สีดา (2511)
สีดา (2511/1968) เรื่องราวชีวิตของ "สีดา" สาวตาบอดยากจนผู้อาศัยอยู่กับแม่และพี่สาว ด้วยความดีทำให้เธอได้พบเจบกับชีวิตที่ดีขึ้น แต่ไม่วายต้องช้ำใจเมื่อถูกพี่สาวของตนกีดกันไม่อยากให้ก้าวหน้ากว่าตน
เป็ดน้อย (2511)
เป็ดน้อย (2511/1968) ศักดิ์ชัย (ไชยา สุริยัน) ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สำรวจพื้นที่ทำทางหลวง เข้ามาขอพักชั่วคราวในบ้านสุดชายทุ่งของเป็ดน้อย (สุทิศา พัฒนุช) และทั้งสองบังเกิดความรักต่อกัน แม้ว่าบุญ (ธานินทร์ อินทรเทพ) จะหมายปองเป็ดน้อยอยู่ก่อนแล้ว ศักดิ์ชัยสัญญาว่าจะมารับเป็ดน้อยไปอยู่กรุงเทพ แต่เมื่อศักดิ์ชัยมาบอกเรื่องของเขากับเป็ดน้อยแม่และพี่น้องของเขาต่างรังเกียจเมื่อทราบว่าจะได้สะใภ้ชาวนาเข้ามาอยู่ร่วมด้วย ขณะที่ตระกูลนี้กำลังอยู่ในฐานะลำบาก ทางเดียวที่จะกู้สถานการณ์ได้คือ มรดกของเจ้าคุณปู่ (ม.ล.รุจิรา อิศรางกูร) แต่คุณปู่มีเงื่อนไขว่าศักดิ์ชัยต้องหาเจ้าสาวที่ท่านพอใจเท่านั้น ในงานเลี้ยงต้อนรับ ศักดิ์ศรี (จินฟง) น้องชายคนสุดท้องที่เพิ่งเรียนจบจากเมืองนอก เป้ดน้อยในชื่อใหม่ว่า วรรณวิไล ต้องขายหน้าโดยไม่รู้ตัวที่ทำกิริยาเปิ่นๆจากแผนของหญิงเล็ก (เมตตา รุ่งรัตน์) ผู้ตั้งชื่อให้และแสร้งทำดีเพื่อหาโอกาสกำจัดเธอ ศักดิ์ชัยโกรธเป็ดน้อยที่ทำให้ได้รับความอับอาย เป็ดน้อยเสียใจมากจนหนีกลับบ้านเดิม แต่บุญและศักดิ์ศรีช่วยกันให้กำลังใจให้เป็ดน้อยกู้ศักดิ์ศรีของตนเองคืนมา ทั้งสองวางแผนให้เป็ดน้อยปรากฏตัวใหม่เป็นที่ประทับใจของทุกคน ด้วยความร่วมมือของครูพูน (พูนสวัสดิ์ ธีมากร) ครูสอนมารยาท เจ้าคุณปู่พอใจเป็ดน้อยมากประกาศยกมรดกให้ศักดิ์ชัยและเป็ดน้อย พร้อมทั้งจัดการแต่งงานให้ทั้งสอง
เฟื่องฟ้า (2511)
เฟื่องฟ้า (2511/1968) ข้อความบนใบปิด ปฏิมาภาพยนตร์ เสนอ เฟื่องฟ้า ของ แก้วฟ้า (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ร่วมด้วย (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), (อดุลย์ ดุลยรัตน์), กิ่งดาว ดารณี, (เมตตา รุ่งรัตน์), (รุจน์ รณภพ), (ปรียา รุ่งเรือง), (ชฎาพร วชิรปราณี), สมควร กระจ่างศาสตร์, (สมพล กงสุวรรณ), มาลี เวชประเสริฐ, (มนัส บุณยเกียรติ), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ดาวน้อย ดวงใหญ่, (หม่อมชั้น พวงวัน) ส.อาสนจินดา สร้างบท สุภาพ ประจวบเหมาะ อำนวยการสร้าง เฉลิม บุตรบุรุษ ถ่ายภาพ หวน รัตนงาม กำกับการแสดง
ดวงใจคนยาก (2511)
ดวงใจคนยาก (2511/1968) มิตร-โสภา ข้อความบนใบปิด พรสุรีย์ภาพยนตร์ เสนอ ดวงใจคนยาก ของ รพีพร แก้วฟ้า กำกับการแสดง (มิตร ชัยบัญชา) โสภา สถาพร พร้อมดาราชั้นแนวหน้า กิ่งดาว ดารณี, (บุษกร สาครรัตน์), เชาว์ แคล่วคล่อง, เดือนเพ็ญ ชนะภัย, สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต, สมพงษ์ พงษ์มิตร, จำรูญ หนวดจิ๋ม, ปราณีต คุ้มเดช, ก๊กเฮง, อดุลย์ กรีน และ คณะสามศักดิ์ แก้วฟ้า ให้เกียรติร่วมแสดง สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต อำนวยการสร้าง วินิจ ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ เสรีภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
รักเอย (2511)
รักเอย (2511/1968) วาณี สาวสวยผู้ยากไร้ซึ่งอาศัยอยู่ในสลัม ได้บังเอิญมาพบรักกับ ภาสกร เพลย์บอยหนุ่มนักธุรกิจ จนยอมไปอยู่กินกับเขา โดยที่ภาสกรก็พร้อมจะยอมลดละความเจ้าชู้ของตัวเองเพื่อวาณี กระทั่งเรื่องรู้ไปถึงหูคุณพ่อของภาสกร ซึ่งรู้สึกชิงชังในชาติกำเนิดของว่าที่ลูกสะใภ้ เขาจึงวางแผนจัดฉากให้ภาสกรเข้าใจผิดคิดว่าอดิเรกเพื่อนรักลอบเป็นชู้กับวาณี
แท็กซี่ (2511)
แท็กซี่ (2511/1968) แท็กซี่ เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2511 ให้เสียงพากย์สด เป็นผลงานการกำกับของครู(รังสี ทัศนพยัคฆ์) สร้างโดย บูรพาศิลป์ภาพยนตร์ โดยมี สำเภา ประสงค์ผล เป็นผู้อำนวยการสร้าง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของ ศศิธร เพชรรุ่ง
แสนพยศ (2511)

แสนพยศ (2511/1968) ข้อความบนใบปิด ยอดสวย ยอดซน ยอดแก่น ต้อง.. แสนพยศ มธุรส (ประพันธ์เรื่อง) (มิตร ชัยบัญชา) พบรองนางสาวไทย (เปี๊ยก อรัญญา นามวงศ์) ร่วมด้วย (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), (ปรียา รุ่งเรือง), ฤทธี นฤบาล, เยาวเรศ นิสากร, ปริม ประภาพร, ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี, ชนินทร์, (กัณฑรีย์ นาคประภา), (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), ประมินทร์ จารุจารีต, เชาว์ แคล่วคล่อง, วิชิต ไวงาน, สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย, มาเรีย เกตุเลขา, อัจฉรา, พีระ, ประเสริฐ, แป้น, พิศ, สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), แป๊ะอ้วน, ดาวน้อย ดวงใหญ่, (หม่อมชั้น พวงวัน), ทองถม, ชื้นแฉะ, ขวัญ สุวรรณ พันคำ กำกับการแสดง ปราณี จันทร อำนวยการสร้าง ไพรัช สังวริบุตร ถ่ายภาพ สมาน คัมภีร์ ดำเนินงาน ภูมิ ภูวดล สร้างบท สนั่นศิลป์ภาพยนตร์ จัดจำหน่าย

 
อีแตน (2511)
