แอคชั่น
เรื่องย่อ : แสงกระสือ Inhuman Kiss (2562/2019) "ความรักส่องแสงเสมอ แม้ในหัวใจที่มืดมน" เด็กสาวแรกรุ่นในหมู่บ้านอันห่างไกลค้นพบว่า แท้จริงแล้วเธอไม่ใช่มนุษย์เหมือนคนอื่น แต่สืบเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์เก่าแก่ในตำนาน ที่ถ่ายทอดกันผ่านทางน้ำลาย มีเพียงเด็กหนุ่มคนเดียวในหมู่บ้านที่รู้ความจริงและพยายามปกป้องเธอจากการไล่ล่าของชาวบ้านที่หวาดกลัวผีกระสือ ความใกล้ชิดของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นความรัก ขณะที่อสูรกายอีกสายพันธุ์หนึ่งก็ต้องการหัวใจของเธอเพื่อความเป็นอมตะ หนทางเดียวที่เธอจะอยู่รอดคือการถ่ายทอดน้ำลายให้เขาผ่านการจูบ…จูบแรก จูบเดียวเท่านั้น และเผ่าพันธุ์ของเธอจะดำรงอยู่ตลอดไป
ทองดี ฟันขาว (2560/2017) เรื่องราวความกล้าหาญและความจงรักภักดีในช่วงชีวิตสำคัญของ “นายทองดี ฟันขาว” นักสู้หัวใจแกร่งที่มากความสามารถและฝีไม้ลายมวย โชคชะตานำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันในนาม “พระยาพิชัยดาบหัก” ทองดี นักสู้หัวใจแกร่ง ผู้มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อรักษาคำมั่นสัญญา กล้าหาญจงรักภักดี มีความสามารถและฝีไม้ลายมือทางหมัดมวยและดาบอย่างหาตัวจับยาก เขาไม่ชอบกินหมาก จึงเป็นที่มาของฉายา ทองดีฟันขาว ชีวิตของเขาต้องระหกระเหินจากครอบครัวตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย และต้องออกเดินทางหาเงินเลี้ยงตัวจากการชกมวย และร่ำเรียนวิชามวยเพิ่มเติมจากบรรดาครูมวยตามเมืองต่างๆ จนสุดท้ายโชคชะตาและวีรกรรมอันเลื่องชื่อของเขาก็นำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่ง พระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทย ที่รู้จักกันในนาม พระยาพิชัยดาบหัก
เรื่องย่อ : พันท้ายนรสิงห์ (2558/2015) ในปี พ.ศ. 2231 รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชตอนปลาย ขณะที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชประทับอยู่ที่เมืองลพบุรีและประชวรหนัก หลวงสรศักดิ์ได้จับตัวเจ้าพระยาวิชเยนทร์ไปสำเร็จโทษ และพระเพทราชาได้กำจัดพระปีย์ พระโอรสบุญธรรมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เสด็จสวรรคต บรรดาข้าราชการได้อัญเชิญพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาบุรุษวิสุทธิเดชอุดม หรือ สมเด็จพระเพทราชา ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) แห่งกรุงศรีอยุธยา ราว พ.