ผีไม้จิ้มฟัน (2550/2007) สัจจะต้องรักษา ความแค้นต้องชำระ คำสัญญาจึงต้องทวงถาม ต่อให้เหลือซากกะแค่ไม้จิ้มฟัน… เจ้าพ่อต้นไทร สิ่งศักดิ์สิทธิ์สุดเฮี้ยนประจำซอยชื่อดี ฟังมงคล.. ซอยสุขคติ ลือกันนมนานว่า เจ้าพ่อเป็นนายทหารเก่าที่มีเกียรติยศ เป็นคนเฉียบขาด ยึดมั่นสัจจะแบบนายทหาร แต่ตายอย่างผิดธรรมชาติก่อนเวลาอันควร จึงเป็นผีเจ้าพ่อสิงสถิตย์ที่ต้นไทร ไม่ไปไหน ทั้งเฮี้ยน ทั้งศักดิ์สิทธ์ ผู้คนมากราบไหว้บนบาน เอก (บริวัตร อยู่โต), แว่น (ธีพร วีระจิตเอกวิชัย), ดอน (เฮนรี่ เดอ มาร์เซียค์) และ โม้ (นพดล ซอยสกุล) กลุ่มนักเรียนมัธยมที่ทำตัวเหลวไหล วันๆ ไม่เคยท่องหนังสือเรียน สมคบกับ พี่ควายน้อย (อี๊ด โปงลางสะออน) มอ’ไซค์วินเจ้าประจำ คอยมาร่วมก๊วนเหลวไหลด้วยประจำ วันสอบเอนทรานซ์ใกล้เข้ามา ความที่ไม่เคยท่องหนังสือเรียน เอาแต่เที่ยวเล่น ดริงค์ดื่ม เหล่หญิง เอกและเพื่อนๆ อยากเอนทรานซ์ติด จึงหันมาพึ่งเจ้าพ่อต้นไทร แค่จุดธูปบนบานเจ้าพ่อต้นไทรไม่นาน ทุกคนก็สมหวัง ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องหญิง น้องเบลล์ (แอนนา - ปรางค์ทิพย์ เศวตประสาธน์) ที่ดอนเหล่มานาน ก็สอยมาอยู่ข้างกาย พี่ควายน้อยเองก็พลอยได้มอเตอร์ไซค์คันใหม่ ถึงเวลาต้องแก้บน เกิดเหตุไม่คาดฝัน... ต้นไทรถูกตัดหายไปแล้ว !!! ต้นไทรหายไป เอกและเพื่อนๆ ยังไม่ได้แก้บนเจ้าพ่อต้นไทร ชีวิตทุกคนที่บนบานไว้ ถูกคุมคามด้วยเหตุร้ายต่างๆ ราวกับมีสายตาน่ากลัวคู่หนึ่ง คอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่ละคนเจอเหตุร้าย ชวนให้ขนลุกตามๆ กัน เอกและเพื่อนๆ เริ่มปฏิบัติการตามล่าหาต้นไทร ไม่ว่าเศษเสี้ยวชิ้นส่วนของต้นไทรจะยังอยู่ที่ไหน ต้องหาให้เจอ เพราะนี่คือหนทางเดียว ที่จะช่วยให้พ้นจากการถูกผีหลอกไปตลอดชีวิต ว่าแต่.. จะให้แก้บนกับอะไรล่ะ โต๊ะ เก้าอี้ เขียงสับหมู ไม้เกาหลัง ไม้กวาด ไม้แขวนเสื้อ ไม้ตะเกียบ ไม้เสียบลูกชิ้น หรือจะต้องแก้บนกับเจ้าไม้เล็กๆ กระจอกๆ กระจิ๋วหลิวอย่าง เจ้า “ไม้จิ้มฟัน” เนี้ยนะ ?!??
หอแต๋วแตก (2550/2007) ความสนุกกำลังจะเกิดขึ้นเมื่อ หมอผีอินเตอร์ถูกอิมพอร์ตมาปราบผีสาวคลิปวีดีโอฉาว และผีกระเทยไฮโซที่หอพักชายของสามสาวกระเทยรุ่นใหญ่ อุ๊ย! … ว้าย!…ต๊าย!…แต๋วกลัวฮ่าา !!!!!! สามกระเทยรุ่นใหญ่ อดีตเจ้าของค่ายมวยแต่โดนโกง เลยมาร่วมลงทุนสร้างหอพักชายแต่แล้ว เกิดมีคนมาตายในหอกลายเป็นผีออกอาละวาด เขาทั้งสามจะจัดการอย่างไร ก่อนที่ผู้เช่าจะย้ายออกไปหมด

บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 (2550/2007) เรื่องราวต้นกำเนิดของวงศ์คมก่อนที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับท่านโชติและชายชล ในขณะที่เป็นตำรวจพิเศษของรัฐบาลสาธารณรัฐหนองหวายหลึม เขาได้รับคำสั่งให้แทรกซึมเข้าไปยังบริษัท "GRSM GRAMMA" บริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่มี "เฮียสุรชัย" และ "สุชิน" เป็นเจ้าของ แต่เบื้องหลังแล้วทั้งสองคือพ่อค้าอาวุธเถื่อนรายใหญ่ คำเหลาได้แทรกซึมโดยการเข้าไปเป็นนักร้องในบริษัท โดยใช้ชื่อในวงการว่า "มัมมี่ เหลา" และที่นี่เขาได้พบกับ "พอลล่า" เลขาสาวสวยของเฮียสุรชัยและ สุชิน ซึ่งแท้จริงแล้วเธอคือ CIA ปลอมตัวมา ซึ่งทั้งคู่จะต้องร่วมมือกันหยุดยั้งเฮียสุรชัยและสุชินให้ได้ คำเหลา (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) เจ้าหน้าที่ มือดีอันดับต้น ๆ แต่ชอบทำเรื่องซวยให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่หนักใจ ของหน่วยสืบสวนพิเศษสำนักงานสืบสวนเฉพาะกิจแห่งสาธารณรัฐชาติเวียง ได้ถูกส่งตัวไปยังประเทศไทยหลังจากที่ทางหน่วยงานได้ข้อมูลลับมาว่า มีผู้ก่อการร้ายรายใหญ่ สุชิน (สุชิน ควรสงวน) และสุรชัย (สุรชัย สมบัติเจริญ) ที่มุ่งทำลายสาธารณรัฐชาติเวียงแฝงตัวอยู่ในประเทศไทย โดยได้เปิดธุรกิจค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ภายใต้แบรนด์ GRSM GRAMMA บังหน้า ทางหน่วย(รัฐเวียง)จึงได้ส่งคำเหลา เข้าไปปฏิบัติการต่อต้านผู้ไม่ประสงค์ดีรายนี้ คำเหลาเลยจำเป็นต้องงัดกลยุทธทั้งหมดโกหก เขียว (เจเน็ต เขียว) ภรรยาของตัวเองว่าต้องไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ โดยที่ไม่เคยปริปากบอกแม้แต่นิดเดียวว่าตัวเองทำงานมีเกียรติขนาดไหน เขียวได้แต่สงสัย คำเหลาแฝงตัวเข้าไปเป็นนักร้องในบริษัทค่ายเทป GRSM ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ระดับประเทศที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายตั้งขึ้นเพื่อใช้บังหน้า โดยคำเหลามาสมัครเป็นนักร้องโดยใช้ชื่อว่า มัมมี่ เหลา จนกลายเป็นที่โด่งดังระดับซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจประเทศเพียงชั่วข้ามคืน จนสามารถทำยอดทะลุเป้าไปได้มากกว่า 100 ล้านแผ่น และในขณะที่มัมมี่เหลาโด่งดังขึ้นก็ได้พบกับ พอลล่า (แจ็คเกอลิน อภิธนานนท์) นักสืบสาวจากหน่วยงานต่างประเทศที่แฝงตัวเข้ามาเป็นเลขาของ สุชิน และ เฮียสุรชัย ซึ่งเข้ามาปฏิบัติการอยู่ก่อนแล้วโดยที่คำเหลาไม่รู้ตัวมาก่อน คำเหลาและพอลล่า ทั้งสองคนต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการกับผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ให้ได้ก่อนที่จะเกิดการปฏิบัติการระเบิดถล่มเมืองขึ้น ภาระกิจเพื่อประเทศและแฟนเพลงจึงเต็มไปด้วยความโกลาหล ปฎิบัติการสาดกระสุนกระหน่ำ สาดมุขกระจายของคำเหลากำลังจะเริ่มต้นขึ้น!

ยังไงก็รัก (2550/2007) จะเป็นอย่างไรเมื่อมีการร่วมมือวางกลยุทธ์เอาความงมงาย และการเชื่อเรื่องโชคลางของคนรัก มาคิดเป็นหนทางกำจัดเธอออกไป ย้ง (สมพล ปิยะพงศ์สิริ) หนุ่มใหญ่เชื้อสายจีน อายุไม่เยอะแค่ 30 กว่าๆเป็นผู้ดีเก่าตกยาก อนาคตไม่ไกลนักกับตำแหน่งเซลล์แมนบริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้า สุขภัณฑ์ห้องน้ำ และเครื่องครัว ย้งแต่งงานแล้วกับเง็ก (สุวัจนี ไชยมุสิก) ซึ่งก็เป็นสาวใหญ่เชื้อสายจีน วัยใกล้เคียงกับย้ง มีนิสัยเหมือนเมียหลวงมาตรฐานคือ แก่ง่าย ตายยาก เง็กขายขนมจุ่ยก้วยอยู่ที่บ้านแถวเยาวราช เธอเชือถือโชคลางเป็นที่สุด ทั้งสองแต่งงานอยู่กินกันมา 7 ปีท่ามกลางเสียงบ่นของเง็ก ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตย้งไปแล้ว บ่อยครั้งที่ย้ง เบื่อมากจนอยากเลิกกับเง็ก แต่ย้งก็ทำไม่ได้เพราะย้งดันไปสาบานไว้กับเตี่ย ก่อนเตี่ยตาย ถ้าลื้อทิ้งอาเง็กขอให้มีอันเป็นไปในเจ็ดวัน ให้ลื้อเซ็กส์เสื่อมเอาผู้หญิงไม่ได้ตลอดไป อันที่จริงย้งสาบานไปอย่างนั้น เพราะต้องการเอาใจเตี่ยก่อนตาย แล้วก็ไม่ได้เชื่อในคำสาบานอะไรนั่นเท่าไหร่นัก แต่หลายครั้งที่มองรูปเตี่ย เป็นต้องมีอภินิหารให้เห็นอยู่ตลอด หลายต่อหลายอย่างจนย้งนึกหวาดๆ ยังเลยชักไม่แน่ใจ คำสาบานจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ก็คิดปลอบใจตัวเองว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่แล้วกัน จะว่าไปคำสาบานกับเตี่ยนั้น ก็คงไม่เป็นปัญหากับย้ง ถ้าไม่บังเอิ๊ญ..บังเอิญ ย้งมีจุดมุ่งหมายที่ต้องทำให้สำเร็จภายใน 7 วัน สำคัญมากแถมยังขัดกับคำสาบานที่ให้ไว้กับเตี่ย แต่ย้งต้องทำ จนแล้วจนรอดเวลาจวนเจียนจะหมดย้งก็ยังหาหนทางไม่ได้ ท่ามกลางความมืดมนที่ดูเหมือนไม่มีทางออก เพราะดันไปสาบานกับเตี่ยไว้ว่า ห้ามเลิกกับเง็ก แต่ฟ้าก็ยังเห็นใจ จึงส่ง เล้ง (สมเล็ก ศักดิกุล) ผู้ที่ชอบสวมวิญญาณเป็นโกวเล้ง และด้วยความเป็นกูรูในเรื่องๆเมียของเล้ง เขาจึงร่วมด้วยช่วยกันกับย้งอย่างเต็มที่ เพราะว่าเล้งนั้นเป็นคนกลัวเมียมาก การช่วยย้งจึงเป็นการระบายในสิ่งที่ตัวเองไม่มีวันทำได้ และย้งก็เริ่มปฎิบัติการกลบความผิด ตัดทอนความรัก เพื่อเฉลี่ยความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง
สู้นี้เพื่อเธอ (Sumolah) (2550/2007) "อาฟฟลิน" ชายหนุ่มซึ่งอ่อนแอ แต่เมื่อเกิดความรักแท้ ทำให้เขาได้รับแรงบันดาลใจ พยายามทำทุกสิ่งเพื่อคนที่เขารัก เพื่อจุดหมายที่คาดหวังไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมทุนถ่ายทำถึง 3 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น, มาเลเซียและประเทศไทย และเปิดฉายที่มาเลเซีย และญี่ปุ่น เป็นที่เรียบร้อย เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬาประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น นำมาร้อยเรียงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่ท้อแท้ สิ้นหวัง
มากับพระ (2549/2006) บนขบวนรถไฟที่กำลังมุ่งสู่ตอนเหนือของประเทศไทย เณรเล็ก (อ๊อฟ แฟนฉัน) เณรบวชใหม่ลูกเศรษฐีที่พ่อขอร้องให้บวชเณร เนื่องจากความเชื่อเรื่องดวงชะตา จึงส่งไปอยู่ ณ วัดบนดอยสูง ในการเดินทางครั้งนี้ เณรเล็กได้พบกับ พล(วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ชายหนุ่มตกอับที่หนีปัญหา เดินทางโดยไร้จุดหมาย และ แตงโม ( ปู ไปรยา ) สาวสวยที่ไม่เข้าใจในรัก เลิกกับแฟนเดินทางกลับบ้านเกิด เรื่องวุ่น ๆ ก็เริ่มต้น เมื่อทั้ง 3 คนได้รู้จักกันแบบไม่ตั้งใจ เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เชียงราย เณรเล็กมุ่งตรงสู่วัดทองพันชั่ง อันมี หลวงพี่สิทธิ์ (อัมรินทร์ นิติพน) เจ้าอาวาสอารมณ์ร้อน ส่ง เณรโก๊ะ (โก๊ะตี๋ อารามบอย) ขี่ม้าไปรับขึ้นดอย และที่วัดแห่งนี้ เณรเล็กได้รู้จัก พระหลับ (กล้วย เชิญยิ้ม) และ หลวงปู่ (นพดล ดวงพร) เรื่องวุ่น ๆ แบบธรรมหรรษาก็เกิดขึ้น นับตั้งแต่ก้าวแรกของเณรเล็ก ส่วนพลกับแตงโมได้พบกันอีกครั้งด้วยกรรมบันดาล แตงโม จอมหาเรื่องได้ถูกพลช่วยเหลือ ให้หนีรอดปลอดภัยจากแก๊งค์ป่วนคาราโอเกะ และเริ่มสัมพันธ์เรื่อยมา โดยมี กำนันยศ(เปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี) เป็นตัวสร้างเรื่อง ไม่ว่าทั้งทางโลก และทางธรรม แล้วปัญหาต่างๆก็ใหญ่ขึ้น เมื่อ โทนี่(สมชาย ศักดิกุล) ชายแปลกหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนแถวหมู่บ้านและวัดทองพันชั่ง เหล่าพระเณร รวมทั้งพลและแตงโม ต่างงงในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จนวัดทองพันชั่งเกือบถูกทำลาย.