อีแตน (2511/1968) นายอำเภอจรุง (ชาลี อินทรวิจิตร) ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับโจร ก่อนสิ้นชีวิตได้สั่งเสียให้กาหลง (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) ภรรยาซึ่งกำลังตั้งท้องไปอาศัยอยู่กับท่านเจ้าคุณพระยาบริบาลภูมินทร์ (ม.ล.ขาบ กุญชร) ผู้เป็นบิดาของตน กาหลงพายายเมี้ยน (มาลี เวชประเสริฐ) คนรับใช้เก่าแก่ติดตามมาด้วย และได้คลอดลูกเป็นเด็กหญิงมีตำหนิปานแดงที่ไหล่และมีรอยแผลเป็นที่ใบหูแต่ยังไม่ทันได้ตั้งชื่อ ยายเมี้ยนแอบได้ยินคุณหญิงชฎา (กัณฑรีย์ นาคประภา) ผู้เป็นภรรยาใหม่ของท่านเจ้าคุณปรึกษากับนิพนธ์ (แมน ธีระพล) ชายชู้เรื่องจะกำจัดกาหลงและลูกเพื่อฮุบมรดก ยายเมี้ยนตัดสินใจแอบลักพาตัวลูกของกาหลงหนีออกจากบ้าน และไปอาศัยอยู่กับแต้ม (สมพล กงสุวรรณ) อดีตแมงดาขี้เมา เมื่อกาหลงรู้ว่าลูกหายก็ตกใจมากจนเส้นเลือดสมองแตกกลายเป็นอัมพาต ขณะที่ท่านเจ้าคุณก็ส่งคนออกตามหาหลานแต่ก็ไม่พบ ส่วนยายเมี้ยนและแต้มก็ตั้งชื่อเด็กว่า แตน (อรัญญา นามวงศ์) และยายเมี้ยนอุตส่าห์ทำงานเลี้ยงดูแตนด้วยความเหน็ดเหนื่อย ขณะที่แต้มเอาแต่กินเหล้าเมามาย สิบเก้าปีต่อมาแตนเติบโตเป็นสาวสวย วันหนึ่งได้พบกับรุ่งโรจน์ ((มิตร ชัยบัญชา)) ทนายประจำตระกูลบริบาลภูมินทร์ ซึ่งถูกคุณหญิงชฎาใช้ให้มาไล่ที่ชาวบ้านในสล้มเพื่อเอาที่ดินสร้างตึก แตนไล่ตีรุ่งโรจน์แต่ขณะเดียวกันทั้งสองก็รู้สึกนึกรักกัน ยายเมี้ยนออกไปทำงานที่ต่างจังหวัดเพื่อส่งเงินมาเลี้ยงดูแตนและแต้ม แต่เงินถูกคนที่ยายเมี้ยนฝากมาอมเสียทำให้เงินมาไม่ถึงแตน เมื่ออดอยากมากขึ้นแต้มคิดแผนชั่วขึ้นโดยการหลอกพาแตนไปขายที่ซ่องของผกา (ชฎาพร วชิรปราณี) แต่แตนต่อสู้จนสุดฤทธิ์ไม่ยอมขายตัวทำให้แขกที่เที่ยวพากันเข็ดขยาด คุณหญิงชฎาและนิพนธ์คิดแผนการที่ถ่ายเททรัพย์สมบัติของท่านเจ้าคุณมาเป็นของตน ด้วยการหาหลานตัวปลอมมาตบตาท่านเจ้าคุณ นิพนธ์มาที่ซ่องของผกาและได้พบแตนก็รู้สึกถูกใจคิดว่าแตนเหมาะสมที่แสดงบทบาทเป็นหลานท่านเจ้าคุณ จึงขอซื้อตัวแตนจากผกาและนำมาบ้านภักดีภูมินทร์ ท่านเจ้าคุณดูตำหนิปานแดงที่ไหล่และรอยแผลเป็นที่ใบหูของแตนก็แน่ใจว่าเป็นหลานของตน และกาหลงถึงแม้จะเป็นอัมพาตแต่สัญชาติญาณก็ทำให้รู้ว่าแตนเป็นลูกของตน ขณะที่คุณหญิงชฎากับนิพนธ์รู้สึกดีใจคิดว่าตบตาท่านเจ้าคุณได้ เมื่อแตนมาอยู่ที่บ้านท่านเจ้าคุณก็มีโอกาสได้พบกับรุ่งโรจน์บ่อยครั้งจนกลายเป็นความรัก ในงานวันประกาศตัวแตนเป็นทายาทของตระกูลบริบาลภูมินทร์ ยายเมี้ยนได้แอบเข้ามาในบ้านเพื่อยืนยันกับท่านเจ้าคุณว่าแตนคือทายาทที่แท้จริง และคุณหญิงชฎากับนิพนธ์คิดร้ายต่อทุกคน แต่นิพนธ์มาพบเสียก่อนจึงฆ่ายายเมี้ยนตายและบังคับให้แต้มนำศพยายเมี้ยนออกไปนอกบ้าน เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของหมวย (ชูศรี มีสมมนต์) เพื่อนของแตนที่แอบตามยายเมี้ยนมา นิพนธ์วางยาพิษในเหล้าให้ท่านเจ้าคุณดื่ม แต่เกิดผิดพลาดสลับขวดเหล้ากันทำให้ท่านเจ้าคุณปลอดภัย แต่นิพนธ์กลับดื่มเหล้าในขวดที่ผสมยาพิษเสียเองจนเสียชีวิต แต้มเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจเตลิดหนีไป ขณะเดียวกับที่หมวยไปบอกแตนเรื่องที่นิพนธ์ฆ่ายายเมี้ยนตาย แตนไปที่ศพยายเมี้ยนและนำปืนของนิพนธ์ที่ทิ้งไว้ข้างศพมาด้วย เมื่อพบนิพนธ์นั่งฟุบอยู่กับโต๊ะอาหารจึงใช้ปืนยิงโดยไม่รู้ว่านิพนธ์ตายแล้ว คุณหญิงชฎาแจ้งตำรวจให้จับแตนในข้อหาฆ่านิพนธ์ รุ่งโรจน์พยายามใช้ความรู้กฎหมายช่วยว่าความให้แตนอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถหาพยานหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาได้ซึ่งอาจจะทำแตนต้องติดคุกโดยไม่ได้ทำความผิดก็เป็นได้ แต่แล้วในวันตัดสินคดีแต้มตัดสินใจมาเป็นพยานในศาลบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้แตนพ้นจากความผิด รุ่งโรจน์เจียมตัวว่าตนเองเป็นหลานของนิพนธ์ซึ่งคิดร้ายต่อท่านเจ้าคุณจึงขอลาออก แต่ขณะที่กำลังจะออกจากบ้านแตนก็มาขวางไว้ ทั้งสองจึงเปิดใจต่อกันถึงความรักที่มีต่อกัน และท่านเจ้าคุณและกาหลงก็เต็มใจให้รุ่งโรจน์และแตนแต่งงานกัน
จั๊กจั่น (2511)
จั๊กจั่น (2511/1968) ข้อความบนใบปิด อินทรวิจิตรภาพยนตร์ เสนอ ร่วมประเดิมชัย พ.ศ.ใหม่ของท่าน ด้วยการชมภาพยนตร์สุดยอดรัก... จั๊กจั่น ของ จำลักษณ์ จากละครวิทยุคณะแก้วฟ้า (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), (อดุลย์ ดุลยรัตน์), กิ่งดาว ดารณี, (เมตตา รุ่งรัตน์), (กัณฑรีย์ นาคประภา), (ปรียา รุ่งเรือง), สาหัส บุญหลง, เชาว์ แคล่วคล่อง, มาลี เวชประเสริฐ, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), สิงห์ มิลินทราศัย, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ทองฮะ วงศ์รักไทย, ดาวน้อย ดวงใหญ่ ขอแนะนำดาราใหม่ อัจฉรา อัจฉราพรรณ (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ)-สมพงษ์ วงศ์รักไทย อำนวยการสร้าง ไพรัช สังวริบุตร ถ่ายภาพ ชาลี อินทรวิจิตร กำกับการแสดง
ขวัญเรือน (2511)