ศ. 2246 – 2252 บ้านเมืองวุ่นวายเพราะพระยาราชสงครามรีดไถประชาชนด้วยการอ้างพระบรมราชโองการในการเกณฑ์ช้างม้าวัวควายไปเพื่อเป็นภาษี ส่วนสาววัยรุ่นจะนำไปถวายพระเจ้าเสือ เพื่อเป็นนางสนมในพระราชวัง ส่งผลให้ชาวบ้านทุกทั่วหัวระแหงได้รับความเดือดร้อน ขณะเดียวกันพระพิชัย เจ้าเมืองวิเศษชัยชาญ ก็ได้ตั้งกลุ่มเพื่อต่อต้านการกระทำของขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ด้วยการตั้งตัวเป็นกองโจรเพื่อปล้นเสบียงและผู้หญิงที่ถูกเกณฑ์ไปในวังหลวง ซึ่งหนึ่งในกองโจรนั้นมี สิน ซึ่งชอบช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน สินมีเมียรักชื่อ นวล ที่คอยช่วยเหลือทั้งงานบ้านและการต่อสู้กับทหารที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง เธอเคยรบเร้าให้สินเลิกเป็นโจรหลายครั้งแต่ไม่เป็นผลเนื่องจากสินต้องการสร้างความยุติธรรมให้กับชาวบ้าน ต่อมาพระเจ้าเสือได้ทรงพระราชดำเนินไปตกปลากับขุนนางคนสนิทเป็นการส่วนพระองค์ โดยปลอมตัวเป็นสามัญชนชื่อว่า ทิดเดื่อ ซึ่งนัยหนึ่งพระองค์ต้องการทราบถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้นได้ปะฝีมือเชิงมวยกับสินผู้เป็นชาวบ้านธรรมดา โดยไม่รู้ว่าคนที่ตนกำลังชกอยู่ด้วยเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่ไม่ทันได้รู้ผลแพ้ชนะก็มีขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงมาอ่านพระบรมราชองค์การในการเกณฑ์ราษฎรชายไปเป็นทหาร ทำให้พระเจ้าเสือได้รับทราบการทุจริตของข้าราชการและได้พูดคุยกับสินอย่างถูกคอ หลังจากพระเจ้าเสือเสด็จกลับพระราชวังได้มีรับสั่งให้สินเข้ารับราชการในตำแหน่งนายทหารคัดท้ายเรือประจำพระที่นั่งเอกไชยและช่วยเหลืองานราชการในการปราบขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยต่อมาคือ พันท้ายนรสิงห์ จนได้รับคำยกย่องว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษาระเบียบวินัย ครั้นพระเจ้าเสือเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรี ซึ่งจะต้องผ่านตำบลโคกขามซึ่งคลองบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวและแคบ ทำให้พระพิชัย และพระพินิจ ทหารเก่าในสมัยพระนารายณ์ที่เกลียดชังพระเจ้าเสือวางอุบายลอบปลงพระชนม์ได้ ขณะเดียวกันนั้นสินที่ได้ล่วงรู้แผนการนี้จึงให้นวลไปขอร้องกับพระพิชัยแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตนจึงวางแผนบังคับเรือพระที่นั่งให้ชนกับริมตลิ่งเพื่อไม่ให้พระเจ้าเสือเสด็จพระราชดำเนินไปถึงจุดที่กลุ่มชาวบ้านซุ่มอยู่ เมื่อเรือพระที่นั่งเอกไชยมาถึงตำบลโคกขาม สินพยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งจนชนตลิ่ง ทำให้หัวเรือพระที่นั่งเอกไชยหักตกลงไปในน้ำ สินรู้โทษดีว่าความผิดครั้งนี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณีซึ่งกำหนดว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหักผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสีย สินจึงกราบทูลขอน้อมรับโทษตามพระราชประเพณี พระเจ้าเสือทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเหตุสุดวิสัยมิใช่ความประมาทจึงพระราชทานอภัยโทษให้ แต่สินก็กราบบังคมยืนยันให้ตัดศีรษะตนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดกฎหมายและเป็นการป้องกันมิให้เกิดข้อติเตียนต่อพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดิน พระเจ้าเสือไม่ต้องการประหารสินจึงทรงโปรดให้ฝีพายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรูปสินแล้วให้ตัดศีรษะรูปดินนั้นเพื่อเป็นการทดแทน แต่สินยังคงยืนยันขอให้ตัดศีรษะตน โดยขอให้พระเจ้าเสืออภัยโทษให้แก่กลุ่มผู้ที่ลอบปลงพระชนม์ แม้พระเจ้าเสือจะทรงอาลัยรักน้ำใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใดก็ทรงจำพระทัยปฏิบัติตามพระราชกำหนด จึงตรัสสั่งให้เพชฌฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์แล้วโปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตาและนำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้นขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล ทำให้พระพิชัยที่แอบดูอยู่รู้ความจริงว่าพระเจ้าเสือมิได้เลวร้ายอย่างที่คิด จึงถวายตัว รับใช้พระเจ้าเสือด้วยความซื่อสัตย์ตลอดมา
เรื่องย่อ : สยามยุทธ Siam Yuth (2558/2015) ทัพ (ธันน์ ธนากร) นักดนตรีพเนจร ได้พบกับการสังหารเข่นฆ่าชาวบ้านโดยฝีมือของ ขุนราม (ธนายงค์ ว่องตระกูล) ผู้ทะเยอทะยานหมายยึดครองแผ่นดิน โดยป้ายความผิดให้แก่ขุนศึกที่แตกทัพมาอย่าง สิน (กฤษฏ์ศิรวัชร แก้วมณีกานนท์) ทัพเห็นความไม่เป็นธรรม และต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ชาวบ้าน จึงเดินทางไปเมืองจันทบูร ซึ่งเป็นที่พำนักของขุนราม เขาได้พบกับอดีตคนรักอย่าง อังกาบ (ไปรยาพิณ เจริญวิชิตไชยเดช) ผู้ซึ่งเป็นอนุของเจ้าเมืองจันทบูรและยังเป็นมือสังหารของขุนรามด้วย ระหว่างการเดินทางไปพบเจ้าเมืองจันทบูร ทัพผู้เลือดร้อนตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู แต่ได้ บุญมา (ธนาวุฒิ เกสโร) ขุนศึกของสินที่มาสอดแนมช่วยเหลือเอาไว้ ทัพตัดสินใจเข้าร่วมกับสินเพื่อลงโทษขุนรามผู้โฉดชั่วและร้ายกาจ และทัพก็ได้พบรักกับ ทิม นักรบหญิงภายใต้สังกัด แม่หญิงบัว (แคนดี้ รากแก่น) ซึ่งเข้ามาร่วมด้วยกับกองกำลังของสิน ระหว่างนั้นขุนรามซึ่งมองสินเป็นหอกข้างแคร่ ได้ออกปล้นสะดมไปทั่วและป้ายความผิดให้สิน ต่อมาได้วางแผนเพื่อที่จะล่อสินมากำจัดไปพร้อมๆ กับ เจ้าเมืองจันทบูร (โชคชัย เจริญสุข) เพื่อยึดเมืองจันทบูรเป็นของตนเองเป็นที่มั่นในการยึดครองแผ่นดิน ศึกสุดตัดสินระหว่างสินกับขุนรามจึงเริ่มขึ้นโดยมีเมืองจันทบูรเป็นเดิมพัน
เรื่องย่อ : โจ หัวแตงโม (2558/2015) โจ (จิรายุ ละอองมณี) วัยรุ่นชายเจ้าของร่างอวตารหัวแตงโม รับจ้างสืบหาคนในโลกออนไลน์ว่า ผู้ใช้ User จริง ๆ แล้ว ตัวจริงเป็นใคร โดยสืบจากเพื่อนของเป้าหมาย แล้วก็เพื่อนของเป้าหมาย แล้วก็เพื่อนของเพื่อนเป้าหมาย เพื่อหาที่อยู่ในโลกของคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็นำไปเปรียบเทียบกับที่อยู่จริง ก็จะรู้ว่าใครคือผู้ใช้ตัวจริง
