เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ (2550/2007) เรื่องราวความฮาก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อ เหยิน (จาตุรงค์ พลบูรณ์) ชายขับรถสองแถวในตลาด อยากรวย จึง เข้าแก๊งค์มาเฟีย เลยชวนเพื่อนรัก เหล่ (เจริญพร อ่อนละม้าย) เข้าร่วมด้วยความที่เหล่ ตาเหล่า ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น แต่ทั้งสองให้สัญญาว่า ถ้าเหยินตายเหยินจะมอบฟันให้เหล่ ถ้าเหล่ตายเหล่จะมอบตาให้เหยิน ทั้งสองจึงตัดสินใจชวน เป๋ (พิชญนาฎ สาขากร) แม่ค้าที่ขายปลาสวยซ่า แต่ดันขาเป๋ ใส่เหล็กดามไว้ และยังเป็นกิ๊กกับ สาหัส (ธนกฤต พานิชวิทย์) ตำรวจหนุ่มจอมซื่อบื้อ และเป็นคนที่ฟังอะไรไม่รู้เรื่อง เข้าร่วมแก๊งค์ด้วยทั้ง เหยิน เป๋ เหล่ จึงเข้าร่วมแก๊งค์ เฮียโต๊ด กึ้ง (เฉลิมชัย มหากิจศิริ) มาเฟียคุมตลาด จนกระทั่งวันหนึ่ง เฮียโต๊ด ได้มอบหมายงานให้ทั้ง 3 ปฏิบัติภารกิจลักพาตัวลูกชาย มหาเศรษฐี ที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติโดยมีสาหัสเข้าร่วมด้วย ทันที่ที่รถตู้จอด เหล่กับ เป๋ รีบวิ่งเอาถุงดำไปคลุม เพื่อจับเหยื่อแล้วลากขึ้นรถ พอรถตู้ออกมาเหยินก็พบว่าเหยื่อที่จับมาผิดตัว ดันไปจับคนข้าง ๆ นั่นคือ ซังวู เด็กออทิสติก ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ เสี่ยโบ้ (เอกชัย ศรีวิชัย) ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดแถมยังเป็นหัวหน้าเฮียโต๊ดด้วย ทั้ง 3 จึงตัดสินใจเอา ซังวูไปปล่อยที่วัด แต่ ซังวูไม่ยอมไป เพราะ ซังวู เป็นเด็กขาดความอบอุ่น เห็นภาพพ่อที่ทำร้ายแม่ ทั้ง 4 ก็เลยต้องเลี้ยงดู ซังวู เมื่อถูกตามล่า ทั้งหมดแอบซ่อนตัว อยู่ในร้านคาราโอเกะของ เจ้ไฝ (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) หัวหน้าของ เปรี้ยว (เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้) สาวที่แอบชอบเหยิน จากนั้นลูกน้องเฮียโต๊ดก็ตามมาเจอที่ร้าน คาราโอเกะ ทั้ง 4 จึงต้องรีบหนีออกมา ส่วนทางเสี่ยได้ประกาศว่าถ้าลูกชายเขาเป็นอะไรไป คนที่ลักพาตัว จะต้องโดนจับมาทรมานอย่างทารุณ
ก่อนบ่าย เดอะ มูฟวี่ ตอน : รักนะ…พ่อต๊ะติ๊งโหน่ง

ก่อนบ่าย เดอะ มูฟวี่ ตอน : รักนะ...พ่อต๊ะติ๊งโหน่ง (2550/2007) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ท่ามกลางไอหมอกในอ้อมอกขุนเขาเขียวชะอุ่มเหนือสุดแดนสยาม ยังมีสามหนุ่ม เด๋อทูบี (ที่ไม่ใช่ดีทูบี) นามว่า ทีป้อ (ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ) หล่อซา (ชูเกียรติ เอี่ยมสุข) หม่าจู (สมชาติ ทรงกลด) เป็นขวัญใจของคนในหมู่บ้าน และแล้วกามเทพก็หลบร้อนขึ้นดอยไปแผลงศรไปปักอกทั้งสามเด๋อ เมื่อได้เจอะกับสามสาวเมืองกรุง หนึ่งในนั้นคือ แอนนี่ (อเล็กซานดร้า สติเบิร์ท) ทีป้อถึงกับอุทานเรียกชื่อเธอว่า คุงด่อม้า สวยจาง (แปลให้ คุณดอกไม้สวยจัง) แถวบ้านเรียกว่าตกหลุมรักแบบจังเบอร์ และอุบัติเหตุรักต่าง ๆ ก็พาให้ทีป้อคิดไปไกล หารู้ไม่ว่าตัวเองรักเขาข้างเดียว ฮือ ๆ แต่ช่วงเวลาความสุขช่างแสนสั้น แอนนี่ต้องกลับกรุงเทพไปพร้อมความเข้าใจผิดบางอย่าง ทีป้อและแก๊งสามเด๋อจึงต้องลงดอยเข้าสู่เมืองกรุง เพื่อปฏิบัติการภารกิจที่มีชื่อว่า ตามหาดอกไม้ใจดอย ยังไงละทีนี้ เมืองกรุงออกจะกว้างใหญ่ สามเด๋อเลยเซ่อซ่าไปเจอเรื่องราวอลวนและผู้คนมากมาย ทั้งหมู่บ้านประหลาดที่มีแต่ผู้คนเพี้ยน ๆ กะเทยร่างใหญ่ใจนักเลง คนหน้าเหลี่ยมที่สั่งอาหารชื่อแปลก ๆ แถมยังต้องขี่รถไฟฟ้าถูกตามล่าทั่วเมืองอีกต่างหาก พอได้เจอคุณดอกไม้สมใจก็อกหักดังเป๊าะ เพราะสาวเจ้าดันมี ภคิณ (ตระการ พันธุมเลิศรุจี) เป็นเจ้าของแล้ว ซึ่งภคิณกำลังคิดร้ายกับคุณดอกไม้อยู่ งานเข้าแล้วสิ งานนี้ทีป้อกับแก็งสามเด๋อจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จหรือไม่

ผีจ้างหนัง (2550/2007) เมื่อปี 2530 ปรากฏการณ์จริงที่ป่าคำชะโนด มีหนังกลางแปลงเจ้าหนึ่งถูกว่าจ้างให้ไปฉายหนัง เจ้าของหนังรับเงินแล้ว ไปตามแผนที่ในวันที่นัดไว้ในตอนเย็น แต่พวกเค้าเริ่มรู้สึกแปลก ก็เพราะในที่แห่งนั้นไม่มีคนเลยสักคน ไม่มีคนรอดู ไม่มีร้านค้ามาตั้งแผงใดๆ คนฉายหนังก็เริ่มฉายหนังจนจบไปสามเรื่องก็ยังไม่มีคนดู กรุงเทพฯ ในปี 2550 หมอยุทธ ผู้ที่มีความหมกมุ่นหวังพิสูจน์เรื่องราวของความเร้นลับ ค้นคว้าเรื่องราวที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ของการที่มีคนไปฉายหนังให้ผีดู โดยมีอร พยาบาลสาวที่ทนทุกข์ อยู่ร่วมกับเขาและหวังจะตีจากเขาอยู่ตลอดเวลา ถูกดึงมาเป็นส่วนร่วมในงานทดลองของเขา และเป็นคนสำคัญที่ทำให้การท้าพิสูจน์ของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ การพิสูจน์เรื่องราวอันเร้นลับครั้งนี้ มีคู่สามีภรรยา จิ และ พรรณ นักข่าวรุ่นใหญ่ร่วมเป็นทีมงาน ด้วยหวังชื่อเสียงในการนำเสนอข่าว และมีโรจน์ เด็กจรจัดที่แอบหลงใหลในตัวอร เข้ามามีส่วนร่วมและช่วยค้นคว้าหาข้อมูล พวกเขาค้นหาทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของผีจ้างหนัง รวมไปถึงการบุกไปถึงป่าคำชะโนด
THE BUDDHA พระพุทธเจ้า (2550/2007) ย้อนหลังไปกว่า 2,500 ปี เจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติ ณ สวนลุมพินี โหรได้ทำนายว่าถ้าเจ้าชายไม่ได้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นบิดาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้พระราชกุมารผันความสนพระทัยไปออกผนวช แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าชายก็ได้พบความจริงว่ามนุษย์นั้นจะอย่างไรก็ไม่พ้นความทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงตัดสินใจช่วยมนุษย์ให้พ้นทุกขเวทนานี้ โดยหนีออกจากพระราชวังไปออกผนวช เจ้าชายสิทธัตถะต้องพบกับอุปสรรค ต้องทดลองทรมานตนหลายรูปแบบ ต้องพบกับมารที่มาผจญกว่าจะได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อพบกับภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในการช่วยเหลือมนุษย์โลกให้พ้นทุกข์
