เปนชู้กับผี (2549/2006) เรื่องราวรักชวนสยองที่เกี่ยวพันกับหญิงสาวสองคน… คนหนึ่งนวลจันสาวน้อยจากต่างจังหวัด ผู้เข้ามาตามหาคนรักที่หายสาบสูญไป… อีกคนคือรัญจวนเศรษฐีนีม่าย ผู้ลึกลับซึ่งมีเสียงล่ำลือกันว่าเธอซ่อนชายชู้ไว้คนหนึ่ง ซึ่ง ชายคนนั้นไม่ใช่คน
ผีคนเป็น (2549/2006) เมย์ หญิงสาวที่มีอาชีพนักแสดงตัวประกอบ เธอมีความฝันว่าสักวันจะต้องเป็นนักแสดงเด่นดังมีชื่อเสียง วันหนึ่ง เมย์รับงานเป็นนักแสดงที่ได้รับบทเป็นติ่งให้กับการทำแผนประกอบคำรับสารภาพให้ตำรวจ ด้วยการแสดงที่สมจริง มีอารมณ์ร่วม และดูไม่น่าเบื่อ ทำให้เมย์เป็นที่สนใจ ชื่นชอบ ของนักข่าว และบางสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร จนในที่สุด เมย์ได้กลายมาเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงจริง ๆ และได้รับทาบทามให้แสดงนำในเรื่อง "ผีคนเป็น" ซึ่งสร้างมาจากเรื่องจริง โดย เมย์ ต้องแสดงเป็น ติ่ง หญิงสาวที่มีอาชีพนักแสดงการทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่าง ๆ ในคดีฆาตกรรม "มีน" อดีตนางสาวไทยที่ถูกฆ่าอย่างอำมหิต จนเป็นคดีสะเทือนขวัญ โดยมี หมอจรัล ผู้เป็นสามีและ คุณไฝ ตกเป็นผู้ต้องสงสัย และเธอจะต้องถูกผีของคุณมีนเข้าสิงด้วย ซึ่งระหว่างการถ่ายทำอยู่นั้น เธอได้ประสบกับเรื่องแปลก ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นกับตัวเมย์เองจนควบคุมตัวไม่ได้ เรื่องมีอยู่ว่าคุณมีนที่อุ๋มแสดงนั้นซึ่งมีตัวตนจริงๆ เธอเป็นสาวประเภทสองและเธอเป็นนางรำ นอกจากนี้เธอยังเป็นแฟนคลับของเมย์อีกด้วยจนเธออยากทำศัลยกรรมบนใบหน้าเพื่อให้สวยเหมือนเมย์แต่เธอเสียชีวิตไปแล้วจากการทำศัลยกรรมบนใบหน้า หลังจากนั้นวิญญาณของเธอพยายามสิงร่างของเมย์หลายครั้ง ตลอดจนคนในกองถ่ายทั้งหมดก็ค่อย ๆ ตายไปทีละคน ๆ เพราะเป็นฝีมือของวิญญาณสาวประเภทสอง จนในที่สุดวิญญาณสาวประเภทสองสิ่งร่างของเมย์โดยสมบูรณ์แบบ
ผีอยากกลับมาเกิด re-cycle (2549/2006) ถึงแม้ว่าเส้นทางการเป็นนักเขียนนิยายรักโรแมนติกของ “ฉีสิน” (ลีซินเจี๋ย-The Eye) จะประสบความสำเร็จอยู่ในระดับเบสต์เซลเลอร์ ถึงขนาดที่ว่านิยายหลายต่อหลายเรื่องของเธอถูกผู้สร้างภาพยนตร์นำมาดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ก็ตาม แต่การที่จู่ๆ ผู้จัดการของเธอลุกขึ้นมาประกาศว่าฉีสินจะพลิกรูปแบบงานเขียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้จับตาดู “Re-Cycle” งานเขียนชิ้นใหม่ที่แตกต่างจากงานเขียนทุกชิ้นที่ผ่านมาของเธอ เพราะเป็นการพลิกรูปแบบงานเขียนจากนวนิยายโรแมนติกมาเป็นนวนิยายตื่นเต้นระทึกขวัญให้สื่อมวลชนได้รับรู้ ทั้งๆ ที่ตัวฉีสินเองยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าเนื้อหาหรือเรื่องราวในนิยายเรื่องใหม่ของตนจะออกมาเป็นอย่างไร กลายเป็นแรงกดดันซ้อนที่ส่งผลให้ฉีสินเองตั้งตัวแทบไม่ทัน ในขณะเดียวกันกับที่ “ห้าวหลัน” (เจตริน วรรธนะสิน) ชายหนุ่มที่เป็นคนรักเก่าซึ่งเลิกรากันไปเมื่อ 8 ปีที่แล้วจู่ๆ ก็กลับมาหาเธอเพื่อขอสานต่อความรักครั้งเก่า หลังจากที่เขาเคยบอกเลิกเธอเพื่อไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น