เรื่องย่อ : ผีห่าอโยธยา (2558/2015) จากบทบันทึกของพงศาวดารและจดหมายเหตุทางประวัติศาสตร์ว่ากันว่าเมื่อราว 449 ปีที่แล้ว ในปีพุทธศักราช 2111 “พระเจ้าบุเรงนอง” ทรงนำทัพเข้ารุกรานอโยธยาทางด่านแม่ละเมา เมืองตาก ผ่านการกรำศึกสงครามอย่างต่อเนื่องจนในราวพุทธศักราช 2112 อโยธยาก็แพ้พ่ายสิ้นชื่อให้กับทัพพม่าจากหงสาก่อนที่จะเสียกรุงในท้ายที่สุด ว่ากันว่าหากแม้นการล่มสลายของอโยธยาในครานั้นหาได้มาจากภัยสงครามแล้วไซร้ จักมีหมายเหตุหลักฐานอื่นใดที่จะบ่งบอกถึงการกลืนกินถิ่นฐานครานั้น ปีพุทธศักราช 2108 ท่ามกลางมหาศึกระหว่างอโยธยาและหงสา ยังมีคำบอกเล่าถึงโรคาพิบัติภัยครั้งใหญ่ที่ประวัติศาสตร์มิได้จารึกไว้นั่นคืออุบัติแห่ง “ผีห่า” หายนะอาเพศที่ทำให้ศพที่เสียชีวิตจากโรคห่า กลับฟื้นชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้งในคราบของอสูรร้ายที่ไล่ล่ากัดกินผู้คนเพื่อแพร่เชื้อร้ายให้มนุษย์กลับกลายมาเป็นพวกของมัน แม้แต่พระ ลูกเล็ก เด็กแดง คนหนุ่มคนสาว ตลอดจนคนแก่ คนเฒ่า หญิงชายก็ไม่เว้น โดยที่มิมียาสมุนไพรใดจะรักษา มิมีอาวุธอื่นใดที่จะหยุดมันลงได้ หลายชีวิตที่เหลือพยายามทุกวิถีทางที่จะหนีตายให้รอดพ้นจากฝูงผีห่าซึ่งประกอบไปด้วย “ไอ้คง” (เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์) เด็กวัดที่หมายเด็ดดอกฟ้าอย่าง “เมี้ยน” (ซอนญ่า สิงหะ) ลูกเศรษฐีประจำหมู่บ้านที่ยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อความรักและเลือกหนีตายไปด้วยกัน, “ไอ้ขวัญ” (แต๊บ AF-ธนพล มหธร) หนุ่มนักเที่ยวขาประจำโรงชำเราชาย และ “อีพลอย” (แม็กกี้-อาภา ภาวิไล) คณิกาสาวสวยผู้แสนอาภัพงามทั้งรูปร่างและหน้าตาแต่กลับเป็นใบ้หูหนวก, “อีบัว” (โซดา-วีรี ละดาพันธ์) ช่างตีดาบหญิงที่เก่งกาจในการใช้สรรพอาวุธและการต่อสู้ไม่แพ้ชายอกสามศอกคู่อริของ “นายจัน” (หนึ่ง-ชลัฎ ณ สงขลา) เจ้าของกิจการโรงชำเราชายผู้มั่งคั่ง ละโมบ และเห็นแก่ได้ พร้อมทาสผู้ซื่อสัตย์อย่าง “ไอ้เล็ก” (พฤกษ์ รัตนฐิตินันต์ ) และ “ไอ้น้อย” (ชนนันท์ สิทธิเดช) ต้องมาอยู่รวมกันบ้างชิงชังรักใคร่ไม่ก็เกลียดกันจนเข้ากระดูก แต่ดูเหมือนจะมีเพียง “ไอ้เทพ” (คานธี วสุวิชย์กิต) หนุ่มขี้เหล้าต่างถิ่นอดีตนายทหารหัวหมู่ทะลวงฟันในศึกหงสาหนึ่งเดียวที่รอดชีวิตมาได้ล่วงรู้ว่าวิธีที่จะหยุดพวกผีห่าได้มีเพียงต้อง “ฟันหัว” ของมันให้ขาดออกจากร่างเท่านั้น แต่ทว่าผู้คนเพียงหยิบมือฤาจะรับมือกับผีห่าที่มาป็นฝูง ใช่ว่าทุกชีวิตจะมีเล็ดรอดไปได้ ฤานี่จะเป็นลางบอกเหตุให้รู้ว่าถึงคราที่อุบัติผีห่า…จักรุกรานพี่น้องกลืนกินอโยธยาจนแทบสิ้นแผ่นดิน
