พระมหาชนก 2557

เรื่องย่อ: พระมหาชนก The Story of MAHAJANAKA (2557/2014) "องก์ ๑ กำเนิด" พระเจ้ามหาชนกฯ ผู้ครองกรุงมิถิลาแห่งแคว้นวิเทหะที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ทรงมีพระโอรส 2 พระองค์ พระองค์แรกทรงมีพระนามว่าพระอริฏฐชนกผู้ทรงมีความเข็มแข็งเฉียบขาด ส่วนองค์ที่สองทรงพระนามว่าพระโปลชนกผู้ทรงมีพระทัยเมตตาโอบอ้อมอารี ครั้น พระเจ้ามหาชนกฯ ทรงสวรรคต พระอริฏฐชนก ทรงขึ้นครองราชย์โดยมี พระโปลชนก เป็นอุปราช ทั้ง 2 พระองค์มีความคิดเห็นในการปกครองที่แตกต่างกัน พระอริฏฐชนก ทรงเห็นว่าอาณาจักรมิถิลาจะต้องยิ่งใหญ่ภายใต้กองทัพที่เข้มแข็ง ส่วน พระโปลชนก ทรงเห็นว่าต้องไม่ลืมจิตใจที่เปี่ยมสุขของประชาชนด้วย ในเวลาต่อมามีอำมาตย์ผู้ใกล้ชิดที่ทุตจริตได้ออกอุบายใส่ความว่า พระโปลชนก กำลังซ่องสุมผู้คนเพื่อก่อการกบฎ พระองค์จึงถูกจับไปขังไว้ แต่พระองค์ทรงตั้งจิตอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนสามารถหลบหนีออกมาพร้อมผู้จงรักภักดีและได้ไปพำนักอยู่ ณ เมืองชายแดน จนกระทั่งวันหนึ่ง พระโปลชนก ได้นำทัพกลับมามิถิลาเพื่อหวังจะขอปรับความเข้าใจกับ พระอริฏฐชนก จึงส่งสาส์นเพื่อแสดงเจตนาขอปรับความเข้าใจกัน แต่ถูกขัดขวางจากอำมาตย์ผู้นั้นด้วยการปลอมแปลงข้อความในสาส์นให้เป็นสาส์นท้ารบขณะเดียวกันพระอริฏฐชนทรงเป็นห่วงพระเทวี มเหสีของพระองค์ที่กำลังทรงครรภ์อยู่ จึงได้ให้หลบหนีออกไปจากวังเสีย ในสนามรบ พระอริฏฐชนก ทรงสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากฝีมือของอำมาตย์ผู้นั้น หลังจากนั้น พระโปลชนก จึงทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อแทน พระเทวี ทรงหนีออกจากเมืองมิถิลาอย่างยากลำบาก แต่ด้วยบุญญาธิการของพระโอรสในครรภ์จึงทำให้ทรงได้รับความช่วยเหลือจากท้าวสักกเทวราชที่ช่วยให้พระองค์สามารถหลบหนีไปถึงเมืองจัมปากะได้ ณ ที่นี้ พระเทวี ได้ทรงรับความช่วยเหลือจากอุทิจจพราหมณ์ โดยอุปการะรับ พระเทวี เป็นน้องสาว ต่อมาพระโอรสในครรภ์ทรงประสูติกาล โดยมีพระนามตามพระอัยยิกาว่า พระมหาชนกกุมาร "องก์ ๒ ความเพียร" เมื่อพระโอรสทรงเจริญวัยได้ถูกเพื่อน ๆ ล้อว่าเป็นลูกหญิงหม้ายพระมารดาจึงเล่าความจริงให้ทราบว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์จึงตั้งพระทัยว่าเมื่อเติบใหญ่แล้วจะไปเอาราชสมบัติและนครมิถิลาคืนมาให้ได้ครั้นเมื่อ พระมหาชนกกุมาร ทรงเจริญวัยเติบใหญ่เปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ พระองค์ทรงตรัสกับพระมารดาว่าจะไปล่องเรือทำการค้าขายที่ดินแดนสุวรรณภูมิ เพื่อสะสมทุนรอนและกำลังพลเพื่อหวังที่จะชิงราชสมบัติคืนมาให้ได้ ระหว่างทางในมหาสมุทร พระมหาชนก ได้มองเห็นว่าจะเกิดพายุขึ้น แต่ไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งพายุกระหน่ำเรืออย่างรุนแรง บรรดาลูกเรือทั้งหลายหวาดกลัวคร่ำครวญหนีตายกันอย่างโกลาหล ตรงกันข้ามกับ พระมหาชนก ที่ทรงตระหนักว่าเรือใกล้จะแตกเต็มที จึงเตรียมพระองค์โดยทรงเสวยให้อิ่ม