โม่งแดง (2501)
โม่งแดง (2501/1958) นิสา กับ ดาริน สองพี่น้องลูกสาวของดนัยและอุษา ซึ่งเป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ต้องพบกับจุดพลิกผันในชีวิตเมื่อ อมาวดี ก้าวเข้ามาเป็นเลขาของ ดนัย อมาวดีเป็นสาวสวยมีเสน่ห์ อมาวดีใช้ความสวยของตัวเองหลอกล่อหว่านเสน่ห์จนดนัยหลงใหล และมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับอมาวดีอย่างลับๆ โดยอมาวดีมีจุดประสงค์ที่จะได้ครอบครองธุรกิจบันเทิงที่มีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์นับพันล้านบาทของดนัย อมาวดีวางแผนฆ่าอุษาก่อนจะเข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของนิสากับดารินอย่างเต็มตัว อมาวดีเริ่มเข้ามามีบทบาทในรายการโทรทัศน์ของดนัย อมาวดีคิดการใหญ่หวังจะฮุบสมบัติทั้งหมดของดนัยด้วยการวางแผนฆ่าให้เหมือนกับเป็นอุบัติเหตุรถตกเหว ดนัยพยายามช่วยนิสาและดารินจนออกมาจากรถได้สำเร็จ แต่ตัวเองต้องตาย ด้านนิสากับดารินที่รอดชีวิตพากันหนีและได้พบกับ ยามาดะ เจ้าพ่อยากูซ่าแก็งค์มังกรแดงที่กำลังถูกตามล่าจากแก็งค์ยากูซ่าพยัคฆ์ดำ นิสาช่วยยามาดะหลบหนี ทำให้ยามาดะประทับใจในความฉลาดมีไหวพริบและความกล้าของนิสา ยามาดะจึงตัดสินใจอุปถัมภ์นิสากับดารินและพานิสากับดารินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ญี่ปุ่น นิสาผู้ซึ่งในใจคุกรุ่นไปด้วยความแค้นในสิ่งที่อมาวดีทำกับครอบครัวของตน ได้ขอร้องให้ยามาดะฝึกสอนศิลปะวิชาต่อสู้ให้อย่างลับๆ โดยไม่ให้ล่วงรู้ไปถึงดาริน นอกจากนี้นิสายังขอร้องให้ยามาดะปกปิดเรื่องแก็งค์ยากูซ่าและดูแลดารินอย่างเด็กปกติทั่วไป สิบกว่าปีผ่านไป ดาริน เติบโตเป็นหญิงสาวร่าเริงแจ่มใส แก่นแก้ว ช่างพูดช่างเจรจา ลืมเรื่องอดีตไปจนหมด ในขณะที่นิสาเป็นสาวสวยที่สุขุมเยือกเย็น แต่อีกด้านหนึ่งที่
ไกรทอง (2501)
ไกรทอง (2501/1958) ไกรทอง เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย กองสวัสดิการกรมตำรวจ กำกับการแสดงโดย อ. อรรถจินดา (พ.ต.ท. อรรถ อรรถจินดา) และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิทานพื้นบ้านของไทย โดยเนื้อเรื่องภาพยนตร์เรื่องนี้จะเหมือนกับในหนังสือนิทาน

ชาติเสือ (2501/1958) สู้เมื่อรู้ตัวว่าจะตาย ตายเสียดีกว่าที่จะรู้จักคำว่าแพ้ นี่คือไวย ศักดา ผู้เกิดมาไม่กลัวใคร

ขบวนเสรีจีน (2501)

ขบวนเสรีจีน (2501/1958) สุเทพ-มิสคูมี่ ข้อความบนใบปิด คันจราภาพยนตร์ ภูมิใจที่ได้เสนอภาพยนตร์พูดไทย มาตรฐาน 35 ม.ม. ประวัติศาสตร์จีนต้องจารึกไว้ ด้วยเลือดและน้ำตา เมื่อญี่ปุ่นบุกเซี่ยงไฮ้ ขบวนนักศึกษาจับกลุ่มวางแผนใต้ดิน เพื่อปลดแอก... ขบวนเสรีจีน จากบทประพันธ์ของ สด กูรมะโรหิต ภาพยนตร์ชีวิตรัก รบดุเดือดจากเรื่อง ซึ่งเกิดขึ้น เมื่อค.ศ.1937 รวมดารานักร้องและนักแสดงมากมาย มิสคูมี่, (สุเทพ วงศ์กำแหง), (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), สวลี ผกาพันธุ์, ชาลี อินทรวิจิตร, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), จรูญ สินธุเศรษฐ์, อดิศักดิ์ เศวตนันท์, อดิเรก จันทร์เรือง, ม.ร.ว.ประสิทธิศักดิ์ สิงหรา, ชาญ เย็นแข, ไกร ภูติโยธิน, วิเชียร ภู่โชติ, สมบูรณ์ มหาพิชยะกุล มิสคูมี่ พูดไทยตลอดเรื่อง เทวะมิตร์ อำนวยการสร้าง ลัดดา สารตายน กำกับการแสดง ประสาท สุขุม ถ่ายภาพ 

 