โปงลาง สะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า (2550/2007) โรงหนังเฉลิมพลรามา เคยเป็นโรงหนังรุ่งเรือง คนดูหนังแน่นโรง แต่พอมีผีดุมาอาละวาดหลอกคนแทบทุกวัน รายได้ก็ตกฮวบ โตมร (อี๊ด - สมพงษ์ คุนาประถม) หลานชาย ลุงปาย (บุญชื่น บุญเกิดรัมย์) เจ้าของโรงหนัง จึงหาเรื่องจะขายโรงหนังทิ้ง ส่วนลุงปายอยากเก็บรักษาไว้ ทั้งคู่จึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด อีกสาเหตุที่โตมรอยากขายโรงหนัง เพราะ พลอย (วิสา สารสาส) นายหน้าที่มาติดต่อซื้อ โตมรหลงรักพลอย จึงเสนอตัวเกลี้ยกล่อมลุงปาย แต่พูดเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ผู้คนในละแวกโรงหนัง ยังมีพนักงานเดินตั๋ว นำด้วย เปรี้ยว (ลูลู่ - ดวงฤดี บุญบำรุง), หวาน (ลาล่า - ขวัญนภา เรืองศรี) สองสาวพนักงานโรงหนัง, พี่ด้วง (ค่อม ชวนชื่น) พนักงานเดินตั๋วคู่หู กับ เค (อนุชิต กุลศรี) พนักงานรุ่นน้อง แถมด้วย ป๋อง (โก๊ะตี๋ อารามบอย) เด็กส่งฟิล์มหนัง ผู้ซึ่งเมาตลอดเวลาที่ส่งฟิล์ม ทั้งสองจึงต้องวนเวียนเข้าส้วมกันบ่อย ๆ ตลอดเวลาที่โตมรกลุ้มใจ ทั้งปัญหาหัวใจและโรงหนัง ก็ได้เพื่อนแปลกหน้า วิน (บีม - กวี ตันจรารักษ์) โชเฟอร์แท็กซี่ละแวกนั้น คอยให้คำปรึกษาดี ๆ จนโตมรแก้ปัญหาได้เสมอ ทั้งที่โตมรไม่เคยรู้ความเป็นมาของวินมาก่อนเลย แต่ทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนสนิทกันได้ เมื่อถึงเวลาที่โรงหนังจะต้องปิดตัว พนักงานทุกคน ต่างร่วมใจกันแยกย้ายไปหางานพิเศษ หวังนำเงินมาช่วยโรงหนัง บ้างไปเป็นสตั้นแมน บ้างไปเป็นหมอนวดแผนไทย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทุกคนกลับมาอย่างหงอย ๆ เพราะไม่ใช่งานที่ถนัดอย่าง ตำส้มตำ หรือ ร้องรำทำเพลงที่ชอบบรรเลงกันทุกเย็น
รักแห่งสยาม (2550/2007) เรื่องราวอบอุ่นเริ่มขึ้น เมื่อสายลมหนาวแห่งฤดูกาลโพยพัดมา ที่นี่แห่งนี้ "สยามแห่งรัก" ...โต้ง (มาริโอ้ เมาเร่อ) เด็กชาย ม.6 หน้าตาดี มีแฟนสวยเสียจนเพื่อน ๆ และผู้ชายทั้งสยามสแควร์จะต้องอิจฉา แต่ใครเลยจะรู้ว่าความสดใสและน่ารักของ โดนัท (ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) สำหรับโต้งเริ่มจะกินไม่ได้เสียแล้ว โต้งเริ่มตีตัวออกห่างโดนัทและเริ่มค้นหาคำตอบให้กับชีวิตตัวเอง ในขณะที่ มิว (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล) เด็กชายวัยเดียวกันผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรีก็กำลังทุ่มเทความรักให้กับเสียงเพลงและวงดนตรีของตัวเอง มิวเป็นเด็กผู้ชายขี้เหงาที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความรักมานานแสนนาน ตั้งแต่อาม่าตายจากไป ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับโจทย์เพลงรักที่มิวต้องแต่งให้กับ "วงออกัส" เพื่อนำไปเสนอกับค่ายเพลงใหญ่ ในเวลาเดียวกับที่ หญิง (กัญญา รัตนเพชร) เพื่อนบ้านของมิวก็คอยให้กำลังใจและแอบมองมิวอยู่ห่าง ๆ แต่มิวก็ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่หญิงมีต่อตัวเองเลย และแล้ววันหนึ่ง "สยาม" ก็เป็นที่ที่ทำโต้งและมิวก็ได้เจอกันอีกครั้ง หลังจากที่ขาดการติดต่อกันมานานตั้งแต่โต้งย้ายบ้านไปตอนเด็ก มิวแนะนำโต้งให้รู้จักกับ จูน (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) คนดูแลวงดนตรีของมิวที่หน้าตาเหมือนกับ แตง พี่สาวของโต้งที่หายตัวไปสมัยที่เขายังเด็ก โต้งจึงคิดแผนให้แม่ สุนีย์ (สินจัย เปล่งพานิช) จ้างจูนปลอมตัวเป็นแตงเพื่อมารักษาอาการติดเหล้าให้กับพ่อ กร (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) การเข้ามาของจูนทำให้ครอบครัวโต้งดีขึ้น ในขณะที่เพลงรักของมิวก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ความฝันของวงออกัสที่จะได้ออกอัลบั้มเริ่มใกล้เข้ามาทุกที แต่แล้วมิวก็หายตัวไปในวันออดิชั่น สร้างความเสียหายให้กับวง จนพี่อ๊อดโปรดิวเซอร์ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนนักร้องนำ และแล้ววันคริสมาสก็ใกล้เข้ามา คอนเสิร์ตใหญ่ที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า วงออกัสจะได้เปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก มิวจะตัดสินใจอย่างไร แล้วใครจะเป็นผู้จับไมค์ร้องเพลงรักที่มิวเขียนขึ้น
Bangkok Time ดึกแล้วคุณขา (2550/2007) ดึกแล้วคุณขา เป็นภาพยนตร์รัก โรแมนติก มีเนื้อหาเกี่ยวกับรักสามเส้า ของชายสองหญิงหนึ่งที่เป็นคนทำงานกลางคืน คือ พ่อค้าขายของปลอมริมถนนสีลม (รับบทโดย อรรถพร ธีมากร) ชายหนุ่มบริการทางโทรศัพท์ (รับบทโดย อนันดา เอเวอริ่งแฮม) และนางพยาบาลที่ต้องเข้าเวรกะดึก (รับบทโดย ดุสิตา อนุชิตชาญชัย)
Brave กล้า หยุด โลก (2550/2007) บุรุษอันตรายที่กล้ากระโดดตื้บทุกคน แม้ความตายก็ไม่อาจหยุดเขาได้ เพราะไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่เขาต้องกลัวอีกแล้ว เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เมื่อบัตรเครดิตกลายเป็นสิ่งจำเป็นของคนที่อาศัยในเมืองใหญ่ ๆ ของทุกประเทศในโลกเป็นเสมือนตัวแทนของความน่าเชื่อถือ ความมีเกียรติและมีอำนาจในการจับจ่ายสิ่งของต่างๆแทนเงินสด เท่ากับว่ามันเป็นการเชิญชวนให้แก๊งอาชญากรรม ต่างต้องการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากธุรกรรมอันหอมหวนนี้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย หนุ่มน้อยนาม ไพโรจน์ หรือ บี (ไพโรจน์ บุญเกิด) ถูกคำสั่งจากบุคคลลึกลับให้เข้าไปโจรกรรมข้อมูลลูกค้าจากบริษัทบัตรเครดิตชื่อดัง โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ โต้ง (อาฟฟลิน เชากิ) พี่เขยชาวมาเลเซีย ผู้มีพระคุณของตนเอง ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน ด้วยความสามารถเฉพาะตัวบวกกับฝีไม้ลายมือการต่อสู้ ไพโรจน์ได้ข้อมูลลูกค้าทั้งหมดจาก ลิตา (ศุภักษร เรืองสมบูรณ์) รองประธานกรรมการบริษัทบัตรเครดิต Wealthy Bank นำไปแลกตัวโต้งมาได้อย่างหวุดหวิด ผลของการโจรกรรมครั้งนี้ ทำให้บริษัทบัตรเครดิต เกิดปัญหาลุกลามใหญ่โต จนทำให้ประธานกรรมการบริษัท สมบุญ (วันชาติ ชุณห์ศรี) ออกมารับผิดชอบโดยการยิงตัวตาย และได้ทิ้งลิตาภรรยาสาวแสนสวยไว้ ข่าวการตายของสมบุญ ทำให้ไพโรจน์ รู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้ลิตาต้องสูญเสียสามี จึงตั้งใจจะไปขอโทษแต่เมื่อไปถึงที่บ้านกลับพบว่า คนในบ้านลิตา โดนทำร้ายและตัวลิตา ถูกจับไปโดยกลุ่มชายลึกลับกลุ่มเดียวกันกับที่ตามมาถล่มตนและโต้ง ไพโรจน์และโต้งตามหาความจริงจนรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังของงานนี้คือ โกวิท (สหัสชัย ชุมรุม) ผู้ทรงอิทธิพลและอยู่เบื้องหลังอาชญากรรมและการค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศ โดยมีลูกน้องฝีมือเยี่ยม 2 คน คือ กันต์ (ระพีพันธ์ บุตรทอง) และ จอห์น (อาวี่) ที่เป็นผู้ตามฆ่าเขานั่นเอง... ทั้งคู่ตกลงจับมือกัน บุกเข้าไปถึงโกดังลับของโกวิท โดยมีเพื่อนเก่า ไม้ (ดีน อเล็คซานดรู) เพื่อนรักเพื่อนแค้นรวมทั้งเป็นพี่ชายของ เหมียว (ชารีฟา โซเฟีย) แฟนเก่าของไพโรจน์ เป็นคนพาเข้าไปในโกดังลับแห่งนั้น และการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็ได้เกิด ซึ่งที่นี่นั่นเอง ทำให้ไพโรจน์รู้ว่า ตนเองถูกหลอกใช้ การปล้นทั้งหมดเป็นเพิ่งการจัดฉากขึ้นเพื่อตบตาตำรวจเท่านั้น แต่ในความจริงนั้น ยังมีบางสิ่งที่ไพโรจน์และโต้ง คาดไม่ถึงซุกซ่อนอยู่
วิญญาณ โลก คนตาย (2550/2007) ท่ามกลางผู้คนมากมาย เธอเหมือนอยู่ลำพังกับความทรงจำที่ไม่ต้องการ เขาเหมือนอยู่เดียวดายกับความลับที่รอวันไขขาน เธอสื่อสารได้กับวิญญาณที่อยู่รอบกาย เขามิอาจทำลายเสียงหลอนที่แว่วเข้าหู เธอและเขา เหมือนอยู่ระหว่าง โลกคนเป็น และ โลกคนตาย เธอและเขา ต้องร่วมคลี่คลายอดีตอันน่าสะพรึงของกันและกัน มิ้ง (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) หญิงสาววัย 20 ปี ที่ทุกข์ทรมานกับการมองเห็นในแบบที่หลายคนไม่เคยรับรู้ เธอมองเห็นโลกแห่งความตายและวิญญาณไร้ร่างที่ยังไม่ไปผุดไปเกิด เธอจะเห็นวิญญาณในทุก ๆ ที่ที่เธอไป และในทุก ๆ เวลาตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเธอมอง เธอจะเห็นมัน และเมื่อเธอหลับตาลง เธอจะยิ่งเห็นพวกมันชัดเจนขึ้นในความมืด ตลอดสิบห้าปีที่เธอเห็นผี มิ้งจะต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเธอต้องไปอาศัยอยู่ตามบ้านที่มีคนฆ่าตัวตาย บ้านผีตายโหง แม้ว่ามันจะน่ากลัวสำหรับคนที่มองเห็นผีได้อย่างเธอ แต่มิ้งก็รับรู้ว่ามันปลอดภัยมากกว่าสำหรับคนที่กำลังหนีบางสิ่งที่สยดสยองกว่านั้น วิญญาณในบ้านผีสิงเท่านั้นที่จะสามารถคุ้มครองเธอได้ จนกระทั่งเธอได้พบกับ บัติ (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) หมอผ่าศพวัยยี่สิบห้าปี ผู้มีเพื่อนเป็นเหล่าร่างไร้วิญญาณในห้องดับจิต บัติมาหามิ้งด้วยความเชื่อว่า มิ้งจะสามารถไขอดีตความลับการตายของพ่อของเขาได้ว่า พ่อของเขาตายจากการฆ่าตัวตาย หรือว่ามันเป็นความตายจากการฆาตกรรมกันแน่ การเข้ามาในชีวิตมิ้งของบัติ ทำให้เธอต้องรื้อฟื้นเหตุการณ์ระทึกขวัญในอดีต ซึ่งทำให้เธอต้องค้นพบความจริงอันน่าสะพรึงกลัวกว่าสิ่งใด ๆ ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