ทันทีที่ฉีสินเริ่มต้นจรดตัวอักษรกับงานเขียนชิ้นใหม่ที่มีชื่อว่า “Re-Cycle” ดูเหมือนว่ามีพลังอำนาจและสภาพบรรยากาศบางอย่างที่ชวนขนลุกเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ เมื่อมีเหตุการณ์เหนือคำอธิบายหลายอย่างเกิดขึ้น จนราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังครอบงำความคิดและนำชีวิตของเธอไปสู่เหตุการณ์ประหลาดที่เต็มไปด้วยความลึกลับ และแน่นอนว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ชวนตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยความหวาดสะพรึงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเสียงหอบลมหายใจประหลาดจากโทรศัพท์ลึกลับกลางดึก เงามืดของผู้หญิงผมยาวที่แว่บเข้ามาในทุกจังหวะการเคลื่อนสายตาของเธอ รวมไปถึงกระจุกเส้นผมขนาดยาวบนพื้นในห้องน้ำ ฯลฯ สำหรับจิตวิญญาณของนักเขียนอย่างฉีสินแล้วนี่คือการต่อยอดและขยายขอบเขตแห่งจินตนาการที่ดิบ สด เต็มไปด้วยพลังที่ชวนค้นหาและน่าติดตามอย่างแท้จริง ทำให้เธอตัดสินใจนำรายละเอียดและเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาถ่ายทอดลงในนวนิยายเรื่องใหม่ทันที โดยที่แม้แต่เธอเองก็คงไม่คิดว่า 2 สิ่งที่กำลังก้าวเข้ามาสู่ชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาของอดีตคนรักและการเริ่มต้นเขียนนวนิยายสยองขวัญ คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่ห้วงแห่งความหวาดสะพรึงอย่างที่ไม่เคยมีขอบเขตแห่งจินตนาการใดที่มนุษย์เคยคาดคิดและล่วงรู้มาก่อน เมื่อโลกแห่ง “Re-Cycle” กลับมีตัวตนขึ้นมาจริงและนำตัวเธอเข้าไปยังในที่ที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะย่างกราย แต่ละเหตุการณ์ต่างผุดขึ้นตรงหน้าราวดอกเห็ดที่เธอต้องพานพบ ตั้งแต่การเผชิญหน้ากับเหล่าวิญญาณนับพันนับหมื่นที่รายล้อมอยู่รอบตัว อุโมงค์มดลูกสยองสีแดงก่ำ ซากศพที่ตกลงจากฟากฟ้าราวกับห่าฝน สวนสนุกผี ซากสรรพสิ่งที่ถูกละทิ้งในโลกแห่งรีไซเคิล ฯลฯ ว่ากันว่านี่คือสิ่งที่แม้แต่นักเขียนอย่างเธอก็ยากที่จะจินตนาการถึง เมื่อทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนชวนให้เกิดควมรู้สึกที่ชวนขนลุกแทบทั้งสิ้น
ศพ (2549/2006) บางคนอาจเคยตั้งคำถาม ในขณะที่หลายคนเพียงแค่สงสัย แล้วถ้าเป็นคุณล่ะจะทำอย่างไร เมื่อมองยังร่างที่ปราศจากลมหายใจตรงหน้า ไม่รู้ประวัติ ไม่รู้ที่มา รู้แต่เพียงว่านี่คือร่างกายที่ไร้ชีวิตที่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ทุกคนต่างให้ความเคารพในฐานะ “อาจารย์ใหญ่” ครูผู้บริจาคร่างกายเป็นวิทยาทานเพื่อให้กับนักศึกษาแพทย์ทุกคนได้เรียนรู้ถึงความซับซ้อนภายในร่างกายมนุษย์ และนำความรู้ที่ได้จากร่างอาจารย์ไปเป็นประโยชน์ในการรักษาผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ แต่สำหรับ “ไหม” (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นประสบการณ์จริงที่ชวนขนลุก ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่เธอเข้าเรียนชั่วโมงแรกของวิชากายวิภาคศาสตร์ เมื่อจู่ๆ ร่างของอาจารย์ใหญ่ที่นอนสงบนิ่งก็เงื้อมมือขึ้นมาบีบคอเธอ เหตุการณ์ต่อจากนั้นได้สร้างความหวาดผวามากยิ่งขึ้น เมื่อเธอรู้สึกว่ามีวิญญาณของผู้หญิงที่ไม่รู้จักคอยติดตามเธอไปในทุกที่ ตั้งแต่ชั้นเรียน ห้องน้ำ มุมมืดในห้องพัก รวมทั้งข้างตัวเธอบนเตียงนอนที่บ้าน ในท่ามกลางความสับสน และสถานการณ์ที่กำลังเลวร้ายลง “อาจารย์นายแพทย์ประกิต” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่แสดงความห่วงใยไหม และตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือลูกศิษย์คนนี้ในทุกวิถีทาง ไหมเริ่มตั้งคำถามและค้นหาคำตอบอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นั่นคือการค้นหาที่มาของอาจารย์ใหญ่ แต่ดูเหมือนยิ่งสาวยิ่งลึก และมีบางสิ่งที่ซับซ้อนเกินกว่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะต้านทานไหว บางอย่างที่เกี่ยวพันและเชื่อมโยงถึงผู้หญิงที่ชื่อ “ดาหวัน” กับร่างของอาจารย์ใหญ่ตรงหน้าเธอ ความจริงในด้านมืดที่ชวนขนลุก และเหตุการณ์ที่เลวร้ายในอดีตได้กลับมาหลอกหลอนเธอขึ้นอีกครั้ง…
โกยเถอะโยม (2549/2006) นิ่งสงบ สยบ ความผวา แต่ถ้าผีมา...ก็ตัวใครตัวมัน เรื่องราวเกี่ยวกับผีเด็กเร่ร่อน (น้องพี มกจ๊ก) ที่ต้องการตามหาพ่อ ซึ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ด้วยความเหงาและอยากมีเพื่อน ผีเด็กจึงชอบปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นอย่างซุกซน ซึ่งในการปรากฏตัวทุกครั้งได้สร้างความอลหม่านวุ่นวายและความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน จนชาวบ้านทุกคนต้องรวมพลคนกลัวผีขึ้นมาและแห่กันไปพึ่งหลวงพ่อ (จตุรงค์ พลบูรณ์) เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน เรื่องราวความน่ากลัวต่างๆ ถูกเล่าผ่านบรรดาชาวบ้านที่นำทีมโดย เจ๊หลี (วนิดา แสงสุข) เจ้าของร้านขายของชำที่มีลูกสาวชื่อ กิ๊ก (พิมพ์ชนก พลบูรณ์) ที่ไปแอบชอบกับเด็กวัดก้นกุฏิที่ชื่อ หรั่ง (จามร ตันธนะศิริวงษ์) โดยมี กบ (โก๊ะตี๋ อารามบอย) เด็กวัดคู่หูที่คอยช่วยเหลือทั้งสองจากการขัดขวางความรักของ เจ๊หลี ตามขบวนมาด้วย ลุงชู (จิ้ม ชวนชื่น) ภารโรงมาดเนี้ยบที่แอบชอบ เจ๊หลี จนออกนอกหน้า มาพร้อมกับเฮียเท๊งขายหมู (แอนนา ชวนชื่น) และชาวบ้านอีกมากมายที่ต่างเจอเรื่องวุ่นๆ และความน่ากลัวของผีเด็ก จึงมารวมตัวกันที่ศาลาวัดและเล่าเรื่องราวความหวาดกลัวเหล่านั้นด้วยมุขตลกต่างๆ และร่วมกันคิดหาวิธีกำจัดผีเด็กให้พ้นไป
กระสือ (2549/2006) คืนวันเพ็ญ....คืนแห่งการสืบทอด เมื่อเธอคือทายาทคนต่อไป !!! พลอย นักศึกษาสาวสวยฐานะยากจน จึงหาเงินเรียนด้วยการไปทำงานเป็นสาวโคโยตี้ แต่เธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ จึงทำให้เธอได้พบรักกับหมอโอ๊ต ชายหนุ่มอนาคตไกล และเมื่อถึงวันที่พลอยอายุครบ 20 ปี ซึ่งตรงกับวันลอยกระทงพอดี ทำให้เธอได้รู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ เมื่อเธอพบว่าเธอเป็นกระสือ ซึ่งสืบทอดสายเลือดมาจากยายของเธอ มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่ยากเกินจะยอมรับได้ และเธอจะทำอย่างไรต่อไป