และนำผ้าชุบน้ำมันมาพันกายให้แน่นหนา เมื่อเรือล่มเหล่าบรรดาลูกเรือที่ขาดสติและเดิมไม่เชื่อในสิ่งที่พระมหาชนกได้เตือนเกี่ยวกับพายุได้ตกน้ำกลายเป็นอาหารของฝูงปลาและสัตว์ทะเลทั้งหลาย ส่วน พระมหาชนก ก็ทรงแหวกว่ายด้วยความเพียรอยู่ในมหาสมุทรนี้เป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืน นางมณีเมขลา เทพธิดาผู้รักษาท้องมหาสมุทรเห็น พระมหาชนก ว่ายน้ำอยู่จึงลงมาช่วย พระมหาชนก และได้มีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความเห็น จนทำให้ นางมณีเมขลา เข้าใจถึงหลักปรัชญาของการบำเพ็ญวิริยบารมีของ พระมหาชนก จากนั้น นางมณีเมขลา จึงช่วยอุ้ม พระมหาชนก จนมาถึงฝั่งเมืองมิถิลา "องก์ ๓ ปัญญา" ที่เมืองมิถิลานี้ พระโปลชนก กำลังทรงพระประชวรอย่างหนักพระองค์ต้องการให้พระธิดาคือ พระนางสิวลีเทวี ได้ทรงมีคู่ครอง โดยได้ทรงตรัสทิ้งไว้ก่อนสิ้นพระชนม์ว่าผู้ใดไขปริศนาของพระองค์ได้จะทรงยกพระราชสมบัติทั้งหมดให้พร้อมด้วยพระราชธิดา เมื่อ พระโปลชนก สิ้นพระชนม์ลงเหล่าอำมาตย์ได้จัดพิธีเสี่ยงราชรถเพื่อหาผู้มีบุญญาบารมีมาไขปริศนานั้น ราชรถได้มาหยุดที่ พระมหาชนก ผู้ซึ่งทรงบรรทมอยู่ในสวนพระองค์ทรงไขปริศนาได้หมดทุกข้อ ทุกคนในเมืองมิถิลาต่างพากันสรรเสริญในพระปรีชาสามารถของพระองค์ จึงได้อัญเชิญพระองค์ให้ทรงอภิเษกกับ พระนางสิวลีเทวี เมื่อขึ้นครองราชย์ได้ทรงปกครองด้วยหลักทศพิธราชธรรมและนำพาความผาสุกมาสู่ปวงประชาชน วันหนึ่ง พระมหาชนก เสด็จประพาสอุทยานและทรงทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงต้นหนึ่งมีผลงามและอีกต้นหนึ่งไม่มีผลเลย พระองค์ทรงเสวยมะม่วง และตรัสว่ามะม่วงรสชาติดีดุจรสทิพย์ หลังจากพระองค์เสด็จกลับบรรดาประชาชนทั้งหลายก็เข้ามาโค่นต้นมะม่วงต้นนั้นเพื่อหวังจะเอาผลของมันมาบริโภค จนเป็นเหตุทำให้ต้นมะม่วงต้นนั้นถูกถอนรากโค่นลงมา เมื่อ พระมหาชนก ทรงทราบความ ทรงเศร้าพระทัยอย่างยิ่ง พร้อมกันนั้นทรงได้เปรียบเปรยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่ต้นมะม่วงกับพระราชสมบัติดังนี้ ต้นมะม่วงที่มีผลอาจจะถูกทำลายหรือถ้าไม่ถูกทำลายก็ต้องคอยเป็นกังวลจักต้องดูแลระแวดระวังรักษาไว้ ในทางกลับกันพระองค์ทรงคิดว่าถ้าจะเข้าถึงความสุขได้นั้นจักต้องทำตัวให้เป็นเสมือนเช่นต้นมะม่วงที่ไม่มีผล ที่ไม่ต้องกังวลว่าผู้คนในสังคมที่ไม่รู้จักคิดการณ์ไกลในการทำนุบำรุงต้นไม้เพื่อเก็บผลไว้กินในวันหน้า จะมาโค่นต้นมะม่วงนี้ได้ หลังจากนั้นจึงมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญนำหลักการของพระองค์ไปทดลองเพื่อฟื้นฟูต้นมะม่วงที่ถูกโค่นลงและหาวิธีการที่ทำให้ต้นมะม่วงที่ไร้ผลกลับมาเกิดผล พร้อมกันนั้นพระองค์ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งสถาบันการศึกษาขึ้นชื่อว่าปูทะเลย์วิชชาลัย เพื่ออบรมวิชาการด้านต่าง ๆ แก่บรรดาเหล่าอำมาตย์ข้าราชการและประชาชนในเมืองมิถิลา เพื่อที่ทุกคนจะได้มีวิชาความรู้ทั่วไป และมีสามัญสำนึกไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวแฉกเช่นเหล่าคนที่ชอบกินผลมะม่วงแต่กลับทำลายต้นมะม่วงทิ้งไป และเพื่อสังคมจะได้เจริญรุ่งเรืองและอยู่กันอย่างผาสุกสืบต่อไปกาลนานเทอญ

