสุวรรณ), วนิดา, ทรงวุฒิ, (เสน่ห์ โกมารชุน), ชูเตี้ย, ดาวน้อย ดวงใหญ่, ชาย, แอ๋ นุชเล็ก, ประยูร, พรชัย พร้อมด้วยทีมนักร้องแผ่นเสียงทองคำ จินตนา สุขสถิตย์, มีศักดิ์ นาคนัตน์, สักรินทร์ ปุญญฤทธิ์, อรสา อิศรางกูร, (ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา) ขอเสนอยอดชายคนใหม่ เพชร พิษณุ สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ วงทอง ผลานุสนธิ์ อำนวยการสร้าง ศิริ ศิริจินดา กำกับการแสดง สุระสา สร้างบทภาพยนตร์ อนันต์ ชลวนิช ดำเนินงาน วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
น้อยไจยา (2509)
น้อยใจยา (2509/1966) ฉ่ำชื่น แช่มช้อย ต้องชม น้อยไจยา น้อยไจยา (ไชยา สุริยัน) ชายหนุ่มรูปงามแต่ฐานะยากจน รักใคร่อยู่กับแว่นแก้ว (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ลูกสาวของเศรษฐี แต่แว่นแก้วมีคู่หมั้นหมายอยู่แล้วคือส่างนันตา (ทักษิณ แจ่มผล) พ่อค้าชาวพม่า ส่างนันตารู้ว่าแว่นแก้วผู้เป็นคู่หมั้นของตนผูกสมัครรักใคร่อยู่กับน้อยไจยาก็ไม่พอใจ และหาทางกลั่นแกล้งน้อยไจยาอยู่เสมอ ยิ่งทำให้แว่นแก้วรู้สึกสงสารน้อยไจยายิ่งขึ้น เมื่อใกล้ถึงกำหนดวันแต่งงานของส่างนันตากับแว่นแก้ว น้อยไจยากับแว่นแก้วตกลงใจพากันหนีแต่ถูกจับได้ระหว่างทาง เศรษฐีผู้เป็นพ่อของแว่นแก้วจับตัวน้อยไจยาส่งให้เจ้าเมืองตัดสินโทษในข้อหาลักพาตัวลูกสาวของตน เจ้าเมืองไต่สวนข้อเท็จเจริงจากน้อยไจยา แว่นแก้ว ส่างนันตา และตัดสินให้น้อยไจยาพ้นความผิด และให้น้อยไจยากับแว่นแก้วแต่งงานกันได้ แต่ต้องเสียค่าทำขวัญให้กับส่างนันตา ทำให้น้อยไจยาและแว่นแก้วได้ครองรักกันสืบต่อมา กลายเป็นตำนานรักอมตะ
โสนน้อยเรือนงาม (2509)
โสนน้อยเรือนงาม (2509/1966) กษัตริย์นครโรมวิสัย (ม.ล.ขาบ กุญชร) มีพระราชธิดาที่งดงามมาก เมื่อพระราชธิดาประสูติมีเรือนไม้เล็กๆปรากฎขึ้นข้างกาย เรือนนี้เมื่อพระธิดาเจริญวัยขึ้น เรือนไม้นี้ก็โตขึ้นด้วยและกลายเป็นของเล่นของพระราชธิดา พระบิดาจึงตั้งชื่อพระราชธิดาว่า โสนน้อยเรือนงาม (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) เมื่อโสนน้อยเรือนงามมีพระชนม์พรรษาได้สิบห้าพรรษา โหรทูลพระบิดาว่าโสนน้อยเรือนงามกำลังมีเคราะห์ ควรให้ออกไปจากเมืองเสีย เพราะจะต้องอภิเษกกับคนที่ตายแล้ว พระบิดาและพระมารดาก็จำใจให้โสนน้อยเรือนงามออกไปจากเมืองแต่ผู้เดียว โสนน้อยเรือนงามปลอมตัวเป็นชาวบ้านและเอาเครี่องทรงพระราชธิดาห่อไว้ พระอินทร์สงสารนางจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษสำหรับรักษาคนตายให้ฟื้นได้ โสนน้อยเรือนงามเดินทางเข้าไปในป่าพบนางกุลา (ชฎาพร วชิรปราณี) หญิงใจร้ายนอนตายเพราะถูกงูกัด โสนน้อยเรือนงามจึงนำยาของชีปะขาวมารักษา นางกุลาก็ฟื้น นางจึงขอเป็นทาสติดตามโสนน้อยเรือนงาม. ที่นครนพรัตน์มีกษัตริย์ (ม.ล.