โคลิค เด็กเห็นผี (Colic) (2549/2006) คุณเคยรู้จักเด็กหรือมีลูกที่มีอาการอย่างนี้บ้างไหม ร้องไห้เป็นประจำทุกวันและเวลาเดียวกัน ไม่หยุดและรุนแรง ติดต่อกันเป็นเวลานาน ระวัง!!! นั่นคือสัญญาณของความน่ากลัว เตรียมผวากับสิ่งที่จะตามมาหลอกหลอน เมื่อ “แพรพลอย” (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) AE สาวกับ “ป้องภพ” (วิทยา วสุไกรไพศาล) ผู้กำกับหนังโฆษณาหนุ่มไฟแรง ได้ตัดสินใจแต่งงานกันหลังจากที่แพรตั้งท้องโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคู่จึงตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตและขยับขยายครอบครัวใหม่ด้วยการย้ายบ้านไปอาศัยอยู่กับแม่และน้าสาวของป้องภพแถบชานเมือง แต่การเริ่มต้นไม่ดีเท่าที่ควรเพราะป้องภพทำแต่งานไม่มีเวลามาสนใจแพรซึ่งกำลังตั้งท้องแก่ขึ้นทุกที ความกดดันต่างๆ จากฝ่ายชายทำให้แพรต้องหันหน้าไปปรึกษาและหาอะไรทำเพื่อลดความเครียดด้วยการวาดภาพประกอบให้กับหนังสือที่ “จีน” (กุณฑีรา สัตตบงกช) เพื่อนสนิทดูแลอยู่ คืนหนึ่งแพรเห็นบ้านน้าเบญซึ่งปลูกอยู่ใกล้ๆ กับบ้านหลังใหญ่ของแม่ป้องภพมีไฟลุกไหม้ จึงเข้าไปดูและพยายามหาทางช่วยน้าเบญออกมา ในขณะที่แพรเองก็เจ็บท้องและกำลังจะคลอดลูกพอดี หลังจากการคลอดลูกกลับมาไม่นาน “น้องปั้น” (ลูก) ก็กลับส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรงและน่ากลัว หมอตั้งข้อสงสัยว่าน้องปั้นน่าจะเป็น “โรคโคลิค” ซึ่งเด็กที่เป็นโรคนี้จะร้องไห้อย่างรุนแรงและตรงเวลาเป็นประจำทุกวันโดยไม่สามารถหาสาเหตุและวิธีรักษาได้ แต่โดยปกติโรคนี้จะหายไปเองเมื่อเด็กอายุ 3 ถึง 6 เดือน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปน้องปั้นก็ยังไม่หายจากโรคโคลิค ปั้นยังคงร้องไห้อย่างรุนแรงทุกวัน และดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทุกคนในครอบครัวและจีนซึ่งเข้ามาช่วยดูแลน้องปั้นต่างก็พบกับเรื่องราวประหลาดๆ มากมาย ทำไมโรคนี้จึงไม่หายไปจากเด็กคนนี้ ทำไมเรื่องต่างๆ จึงเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาเริ่มร้องไห้ อะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ร่วมพิสูจน์ความจริงที่มาพร้อมความหลอนนี้ได้ใน “โคลิค เด็กเห็นผี”
Ghost Game ล่า-ท้า-ผี (2549/2006) เรื่องราวเกิดขึ้นในซีซั่นที่ 2 ของเรียลลิตี้ โชว์ โดยทีมงานได้รวบรวมคน 11 คน ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งลี้ลับ โดยพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในพิพิธภัณท์สงครามแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา ซึ่งคนชุดสุดท้ายที่เคยเข้ามาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ต่างต้องตายอย่างน่าสยดสยองโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ หลังจากนั้น...ไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นอีกเลย เหล่าผู้แข่งขันทั้ง 11 คน ประกอบไปด้วยหนุ่มสาวซึ่งผ่านการคัดเลือกมาจากผู้สมัครอาชีพต่าง ๆ สองคนในจำนวนนี้ คือ ดาว (น้ำตาล - ศุภัทรศิริ ปฐมนุพงษ์) แชมป์เก่าจากซีซั่นที่แล้ว และ ยุทธ์ (วิทย์ - พชรพล จั่นเที่ยง) รองแชมป์ซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าของดาว ทั้งสองจะต้องเข้าประลองเกมกับผู้ท้าชิงหน้าใหม่อีก 9 คน คือ เจย์ (จีน - ธัญนันท์ มหาพิรุณ) ช่างภาพ, แอ๊นท์ (แหม่ม-วัชรินทร์ จินะมุสิ) พริตตี้สาว, ยศ (ปอ - ปานเวทย์ ไสยคล้าย) ลูกคนทรงเจ้า, มิค (เค - ทวีศักดิ์ ภมรพล) นักแสดงหนุ่ม, เกด (จุ้มจิ้ม - กิตติลักษณ์ จุลลัษเฐียร) เภสัชกร, เข็มทิศ (อ๊อฟ - ปองศักดิ์ รัตนพงษ์) หนุ่มลูกไฮโซ, ขวัญ (แนม - ซีแนม สุนทร) นักศึกษาสาว รวมทั้งกุ้งและกั้ง (แนน - ณัชธน์กมล และ นุ่น - ชเนษฎ์ผกา ก่อสุวรรณ) สองศรีพี่น้อง สิ่งเดียวที่น่าจะเป็นเหตุผลหลักของการมาเล่นเกมนี้ก็คือ เงินรางวัล 5 ล้านบาท สำหรับผู้ชนะที่สามารถอยู่ได้เป็นคนสุดท้าย ซึ่งถือว่าเป็นเงินรางวัลสูงสุดอย่างที่รายการไหน ๆ ไม่กล้าให้ เงิน 5 ล้านนี้เองที่ดึงพวกเขาทั้ง 11 คน ให้ต้องมาร่วมชะตากรรมในพิพิธภัณท์สงครามแห่งนี้ ซึ่งไม่เพียงจะมีคนตายอย่างลึกลับเท่านั้น ในอดีตเมื่อครั้งสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ที่นี่เคยเป็นคุกของเขมรแดงมาก่อน คุกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทรมานและคร่าชีวิตคนบริสุทธิ์ ด้วยความทรมานในรูปแบบที่ไม่น่าเชื่อมากมายและเกินกว่าที่ใครจะคิดถึง! จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าสถานที่นี้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรู้สึกเจ็บแค้น...เกลียดชัง...และความอาฆาตที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด วิญญาณและความอาฆาตที่วนเวียนอยู่นี้ กำลังถูกท้าทาย ซึ่งถือว่าเป็นจุดประสงค์หลักของเรียลลิตี้ โชว์ นี้ ด้วยการลบหลู่สารพัดวิธีจากผู้เข้าแข่งขัน ทั้ง 11 คน โดยไม่มีผู้แข่งขันคนใดรู้มาก่อนเลยว่า มันคือสิ่งที่จะดึงพวกเขาให้เผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายอันน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ภารกิจในการท้าทายและลบหลู่ของพวกเขา ทั้ง 11 คน อยู่ท่ามกลางการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างหวาดระแวงว่าสิ่งลี้ลับต่าง ๆ ที่พวกเขาต้องผจญนั้น เกิดจากการสร้างสถานการณ์ของผู้จัดรายการ หรือว่ามาจากการกลั่นแกล้งของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ...หรือแม้กระทั่งเกิดจากสิ่งลี้ลับจริง ๆ กันแน่? พบกับ บทสรุปของเรียลลิตี้โชว์ที่คุณจะไม่มีวันคาดเดาตอนจบได้
ลาง หลอก หลอน | BLACK NIGHT (2549/2006) NEXTDOOR – ฮ่องกง กรกฎาคม ตามจันทรคติ เป็นเดือนแห่งเทศกาลของภูตผี ผู้คนจุดธูปเผากระดาษตามท้องถนนเพื่อเซ่นไหว้ผีเร่ร่อน เหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นซ้ำๆ ในคืนอาถรรพ์ เมื่อเจนสาวชาวไต้หวัน (แสดงโดย Annie LIU) มาเยี่ยม Joe แฟนตำรวจหนุ่ม (แสดงโดย Dylan KUO) แต่กลับพบว่าเขาเริ่มมีสัมพันธ์สวาทกับเพื่อนบ้าน สาวสวยจากจีนแผ่นดินใหญ่ Hosie (แสดงโดย Race WONG) และเมื่อความรักและความคาดหวังที่แรงกล้า กลับถูกตอบแทนด้วยความหลอกลวง ความหายนะจึงจำต้องเกิดขึ้น. ท่ามกลางเสียงแปลกประหลาดจากการกระทบกันของลูกหิน