โอเคเบตง (2546/2003) ธรรม (ภูวฤทธิ์) อยู่บวชอยู่ที่วัดป่า และศึกษาพระธรรมมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต วันหนึ่ง จันทร์ พี่สาวเพียงคนเดียวของธรรม เสียชีวิตอย่างกะทันหันเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟ ธรรมต้องลาสิกขาบทออกมาเพื่อดูแล มารีอา (ด.ญ.สรัญญ่า) ลูกกำพร้าของพี่สาวที่เกิดจาก กาเซ็ม สามีชาวมุสลิม เขาต้องพบกับความยากลำบากในการปรับตัว จากเดิมที่ใช้ชีวิตทางธรรมอย่างเรียบง่ายเพื่อศึกษาพระพุทธศาสนา กลับต้องมาใช้ชีวิตทางโลก อยู่ท่ามกลางความแปลกใหม่ มีสิ่งยั่วยวนมากมาย โดยได้รับความช่วยเหลือจาก หลิน (จีรนันท์) หญิงสาวที่อาศัยอยู่ตรงข้ามร้านเสริมสวยของจันทร์ และ เฟิร์น (สรวงสุดา) นักร้องสาวคาเฟ่ เพื่อนสนิทของจันทร์ ธรรมต้องพบความสับสนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อพบว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆ กับ หลิน แต่แท้ที่จริงเธอเป็นคนรักของ ฟารุก (อรรถพร) มุสลิมหัวก้าวหน้า หนึ่งในผู้นำขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งถูกทางการไทยกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการระเบิดที่ทำให้พี่สาวของธรรมเสียชีวิต หลินตัดสินใจเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม เพื่ออยู่เคียงข้างชายที่เธอรัก ขณะเดียวกันธรรมก็ต้องแยกจากมารีอา เมื่อกาเซ็ม พ่อแท้ๆ รับเธอไปอยู่ด้วยที่ประเทศมาเลเซีย ด้วยความผิดหวังในความรัก ธรรมต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของอบายมุข แต่ที่สุดแล้วเขาก็ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัว มีชีวิตอยู่อย่างมีสติ และดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า
ฅนปีมะ (2546/2003) เรื่องราวทั้งหมดได้เกิดขึ้น เมื่อคนทั้งสี่มาพบกันที่ริมน้ำใต้สะพานซึ่งทั้งสี่คนหนีมาจากคนละทิศ โดยมี นกหนุ่มบ้านนอกเป็นนักมวยที่มีความสามารถและใฝ่ฝันอยากเข้าวงการแสดง แต่ชีวิตต้องผิดหวังเพราะถูกผู้หญิงหลอกจนหมดอาลัยตายอยาก นกบังเอิญได้มาเจอกับ เป้า กุ้ง และ เดวิด ซึ่งทั้งสามคนก็ต่างใฝ่ฝันอยากเป็นในสิ่งที่ตนปรารถนาและใฝ่ฝัน เป้า ฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังแบบ สายัณต์ สัญญา ส่วน กุ้ง เป็นลิเกซึ่งอยากดังแบบ กุ้ง สุทธิราช และ เดวิด นักมายากลซึ่งใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้ไปเล่นเคียงข้าง เดวิด คอปเปอร์ฟิวส์ นักมายากลระดับโลก แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสามคนหนีหัวซุกหัวซุน เข้ากรุงเทพฯ จนพบกันนก เมื่อทั้งสี่คนตกลงเป็นเพื่อนกันแล้ว พระอินทร์เกิดเห็นใจคนทั้งสี่จึงได้ส่งตัวเทวดานาม สายฟ้า ลงมาช่วยเหลือคนทั้งสี่ แล้วสายฟ้าก็ได้มารวมกลุ่มกับกลุ่ม “ฅนปี มะ” กับเขาด้วย แต่สายฟ้าก็ไม่ได้มีอิทธิฤิทธิ์ จะใช้ได้ยามคับขันหรือบางทีก็ไม่มีเลย จนมาวันหนึ่งกลุ่มปีมะเดินมาถึงสถานสงเคราะห์ได้พบกับ โอ๋ และ บี ทุกคนประทับใจในความสวยและดูมีเมตตาใจดีเหมือนนางฟ้า