บอดี้...ศพ # 19 (2550/2007) ชลสิทธิ์ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) ไม่ได้นอนมาแล้วเกือบอาทิตย์ เขาไม่อยาก ไม่กล้า และไม่อาจข่มตานอน เพราะยามใดก็ตามที่เผลอหลับตา ชลจะฝันเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร จำได้แค่ว่าเขาเคยสบตาผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้โดยบังเอิญครั้งหนึ่งในร้านอาหาร ในฝันเธอกรีดร้องให้เขาทำอะไรบางอย่าง และเขาคงไม่มีวันหยุดฝันร้าย ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของเธอ อาการของชลทำให้ เอ๋ (อรจิรา แหลมวิไล) พี่สาวซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด บังคับให้เขาเข้ารับการบำบัด ชลเล่าให้ อุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์ของเขาฟังว่า ทุกครั้งที่ฝันเขาจะรู้สึกเหมือนตัวเองตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมเสียเอง สัมผัสในวินาทีที่อวัยวะโดนทิ่มแทง แรงกระตุกของลมหายใจเมื่อวิญญาณหลุดจากร่าง ความทรงจำอันเจ็บปวดค่อยๆ เข้าครอบงำสมองของชล หรือเขากำลังจะเป็นบ้า ด้วยร่องรอยเพียงน้อยนิดของผู้หญิงในฝัน มันนำชลไปสู่ตู้เก็บศพหมายเลข 19 ชลพยายามจะพิสูจน์กับเอ๋ว่าเขาไม่ได้บ้าไปเอง และความลับในตู้ใบนั้นเท่านั้นที่จะยืนยันได้ ในขณะที่ยิ่งอุษารักษาชลนานเข้า เธอก็เริ่มสงสัยว่าชลอาจเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว นับแต่เขาก้าวเข้ามาเป็นคนไข้ของเธอ ภายในตู้หมายเลข 19 ร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่ง นอนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในที่ที่ทั้งแคบ มืดมิดและหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจ เธอกำลังร่ำร้องหาใครบางคน ด้วยความคิดถึง แต่มันเป็นความคิดถึงที่คุกรุ่นไปด้วยแรงแค้น แค้นที่ต้องมานอนอยู่ในตู้ใบนี้คนเดียว เธอกำลังกระซิบผ่านชลไปยังใครคนนั้นว่า กูคิดถึงมึง
อก 3 ศอก 2 กำปั้น
อก 3 ศอก 2 กำปั้น (2550/2007) เรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง ณ เกาะสวยกลางทะเลอันดามัน ที่ชาวต่างชาติหลากหลายประเทศ มากมายวัฒนธรรม ต่างเดินทางมาเพื่อแสวงหาประสบการณ์มันส์สุดขั้วสักครั้งในชีวิตที่โชคดีบาร์มวยไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชายหญิง ต่างพากันขึ้นชกมวยวัดใจกันอย่างสนุกสนานทำให้บาร์ เป็นที่ต้องการของนายทุนชาวต่างชาติ ที่ขอซื้อ เพื่อที่จะเปิดสอนมวยฟรีสไตล์ แต่ก็ได้รับการปฎิเสธไม่ยอมขายที่ทำกินให้ ถึงแม้นายหน้านักเลงไทยจะพยายามทุกทางเพื่อให้ได้มา จนกลายเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทบานปลายกลายเป็น ศึกรักษาศักดิ์ศรี และที่ทำกิน จนกลายเป็นศึกมวยนอกเวที ที่ไม่มีกติกา หรือรูปแบบนำไปสู่การปรากฏของมวยไทโบราณ (พาหุยุทธ์) ที่จะทำให้นักสู้ต่างชาติเห็นถึงความสง่างามของศิลปะมวยไทพาหุยุทธ์ ทั้งกายและใจ