SUR-REAL เกมส์พลิก / โชคชะตาเล่นตลก / รักตาลปัตร (2557/2014) ภาพยนตร์ 3 เรื่อง 3 แนวทาง ที่สะท้อนตัณหาของมนุษย์ ทั้ง อยากได้ (ความร่ำรวย) อยากมี (แฟนสวย) และ อยากเป็น (ผู้หญิง) นำเสนอเรื่องที่มีอยู่จริง ทว่าเหนือจริงสร้างจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และเราทุกคนรู้ว่ามีอยู่ด้วยความต่ำจริง เถื่อนจริง และถ่อยจริง "เหยื่อ" เรื่องราวของการช่วงชิงเงินร้อนก้อนโต ที่โยงใยใครหลายคนให้ต้องก้าวเข้ามาสู่เส้นทางอโคจรเส้นนี้ ไม่ว่าจะเป็น นายตำรวจหนุ่ม (ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์) อบต. ผู้มีเบื้องหลังอันดำมืด ลูกน้องของ อบต. คนดัง เจ้าของอู่ซ่อมรถ กับแฟนสาว อดีดลูกน้องประจำอู่ หรือ คนขับแท็กซี่ (ต่อลาภ กำภูศิริ) ผู้กำลังร้อนเงิน! เพราะเรื่องผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ความโลภก็เช่นกัน ที่ไม่ว่าใครหน้าไหนในโลกต่างก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากบ่วงแห่งความโลภ ก่อนหน้าที่จะตกเป็นเหยื่อของมันในที่สุด และด้วยเหตุนี้เองยังมีผลให้เกืดการต่อสู้แย่งชิง ท่ามกลางการทรยศ หักหลัง และการฆ่าฟันอันสุดเลือดเย็น เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ใครที่จะสามารถช่วงชิงเงินร้อนก้อนนั้นไปได้ และใครที่กลายเป็นเหยื่อที่ถูกไฟโลภเผาผลาญจนต้องพบจุดจบอันน่าสังเวชใจ ทุกคำตอบรอคอยอยู่ ณ ชั่วนาทีสุดท้าย "ใต้ดิน" เรื่องราวของ อั๋น (กีรติ ศิวะเกื้อ) ชายหนุ่มที่คล้ายกับเกิดมาเพื่อเป็นผู้แพ้ในทุกประตู และทุกทาง มีแฟนสาวที่รักจนหมดหัวใจ ก็ถูกหักอกอย่างรุนแรง ด้วยการผละจากอกเขาไปหาผู้ชายอีกคน ทั้งยังต้องพบกับภาพบาดตาและบาดใจจนแทบยีนบนสองขาต่อไปไม่ไหว แต่ในระหว่างที่ อั๋น กำลังอกหักรักคุดและต้องสะดุดกับบรรดาสารพันรูปถ่ายของผู้หญิงที่เขารักตามที่ต่าง ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือในกรอบรูปบนโต๊ะทำงาน ชีวิตของ อั๋น กลับต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุร้ายโดยไม่รู้ตัว! คืนนั้นในขณะที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน อั๋น ในสภาพกระเซอะกระเซิง และเพิ่งหัวเสียกับการถูก ตัวแทนขายประกัน (เอนก อินทะจันทร์) โทรมากวนใจ เขาก็ต้องซวยซับซ้อน เมื่อตกกระไดพลอยโจนกลายเป็นพยานปากเอกเพียงคนเดียวของเหตุฆาตกรรมโหดถึง 2 เหตุการณ์ รวมถึงอยู่ในเหตุการณ์ก่อนการฆาตกรรมอีก 1 คดี และเมื่อเป็นเช่นนั้นผู้เป็นฆาตกรคงไม่อาจปล่อยให้เขากลับบ้านไปโดยที่ยังมีลมหายใจ แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องจบลง ด้วยบทสุปที่ไม่มีใครกล้าคาดคิด! "ความรักทำให้ฝรั่งตาบอด" เรื่องราวของ โต้ง (อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ) เจ้าของกิจกรรมร้านเหล้ามาดเซอร์เบลอ ๆ นิด ๆ ที่สถานการณ์ที่ได้พบเจอ ทำให้เขาเกิดฉุกคิดถึงแง่มุมเกี่ยวกับความรัก โดยเฉพาะกับสำนวนเชย ๆ ทว่ายังคงเร้าความรู้สึกได้ไม่น้อยอย่างความรักทำให้คนตาบอด ทั้งในแง่ของความรักที่สามารถดลบันดาลให้มนุษย์ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ความรักที่สามารถทำให้คนดีกลายเป็นคนตาบอดได้ และคนตาบอดนั้นใช้ใจมอง ขณะที่คนจาดีนั้นใช้ตาแทนใจ ซึ่งภายหลังจากที่ทบทวนอยู่หลายตลบเขาก็ยักไหล่และได้ข้อสรุปแบบง่าย ๆ เซอร์ ๆ ว่า "รักยังไงก็คือรัก" นั่นแหล่ะ แต่แล้วเมื่อ โต้ง ได้ไปพบกับ เป๊กกี้ (สุมาภรณ์ วันดี) เพื่อนสาวสมัยเรียนหนังสือ ที่มีชื่อเดิมว่า ไพโรจน์ ที่มากับแฟนฝรั่งชื่อ ปีเตอร์ ซึ่ง เป๊กกี้ คุยโอ้อวด แม้จะคบกันมา 2 ปีแล้ว แต่แฟนตาน้ำข้าวคนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นกระเทย หลังจากที่วงสนทนาดำเนินไปแบบแกน ๆ ด้วย โต้ง อยากขอปลีกตัวแทบแย่ แต่สถานการณ์ก็ดีขึ้น เมื่อ ทราย แฟนสาวของ โต้ง เข้ามาร่วมวงด้วย ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งถึงตอนแยกย้ายกันกลับ ในขณะที่ โต้ง และ ทราย ขอตัวและร่ำลากลับไปนั้น ปีเตอร์ ก็สะกิด เป๊กกี้ และบอกอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เธอต้องกลับมาถามตัวเองอีกครั้ง ว่าที่สุดแล้วเรื่องจริงกับสิ่งที่เห็นอาจเป็นคนละเรื่องเดียวกันโดยสิ้นเชิงก็เป็นได้
เร็วทะลุเร็ว VENGEANCE OF AN ASSASSIN (2557/2014) เมื่อความหลังแปรเปลี่ยนชะตากรรมของเขา เมื่อความแค้นพุ่งขึ้นถึงขีดสุด การไล่ล่าโดยมีชีวิตเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้น สำหรับ “นที” (เดี่ยว-ชูพงษ์ ช่างปรุง) แล้ว เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้ชีวิตของเขาก้าวเข้ามาสู่วิถีแห่งการเป็นนักฆ่าอย่างเต็มตัว ถึงขนาดยอมละทิ้ง “ธาร” (วุฒิ-นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์) น้องชายเพียงคนเดียว ก็เพียงเพื่อแลกกับข้อมูลคนที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าพ่อแม่ของเขา วันหนึ่งเขาได้รับคำสั่งให้ไปคุ้มครอง “พลอย” (เมย์-นิศาชล ต้วมสูงเนิน) หลานสาวของผู้มีอิทธิพล ในขณะที่นทีช่วยพลอยให้รอดพ้นจากการลอบสังหาร แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนจากคุ้มครองกลายเป็นฆ่าพลอยซะ แต่นทีก็ทำไม่ลง เหตุการณ์จึงเกิดพลิกผัน นทีถูกซ้อนแผนให้เป็นแพะในคดีลักพาตัว และถูกไล่ล่าจากมือสังหารลึกลับในขณะเดียวกัน นั่นทำให้นทีต้องกลับไปผนึกกำลังกับธารช่วยกันสู้สุดชีวิตเพื่อเอาชีวิตรอด พร้อมกับตามล่าหาความจริงว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังของแผนการทั้งหมดนี้ การต่อสู้สุดระห่ำที่มีความแค้นเป็นที่ตั้ง มาพร้อมกับกลยุทธ์การต่อสู้แบบมันส์สะใจคอแอคชั่นอย่างแน่นอน “จะสู้ให้ชนะ เราต้องเร็วกว่า แรงกว่า และระห่ำกว่า”