อำนาจกับอำนาจ (2501)
อำนาจกับอำนาจ (2501/1958) อำนาจกับอำนาจ เป็นภาพยนตร์สีธรรมชาติ 16 มม. ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย ศรีบูรพาภาพยนตร์ โดยมี พุฒ ภักดีวิจิตร เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย สดศรี บูรพารมย์ ถ่ายภาพ-ลำดับภาพโดย ฉลอง ภักดีวิจิตร และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา - นิทรา - สายัณห์
เหยี่ยวราตรี (2501)

เรื่องย่อ : เหยี่ยวราตรี (ตอนหน้ากากผี) (2501/1958) แมน ดำเกิงเดช คุณพ่อของเขามีศักดิ์เป็นพระยาครอบครองทรัพย์สมบัติมากมาย แมนเป็นลูกชายคนเดียวได้รับมอบหมายให้สืบทอดกิจการทั้งหมด เขาถูกคุณพ่อส่งไปเรียนที่ยุโรปตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ชะตาชีวิตผลิกผัน แมนประสบอุบัติเหตุตกจากม้าจนหลังหักและสมองได้รับความกระทบกระเทือน จากชายหนุ่มรูปงามกลายเป็นชายปัญญาอ่อน หลังพิการ ขาเป๋ คุณพ่อของเขาพยายามหาหมอมือดีมารักษาแต่ก็ไม่ดีขึ้น จนได้ข่าวว่ามีหมอผู้เชี่ยวชาญในประเทศทิเบตจึงส่งแมนไปรักษา แต่แมนกลับหายสาบสูญในทิเบตจนทุกคนเข้าใจว่าเขาเสียชีวิตแล้ว คุณพ่อของแมนป่วยเพราะตรอมใจจนเสียชีวิต แต่หลังจากนั้นอีกสามปีโดยไม่มีใครคาดคิด แมนกลับมาเมืองไทยเพื่อจัดการมรดก แต่เขาก็ยังคงเป็นชายอัปลักษณ์หลังโกง ขาเป๋ นิสัยคุ้มดีคุ้มร้ายจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แม้แต่คู่หมั้นสาวสวยที่เฝ้ารอการกลับมาของเขายังขอถอนหมั้น แมนขายกิจการทั้งหมดของพ่อเหลือไว้แต่คฤหาสน์ส่วนตัวและเงินสดจำนวนมากในธนาคาร ทุกวันชาวบ้านแถวนั้นจะ ได้ยินเสียงเปียโนกับเสียงหัวเราะอันวิกลจริตของแมนดังก้องออกจากคฤหาสน์ที่ ทรุดโทรมเหมือนบ้านผีสิงเข้าไปทุกวันยามกลางวันเขาคือคนบ้าในสายตาผู้คน แต่ในยามราตรีเขาคือยมทูตของเหล่าคนชั่ว ที่แท้แมนได้รักษาตัวเองจนหายดีแล้ว เขาได้ร่ำเรียนการบำเพ็ญจิตและทักษะการต่อสู้จากนักบวชในทิเบต หลังจากสำเร็จวิชาทั้งหมด แมนตัดสินใจยุติชีวิตลูกพระยาที่แสนสบาย เที่ยวเล่น เจ้าชู้จีบผู้หญิงไปวัน ๆ ตั้งอุดมการณ์ใหม่ออกปราบอธรรมเพื่อช่วยเหลือชาวโลกผู้อ่อนแอกว่าในนามวีรบุรุษผู้สวมหน้ากาก สีดำ ‘เหยี่ยวราตรี’

กตัญญูปกาสิต (2501)
กตัญญูปกาสิต (2501/1958) กตัญญูปกาสิต เป็นภาพยนตร์สี 35 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างจากบทประพันธ์ของ ส.อาสนจินดา กำกับการแสดงโดยครูเนรมิต (อำนวย กลัสนิมิ) ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในปี พ.ศ. 2526
อกสามศอก (2501)
อกสามศอก (2501/1958) อกสามศอก เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 เป็นผลงานการกำกับของครู(รังสี ทัศนพยัคฆ์) สร้างโดย กมลศิลป์ภาพยนตร์ โดยมี น้อย กมลวาทิน เป็นผู้อำนวยการสร้าง ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ อรวรรณ (เลียว ศรีเสวก)
สามสิงห์ (2501)
สามสิงห์ (2501/1958) สามสิงห์ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย วิษณุภาพยนตร์ โดยมี มนัส มณีเปรม เป็นผู้อำนวยการสร้าง อำนวยการแสดงโดย (เสน่ห์ โกมารชุน) กำกับการแสดงโดย ไวย์ วิทยา และถ่ายภาพโดย ฉลอง กลิ่นพิกุล - วงศ์ แววงาม
มังกรแดง (2501)