ขวัญเรือน (2511/1968) ข้อความบนใบปิด เสรีภาพยนตร์ ผู้สร้าง เทพธิดาบ้านไร่ เสนอ ภาพยนตร์ชีวิตหนัก รักโศกซึ้ง ตรึงชีวัน ขวัญเรือน ป.พิมล ประพันธ์เรื่องและสร้างบท (มิตร ชัยบัญชา) นำ (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ดาราตาหยาดน้ำผึ้ง ประชันบทกับ วิไลวรรณ วัฒนพานิช ดาราเจ้าน้ำตา ดาราสมทบ (อดุลย์ ดุลยรัตน์), กิ่งดาว ดารณี, (แมน ธีระพล), (กัณฑรีย์ นาคประภา), มาลี เวชประเสริฐ, สมควร กระจ่างศาสตร์, (ชุมพร เทพพิทักษ์), (สุวิน สว่างรัตน์), สุดเฉลียว เกิดผล, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), (เทียว ธารา), สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), (ชูศรี มีสมมนต์), ดาวน้อย ดวงใหญ่, ศรีสละ ทองธารา, ประสาน และด.ญ.มาริสา ธารา (รังสี ทัศนพยัคฆ์) กำกับการแสดง ปราโมทย์ เสรีเชษฐพงษ์-ณรงค์ พงษ์วัชรินทร์ อำนวยการสร้าง ธีระ แอคะรัตน์ ถ่ายภาพ กิตติ ประสพสุข ดำเนินงาน พรานบูรพ์-สง่า อารัมภีร ร่วมกันสร้างเพลง ละครวิทยุของเสนีย์ บุษปะเกศ
ยอดแก่น (2511)
ยอดแก่น (2511/1968) จักรวาล สุภาพบุรุษหนุ่มแห่งวงการการค้าและอุตสาหกรรม ได้ฉลองการหมั้นกับ อร อินทรา สาวชั้นสูงด้วยการพาไปพักผ่อนบนหุบเขาริมทะเลระหว่างศรีราชากับสัตหีบ แต่ระหว่างทางพวกเขากลับถูกเสือเปลื้อง ปล้นเอาทรัพย์สินไปจนหมด เหตุการณ์นี้ทำให้จักรวาลได้พบกับ แรม ลูกเลี้ยงของเสือเปลื้องและเกิดถูกอัธยาศัยกัน จนตัดสินใจขอซื้อแรมมาจากเสือเปลื้อง ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้ชาย
ปราสาทรัก (2511)
ปราสาทรัก (2511/1968) หม่อมเจ้าหญิงอุมารังษี (พิศมัย วิไลศักดิ์) ทะเลาะกับหม่อมอร ผู้เป็นมารดา จึงออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปเป็นครูที่จ.เชียงใหม่ บนรถไฟนายแพทย์ภะรต (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) เอ่ยชวนเธอไปทำงานเป็นครูพี่เลี้ยงให้น้องสาวพิการ คืนหนึ่งที่ปราสาทอุมารังษีนอนไม่หลับ ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิง เธอเห็นภะรตจึงสะกดรอยตาม วันต่อมาอุมารังษีฝันว่ามีผู้หญิงถูกล่ามข้อเท้า ยื่นมือขอความช่วยเหลือ อุมารังษีสะดุ้งตื่นก็พบป้าแช่ม (สะอาด อรรถจินดา) ป้าแช่มตกใจรีบแก้ตัวว่ามาตรวจดูความเรียบร้อย ภะรตไปงานเต้นรำกับวาสิณ ได้พบเด็กผู้หญิงชื่อพิมพ์ทิพก็ตะลึง เพราะพิมพ์ทิพหน้าตาคล้ายคุณแจ๋วมาก ส่วนอุมารังษีนอนไม่หลับ ออกไปเดินเล่นที่เฉลียง พบกับชายลึกลับที่ปีนขึ้นมาพร้อมเรียกหาประวิญ เมื่อเห็นอุมารังษีก็ตกใจและหนีไป ภะรตไปรักษาคนไข้จนเย็นก็ยังไม่กลับ นายชดขี่ม้ากลับมา บอกอุมารังษีว่าภะรตถูกยิงบาดเจ็บสาหัส อุมารังษีเป็นห่วงจึงขอตามนายชดไปด้วย ระหว่างทางนายชดจะขืนใจอุมารังษีแต่ภะรตตามไปช่วยได้ทัน อุมารังษีเป็นไข้และเพ้อจนภะรตรู้ว่าเธอคือหม่อมเจ้าหญิงอุมารังษี ป้าแช่มบอกอุมารังษีว่าภะรตเป็นผู้ร้ายฆ่าคน เกลี้ยกล่อมให้เธอไปจากที่นี่ ทั้งวางแผนจะให้กัญญาเข้าไปนอนกับภะรต แต่ถูกคุณแจ๋วขวางไว้ ป้าแช่มจึงเป่าหูแม่ทิพ (สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย) หญิงสติไม่ดีว่าภะรตจะส่งคุณแจ๋วไปอยู่สถานเด็กพิการ ทำให้แม่ทิพแอบมาอุ้มคุณแจ๋วไป ภะรตออกตามหาคุณแจ๋วกับแม่ทิพไปจนถึงหน้าผา แม่ทิพกำลังจะตกหน้าผา ภะรตกระโดดคว้าตัวคุณแจ๋วได้ทัน ลุงเทพ (ม.ล.รุจิรา อิศรางกูร) ฝากฝังคุณแจ๋วกับพิมพ์ทิพ ทำให้ภะรตรู้ว่ามีน้องสาวอีกคน ภะรตขอร้องให้อุมารังษีไปหาคุณแจ๋ว อุมารังษีคิดถึงคุณแจ๋วจึงตัดสินใจกลับปราสาททันที ระหว่างแวะพักโรงแรม ทั้งคู่มีโอกาสพูดคุยกัน แต่ด้วยทิฐิบวกกับความหึงหวง ทำให้ทั้งคู่ไม่เข้าใจกันเสียที พอถึงปราสาทคุณแจ๋วได้เห็นหน้าครูอุมาของเธออีกครั้งก็ยิ้มและสิ้นใจอย่างสงบ ต่อมาความจริงจึงปรากฎว่าแม่ทิพคืออาของภะรต และเป็นแม่ของคุณแจ๋วกับพิมพ์ทิพ ส่วนป้าแช่มคือผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุร้ายทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบ้าน ภะรตและอุมารังสีก็ทำความเข้าใจกันได้และได้ครองรักกัน
เทพธิดาบ้านไร่ (2510)
เทพธิดาบ้านไร่ (2510/1967) "ใจฉันมอบให้แก่เธอ แต่กายขอขายให้แก่เขา เพื่อผู้บังเกิดเกล้าที่ฉันบูชา" ดูความรักที่แสนชื่น และสะอื้นอาบน้ำตา โยธิน เทวราช ((มิตร ชัยบัญชา)) เศรษฐีหนุ่ม ซื้อที่ดินไว้แปลงหนึ่งจึงขี่ม้าออกสำรวจที่ดินของตนเองจนมาถึงที่ดินของนายกล่ำ โยธินถูกม้าสลัดตกได้รับบาดเจ็บ นายกล่ำและเกศแก้ว (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ลูกสาวได้ช่วยเหลือและนำกลับไปรักษาที่บ้านของตน โยธินบอกกับทุกคนว่าตนเองชื่อ "แฉล้ม" เป็นหัวหน้าคนงานในไร่ของโยธิน ที่ดินติดกับนายกล่ำเป็นของนายสรไกร ((อดุลย์ ดุลยรัตน์)) เศรษฐีที่ดินเจ้าเล่ห์ซึ่งพยายามกว้านซื้อที่ดินใกล้เคียงกับไร่ของตนในราคาถูกๆด้วยการใช้เล่ห์กลคดโกง และกล่ำก็ได้จำนองที่ดินของตนไว้กับนายสรไกรด้วยในจำนวนเงินสามพันบาท เมื่อโยธินในคราบของนายแฉล้มเกลี้ยกล่อมให้กล่ำรับเงินของตนไปไถ่ถอนที่ดินคืนจากนายสรไกร แต่การได้กลายเป็นในสัญญานายกล่ำเป็นหนี้อยู่ถึงสามหมื่นบาท เนื่องจากนายสรไกรได้ทำการโกงโดยการแก้ไขสัญญาจำนอง โยธินใช้ความรู้ทางกฎหมายทำให้นายสรไกรต้องยอมขายที่ดินให้ โยธินในคราบของแฉล้มนำโฉนดที่ดินมามอบให้นายกล่ำโดยบอกว่าโยธินเจ้านายของตนเป็นผู้มอบให้ เนื่องจากเจ้านายของตนชอบเกศแก้ว