วัยเป้งง นักเลงขาสั้น DANGEROUS BOYS (2557/2014) ศึกครั้งนี้เกิดจากคำว่า เพื่อน เรื่องของเด็กกางเกงขาสั้น 2 แก๊ง 2 โรงเรียน แก๊งเฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว มี เป้ง (คุณาธิป ปิ่นประดับ) เป็นหัวหน้าแก๊ง และแก๊งไส้เลื่อนสะเทือนติ่ง มี ติ่ง (ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์) เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งก่อนหน้านี้ เป้ง กับ ติ่ง เคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน แล้ววันหนึ่งมีเหตุให้ทั้งคู่แตกหักกัน ชนิดที่ว่าเจอหน้ากันที่ไหนต้องยกพวงตีกันทุกที และความเกลียดชังยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้นเมื่อ รุ้ง (ชนัญญา พงษ์นาค) น้องสาวของ แมว (กิตติพัฒน์ สมานตระกูลชัย) จากแก๊งไส้เลื่อนสะเทือนติ่ง ที่ ติ่ง ตามจีบอยู่ ไปคบกับ เป้ง ทั้งสองแก๊งยกพวกตีกันครั้งใหญ่ ส่งผลให้ทั้งสองแก๊งถูกฝ่ายปกครองของโรงเรียนตัวเองเชิญผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายมาว่ากล่าวตักเตือน และยืนคำขาดห้ามทั้งสองแก๊งสร้างเรื่องอีกเด็ดขาด เป้ง มีน้องชายชื่อ ป๋องแป๋ง (สิรภพ มานิธิคุณ) แม้ว่าภาพที่ทุกคนเห็น ป๋องแป๋ง เป็นหัวโจกตามพี่ชาย แต่แท้จริงแล้ว ป๋องแป๋ง มีความใฝ่ฝันอยากมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง เขาหมั่นฝึกซ้อมเพื่อหวังจะได้โชว์บนเวทีสักครั้ง ป๋องแป๋ง กับเพื่อนอัดคลิปวงของเขาปล่อยลงยูทูป ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ยอดวิวพุ่งกระฉูด จนได้รับการติดต่อให้ไปเล่นเป็นวงเปิดในคอนเสิร์ตของศิลปินดัง ป๋องแป๋ง ดีใจมาก ทางฝ่าย ติ่ง ทราบเรื่อง จึงยกพวกเตรียมบุกงานคอนเสิร์ต หวังทำลายความฝันที่ใกล้จะเป็นจริงของน้องชายคนเดียวของ เป้ง ข่าวรู้ถึงหู เป้ง เขาไม่รอช้าที่จะบุกไปหยุดแก๊งของ ติ่ง เพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อน และเพื่อให้ฝันของน้องได้เป็นจริง แต่ เป้ง ได้ให้สัญญากับแม่ไว้ว่า จะไม่มีเรื่องอีก ระหว่างคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ และความฝันของน้องชายคนเดียวที่ เป้ง รักมาก เป้ง จะตัดสินใจอย่างไร เรื่องราวครั้งนี้จะลงเอยอย่างไรต้องตามลุ้นไปพร้อม ๆ กัน
นักฆ่าแค้นข้ามโลก MYSTIC BLADE (2557/2014) ชีวิตในการเป็นนักฆ่าของ แซม (ดอน เฟอร์กูสัน) มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อเขาตระหนักได้ถึงความชั่วร้ายขององค์กรที่เขาทำงานให้ หลายปีผ่านไป แซมทิ้งชีวิตการเป็นนักฆ่าและหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ที่นี่เขาประกอบอาชีพด้วยการทำประมงอย่างเรียบง่าย ได้พบกับสาวสวยผู้กลายมาเป็นภรรยาของเขาในเวลาต่อมา และมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน แต่แล้วชีวิตที่สงบสุขของแซมก็เปลี่ยนไป เมื่อเงาแห่งอดีตติดตามมาถึงในคราบของนักฆ่าจอมโหดขององค์กรที่ถูกส่งมาให้กำจัดเขา ก่อนที่จะจบลงด้วยการตายของภรรยาผู้เป็นที่รัก และเขากับลูกชายรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด เมื่อเป็นเช่นนี้ แซมจึงจำต้องหวนคืนสู่ตัวตนดั้งเดิม พร้อมๆ กับพกพาเอาความแค้นเดินทางข้ามทวีป เพื่อตามล่าเอาตัวคนที่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาให้จงได้