เสียงประตูถูกเคาะอย่างฉับพลัน เมื่อมองผ่านรูกุญแจประตูเห็นเป็นเงารูปร่างน่ากลัว… เรื่องราวของสามชีวิตในชะตาที่โยงใยกันจนเป็นเงื่อนปมได้คลี่คลายออกอย่างระทึกขวัญ และให้แง่คิดแบบ ขนหัวลุก DARK HOLE – ญี่ปุ่น ว่าที่เจ้าสาว Yuki (แสดงโดย Asaka SETO) ต้องทนทรมานกับฝันร้ายของเธอมาตลอด วันหนึ่งเธอสังเกตเห็นเด็กในชุดสีเหลือง ซึ่งเคยเห็นในฝันบ่อยๆ ได้ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตจริง มีแต่เพียงเธอเท่านั้นที่สังเกตเห็นเด็กคนนี้ได้ แต่เมื่อใดที่เธอจำเขาได้จริงๆ เขาก็จะหายไปเหลือเพียงน้ำกองหนึ่ง เธอรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ประหลาดนี้ คู่หมั้นของเธอ Satoshi (แสดงโดย Takashii KASHIWABARA) จึงแนะนำให้เธอไปพบจิตแพทย์ Dr. Kawai (แสดงโดย Tomorowo TAGUCHI) และในที่สุดจิตแพทย์ท่านนี้ก็สามารถค้นพบสาเหตุของฝันร้ายของเธอได้หลังจากรักษาเธอมาหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากเธอสูญเสียความทรงจำในวัยเด็กเมื่อตอนอยู่ชั้นประถม และบังเอิญช่วงนั้นทั้งเพื่อนและแม่ของเพื่อนเธอได้ตายไปอย่างประหลาดและ เป็นปริศนา Yuki กลัวมากเมื่อเธอพบความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างความฝันของเธอและอุบัติเหตุครั้งนั้น หนึ่งระหว่างการรักษาโดยการสะกดจิต เธอได้เปิดเผยความลับถึงเรื่องที่เธอมีสัตว์เลี้ยงที่แสนประหลาด… THE LOST MEMORY – ไทย ปราง (แสดงโดย พิชญ์นาฎ สาขากร) แม่หม้ายและ ซัน ลูกชาย (แสดงโดย เด็กชายอธิพันธ์ ฉันทอภิชัย) ทั้งคู่ ดูน่าจะมีความสุข เว้นแต่ว่ามีชายคนหนึ่งคอยติดตามเธอทุกแห่งหน เธอเชื่อว่าเขาถูกจ้างวานโดย วิทย์ อดีตสามีเธอ (แสดงโดย ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย) เธอเชื่อว่าเขามุ่งร้ายที่จะจับลูกชายเธอไป ชีวิตเธออยู่ท่ามกลางความหวาดผวาจนแทบจะเป็นบ้า ระหว่างการสืบหาความจริงนั้น เธอได้พบห้องเช่าแห่งหนึ่งที่ดูคุ้นตา และเริ่มจำได้ว่า แพรว เพื่อนของเธอ (แสดงโดย นัชชา บุตรศรี) ซึ่งเคยเป็นเพื่อนรักของเธอและวิทย์ ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย แต่ความทรงจำของเธอเลือนหายไปอยู่ตลอดเวลา ยิ่งนึกก็ยิ่งพบว่าเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวในอดีตนั้นหลอกหลอนเธอเหมือนหนังเก่า ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ ความทรงจำที่ลึกที่สุดมันเจ็บปวดเกินกว่าที่จะรับได้ มันยังคงสถิตย์ในห้วงลึกของจิตใจเธอ และความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่าง วิทย์ กับ แพรว ก็คือกุญแจไขปริศนาของมรสุมในอดีตเธอ