ฅนไฟบิน

เรื่องย่อ : ฅนไฟบิน (2549/2006) ปี พ.ศ. 2398 เป็นต้นมาได้เกิดอาชีพ “นายฮ้อย” ขึ้นมา เพราะประเทศต้องการทำนาเพื่อนำข้าวส่งออกต่างประเทศ เหล่ากลุ่มนายฮ้อยเหล่านี้ต้อนควายเพื่อมาขายยังกรุงเทพฯ นายฮ้อยบางกลุ่มก็เป็นโจรแฝงมาเพื่อปล้นควายและฆ่าชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนโดยทางการมิได้เข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด หนำซ้ำ “พระยาแหว่ง” (ลีโอ พุฒ-พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์) ยังต้องการให้ฆ่าควายให้หมดอีกด้วยเพื่อจะได้ขายรถไถฝรั่งให้กับประชาชนใช้แทนควาย กลุ่มนายฮ้อยโจรเหล่านี้ต้องเผชิญกับ “โจรบั้งไฟ“ (ชูพงษ์ ช่างปรุง) ผู้ออกปล้นด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ทุกข์ยาก และที่สำคัญหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ของตน จนกระทั่งเจอกับ “นายฮ้อยสิงห์” (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) และเชื่อมั่นว่าเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของตนจริงๆ ในขณะที่พระยาแหว่งจ้างโจรปล้นฆ่านายฮ้อยได้หมด แต่กลับไม่สามารถฆ่านายฮ้อยสิงห์คนที่ไม่เคยแพ้ใครได้ พระยาแหว่งจึงวางแผนหลอกใช้โจรบั้งไฟและ “ปอบดำ” (พันนา ฤทธิไกร) ผู้ลึกลับและมีความแค้นอยู่กับนายฮ้อยสิงห์มานาน จึงตกลงใจช่วยเหลือโดยทันที ทั้งพระยาแหว่งและโจรบั้งไฟต่างก็หลงรัก “อีสาว” (กัญญาภัค สุวรรกูฏ) ลูกสาวคนเดียวของปอบดำ แต่ปอบดำก็ไม่ยอมให้ใครได้อีสาวไปครอง… “นายฮ้อยสิงห์” ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกปองร้าย… ชีวิตของ “อีสาว” ยังมีความลึกลับที่ยังไม่เปิดเผย… “โจรบั้งไฟ” และ “พระยาแหว่ง” ยังไม่รู้ความลับของ “ปอบดำ” แต่ทั้งสามก็ต้องร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของแต่ละคน…

เก๋า..เก๋า (2549/2006) พ.ศ. 2512 กรุงเทพฯ ในยุคที่หนุ่มสาววัยทีนเมามายกับแสงไฟดิสโก้ยามค่ำคืน การปรากฏตัวของวงสตริงเครื่องเป่า ผู้ประกาศตัวเป็นคณะปฎิวัติแห่งเสียงเพลงได้พลิกโฉมหน้าวงการไปชนิดที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ Possible คือวงสตริงคอมโบที่จุดระเบิดความฮิตไปทุกหัวระแหง คอนเสิร์ตของพวกเขามีอานุภาพรุนแรงขนาดปลุกวัยรุ่นให้ลุกจากเตียงเพื่อไปฟังเพลงได้ตั้งแต่ตีสี่ ต๋อย (อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต) นักร้องนำ มีฝีไม้ลายมือในการแปลงเพลงระดับเทพ เพลงฝรั่งไม่ว่าเจ๋งแค่ไหน ต๋อยบิดเป็นเนื้อไทยได้แจ๋วกว่า ฝรั่งร้อง Linda Linda I Love You ต๋อยชงเป็น รินมา รินมา ฉันขอรักเธอเมามาย ฝรั่งแดนซ์ You can ring my bell..ell..ll ต๋อยถอดกางเกงเต้น กาง เกง ลิง ลอย ฟ้า อ้า อ้าา สมาชิกในวงไม่ว่า โบ้ (ปิยะ ศาสตรวาหา) มือกีต้าร์ สอง (จักรพงศ์ สิริริน) มือเบส น๊อต (ยุทธนา ธุวะประดิษฐ์) มือคีย์บอร์ด และ เบ๊ (ธนากร ชินกูล) มือกลอง ต่างสนุกสนานกับชีวิตคนดังนิสัยเสียไปวันๆ Possible ถือมติ ไม่ซ้อม มาสาย เมาเหล้า มั่วคิว และหม้อหญิง โอ้ ชีวิตอะไรมันจะน่าอิจฉาขนาดนี้ พวกเขากำลังจะได้เข้าอัดแผ่นเสียงเพื่อบัญญัติความดังไว้เป็นอมตะ Possible จึงหยิ่งผยองในความเป็นหนึ่งและอารมณ์เสียสุดๆ ที่มีวงน้องใหม่ชื่อ The Impossible ผุดขึ้นมาแย่งความสนใจ กระทั่งวันหนึ่ง Possible ได้รับไมค์เด็กเล่นเป็นของขวัญจากแฟนเพลงลึกลับ ต๋อยและเพื่อนๆ สมาชิกหัวเราะให้กับความคิดบรรเจิดนี้อย่างสนุกสนานและถือมันติดมือขึ้นเวทีไปด้วย แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ในคอนเสิร์ตเปิดโรงภาพยนตร์พระโขนง ซีเนม่า ไมค์สีชมพูหวานจ๋อยอันนั้นส่งพวกเขาข้ามเวลามาปี 2549 พ.ศ.ที่ดนตรีสตริงคอมโบกลายเป็นไดโนเสาร์ และวง Possible สุดมะ มีค่าเท่ากับวงบ่อจี๊ที่ไม่มีใครรู้จัก กรุงเทพฯ ไม่ใช่ที่ทางของพวกเขาอีกต่อไป Possible ต้องรีบหาทางกลับอดีตด่วนจี๋ และวิธีนั้นมีทางเดียวพวกเขาจะต้องระดมแฟนเพลงมารวมตัวกันเล่นดนตรีเพื่อจุดพลังให้ไมค์ทำงานอีกครั้ง แต่ในเมื่อปัจจุบันเทกนิกการแปลงเพลงอันเอกอุกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ซ้ำร้าย Possible ยังถูกตราหน้าว่าเป็น The Impossible เวอร์ชั่นแผ่นผีเข้าไปอีก แล้วจะให้ Possible เปิดคอนเสิร์ต มันจะเป็นไปได้เหรอเนี่ย
แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า (2549/2006) "สนิท" (วรเวช ดานุวงศ์) พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด ลูกค้าติดตรึม เปิดร้านปุ๊บ เก้าอี้ในร้านเต็มปั๊บ ตั้งแต่เด็ก ๆ สนิทใฝ่ฝันอยากเป็นนักมวย ขึ้นต่อยบนสังเวียนผ้าใบ ให้กรรมการชูมือเป็นผู้ชนะสักครั้ง พ่อค้าก๋วยเตี๋ยว หน้าตาซื่อ ๆ อย่างสนิท อุตสาห์มีแฟนสาวสวยกับเขา "สวย" (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) ขาวหมวย น่ารักยังกะนางเอกเอ็มวี สวยถือคติ รักแล้วแสดงออกเลย สวยจึงทำหน้าที่เป็น ปอม ปอม เกิร์ล ทั้งผลัก ทั้งดัน เชียร์ลุ้นสนิทออกนอกหน้า จนสนิทยังเขินกับแรงรักของแฟนสาวอยู่บ่อย ๆ เหล่ากลุ่มเพื่อน ๆ จอมเพี้ยน ของสนิทแต่ละคนพยายามช่วยสอนมวยให้สนิท ไม่ว่าจะเป็น "สอง" (โก๊ะตี๋ อารามบอย) หนุ่มน้อยปากเสียที่เก่งเฉพาะตอนเมา, "เสนาะ" (จิ้ม ชวนชื่น) มือกลองจอมลีลา เน้นท่าเต้นมากกว่าท่าตี, "สิทธิ์" (ค่อม ชวนชื่น) เซียนพระที่สั่งสมพระเก่าสมบัติพ่อมาเพียบ ยิ่งได้เพื่อน ๆ สอนมวยให้ แต่สถิติขึ้นชกของสนิทก็ยิ่งเต็มร้อย คือ โดนน็อค 100% เต็ม จนสนิทโด่งดังไปทั่ว เป็นนักมวยที่ผู้ชมติดตาม รอลุ้นทุกครั้งที่ขึ้นชกว่าจะโดนน็อคอีกหรือเปล่า? ก่อนที่สนิทจะทำสถิติโดนน็อค ติดอันดับกินเนสส์บุ๊ค "แสบ" (จาตุรงค์ มกจ๊ก) ลูกค้าขากวนประจำร้าน พูดไม่ชัด แต่ชอบร้องคาราโอเกะ ก็เผยฝีมือโชว์เชิงมวยให้ประจักษ์ แท้ที่จริงแล้ว แสบเป็นนักมวยเก่าขาเป๋ที่แขวนนวมมานานแล้วพร้อมกับปมในใจ เมื่อสนิทได้แสบคอยรับหน้าที่เทรนมวยให้ พร้อมกับแรงยุส่งและคำปรึกษาบ๊อง ๆ จากกลุ่มเพื่อน ๆ คือ สอง, เสนาะ และ สิทธิ์ รวมทั้งกำลังใจจากสวย แต่ความฝันเรื่องมวยทุลักทุเลยังไม่พอ ความรักก็มามีปัญหาที่พ่อของสวย แฟนสาว ไม่ชอบขี้หน้าเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่สนิทต้องเอาชนะให้ได้ ความหวังในการชกนัดต่อไป สนิทไม่ได้ชกเพื่อชัยชนะของตัวเอง แต่ชัยชนะครั้งนี้ของเขา มีผลสำคัญกับความรัก ระหว่างเขากับ สวย
เขาชนไก่ (2549/2006) ปู่ทักว่าสุดโหด พ่อแย้งว่าสนุก พี่กลับมาระบม และผมจะเชื่อใครดี หลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับ “เขาชนไก่” ปราการด่านสุดท้ายของเหล่านักศึกษาวิชาทหาร (รด.) ชั้นปีสุดท้าย ที่ถูกเล่าขานบอกต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่พวกเขาต้องฟันฝ่าไปให้ได้ และถ้าอยากทดสอบมิตรภาพคำว่า “เพื่อนตาย” คงไม่มีที่ไหนเหมาะเท่ากับ “เขาชนไก่” แห่งนี้ ว่ากันว่าสำหรับวัยรุ่นชายไทยที่มีอายุระหว่าง 15-18 ปี “เขาชนไก่” ไม่ต่างอะไรไปกับ “ฝันร้าย” ที่เหล่า รด.หนุ่มชั้นปีสุดท้ายจะต้องเผชิญหน้า ฟันฝ่า และก้าวผ่านไปให้จงได้ ทันทีที่รอยเท้าแรกถูกย่ำลงผืนดินของ “เขาชนไก่” มุมมอง ความคิด และประสบการณ์ในชีวิตของพวกเขาทุกคนจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าเสี้ยวเวลาแต่ละโมงยามสามารถเปลี่ยนแปลงคนได้ รับรองว่าการใช้ชีวิตกินนอนและฝึกอย่างสุดโหดตลอด 5 วันที่เหล่ารด. หนุ่มต้องเผชิญที่ “เขาชนไก่” จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมาสู่ชีวิตของพวกเขาทุกคนอย่างแน่นอน และเมื่อย้อนเวลากลับไป เมื่อใดก็ตามที่นึกถึง “เขาชนไก่” หลากหลายร่องรอยแห่งความทรงจำที่เกิดขึ้นกับพวกเขาก็พร้อมที่จะผุดขึ้นอีกครั้ง ประสบการณ์ทั้งสุข และทุกข์ ความเข้มข้น ขมขื่น สนุกสนาน และยากลำบาก และเชื่อเถอะว่า พวกเขาจะได้อะไรไม่น้อยจาก “เขาชนไก่” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวข้ามวัยสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป… “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” พร้อมใจกันแท็กทีมหยิบเอาเรื่องราวความผูกพันแบบลูกผู้ชายที่หลายคนไม่เคยรู้ (แต่ก็อยากรู้โดยเฉพาะสาวๆ) ว่าเด็กผู้ชายวัย 15-18 ปีเขาไปทำอะไรที่ “เขาชนไก่” และตลอดระยะเวลา 5 วันที่นั่นเกิดอะไรขึ้นกับเหล่านักศึกษาวิชาทหาร (รด.) ปีสุดท้าย จากผลงานการกำกับเดี่ยวของ “วิทิต คำสระแก้ว” แห่ง “กั๊กกะกาวน์” (2547) ภายใต้การโปรดิวซ์โดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ และ นิหน่า-สุฐิตา เรืองรองหริญญา” ในภาพยนตร์ดราม่า-คอเมดี้ที่มีชื่อชวนจำว่า “เขาชนไก่“ สถานที่ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวของมิตรภาพและประสบการณ์แห่งคำว่า “เพื่อนแท้“ พวกเขาพร้อมแล้วที่จะถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ “การก้าวข้ามแห่งวัย“ ที่เหล่ารด. หนุ่มทั้ง 10 คนจะต้องเผชิญหน้าร่วมกัน สำหรับ “หน่อย” (วศิษฎ์ ผ่องโสภา) แล้ว การที่ต้องเติบโตมาในฐานะลูกชายคนเล็กของบ้านที่มีพ่อเป็นผู้ตรวจราชการแผ่นดิน ทำให้ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา หน่อยต้องเรียนรู้ชีวิตของเด็กผู้ชายที่เติบโตมาโดยแทบจะนับจำนวนเพื่อนได้ อย่าว่าแต่เพื่อนสนิทเลย หลายๆ ครั้งที่ต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ ๆ เพราะนอกจากการที่ต้องย้ายบ้านบ่อยๆ พอๆ กับการย้ายโรงเรียนแล้ว ทำให้เขาเติบโตมากลายเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และกลายเป็นไก่อ่อนในสายตาของเพื่อนๆ เสมอ จนกระทั่งขึ้นชั้น ม.6 หน่อยก็ยังไม่เลิกย้ายบ้านพร้อมๆ กับการย้ายโรงเรียน และที่ “โรงเรียนทรัพย์มณี” ที่สุดท้ายของการใช้ชีวิตวัยหนุ่มของเด็กมัธยมปลายอย่างหน่อยกำลังจะนำมาซึ่งประสบการณ์ชีวิตที่เขาไม่มีวันลืม เพราะนอกจากเพื่อนใหม่ทั้ง 9 คนที่ล้วนแล้วมีบุคลิกเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแต่ละสไตล์ไม่ว่าจะเป็น “ปืน” (อาชว์ ไหลสกุล) หนุ่มสำอางขี้หลี, “พอลล่า” (ธนพล วิกิตเศรษฐ) เพื่อนหนุ่มผู้มีหัวใจสาวทั้งหน้าตาและกิริยามารยาท, “เก้ง-ก้าง” (ประสงค์-พงศ์ชัย งามภัทรวรกุล) แฝดนรกคู่ป่วนตัวจริง, “มด” (ทศพล ธนะพาสุข) เพื่อนร่างท้วมอารมณ์ดี คลั่งไคล้การกินเป็นชีวิตจิตใจ, “สมนึก” (วรัญญู วรพัทโรภาส) เพื่อนตี๋ที่เชื่อเรื่องวิญญาณและสิ่งลี้ลับ, “บุญรอด” (ฐิติพงษ์ ติโลกวิชัย) เพื่อนขี้โม้และมั่นใจในความฉลาดของตนจนเกินเหตุ, “อิฐ” (ทวีรัตน์ จุลศิริ) เพื่อนผู้เงียบขรึม ห้าว และเกเรที่สุดในหมู่เพื่อน และ “บ๊อบ” (อภิพล ตรีเทวะวงษา) ผู้ที่ไม่เคยยอมใคร หนำซ้ำยังพยายามวางตัวเป็นผู้นำกลุ่มเพื่อนอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่หน่อยและเพื่อนๆ จะต้องมีชะตากรรมร่วมกันคือสิ่งที่เหล่านักเรียน รด.ปีสุดท้ายทุกคนจะต้องฟันฝ่าไปให้ได้ นั่นคือการฝึกที่ใช้เวลาทั้งหมด 5 วันที่ “เขาชนไก่” สถานที่ฝึกรด. ที่ได้รับการกล่าวขานถึงว่าโหดและหินที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการโดดหอสูง 34 ฟุต ด่านกำแพง 10 ฟุต การฝึกที่หอการยิง การฝึกที่ลานซ้อมเข้าตีที่ว่ากันว่าโหดที่สุด เจ็บที่สุด และร้อนที่สุดด้วยระยะทางการฝึกถึง 1 ก.ม. ฯลฯ ภายใต้การฝึกอันสุดโหดจาก “จ่าไท” (สรพงษ์ ชาตรี) ครูฝึกสุดเหี้ยมประจำกองร้อยผู้ที่เลือกอิฐให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าหมู่แทนบ๊อบ และที่ “เขาชนไก่” นี่เอง หน่อยได้เห็นอีกหลากหลายแง่มุมในตัวของอิฐที่หลายคนไม่เคยรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดระยะการฝึกมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับทั้งในกลุ่มเพื่อนด้วยกันเอง เพราะนอกจากทุกคนจะต้องต้องพยายามเอาตัวรอดให้ได้ในสถานการณ์ต่างๆ แล้ว การเผชิญหน้ากับกลุ่มเด็กช่างกล รด.ต่างโรงเรียนตั้งแต่วันแรกของการฝึกที่พยายามรวมหัวกลั่นแกล้งและเล่นงานหน่อยกับพวก และเมื่ออิฐพยายามปกป้องเพื่อนกลับกลายเป็นว่าทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงยิ่งขึ้น จนเป็นชนวนสำคัญนำไปสู่เรื่องราวใหญ่โตเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิดและรับมือได้ มันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของ “เขาชนไก่” ที่หน่อยและเพื่อนๆ ของเขาจะต้องเรียนรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า “มิตรภาพ” และ “เพื่อนตาย” นั่นเอง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะประสบชะตากรรมเช่นไร เมื่อวันหนึ่งพวกเขามองย้อนกลับมาที่ฝันร้ายครั้งนี้ เขาจะหัวเราะให้กับมัน และภาคภูมิใจที่ครั้งหนึ่งได้เคยฝันร้ายเช่นนี้ เช่นเดียวกับชายไทยอกสามศอกคนอื่นๆ…
หมากเตะ รีเทิร์นส (2549/2006) พงศ์นรินทร์ อุลิศ (จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) เคย โค้ชหนุ่มไฟแรงผู้ฝันอยากเห็นทีมไทยไปบอลโลก ยังคงไม่ได้รับโอกาสจากสมาพันธ์ฟุตบอลไทย ร้อนถึง เจ๊มิ่ง (น้อย โพธิ์งาม) น้าสาวบ้าหวยรวยบอลแฟนพันธุ์แท้ทีมไทย แกประกาศลั่นถ้าถูกรางวัลที่ 1 จะทุ่มเงินให้หลานรักพาบอลไทยไปตะลุยบอลโลกให้จงได้ แล้วชะตาก็ลิขิตให้ชีวิตสองน้าหลานผันผวน เมื่อเจ๊มิ่งดันถูกล็อตเตอรีชุดใหญ่จังเบอร์ 192 ล้านบาท แต่สมาพันธ์กลับพลิกลิ้นแต่งตั้งโค้ชบราซิล อ้างเสียบเพื่อชาติ เจ๊มิ่งยัวะจัดจูงมือหลานชายบินลัดฟ้าสู่ประเทศอาวี ลั่นวาจาคราวนี้แหละอาวีจะไปบอลโลก ราชรัฐอาวี ตั้งอยู่ในทะเลจีนใต้ ส่งออกหอยลาย ดำเนินนโยบายเป็นกลาง อาวี เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรราวแสนคน แต่ติดหนึ่งในสิบประเทศที่คลั่งไคล้ลูกหนังมากที่สุดจากการจัดอันดับประจำปี 2006 ทีมฟุตบอลของพวกเขาถือเป็นสมันน้อยของโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พกสถิติแจกแต้มแหลก ไม่เคยชนะทีมใดเลยในการแข่งขันระดับชาติ แต่เด็กๆ ชาวอาวีก็เช่นเดียวกับเด็กๆ ทั่วโลก นั่นคือ ฝันอยากเห็นทีมชาติตัวเองลงเตะในมหกรรมระดับโลกนี้สักครั้ง
แซ่บ (2549/2006) ณ แฟลตแห่งหนึ่ง จืด (นีโน่ เมทนี) ได้รับมอบหมายจาก เสี่ยเจ้าของแฟลต (สมเล็ก) ให้ดูแลแทนเพราะต้องเดินทางไปต่างประเทศหลายวัน จึงเข้าทางของ จืด จอมวางแผนที่ชอบตั้งตัวเป็นใหญ่ จึงสมคบกับสมุนทั้ง 4 คือ ไอ้บ้า (ค่อม ชวนชื่น), อสุจิ (บอล เชิญยิ้ม), มาศ (ชูศรี เชิญยิ้ม) และ นัทติง (โก๊ะตี๋ อารามบอย) วางแผนร้าย ทั้งการพนัน ยาเสพติด ผู้หญิง และทุก ๆ อย่างที่เป็นเรื่องไม่ดีขอให้มีเงินและอำนาจเท่านั้นเป็นพอ เนื่องจากแฟลตแห่งนี้เป็นแหล่งชุมชนมีวัยรุ่นอยู่มาก เหมาะแก่การล่อลวง ทุกคนจึงเข้าใจผิดว่า จืด เป็นเจ้าของแฟลตจึงทำตามอำเภอใจทุกอย่าง และคิดจะสร้างอาณาจักรโดยการกว้านซื้อที่ดินแถวนั้น แซ่บ (เบนซ์ พรชิตา) กับ ขวัญ (ขวัญใจ จันทร์ทอง) เพื่อนสนิท เป็นผู้อาศัยอยู่ใกล้แฟลตนี้เช่นกันเป็นพวกรักความยุติธรรมเห็นประกาศว่าจะมีคนมาซื้อที่ของตน แซ่บ ยอมไม่ได้เพราะเป็นที่ของปู่ ย่า ตา ยาย จึงวางแผนกับเพื่อนสนิทอีกคนคือ จ้าว (วิรัช เข็มกลัด) จึงพยายามเข้าไปในแฟลตเพื่อสืบว่าใครเป็นคนบงการ จึงได้ทราบเรื่องราวความเป็นไปของ จืด และ สมุน ว่าได้ใช้บริเวณหลังแฟลตเป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กวัยรุ่น แซ่บ กับเพื่อน จึงไปแจ้งสารวัตร เกริก ชิลเลอร์ แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ แซ่บ กับเพื่อนจึงต้องจัดการขัดขวางเอง จึงเกิดมีการปะทะกัน แต่ด้วย แซ่บ ได้ฝึกการป้องกันตัวจาก พ่อ (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายมวยมาบ้างจึงเอาตัวรอดได้หลายครั้ง จนกระทั่งมีการปะทะกันครั้งใหญ่เจ้าหน้าที่จึงเข้ากวาดล้างและจับตัวบงการได้ เรื่องทั้งหมดจึงถูกเปิดเผยว่าใครเป็นใคร
ลูกตลกตกไม่ไกลต้น (2549/2006) ณ โรงเรียน 2 โรงเรียน ซึ่งใช้รั้วกลางรวมกัน โรงเรียนหนึ่งเป็นวัดโทรมๆ ส่วนโรงเรียนหนึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนหรูหรา ความแตกต่างของนักเรียน ครูและผู้ปกครองจึงแตกต่างกันในเรื่องฐานะอย่างชัดเจน จนกระทั่งเด็กนักเรียนเล็กๆ 2 คนซึ่งเป็นเพื่อนกันแต่อยู่กันคนละโรงเรียน กินไอศครีมหยอกล้อกันด้วยความสนุกสนาน แล้วอุบัติเหตุทางอารมณ์ก็เกิดขึ้น เมื่อรุ่นพี่ทั้ง 2 โรงเรียนเข้ามายุ่งด้วย จนเรื่องราวบานปลายไปถึงผู้ปกครองและครูใหญ่ทั้ง 2 โรงเรียนต้องพยายามไกล่เกลี่ยให้ความขัดแย้งลดลงเรื่องก็เหมือนจะจบลงด้วยดี แต่จากเรื่องเด็กๆ ก็กลับเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นไปอีกเมื่อครูทั้ง 2 โรงเรียนกลับเป็นฝ่ายทะเลาะกันเองจากการที่จะพยายามไกล่เกลี่ยก็กลายเป็นคุยข่มกัน ที่เคยจะจัดงานแข่งขันเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กลับกลายเป็นการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อชัยชนะ การแข่งขันครั้งแรกดำเนินไปท่ามกลางความขัดแย้งของเด็กทั้ง 2 โรงเรียน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน ทำให้นักดนตรีทั้ง 2 โรงเรียนบาดเจ็บ อาจารย์ทั้ง 2 โรงเรียน จึงเรียกเด็กๆ ที่ก่อเรื่องมาฝึกดนตรีเพื่อเป็นตัวแทนในการแข่งขันครั้งต่อไป ในช่วงเวลาฝึกดนตรีกันนี่เองเด็กๆ ได้สนุกสนานร่วมกัน การแข่งขันครั้งที่ 2 จึงเป็นไปด้วยความราบรื่น เป็นการแข่งขันดนตรีที่เปลี่ยนแปลงไปโดยถนัดตา เพราะเด็กๆ ของทั้งสองโรงเรียน ร่วมเล่นดนตรีกันด้วยความสนุกสนาน การแข่งขันเพื่อชัยชนะจึงกลายเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ไปโดยปริยายด้วยตัวเด็กๆ เองส่วนครูใหญ่ทั้ง 2 โรงเรียนเห็นเหตุการณ์กลับกลายเป็นอย่างนี้ก็อายเด็กพากันจับมือและจบความขัดแย้งลง