สมิง พรานล่าพราน (2557/2014) กลางดึกในป่าแห่งหนึ่ง พรานบุญ (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) พรานผู้มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่บ้านพราน ได้ช่วยชีวิต แดง (ยูนิค ธันยาบูลย์) เด็กในหมู่บ้านให้รอดพ้นจากการใช้ภาพลวงล่าเหยื่อของลูกสมิง โดยหารู้ไม่ว่าการฆ่าครั้งนี้เป็นที่มาของความแค้น แม่สมิงได้เห็น พรานบุญ ฆ่าลูกตัวเอง มันจึงเข้าหมู่บ้านพรานเพื่อแก้แค้น เป้าหมายหลักของมันคือ ลำดวน (เนรัญชรา เลิศประเสริฐ) ลูกสาวพรานบุญ แต่มันกับฆ่าได้เพียงแต่ แม่ปราง เมียของ พรานบุญ ทำให้ความแค้นไม่สิ้นสุด และการล่าเพื่อล้างแค้นจึงเกิดขึ้น จากการตายของ แม่ปราง ทำให้ พรานบุญ ตัดสินใจออกล่าสมิงอย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของ ลำดวน เขาได้ฝาก ลำดวน ไว้กับเพื่อนรักคือ พรานหลง (ณัฐกิจ อุดมศริรัตน์) ผู้ใหญ่บ้านของหมูบ้านพรานแห่งนี้ การล่าของ พรานบุญ ครั้งนี้ต้องแลกด้วยความตายเท่านั้น จากเหตุการณ์นี้ ทำให้สมิงได้ออกอาละวาดอย่างหนัก มันใช้ภาพลวงหลอกฆ่าเหยื่อ ทำให้ไม่เคยมีใครเห็นตัวมันจริงจริงนอกจากเหยื่อที่มันฆ่าเท่านั้น ข่าวการล่าของมันแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีล่าของมันทำให้กระตุ้นและท้าทายพรานจากที่ต่าง ๆ ให้พากันมาที่หมู่บ้านนี้ ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือ การล่าสมิง แต่วัตถุประสงค์ต่างกันออกไป บางคนล่าเพราะความแค้น บางคนล่าเพื่อปกป้อง บางคนล่าเพื่อสนุก บางคนล่าเพื่อชื่อเสียง คงมีแต่ ชาติ (อธิวัฒน์ ธีรนิธิศนันท์) ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หนุ่มอนุรักษ์ ที่เพิ่งเข้ามารับหน้าที่สืบสวนเรื่องนี้ ที่มีเป้าหมายที่แตกต่างออกไปเพราะเค้าต้องการหยุดการล่า เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ความแค้น การล่า ใครคือผู้ล่า ใครคือผู้ถูกล่า
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี (2557/2014) ในปี พ.ศ. 2129 พระเจ้านันทบุเรง ทรงแค้นเคืองที่ต้องปราชั­ยต่อ สมเด็จพระนเรศฯ อย่างย่อยยับ ทั้งต้องเสียไพร่พลและพระสิริโฉม จึงระบายความแค้นนั้นไปที่องค์พระสุพรรณกั­ลยา เมื่อ สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาทราบค­วามก็ให้โทมนัสด้วยสำนึกว่าชะตากรรมของพระ­ราชธิดาและแผ่นดินอยุธยาที่ถูกกระทำการย่ำ­ยีก็ด้วยเพราะพระองค์ทรงแปรพักตร์ไปเข้าข้­างศัตรู จนตรอมพระทัยเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศฯ ทรงมีพระชนมายุ 31 พรรษา จึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติค­รองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระราชบิดา สมเด็จพระมหาธรรมราชา หรือ (สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ 1) ข่าวการผลัดแผ่นดินของกรุงศรีอยุธยารู้ไปถึง พระเจ้านันทบุเรง