เรื่องย่อ : Skin Trade คู่ซัดอันตราย (2558/2015) นิค แคสสิดี้ (ดอล์ฟ ลันด์เกรน) ตำรวจนิวยอร์ก และ โทนี่ วิทยกุล (ทัชชกร ยีรัมย์) ตำรวจไทย ต่างทำการสืบสวนคดีเดียวกันแต่จากคนละมุมโลก ภารกิจคือการจับกุม วิคเตอร์ ดราโกวิช (รอน เพิร์ลแมน) และครอบครัวในข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ตอนตำรวจเข้าจับกุมที่ท่าเรือนิวเจอร์ซีย์ นิค ฆ่า อังเดร ลูกชายคนสุดท้องของ วิคเตอร์ ตายโดยไม่ตั้งใจ วิคเตอร์ ถูกจับกุมแต่ใช้เส้นสายทำให้รอดจากคุก ลูกชายของ วิคเตอร์ อีกสองคนตามจึงไปล้างแค้น นิค ด้วยการเผาบ้านฆ่าภรรยาและลูกสาวของ นิค ต่อหน้าต่อตา นิค เจ็บปางตายแต่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่ นิค ไม่ใช่ตำรวจแสนดีคนเดิมอีกต่อไป บาดแผลจากไฟที่แผดเผาบนใบหน้า นิค ยังไม่ร้อนแรงเท่าความแค้นที่ลุกลามในใจ ขบวนการตามล่าข้ามโลกมากรุงเทพฯ เพื่อกำจัด วิคเตอร์ จึงได้เริ่มขึ้น รี้ด (ไมเคิล ไจ ไวท์) เป็นสายของ วิคเตอร์ ที่แฝงตัวมาอยู่ในเอฟบีไอ รี้ด ตาม นิค มาที่กรุงเทพเช่นกันแต่ให้ข้อมูลเท็จ ทำให้ฝ่ายตำรวจไทยนำทีมโดย โทนี่ วิทยกุล ตามจับ นิค โดยได้รับการช่วยเหลือจาก มิน (เซลิน่า เจด) แฟนสาวสุดมั่นของ โทนี่ ที่เอาตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อให้ได้ข้อมูลสำคัญ ท่ามกลางการไล่ล่า รี้ด ฆ่าคู่หูของ โทนี่ อย่างเลือดเย็นและป้ายความผิดให้ นิค ทำให้ โทนี่ เลือดเข้าตาตามจับ นิค อย่างบ้าคลั่ง เมื่อคู่ซัดสองคนมาเผชิญหน้ากัน การต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้น แต่แล้วกลับจบลงด้วยความเป็นมิตรที่สองคนต่างคาดไม่ถึง จากคู่ซัดกลายมาเป็นคู่หูอันตรายคูณสองจากคนละซีกโลก โทนี่ และ นิค จับมือกันมุ่งหน้าสู่จุดกบดานของ วิคเตอร์ และลูก ๆ โดยไม่รู้ว่า วิคเตอร์ มีเซอร์ไพรซ์ที่จะทำให้บาดแผลของทั้งสองตำรวจบาดลึกลงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เรื่องย่อ : ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา (2558/2015) ในปี พ.ศ. 2135 หลังพ่ายศึกยุทธหัตถี ฝ่ายหงสาวดีพระเจ้านันทบุเรง ทรงโทมนัสที่ต้องสูญเสียพระราชโอรส จึงมีรับสั่งให้คลอกไฟเหล่าแม่ทัพนายกอง ที่ตามเสด็จพระมหาอุปราช ให้ตายตกตามกัน ทั้งยังระบายพระโทสะไปที่ พระสุพรรณกัลยา องค์ประกัน และพระราชโอรสธิดาถึงสิ้นประชนม์ชีพ ข้าง สมเด็จพระนเรศวร นั้น มีพระราชประสงค์จะนำทัพปราบหงสาวดี ให้ราบคาบ มิให้ตกค้างเป็นเสี้ยนหนาม ครั้นมาได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ ของพระพี่นาง และพระราชนัดดาก็ยิ่งโทมนัส จึงตัดสินพระทัยยกทัพใหญ่ หมายเหยียบหงสาวดีให้ราบเป็นหน้ากลอง ในระหว่างที่เดินทางมาถึงเมืองเมาะตะมะได้จับตัว พระยาลอ ผู้สำเร็จราชการแทน ที่พระเจ้านันทบุเรง