รุจิรา อิศรางกูร) ครองอยู่ มีพระราชโอรสนามว่า พระวิจิตรจินดา (ไชยา สุริยัน) ซึ่งเป็นชายหนุมรูปงามและมีความสามารถ แต่วันหนึ่งพระวิจิตรจินดาถูกนาคราชกัดสิ้นพระชนม์ พระบิดาและพระมารดาเศร้าโศรกเสียใจมาก แต่โหรทูลว่า พระวิจิตรจินดาจะสิ้นพระชนม์ไปเจ็ดปีแล้วจะมีพระราชธิดาของเมื่องอื่นมารักษาได้ พระบิดาและพระมารดาจึงเก็บพระศพของพระวิจิตรจินดาไว้ และมีประกาศให้คนมารักษาให้ฟื้น โสนน้อยเรือนงามและนางกุลาเดินทางมาถึงเมืองนพรัตน์ได้ทราบจากประกาศ จึงเข้าไปในวังและอาสาทำการรักษา โดยขอให้กั้นม่านเจ็ดชั้น ไม่ให้ใครเห็นเวลารักษา โสนน้อยเรือนงามแต่งเครื่องทรงพระราชธิดาทำการรักษา โดยนางกุลาติดตามเฝ้าดู เมื่อโสนน้อยเรือนงามทายาให้พระวิจิตรจินดา พิษของนาคราชเป็นไอร้อนออกมาทำให้นางรู้สึกร้อนมาก จึงถอดเครื่องทรงพระราชธิดาออกแล้วเสด็จไปสรงน้ำ ระหว่างนั้นนางกุลาก็นำเครื่องทรงพระราชธิดาของโสนน้อยเรือนงามามแต่ง พอดีพระวิจิตรจินดาฟื้น ทุกคนก็คิดว่านางกุลาเป็นพระราชธิดาที่รักษาจึงเตรียมจะให้อภิเษก ส่วนโสนน้อยเรือนงามต้องกลายเป็นข้าทาสของนางกุลาไป พระวิจิตรจินดาและพระบิดาและพระมารดาก็ยังมีความสงสัยในนางกุลา จึงให้นางเย็บกระทงใบตองถวาย นางกุลาทำไม่ได้โยนใบตองทิ้งไป โสนน้อยเรือนงามเก็บใบตองมาเย็บเป็นกระทงสวยงาม นางกุลาก็แย่งไปถวายพระราชบิดามารดาของพระวิจิตรจินดา พระวิจิตรจินดาไม่อยากอภิเษกกับนางกุลาจึงขอลาพระบิดาพระมารดาไปเที่ยวทางทะเล พระบิดาพระมารดาให้นางกุลาย้อมผ้าผูกเรือ นางกุลาก็ทำไม่เป็น โยนผ้าและสีทิ้ง โสนน้อยเรือนงามเก็บผ้าและสีไปย้อมได้สีงดงาม นางกุลาก็แย่งนำไปถวายพระบิดาพระมารดาอีก. เมื่อพระวิจิตรจินดาจะออกเรือก็ปรากฎว่าเรือไม่เคลื่อนที่พระวิจิตรจินดาทรงคิดว่าคงมีผู้มีบุญในวังต้องการฝากซื้อของ เรือจึงไม่เคลื่อนที่จึงให้ทหารมาถามรายการของที่คนในวังจะฝากซื้อ ทุกคนก็ได้มีโอกาสฝากซื้อ แต่โสนน้อยเรือนงามอยู่ใต้ถุนถึงไม่มีใครไปถาม เรือก็ยังไม่เคลื่อนที่ พระวิจิตรจินดาจึงให้ทหารกลับไปค้นหาคนในวังที่ยังไม่ได้ฝากซื้อของ ทหารจึงได้ไปค้นหานางโสนน้อยเรือนงามได้ นางจึงฝากซื้อ "โสนน้อยเรือนงาม" เมือพระวิจิตรจินดาเดินทางไป ลมก็บันดาลให้พัดไปยังเมืองโรมวิสัยของพระบิดาของโสนน้อยเรือนงาม พระวิจิตรจินดาซื้อของฝากได้จนครบทุกคน ยกเว้นโสนน้อยเรื่อนงาม พระวิจิตรจินดาจึงสอบถามจากชาวเมือง ชาวเมืองบอกว่าโสนน้อยเรือนงามมีอยู่แต่ในวังเท่านั้น พระวิจิตรจินดาจึงเข้าไปในวังและทูลขอซื้อโสนน้อยเรือนงามไปให้นางข้าทาส พระบิดาของโสนน้อยเรือนงามทรงถามถึงรูปร่างหน้าตาของนางทาส ก็ทรงทราบว่าเป็นพระธิดา จึงมอบโสนน้อนเรือนงามให้พระวิจิตรจินดาและให้ทหารตามมาสองคน เมื่อพระวิจิตรจินดากลับถึงบ้านเมือง ทหารเมืองโรมวิสัยก็ไปทำความเคารพนางโสนน้อยเรือนงาม และเรือนวิเศษก็ขยายเป็นเรือนใหญ่มีข้าวของเครื่องใช้พระธิดาครบถ้วน โสนน้อยเรือนงามก็เข้าไปอยู่ในเรือนนั้น พระวิจิตรจินดาจึงแน่ใจว่าโสนน้อยเรือนงามเป็นพระราชธิดาที่รักษาตน จึงจะฆ่านางกุลาแต่โสนน้อยเรือนงามขอชีวิตไว้ จึงเนรเทศนางกุลาออกจากเมือง พระวิจิตรจินดาก็ได้อภิเษกกับนางโสนน้อยเรือนงาม หลังจากอภิเษกแล้วพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยเรือนงามได้เดินทางโดยสำเภาไปยังเมืองโรมวิสัย แต่เรือถูกพายุพัดจนแตก พระวิจิตรจินดาและทหารถูกน้ำพัดไปติดที่เกาะแห่งหนึ่งเป็นที่อยู่ของฤาษีตาไฟ ซึ่งช่วยสอนวิชาอาคมให้เพื่อพระวิจิตรจินดาจะได้เดินทางกลับบ้านเมืองได้ ส่วนโสนน้อยเรือนงามซึ่งกำลังตั่งครรภ์ได้ขึ้นฝั่งไปพบนางกุลากำลังป่วยใกล้ตายจึงใช้ยาวิเศษช่วยชีวิตไว้ แต่หลังจากฟื้นมาแล้วนางกุลากลับผลักโสนน้อยเรือนงามตกลงไปในบ่อพิษทำให้ใบหน้าอัปลักษณ์ โสนน้อยซมซานไปพบกับเศรษฐีใจบุญ (พยงค์ มุกดา) และภรรยา (ศรีสละ ทองธารา) ทั้งสองสงสารจึงเลี้ยงดูเหมือนลูกและคลอดพระโอรสออกมารูปโฉมงดงาม ส่วนนางกุลาเดินทางมาพบกับกองเกวียนของมะเดื่อ (ชาย เมืองสิงห์) ซึ่งเป็นบุตรของเศรษฐีใจบุญ นางกุลาใช้เสนห์ยั่วยวนจนได้เป็นเมียของมะเดื่อ เมื่อมะเดื่อพานางกุลามาถึงบ้านก็ได้พบกับโสนน้อยเรือนงามที่หน้าตาอัปลักษณ์ แต่นางกุลาแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก เมื่อสบโอกาสก็แอบลักพระโอรสไปโยนทิ้งน้ำ แต่พระโอรสมีบุญไม่ถึงแก่ชีวิต ลอยไปยังเกาะที่มีฤาษีผู้มีฤทธิ์แก่กล้า ฤาษีเศกให้พระโอรสโตขึ้นเป็นเจ็ดขวบและสอนวิชาให้ นางกุลาแสดงความร้ายกาจจนครอบครัวเศรษฐีใจบุญทนไม่ไหว จึงขับไล่ออกจากบ้าน นางกุลาเดินทางมาในป่าจนพบกับเหล่าโจรป่า จึงยั่วยวนจนหัวหน้าโจรลุ่มหลง วันหนึ่งนางกุลาจึงวางแผนให้โจรป่าเข้าปล้นบ้านเศรษฐีใจบุญเพื่อจะฆ่าโสนน้อยเรือนงาม ขณะเดียวกับที่พระวิจิตรจินดาและพระโอรสต่างสำเร็จวิชาที่ร่ำเรียนกับพระฤาษี อาจารย์ของทั้งสองจึงสั่งให้มาช่วยโสนน้อยเรือนงาม พระวิจตรจินดาและพระโอรสใช้วิชาปราบเหล่าโจรร้ายจนราบคาบ และได้สาปนางกุลาให้กลายเป็นวัว โสนน้อยหมดเคราะห์กรรมทำให้ใบหน้าหายจากความอัปลักษณ์ ทั่งหมดจึงได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข
หงส์เหิร (2509)
หงส์เหิร (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ธราธรภาพยนตร์ เสนอ ผลงานที่เข้มแข็งทั้งทีมสร้าง จากละครวิทยุของคณะ “แก้วฟ้า” ครั้งแรกในชีวิตการแสดงที่หนักที่สุดการเต้นบัลเล่ต์ และ ฉุยฉายพราหมณ์ (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) บุศรา นฤมิต, (อดุลย์ ดุลยรัตน์), (รุจน์ รณภพ), พงษ์ลดา พิมลพรรณ นำ หงส์เหิร ร่วมด้วย อนุชา รัตนมาลย์, (กัณฑรีย์ นาคประภา), (ปรียา รุ่งเรือง), มาลี เวชประเสริฐ, เยาวเรศ นิสากร, ใจดาว บุษยา, (ชุมพร เทพพิทักษ์), (เสน่ห์ โกมารชุน), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), สาหัส บุญหลง, ส.อาสนจินดา และดารารุ่นจิ๋ว น่ารัก น่าเอ็นดู ส.อาสนจินดา กำกับ วินิจ ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ ชลลดา ภักดีวิจิตร อำนวยการสร้าง พัฒนาการภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
กาเหว่า (2509)