มังกรแดง (2501/1958) ลือชัย-อมรา ข้อความบนรูปโฆษณา ภาพยนตร์สหะนาวีไทย โดย สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ ผู้สร้าง เล็บครุฑ ขอนำเสนอ มังกรแดง เพื่อให้ลบสถิติรายได้...เล็บครุฑ ของตัวเอง มังกรแดง คือภาพยนตร์ไทยเรื่อง ที่ 2 จากการแสดงของ (ลือชัย นฤนาท) ดาราลักยิ้ม ที่ได้รับรางวัลจากประชาชน มังกรแดง คือภาพยนตร์ไทยเรื่องหลังสุด จากผลงานของ สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ ที่ประชาชนเชื่อถือแล้วจาก เล็บครุฑ ประสิทธิ์ ศิริบรรเทิง สร้างบท ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ 

 
หนึ่งต่อเจ็ด (2501)
หนึ่งต่อเจ็ด (2501/1958) หนึ่งต่อเจ็ด เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 เป็นผลงานการกำกับของ ส.อาสนจินดา เป็นภาพยนตร์ตอนแรกในภาพยนตร์ชุด หนึ่งต่อเจ็ด ภาพยนตร์ภาคต่อของไทยที่ได้รับการสร้างอย่างต่อเนื่องมากที่สุดในอดีต โดยเป็นเรื่องราววีรกรรมการกอบกู้ชาติไทย เชือกกล้วย กางเกงแดง กลายเป็นเอกลักษณ์ของจ่าดับ จำเปาะ ที่รับบทโดย ส.อาสนจินดา ซึ่งเป็นตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้
เซียนดำ (2501)
ดอกฟ้าในมือโจร (2501)
ดอกฟ้าในมือโจร (2501/1958) ดอกฟ้าในมือโจร เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 เป็นผลงานการกำกับของ ส.อาสนจินดา สร้างโดย สุจินต์ภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ อดุลย์ ราชวังอินทร์ และมีคำโปรยว่า จึงเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สี่ที่..(ลือชัย นฤนาท) ได้รับอนุญาตให้แสดงจากผู้จัดการของเขา เพราะลือชัย จะไม่มีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์บ่อยครั้งนัก
นักรักนักสู้ (2501)

นักรักนักสู้ (2501/1958) ลือชัย-ประจวบ-สุรวดี ข้อความบนใบปิด เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้! แต่...บูรพาศิลป์ภาพยนตร์ ได้ค้านคำกล่าวนั้นแล้ว โดยนำ... (ลือชัย นฤนาท) พระเอกลักยิ้ม พบ (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) ผู้ร้ายผู้ดี นักรักนักสู้ พรั่งพร้อมด้วย ราชันย์ กาญจนมาศ, ชด ชัชวาลย์, เลอสรรค์ วิรยะศิริ, สมถวิล มุกดาประกร, โชติ พุกกะพันธุ์, ต่อชัย ภู่ชมพู, แดน ดำรงศักดิ์, ปกรณ์ เกษตรชนม์, ดอกดิน กัญญามาลย์, ชูศรี โรจนประดิษฐ์ และขอเสนอ 4 นางเอกสาววัยรุ่น พรพิไล สุขะศิริวัฒน์, คัชรินทร์ นิรมล, ชนินทร เพชรบุญศรี, สุรวดี เบอร์เดน ประเทือง ศรีสุพรรณ-ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ ถาวร สุวรรณ สร้างบท วิชัย ปาลวัฒน์วิไชย กำกับการแสดง ฉายแน่นอนที่โรงหนังเอ็มไพร์ ปลายเดือนกันยายนนี้ (เสน่ห์ โกมารชุน) กับ จุรี โอศิริ พากย์ 

 
ปักธงไชย (2500)

ปักธงไชย (2500/1957) ภาพยนตร์ไทยอิงประวัติศาสตร์จากเหตุการณ์สงครามปราบฮ่อ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2428 เมื่อชาวจีนฮ่อหมู่หนึ่งก่อการกบฏต่อแผ่นดินไทย ล้อมค่ายของกองทัพไทยไว้ทัพหนึ่ง ทางการจึงต้องตั้งปฏิบัติการลับเพื่อส่งตัวร้อยตรีเต็ม นายทหารหนุ่มมากฝีมือกับจ่าโทน นายทหารอาวุโสของกองทัพและกำลังทหารผู้รักชาติยี่สิบสี่นายไปทำหน้าที่ในการจัดส่งยาและกระสุนปืนใหญ่ พร้อมด้วยความตั้งใจที่พวกเขาจะต่อสู้และนำธงชาติไปปักแสดงอธิปไตยไว้ที่ชายแดน แม้รู้ว่าภารกิจในครั้งนี้อาจจะทำให้พวกเขาไม่ได้กลับมา