แห่งกรุงหงสาวดี พระเจ้านันทบุเรง พระราชโอรสในพระเจ้าบุเรงนอง สำคัญว่าราชอาณาจักรสยาม หรืออาณาจักรอยุธยาจะไม่เป็นป­กติสุขเป็นช่องชวนชิงเชิง จึงโปรดให้พระราชบุตร พระมังสาม­เกียด หรือ(พระมังกะยอขวาที่ 1) พระมหาอุปราชเจ้าวังหน้ากรีฑาทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ นำกองทัพทหาร 240,000 นาย (สองแสนสี่หมื่นนาย) มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวร ทรงทราบว่า พม่ายกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลัง 100,000 นาย (หนึ่งแสนนาย) เดินทางออกจากบ้านป่าโมก อ่างทองไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง ลพบุรี และตั้งค่ายหลวงบริเวณหนองสาหร่าย โดย สมเด็จพระนเรศวร โปรดให้ พระราชมนู แต่­งพลเป็นทัพหน้าขึ้นไปลองกำลังข้าศึกถึงหนอง­สาหร่าย ทัพหน้า พระราชมนู ปะทะเข้ากับทัพพม่าถึงขั้­นตะลุมบอน แต่กำลังข้าง พระราชมนู น้อยกว่าจึงแตกพ่ายถ­อยลงมาเป็นอลหม่าน สมเด็จพระนเรศฯ ทราบความจึงออกอุบายให้ทัพข้าศึกไล่เตลิดลงมาจนเสียกระบวนแล้วจึงทรงนำกำลังออกยอทัพข้าศึก ครั้งนั้นพระคชสารทรงของสมเด็จพระนเรศฯ นามเจ้าพระยาไชยานุภาพ และพระคชสารทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถคือเจ้าพระ­ยาปราบไตรจักรต่างตกมัน วิ่งเตลิดแบกพลฝ่าเข้าไปในทัพพม่ารามัญกลางว­งล้อมข้าศึก และหยุดอยู่หน้าช้าง พระมังสามเกียดพระมหาอุปร­าชา พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าพระยาขุนศึก จึงทราบได้ว่าพระคชสารทรงของสองพระองค์หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพข้าศึก และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึกจึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามด้วยคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า "พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้สมพระเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว" พระมังสามเกียดพระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสพระคชสารนามว่า พลายพัทธกอเข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมังสามเกียดพระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่ สมเด็จพระนเรศวร ทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้น เจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพัทธกอเสียหลัก สมเด็จพระนเรศวร ทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูก พระมังสามเกียด พระมหาอุปราชา เข้าที่อังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง ส่วน สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงฟันเจ้าเมืองจาปะโรเสียชีวิตเช่นกัน พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นระยะเวลาอีกยาวนาน