กาเหว่า (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ศิรินทราภาพยนตร์ สร้าง แก้วฟ้า-ดอกดิน ภูมิใจเสนอ กาเหว่า ของ อ้อย อัจฉริยกร (มิตร ชัยบัญชา) โสภา สถาพร นำขบวนดาราประชันกันอย่างคับคั่ง (อดุลย์ ดุลยรัตน์), ทักษิณ แจ่มผล, อรสา อิศรางกูร, ธานินทร์ อินทรเทพ, (บุษกร สาครรัตน์), (ชฎาพร วชิรปราณี), อภิญญา วีระขจร, น้ำเงิน บุญหนัก, (สมจิตร ทรัพย์สำรวย), (สุวิน สว่างรัตน์), สิงห์ มิลินทราศัย, (ทานทัต วิภาตะโยธิน), เทีนว ธารา, พรชัย และ ธัญญา ธัญญารักษ์ พรั่งพร้อมด้วยสามดาวตลกชื่อดัง (ล้อต๊อก), ดาวน้อย ดวงใหญ่ และ ดอกดินตัวดำๆ ครั้งแรก ครั้งสำคัญ ที่คุณจะได้พบบทบาทประทับใจ จากสองดาวเสียงชื่อดังละครวิทยุคณะ “แก้วฟ้า” วิเชียร นีลิกานนท์ จีราภา ปัญจศิลป์ สุคนธ์ มงคลฤทธิ์ อำนวยการสร้าง สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ ณรงค์ ภูมินทร์ ดำเนินงาน ดอกดิน กัญญามาลย์ กำกับการแสดง เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
เพชรชมพู (2509)
เพชรชมพู (2509/1966) ข้อความบนใบปิด เทพนิมิตภาพยนตร์ โดย พยุง พยกุล ภูมิใจเสนอ ฉกาจเยี่ยงพยัคฆ์ร้ายกระหายเหยื่อ สวยสง่าราวเทพธิดาในสวรรค์ นางเอกผู้มีฉายายิ้มพิมพ์ใจ (ปริศนา ชบาไพร) พบกับ พระเอกนักรักนักสู้ (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) เพชรชมพู ของ โชค ชาติพยัคฆ์ พร้อมด้วยไฟฟ้าพลังสูง เปลวไฟ หทัยทิพย์, มานี มณีวรรณ, นาฏ นดา ร่วมด้วย สมชาย ศรีภูมิ, (พร ไพโรจน์), แป้น, เชษฐ์, ศักดิ์ สุริยา, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม) , (หม่อมชั้น พวงวัน), บังเละ, ลุงโกร่ง กางเกงแดง พยุง พยกุล อำนวยการสร้าง-กำกับการแสดง ปานเทพ กุยโกมุท ถ่ายภาพ
ชุมทางรัก (2509)
ชุมทางรัก (2509/1966) ชุมทางรัก เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2509 สร้างโดย รัตนงามภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย ประทีป โกมลภิส ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ ก.สุรางคนางค์ (กัณหา เคียงศิริ)
หยกแดง (2509)
หยกแดง (2509/1966) ข้อความบนใบปิด พิษณุภาพยนตร์ เสนอ ภาพยนตร์ชีวิต..บู๊.. หยกแดง ของ ปพิมล (มิตร ชัยบัญชา) (พิศมัย วิไลศักดิ์) ร่วมด้วย ฑัต เอกฑัต, สมควร กระจ่างศาสตร์, ประมินทร์ จารุจารีต, เอื้อมเดือน อัษฎา, เยาวเรศ นิศากร, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, แป้น ปลื้มสระไชย วิจารณ์ ภักดีวิจิตร อำนวยการสร้าง วินิจ ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ พันคำ กำกับการแสดง เอวันฟิล์ม จัดจำหน่าย
เสน่ห์บางกอก (2509)
เสน่ห์บางกอก (2509/1966) แพร (พร ภิรมย์) หนุ่มบ้านศาลาเกวียนหลงใหลความเจริญของเมืองบางกอกถึงขนาดหนีการบวชทดแทนพระคุณพ่อแม่คือกำนันปลั่ง (พยงค์ มุกดา) หนีที่จะต้องแต่งงานกับ สไบ (ภาวนา ชนะจิต) สาวบ้านนาที่พ่อแม่เลือกให้ไปเมืองบางกอก แต่แล้วเมืองบางกอก ก็ทำให้แพรผิดหวังเพราะเจอแต่คนแล้งน้ำใจ ไม่ว่าจะเป็นสาวบางกอกที่แพรคิดจะรักก็ไม่ใยดี ซ้ำต้องเผชิญกับนักเลงหัวไม้แย่งชิงพระพุทธรูปที่แพรนำติดตัวมาจนแพรต้องไปเป็นนักมวย ฝ่ายพ่อแม่ก็ออกตามหาตัวแพรกันจ้าละหวั่น แต่แล้วในที่สุดแพรก็หันหลังให้กับเมืองบางกอก กลับบ้านนอกมาพร้อมๆ กับพ่อแม่และสไบที่ออกตามหาด้วยความเป็นห่วง