ขุนโจร 5 นัด (2500/1957) ขุนโจร 5 นัด เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 ให้เสียงพากย์สด สร้างโดยบริษัทสหการภาพยนตร์ไทยจำกัด โดยมี สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ เป็นผู้กำกับการแสดง-นำแสดง และให้เสียงพากย์โดย ม.ล. รุจิรา อิศรางกูร - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา, สมพงษ์ วงศ์รักไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในปี พ.ศ. 2526

สุภาพบุรุษสลึมสลือ (2500)
สุภาพบุรุษสลึมสลือ (2500/1957) สุภาพบุรุษสลึมสลือ (2500) ส.อาสนจินดา-วิภา ข้อความบนรูปโฆษณา อย่าบังอาจไปถอดแว่นมนุษย์ตาสั้นคนนั้น... เขาเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก ที่เศร้า ขรึม และรักสงบ แต่เมื่อเหลืออด... เขาจะเป็น”อ้ายเสือหมัดคู่” สู้ไม่ถอย! สุภาพบุรุษสลึมสลือ สู้หนักกว่า “มงกุฎเดี่ยว” ชีวิตรักสะเทือนใจยิ่งกว่า “เสือน้อย” ตื่นเต้นและดุเดือดเหนือกว่า “มงกุฎเดี่ยว” และ “เสือน้อย” รวมกัน! นำแสดงโดย ทักษิณ แจ่มผล วิภา วัฒนธำรงค์ ส.อาสนจินดา สุขศรี ภมรพิบูลย์ ส.อาสนจินดา กำกับการแสดง บทประพันธ์ และบทภาพยนตร์ โดย ส.อาสนจินดา กำหนดประเดิมชัย เปิดโรงหนัง “พัฒนากร”ยุคใหม่ สุภาพบุรุษสลึมสลือ (2500) ส.อาสนจินดา-วิภา ข้อความบนรูปโฆษณา อย่าบังอาจไปถอดแว่นมนุษย์ตาสั้นคนนั้น... เขาเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก ที่เศร้า ขรึม และรักสงบ แต่เมื่อเหลืออด... เขาจะเป็น”อ้ายเสือหมัดคู่” สู้ไม่ถอย! สุภาพบุรุษสลึมสลือ สู้หนักกว่า “มงกุฎเดี่ยว” ชีวิตรักสะเทือนใจยิ่งกว่า “เสือน้อย” ตื่นเต้นและดุเดือดเหนือกว่า “มงกุฎเดี่ยว” และ “เสือน้อย” รวมกัน! นำแสดงโดย ทักษิณ แจ่มผล วิภา วัฒนธำรงค์ ส.อาสนจินดา สุขศรี ภมรพิบูลย์ ส.อาสนจินดา กำกับการแสดง บทประพันธ์ และบทภาพยนตร์ โดย ส.อาสนจินดา กำหนดประเดิมชัย เปิดโรงหนัง “พัฒนากร”ยุคใหม่ วันที่ 12 กันยายน 2500
ดอนทราย (2500)
ดอนทราย (2500/1957) ดอนทราย เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 สร้างโดย วิจิตรเกษมภาพยนตร์ โดยมี สงวน มัทวพันธุ์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง และกำกับการแสดงโดย อนุมาศ บุนนาค
บุกเดี่ยว (2500)
บุกเดี่ยว (2500/1957) บุกเดี่ยว เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500
วายร้ายชายแดน (2500)
วายร้ายชายแดน (2500/1957) ดูฉากต่อสู้ที่ใช้อาวุธและกระสุนจริงๆ ที่น่าหวาดเสียว ตื่นเต้น ดู..การต่อสู้ ปราบปรามของเหล่าวายร้าย ที่หมายครองเมือง โดยกองตำรวจชายแดน อย่างนองเลือด
มือปืนหน้าหยก (2500)
มือปืนหน้าหยก (2500/1957) มือปืนหน้าหยก เป็นภาพยนตร์สีธรรมชาติ 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 สร้างโดย พูนเทพภาพยนตร์ โดยมี สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช เป็นผู้อำนวยการสร้างและนำแสดง กำกับการแสดงโดย ปริญญา ลีละศร
เล็บครุฑ (2500)