โดยแกล้งบอกว่าโยธินเป็นคนโสดแต่มีนางบำเรอเป็นจำนวนมาก ทำให้เกศแก้วกลัวมากไม่กล้าพบหน้าโยธิน โยธินสร้างเรื่องให้อลเวงยิ่งขึ้นด้วยการส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอเกศแก้วต่อนางเอื้อนแม่ของเกศแก้ว นางเอื้อนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะการได้ลูกเขยร่ำรวยจะทำให้ครอบครัวของตนสุขสบาย ต่อมาโยธินก็ส่งคนมาสู่ขอเกศแก้วกับนายกล่ำด้วย แต่นายกล่ำบ่ายเบี่ยงเนื่องจากรู้ว่าในใจของเกศแก้วมีแฉล้มอยู่แล้ว ขณะเดียวกับที่นายสรไกรก็ส่งลูกน้องมารังควานหาเรื่องเฉล้มต่างๆนาๆ นายกล่ำป่วยหนักด้วยวัณโรค แฉล้มต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาช่วยรักษากล่ำแม้กระทั่งต้องขี่สามล้อรับจ้าง โยธินส่งเงินมาให้เกศแก้วรักษาพ่อโดยมีข้อตกลงว่าเกศแก้วต้องยอมเป็นนางบำเรอของตน เกศแก้วตกลงใจยอมรับข้อเสนอของโยธิน เกศแก้วมาลาแฉล้มเนื่องจากโยธินกำหนดวันที่จะมารับ โดยบอกว่าเธอรักแฉล้มแต่จำเป็นต้องตอบแทนบุญคุณของพ่อ จึงขอลาแฉล้มไปชั่วชีวิต โยธินตัวปลอมเดินทางมาถึงไร่นายกล่ำจึงเป็นที่เปิดเผยว่า โยธิน เทวราชตัวจริงนั้นคือแฉล้มนั่นเอง และนายกล่ำก็มิได้ป่วยจริงเพียงแต่ร่วมมือกับโยธินเพื่อลองใจเกศแก้ว โดยหวังจะได้ความรักอันบริสุทธิ์ ในที่สุดโยธินและเกศแก้วก็ได้แต่งงานครองรักกัน
ตุ๊ดตู่ (2510)
ตุ๊ดตู่ (2510/1967) ข้อความบนใบปิด ปฏิมาภาพยนตร์ เสนอ ตุ๊ดตู่ ของ จำลักษณ์ (มิตร ชัยบัญชา) คู่ โสภา สถาพร (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), (อดุลย์ ดุลยรัตน์), กิ่งดาว ดารณี, (รุจน์ รณภพ), (เมตตา รุ่งรัตน์), (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), ทัต เอกทัต, สมควร กระจ่างศาสตร์, (สมพล กงสุวรรณ), มาลี เวชประเสริฐ, (หม่อมชั้น พวงวัน), จำรูญ หนวดจิ๋ม, ดาวน้อย ดวงใหญ่, สมพงษ์ พงษ์มิตร พร้อมด้วยดาวประดับอีกคับคั่ง สุภาพ ประจวบเหมาะ อำนวยการสร้าง เฉลิม บุตรบุรุษ ถ่ายภาพ หวน รัตนงาม กำกับการแสดง
นางพรายตานี (2510)
นางพรายตานี (2510/1967) มิตร-เพชรา ข้อความบนใบปิด นครินทร์ภาพยนตร์ เสนอ ภาพยนตร์ นิยายรัก อมตะสยองขวัญ เรื่องจริงที่เกิดขึ้น เมื่อ 200 ปี นางพรายตานี ของ ป.เทพวิไล นำแสดงโดย (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ทัศนีย์, พีระ พีระเดช, ประมินทร์ จารุจารีต, (สมพล กงสุวรรณ), อุไรรวรรณ ศิริเนตร ร่วมด้วย 18 ดาวตลกของเมืองไทย เกรียงไกร ดำเนินงานสร้าง ปานเทพ กุยโกมุท ถ่ายภาพ นครินทร์ กำกับการแสดง
ทะเลเงิน (2510)
ทะเลเงิน (2510/1967) ข้อความบนใบปิด เบญจมิตรภาพยนตร์ เสนอ ร่อนเร่ไปกลางทะเล เช้าฮาเย็นเฮกันกลางทะเล...! ชีวิตของชาวทะเล ผู้เกิดจากทะเล อยู่กับทะเล ตายกับทะเล! ทะเลเงิน บทประพันธ์ของ...แมน สุปิติ จากละครวิทยุคณะ กันตนา (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) ทักษิณ แจ่มผล, (อดุลย์ ดุลยรัตน์), บุศรา นฤมิต, กิ่งดาว ดารณี, อภิญญา วีระขจร, อรสา อิศรางกูร, สักกรินทร์ ปุญญฤทธิ์, (ชุมพร เทพพิทักษ์), โยธิน เทวราช, ประมินทร์ จารุจารีต, ถวัลย์ คีรีวัต, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, พิศ, สีเทา, ทองฮะ, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), (หม่อมชั้น พวงวัน) ลิขิต กฤษณมิตร ถ่ายภาพ ประทิน ลีละศร อำนวยการสร้าง ปริญญา ลีละศร กำกับการแสดง พันคำภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
Placeholder
มนต์รัก (2510/1967) มนต์รัก เป็นภาพยนตร์สี 35 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2510
ปูจ๋า (2510)
ปูจ๋า (2510/1967) ข้อความบนใบปิด กัญญามาลย์ภาพยนตร์ สร้าง โดย ดอกดิน กัญญามาลย์ ศิลปินของท่าน เสนอ ปูจ๋า ของ อิงอร คณะ “แก้วฟ้า” แสดงเป็นละครวิทยุจนลือชา นำโดย (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) คู่ดารายอดนิยม ร่วมด้วย (อดุลย์ ดุลยรัตน์), ชฎาพร วชิรปรานี, (สุวิน สว่างรัตน์), (สมจิตร ทรัพย์สำรวย), สิงห์ มิลินทราศัย, ประมินทร์ จารุจารีต, มาลี เวชประเสริฐ, ธัญญา ธัญญารักษ์, (เทียว ธารา), น้อย, (สมชาย สามิภักดิ์), สมพิศ, ประสาน และ (ล้อต๊อก) อรสา อิศรางกูร-ดอกดิน กัญญามาลย์ ตัวดำๆ บรรจง กัญญามาลย์ อำนวยการสร้าง สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ ดอกดิน กัญญามาลย์ กำกับการแสดง
บุหรงทอง (2510)
บุหรงทอง (2510/1967) ข้อความบนใบปิด รุ่ง เปลวทองภาพยนตร์ จงใจสร้างภาพยนตร์รัก หวานซึ้งตรึงจิต ระหว่างหนุ่มไทยกับสาวมาเลย์ จะให้ความชื่นใจกับท่านไปนานเท่านาน (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (ภาวนา ชนะจิต) ทักษิณ แจ่มผล, สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์, (เมตตา รุ่งรัตน์), สมควร กระจ่างศาสตร์, อาคม มกรานนท์, (ปรียา รุ่งเรือง), เยาวเรศ นิสากร, อัจฉราวดี เถาเสถียร, (มนัส บุณยเกียรติ), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), สัมพันธ์, (พร ไพโรจน์), ถวัลย์ คีรีวัต, (ไสล พูนชัย), พูนสวัสดิ์ ธีมากร และ(หม่อมชั้น พวงวัน) ประทีป โกมลภิส สร้างบท-กำกับการแสดง สมชาย จันทวังโส ถ่ายภาพ ชลอ สรนันท์ อำนวยการสร้าง