เงิน เงิน เงิน (2508/1965) เพลงพราว...ดาวพรู...ดูเพลิน เมื่อได้ชม เงิน เงิน เงิน ฉายแล้วจ้า...เฉลิมเขตร์ ไม่รวยก็ปิ๋ว... หนังมาตรฐาน ระบบซูเปอร์ซีเนสโคป สีอิสต์แมน เต็มจอยักษ์เฉลิมเขตร์ ฟัง 14 เพลงเพราะ จาก 15 ยอดนักเพลง เพลงพราว ดาวพรู ดูเพลิน 62 ดารา 14 เพลงเอก ทั่วโลกยอมรับแล้วว่า "เงิน เงิน เงิน" เป็นหนึ่งไม่มีสอง! 35 ม.ม.เสียงในฟิล์ม ซุปเปอร์ซีเนสโคป สีอิสต์แมน ขุนหิรัญ (อบ บุญติด) นายทุนเงินกู้ วัตโกเศรษฐกิจ มอบหมายให้หลานชาย ตุ๊ อรรคพล ((มิตร ชัยบัญชา)) เอาสัญญาเงินกู้ไปขู่บังคับชาวบางรื่นสุข ให้ย้ายออกด่วนเพื่อเอาที่ดินไปทำธุรกิจตึกแถวร่วมกับ คุณนายเม้า (สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต) หุ้นส่วน ซึ่งอรรคพลไม่ชอบวิธีการเช่นนี้ และเมื่อได้พบกับชุมชนที่สุขสงบ เรียบง่าย รวมทั้งกลุ่มวงดนตรีแก๊งค์เด็กวัดอารามบอย ทำให้ความหวังที่จะทำธุรกิจบันเทิงอย่างที่ตนเองฝันไว้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง จึงรวมกลุ่มกับแก๊งค์เด็กวัดเพื่อเปิดกิจการไนท์คลับ แต่ก็ถูกกลั่นแกล้งจากท่านขุน ขณะเดียวกัน ภารดี (สุมาลี ทองหล่อ) น้องสาวแอบรักชอบกับ รังสรรค์ (ชรินทร์ นันทนาคร) ครูสอนเปียโนฐานะยากจน เมื่อหลานชายกับหลานสาวไม่ได้ดังใจ เศรษฐีหน้าเลือดอย่างท่านขุน จึงไล่ทั้งคู่ออกจากบ้าน โดยยื่นเงื่อนไขให้เอาเงินมาไถ่ที่ราคาหนึ่งล้านบาท เหตุการณ์พลิกผันให้อรรคพลพบกับแม่ที่พลัดพรากกัน (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) และได้ กิ่งแก้ว (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) เด็กขอทานผู้เป็นเสมือนพลังใจ จนทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาเป็นความรัก และช่วยกันหาทางนำเงินมาไถ่ถอนที่ได้สำเร็จ เป็นตัวอย่างของภาพยนตร์ที่สามารถเป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทยในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ชัดเจน ทำหน้าที่ปลอบประโลมใจคนยากคนจนให้มีความหวัง ที่จะฝันว่า จะมีพระเอกในฝัน หนุ่มหล่อ ลูกมหาเศรษฐีมาช่วย มาหลงรัก และครองรักกับเราอย่างชื่นมื่นสุขใจ

พระรถ-เมรี (2508/1965) ข้อความบนใบปิด เสน่ห์ศิลป์ภาพยนตร์ สร้าง (เสน่ห์ โกมารชุน) อำนวยการสร้าง-กำกับการแสดง อนุศักดิ์ เจนจรัสสกุล ถ่ายภาพ พระรถ-เมรี หรือ นางสิบสอง จากวรรณคดีชาดกที่รู้กันทั่วไป นำโดย (ไชยา สุริยัน) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) และอีก 12 นางเอก เอื้อมเดือน อัษฎา, (ปรียา รุ่งเรือง), เยาวเรศ นิสากร, (บุษกร สาครรัตน์), อภิญญา วีระขจร, อุษา อัจฉรานิมิตร, วรรณา แสงจันทร์ทิพย์, ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี, ใจดาว บุษยา, สุดเฉลียว เกตุผล, แพร ไพลิน, บุษบา และ...พาทีมเสน่ห์ศิลป์ครบครัน...