เด็กหอ (2549/2006) ชาตรี (ชาลี ไตรรัตน์) อายุ 12 เรียน ม.1 ถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำอย่างฉุกละหุก สาเหตุเป็นเพราะ ชาตรี รู้ความลับบางอย่างของคุณพ่อ การต้องย้ายโรงเรียนกลางเทอมเป็นเรื่องโหดร้ายมาก ไหนจะห้องเรียนใหม่ ไหนจะเรือนนอนที่ไม่สนิทใจเหมือนอยู่บ้าน ที่แย่ที่สุด คือ ต้องนอนเตียงเก่าของคนอื่น ชาตรี ไม่ค่อยมีเพื่อน มีที่สนิทกันจริงๆ แค่คนเดียว เขาสองคนมักแอบไปนั่งเล่นที่สระน้ำเก่าหลังโรงเรียนเสมอๆ อาจด้วยทั้งความเหงา ความซน หรือความรู้สึกอะไรบางอย่าง จึงตัดสินใจใช้สระว่ายน้ำเก่าหลังโรงเรียนเป็นเครื่องระบายความเหงาและความเศร้าอยู่เป็นประจำ มีเรื่องเล่าว่าหลายปีมาแล้ว ก่อนที่โรงเรียนจะสร้างสระว่ายน้ำใหม่ สระแห่งนี้เคยเป็นที่เล่นน้ำของพวกเด็กๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ปัจจุบันสระกลับถูกปิดตาย มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับสระน้ำนั้น ถ้าคุณเชื่อเรื่องเล่าในโรงเรียนประจำ และสัญญาว่าจะไม่บอกใคร ชาตรีพร้อมจะเล่าความลับบางอย่างให้คุณรู้
กระสือ วาเลนไทน์ (2549/2006) สิบสี่กุมภาพันธ์ สองพันสี่ร้อยแปดสิบสี่ วันแสนดี วันที่รัก ปักใจสอง หวังให้เธอ เคียงอยู่ เป็นคู่ครอง ไม่หวังปอง สิ่งอื่นใด ในโลกา แต่ชะตา กลับกลั่นแกล้ง ไม่เข้าข้าง จำต้องห่าง ร้างไกล ให้โหยหา ขอจงรอ รอพี่หน่อย นะแก้วตา รอพี่มา กลับใกล้ชิด นิจ…นิรันดร์ ในยุคสมัยที่ “มนุษย์” เมินเรื่อง “นรก-สวรรค์” ไม่สนใจใน “กฎแห่งกรรม” ไม่ศรัทธา “การทำความดี” ไม่ใยดีในเรื่อง “ความรัก” และไม่ปักใจเชื่อว่า “กระสือ” จะมีจริง ผู้กำกับ “ยุทธเลิศ สิปปภาค” จะยำแกนเรื่องทั้งหมด มาให้ได้สัมผัสกันแบบ “ดราม่า” จริงจัง แต่ไม่เจือจางอารมณ์ “ขันพองสยองเกล้า” ที่จะทำให้คุณต้องกลับไปทบทวนคำตอบของ “Do You Believe in Destiny?” กันใหม่อีกหลายตลบ ผ่านการแสดงหนังใหญ่ครั้งแรกของนักแสดงหญิงรุ่นใหม่ “พลอย จินดาโชติ” และนักแสดงชายเจ้าบทบาท “ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์” กับการถ่ายทอดความรักของพยาบาลสาวและภารโรงหนุ่ม ท่ามกลางบรรยากาศโรงพยาบาลเก่าแก่ ที่มีเสียงร่ำลือหนาหูถึง “กระสือสาว” นางหนึ่ง…อยู่บ่อยครั้ง ในภาพยนตร์รักซาบซึ้งชวนสยอง ของยุทธเลิศ “กระสือวาเลนไทน์” 9 กุมภาพันธ์ 2549 แล้วคุณจะซึ้งจนขนหัวลุก ณ โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ…มีเรื่องราวความรักถือกำเนิดขึ้น พยาบาล “สาว” (พลอย จินดาโชติ) แสนสวยบุคลิกดี ซึ่งถึงแม้ว่าเธอเพิ่งจะย้ายมาประจำการ ณ โรงพยาบาลแห่งนั้นได้ไม่นานนัก แต่เธอก็เป็นที่รักใคร่ชอบพอของเพื่อนร่วมงานทุกคนในโรงพยาบาล ไม่เว้นแม้แต่ภารโรง “หนุ่ม” (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) คนซื่อที่ถูกชะตากับพยาบาลสาวตั้งแต่แรกเห็นในวันวาเลนไทน์ของปี 2549 นี้ด้วย “ดอกกุหลาบ” ดอกแรกที่สาวได้รับจากภารโรงหนุ่มโดยบังเอิญในวันแห่งความรักนั้น นำไปสู่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดและความผูกพันกันอย่างคาดไม่ถึง หรือพรหมลิขิตที่สาวเชื่อมั่นอยู่เสมอจะชักพาให้เธอพบกับความรักครั้งใหม่ หลังจากที่ถูกหักอกกับรักครั้งเก่า จนต้องพกพาความบอบช้ำย้ายเข้ามาทำงาน ณ โรงพยาบาลแห่งนี้…ที่ความรักกำลังดำเนินไป ก่อนหน้านี้สาวมักจะมีอาการประหลาดที่ต้องตื่นขึ้นมาอาเจียนในทุกๆ เช้า และทุกครั้งสิ่งที่เธออาเจียนออกมานั้นดูไม่แตกต่างจากรกเด็กที่เธอเคยเห็นในห้องคลอดเลยสักนิด รวมทั้งเธอยังมีอาการเห็นภาพซ้อนแวบเข้ามาในสมองอย่างไม่มีที่มาที่ไป