เล็บครุฑ (2500/1957) เล็บครุฑ เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2500 สร้างจากบทประพันธ์ของ พนมเทียน โดยคุณสุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ แห่งบริการ ภาพยนตร์สหะนาวีไทย ซึ่งลงมือกำกับการแสดงเป็นเรื่องแรก ภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดถึงหนึ่งล้านเก้าแสนบาท
ทุรบุรุษทุย (2500)
ทุรบุรุษทุย (2500/1957) เรื่องราวของอันธพาลกลับใจ หันเข้าสู้กับอธรรม แห่งพระศาสนาเป็นโล่ห์ป้อง และใช้ความดีเป็นอาวุธ ลูกกำลังจะบวช ไม่ยอมเข้าสู่อ้อมกอดของพ่อ แม่แต่เมียตาบอด ก็ยังเข็ดขามต่อความชั่วร้ายของผัวที่สุด เขายอมหลั่งเลือดสู้สุดชีวิตเพื่อนำแม่มาจูงลูกไปสู่ร่มกาสาวพัตร์
ไพรกว้าง (2500)
ไพรกว้าง (2500/1957) ข้อความบนใบปิด บริษัทสหการภาพยนตร์ไทยจำกัด เสนอ (เกชา เปลี่ยนวิถี) พระเอกหนุ่มร่างสมาร์ท ใน ภาพยนตร์ ชีวิต รัก ต่อสู้ของลูกผู้ชาย ในถิ่นเถื่อนและคนพาล ไพรกว้าง จากบทประพันธ์ชิ้นเยี่ยมที่หวงแหนของ “อรวรรณ” สีวิจิตรสวยสด ร่วมนำแสดงโดย...สุขศรี ภมรพิบูล, ทัศนีย์ ชุวสวัต, จำนงค์ คุณะดิลก พรั่งพร้อมด้วย...ดาวร้าย ดาวยวน... (ที่มา: Thai Movie Posters)
7 มุมเมือง (2499)
7 มุมเมือง (2499/1956) ณ กองปราบสามยอด บนโต๊ะของ ร.ต.อ.ปราโมทย์ สารวัตรใหญ่เต็มไปด้วยแฟ้มประวัติอาชญากรที่กำลังออกอาละวาดอยู่ทุกมุมเมือง คนแรกคือพ่อเลี้ยงผู้มีอิทธิพลทางภาคเหนือประกอบการค้าของผิดกฎหมาย อีกคนคือ สะพรั่ง มือปืนชื่อดังในจังหวัดสุพรรณบุรี จากปากน้ำโพจนถึงตะพานหินไม่มีใครไม่รู้จัก แพรว นักต้มตุ๋น เหยี่ยว ขโมยมือฉมังชื่อดังในปักษ์ใต้ กบินทร์ นักย่องเบาฉายาไอ้ตีนแมวอาละวาดแถบอรัญประเทศ ชล ฆาตรกรซึ่งฆ่าคนมาแล้วทั่วจังหวัดชลบุรี และ เพลิง นักรีดไถประจำจังหวัดเพชรบุรี สารวัตรใหญ่คิดจะใช้ไม้เบาจึงเรียกโจรทั้ง 7 มุมเมืองเข้ากรุงเทพเพื่อตักเตือน แต่กลายเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งเจ็ดจับมือกันปล้นกรุงเทพ โดยที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมได้ วันหนึ่ง ชลพบ เคลือ นอนสลบอยู่กลางถนน จึงนำตัวมาพักฟื้นที่รังโจร เคลือมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากอดอาหารและไม่มีที่อยู่ ทั้งเจ็ดจึงขอให้เธอช่วยดูแลเรื่องอาหารและทำความสะอาดรังโจรแลกกับที่อยู่อาศัย ทั้งเจ็ดเริ่มขัดแย้งกันเพราะต่างหลงใหลในตัวเคลือยกเว้นชลที่คอยสังเกตอยู่เงียบๆ วันหนึ่ง ตำรวจได้เบาะแสว่าทั้งเจ็ดจะปล้นบ้านเศรษฐี จึงส่งกำลังออกไปจับกุมแต่ทั้งเจ็ดก็หนีรอดไปได้ ชลถูกกระสุนบาดเจ็บแต่ได้เคลือช่วยพยาบาล ชลจึงเริ่มรักเคลือ ต่อมาพ่อเลี้ยงวางแผนปล้นโรงภาพยนตร์ โดยตกลงกันว่าจะทำเป็นครั้งสุดท้าย แต่ตำรวจตามติดมาถึงรังโจรจนเกิดการปะทะกันขึ้น กบินทร์กับเพลิงขัดแย้งกันเรื่องส่วนแบ่งจึงฆ่ากันเอง ส่วนที่เหลือถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ยกเว้นชลที่ยอมจำนนรับโทษในคุก
แผ่นดินว่างกษัตริย์ (2499)
แผ่นดินว่างกษัตริย์ (2499/1956) หลังเสียกรุงครั้งที่สอง พระเจ้าตากผู้นำการกอบกู้เอกราช ได้สั่งให้ ขุนพิชิตจตุรงค์ นายทหารฝีมือดีชาวบ้านแหลม ไปทำการขนส่งทรัพย์เสบียงมาจากบ้านแหลม แม้ว่าพระองค์จะรู้ว่าทหารพม่านั้นอยู่รายล้อม การออกไปทำหน้าที่ของขุนพิชิตจึงทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย ครั้นไปถึงบ้านแหลม ขุนพิชิตก็รวบรวมไพร่พลออกวางอุบายเพื่อจะขนถ่ายทรัพย์เสบียงไปให้ถึงทัพพระเจ้าตาก แต่ทว่าระหว่างทางลักลอบขุนพิชิตกลับถูกหักหลัง จนเกิดการต่อสู้ เป็นเหตุให้ขุนพิชิตต้องตายในสนามรบ ฝากไว้ซึ่งความความเสียสละต่อชาติบ้านเมืองที่น่ายกย่อง