 
หยกแก้ว (2508)
หยกแก้ว (2508/1965) ข้อความบนใบปิด ลดาพรรณภาพยนตร์ ส่งความสุขปีใหม่แฟนภาพยนตร์ 3 ปีซ้อน 07 ครึกโครม คือ ชโลมเลือด 08 คึกคัก คือ เลิศชาย 09 เหนือกว่า 2 ปีที่แล้วต้อง หยกแก้ว ของ “แก้วฟ้า” นำโดยคู่พระคู่นางที่นิยมที่สุดแห่งยุค (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) (อดุลย์ ดุลยรัตน์), กิ่งดาว ดารณี, (รุจน์ รณภพ), ม.ร.ว.ประสิทธิศักดิ์ สิงหรา, พงษ์ลดา พิมลพรรณ, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), เชาว์ แคล่วคล่อง, อภิญญา วีระขจร, (หม่อมชั้น พวงวัน), (ชฎาพร วชิรปราณี) ขอแนะนำ ด.ช.วโรดม เปรมกมล ส.อาสนจินดา สร้างบทภาพยนตร์ พันคำ กำกับการแสดง ฉลอง ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ พงษ์ลดา พิมลพรรณ อำนวยการสร้าง อุเทน นุตเสน ดำเนินงาน วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย

เดือนร้าว (2508/1965) ข้อความบนใบปิด ส.ค.ส.2509 โดมฤดีโปรดัคชั่น ขอส่งความสุขปีใหม่ด้วยภาพยนตร์ รัก สดชื่น ระทึกใจ (มิตร ชัยบัญชา) พบกับรองนางสาวไทย เนาวรัตน์ วัชรา วิไลวรรณ วัฒนพานิช, (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), เอื้อมเดือน อัษฎา, (อดุลย์ ดุลยรัตน์), จุรีรัตน์, สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช และ 4 ดาวเปลือยชื่ออื้อฉาว มณทิชา ณ เชียงดาว, มานี มณีวรรณ, บุษบา นภารักษ์, เปลวใจ หทัยทิพย์ เดือนร้าว จากบทประพันธ์ ของ รพีพร โดม แดนไทย อำนวยการสร้าง ไพรัช สังวริบุตร ถ่ายภาพ คุณาวุฒิ กำกับการแสดง เอวันฟิล์ม จัดจำหน่าย

 
ชบาไพร (2508)
ชบาไพร (2508/1965) ข้อความบนใบปิด สุเทพภาพยนตร์ เสนอ ภาพยนตร์ชีวิตรัก ระคนบู๊ ฮาสะบัด... ชบาไพร ของ ช่อทิพย์วรรณ นำโดย (ชนะ ศรีอุบล) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), ทักษิณ แจ่มผล, (สมจิตร ทรัพย์สำรวย), เชาว์ แคล่วคล่อง, อบ บุญติด, (ปรียา รุ่งเรือง), สาหัส บุญหลง, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ประมินทร์ จารุจารีต, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก) ช่อทิพย์วรรณ สร้างบท-กำกับ ส.สุเทพ สงคราม ถ่ายภาพ สมบูรณ์ จันทรสมบูรณ์ อำนวยการสร้าง รัตนงาม จัดจำหน่าย
ลูกหญิง (2508)
ลูกหญิง (2508/1965) ข้อความบนใบปิด กมลศิลปภาพยนตร์ เสนอ ใครๆก็มีพ่อแม่ ใครๆก็มีลูก แต่พ่อแม่คนไหนๆก็ไม่เคยมีลูกถุกใจเท่า ลูกหญิง ของ รพีพร นำแสดงโดย (ไชยา สุริยัน) (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) รัตนาภรณ์ น้อย อินทรกำแหง รัตนากร อินทรกำแหง (อดุลย์ ดุลยรัตน์) (ชฎาพร วชิรปราณี), สมควร กระจ่างศาสตร์, ราชันย์ กาญจนมาศ, (สมพล กงสุวรรณ), ประมินทร์ จารุจารีต, สังวรณ์, สมพงษ์ พงษ์มิตร, พูนสวัสดิ์ ธีมากร, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ทองฮะ, ทองแถม, (หม่อมชั้น พวงวัน), ปราณีต คุ้มเดช, ก๊กเฮง, ขวัญ และด.ญ.วัชราภรณ์ พึ่งสังข์ ร่วมแสดง (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) อำนวยการสร้าง น้อย กมลวาทิน กำกับการแสดง พลังจิต สร้างบท สังวรณ์-ธงชัย สร้างฉาก กมลศิลป์ ลำดับภาพ อนุศักดิ์ เจนจรัสสกุล ถ่ายภาพ วัชรภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