ไพรดิบ SPIRITS WAR (2557/2014) เรื่องราวการผจญภัยและเวทมนตร์ยังปรากฏอยู่ในพรมแดนที่มีชื่อว่า สยาม ดินแดนที่เต็มไปด้วยความดีและความสุข กระทั่ง ท้าวพันวา (สมชาย ศักดิกุล) ตัดสินใจที่จะสร้างเหมืองขึ้นในภูเขาท่ามกลางป่าอันเต็มไปด้วยมนตร์ดำ โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าเหมืองนั้นเป็นสุสานโบราณ เรื่องราวร้าย ๆ เกิดขึ้นระหว่างการสร้างเหมืองมีคนตายคนแล้วคนเล่า ซึ่งชีวิตเหล่านี้ได้ปลุกวิญญาณร้ายขึ้นมา เผยแพร่มนตร์ดำไปยังหมู่บ้านข้างเคียง ไพร (อัครา อมาตยกุล) นักล่าวิญญาณ เดินทางจากบ้านเกิดมายังสยามและได้พักผ่อนใกล้กับเหมืองปีศาจ เขาหลับไปและถูกปลุกขึ้นมาโดยวิญญาณชั่วร้าย ไพร ใช้เขี้ยวนาคาต่อสู้กับศัตรู ในเวลาเดียวกัน ภารตี นักล่าภูติสาวได้รับการว่าจ้างจาก ท้าวพันวา ให้มาจัดการกับภูติร้ายในเหมือง ระหว่างทาง ภารตี เห็น ไพร สู้กับภูติร้ายจึงเข้าช่วยเหลือ แต่ก็สายไป เธอถูกจับตัวไป เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นฝีมือของ ยันตรัย (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) แท้จริงแล้ว ยันตรัย กับพ่อของ ไพร เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน
The Goddess of Nymph เทพเทวี นารีผล (2557/2014) ด้วยความเชื่อที่ว่า หญิงใดที่มีเมล็ดพันธุ์แห่งนารีผลอยู่ในเรือนกาย จะนำมาซึ่งพลังอำนาจ รวมทั้งยังบันดาลความร่ำรวยให้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด และเมื่อกลุ่มคนร้ายบังเอิญล่วงรู้ถึงความลึกลับแห่ง “นารีผล” ที่อยู่ภายในร่างกายของสาวงามผู้หนึ่ง เมื่อนั้นการแย่งชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอำนาจที่ไร้ซึ่งจุดจบสิ้นก็เริ่มต้นขึ้น
พระเจ้า 5 พระองค์ (2557/2014) “เมื่อความชั่วร้ายเข้าปกคลุม พลังอำนาจแห่งพุทธคุณจะปรากฏ” เพราะความต้องการจะเอาชนะอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จึงนำพาให้หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับศาสตร์มืดที่ใครก็ยากจะต่อกร มีเพียงแค่พลังอำนาจจากเมตตาจิตของ “พระเจ้า 5 พระองค์” เท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับสิ่งชั่วร้ายนี้ได้ นี่จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึง “แรงศรัทธา” ในความเชื่อมั่นอันอันศักดิ์สิทธิ์ของ “พุทธคุณ” อย่างแท้จริง
คาถา อาคม (2557/2014) เรื่องราวของความเชื่อในวิชาคาถาอาคมในด้านการสัก,ไสยเวทย์ การปลุกเสกเลขยันต์ และควายธนู ท่ามกลางการต่อสู้ของจอมขมังเวทย์ 2 ฝ่ายที่ต่างก็มั่นใจในวิชาของตนว่าอยู่เหนือกว่าของคู่ต่อสู้ นี่จึงเป็นบททดสอบว่า “ความเชื่อมั่นในมนตรา” ของใครที่จะแข็งแกร่งกว่าของอีกฝ่ายหนึ่ง ว่าด้วยความเชื่อ ตามความเชื่อของคนโบราณนั้น ผู้ที่ทำการสักหนุมาน จะมีพลังอำนาจเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปทั้งในเรื่องของพละกำลัง,ความว่องไว ส่วนการปลุกเสกเลขยันต์จะใช้ในการดูเลขผานาทีในการต่อสู้ ให้ได้รับชัยชนะ และควายธนู คือ อาวุธทางคุณไสย์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการทำร้ายศัตรูคู่ต่อสู้ให้ถึงแก่ชีวิต

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