กัปตันยุทธ (2499)
กัปตันยุทธ (2499/1956) เรื่องราวของ ร.อ. ยุทธ ยุทธนาวิน ร.น. หรือที่ทุกคนเรียกว่า กัปตันยุทธ ซึ่งเคยเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนทหารเรือ แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นขี้เมาอาละวาดจนถูกสั่งปลดราชการมิหนำซ้ำยังถูกตัดออกจากตระกูลกัปตันยุทธจึงตอบแทนด้วยการถอนหมั้น สายสุนี แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ร.อ. สุรพล เพื่อนสนิทของกับตันยุทธได้รับคำสั่งให้ไปราชการที่ฟิลิปปินส์ เขาได้พบกับโรซิต้าซึ่งเข้ามาทำความสนิทสนม โดยมีเบื้องหลังเพื่อหว่านล้อมให้สุรพลช่วยติดตั้งปืนบนเรือบังคับด้วยกระแสคลื่นวิทยุตามคำแนะนำของยุทธ แต่โรซิต้าเกิดหลงรักสุรพลจริงจึงบอกความจริงทั้งหมดแก่สุรพล สุรพลโกรธมากจึงต่อว่าโรซิต้า ยุทธ ดำรง และพรรคพวกซึ่งแอบสังเกตการณ์อยู่ จึงจับตัวสุรพลไปขัง สุรพลโดนทรมานแสนสาหัส แต่ก็ยังไม่ยอมร่วมมือกับดำรง ในเวลานั้นสมุนของเดชได้ฆ่านักสืบกองทัพเรือไทยซึ่งมีไม้ขีดหมายเลข 13 อยู่ในตัว ดำรงจำได้ว่าเคยเห็นยุทธพกไม้ขีดไฟลักษณะเดียวกันแต่เป็นหมายเลข 19 จึงรู้ว่ายุทธเป็นนักสืบของกองทัพเรือ แต่ยุทธไหวตัวทันช่วงชิงแผนผังการต่อเรือของไทยที่หายไปมาได้และรีบหนีออกมา โรซิต้าหาทางช่วยชีวิตสุรพลแต่ตัวเองถูกสมุนของดำรงยิงจนเสียชีวิต ยุทธหนีการไล่ล่าของดำรงและเกิดการต่อสู้กัน ดำรงพลาดท่าจมน้ำเสียชีวิต ส่วนยุทธถูกยิงจนบาดเจ็บสาหัส ก่อนสิ้นใจยุทธมอบแผนผังการต่อเรือและไม้ขีดไฟประจำตัวให้สุรพลนำไปมอบผู้บังคับบัญชากองเรือ
ลูกโจร (2499)
ลูกโจร (2499/1956) เสือวัน และ เสือแคล้ว สองเสือมหาโจรที่ถูกทางการหมายหัว คืนหนึ่ง ทั้งสองออกไปปล้นบ้านเศรษฐีและถูกตำรวจนำกำลังเข้าจับกุม ในระหว่างที่เสือวันพยายามหลบหนี ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ด้วยความสงสารจึงอุ้มเด็กคนนั้นมาด้วย และในวันเดียวกันนั้นเอง ส.ต.อ.เพิ่ม ซึ่งถูกยิงใกล้เสียชีวิตได้ขอร้องเสือวันให้ช่วยส่งเสียเงินทองแก่ลูกชายของตน เสือวันรับปาก นับตั้งแต่วันนั้นเสือวันจึงกลับใจเลิกเป็นโจร เวลาผ่านไปยี่สิบกว่าปี วันทนีย์ ลูกสาวของเสือวันโตจนเรียนจบมหาวิทยาลัย และมีคนรักชื่อ ร.ต.ต.พงษ์ เสือวันจำได้ทันทีว่าเป็นลูกชายของ ส.ต.อ.เพิ่ม ซึ่งเขาคอยส่งเสียเงินทองมาตลอดหลังจาก ส.ต.อ.เพิ่ม เสียชีวิตโดยไม่เคยเปิดเผยตัว แต่แล้ววันหนึ่ง เสือแคล้วก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อม เคลิ้ม ลูกชาย เพราะหมายมั่นจะให้เคลิ้มได้แต่งงานกับวันทนีย์ แต่เสือวันไม่ยอมเพราะรู้ว่าเสือแคล้วยังไม่เลิกเป็นโจร เสือแคล้วเจ็บใจจึงให้เคลิ้มลักพาตัววันทนีย์ เพราะรู้ดีว่าเสือวันไม่กล้าแจ้งตำรวจ ร.ต.ต.พงษ์ เมื่อรู้ว่าวันทนีย์ถูกจับตัวไปก็ไม่รอช้ารีบไปช่วย เสือวันกลัวว่า ร.ต.ต.พงษ์ จะถูกเสือแคล้วทำร้าย จึงแอบบุกไปหาเสือแคล้ว แต่ถูกวันทนีย์ซึ่งรู้เรื่องราวในอดีตจากเสือแคล้วตัดพ้อต่อว่า เสือวันเสียใจเป็นอันมากจึงส่งปืนให้วันทนีย์ยิงตัวเองให้หายแค้น แต่วันทนีย์ก็ไม่อาจทำได้ เสือแคล้วฉวยโอกาสที่พ่อลูกทะเลาะกันหยิบปืนเล็งไปที่เสือวัน แต่ ร.