เดอะ กิ๊ก (The Gig) (2549/2006) เรื่องราวความมันส์ในการบริหารกิ๊ก เริ่มต้นขึ้นเมื่อ เจ้าใหญ่ The Gig (จุ๊น กิตติคุณ) หนุ่มฮ็อตแห่ง Gig Club คลับของคนรักกิ๊ก คิดจะจีบ น้องแอ๊นท์ (จ๊ะจ๋า พริมรตา) ดาวคณะผู้น่ารัก ใหญ่ร่วมมือกับสี่จตุรเทพ ได้แก่ อาร์ม สุดเซอร์ (พล ศิริพล), โด้ จอมซ่า (ตั๋ม ปจิต), แจ็ค สุดจ๊าบ (บุ้ง ณัฐชาติ) และ ตู่ ขาลุย (ชลัช) ทำเซอร์ไพรส์สุดประทับใจให้น้องแอ๊นท์ จากนั้นใหญ่ก็พาน้องแอ๊นท์ไปรู้จักกับน้องสาวผู้น่ารักทั้งสามคนของใหญ่ ทำให้น้องแอ๊นท์เห็นความดีในฐานะพี่ชายที่แสนดี ในที่สุด ใหญ่ก็พิชิตใจน้องแอ๊นท์ ดาวคณะได้สำเร็จ แต่น้องแอ๊นท์หารู้ไม่ว่าเพียงเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าใหญ่ก็แอบไปกิ๊กกับ น้องลิซ่า (ไอซ์ อภิษฎา) ดาวชมรมเชียร์ลีดเดอร์ ใหญ่กลายเป็นปรมาจารย์กิ๊ก ที่มีกลยุทธสับรางแบบที่ใครก็นึกไม่ถึง แถมยังแอบไปกิ๊กหญิงทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ใหญ่และสี่จตุรเทพ สอนวิธีกิ๊กหญิงให้กับสมาชิกใน Gig Club โดยมีกฎข้อสำคัญคือ อย่าเผลอตกหลุมรัก หนึ่งในสมาชิกนั้นมี พี่ติ๊ก (มิค บรมวุฒิ) รวมอยู่ด้วย พี่ติ๊กแอบชอบน้องแอ๊นท์มานานแล้วแต่จีบไม่ติด เฝ้าคอยคิดหาวิธีและโอกาสแฉความจริงเพื่อแย่งน้องแอ๊นท์ไปเป็นของตัวเอง ขณะเดียวกันทางด้านน้องแอ๊นท์ก็เริ่มผิดสังเกตในตัวเจ้าใหญ่ เธอจึงขอให้ น้องคุกกี้ สาวเซี้ยว (พลอย ศราวดี) และ น้องจิ๊บ สาวหวาน (เอ็มมี่ อภิภา) เพื่อนสนิททั้งสองคน ช่วยกันวางแผนจับกิ๊ก ความโด่งดังของ Gig Club เริ่มแผ่ขยายมาถึงน้องสาวทั้งสามของเจ้าใหญ่ ทำให้พวกเธอเริ่มอยากมีกิ๊ก ความอบอุ่นในครอบครัวเริ่มจางหายไป เจ้าใหญ่กำลังหลงอยู่ในโลกของกิ๊กและล้ำเส้นกฎที่ตั้งเอาไว้ จนกระทั่งความจริงปรากฏ น้องแอ๊นท์จับได้ว่าเจ้าใหญ่มีกิ๊ก ใหญ่เสียน้องแอ๊นท์ไปและพบว่าน้องสาวของตัวเองก็มีกิ๊ก เป็นเหตุให้ใหญ่ทะเลาะกับสี่จตุรเทพ ถึงเวลาที่เจ้าใหญ่ Gig Club จะต้องลุกขึ้นมาแก้ไขสิ่งที่ตนเองทำผิดพลาดไป เพื่อกอบกู้ครอบครัว เพื่อนและความรักให้กลับคืนมา
โกยเถอะโยม (2549/2006) นิ่งสงบ สยบ ความผวา แต่ถ้าผีมา...ก็ตัวใครตัวมัน เรื่องราวเกี่ยวกับผีเด็กเร่ร่อน (น้องพี มกจ๊ก) ที่ต้องการตามหาพ่อ ซึ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ด้วยความเหงาและอยากมีเพื่อน ผีเด็กจึงชอบปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นอย่างซุกซน ซึ่งในการปรากฏตัวทุกครั้งได้สร้างความอลหม่านวุ่นวายและความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน จนชาวบ้านทุกคนต้องรวมพลคนกลัวผีขึ้นมาและแห่กันไปพึ่งหลวงพ่อ (จตุรงค์ พลบูรณ์) เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน เรื่องราวความน่ากลัวต่างๆ ถูกเล่าผ่านบรรดาชาวบ้านที่นำทีมโดย เจ๊หลี (วนิดา แสงสุข) เจ้าของร้านขายของชำที่มีลูกสาวชื่อ กิ๊ก (พิมพ์ชนก พลบูรณ์) ที่ไปแอบชอบกับเด็กวัดก้นกุฏิที่ชื่อ หรั่ง (จามร ตันธนะศิริวงษ์) โดยมี กบ (โก๊ะตี๋ อารามบอย) เด็กวัดคู่หูที่คอยช่วยเหลือทั้งสองจากการขัดขวางความรักของ เจ๊หลี ตามขบวนมาด้วย ลุงชู (จิ้ม ชวนชื่น) ภารโรงมาดเนี้ยบที่แอบชอบ เจ๊หลี จนออกนอกหน้า มาพร้อมกับเฮียเท๊งขายหมู (แอนนา ชวนชื่น) และชาวบ้านอีกมากมายที่ต่างเจอเรื่องวุ่นๆ และความน่ากลัวของผีเด็ก จึงมารวมตัวกันที่ศาลาวัดและเล่าเรื่องราวความหวาดกลัวเหล่านั้นด้วยมุขตลกต่างๆ และร่วมกันคิดหาวิธีกำจัดผีเด็กให้พ้นไป

เรื่องย่อ : โคตรรักเอ็งเลย (2549/2006) เลิฟสตอรีจี๊ดโดนใจเมื่อ “รงค์” (อุดม แต้พานิช) นักเขียนบทตลกกำลังตกที่นั่งลำบากกับอาถรรพ์ชีวิตคู่ที่ดูเหมือนจะไร้ปัญหา แต่ทว่ามันมีอยู่จริงเพราะ “แดง” (วิสา สารสาส) ภรรยาสุดที่รักดันไปเกิดมีกิ๊กกั๊กปันใจให้กับหมอตรวจภายในที่แสนสุภาพสุดหล่อนามว่า “รักษา” (อัครา อมาตยกุล) อันที่จริงจะโทษแดงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะว่ารงค์เองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เพราะทั้งคู่แต่งงานกันมานานเรื่องของความกุ๊กกิ๊กโรแมนติกก็เริ่มห่างหายไปตามกาลเวลา ทำให้อะไรในชีวิตมันไม่ฟู่ฟ่ากระชุ่มกระชวยเหมือนเดิม ประกอบกับแดงเองก็มาถูกใจหมอตรวจมะเร็งปากมดลูกเข้าอีก ถึงใจจะหวั่นไหวเธอก็พยายามตัดใจเลี่ยงไปตรวจมะเร็งเต้านมตามคลินิก ก็เจ้ากรรมดันเป็นคลินิกของรักษาเข้าอีก ทำเอาแดงเสียการทรงตัวและหัวใจไปกับความสุภาพของหมอหนุ่ม แล้วแดงจะทนได้อย่างไร ในขณะเดียวกันกับที่รงค์น้อยผู้น่าสงสารต้องหาทางออกโดยพึ่งดร.อ่าง ทำเอาแดงน้อยใจสามี จึงเริ่มสานต่อความสัมพันธ์กับรักษา ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง รงค์รับรู้ถึงความสัมพันธ์แบบลับๆ ล่อๆ ของเมียเข้าจากไดอารีเล่มแดง อารมณ์ปรี๊ดขึ้น ผัวเมียเคลียร์กันไม่ลง แดงขับรถออกจากบ้านตกเขาทันที เดือดร้อนถึงปอเต็กตึ๊งที่ต้องตามไปเก็บ รงค์ได้แต่เสียใจที่ทำให้เมียต้องจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้พูดจากันให้เข้าใจ รงค์อยู่บ้านชักรู้สึกหวั่นๆ ข้าวของในบ้านเริ่มเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ เขาบอกกับทุกคนว่าเมียของเขากลับมาที่บ้านแน่นอน เพื่อนได้แต่บอกให้ทำใจ แต่คุณพระช่วย แดงมาที่บ้านรงค์จริงๆ มาให้เห็นตัวเป็นๆ เลย เอาล่ะสิ คราวนี้เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร แดงตายหรือไม่ตายกันแน่ ถ้าตายแล้วกลับมาหลอนรงค์เพื่ออะไร หาคำตอบได้ใน “โคตรรักเอ็งเลย” ภาพยนตร์ตลกลากเลือดชวนค้นหาว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านเนิ่นนานไปเพียงไหน ความรักระหว่างคนสองคนจะยังคงมั่นคง ซาบซึ้ง เหมือนกับครั้งแรกเขาที่ตกหลุมรักกันหรือไม่ อาถรรพ์ของชีวิตคู่แก้ไขได้อย่างไร และมันคืออะไรกันแน่ ไม่นานเกินรอได้ดูกันแน่นอน 27 กรกฎาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

Delivery Sexy Love ภารกิจบิดระเบิดรัก (2549/2006) โจ (แดน ดนัย) หนุ่มหล่ออารมณ์ดี ดีกรีนักเรียนนอกที่ชีวิตพลิกผัน กลายมาเป็นคนส่งพิซซ่า แถมโชคชะตายังพัดพาให้มาตกหลุมรักสาวสวยไฮไซ เจน (นาตาลี เจียรวนนท์) งานนี้โจจะต้องรับมือกับสารพันปัญหาที่ทั้งวุ่นวายและสนุกสนานจากการซิ่งมอเตอร์ไซค์ส่งพิซซ่าเพื่อปฎิบัติภารกิจส่งรัก พร้อมทั้งต้องพยายามเอาชนะใจเจน ขณะที่ศัตรูของครอบครัวเจนก็เริ่มคุกคามชีวิตของทุกคน ทุกคนต้องหลบหนีจากการไล่ล่าของประจักร (วรพจน์ ชะเอม) ผู้บงการพร้อมกับสมุนมือดีถูกเรียงหน้าตามล่าสุดชีวิต ภารกิจไล่ล่าจึงเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น จอมโจรซามูไร (เอ็ดดี้ ผีน่ารัก) กระบี่ผีหลบนักฆ่าวัดดอน พร้อมด้วย มือปืนสูทดำ (จเร เชิญยิ้มและคณะ) หล่อสุภาพไร้ความปราณี มือปืนไฉไล (สุนิษา ไฉไล) เสือสาวตาหวานจอมแม่นปืนฆ่าไม่เลือกหน้า อ่าง ลำพระเพลิง (อ่าง เถิดเทิง) ขุนขวานติดอ่างเคลื่อนที่เลว(ช้า)มากแต่แม่น สมทบด้วยภารกิจ "เป๋อ" ของตำรวจลับกระจับหลุด (ยาว ลูกหยี) ผู้ที่กรมตำรวจไม่รู้ว่าเป็นตำรวจรักษาความลับสุดยอดเพราะเป็น ตำรวจลับ และ รปภ.สงบ นิ่งสงัด (เต๋อ เชิญยิ้ม) ผู้รักษาความปอดแหกเพราะความหมายรปภ.ลึกซึ้งเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจ ความอลเวงแห่งการไล่ล่าที่เฮฮาประสาโจรก็เริ่มขึ้น ภารกิจป่วนของกลุ่ม พิซซ่าขาร๊อค (วงร๊อคข้าวปุ้น) ฮิปฮอบสายพันธุ์ที่ราบสูงและเสี่ย(ว)สิเด้อ บั๊กจิโอเจ้าของร้านแฟรนไชส์พิซซ่า และคุณแม่จอมจุ้น (เอ้ ชุติมา) ที่คอยช่วยเหลือพระเอกจะสำเร็จหรือไม่ และจะพ้นเงื้อมมืออันเซ็กซี่ของ คุณหนูหวาน (อุ้ม ญริชฎา) สาวสวยอึ๋มไฮเปอร์แอคชั่น โจ พระเอกตัวจริงจะนำพาความรักไปส่ง ฝ่าดงปืน ดงระเบิดและการไล่ล่าได้หรือไม่ และเมื่อความจริงถูกเปิดเผยขึ้น
