2549
เรื่องย่อ : โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง (2549/2006) บางกอก เมื่อ พ.ศ. 2466 ลิเกกำลังเสื่อมความนิยม มหรสพใหม่ที่เรียกกันว่า “ภาพยนตร์” หรือ “หนัง“ กำลังเป็นที่จับตามอง แม้ในแง่กลุ่มคนดูจะไม่ได้แย่งกันอย่างเด่นชัด แต่ในแง่ศักดิ์ศรีของความเป็นมหรสพพื้นบ้านที่สืบสานต่อกันมาจนเป็นมรดกของชาติบัดนี้กลับถูกมหรสพต่างชาติรุกราน เมื่อวิกลิเกต้นไทร ท้ายวัดสระเกศ วิกลิเกที่ยอมรับกันว่ามีคนดูอยู่ในอันดับต้นๆ ของบางกอก เพราะติดใจในเรื่องราวที่ผูกขึ้นมาไม่ซ้ำใคร และลีลาของ “บุญเท่ง” (เท่ง เทิดเถิง) กับ “ลิ้นจี่” (ฝ้าย-อิสรีย์ สงฆ์เจริญ) คู่พระนางสายเลือดแท้ๆ ของ “นายแดง” (อุดม ชวนชื่น) เจ้าของวิก ทำให้วิกลิเกแห่งนี้ยังคงสร้างความสำราญอยู่ได้ จนมีจดหมายจากทางการขอความร่วมมืออำนวยความสะดวกให้กองถ่ายภาพฉายหนังเรื่อง “นางสาวสุวรรณ” กำลังจะมาใช้สถานที่ซึ่งมีต้นไทรและภูเขาทองมองเห็นเป็นเบื้องหลังโดยจำเป็นต้องรื้อวิก บุญเท่งและ “ชาวคณะ” (นุ้ย เชิญยิ้ม, กิ๊บ โคกคูน) ไม่ยอมถึงกับประกาศกร้าวให้ “สยามต้องเลือกว่าถ้ามีนางสาวสุวรรณต้องไม่มีลิเกต้นไทร” แน่นอน สยามเลือก “นางสาวสุวรรณ” การต่อต้านขัดขวางทุกรูปแบบจึงได้เริ่มขึ้น โดยมี “น้อยโหน่ง” (โหน่ง ชะชะช่า) นักเลงคุมถิ่นที่มาติดพันลิ้นจี่น้องสาวบุญเท่งเข้าร่วมด้วย เรื่องราวคงจบลงโดยง่าย ถ้านางเอกที่แสดงเป็นนางสาวสุวรรณ ไม่ใช่คนเดียวคนนั้นที่บุญเท่งเฝ้าฝันถึง เธอชื่อ “นวลจันทร์” (นิกัลยา ดุลยา) บุญเท่งต้องเลือกระหว่างชาวคณะลิเกกับนวลจันทร์ ส่วนน้อยโหน่งยังไงก็เลือกลิ้นจี่อยู่แล้ว แต่ถ้าการขัดขวางนี้ไม่สำเร็จความรักของเขาก็หมดอนาคตด้วย เรื่องราวของความรักบนศักดิ์ศรีแห่งความเป็นศิลปิน บุญเท่งและน้อยโหน่งจำต้องทำตัวเป็นนักเลง เตรียมตัวนับถอยหลังประกาศสร้างความฮาแบบไม่เกรงใจ ปูพรมยืนยันฉาย “โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง” พร้อมกันทั่วประเทศ 30 มีนาคม 2549
กระสือ วาเลนไทน์ (2549/2006) สิบสี่กุมภาพันธ์ สองพันสี่ร้อยแปดสิบสี่ วันแสนดี วันที่รัก ปักใจสอง หวังให้เธอ เคียงอยู่ เป็นคู่ครอง ไม่หวังปอง สิ่งอื่นใด ในโลกา แต่ชะตา กลับกลั่นแกล้ง ไม่เข้าข้าง จำต้องห่าง ร้างไกล ให้โหยหา ขอจงรอ รอพี่หน่อย นะแก้วตา รอพี่มา กลับใกล้ชิด นิจ…นิรันดร์ ในยุคสมัยที่ “มนุษย์” เมินเรื่อง “นรก-สวรรค์” ไม่สนใจใน “กฎแห่งกรรม” ไม่ศรัทธา “การทำความดี” ไม่ใยดีในเรื่อง “ความรัก” และไม่ปักใจเชื่อว่า “กระสือ” จะมีจริง ผู้กำกับ “ยุทธเลิศ สิปปภาค” จะยำแกนเรื่องทั้งหมด มาให้ได้สัมผัสกันแบบ “ดราม่า” จริงจัง แต่ไม่เจือจางอารมณ์ “ขันพองสยองเกล้า” ที่จะทำให้คุณต้องกลับไปทบทวนคำตอบของ “Do You Believe in Destiny?” กันใหม่อีกหลายตลบ ผ่านการแสดงหนังใหญ่ครั้งแรกของนักแสดงหญิงรุ่นใหม่ “พลอย จินดาโชติ” และนักแสดงชายเจ้าบทบาท “ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์” กับการถ่ายทอดความรักของพยาบาลสาวและภารโรงหนุ่ม ท่ามกลางบรรยากาศโรงพยาบาลเก่าแก่ ที่มีเสียงร่ำลือหนาหูถึง “กระสือสาว” นางหนึ่ง…อยู่บ่อยครั้ง ในภาพยนตร์รักซาบซึ้งชวนสยอง ของยุทธเลิศ “กระสือวาเลนไทน์” 9 กุมภาพันธ์ 2549 แล้วคุณจะซึ้งจนขนหัวลุก ณ โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ…มีเรื่องราวความรักถือกำเนิดขึ้น พยาบาล “สาว” (พลอย จินดาโชติ) แสนสวยบุคลิกดี ซึ่งถึงแม้ว่าเธอเพิ่งจะย้ายมาประจำการ ณ โรงพยาบาลแห่งนั้นได้ไม่นานนัก แต่เธอก็เป็นที่รักใคร่ชอบพอของเพื่อนร่วมงานทุกคนในโรงพยาบาล ไม่เว้นแม้แต่ภารโรง “หนุ่ม” (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) คนซื่อที่ถูกชะตากับพยาบาลสาวตั้งแต่แรกเห็นในวันวาเลนไทน์ของปี 2549 นี้ด้วย “ดอกกุหลาบ” ดอกแรกที่สาวได้รับจากภารโรงหนุ่มโดยบังเอิญในวันแห่งความรักนั้น นำไปสู่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดและความผูกพันกันอย่างคาดไม่ถึง หรือพรหมลิขิตที่สาวเชื่อมั่นอยู่เสมอจะชักพาให้เธอพบกับความรักครั้งใหม่ หลังจากที่ถูกหักอกกับรักครั้งเก่า จนต้องพกพาความบอบช้ำย้ายเข้ามาทำงาน ณ โรงพยาบาลแห่งนี้…ที่ความรักกำลังดำเนินไป ก่อนหน้านี้สาวมักจะมีอาการประหลาดที่ต้องตื่นขึ้นมาอาเจียนในทุกๆ เช้า และทุกครั้งสิ่งที่เธออาเจียนออกมานั้นดูไม่แตกต่างจากรกเด็กที่เธอเคยเห็นในห้องคลอดเลยสักนิด รวมทั้งเธอยังมีอาการเห็นภาพซ้อนแวบเข้ามาในสมองอย่างไม่มีที่มาที่ไป และภาพที่เห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพของโรงพยาบาลแห่งเดียวกันนี้ในยุคสงครามเมื่อกว่าหกสิบปีที่ผ่านมา เท่านั้นไม่พอ สาวยังได้พบกับ “ภาพถ่ายเก่าๆ ใบหนึ่ง” ในกล่องเหล็กซึ่งถูกวางอยู่ในห้องพักของเธอมาเนิ่นนาน ในภาพนั้นเป็นภาพของหนุ่มในชุดทหารสมัยสงครามถ่ายคู่กับเธอในชุดพยาบาลในยุคเดียวกัน และด้านหลังภาพถ่ายเป็นลายมือของหนุ่มที่เขียนถึงเธอ จากข้อความบางอย่าง มันได้บ่งบอกว่าในชาติที่แล้วทั้งสองคนนี้คือคู่รักกัน แต่ยังไม่ทันที่สาวจะนำภาพถ่ายใบนั้นไปให้หนุ่มคลายความเคลือบแคลงสงสัยของเธอลง อุบัติเหตุหนึ่งกลับทำให้หนุ่มกลายเป็นอัมพาต และไม่สามารถสื่อสารใดๆ ได้นอกจากแค่การกะพริบตา หรือเวรกรรมกำลังจะตามมาสนองคู่รักเมื่อชาติที่แล้วคู่นี้อย่างเท่าทัน ขณะเดียวกันในค่ำคืนแห่งความสับสน สาวกลับค้นพบความจริงอันน่าสะพรึงกลัวภายในร่างกายของเธออย่างยากที่เธอจะเชื่อได้…มันคืออะไรกัน หรือเธอเองจะมีส่วนผูกโยงกับ “กระสือสาว” ที่ถูกร่ำลือถึงบ่อยๆ ณ โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งนี้…เรื่องราวความรักกำลังจะจบลง