ต.ต.พงษ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจมาได้ทันท่วงที จึงยิงเสือแคล้วและเคลิ้มเสียชีวิต เมื่อเหตุการณ์สงบ เสือวันจึงเล่าเรื่องราวในอดีตทั้งหมดให้วันทนีย์และ ร.ต.ต.พงษ์ ฟังอย่างละเอียดร.ต.ต.พงษ์ รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อเสือวันมาก ส่วนวันทนีย์ซึ้งน้ำใจเสือวันจึงเขียนประวัติของตัวเองส่งมหาวิทยาลัยอย่างไม่อายว่าเป็น "ลูกโจร"
ล่องสมุทร์ (2498)
ล่องสมุทร์ (2498/1955) ภาพยนตร์สีเรื่องผจญภัยของลูกน้ำเค็ม! ชมการต่อสู้ของเหล่าร้ายกับผู้รักษากฎหมาย (ที่มา: นิตยสารตุ๊กตาทอง ธันวาคม พ.ศ. 2498)
ขุนโจรสามร้อยยอด (2498)
ขุนโจรสามร้อยยอด (2498/1955) สภาพบ้านเมืองอันแร้นแค้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง บีบคั้นให้ชาวบ้านธรรมดาต้องผันตัวเป็นเสือออกปล้นเพื่อประทังชีวิต และอาละวาดหนักราวปี พ.ศ. 2493 ทางการจึงออกมาตรการกวาดล้างขุนโจรขนานใหญ่ เสือผิน เสือพาน และ เสือหรีด สามขุนโจรสามร้อยยอด เขตปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จึงเริ่มหารือเรื่องการมอบตัว เสือพานได้ยินเข้าก็หัวเราะเยาะว่าเสือผินกับเสือหรีดขี้ขลาด แล้วสวมรอยใช้ชื่อเสือหรีดออกปล้น แต่สุดท้ายทั้งเสือพานและเสือหรีดก็หนีไม่พ้นการจับกุม ยกเว้นเสือผินซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่กับ นิด ภรรยาและลูกโดยอำพรางตัวเป็นคนหาปลา เมื่อเหตุการณ์เป็นปรกติสุข ชาวบ้านหนองเตาปูนก็ย้ายกลับมาถิ่นฐานเดิม เสือพานแหกคุกมาหาผู้ใหญ่หนุน ซึ่งเป็นสายให้พวกเสือ แล้วใช้แผนชั่วหลอกให้เสือผินกลับมาร่วมโจรกรรม วันหนึ่ง สมุนของเสือพานไปรีดไถเงินจากญาติของ เยื่อ แต่ไม่สำเร็จ เสือพานจึงใช้สมุนไปปล้นวัวทั้งฉุด เจียน คนรักของเยื่อ แต่เยื่อก็ช่วยเจียนมาได้และเมื่อทราบว่าผู้ใหญ่หนุนอยู่เบื้องหลัง เยื่อจึงชวน ชู กับ พิศ บุกไปฆ่าผู้ใหญ่หนุน ทั้งสามจึงต้องกลายเป็นเสือเพราะความจำเป็น เสือสองกลุ่มจึงท้าดวลปืนกัน เสือเยื่อไปรอบริเวณที่นัดพบ แต่พวกเสือผินกับเสือพานไม่ยอมมา ตามเวลาที่กำหนด ผลสุดท้ายเสือพิศซึ่งเฝ้าต้นทางถูกยิงตาย ทางการได้สั่งให้ พ.ต.อ.ประชา บูรณะธนิต ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 7 เป็นผู้อำนวยการปราบปรามภายในสามเดือน เป็นเหตุให้เสือพาน เสือผินและสมุนถูกยิงตายส่วนเยื่อกับชูที่ต้องเป็นเสือด้วยความจำเป็น ก็เข้ามอบตัวเพื่อรับผิดตามกฎหมายแต่โดยดี
สลัดดำ (2498)
สลัดดำ (2498/1955) ชะตากรรมของสี่พี่น้องต่างสายเลือด ไชยยศ คำรณ ทองสัช และทองจันทร์ เด็กกำพร้าสี่คนซึ่งร้อยเอกหม่อมเจ้ากมลสุริยารับมาเลี้ยงดู เมื่อโตขึ้นทั้งสี่ต่างหมายปอง ม.ร.ว.หญิงปัทมาวดี ลูกสาวของหม่อมเจ้ากมลสุริยา แต่สุดท้ายไชยยศก็เป็นฝ่ายพิชิตใจ ม.ร.ว.หญิงปัทมาวดี และแอบได้เสียกันจนกระทั่ง ม.ร.ว.