ปิ่นรัก (2510)
ปิ่นรัก (2510/1967) เสือหาญ (ประมินทร์ จารุจารีต) ลักพาตัว ด.ญ.ปะราลี ลูกสาวแรกเกิดของคุณพิชาและปริม (สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย) เพื่อจะเรียกค่าไถ่ คุณปริมเสียใจมากที่ลูกหายจนเสียสติ เสือหาญถูกตำรวจไล่ล่าอย่างหนักจึงนำเด็กไปฝากไว้กับเพื่อนรักคือเหิม (สุวิน สว่างรัตน์) และเมียคือพิกุล (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) เมื่อเสือหาญถูกตำรวจจับได้ถูกขังอยู่ในเรือนจำได้ติดต่อให้เหิมเรียกค่าไถ่จากคุณพิชาและปริม แต่เหิมและพิกุลเมื่อเลี้ยงดูปะราลีแล้วก็รักเหมือนเป็นลูกตัวเอง จึงไม่ยอมเรียกค่าไถ่และแอบพาหนีไปอยู่ที่หัวหินเลี้ยงดูปะราลีให้เข้มเข็งเหมือนผู้ชาย และตั้งชื่อให้ใหม่ว่า "เก่ง" (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) จนเก่งอายุได้ 18 ปี โยคิน ((มิตร ชัยบัญชา)) เป็นลูกชายของครอบครัวที่ร่ำรวย แต่โยคินมีใจรักในการเป็นนักประพันธ์ โดยใช้ชื่อในการเขียนนวนิยายว่า เมิน แมนสรวง ผลงานของโยคินกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โยคินมีบ้านพักอยู่ที่หัวหินเมื่อจะเริ่มเขียนนวนิยายเรื่องใหม่จึงเดินทางมาพ้กที่หัวหินเพื่อหาจินตนาการในการแต่งเรื่อง โยคินได้ช่วยเหลือเก่งจากเหล่าอันธพาล ทำให้เก่งซาบซึ้งใจจึงยอมตกลงมาเป็นคนรับใช้ที่บ้านของโยคินโดยที่โยคินไม่ทราบว่าเก่งเป็นผู้หญิง คุณพิชาพยายามจะหาทางรักษาคุณปริมที่เพ้อหาแต่ลูก คุณพ่อของโยคินซึ่งมีความสนิทสนมกับครอบครัวคุณพิชา จึงขอให้คุณพิชาพาคุณปริมมาพักผ่อนที่บ้านพักของโยคินที่หัวหิน ทันทีที่คุณปริมพบหน้าเก่งด้วยสัญชาติญาณของความเป็นแม่ คุณปริมก็เรียกเก่งเป็นลูกและพยายามจะกอดจนเก่งตกใจวิ่งหนี คุณปริมตามเก่งมาจนถึงบ้าน คุณพิชาตามมาและเจรจากับเหิมและพิกุลขอจ้างเก่งให้แสดงเป็นลูกเพื่อให้คุณปริมหายจากอาการป่วย เหิมและพิกุลยอมตกลงเพราะได้ทราบข่าวที่เสือหาญพ้นโทษออกมาและกำลังตามล่าตนอยู่ การให้เก่งไปอยู่กับคุณปริมจะทำให้เก่งปลอดภัย คุณพิชาตอบแทนเหิมและพิกุลด้วยเงินก้อนใหญ่เพื่อให้เหิมและพิกุลไปซื้อที่ดินทำกินที่สระบุรี การที่เก่งมาเป็นลูกสาวของคุณพิชาและคุณปริม จึงต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิง เมื่อโยคินเห็นครั้งแรกก็แสดงอาการโกรธที่เก่งหลอกตนเอง แต่เก่งง้อจนโยคินใจอ่อน ทั้งสองเริ่มมีใจให้กัน ส่วนประโคม ((อดุลย์ ดุลยรัตน์)) พี่ชายของโยคินก็แสดงความสนใจเก่ง ส่วนดอกฟ้า (บุษกร สาครรัตน์) บุตรบุญธรรมของคุณพิชาและคุณปริมก็แสดงท่าทีรักใคร่โยคิน กลายเป็นปัญหารักซ้อนรัก จนกระทั่งวันหนึ่งโยคินที่กลุ้มใจจากปัญหาหัวใจดื่มเหล้าเมาและขับรถประสบอุบัติเหตุขับรถตกเขา ทำให้ผู้คนเข้าใจว่าเขาเสียชีวิตแล้ว เสือหาญตามมาพบพิกุลจึงทำร้ายและจุดไฟเผาบ้านเพื่อให้พิกุลตายไปกองเพลิง โยคินซึ่งรอดชีวิตจากอุบัติเหตุได้เข้าช่วยพิกุลออกจากกองเพลิง และได้ช่วยเหิมต่อสู้กับเสือหาญและลูกสมุน ในที่สุดเสือหาญก็ถูกยิงตายส่วนเหิมได้รับบาดเจ็บ เหิมและพิกุลสำนึกในความผิดที่พรากลูกจากพ่อแม่จึงสารภาพกับคุณพิชาและคุณปริมว่า เก่งคือปะราลีลูกที่แท้จริงของคุณพิชาและคุณปริม ส่วนโยคินและเก่งก็มีโอกาสเปิดใจถึงความรักที่ทั้งสองมีต่อกัน
สุดแผ่นดิน (2510)
สุดแผ่นดิน (2510/1967) ข้อความบนใบปิด นครพิงค์ภาพยนตร์ เสนอ... เมื่อเป็นชายต้องไว้ลายชาติชายของตน ไม่ว่าใครใหญ่ที่ไหนมา ให้ศักดาสูงเทียมฟ้า ขอท้าทั่วปฐพี ถ้ามันเหลือทนคนย่ำยี ต้องราวีจน... สุดแผ่นดิน บทประพันธ์ของ...”ดอกฟ้า” จากละครวิทยุยอดฮิตของคณะ...”213” (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์, อรสา อิศรางกูร, (รุจน์ รณภพ), นาวิน เทพโยธี (มานพ อัศวเทพ), สิงห์ มิลินทราศัย, ชาณีย์ ยอดชัย, (ไสล พูนชัย), มาลี เวชประเสริฐ, (บุษกร สาครรัตน์) นำ 34 ดารามาพบกับท่าน! กมลวรรณ-สรรเพชญ อำนวยการสร้าง เทวินทร์ สุขศิลา ถ่ายภาพ ส.คราประยูร กำกับการแสดง เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
ไทรโศก (2510)
ไทรโศก (2510/1967) สะเทือนหัวอก สะทกหัวใจ กับ... ไทรโศก บทประพันธ์ของ จำลักษณ์ จากน.ส.พ.บางกอก จากละครฮิตทั่วเมืองของคณะ แก้วฟ้า เรื่องของโลก และชีวิตที่สวรรค์ไม่ปราณี เจ้าคุณธีรรัตน์เจ้าของไร่ไทรโศกเสียชีวิตโดยทำพินัยกรรมให้กิตติ ((อดุลย์ ดุลยรัตน์)) ลูกชายคนเดียวของเขาจะมีกรรมสิทธิ์ในไร่ไทรโศกที่ อ.บางพระ จ.