แก๊งชะนีกับอีแอบ (2549/2006) แฟนหนุ่มเข้ามาแล้วก็จากไป แต่เพื่อนสาวนั้นไซร้อยู่ยั้งยืนยง เป็นประโยคปลุกใจแสนอมตะ ที่เพื่อนสาวจะใช้ปลอบประโลมใจกัน ในยามที่หนึ่งในพวกเธอกำลังเผชิญภาวะขาดเสถียรภาพในความสัมพันธ์ หรืออาจจะเป็นประโยคที่สาวๆ ท่องไว้เตือนใจตัวเอง ยามที่เธอต้องกลับมาใช้ชีวิตสาวโสดออกเที่ยวเตร่กับเพื่อนสาวตามเดิม หรืออาจจะเป็นประโยคที่พูดก่อนการชนแก้วของกลุ่มเพื่อนสาว ที่มาร่วมดื่มเพื่อลืมเธอในค่ำคืนหนึ่ง ทำไมผู้ชายถึงไม่เคยว่าง เมื่อแฟนสาวพยายามโทรมาชวนเขาออกไปซื้อของ ทำไมผู้ชายมักมีคำพูดติดปากว่าอะไรก็ได้ เมื่อแฟนสาวหวังพึ่งการตัดสินใจของเขา ทำไมผู้ชายไม่สามารถทนฟังแฟนสาวระบายปัญหาทุกข์ใจจนจบโดยไม่พูดแทรกได้ ทำไมผู้ชายถึงพยายามทำให้แฟนสาวหยุดร้องไห้ด้วยการสั่ง แทนการกอด ทำไมผู้ชายคิดถึงเรื่องเพศทุกลมหายใจเข้าออก แต่เมื่อพูดถึงรัก กลับทำท่าเหมือนไม่อยากหายใจ ดังนั้นการมีแฟนที่มีลักษณะตรงข้ามกับทุกข้อที่กล่าวมา จึงเป็นสิ่งที่สาวๆ ใฝ่ฝันถึง และแล้ว ก้อง (เธียรชัย ชัยสวัสดิ์) ชายหนุ่มแสนดีในฝันของสาวๆ ก็ก้าวเข้ามาในชีวิต แป้ง (มีสุข แจ้งมีสุข) หญิงสาวผู้ค้นพบเข็มในมหาสมุทรที่เพิ่งเกิดสึนามิ เรื่องราวน่าจะจบลงอย่างที่สาวๆ ต้องอิจฉา แต่อนิจจา เพื่อนๆ ของแป้ง ได้แก่ ป๋อม (พัชรศรี เบญจมาศ) แพท (กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์) เจ๊ฝ้าย (พิมลวรรณ ศุภยางค์) และ นิ่ม (อรปรียา หุ่นศาสตร์) กลับไม่คิดเช่นนั้น พวกเธอพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อขัดขวางแฟนหนุ่มสุดวิเศษคนนี้ เพราะสัญชาตญาณชะนีร้องเตือนว่าหน้าหล่อคนนี้เป็นอีแอบ
หนูหิ่น เดอะ มูฟวี่ (2549/2006) ว่ากันว่าถ้าเอ่ยชื่อ “หนูหิ่น” เด็กสาวอารมณ์ดี๊ดี เจ้าของผมทรงม้าเหี้ยน สวมเสื้อคอกระเช้า นุ่งผ้าซิ่น รับรองว่าไม่มีใครในหมู่บ้านโนนหินแห่ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวีรกรรมเด็ดอันเกิดจากความคิดใสซื่อผสมปนเปเข้ากับความซนที่ไม่มีขีดจำกัด ทำให้พี่น้องชาวบ้านต่างอิดหนาระอาใจไปกับหนูหิ่นไปตามๆ กัน แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อย่างเข้าหน้าแล้ง บ้านนาขัดสน พ่อก็มาเจ็บๆ ออดๆ หนูเหี้ยนน้องสาวกำลังจะเปิดเทอม ในฐานะพี่สาวคนโต หนูหิ่นตัดสินใจประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า “หนูหิ่นนี่แหละจะเข้ามาเฮ็ดการเฮ็ดงานที่กรุงเทพฯ เอง อีพ่ออีแม่บ่ต้องเป็นห่วง“ โดยหวังว่าตนเองจะเป็นเสาหลักของบ้าน เพียงแต่ว่าหลายคนในหมู่บ้านต่างเห็นพ้องต้องกันว่าหนูหิ่นจะเข้ามาก่อวีรกรรมความวุ่นวายในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ เสียมากกว่า ณ สำนักจัดหางาน ความฝันอันสวยหรูของหนูหิ่นกับชีวิตการเป็นสาวโรงงานต้องพังพินาศลง เมื่อสาวกรุงเทพฯ หุ่นดีที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลังคอเคล็ด เดินผ่านเข้ามาในชีวิตของหนูหิ่น พร้อมยื่นตำแหน่งงานที่ท้าทายความสามารถของหนูหิ่นยิ่งกว่าการเป็นสาวโรงงานกับดักหนูเสียอีก แต่หิ่นรู้ดีเด้อค่ะว่า “ตำแหน่งผู้จัดการบ้าน” ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ จึงยื่นข้อเสนอกลับไปว่าเงินเดือนสวัสดิการพร้อม 1,500 บาทขาดตัว และบ่รับงานหลัง 2 ทุ่มครึ่งเพราะหนูหิ่นติดภารกิจสำคัญ คุณมิลค์ที่แปลว่านม (คนอะไรชื่อสมตัวดีแท้) แกก็ดีใจหายรับเงื่อนไขทุกประการ หนูหิ่นลืมบอกไปเด้อค่ะ เจ้านายคนสวยที่รับหนูหิ่นเข้าเฮ็ดงาน แกชื่อว่า “คุณมิลค์“ คนกรุงเทพฯ ชื่อแปลกแท้เนาะแปลว่า “นม“ สมตัวหลาย ในบ้านใหญ่หลังโตสมฐานะคนอันจะกินหลังนี้ยังมีสมาชิกในบ้านอย่างอีพ่อ, อีแม่ และ “คุณส้มโอ“ พี่สาวที่หุ่นสะบึม หน้าตาสวยไม่แพ้คุณมิลค์ แต่แกชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ ไปไหนมาไหนห่วงสวย ต้องดูกระจกตลอด นอกจากนี้หนูหิ่นยังได้พบหนุ่มคนสวนที่บ้านข้างๆ และตกหลุมรักในความหล่อเข้าเต็มเปา แต่ในเวลาต่อมาก็ต้อง “อกหัก“ เมื่อพบความจริงว่า ที่แท้หนุ่มคนนั้นคือ “คุณทอง” ลูกชายคนเล็กของบ้านข้างๆ ต่างหาก ยังดีที่ว่าทั้งคุณทองและคุณมิลค์ แกดูสนใจกันอยู่ ถ้าเป็นคนอื่นหนูหิ่นบ่ยอมเดะค่ะ เผลอแป๊บเดียวหนูหิ่นก็มาทำงานที่บ้านคุณมิลค์ได้ร่วมปีแล้ว… หนูหิ่นยุทั้งคุณมิลค์และคุณส้มโอให้สมัครประกวดซูเปอร์โมเดลค้นหานางแบบหน้าใหม่ที่จัดโดย “โซเนีย” ยอดนางแบบของไทย แต่ทั้งคู่กลับไม่สนใจ หนูหิ่นเลยวางแผนสมัครให้ทั้งคู่แทน ที่นี่ถ้าคุณมิลค์ชนะประกวดจนโด่งดังเป็นดารา ตัวเองจะได้พลอยฟ้าพลอยฝนไปกับเค้าด้วย ไม่มีใครรู้ว่าการเข้าประกวดนางแบบครั้งนี้จะนำมาซึ่งเหตุการณ์ตื่นเต้น หวาดเสียว เสี่ยงชีวิตจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตอย่างที่คุณมิลค์ คุณส้มโอ รวมทั้งคุณทองเองก็บ่เคยนึกมาก่อน นี่หนูหิ่นนึกถึงยังใจหายอยู่เลยเด้อค่ะ แต่ถึงยังไงผู้จัดการบ้านอย่างหนูหิ่นก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดปกป้องดูแลเจ้านายน้อยบ่ให้มีแมลงวันสักตัวเข้ามาโฉบไปโฉบมาถูกตัวคุณมิลค์กับคุณส้มโอได้เลยถึงแม้ว่าจะต้องเอาชีวิตของหนูหิ่นไปแลกก็ยอม นอกจากนี้เผลอๆ หนูหิ่นอาจจะได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคุณมิลค์ คุณส้มโอไปเดินแบบหรืออาจจะถูกฝรั่งแมวมองทาบทามไปขึ้นแคทวงแคตวอล์กกะเขาด้วยเดะค่ะ งานนี้มีคนออกแบบเสื้อผ้าที่เรียกว่าดีไซเนอร์จากเมืองนอกชื่อ “จิวานนี” มาร่วมงานด้วย ยังไงก็ฝากบอกพี่ป้าน้าอาทั้งหลายมาช่วยให้กำลังใจหนูหิ่นด้วยเด้อค่ะเด้อ

มอ๘ (2549/2006) เมื่อนักเรียนชายสุดทะโมนกระโจนมาเรียนรวมกับนักเรียนหญิงสุดเรียบร้อย ก่อให้เกิด “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” ในเมืองไทย แต่ความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟกลับถูกปิดกั้นจาก “ครูสมปัติ” สุดเฮี้ยบ นักเรียนชายหญิงจะหาทางออกของมิตรภาพความรักได้อย่างไร… ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2500 การศึกษาของไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีการจัดตั้ง “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” โดยโรงเรียนหญิงที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่องคือ “โรงเรียนดรุณีศึกษา” โรงเรียนสตรีที่ชนะเลิศรางวัล “โรงเรียนสตรีดีเด่น“ ติดต่อกันมาถึง 25 ปี ส่วนโรงเรียนชายที่ได้รับเลือกคือ “โรงเรียนอักษรศิลป์” โรงเรียนที่ได้ชื่อว่า “เรียนดี กีฬาเด่น“ “ครูบุญรอด” ครูใหญ่โรงเรียนดรุณีศึกษามอบหมายให้ “ครูสมปัติ” ครูสาวจอมเฮี้ยบและ “ครูเกษร” ครูสาวเรียบร้อยแสนหวานสองศิษย์คนโปรดเป็นผู้คัดเลือกและควบคุมนักเรียนหญิง 15 คนที่ดีที่สุดในโรงเรียนทั้งด้านการเรียนและความเป็นกุลสตรีงามทั้งกายงามทั้งมารยาทเพื่อเข้าร่วมโครงการนี้ โดยให้ครูสมปัติไปเป็นครูประจำชั้น ส่วนครูเกษรให้ไปดูแลเรื่องมารยาท ก่อนไปครูบุญรอดอบรมและย้ำเน้นเรื่องความเป็นกุลสตรีและความมีคุณค่าของผู้หญิง อย่าให้เสียชื่อโรงเรียนที่สร้างสมมายาวนาน ครูสมปัติยืนยันหนักแน่นถึงความมั่นใจกับนักเรียนหญิงที่คัดเลือกเอาไว้และเรียกกลุ่มนี้ว่า “ดอกไม้เหล็ก“ ด้วยความแตกต่างกันระหว่างชายหญิงครูสมปัติต้องเจอเรื่องห่ามๆ ซนๆ ของบรรดานักเรียนชายโรงเรียนอักษรศิลป์ ส่วนครูเกษรและนักเรียนสาวทั้ง 15 คนต้องเจอกับการจีบทุกรูปแบบจากเด็กผู้ชายและครูหนุ่มของโรงเรียนอักษรศิลป์เหตุการณ์วุ่นวายแต่น่ารักๆ ภายในโรงเรียนเกิดขึ้นพร้อมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างนักเรียนหญิงและนักเรียนชายภายใต้กฎระเบียบที่ครูสมปัติวางไว้อย่างเคร่งครัด ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีจนกระทั่งนักเรียนชายไปมีเรื่องชกต่อยในงานก่อเจดีย์ทรายโดยครูชายประจำโรงเรียนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ กระทรวงศึกษาธิการทราบเรื่อง “คุณหญิงกุหลาบ” จึงแต่งตั้งครูสมปัติขึ้นทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปกครองของโรงเรียนอักษรศิลป์โดยมีกฎข้อแรกคือ ห้ามนักเรียนมีเรื่องชกต่อยและห้ามมีความรักในโรงเรียนเด็ดขาด เพราะครูสมปัติเห็นว่าความรักในวัยเรียนถ้ามีมากไปเราจะควบคุมกันไม่ได้…

พระ เด็ก เสือ ไก่ วอก (2549/2006) นับย้อนหลังไป 100 ปี พอดี ตุลาคม พ.ศ. 2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศเลิกทาส วันเดียวกันนั้นเอง เด็กชายหญิงชนบทผู้น่าสงสารจำนวน 8คน อันเป็นทาสขัดดอกของพ่อใหญ่ภูนายเงินและพ่อค้าของป่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งบ้านชายคง ได้ถูกขายให้แก่โยนสันพ่อค้าชาวอังกฤษที่มากว้านซื้อไม้หอมและป่าสมุนไพรต่างๆ เตรียมขนไปขึ้นเรือกำปั่น โดยไม่ได้รับการยินยอมจากพ่อแม่ของเด็กๆ ชาวไร่ชาวนาผู้ยากจน เมื่อไม่สามารถทานอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของพ่อใหญ่ภู บรรดาชาวไร่ชาวนาผู้ยากไร้เหล่านั้น จึงต้องรวบรวมเงินทองของมีค่าอันน้อยนิดว่าจ้างพวกเร่ร่อนนอกกฎหมายจำนวน 5คน ให้ออกติดตามไปช่วยลูกหลานของตนประกอบด้วย อดีตพระทองสุก (โน้ต เชิญยิ้ม)ผู้ถูกทางการติดตามตัว เพราะต้องคดีศาลกงสุล ทำร้ายฝรั่งที่เข้าไปอาละวาดในวัดเมืองบางกอก จึงต้องสึกหาลาเพศและระเห็จหนีสู่ชายแดนไกล สำลี (โก๊ะตี๋ อารามบอย)เด็กโข่งผู้ชำนาญการประดิษฐ์ดอกไม้ไฟตะไลเพลิง ทว่ายังชีพอยู่ด้วยการลักเล็กขโมยน้อย เสือ (เจษฎาภรณ์ ผลดี)อดีตทหารพเนจรผู้พิสมัยการนอนและการดื่ม ระกา (พอลล่า เทเลอร์)จอมขโมยหญิงผู้ผ่านการเร่ร่อนในต่างแดนมาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ และมีความหลังซึ่งไม่ยอมปริปากบอกใคร วอก (สราวุฒิ พุ่มทอง)หมอยาพเนจรที่เคยแต่รักษาให้ใครตายเร็วขึ้น ด้วยสูตรยาผสมเองตามอารมณ์อันบรรเจิดของเจ้าตัว ขณะที่ต่างคนต่างมีนิสัยใจคอแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้ง 5ต้องเดินทางมุ่งติดตามขบวนขนส่งสินค้าของพวกลูกเรือต่างชาติ พร้อมอาวุธทรงอนุภาพและปืนใหญ่ที่รออยู่ ผ่านดินแดนเถื่อนรกร้างขอบพระราชอาณาเขต ซึ่งมีชนเผ่าต่างๆ และพวกหนีกฎหมายเร่ร่อนอาศัยอยู่ เพื่อหาทางช่วยเหลือเด็กๆ ผู้น่าสงสารเหล่านั้นกลับมาให้ได้