และภาพที่เห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพของโรงพยาบาลแห่งเดียวกันนี้ในยุคสงครามเมื่อกว่าหกสิบปีที่ผ่านมา เท่านั้นไม่พอ สาวยังได้พบกับ “ภาพถ่ายเก่าๆ ใบหนึ่ง” ในกล่องเหล็กซึ่งถูกวางอยู่ในห้องพักของเธอมาเนิ่นนาน ในภาพนั้นเป็นภาพของหนุ่มในชุดทหารสมัยสงครามถ่ายคู่กับเธอในชุดพยาบาลในยุคเดียวกัน และด้านหลังภาพถ่ายเป็นลายมือของหนุ่มที่เขียนถึงเธอ จากข้อความบางอย่าง มันได้บ่งบอกว่าในชาติที่แล้วทั้งสองคนนี้คือคู่รักกัน แต่ยังไม่ทันที่สาวจะนำภาพถ่ายใบนั้นไปให้หนุ่มคลายความเคลือบแคลงสงสัยของเธอลง อุบัติเหตุหนึ่งกลับทำให้หนุ่มกลายเป็นอัมพาต และไม่สามารถสื่อสารใดๆ ได้นอกจากแค่การกะพริบตา หรือเวรกรรมกำลังจะตามมาสนองคู่รักเมื่อชาติที่แล้วคู่นี้อย่างเท่าทัน ขณะเดียวกันในค่ำคืนแห่งความสับสน สาวกลับค้นพบความจริงอันน่าสะพรึงกลัวภายในร่างกายของเธออย่างยากที่เธอจะเชื่อได้…มันคืออะไรกัน หรือเธอเองจะมีส่วนผูกโยงกับ “กระสือสาว” ที่ถูกร่ำลือถึงบ่อยๆ ณ โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งนี้…เรื่องราวความรักกำลังจะจบลง
โบกี้เฮี้ยน (2549/2006) *ปีอาจไม่ตรง* พิสิทธิ์ ชายหนุ่มผู้หนีการจับกุมของตำรวจมาที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง จนกระทั่งเขาได้พบกับแสงเดือน สาวน้อยผู้ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบและทั้งคู่เกิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจนยากจะห้ามใจ พิสิทธิ์สัญญาจะพาแสงเดือนไปด้วย แต่กลับทิ้งเธอไว้ที่สถานีรถไฟ โชคร้ายที่เธอพอกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งฉุดเธอไปข่มขืนและฆ่าตายบนโบกี้ที่จอดอยู่โดดเดี่ยว ทำให้วิญญาณของเธอแค้นใจมากจึงรอคอยการกลับมาของพิสิทธิ์ เพื่อแก้แค้นทีเขาผิดสัญญากับเธอ
ผีนางตานี (2549/2006) ความรักต่างภพ ระหว่างคนกับผีสาวที่มิอาจเป็นไปได้ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีโจรออกอาละวาด จนทางราชการต้องส่ง ปลัดอำนาจ เข้ามาดูแล จนเขาได้พบ เดือน ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านที่แอบหลงรักเขา และ ตานี หญิงสาวลึกลับที่เขาแอบหลงใหล แต่แล้ว แพร แฟนสาวของปลัดก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เดือนไม่พอใจ จึงขอให้เสือมูนอันธพาลประจำหมู่บ้านจับตัวแพรไปข่มขืน แต่นางตานีมาช่วยไว้ได้ และสร้างความหวาดกลัวให้แก่ทุกคน รวมทั้งปลัดอำนาจที่เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วนางตานีที่เขาหลงรักก็คือผีตานี ซึ่งเขาไม่อาจใช้ชีวิตร่วมกันได้ เขาจึงไถ่โทษด้วยการสร้างศาลให้นางตานี
ผีนางตะเคียน (2549/2006) ค่ำคืนแห่งไฟราคะของผีร้าย ที่จะสะกดทุกคนด้วยความตาย ( คำโปรย ) นายชาญ ได้ขายบ้านให้แก่ครอบครัวหนึ่ง โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น เพราะในบ้านหลังนั้นมีเตียงไม้ตะเคียนโบราณซึ่งมีผีนางตะเคียนสิงอยู่ และออกหลอกหลอนคนในบ้าน จนพ่อ และ ปั้น ลูกชายคนโต ต้องตายเพราะน้ำมือของนางผีร้าย

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