เพชรน้ำผึ้ง (2508)
เพชรน้ำผึ้ง (2508/1965) เชน (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) หนุ่มเกษตรบัณฑิตที่จำต้องไปเป็นคนงานในไร่ "เพชรน้ำผึ้ง" เพื่อทำงานใช้หนี้ให้กับ ดุสิต เจ้าของไร่ผู้ทรงอิทธิพล ดุสิตมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนคือ จูน (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ที่เขาส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ยังเล็กและกำลังกลับมาที่ไร่เพชรน้ำผึ้ง ทั้งสองจึงได้พบกันและกลายเป็นคู่กัดระหว่างกัน จูนมีปมชีวิตที่ไม่เคยได้พบหน้าแม่เพราะดุสิตกีดกัน โดยหารู้ไม่ว่าแม่แท้ๆ ของจูนก็คือแม่เลี้ยงที่เลี้ยงดูเชนมานั่นเอง เชนพยายามช่วยเหลือให้ทั้งสองแม่ลูกได้พบหน้ากันท่ามกลางการกีดขวางจากดุสิต ทั้งยังต้องเผชิญกับแผนร้ายของ นุจรี สาวที่หลงไหลเชนและต้องการกำจัดจูนให้พ้นทาง
ใจฟ้า (2508)
ใจฟ้า (2508/1965) ข้อความบนใบปิด อินทรวิจิตรภาพยนตร์ เสนอ เมื่อสวรรค์มีตา ฟ้าย่อมมีใจ ใครๆก็อวยชัยให้ ใจฟ้า ของ รพีพร นำโดย (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ร่วมด้วย พันคำ, ชรินทร์ นันทนาคร, บุศรา นฤมิต, เยาวเรศ นิสากร, พงษ์ลดา พิมลพรรณ, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), (ปรียา รุ่งเรือง), (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), (บุษกร สาครรัตน์), (เมืองเริง ปัทมินทร์), จรูญ สินธุเศรษฐ์, (ชุมพร เทพพิทักษ์), ชนินทร์ พร้อมด้วยดาราดาวร้ายครบชุด และขอฝากฝังเด็กสาวคนใหม่ แพร ไพลิน ชาลี อินทรวิจิตร อำนวยการสร้าง อนันต์ อินละออ ถ่ายภาพ พันคำ กำกับการแสดง เอวันฟิล์ม จัดจำหน่าย
นางพรายคะนอง (2508)
นางพรายคะนอง (2508/1965) ข้อความบนใบปิด พรสุรีย์ภาพยนตร์ เสนอ นางพรายคะนอง ของ ป.พิมล ภาพยนตร์ผีที่ประทับจิต ภาพยนตร์ชีวิตที่ประทับใจ นำแสดงโดย (ไชยา สุริยัน) (ภาวนา ชนะจิต) ร่วมด้วย (ชฎาพร วชิรปราณี), (พร ไพโรจน์), ศลักษณ์ ปรีชา, มาลี เวชประเสริฐ, โยธิน เทวราช, พูนสวัสดิ์ ธีมากร, (ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา), (ไสล พูนชัย), ถวิล, จรูญ สินธุเศรษฐ์, ปราณีต คุ้มเดช, (หม่อมชั้น พวงวัน) และดาราอันดับ 1 อีกคับคั่ง สุลาลีวัลย์ สุวรรทัต อำนวยการสร้าง เฉลิม บุตรบุรุษ ถ่ายภาพ ประทีป โกมลภิส กำกับการแสดง เอวันฟิล์ม จัดจำหน่าย
น้ำผึ้งป่า (2508)