ไทยถีบ (2549/2006) พ.ศ. 2485 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นรุกคืบเข้าสู่เอเชียอาคเนย์ เพื่อยึดครองพื้นที่ในการทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร ประเทศไทยในเวลานั้น ยินยอมให้กองทหารญี่ปุ่นใช้เส้นทางผ่าน เพื่อลำเลียงกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังเอเชียกลาง ท่ามกลางความขัดแย้งของคนในชาติบางกลุ่ม ซึ่งประกาศขอต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นทุกรูปแบบ คม วังหิน (หมอก - ทศพร รถกิจ) จอมโจร 18 มงกุฎชื่อกระฉ่อน วางแผนปล้นครั้งใหญ่ โดยมีทองคำที่กองทัพญี่ปุ่นลำเลียง ผ่านเส้นทางเดินรถไฟทางภาคใต้เป็นเดิมพัน คม วังหิน เดินหมากเคลื่อนไหวอย่างเงียบ ๆ ดึงเอาผู้คนหลากหลายวงการเข้ามาร่วมแผนการลับ อันประกอบด้วย นักเลงคู่แค้น อย่าง ใหญ่ ท่าเรือ (ธันญ์ ธนากร), แหลม 18 อวน (สหัสชัย ชุมรุม) เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลในแถบพื้นที่ภาคใต้, นายพลสันต์ (สมเล็ก ศักดิกุล) นายทหารเจ้าเล่ห์ที่ไว้ใจไม่ได้ ขณะเดียวกัน โต ตีนหนัก (เทพ โพธิ์งาม) ผู้นำขบวนการไทยถีบ ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวกัน เป็นขบวนการใต้ดินต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น ก็รู้เรื่องขบวนรถขนทองของญี่ปุ่น และวางแผนเตรียมขัดขวางการขนทองครั้งนี้ กลุ่มไทยถีบได้รับการร้องขอจากเสรีไทยกลุ่มหนึ่ง ให้ช่วยเหลือ ซีน่า (ซาร่า เล็กจ์) สายลับฝ่ายสัมพันธมิตรที่ถูกฝ่ายทหารญี่ปุ่นจับตัวไป โดยมี แพ๊ตตี้ (อัมธิดา เงินเจริญ) สายลับสัมพันธมิตรอีกคน จะเข้ามาร่วมงานด้วย การเคลื่อนไหวของท่านนายพลสันต์ กับ สองจอมโจร ใหญ่และคม ในช่วงเวลาที่ขบวนรถไฟขนทองมูลค่ามหาศาลของญี่ปุ่น กำลังเดินทางผ่านเส้นทางประเทศไทยพอดิบพอดี ทำให้สายลับ แพ๊ตตี้เข้าใจผิดว่าใหญ่และคมเป็นหัวหน้ากลุ่มไทยถีบ จึงเข้าติดต่อตามแผนการที่นัดเอาไว้กับกลุ่มไทยถีบ และเพื่อไม่ให้แผนปล้นทองของตัวเองเปิดเผยไป จอมโจรทั้งสองจึงตกกระไดพลอยโจน จำยอมร่วมทำงานกับสายลับแพ๊ตตี้ ทั้ง ๆ ที่เวลาที่ขบวนรถไฟขนทองกำลังมาถึง และใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อโจรถูกเข้าใจผิดว่าเป็นวีรบุรุษ ทั้งฝ่ายวีรชนและจอมโจรต่างก็มีแผนการล้ำลึกอยู่ในมือ วีรกรรมระดับชาติกำลังจะเปลี่ยนเป็นความโกลาหล ทั้งฝ่ายวีรชนและจอมโจร ต่างก็มีแผนการล้ำลึกอยู่ในมือ วีรกรรมระดับชาติกำลังจะเปลี่ยนเป็นความโกลาหล เรื่องอลเวงระหว่างสองจอมโจรหนุ่มรูปหล่อ, กลุ่มไทยถีบผู้หาญกล้า, สายลับสาวสวยสองสาว รวมถึงท่านนายพลผู้ทรงอิทธิพล จะลงเอยอย่างไร...
รักจัง (The Memory) (2549/2006) รักจัง บอกเล่าเรื่องราวความรักของ ฟิล์ม (รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) นักร้องซูปเปอร์สตาร์ชื่อดัง กับ จ๋า (พอลล่า เทเลอร์) ปาปารัสซี่สาว ที่ตามถ่ายภาพฟิล์มถึงอำเภอปาย เพื่อเอาไปขายให้กับสำนักพิมพ์ แต่แล้วฟิล์มก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง รถของฟิล์มตกเขาจนทำให้ฟิล์มความจำเสื่อม แต่ฟิล์มได้รับความช่วยเหลือจาก ลอซู (อื้ด โปงลางสะออน) โดยมี อาล่า (ลาล่า โปงลางสะออน) และอาลู่ (ลูลู่ โปงลางสะออน) และเมื่อจ๋าเจอฟิล์มอีกครั้งและได้รู้ว่าฟิล์มความจำเสื่อม จ๋าจึงได้โอกาสสร้างข่าวเพื่อขายให้กับสำนักพิมพ์ แต่เมื่อจ๋ารู้จักฟิล์มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกของเธอกับฟิล์มนั้นเปลี่ยนไป แต่เมื่อความจำของฟิล์มกลับคืนมา จึงทำให้ฟิล์มหลงลืมความทรงจำระหว่างเขากับจ๋า จนเหลือเพียงความทรงจำที่เลือนลาง ที่รอคอยวันที่ความทรงจำเหล่านั้น กลับคืนมา

เรื่องย่อ : โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง (2549/2006) บางกอก เมื่อ พ.ศ. 2466 ลิเกกำลังเสื่อมความนิยม มหรสพใหม่ที่เรียกกันว่า “ภาพยนตร์” หรือ “หนัง“ กำลังเป็นที่จับตามอง แม้ในแง่กลุ่มคนดูจะไม่ได้แย่งกันอย่างเด่นชัด แต่ในแง่ศักดิ์ศรีของความเป็นมหรสพพื้นบ้านที่สืบสานต่อกันมาจนเป็นมรดกของชาติบัดนี้กลับถูกมหรสพต่างชาติรุกราน เมื่อวิกลิเกต้นไทร ท้ายวัดสระเกศ วิกลิเกที่ยอมรับกันว่ามีคนดูอยู่ในอันดับต้นๆ ของบางกอก เพราะติดใจในเรื่องราวที่ผูกขึ้นมาไม่ซ้ำใคร และลีลาของ “บุญเท่ง” (เท่ง เทิดเถิง) กับ “ลิ้นจี่” (ฝ้าย-อิสรีย์ สงฆ์เจริญ) คู่พระนางสายเลือดแท้ๆ ของ “นายแดง” (อุดม ชวนชื่น) เจ้าของวิก ทำให้วิกลิเกแห่งนี้ยังคงสร้างความสำราญอยู่ได้ จนมีจดหมายจากทางการขอความร่วมมืออำนวยความสะดวกให้กองถ่ายภาพฉายหนังเรื่อง “นางสาวสุวรรณ” กำลังจะมาใช้สถานที่ซึ่งมีต้นไทรและภูเขาทองมองเห็นเป็นเบื้องหลังโดยจำเป็นต้องรื้อวิก บุญเท่งและ “ชาวคณะ” (นุ้ย เชิญยิ้ม, กิ๊บ โคกคูน) ไม่ยอมถึงกับประกาศกร้าวให้ “สยามต้องเลือกว่าถ้ามีนางสาวสุวรรณต้องไม่มีลิเกต้นไทร” แน่นอน สยามเลือก “นางสาวสุวรรณ” การต่อต้านขัดขวางทุกรูปแบบจึงได้เริ่มขึ้น โดยมี “น้อยโหน่ง” (โหน่ง ชะชะช่า) นักเลงคุมถิ่นที่มาติดพันลิ้นจี่น้องสาวบุญเท่งเข้าร่วมด้วย เรื่องราวคงจบลงโดยง่าย ถ้านางเอกที่แสดงเป็นนางสาวสุวรรณ ไม่ใช่คนเดียวคนนั้นที่บุญเท่งเฝ้าฝันถึง เธอชื่อ “นวลจันทร์” (นิกัลยา ดุลยา) บุญเท่งต้องเลือกระหว่างชาวคณะลิเกกับนวลจันทร์ ส่วนน้อยโหน่งยังไงก็เลือกลิ้นจี่อยู่แล้ว แต่ถ้าการขัดขวางนี้ไม่สำเร็จความรักของเขาก็หมดอนาคตด้วย เรื่องราวของความรักบนศักดิ์ศรีแห่งความเป็นศิลปิน บุญเท่งและน้อยโหน่งจำต้องทำตัวเป็นนักเลง เตรียมตัวนับถอยหลังประกาศสร้างความฮาแบบไม่เกรงใจ ปูพรมยืนยันฉาย “โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง” พร้อมกันทั่วประเทศ 30 มีนาคม 2549

น้ำพริกลงเรือ (2549/2006) น่านน้ำอ่าวไทยทะเลฝั่งตะวันออก ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ ดินแดนนี้มีปัญหามากในการลักลอบขนถ่ายสินค้าเถื่อน ยาเสพติด และอาวุธสงคราม ผู้ค้ารายใหญ่ที่ราชนาวีจับตามอง แต่ยังไม่สามารถจับได้คาหนังคาเขา เพราะมีเครือข่ายในการทำงานกว้างขวาง ซึ่งเป็นของ เสี่ยเม้ง (สมชาย ศักดิกุล) และ มิสเตอร์ยูริ (แบล็ค ผมทอง) จากญี่ปุ่น ซึ่งการขนถ่ายนี้จะมาทางทะเลอ่าวไทย แล้วมาแอบไว้ที่เกาะ และยังไม่สามารถสืบได้ว่าเป็นเกาะที่ไหนด้วย เหตุนี้ทางกองทัพเรือจึงได้รับหมอบหมายจากทางรัฐบาลให้จัดหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อจับเสี่ยเม้งและมิสเตอร์ยูริให้ได้ หมายปราบขบวนนี้ให้สิ้นซาก ผู้พันกุ้ง (โน้ต เชิญยิ้ม) ได้ถูกเรียกตัวเข้ามารับหน้าที่ ในการทำงานชิ้นนี้ โดยท่านผู้บัญชาการทหารเรือได้จัดบุคคลที่จะร่วมงานกับผู้พันกุ้งให้ด้วยและให้ไปตามตัวมา เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นอดีตทหารมือดีของกองทัพเรือที่ออกจากข้าราชการไปแล้ว ประกอบด้วย หมูหวาน (อัมรินทร์ นิติพน) เป็นมือเฮกเกอร์ข้อมูล ชำนาญในการโกงพนันทุกชนิด คนที่สองคือ ต้นหอม (เบญจพล เชยอรุณ) ทหารหน่วยนาวิกโยธิน เก่งในการดำน้ำ และอึดมากแต่เพราะจิตใจเป็นผู้หญิง จึงลาออกจากราชการมาเป็นนักเต้นทิฟฟานี่ คนที่สามคือ ไข่เค็ม ( เกริก ชิลเลอร์) มือระเบิดที่ออกจากราชการเพราะภารกิจผิดพลาด ทำให้เพื่อนร่วมทีมเสียชีวิต คนที่สี่คือ ไต๋ก๋งกะปิ (อี้ด โปงลางสะออน) นักแม่นปืน มีความชำนาญเรื่องน่านน้ำไทย อย่างหาตัวจับยาก และสุดท้ายคือ ผู้กองพริก (ศุภักษร ไชยมงคล) หญิงสาวหนึ่งเดียวที่เก่งกาจในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า และตั้งชื่อชุดปฎิบัติการนี้ว่า น้ำพริกลงเรือ ทั้งหมดรับงาน โดยมีรางวัลเป็นส่วนแบ่ง จากค่าหัวที่ทางการต่างประเทศตั้งไว้ ผู้พันกุ้งได้พาทีมน้ำพริกลงเรือทั้งหมดมาเก็บตัว และฝึกเพื่อให้ร่างกายได้พร้อมที่จะทำงาน และเมื่อถึงเวลาที่จะปฎิบัติงาน ทั้งหมดบุกไปที่เกาะซึ่งเสี่ยเม้งจัดงานปาร์ตี้สาวประเภทสองบังหน้า กลุ่มน้ำพริกลงเรือจึงต้องปลอมตัวเป็นสาวประเภทสองปะปนเข้าไปในงาน และใช้ความสามารถจนจัดการเสี่ยเม้งและพรรคพวกลงได้ งานนี้ทีมน้ำพริกลงเรือประสบความสำเร็จแต่พวกเขาก็ ต้องแลกกับชีวิตเพื่อนร่วมทีมไป......