ลัลลาบาย...กล่อมฉันด้วยรัก (2550/2007) ทำอย่างไรจึงจะรู้ได้ว่าหญิงที่เฝ้าฝันถึงทุกลมหายใจมีใจรักให้ เธอพยายามสื่อความในใจด้วยท่าทางของเธอหรือ เธอกำลังทำอะไรอยู่ เมื่อฉันฝันเห็นเธอทุกวัน กล่อมฉันด้วยรักของเธอฉันได้โอบกอดเธอในฝันจริงหรือ ถ้าคุณยังจำความรู้สึกเหล่านี้ได้ คุณจะเข้าใจความรู้สึกของบิลลี่ (ดีน เชลทัน) นักศึกษาปีสุดท้าย ผู้ไม่เคยพบความรักเลย จนเทอมสุดท้ายบิลลี่ตัดสินใจที่จะค้นหาตนเองจึงเข้าร่วมกิจกรรมโดยการไปเที่ยวทะเล เขาไม่คาดคิดว่าจะพบกับหญิงสาวที่เขาใฝ่ฝัน เมแกน (ไมอาร่า วอลช) จากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองได้พัฒนาขึ้น บิลลี่เริ่มตกอยู่ในห้วงความฝัน สาวคนนั้นคิดกับเขาอย่างไร มันเป็นความรู้สึกสับสน รุนแรง ฟุ้งซ่าน เธอเป็นความรักครั้งแรกของเขา บิลลี่เก็บความสับสนไว้ไม่ไหวจนต้องปรึกษากับคู่หู จอนนี่ (จิบบี้ ตะวัน แซ่ตั้ง) ผู้ให้กำลังใจกับเพื่อน โลกหยุดหมุนเมื่อเธอมองมา บางครั้งปั่นป่วนเหมือนเลคลั่ง เธอทำอะไร อยู่ที่ไหน รู้สึกอย่างไร พบคำตอบกับความรู้สึกของรักครั้งแรกได้
โอปปาติก เกิดอมตะ (Opapatika) (2550/2007) โอปปาติก (โอ-ปะ-ปา-ติ-กะ) สิ่งมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งบนโลก ที่ใช้ชีวิตปะปนอยู่กับผู้คนทั่วไป แต่ละคนที่เป็นโอปปาติกนั้น จะได้รับพลังพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้มีความสามารถเก่งกาจเหนือคนอื่นๆ หากแต่พลังพิเศษนั้นก็มีขีดจำกัดในการใช้ และจะค่อยๆ หมดไป เมื่อสิ้นอายุขัยในที่สุด ศดก (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) โอปปาติกตนหนึ่งที่ต้องการเป็นอมตะ แต่อุปสรรคอย่างเดียว ที่คอยขัดขวางไม่ให้ความต้องการของศดกเป็นจริงก็คือ จิรัสย์ (สมชาย เข็มกลัด) โอปปาติกลึกลับ และดูอันตราย ศดกจึงหาทางกำจัดจิรัสย์ การตามล่าของเหล่าโอปปาติกจึงเกิดขึ้น ก่อเกิดสงครามครั้งใหญ่ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ ปราณ (เข็มอัปสร สิริสุขะ) สาวลึกลับที่ดึงดูดเหล่าโอปปาติกด้วยเหตุผลต่างๆ
รักไม่จำกัดนิยาม (2550/2007) รักไม่จำกัดนิยาม… เป็นเรื่องราวของปาฏิหาริย์แห่งความรักระหว่าง ลอยด์(อัษฎาง ศานติวงศ์สกุล) หนุ่มนักโฆษณาและ จิ๊บ(ปกฉัตร เทียมชัย) สาวนักเขียนช่างฝัน ในขณะที่หน้าที่การงานและความรักของทั้งคู่กำลังจะไปได้สวย แต่จิ๊บกลับเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย เมื่อลอยด์รู้ความจริงเขายอมทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง เพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด ส่วนจิ๊บก็ได้แต่หวังว่าเธอจะแต่งนิยายเรื่อง “ด้วยรัก” ให้เสร็จก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไป.... แต่ความโศกเศร้าก็มาเร็วกว่าที่คิด หลังการตายของจิ๊บทำให้ลอยด์หมดหวังกับทุกอย่าง แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อจี๊บฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลในร่างของ จุ๊บ(สมชาย สาธุธรรม) อดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจที่จิ๊บบริจาคให้กับโรงพยาบาล จิ๊บกลับมาหาลอยด์อีกครั้งในร่างใหม่แต่หัวใจยังเป็นดวงเดิมที่มีแต่ความรักให้กับลอยด์อย่างเต็มเปี่ยม แต่จิ๊บจะทำอย่างไรลอยด์ถึงจะรู้ว่านี่คือเธอ
ครอบครัวตัวดำ (2550/2007) บ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งนาเขียวชอุ่ม เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวตัวดำ แฉล้ม (โน้ต เชิญยิ้ม),ละไม (ปวันรัตน์ นาคสุริยะ) สองสามีภรรยา พร้อมลูกชาย แช่ม (ณัฐวุฒิ สะกิดใจ) อยู่กันอย่างสงบสุขเสมอมา จนวันหนึ่งเกิดลางร้ายกับแช่ม เมื่อแช่มไปเช่ารถกระป๊อเพื่อมารับจ้างในยามว่างจากการทำนา ขณะกำลังจะออกรถก็มีหมาจรจัด 4 ตัวมาฉี่ใส่ล้อทั้งสี่ล้อ พอจะสตาร์ทรถก็มีจิ้งจกตัวเบ้อเริ่มตกลงมา ทุกคนเชื่อว่าเป็นฤกษ์ไม่ดีไม่ควรออกรถ แต่แช่มเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แล้วแช่มก็ออกรถหาลูกค้าแล้วก็ได้ลูกค้ารายแรกให้ไปส่งที่บ้านแช่มเอง ปรากฏว่าลูกค้ารายนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารที่จะมายึดบ้านและที่นาของเขา ทำเอาทั้งบ้านเครียดหนักไม่รู้ว่าจะหาเงินมาให้ธนาคารจากที่ไหน แฉล้ม ละไม และแช่ม ต่างคนเห็นข่าวปล้นธนาคารจึงคิดที่จะเอาอย่าง ทุกคนเตรียมการเข้ากรุงเทพฯเพื่อปล้นธนาคารโดยไม่ได้นัดแนะกัน
แด่พระผู้ทรงธรรม (2550/2007) แด่พระผู้ทรงธรรม เป็นภาพยนตร์ไทยเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในในศุภวาระพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 จัดสร้างโดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม แด่พระผู้ทรงธรรมประกอบด้วยภาพยนตร์สั้นจำนวน 9 เรื่อง กำกับโดยผู้กำกับภาพยนตร์ ที่มีชื่อ 1 คน คือ บัณฑิต ฤทธิ์ถกล และผู้กำกับภาพยนตร์ร่วมสมัย ที่เคยได้รับรางวัลศิลปาธร อีก 3 คน คือ เป็นเอก รัตนเรือง, อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล, วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง สำหรับภาพยนตร์สั้นอีก 5 เรื่อง มาจากการคัดเลือกโครงเรื่อง ของผู้กำกับรุ่นใหม่ โดยมีโครงเรื่องที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมดจำนวน 57 เรื่อง 1.เสียงสว่าง (Luminous Sound) กำกับโดย เป็นเอก รัตนเรือง 2.นิมิต (Meteorites) กำกับโดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล 3.นรสิงหาวตาร (Norasinghavatar) กำกับโดย วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง 4.ข่าวที่ไม่สำคัญ (My First Report) กำกับโดย บัณฑิต ฤทธิ์ถกล 5.ทะเลของก้อย (The Sanctuary of Sea) กำกับโดย ปรามธนี วงศ์พรหมเมศร์ และศุภรัฐ บุญมาแย้ม 6.เสียงเงียบ (Silencio) กำกับโดย ศิวโรจน์ คงสกุล 7.๙ ของวิเศษ (9th GIFT) กำกับโดย อารยะ บุญเชิด 8.นิทานพระราชา (The Tale) กำกับโดย พรศักดิ์ สุคงคารัตนกุล (เดิมชื่อเรื่อง "ฬ่อของพ่อหลวง" (The King's Mule)) 9.รักพอเพียง (The Most Beautiful Man in the World) กำกับโดย พุทธิพงษ์ อรุณเพ็ง

หน้าที่