ศรีราชา ก็ต่อเมื่อแต่งงานและมีลูกกับบานเย็น (บุศรา นฤมิตร) หญิงสาวในอุปการะของท่านเจ้าคุณที่ท่านรักเหมือนลูก ทำให้คุณหญิงธีรรัตน์ (น้ำเงิน บุญหนัก) ไม่พอใจมาก จึงวางแผนให้กิตติยอมแต่งงานด้วย แต่ในเวลาส่งตัวเข้าห้องหอ คุณหญิงธีรรัตน์ รวมทั้งกิตติและอุษา (บุษกร สาครรัตน์) คนรักของกิตติหลอกให้นายใบ้ ((มิตร ชัยบัญชา)) เด็กวัดที่เป็นใบ้เข้าไปแทน แม้จะเป็นแค่คืนเดียวแต่บานเย็นก็ตั้งท้องเมื่อคลอดออกมาเป็นผู้ชายคุณหญิงธีรรัตน์ก็รับเอาไปเลี้ยงที่กรุงเทพ และให้ชื่อว่า อู๊ดหรือยิ่งยงส่วนบานเย็นกลับได้เลี้ยงเด็กหญิงกำพร้าที่พ่อแม่ถูกฆ่าตายไว้แทนตั้งชื่อให้ว่าไทรงาม เวลาผ่านไป 20 ปี ยิ่งยง ((มิตร ชัยบัญชา)) โตเป็นหนุ่มและได้รู้จักกับเด่นดาว (โสภา สถาพร) หลานสาวเจ้าคุณยงยศแต่อ๊อดหรือเกียรติกร (ธวัชชัย สุทธิมา) ลูกชายแท้ของกิตติและอุษาก็ชอบเด่นดาวเช่นกัน ยิ่งยงและเด่นดาวเดินทางไปไร่ไทรโศกได้พบกับไทรงาม (รักชนก จินดาวรรณ) ที่เรียนจบหมอและอยู่ที่นั่น เด่นดาวมาเล่าเรื่องให้เจ้าคุณยงยศฟังเพราะสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอเนื่องจากมีสร้อยคอเหมือนกัน พอครอบครัวของคุณหญิงธีรรัตน์จะไปพักผ่อนที่ไทรโศก เด่นดาวและเจ้าคุณยงยศก็ตามไปด้วย คุณหญิงธีรรัตน์รู้สึกผิดที่ทำกับบานเย็นไว้ เธอจึงให้ยิ่งยงหมั้นกับไทรงามเพราะเห็นว่าคนทั้งสองรักกัน สร้างความไม่พอใจให้กับเกียรติกรเป็นอย่างมาก เขาจึงไปร่วมมือกับธน (ประมินทร์ จารุจารีต) และเทพ (ชุมพร เทพพิทักษ์) สองพ่อลูกที่มีความแค้นกับเจ้าคุณยงยศบุกปล้อนไร่ไทรโศก แต่เพิ่ม (อดินันท์ สิงห์หิรัญ) ผู้จัดการไร่สามารถป้องกันไว้ได้ทว่านายใบ้ต้องเสียชีวิตจากการต่อสู้ เช่นเดียวกับกิตติที่ถูกยิง คุณหญิงธีรรัตน์เปิดเผยชาติกำเนิดที่แท้จริงให้ยิ่งยงได้รู้ ส่วนเจ้าคุณยงยศก็ได้รู้ว่าไทรงามคือหลานของตน ส่วนเด่นดาวนั้นเสียสติจากการฆ่าเกียรติกรที่จับตัวเธอไป
ไฟเสน่หา (2510)
ไฟเสน่หา (2510/1967) ข้อความบนใบปิด นพพรภาพยนตร์ สร้าง วิทยา นิพนธ์ อำนวยการสร้าง “มารุต” กำกับการแสดง ไฟเสน่หา โดย มธุรส จากละครวิทยุคณะ “แก้วฟ้า” (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) พบกับ 18 ดาราเอกครั้งแรก (รุจน์ รณภพ), (เมตตา รุ่งรัตน์), (ปรียา รุ่งเรือง), อรสา อิศรางกูร, (ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา), (กัณฑรีย์ นาคประภา), อดิเรก จันทร์เรือง, (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์), มาลี เวชประเสริฐ, (มนัส บุณยเกียรติ), ประมินทร์ จารุจารีต, (ชูศรี มีสมมนต์), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), สมพงษ์ พงษ์มิตร, (เมืองเริง ปัทมินทร์), และจุ๋มจิ๋ม ศรทอง, ทองแถม ฟิล์มทอง จัดจำหน่าย
ฟ้าเพียงดิน (2510)

ฟ้าเพียงดิน (2510/1967) ข้อความบนใบปิด บูรพาศิลปภาพยนตร์ เสนอ (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) โสภา สถาพร ทักษิณ แจ่มผล (ชุมพร เทพพิทักษ์) พร้อมด้วย จำรูญ หนวดจิ๋ม, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), (สุวิน สว่างรัตน์), สถาพร มุกดาประกร, (ชฎาพร วชิรปราณี), พงษ์ลดา พิมลพรรณ, วงษ์ ศรีสวัสดิ์, ศรีสละ ทองธารา, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), จำนงค์ คุณะดิลก, ด.ช.ตุ๊ดตู่ ทัศนพยัคฆ์, ด.ญ.น้อยหน่า, ด.ช.อาจพิชิต อรรถจินดา, ด.ช.วโรดม เปรมกมล ฟ้าเพียงดิน จากละครวิทยุและบทประพันธ์ของ เสนีย์ บุษปะเกศ พันคำ กำกับการแสดง สำเภา ประสงค์ผล อำนวยการสร้าง ฉลอง ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ จินตนาฟิล์ม จัดจำหน่าย

 
ใกล้รุ่ง (2510)
ใกล้รุ่ง (2510/1967) ข้อความบนใบปิด สิงห์คำรามภาพยนตร์ ภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ด้วยเกียรติยศ ใหญ่ยิ่งด้วยเนื้อหาและคุณภาพ! ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์...”ใกล้รุ่ง” เป็นเพลงเอกในภาพยนตร์เรื่องนี้ ใกล้รุ่ง ของ...วิจิตร สุวรรณสันต์ (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) นำแสดง ร่วมด้วย (ชนะ ศรีอุบล), (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), กิ่งดาว ดารณี, (รุจน์ รณภพ), (ปรียา รุ่งเรือง), (ขวัญใจ สะอาดรักษ์), เยาวเรศ นิสากร, โยธิน เทวราช, (สมจิตร ทรัพย์สำรวย), สาหัส บุญหลง, (มนัส บุณยเกียรติ), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ทองถม ฯลฯ พลสัณห์ ศรีหาผล อำนวยการสร้าง พันคำ กำกับการแสดง ประสิทธิ์ ศิริบันเทิง สร้างบท ไพรัช สังวริบุตร ถ่ายภาพ พันคำภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
มดแดง (2510)
มดแดง (2510/1967) ข้อความบนใบปิด กัญญามาลย์ภาพยนตร์ ในความอุปถัมภ์ของประชาชน ดอกดิน ศิลปินของท่าน ขอเปิดม่านทองของวงการบันเทิงปี 2510 ด้วยเรื่อง... มดแดง ของ...อิงอร (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) นำแสดง ร่วมด้วย... (อดุลย์ ดุลยรัตน์), (ชฎาพร วชิรปราณี), อาคม มกรานนท์, (สมจิตร ทรัพย์สำรวย), (บุษกร สาครรัตน์), อภิญญา วีระขจร, (สุวิน สว่างรัตน์), มาลี เวชประเสริฐ, (มนัส บุณยเกียรติ), สิงห์ มิลินทราศัย, ประมินทร์ จารุจารีต, ธัญญา ธัญญารักษ์, ละออ, (สมชาย สามิภักดิ์) และ นาฏ นดา ดารารับเชิญ ด.ญ.ศิริพร เทียนทอง ด.ช.นวรัตน์ ไชนันท์, ด.ช.บัณฑิต กัญญามาลย์ สนุกกับสามดาวตลก (ล้อต๊อก), อรสา อิศรางกูร, ดอกดิน กัญญามาลย์ ดอกดิน กัญญามาลย์ กำกับการแสดง บรรจง กัญญามาลย์ อำนวยการสร้าง สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ

ดาวพระศุกร์ (2509/1966) แสนจะสนุกอย่างสุดอารมณ์ จากรัก..ตลก..คติ... อาฆาตแค้น..และสมหวัง...เมื่อเธอจุติมาเกิด ขณะดาวประกายพฤกษ์จรัสฟ้า เธอจึงได้ชื่อว่า...ดาวพระศุกร์! จากละครวิทยุฮิตแห่งปี 2509 มาเป็นภาพยนตร์ยิ่งใหญ่...