น้ำผึ้งป่า (2508/1965) ข้อความบนใบปิด รัตนงามภาพยนตร์ น้ำผึ้งป่า ชิดชะไม ชัยรัตน์ ได้มอบ น้ำผึ้งป่า บทประพันธ์ที่รักยิ่งของเธออีกเรื่องหนึ่ง ต่อจาก ตำหนักเพชร ให้ รัตนงามภาพยนตร์ นำโดย (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ร่วมด้วย กิ่งดาว ดารณี, พงษ์ลดา พิมลพรรณ, (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), ทักษิณ แจ่มผล, (รุจน์ รณภพ), ประมินทร์ จารุจารีต, จรูญ สินธุเศรษฐ์, วิน วิษณุรักษ์, (สมพล กงสุวรรณ), สังเวียน หาญบุญตรง, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ดาวน้อย ดวงใหญ่, (เทียว ธารา), (ทานทัต วิภาตะโยธิน) สุภาพ ประจวบเหมาะ อำนวยการสร้าง หวน รัตนงาม ดำเนินงาน ส.อานจินดา กำกับการแสดง สังเวียน หาญบุญตรง ธุรกิจ ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ
สาวเครือฟ้า (2508)
สาวเครือฟ้า (2508/1965) สร้างใหม่ สร้างให้เหนือกว่า มโหฬารกว่า ใหม่ด้วยฉาก ตื่นตาวิจิตรตระการตา ใหม่ด้วยดาราสุดยอดนิยม ร้อยตรีพร้อม ((มิตร ชัยบัญชา)) นายทหารหนุ่มชาวใต้ ย้ายมารับราชการที่เชียงใหม่ เกิดรักใคร่กับ เครือฟ้า (พิศมัย วิไลศักดิ์) หญิงช่างฟ้อนชาวเชียงใหม่ เป็นลูกของคนเลี้ยงช้าง แล้วก็ได้ผูกสมัครรักใคร่กันขึ้น เพราะร้อยตรีพร้อมชอบให้เครือฟ้าพาไปเที่ยวป่า จากนั้นทั้งคู่อยู่กินฉันได้เป็นสามีภรรยากันชั่วระยะสั้น ๆ จนให้กำเนิดบุตรชื่อ เครือณรงค์ ต่อมาจนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ไทยเข้าร่วมรบกับฝ่ายพันธมิตรและมีการระดมทหารอาสาไปรบที่ยุโรป ข่าวมาถึงเชียงใหม่ ร้อยตรีพร้อมได้คำสั่งย้ายกลับกรุงเทพฯ ร้อยตรีพร้อมเลยอาสาไปรบ ก่อนจากได้ร่ำลากันด้วยความรักและอาลัย เครือฟ้าร้องไห้ปิ่มว่า น้ำตาจะเป็นสายเลือด แต่ร้อยตรีพร้อมก็สัญญาว่าจะกลับมาเชียงใหม่อีก ร้อยตรีพร้อมจากไปแล้ว เครือฟ้าก็ตั้งท้อง ร้อยตรีพร้อมไปรบที่ยุโรป ยิงเครื่องบินเยอรมันตกไปหลายลำ แต่ตัวเองก็ประสบเคราะห์กรรมเครื่องบินตกได้รับบาดเจ็บเช่นกัน พอกลับเมืองไทยก็ได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นพันตรีหลวงณรงรักษ์ศักดิ์สงคราม แต่ก็ไม่สามารถจำอะไรในอดีตแม้แต่เครือฟ้าและเชียงใหม่ ร้อยตรีพร้อมได้ถูกทางญาติบังคับให้แต่งงานกับจำปา (เนตร์นภา ดารารัตน์) เป็นลูกผู้ดีมีสกุล จนเกิดรักใคร่ชอบพอกันแล้วก็แต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมาย จนถึงวันที่คุณหลวงพร้อมต้องเอาเครื่องบินไปแสดงบินที่เชียงใหม่ และพอไปก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยมาอยู่ที่นี่ แต่ก็โดนคอยขัดขวาง ฝ่ายเครือฟ้าเฝ้ารอสามี เมื่อได้ข่าวว่าสามีเดินทางมาเชียงใหม่ ก็ไปคอยต้อนรับด้วยความดีใจ เมื่อพบว่าร้อยตรีพร้อมแต่งงานแล้ว พร้อมกับพาภรรยามาด้วย แต่คุณหลวงจำไม่ได้และยังโดนจำปาไล่กลับและดูหมิ่นดูแคลนต่างๆ นานา เครือฟ้าเสียใจมาก จึงใช้มีดแทงตัวตาย ด้วยหัวใจที่แตกสลาย แต่คุณหลวงจำได้ก็สายเกินไปเสียแล้ว