บุปผาราตรี (2546)

เรื่องย่อ : บุปผาราตรี (2546/2003) บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ผีสาวสุดสยอง วิญญาณพยาบาทที่คอยวนเวียนอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อรอคอยเอก (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) คนรักที่ทอดทิ้งเธอไปในอดีต ความเฮี้ยนของเธอทำให้ผู้คนหวาดผวาพากันย้ายออกไปตามๆ กัน เดือดร้อนถึงเจ๊สี่เจ้าของออสการ์อพาร์ทเมนท์ที่ต้องความหาหมอผีฝีมือดีจากทุกสารทิศมาเพื่อขับไล่ผีสาวตนนี้ออกไปให้จงได้ บุปผา ราตรี นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่งถูก เอก ลูกเศรษฐีหลอกตามจีบจนใจอ่อน แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ เอกกลับพาเธอไปทำแท้งและหนีไปเรียนต่อเมืองนอกทันที กระทั่งวันหนึ่ง เจ๊สี่ เจ้าของออสการ์อพาร์ตเมนต์ที่บุปผาเช่าอยู่ เห็นเธอเงียบหายไปจึงได้งัดห้องเข้าไป และพบว่าบุปผาตายมาเกือบเดือนแล้วจากการตกเลือดหลังทำแท้ง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยองขวัญปั่นป่วนทั้งอพาร์ตเมนต์ เมื่อผีบุปผาเกิดเฮี้ยนออกมาอาละวาด เจ๊สี่ เจ้าของกิจการอพาร์ทเมนท์ ที่มีธุรกิจเข้าทรงเป็นอาชีพเสริม พออยู่มาวันหนึ่ง อพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่เกิดมีผีสาวปรากฎกายขึ้น จนเป็นที่หวาดผวาต่อบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ร้อนถึงเจ๊สี่ ที่ต้องตามหมอผีที่ว่าเก่งมากำจัด แต่ก็ยังโดนผีสาวเล่นงานจนเตลิดเปิดเปิง สร้างความหวาดผวาต่อผู้เช่าอพาร์เมนท์ที่เหลือเป็นอย่างยิ่ง เป็นผลให้กิจการห้องเช่าของเจ๊สี่ทำท่าจะไปไม่รอด แต่แล้ววันหนึ่ง มีชายหนุ่มนิรนามเดินเข้ามาที่อพาร์ทเมนท์ และหายตัวเข้าไปในห้องผีสิงนั้นอย่างปริศนา นับจากวันนั้น ผีสาวก็ไม่ปรากฎกายให้เห็นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มนิรนาม ดังออกมาจากห้องผีสิง ผู้เช่าที่เหลือพากันย้ายออกจนหมด เพราะทนกลัวผีต่อไปอีกไม่ไหว เจ๊สี่หมดทางเลือก จึงตัดสินใจโทรไปตามหมอผีเขมรที่เก่งที่สุด มาจัดการกับผีร้าย ก่อนที่ชายหนุ่มและกิจการอพาร์ทเมนท์ของเธอจะไปไม่รอด...

ตะเคียน (2546/2003) “กำนันวิทยา” และ “โลไกร” สองเพื่อนพรานเข้าป่าล่าสัตว์ เป็นเหตุให้ “นางตะเคียน” ผู้ปกปักรักษาป่าโกรธแค้น และฆ่าโลไกรตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้กำนันวิทยาเคียดแค้น และในขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงดู “คำทอง” ซึ่งเป็นลูกชายของโลไกรจนโตเป็นหนุ่ม คำทองหลงรัก “พร” ลูกสาวคนเดียวของกำนันวิทยา แต่กำนันวิทยากลับสนับสนุน “ไตร” วิศวกรสร้างเขื่อนให้รักกับพร ทำให้คำทองต้องผิดหวัง เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จทำให้น้ำท่วมหมู่บ้าน ในขณะที่กำนันวิทยาก็ต้องรีบตัดต้นไม้ที่ได้รับสัมปทานให้เสร็จก่อนที่น้ำจะท่วมหมดและทำให้เสียหายเป็นเงินมหาศาล กำนันวิทยาตัดต้นไม้ทุกชนิดที่อยู่ในพื้นที่ไม่เว้นแม้ต้นตะเคียนยักษ์ที่น่ากลัว หลังจากนั้นเรื่องราวที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง รวมทั้งพรที่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราโดยไม่ทราบสาเหตุ “กำนันวิทยา, คำทอง, ไตร และ ปีเตอร์” จึงมีภารกิจที่ต้องทำ ทั้งหมดต้องไปเอาวิญญาณของตอตะเคียนที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมาปลูกใหม่ เพื่อเป็นการขอขมาและช่วยเหลือพรที่นอนไม่ได้สติให้กลับมาเหมือนเดิม ทั้งหมดไม่รู้ว่ากำลังลงไปเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวที่แอบซ่อนอยู่ใต้น้ำแห่งนั้น…
ขุนศึก (2546/2003) ก่อนวันประกาศอิสรภาพของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น พระเจ้าบุเรงนอง วางอุบายหมายลอบปลงพระชนม์ ซึ่งยังความโทมนัสให้แก่สมเด็จพระนเรศวรอย่างมาก เมื่อจาตุรงคบาทนักรบประกบฝีเท้าช้างคนหนึ่งต้องพลีชีพเพื่อพระองค์ในกาลนี้ เสมา ลูกชายช่างตีดาบ ซึ่งเดินทางกลับจากเรียนวิชาดาบกับ อาจารย์ขุน เข้าประลองแข่งขันในการหาจาตุรงคบาทคนใหม่ ด้วยความที่เขามีฝีมือดาบอันโดดเด่น จึงได้รับตำแหน่งครูฝึกทหารในเรือน ขุนราม แต่นั่นถือเป็นการหยามศักดิ์ศรีของ หมู่ขัน นายทหารเอกของกรุงศรี ที่ติดภาระต้องไปประจำการที่ด่านหน้า เขาไม่พอใจในตัวลูกช่างตีดาบคนนี้มาก และรอวันที่จะได้ตัดสินกันอย่างแท้จริง ความแค้นยิ่งทวีคูณมากขึ้น เมื่อเรไร คู่หมั้นของหมู่ขัน เกิดชอบพอกับเสมา หมู่ขันโกรธแค้นมาก จึงจับตัวจำเรียง น้องสาวของเสมาไปเป็นทาสขัดดอก คืนนั้น เสมา พร้อมเพื่อนอีกสองคน ตัดสินใจบุกเรือนหมู่ขัน เพื่อนำตัวจำเรียงกลับมา แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกลอุบายของหมู่ขัน จนต้องหนีเข้าไปอยู่ในกองโจรของ ขุนรณฤทธิ์พิชัย หมู่ขันสบโอกาส จึงประกาศว่า เสมาเป็นกบฎ ขณะที่อยู่กับพวกกองโจร เสมา และกลุ่มกองโจรช่วยกันสกัดทัพหน้าของพม่าที่บุกเข้ามา ครั้งหนึ่ง เสมา ได้มีโอกาสได้เข้าช่วย พระเอกาทศรถ ในการศึก และได้ลดโทษไปเป็น ตะพุ่น เลี้ยงช้าง ที่นั่น เสมา ได้เรียนรู้ถึงหัวใจของนักรบ เมื่อเขาทราบข่าวการยกทัพครั้งใหญ่ของพม่า เสมาทนเห็นทหารไทยถูกเข่นฆ่าอีกไม่ได้ จึงเข้าไปช่วยในสนามรบ กระทั่งสามารถฆ่าแม่ทัพพม่าลงได้ จึงได้รับความดีความชอบกลับมา และวันแห่งการตัดสินฝีมืออย่างแท้จริงระหว่างเสมา กับหมู่ขันก็มาถึง เมื่อทั้งสองได้ประลองฝีมือต่อหน้าพระที่นั่ง เพื่อหาผู้ที่เหมาะกับตำแหน่งจาตุรงคบาท นักรบประกบฝีเท้าช้างของสมเด็จพระนเรศวร ในการศึกยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างกษัตริย์สองแผ่นดิน
เฮี้ยน (2546/2003) ภายใต้ท้องฟ้าที่เงียบสงบ ดูเหมือนว่าบางสิ่งที่เป็นตัวแทนของความเศร้า ผิดหวัง และเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ท้อแท้ สูญสิ้นซึ่งความหวังนอนทอดตัวสงบนิ่งอยู่ในเบื้องลึกแห่งก้นบึ้งของห้วงอารมณ์ที่โอบอุ้มไปด้วยความหวาดกลัวที่แสนเปราะบาง กำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างเงียบๆ ราวกับกำลังเรียกร้องและรอคอยให้ใครบางคนที่พร้อมจะย่างกรายเข้ามาสัมผัสถึงดวงจิตที่อัดแน่นไปด้วยความร้อนรุ่มกระวนกระวายไปทุกอณูแห่งความรู้สึกคั่งแค้นใจเพื่อรอการสะสาง บัดนี้ใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแห่งการเดินทาง