หญิงปัทมาวดี ตั้งครรภ์ วันหนึ่ง หม่อมเจ้ากมลสุริยาอยากลองใจลูกทั้งสี่ จึงออกอุบายว่าแผนป้องกันประเทศหายไปและสงสัยว่าหนึ่งในสี่จะเป็นผู้ขโมย ปรากฏว่าไชยยศ คำรณ และทองสัชต่างก็หนีออกจากบ้านโดยเขียนจดหมายเหมือนกันว่าตนเองเป็นผู้ขโมย ในไม่ช้าเรื่องที่ปัทมาวดีท้องก็เปิดเผย หม่อมเจ้ากมลสุริยาโกรธมากบังคับให้ปัทมาวดีฆ่าตัวตาย แต่ทองสัชออกรับแทนว่าเป็นพ่อของเด็ก ทั้งคู่จึงได้แต่งงานกัน ไชยยศหลบไปอยู่กับนางจำปาซึ่งเป็นแม่ ชบา ญาติห่างๆ เกิดมาหลงรักไชยยศ ทำให้ โผน ลูกชายกำนันสังข์ ซึ่งหลงรักชบาไม่พอใจจึงหาเรื่องจับตัวไชยยศ เป็นเหตุให้นางจำปาถูกลูกหลงโดยยิงเสียชีวิต ไชยยศโกรธมากจึงหนีไปเป็นโจรสลัดกับทองสัชและคำรณ แต่ก่อนออกเรือ ชบาแอบได้เสียกับคำรณเพราะความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นไชยยศ ไชยยศออกไปปล้นเรือของ สาหร่าย โจรสลัดหญิง กลุ่มนางนวลทะเลและจับมาอยู่บนเรือ คำรณที่ถูกบังคับให้รับเป็นพ่อของลูกชบาก็รู้สึกไม่พอใจจึงคิดจะฆ่าไชยยศ แต่สมุนโจรสลัดไม่ยอมร่วมมือด้วย คำรณจึงถูกฆ่าฐานคิดทรยศ โผนพาลูกน้องปล้นเรือของไชยยศม.จ. กมลสุริยาและเรือตรีทองจันทร์นำกำลังกองทัพเรือมาจับกุมโจรสลัด เป็นเหตุให้ทองสัชถูกทองจันทร์ยิงตาย หม่อมเจ้ากมลสุริยาพยายามเกลี้ยกล่อมไชยยศให้มอบตัวแต่เขาไม่ยอมมิหนำซ้ำยังใช้ปืนขู่หม่อมเจ้ากมลสุริยาให้นำกำลังกลับ ส่วนตัวเองลงเรือหนีไปกับสาหร่าย
อัศวินเหล็ก (2498)
อัศวินเหล็ก (2498/1955) บุษบง และ บุษบา สองศรีพี่น้องซึ่งกำลังเป็นสาวสะพรั่ง สร้างความกลุ้มอกกลุ้มใจแก่ นายพลตรีบรรลือฤทธิ์ ผู้เป็นบิดา เพราะเริ่มมีหนุ่มๆ มาจีบลูกสาวของตนโดยเฉพาะบุษบงผู้พี่ ซึ่งมี ธำรง มาติดพัน แม้บรรลือฤทธิ์จะปรามด้วยว่าบุษบงมีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่ก็ถูกบุษบงตอกกลับทุกครั้ง เพราะไม่เคยเห็นหน้าตาคู่หมั้นที่พ่อกล่าวอ้าง รู้เพียงว่าชื่อ เปีย วันหนึ่ง ด่วม ลูกชายผู้ว่าเชียงใหม่เกลอเก่าของบรรลือฤทธิ์ มาศึกษาต่อที่กรุงเทพและขออาศัยที่บ้านของบรรลือฤทธิ์ บุษบงมองด่วมด้วยสายตาดูถูก แถมยังบังคับไม่ให้บุษบาไปสุงสิงกับด่วม บรรลือฤทธิ์ได้แต่ระอาใจ จึงขอร้องให้ด่วมช่วยดูแลบุตรีในระหว่างที่ตนเองไปทำธุระที่ปากน้ำโพ ทำให้ด่วมมีเรื่องชกต่อยกับธำรงที่ดึงดันจะพาบุษบงไปเที่ยว บุษบงไม่เข็ดหลาบขอพ่อไปเที่ยวบางแสนกับ ธำรงบรรลือฤทธิ์อนุญาตโดยมีข้อแม้ว่าต้องมีด่วมไปด้วย ธำรงเกลียดด่วมเป็นทุนเดิมจึงไปจ้างวานนักเลงท้องถิ่นให้ฆ่าด่วม แต่กลับตาลปัตรเพราะนักเลงคนนั้นนับถือด่วมมาก จึงตลบหลังขูดรีดเงินจากธำรง ซ้ำยังขู่ให้ธำรงรีบไสหัวกลับกรุงเทพ ที่บางแสนนี่เองที่บุษบงได้รู้ว่าด่วมมีอีกชื่อ คือ โสภณ จู่ๆ บุษบาก็โทรเลขมาแจ้งว่าบรรลือฤทธิ์หายตัวไป โสภณสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเหตุร้ายจึงรีบไปแจ้งตำรวจทำให้คลาดสายตาจากบุษบง ธำรงส่ง สกล มาหลอกบุษบงว่าธำรงถูกรถชนอาการปางตาย บุษบงหลงเชื่ออย่างง่ายดาย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็ต่อเมื่อพบว่าธำรงเป็นคนจับตัวบรรลือฤทธิ์ไปทรมาน เพื่อเค้นถามที่ซ่อนอาวุธของรัฐบาล ร.ต.อ. เผชิญ กับ ร.ต.อ. โสภณ นำกำลังตำรวจมาล้อมที่บ้านธำรง เกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผลโสภณร้อนใจแอบปีนหน้าต่างเข้าไปภายในตึกและเกิดการต่อสู้กับธำรงขึ้น โสภณฟันธำรงเสียชีวิตและช่วยบุษบงออกมาได้สำเร็จ หลังเกิดเหตุ สิทธิศักดิ์ พ่อของโสภณเดินทางจากภาคเหนือมาเยี่ยมลูกชาย บุษบงจึงได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้ว ด่วม หรือ โสภณ ก็คือ เปีย คู่หมั้นปริศนาที่บุษบงไม่เคยเห็นหน้านั่นเอง