แค่เพื่อนค่ะพ่อ (2549/2006) มีน เด็กหนุ่มวัยรุ่น อายุ 16 ปี ได้ย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ มาอยู่ต่างจังหวัด เนื่องจากอาชีพของพ่อมีน ด้วยความที่มีนค่อนข้างจะเรียบร้อยจนดูว่าไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใครเขา แถมยังเป็นเด็กจากกรุงเทพเสียอีก จึงเป็นจุดสนใจของเด็กนักเรียนเจ้าถิ่นอย่างอู๊ด แอนด์ เดอะแก๊งค์ อันประกอบไปด้วย อู๊ด เด็กหนุ่มหัวโจก แม้ว่าภายนอกจะดูค่อนข้างเกเร แต่ก็มีจิตใจดี รักยายตัวเองเป็นที่สุด, ตี๋ ลูกไล่ของอู๊ด และแว่น นักประดิษฐ์ประจำกลุ่ม คอยกลั่นแกล้งสารพัด มาวันหนึ่งมีนได้ช่วยเหลือย่าของอู๊ดจากการเป็นลมไว้จึงทำให้ทั้งสองเริ่มเข้าหากัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทต่อมา เช่นเดียวกับวัยรุ่นทั่วไป มีนไปชอบเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อฟาง ฟางเป็นนางรำของโรงเรียนและสิ่งนี้เองที่เป็นสาเหตุให้มีนแอบชอบฟางนับแต่เห็นครั้งแรก แต่ว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายดายนัก เพราะว่าการจะเข้าให้ถึงฟางนั้นต้องผ่านด่านสาหัสมาให้ได้ก่อน ซึ่งก็คือ กำนันเปี๊ยก พ่อของฟางนั้นเอง เนื่องจากฟางเป็นลูกคนเดียว กำนันเปี๊ยกจึงให้ความดูแล ทะนุทนอมอย่างมาก แม้ว่าฟางเองจะดูมีใจให้กับตัวมีนไม่ใช่น้อย ภาระสำคัญจึงต้องตกมาเป็นหน้าที่ของอู๊ดและเพื่อนในการหาวิธีให้มีนผ่านกำนันเปี๊ยกไปให้ได้ ทั้งช่วยงานในฟาร์ม สรรหาวิธีหลอกล่อสารพัด จนกระทั่งเป็นเหตุให้กำนันเปี๊ยกเสียหน้าครั้งใหญ่ต่อหน้าครูอาจารย์ พาลโมโหถึงขนาดไม่ให้ลูกสาวมาโรงเรียนเพื่อจะได้ไม่ต้องมาเจอกับมีนอีก ถึงมีนจะยังคงเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเพียงใด มีนก็ยังคงพยายามหาหนทางเพื่อให้เขาและฟางได้กลับมาพบหน้าพูดคุยกันอีกครั้ง แล้วมีนก็ได้ตระหนักว่าอุปสรรคครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่พ่อของฟางอีกต่อไป แต่อยู่ที่ตัวของฟางเองต่างหาก!!!
ไฉไล (2549/2006) กับภารกิจลับสุดยอด ฮาสุดขั้ว ยั่วยวนสุดเดช แอคชั่นสุดเผ็ดร้อน “ชบา” เปิ่น กล้า บ้าบิ่น ตะหลิวสารพัดพิษ “กุหลาบ” เสน่หา เย้ายวน หนามยอกอก “ดอกบัว” สวยพิฆาต คมดาบบาดใจชาย “โป๊ยเซียน” กังฟูขนานแท้ ศิษย์เอกเกิดมาลุย “หน้าวัว” ช้างสารทลายศึก พลังอึดไร้เทียมทาน พวกเรา “พยัคฆ์สาว 5 พันธุ์ไม้” ฮีโร่พันธุ์ใหม่ พร้อมปฏิบัติการปราบปรามเหล่าร้าย
ข้าวเหนียวหมูปิ้ง (2549/2006) คู่นี้หนุงหนิงแนบแน่นไม่ใช่แฟนแต่มากกว่าเพื่อน เรื่องเล่ามิตรภาพของเด็กหญิงวัย 8 ขวบกับเจ้า Dog ตัวจิ๋ว หนีบลูกซึ้งส่งเสียงโฮ่งๆ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคุณ กะเทาะสายใยแห่งมิตรภาพความรู้สึก ที่ครั้งหนึ่งเด็กๆ ทุกคนเคยมีให้กับเพื่อนแท้ 4 ขา สำหรับ “ข้าวเหนียว” (นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) แล้ว การที่จู่ๆ “แม่บี” (สินิทธา บุณยศักดิ์) พาข้าวเหนียวมาฝากไว้ที่บ้านญาติๆ โดยไม่ทันตั้งตัว ข้าวเหนียวอดน้อยใจแม่บีไม่ได้จริงๆ นะ ถึงแม้ว่าในบ้านหลังใหม่จะมีญาติๆ ของแม่อยู่กันตั้งหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “ยายอุ่น” (มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา), “ป้าเกด” (เนาวรัตน์ ซื่อสัตย์), “อาเปี๊ยก” (เปี๊ยก ดีเจสยาม) แต่ทำไมนะข้าวเหนียวยังรู้สึกเหงาอยู่เลย ก็คงมีแต่ “น้าเล็ก” (พัชรศรี เบญจมาศ) นี่แหละที่ข้าวเหนียวรู้สึกสนิทหน่อย อาจจะเป็นเพราะน้าเล็กแกคงรู้ว่าข้าวเหนียวเหงาและอดคิดถึงแม่ไม่ได้นั่นเอง เหมือนอย่างเคยวันนี้ข้าวเหนียวโดดเรียนอีกแล้ว ข้าวเหนียวเดินเรื่อยเปื่อยไปแถวสยามเห็นคนซื้อหมูปิ้ง แต่ที่น่าแปลกใจมีเจ้าหมาน้อยตัวสีน้ำตาลท่าทางมันดูน่าสงสารเหมือนข้าวเหนียวเลย มันคงหิวนะ เห็น ส่งเสียงร้องขอกินหมูปิ้งจากคนขายและคนซื้อที่ยืนอยู่ ดูๆ ไปข้าวเหนียวว่าหน้าตามันตลกดี ปากมอมๆ สีดำ ท่าทางน่ารักจัง คิดแล้วก็อยากเป็นเพื่อนกับมัน ข้าวเหนียวเลยตัดสินใจอุ้มมันใส่กระเป๋าเอากลับไปบ้านด้วยดีกว่า อย่างน้อยถึงมันไม่มีใครมันก็ยังมีข้าวเหนียว เอางี้นะ ข้าวเหนียวจะตั้งชื่อมันว่า “หมูปิ้ง” “ข้าวเหนียวกับหมูปิ้ง” ฟังดูน่ารักดี แต่ไม่ใช่ว่าข้าวเหนียวจะเลี้ยงหมูปิ้งได้ง่าย ๆ นะ เพราะน้าเล็ก เคยบอกว่า ที่บ้านคับแคบแล้วยายอุ่นเองก็แพ้ขนหมาด้วย คงเลี้ยงหมาไม่ได้ ยังไงก็ตามข้าวเหนียวจะไม่มีวันทิ้งหมูปิ้ง ข้าวเหนียวตัดสินใจเอามันขึ้นไปเลี้ยงบนดาดฟ้าดีกว่า เวลาหมูปิ้งส่งเสียงจะได้มีใครรู้ และทุกๆ วันข้าวเหนียวก็จะเอาหมูปิ้งใส่กระเป๋าไปโรงเรียนด้วยกัน อีกอย่างข้าวเหนียวไม่อยากให้หมูปิ้งอยู่คนเดียว เพราะแถวบ้านชอบมีพวกจับหมามาด้อมๆ มองๆ ด้วย แต่แล้ววันหนึ่งฝนตกหนักมาก หมูปิ้งที่อยู่บนดาดฟ้าเลยไม่สบาย ข้าวเหนียวตัดสินใจทุบกระปุกพี่หมูเอาเงินพาหมูปิ้งไปหาหมอ หลังจากนั้นที่บ้านก็รู้กันว่าข้าวเหนียวแอบเลี้ยงหมูปิ้ง น้าเล็กบอกว่ายายอุ่นแพ้ขนหมา จะเอาหมูปิ้งไปปล่อย แต่ข้าวเหนียวขอร้องไว้ว่ารอให้มันหายจากไข้ก่อนได้ไหมน้าเล็ก แม่บีจ๋า ข้าวเหนียวคิดถึงแม่บีจัง เมื่อไรแม่บีจะกลับมา น้าเล็กจะเอาหมูปิ้งไปปล่อยไหมเนี้ยะ
วาไรตี้ ผีฉลุย (2548/2005) “ต้อม เป็นเลิศ” ผู้มีความฝันที่จะเป็นผู้กำกับหนังใหญ่ฉายโรงใหญ่ๆ เหมือนกับอีกหลายๆ ต้อมที่ได้เป็นกันไปแล้ว แต่ความฝันก็คือความฝันที่เป็นได้เพียงแค่ความฝัน ถึงแม้ต้อมจะไม่ได้เป็นอย่างในฝัน แต่ในโลกแห่งความจริง ต้อมก็ยังโชคดีที่มีเพื่อน “ติ๊ก, ดู๋, แป่ว, เน็ก และ น้องลูกหมี” เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมโลกที่เขารู้จัก ทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงที่ยังไงก็ไม่สวยงามเหมือนความฝันอยู่แล้ว เขาจึงกลับมามีความสุขและสนุกกับโลกแห่งความจริงได้อีกครั้ง “ต้อม เป็นเลิศ” (หม่ำ จ๊กม๊ก-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) เป็นผู้กำกับหนังสั้นระดับมือรางวัลหลายสถาบันรับรอง แต่เมื่อเขาคิดจะขยับมาลองกำกับหนังใหญ่และยาวกว่าเดิมในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำจึงไม่ใช่ของง่าย เพราะลำพังแค่จะกินให้ครบ 3 มื้อก็ยังยาก แถมที่เป็นปัญหาใหญ่สุดอีกอย่างของต้อมคือเขาเป็นคนที่เกลียดและกลัว “ผี” มากๆ ในขณะที่ตลาดทั่วโลกเวลานี้เป็นเวลาที่หนังผีกำลังบูมสุดๆ เส้นทางชีวิตของต้อมจึงสวนทางกับความสำเร็จอย่างช่วยไม่ได้ “ดู๋-ปัญญา นิรันดร์กาล” (เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม) โปรดิวเซอร์รายการทีวีวาไรตี้ เจ้าของบริษัท “Work 100” ที่กำลังเข้าตาจนสุดๆ เพราะเมื่อรายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” รายการแรกในรอบ 10 ปีของเขาผ่านการอนุมัติจากช่อง ทีมงานคู่บุญทั้งหมดของดู๋ดีใจมากฉลองกันจนสว่างที่ภูเก็ต เลยโดนคลื่นสึนามิกวาดลงทะเลไปหมด ดู๋จำเป็นต้องหาทีมงานใหม่มาแทนอย่างเร่งด่วนชนิดชั่วโมงเดียวได้ และต้องมีคุณสมบัติพิเศษคือ ไม่เรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ ที่พึงมีพึงได้ นอกจากที่กินที่นอนและความเป็นเพื่อนเท่านั้นที่ดู๋ยังมีเหลืออยู่ “ติ๊ก เดอะสตาร์” (ติ๊ก กลิ่นสี-ชาญณรงค์ ขันทีท้าว) เพื่อนซี้หารสองค่าเช่าห้องเดียวกันกับต้อม มีอาชีพเป็นตัวประกอบอดทนและทนอดให้กับการแสดงทุกชนิดในประเทศไทย ติ๊ก เดอะสตาร์คือไข่มุกเนื้องามที่รอวันเจียรไน ติ๊กหวังว่าจะมีผู้กำกับตาถึงและใจถึงมาค้นพบไม่วันใดก็วันหนึ่ง และเมื่อวันที่ต้อมและดู๋มาทาบทามให้ไปเป็นพิธีกรภาคสนามรายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” จึงเป็นโอกาสดีที่ติ๊กไม่ยอมปล่อยให้หลุดลอยเป็นเด็ดขาด “น้องแป่ว” (เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร) นักศึกษาเพิ่งจบสดๆ ชิลล์ๆ เธอเป็นหลานคนเดียวของดู๋เจ้าของบริษัท Work 100 ซึ่งกำลังขาดทีมงานพอดี น้องแป่วจึงโชคดีไม่ต้องตกงานเหมือนเพื่อนๆ อีกหลายคน เธอเหมาโหลเป็นทั้งเลขา ผู้ช่วย ผู้จัดการกอง และอีกหลายๆ ตำแหน่งที่ว่างอยู่พร้อมๆ กันทีเดียวเลย ถึงแม้ว่าเธออาจจะยังน้อยประสบการณ์ แต่หากขาดเธอผู้ซึ่งมีคติประจำใจว่า “กลัวอดมากกว่ากลัวผี” รายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” อาจจะ Stop ตั้งแต่ยังไม่ Start ก็เป็นได้ “Supernext” (ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง) ศิลปินใหม่แกะกล่องของค่ายเฮียกู๋ยักษ์ใหญ่วงการเพลง อนาคตจึงต้องได้เป็นนักร้องดาวรุ่งขวัญใจวัยโจ๋คนล่าสุดอย่างไม่มีข้อสงสัย โดยเฉพาะกับอัลบั้มชุด“ไม่กลัวผี” Supernextจึงต้องมาเป็นพิธีกรรับเชิญภาคสนามคู่กับ “ติ๊ก เดอะสตาร์” เพราะคอนเซปต์ของเพลงแมตช์กับรายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” มั้กๆ เมื่อหลังชนฝาหมาจนตรอกด้วยกันทุกคน การช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างเพื่อนครั้งนี้จึงไม่ต่างจากการช่วยตัวเอง (Self Service) กฎเกณฑ์นี้ส่วนใหญ่จะมีใช้กันเฉพาะร้านอาหารฟาส์ตฟูดจากตะวันตก แต่ปัจจุบันนี้ก็แพร่หลายได้รับการยอมรับไปแล้วทั่วโลก จึงเป็นเรื่องอินเทรนด์ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่อย่างไร “น้องลูกหมี” (แจ็ค แฟนฉัน-เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์) ยินดีเสิร์ฟน้ำทุกที่ที่มีนักร้องหรือดาราขวัญใจวัยกรี๊ด ค่าแรงรายวันไม่สำคัญสำหรับเธอ ขอเพียงไห้มีโอกาสได้ใกล้ชิดศิลปินคนโปรดแถมได้ลายเซ็นมานอนกอดก็ถือเป็นความสุขที่สุดของชีวิตเด็กเสิร์ฟน้ำอย่างเธอแล้ว ทุกคนต่างเพศ ต่างวัย ต่างความคิดกัน แต่มีอย่างเดียวที่เหมือนกันคือ “กลัวผี” วันนี้พวกเขาและเธอจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อรับมือกับผีและต่อยอดความฝันของแต่ละคนกับรายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” วัดไหน ตึกไหน บ้านไหน ซอกไหน ซอยไหน มีข่าวว่าเฮี้ยน ลือกันว่าผีดุ พวกเขาจะเสี่ยงตายเอาชีวิตเข้าแลก บุกไปค้นไปถ่ายไปตามล่าหาผีตัวเป็นๆ มา On Air ให้ผู้ชมได้เสียวได้เกร็งกันถึงห้องนอน เมื่อรายการทีวี “Ghost Variety คน ค้น ผี” ได้ออนแอร์ก็ประสบความสำเร็จมีเรตติ้งสูงสุด พร้อมกับได้รับรางวัลต่างๆ จากภาครัฐทุกองค์กรทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องมากมาย ผลงานมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก บวกกับได้รับความร่วมมือและช่วยเหลือจากโปรดิวเซอร์ใหญ่และเพื่อนๆ ต้อมจึงได้เป็นผู้กำกับหนังยาวและใหญ่สมความตั้งใจในที่สุด
In the Name Of the Tiger เสือภูเขา (2548/2005) บนยอดเขาสูง มีรูปสลักหัวเสือขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านครอบคลุมศาลเจ้าพ่อเสือดำ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี เสมือนเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในเมืองหลัก ศูนย์กลางแห่งหุบเขาปกครองโดย 2 ผู้มีอิทธิพล คือ นายหัวจเย และ ท้าวไลข่าน ซึ่งแก่งแย่งต้องการ เป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ขณะที่ 2 ฝ่ายยกพวกปะทะกัน จู่ๆภูเขาที่รายล้อมเมืองได้ถล่มลงมา เมื่อภูเขาสงบลง นายหัวจเยได้พาร่างกายสะบักสะบอมไปไหว้ ศาลเจ้าพ่อเสือดำ เพื่อขอบคุณที่ช่วยให้รอดตาย ทันใดนั้นได้ปรากฏร่างชายคนหนึ่งชื่อ เล่าทง ซึ่งอยู่สภาพหิวโซ เข้ามากินของเซ่นไหว้ นายหัวจเยสั่งให้ลูกน้องจัดการ แต่กลายเป็นว่าถูกเล่าทงเล่นงานกลับอย่างรวดเร็ว ด่างลี ชายตัวสั้นจอมกะล่อน ผู้มีหน้าที่เฝ้าศาลจึงได้อุปโลกว่า เล่าทง คือ คนที่เจ้าพ่อเสือดำส่งมาช่วยนายหัวจเยตามคำขอ เพราะท่าทางของเล่าทงที่นั่งคร่อมบนหัวเสือ ไปสอดคล้องกับภาพวาดโบราณในผนังถ้ำ เล่าทง ยอมเข้าไปพวกนายหัวจเยเพื่อแลกกับทองคำ ขณะเดียวกันก็แอบรับทองจากพวกไลข่าน โดยยอมเข้าเป็นพวกเช่นเดียวกัน แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเล่าทงได้พบกับ ไหมท้อ สาวกะเหรี่ยงคอยาว ซึ่งถูกพวกของท้าวไลข่านรังแก อีกทั้งยังมี แฝดนรก ยอดฝีมือจอมโหด และ 7 เทพบุตรแดนใต้ ผู้มีใบหน้าราวกับผี กำลังเดินทางมา กำจัดเล่าทง ด้วยเช่นกัน ภารกิจของเล่าทงเพื่อ ช่วยเหลือชนเผ่าคอยาว ไม่ให้ล่มสลายจากการถูกล้างเผ่าพันธุ์ กับการเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของ แฝดนรก และ 7 เทพบุตรแดนใต้ จึงเริ่มต้น
Ahingsa Stop to Run อหิงสา จิ๊กโก๋ มีกรรม (2548/2005) อหิงสา (บริวัตร อยู่โต) จิ๊กโก๋เดินดินนายหนึ่ง เกิดมาในยุคสมัยที่โลกหมุนเร็วรี่ด้วยไฮ-สปีดอินเตอร์เน็ต สื่อมวลชนกำลังแตกตื่นกับผลเสียของการตัดต่อพันธุกรรม สมัยเด็กอหิงสาเคยป่วยหนัก หมอโรงพยาบาลรักษาไม่ได้ พ่อแม่เลยพาอหิงสาไปรักษาด้วยพิธีเหยียบเสน ศาสตร์ลี้ลับที่ไม่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ โตเป็นหนุ่ม อหิงสาใช้ชีวิตสุดขั้วอยู่ในหมู่เพื่อนเพี้ยนๆ อย่าง อุโฆษ (ปริญญา งามวงศ์วาน) และ ไอน์สไตน์ (จอนนี่ อันวา) อหิงสาโดนรังควาญไม่หยุดหย่อน จาก "ไอ้เวรกรรม" (ธีรดนัย สุวรรณหอม) ไอ้บ้ามาจากไหนไม่รู้ แค่เห็นหน้ามันก็ปวดประสาท บ้าสีแดง หัวจรดเท้ามีแต่สีแดง รองเท้าแดง เสื้อแดง หัวแดง มันคอยโผล่มาว่าแดกดัน ประชดกวนบาทาก็เท่านั้น ยียวนกวนประสาทไม่เลิกรา พอถามกลับว่า "มึงเป็นใคร?" ดันตอบว่า เป็นไอ้เวรจริงๆ แล้วไอ้เวรหัวแดงนี้ อหิงสาสู้กับ ไม่มีวันชนะ มือหนัก ตีนยิ่งหนัก บทลงไม้ลงมือก็เล่นแรงๆ เล่นของหนัก ไม้หน้าสามงี้ ขับรถบี้งี้ กระทืบเอากันถึงตาย ไม่ว่าอหิงสาจะควบหนีสุดฝีเท้าขนาดไหน "ไอ้เวร" นี่ ก็ยังกวดไล่มาติดๆจ่อเข้ามาชนิดหายใจรดต้นคอได้ทุกที ราวกับฟ้าสร้างให้มันรู้ทันอหิงสาไปทุกย่างก้าว "พัทยา" (ธรัญญา สัตตบุศย์) คุณหมอคนสวย มีแฟนเป็นตำรวจ "มารุต" (กิรเดช เกตกินทะ) ชีวิตหญิงสาวพรั่งพร้อมดูดีอย่างพัทยา ไม่น่าจะมาข้องแวะกับจิ๊กโก๋อย่างอหิงสาได้ แต่ก็คล้ายมีบางอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว อหิงสากำลังเจอกับอะไรกันแน่? เวรกรรม, ความรัก? หรือทั้งสองอย่าง? จริงอยู่... เวรกรรมของใครของมัน ต้องสู้กันเอาเองถึงจะสู้กับ ไม่เคยชนะ แต่งานนี้ต้องหันหน้าสู้เท่านั้น !
Dear Dakanda เพื่อนสนิท (2548/2005) คุณเคยแอบรัก "เพื่อน" มั้ย? กว่า 1500 กิโลเมตร จากทิวเขาและไอหมอกในจังหวัดเชียงใหม่ สู่ไอน้ำเค็มของหมู่เกาะพะงัน จังหวัด สุราษฏ์ธานี ความรักของ ไข่ย้อย หนุ่มนักศึกษาศิลปะ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นสองครั้งสองครากับ เพื่อนสองคน ที่เชียงใหม่ ไข่ย้อย คือ หนุ่มเมืองกรุงฯ จากโรงเรียนชายล้วนที่แสนขี้อาย เขาไม่กล้าคุยกับผู้หญิง พูดตะกุกตะกักทุกครั้งที่มีสาวๆ เข้ามาทัก เป็นเหตุให้ต้องคอยหลบเลี่ยงอยู่เสมอ จนกระทั่งหญิงสาวท่าทางสดใส กระฉับกระเฉงเกินมาตราฐานสาวเหนือทั่วไปเข้ามาสมัครเป็นเพื่อน เธอชื่อ ดากานดา ซึ่งสำหรับไข่ย้อย ช่างเป็นชื่อที่แปลก แต่มีเสน่ห์สมตัวเจ้าของเป็นที่สุด ไข่ย้อยแอบหลงรักดากานดา แต่ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท เพราะดากานดามีคนที่เธอรักซึ่ง ไม่ใช่เขา ที่พะงัน ไข่ย้อย คือ หนุ่มศิลป์จากเชียงใหม่ ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเป็นคนไข้ถึงสถานีอนามัยแห่งเดียวบนเกาะ ไข่ย้อย พลัดตกจากดาดฟ้าเรือขาหักจากการพยายามขึ้นไปเล่นบทพระเอกมิวสิกวิดีโอ ท่ามกลางคนแปลกถิ่นหน้าเข้ม พูดจาเร็วปรื๋อ ไข่ย้อยได้ พยาบาลสาวตาโต ยิ้มเก่งเป็นคนคอยดูแล เธอชื่อ นุ้ย ซึ่งสำหรับไข่ย้อย รอยไมตรีที่เธอจ่ายให้เขาบ่อยกว่าจ่ายยา ทำให้เขาสมัครเป็นคนไข้ไม่มีกำหนดหายอย่างเต็มใจ ไข่ย้อยรู้ว่านุ้ยมีใจให้เขา แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท บางทีเธอคงรู้ว่า เขามีคนที่รักซึ่ง ไม่ใช่เธอ ความรักของคนสามคน เกิดขึ้น สองสถานที่ สองเวลา ความรักของคนคู่ใดจะก้าวพ้นคำว่า เพื่อนสนิท ความรักของไข่ย้อย จะจบลงที่ไหน ภูเขา หรือ ทะเล