ส่งให้มาปกครองเมือง ถูก เม้ยมะนิก ราชธิดาของ ศิริสุธรรมราชา เจ้าเมืองเมาะตะมะลอบสังหาร เพื่อแก้แค้นแทนบิดา พร้อมรวบรวมชาวรามัญเพื่ออาสาขอเข้าร่วมรบพม่ากับชาวอโยยา แต่ครั้นเมื่อทัพของพระองค์เสด็จถึงหงสาวดีก็พบแต่เพียงเศษซากของมหานครอันเคยยิ่งใหญ่ ด้วยนัดจินหน่อง ราชบุตรพระเจ้าตองอูได้วางอุบาย เชิญพระเจ้านันทบุเรงพร้อมกวาดต้อนผู้คนแลทรัพย์ศฤงคารของหงสาไปไว้ยังตองอูจนหมดสิ้น ครั้งนั้น สมเด็จพระนเรศวร จึงทรงยกทัพตามขึ้นไปถึงเมืองตองอู มีพระราชบัญชาให้ เมงเยสีหตู เจ้าเมืองส่งตัว พระเจ้านันทบุเรงออกมาถวาย ด้านนัดจินหน่องเห็นว่าพระเจ้านันทบุเรง ที่เชิญมานั้น เป็นภัยชักศึกเข้าบ้าน จึงหมายยืมมือ สมเด็จพระนเรศวร สังหาร พระเจ้านันทบุเรง เสีย แต่เมื่อ สมเด็จพระนเรศวร ได้ทอดพระเนตรเห็น พระเจ้านันทบุเรง ที่ทรงทุพพลภาพเป็นที่น่าสมเพช ก็ให้สลดพระราชหฤทัย ระหว่างนั้น เมงราชาญี เจ้าเมืองยะไข่ได้แต่งทัพเป็นกองโจร ตีลัดตัดเสบียงอยุธยามิให้ส่งข้าวน้ำขึ้นไปเลี้ยงทัพที่ล้อมพระนครตองอูอยู่ สมเด็จพระเอกาทศรถ จึงแบ่งทัพลงมาหมายจะเผด็จศึกยะไข่มิให้เป็นหอกข้างเเคร่ แต่ทรงพลาดท่าถูกเมงราชาญีจับตัวได้ พระราชมนู จำต้องขันอาสานำกำลังลงมา แก้เอา สมเด็จพระเอกาทศรถ กลับคืน และยกทัพกลับยังอยุธยา ข้างฝ่ายพุกามประเทศนั้นได้บังเกิดกษัตริย์ชาตินักรบขึ้นมา แทนพระเจ้าชนะสิบทิศ มีพระนามว่า พระเจ้ายองยาน ตามชื่อพระนครที่ปกครอง พระเจ้ายองยาน ทรงขยายแสนยานุภาพครอบคลุมดินแดนพม่าตอนบน เข้ายึดครองหัวเมืองในรัฐไทยใหญ่ทั้งหลาย และทรงกรีฑาทัพเข้าตีเมืองยองห้วยและเมืองแสนหวีซึ่งขณะนั้นล้วนเป็นเมืองประเทศราชของอยุธยา เมื่อ สมเด็จพระนเรศวร ทรงล่วงรู้ก็ทรงมีพระราชดำริที่จะตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่ให้อธิราชศัตรูพลิกฟื้นขึ้นมา เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินอยุธยาได้อีก สมเด็จพระนเรศวร จึงได้เสด็จยกกองทัพไปตีอังวะ ครั้งนั้น พระมหาเถรคันฉ่อง และ พระอัครมเหสีมณีจันทร์ ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ก็ทูลขอให้งด ซึ่งราชการสงคราม สมเด็จพระนเรศวร จึงทรงให้สัญญาว่า จะเสด็จไปทำศึกครานี้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่ก็ยั้งทัพจัดกระบวนอยู่หนึ่งเดือน แล้วให้ทัพ สมเด็จพระเอกาทศรถ ยกขึ้นไปทางเมืองฝาง ส่วนกองทัพหลวงยกไปทางเมืองหาง ตั้งค่ายหลวงประทับอยู่ที่ทุ่งแก้ว อยู่มา สมเด็จพระนเรศวร ทรงพระประชวรจึงโปรดให้ข้าหลวงรีบเชิญเสด็จ พระเอกาทศรถ มาเฝ้า ครั้นมาถึงได้ 3 วัน สมเด็จพระนเรศวร ก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันจันทร์ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สมเด็จพระเอกาทศรถ จึงได้อัญเชิญพระบรมศพ สมเด็จพระนเรศวร กลับกรุงศรีอยุธยาราชธานี