เป็นการมาถึงของอาการที่คนทั่วไปรู้จักกันดีที่ถูกเรียกขานสั้นๆ ว่า “เฮี้ยน” สำหรับ “ปอวรีร์” (ทราย เจริญปุระ) หญิงสาวที่ไม่เคยก้มหัว สนใจ หรือแคร์ใครหน้าไหนในโลก โดยเฉพาะมนุษย์เพศชายทุกคน นอกจาก “กิ๊ฟ” (อินทรา วีระวัธนชัย) เพื่อนสาวเพียงคนเดียวในขณะนี้ที่ทั้งคู่ต่างเลือกปักหลักใช้ชีวิตคนกลางคืนที่แวดล้อมไปด้วยแสงสี เหล้า ยา ด้วยกันในฐานะสาวเสิร์ฟในผับชื่อดัง และซุกหัวนอนอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ดูเหมือนว่านี่คือวิถีแห่งการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างล่อแหลมและไม่เคยบันยะบันยังของหญิงสาวที่ไร้อนาคตในสายตาของใครหลายๆ คนอย่างปอ จนกระทั่งการตื่นขึ้นมาในเตียงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากคืนที่แสนสาหัสเกิดขึ้นในชีวิตของปอผ่านพ้นไป พร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายโดยฝีมือของ “ไอ้อ๊อด” (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) นักเลงขี้ยาเอเยนต์ค้ายาเสพติดที่จับได้ว่าถูกหญิงสาวที่คอยปล่อยของอย่างปอยักยอกเสียเอง แต่ในระหว่างที่วินาทีที่พยายามยื้อชีวิตตัวเองให้รอดจากเงื้อมมือของมัจจุราช ทำให้ปอพลาดท่าหมดสติตกลงไปในบึงใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดจาก “หมอฤดี” (อรัญญา นามวงศ์) รอง ผอ.โรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของไข้ สิ่งที่สร้างความช็อกให้กับปอมากที่สุดก็คือ การที่รู้ว่าตนเองกำลังตั้งท้องได้ 10 สัปดาห์แล้ว ถึงแม้ว่าจะถูกคนทั่วไปมองว่าหญิงสาวที่ไร้อนาคตอย่างปอพยายามที่จะกำจัดลูกในท้อง แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงหมอฤดีเพียงคนเดียวที่คอยเข้าใจและเป็นกำลังใจให้กับปอ ในขณะที่กำลังวุ่นวายใจกับสถานการณ์ที่ยากเกินกว่าที่จะตั้งรับได้ทัน สิ่งที่หญิงสาวที่ไม่เคยรักชีวิตของตัวเองอย่างปอต้องเผชิญกับบางสิ่งบางอย่างที่ยากเกินอธิบายที่เริ่มเข้ามาคุกคามทั้งจากการสัมผัส มองเห็น ได้ยินทั้งภาพและเสียงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโรงพยาบาล เริ่มต้นจากเสียงร้องของเด็กที่ไม่สามารถหาต้นตอได้ ตุ๊กตาที่ขยับได้เองของคนไข้เด็กที่อยู่ในห้องผู้ป่วยรวม ภาพหลอนของ “หญิงสาว” (ปรางทอง ชั่งธรรม) ที่ตนไม่เคยรู้จัก รวมไปถึงภาพเสมือนที่ดูเหมือนจริงซึ่งล้วนมีภาพของตัวเองเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทุกครั้ง พร้อมกับมีภาพของคนอีกหลายคนและอีกหลายเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะจริงจังและรุนแรงมากขึ้นทุกที ในขณะเดียวกันกับที่ “พัฒน์” (กรุณพล เทียนสุวรรณ) เจ้าหน้าที่ติดตามการรักษาของศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดคนใหม่ก็ถูกสิ่งเข้ามาประกบกับปอ เพราะเกรงว่าจะยังคงมีประวัติการใช้ยาในตัวปอ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยากเกินกว่าคำอธิบายที่ชักนำทุกคนย้อนกลับไปสู่ต้นตอของปรากฏการณ์ที่นิยามได้ด้วยคำจำกัดความว่า “เฮี้ยน”

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