ซึ่งโอ๋และบี เป็นคนดูแลสถานสงเคราะห์เด็ก “บ้านน้ำใจ” ของนายอำนาจซึ่งเบื้องหลังเป็นผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ และเป็นสถานที่ที่ทำให้ได้พบกับ เด็กบอยซึ่งถูก นายอำนาจสั่งตัดตอนครอบครัวบอยจึงหนีเตลิดมาพบกลุ่มปีมะ ซึ่งบอยเองก็ไม่รู้เรื่องแต่แม่บอยได้ให้ของสำคัญไว้กับบอยก่อนที่จะแยกย้ายกันหนีออกมาจากบ้านซึ่งของสำคัญที่บอยติดตัวมานี้ ทำให้นายอำนาจสั่งลูกน้องตามล่าเอามาให้ได้ ทำให้เกิดเรื่องราวยุ่งและเกิดการไล่ล่า โดยกลุ่มคนปีมะ รวมทั้ง โอ๋ และ บี บอย ต้องทั้งสู้และหนีกันจนต้องมาพัวพันกันและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถนำหลักฐานมา จับตัวนายอำนาจและสมุนได้ เหตุการณ์ทุกอย่างจบลงด้วยดี ต่างคนต่างได้ทำในสิ่งที่ปรารถนา ถึงแม้จะไม่เหมือนที่ฝันเอาไว้
บุปผาราตรี (2546)

เรื่องย่อ : บุปผาราตรี (2546/2003) บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ผีสาวสุดสยอง วิญญาณพยาบาทที่คอยวนเวียนอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อรอคอยเอก (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) คนรักที่ทอดทิ้งเธอไปในอดีต ความเฮี้ยนของเธอทำให้ผู้คนหวาดผวาพากันย้ายออกไปตามๆ กัน เดือดร้อนถึงเจ๊สี่เจ้าของออสการ์อพาร์ทเมนท์ที่ต้องความหาหมอผีฝีมือดีจากทุกสารทิศมาเพื่อขับไล่ผีสาวตนนี้ออกไปให้จงได้ บุปผา ราตรี นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่งถูก เอก ลูกเศรษฐีหลอกตามจีบจนใจอ่อน แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ เอกกลับพาเธอไปทำแท้งและหนีไปเรียนต่อเมืองนอกทันที กระทั่งวันหนึ่ง เจ๊สี่ เจ้าของออสการ์อพาร์ตเมนต์ที่บุปผาเช่าอยู่ เห็นเธอเงียบหายไปจึงได้งัดห้องเข้าไป และพบว่าบุปผาตายมาเกือบเดือนแล้วจากการตกเลือดหลังทำแท้ง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยองขวัญปั่นป่วนทั้งอพาร์ตเมนต์ เมื่อผีบุปผาเกิดเฮี้ยนออกมาอาละวาด เจ๊สี่ เจ้าของกิจการอพาร์ทเมนท์ ที่มีธุรกิจเข้าทรงเป็นอาชีพเสริม พออยู่มาวันหนึ่ง อพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่เกิดมีผีสาวปรากฎกายขึ้น จนเป็นที่หวาดผวาต่อบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ร้อนถึงเจ๊สี่ ที่ต้องตามหมอผีที่ว่าเก่งมากำจัด แต่ก็ยังโดนผีสาวเล่นงานจนเตลิดเปิดเปิง สร้างความหวาดผวาต่อผู้เช่าอพาร์เมนท์ที่เหลือเป็นอย่างยิ่ง เป็นผลให้กิจการห้องเช่าของเจ๊สี่ทำท่าจะไปไม่รอด แต่แล้ววันหนึ่ง มีชายหนุ่มนิรนามเดินเข้ามาที่อพาร์ทเมนท์ และหายตัวเข้าไปในห้องผีสิงนั้นอย่างปริศนา นับจากวันนั้น ผีสาวก็ไม่ปรากฎกายให้เห็นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มนิรนาม ดังออกมาจากห้องผีสิง ผู้เช่าที่เหลือพากันย้ายออกจนหมด เพราะทนกลัวผีต่อไปอีกไม่ไหว เจ๊สี่หมดทางเลือก จึงตัดสินใจโทรไปตามหมอผีเขมรที่เก่งที่สุด มาจัดการกับผีร้าย ก่อนที่ชายหนุ่มและกิจการอพาร์ทเมนท์ของเธอจะไปไม่รอด...