ดรุณีสีเลือด (2509)
ดรุณีสีเลือด (2509/1966) มิตร-เพชรา ข้อความบนใบปิด คอยชื่นชม สมบัติไทย ที่เรา-ท่าน จะต้องภูมิใจยิ่ง ส.อาสนจินดา ภาพยนตร์ เสนอภาพยนตร์ 35 ม.ม. เสียง-สีอีสต์แมน ซูเปอร์ซีเนราเมติคสโคป ดรุณีสีเลือด GIRL IN THE BLOOD COLOUR (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) (อดุลย์ ดุลยรัตน์), บุศรา นฤมิตร, (รุจน์ รณภพ), อรสา อิศรางกูร, มานี มณีวรรณ, สมควร กระจ่างศาสตร์, จุรี โอศิริ, สาหัส บุญหลง, ชนินทร์ นฤปกรณ์, ชาณีย์ ยอดชัย, เทียนชัย สุนทรการันต์, สังเวียน หาญบุญตรง, ปฐมชัย ชมศรีเมฆ, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง ดารารับเชิญ ธวัชชัย สุทธิมา, สักรินทร์ ปุญญฤทธิ์ ส.อาสนจินดา กำกับการแสดง ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์-วิเชียร วีระโชติ ถ่ายภาพ
เพื่อนรัก (2509)
เพื่อนรัก (2509/1966) "ศิริ ศิริจินดา" ผู้กำกับการแสดง ซึ่งท่านเคยเชื่อมือในการปั้นดารามาแล้ว ขอเชิญท่านชมบทบาทการแสดง ของเพชรดาราคนใหม่ "รักชนก จินดาวรรณ" แก้ว (รักชนก จินดาวรรณ) อาศัยอยู่กับเนียน (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) ผู้ซึ่งแก้วเข้าใจว่าเป็นแม่ของตน เนียนและทุกคนในบ้านกดขี่ให้แก้วทำงานเพื่อเลี้ยงดูพวกตน วันหนึ่งแก้วได้ช่วยเหลือ เมืองแมน ((มิตร ชัยบัญชา)) จากเหล่าอันธพาล จนกระทั่งวันหนึ่งแก้วแอบรู้ว่าเนียนขายตนเองให้ไปเป็นเมียน้อยเศรษฐีแก่ แก้วจึงหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ และหาเลี้ยงขีพด้วยการพายเรือขายข้าวแกง และบังเอิญได้พบกับเมืองแมน เขาต้องการตอบแทนแก้ว แต่ไม่สามารถพาแก้วเข้าไปอาศัยในบ้านได้เนื่องจากคุณย่าของเขาห้ามผู้หญิงเข้าบ้าน เมืองแมนจึงพาแก้วไปอาศัยกับญาติของเขาที่บ้านใกล้กัน โดยแก้วทำงานเป็นแม่ครัว วันหนึ่งขณะที่ทุกคนในบ้านไปเที่ยวกันที่ปีนัง แก้วพายเรือออกไปเที่ยวและได้พบจ้าวนก (รักชนก จินดาวรรณ) ผู้มีใบหน้าเหมือนแก้วดั่งเป็นฝาแฝดกัน ทั้งสองพูดคุยถูกอัธยาศัยกัน และจ้าวนกผุ้ถูกบังคับให้อยู่แต่ในบ้านเกิดนึกสนุกขอสลับตัวกับแก้ว และเมื่อจ้าวนกไปอยู่บ้านญาติของเมืองแมนก็สร้างความวุ่นวายจนกระทั่งถูกไล่ออกจากบ้าน ส่วนแก้วในคราบของจ้าวนกก็ถูกหม่อมเจ้านเรนทร์ (สุวิน สว่างรัตน์) ผู้เป็นอาของจ้าวนกจับตัวไปเชียงใหม่ เพื่อบังคับให้หม่อมน้อย (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) แม่ของจ้าวนกเซ็นมอบมรดกทั้งหมดให้นเรนทร์ หม่อมน้อยซึ่งประสบอุบัติเหตุพิการเดินไม่ได้และมีอาการวิกลจริต แต่เมื่อได้พบแก้วในคราบของเจ้านกก็มีสติกลับคืนมา และจำได้ว่าตนมีลูกสาวฝาแฝด แต่ลูกคนหนึ่งถูกนเรนทร์และเนียนลักพาตัวไป เมืองแมนและจ้าวนกได้ทราบเรื่องแก้วถูกจับตัวไปจึงติดตามไปที่เชียงใหม่ ในขณะที่เมืองแมนและพวกเข้าช่วยแก้ว นเรนทร์เห็นจวนตัวจึงพยายามฆ่าจ้าวนก แต่หม่อมน้อยปกป้องลูกจนกระทั่งเสียชีวิตไปพร้อมกับนเรนทร์ เมือทุกอย่างสงบแล้วแก้วจึงแต่งงานกับเมืองแมน ส่วนจ้าวนกก็แต่งงานกับเดี่ยว คู่หมั้นที่เจ้าพ่อของเธอให้หมั้นหมายกันไว้
เกล้าฟ้า (2509)
เกล้าฟ้า (2509/1966) ยอดนวนิยายแห่งความลึกลับ มหัศจรรย์ จากบทประพันธ์ของ...เครื่องหมายคำถามคู่ จากละครวิทยุของ...คณะแก้วฟ้า ร่วมกันให้เป็นภาพยนตร์ที่พิเศษ วิเศษจริงๆ เกล้าฟ้า ใน หุบผาสวรรค์ เจ้าแววดาว (เมตตา รุ่งรัตน์) แห่งเวียงนกยูงซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีนิสัยโหดร้ายจนกระทั่งเจ้าแสงคำ ((รุจน์ รณภพ)) ผู้เป็นสวามีทนไม่ได้จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และไม่กลับเวียงนกยูงอีกจนกระทั่งสิ้นชีวิต ทำให้เจ้าแววดาวเสียใจและแค้นใจมาก จึงได้เลี้ยงดูเจ้ารุ่งฟ้า ((อดุลย์ ดุลยรัตน์)) ผู้เป็นบุตรชายด้วยความเข้มงวด และต่อมาได้ส่งเจ้ารุ่งฟ้าไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่ฝรั่งเศสเจ้ารุ่งฟ้าได้พบรักและแต่งงานกับมาเรีย (ปริม ประภาพร) หญิงสาวชาวฝรั่งเศส เมื่อศึกษาจบแล้วเจ้ารุ่งฟ้าจึงพามาเรียกลับมายังเวียงนกยูง เจ้าแววดาวไม่พอใจมากและระบายออกมาด้วยการทารุณบ่าวไพร่ในเวียง จนกระทั่งมาเรียตั้งท้อง แต่เจ้ารุ่งฟ้าต้องเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อทำงานราชการตามที่ได้เรียนมา เจ้าแววดาวทำทารุณกับมาเรียและบ่าวไพร่ จนมาเรียซึ่งกำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอดตัดสินใจหนีออกมาจากเวียงนกยูงพร้อมกับหมอโจเซฟซึ่งเป็นผู้ดูแลครรภ์ของเธอ ทั้งสองเดินทางข้ามไปฝั่งประเทศลาว มาเรียคลอดบุตรออกมาและตั้งชื่อตามที่เจ้ารุ่งฟ้าตั้งเอาไว้ว่า "เกล้าฟ้า" ต่อมามาเรียได้แต่งงานกับหมอโจเซฟและได้เลี้ยงดูเกล้าฟ้าจนเติบใหญ่ เมื่อมาเรียหนีออกจากเวียงนกยูง เจ้าแววดาวได้ส่งข่าวให้เจ้ารุ่งฟ้าว่ามาเรียหนีตามชู้ ทำให้เจ้ารุ่งฟ้าเสียใจไม่ยอมเดินทางกลับเวียงนกยูง ทำให้เจ้าแววดาวเสียใจมาก และผูกอาฆาตผู้ชายทุกคนจนกระทั่งเสียชีวิต และได้สั่งให้บริวารนำร่างของตนไปซ่อนไว้ในถ้ำลับ แต่วิญญาณของเจ้าแววดาวยังคงสิงสถิตย์อยู่ที่เวียงนกยูง และหลอกหลอนผู้คนจนเป็นที่หวาดกลัวจนทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เวียงนกยูง เกล้าฟ้า (โสภา สถาพร) อายุได้ 19 ปี เติบโตเป็นสาวสวยและมีความห้าวหาญ จึงมักปลอมตัวเป็นผู้ชายมารับจ้างขับรถม้ารับส่งผู้โดยสารที่หน้าสถานีรถไฟลำปาง โดยใช้ชื่อว่า "สวย" ทุกคืนวัน 15 ค่ำ วิญญาณของเจ้าแววดาวจะมีฤทธิ์แข็งกล้ามากจึงสกดจิตให้เกล้าฟ้านำผู้โดยสารที่เป็นผู้ชายมายังเวียงนกยูง เพื่อเอาชีวิตมาสังเวยเจ้าแววดาว เหตุการณ์เกิดขึ้นหลายครั้งจน ร.ต.ท.วัชระ (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) เข้ามาสอบสวนคดี โดยมีเกียรติ ((รุจน์ รณภพ)) หัวหน้าสถานีรถไฟคอยให้ความช่วยเหลือ เกียรติค้นพบเส้นทางเข้าเวียงนกยูง เมื่อเข้าไปในเวียงแล้วก็พบเจ้าแววดาวในสภาพที่งดงาม เจ้าแววดาวรู้ว่าเกียรติคือเจ้าแสงคำกลับชาติมาเกิดจึงกักตัวเอาไว้ และทำให้เกียรติกลายเป็นคนเสียสติ ขณะเดียวกับที่เจ้ารุ่งฟ้าตัดสินใจเดินทางกลับเวียงนกยูงเพื่อสืบหาลูกของตน ส่วนวัชระก็ติดตามหาเกียรติจนกระทั่งหลงเข้าไปถ้ำที่เก็บร่างของเจ้าแววดาว แต่ก็ถูกเกียรติที่เสียสติทำร้ายจนบาดเจ็บ เกล้าฟ้าในสภาพสาวสวยได้ช่วยชีวิตเอาไว้ และดูแลรักษาจนกระทั่งหายเจ็บ ทั้งสองได้สารภาพรักต่อกัน ในที่สุดเกียรติพลาดตกหน้าผาเสียชีวิต ดวงวิญญาณระลึกได้ว่าตนเองคือเจ้าแสงคำในอดีตจึงขอโทษต่อดวงวิญญาณของเจ้าแววดาว จนเจ้าแววดาวสิ้นความอาฆาต ดวงวิญญาณของทั้งสองจึงสลายไป มาเรียติดตามมาหาเกล้าฟ้าจึงพบกับเจ้ารุ่งฟ้า ทำให้เจ้ารุ่งฟ้าได้ทราบความจริงว่าเกล้าฟ้าคือลูกของตน ขณะที่เจ้ารุ่งฟ้าก็สำนึกในความผิดของตนที่ทอดทิ้งมาเรียกับลูกไปจึงยินยอมให้มาเรียอยู่กับหมอโจเซฟต่อไป และวัชระก็ได้ทราบความจริงว่า "สวย" และ "เกล้าฟ้า" คือคนเดียวกัน ในที่สุดวัชระกับเกล้าฟ้าก็ได้แต่งงานครองคู่กัน
เกิดเป็นหงส์ (2509)
เกิดเป็นหงส์ (2509/1966) ทิว บรรณา ((มิตร ชัยบัญชา)) เป็นผู้ดูแลไร่บรรณาในศรีราชา เขาเป็นแค่ผู้จัดการทั้งที่ไร่นี้แต่เดิมเป็นของพ่อของเขาแต่ถูก เทพ บรรณา ((อดุลย์ ดุลยรัตน์)) ผู้เป็นอาโกงเอาไป เท่านั้นยังไม่พอเทพยังได้ พวงทอง (บุษกร สาครรัตน์) และผ่องศรี (ปริม ประภาพร) พี่สาวของทิวไปเป็นภรรยาอีกด้วย จากนั้นเทพก็ได้ ขวัญตา (เอื้อมเดือน อัษฎา) คนรักของทิวไปเป็นภรรยาอีกคน ทิวจึงต้องเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจ ทิวได้พบกับ มจ.มารศรีโสรัจ กฤตยา (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) โดยบังเอิญที่ศรีราชา จากนั้นทั้งคู่ก็สนิทสนมกัน โดยที่ทิวไม่รู้เลยว่าเทพอาของเขาก็หมายปอง มจ.หญิง ผู้นี้มาเป็นภรรยาคนใหม่ แม้ว่าจะมีชาติตระกูลสูง แต่ฐานะทางการเงินของ มจ.หญิงกลับไม่ดีนัก พระบิดาของเธอเป็นหนี้อยู่จำนวนมาก เมื่อพระบิดาสิ้นลงด้วยอุบัติเหตุ มจ.หญิงจึงต้องยอมไปทำงานในไร่ของเทพ และเทพก็ประกาศให้ทุกคนในไร่รู้ว่า มจ.หญิงผู้นี้จะมาเป็นภรรยาคนใหม่ของเขาโดยที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่ทราบเรื่อง ขวัญตาแอบลักลอบเป็นชู้กับวิวัฒน์ (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) ลูกน้องของทิวจนตั้งท้อง เมื่อความแตกวิวัฒน์หนีไปขวัญตาจึงอ้างว่าทิวเป็นพ่อของเด็กในท้อง ทิวเองก็ไม่ปฏิเสธ เมื่อ มจ.หญิงมาถึงไร่และพบว่าทิวเองมีภรรยาอยู่แล้วคือขวัญตาจึงไม่พอใจ ในขณะที่ทิวเองก็มองว่า มจ.หญิงนั้นเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงินจึงยอมแต่งงานกับเทพ ทิวลักพาตัว มจ.หญิงไปเพื่อพูดคุยและรู้ความจริงว่า มจ.หญิงไม่ได้รักเทพเช่นเดียวกับเธอก็พบว่าทิวไม่เคยมีอะไรกับขวัญตา แม้ทั้งสองจะปรับความเข้าใจกันได้ เทพก็กำลังเดินทางมาเพื่อจัดการกับทิว แต่ขณะที่เทพกำลังจะทำร้ายทิว พวงทองซึ่งเก็บความคับแค้นอยู่ในใจตลอดมาจึงยิงเทพเสียเอง ก่อนที่เทพจะสิ้นใจก็สำนึกผิดขออโหสิกรรมต่อทุกคน
นกเอี้ยง (2509)
นกเอี้ยง (2509/1966) ข้อความบนใบปิด กัญญามาลย์ภาพยนตร์ ดอกดิน กัญญามาลย์ กำกับการแสดง เสนอนกตัวสุดท้าย... นกเอี้ยง ของ “อรชร” นำแสดงเป็นละครวิทยุโดย “แก้วฟ้า” (มิตร ชัยบัญชา) (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) บินคู่มากับความรัก สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ ดอกดิน-บรรจง กัญญามาลย์ อำนวยการสร้าง