คืนพระจันทร์เต็มดวง (I-San Special) (2546/2003) คืนพระจันทร์เต็มดวง (I-San Special) เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการเดินทางกลับบ้าน ของชาวบ้านแถบภาคอีสานกลุ่มหนึ่ง จากกรุงเทพฯไปจังหวัดหนองบัวลำภู โดยรถโดยสารพิเศษสายอีสาน ทั้งหมดเดินทางออกจากสถานีขนส่งหมอชิต ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ระหว่างทางผู้โดยสารแต่ละคนได้สวมบทบาทต่างๆ ตามตัวละครในละครโทรทัศน์ และเรื่องราวชีวิตจริงของผู้โดยสารบนรถ ก็ดำเนินไปพร้อมกับเรื่องราวในละครตลอดการเดินทาง คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ โดยไม่มีสาเหตุ ทั้งความสุข สนุก เศร้า หรือสยองขวัญในบางคราว ก็เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาเดินทางระหว่างกรุงเทพถึงหนองบัวลำพู เพ็ญประภา (เมสินี แก้วราตรี) หญิงสาวที่ต้องซัดเซพเนจรหลังจากที่พ่อฆ่าตัวตาย เพราะถูกแม่เลี้ยงใจร้ายปอกลอก เอาทรัพย์สมบัติไปหมด คือบทบาทของตัวละครนิยายน้ำเน่าทางวิทยุ ที่เธอสวมบทบาท ในขณะที่ตัวเธอในความเป็นจริง ต้องเดินทางหนีจากกรุงเทพ พร้อมบาดแผลในใจ และบางสิ่งที่เธอเก็บซ่อนไว้ลำพัง ไม่อาจบอกใคร แดนนี่ (มาร์ค แซล์มอน) เศรษฐีหนุ่มรูปงาม เจ้าของโรงแรมสุดหรูในหนองบัวลำพู ที่ในชีวิตจริง เป็นฝรั่งลูกครึ่ง ซึ่งเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วประเทศไทย โดยที่ไม่มีใครสังเกตว่า เขามีพฤติกรรมต้องสงสัย มาธวี (ภูริดา วิจิตรพันธ์) หญิงชั่วร้าย ผู้ทำให้พ่อของเพ็ญประภาสิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องฆ่าตัวตาย แต่ความจริงเธอเป็นเพียงเจ้าของร้านอาหารในหนองบัวลำพู ซึ่งเปิดกิจการมาได้ 5 ปีแล้ว มะลิ (เจนนาฟี) สาวจิตใจดีที่คอยช่วยเหลือเพ็ญประภา ที่ในชีวิตจริง เธอเป็นเพียงสาวพม่า ที่ตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านเกิด โดยผ่านเข้าไปทางแม่สาย แต่เธอไม่นึกเฉลียวใจว่าขึ้นรถผิดคัน ทุกสิ่งล้วนสร้างจากความว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นฉากโรงแรมอันหรูหรา คอกม้า สระว่ายน้ำ อาหารรสเลิศ เครื่องใช้วิจิตร ล้วนถูกสมมติขึ้น บนรถโดยสารคันนี้ ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจรงกับที่ตาเห็น
ดึก ดำ ดึ๋ย (2546/2003) เรื่องราวความสนุกสนานเริ่มขึ้นเนื่องจากหมู่บ้านของคนผิวดำแห่งหนึ่งเกิดเรื่องราวสยองขวัญทุกวัน เพราะมีคนในหมู่บ้านถูกฆาตกรรมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสาวสุดเซ็กซี่ จึงทำให้ เทพ (เทพ โพธิ์งาม) เด่น (เด่น ดอกประดู่) มาด (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ระ (เขาทราย แกแลคซี่) เพื่อนต่างวัยทั้ง 4 คน จำเป็นต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการสืบหาตัวฆาตรกร ตามที่ได้รับว่าจ้างมาโดยที่ไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ไหน รู้แต่ว่าให้ไปถามหารายระเอียดกับคนผิวดำที่เป็นกระเป๋ารถโดยสารเท่านั้น ทั้ง 4 พบกับความโชคร้ายในการเดินทาง เมื่อรถที่โดยสารมาเกิดเสียระหว่างทาง ทั้งหมดจึงต้องเดินทางต่อไปด้วยเท้าเปล่าจนกระทั่งมาถึงกระท่อมกลางป่าของ สองตายาย (อุดม ชวนชื่น และ น้อย โพธิ์งาม) ที่อาศัยอยู่กับ สวย หลานสาวสุดเซ็กซี่ ที่ให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ตกดึกทั้งหมดแทบช็อก เมื่อ สวย ถูกฆ่าตายโดยอสูรกาย และสองตายายก็กลายเป็นกระหัง ทั้ง 4 จึงต้องหนีเตลิดความน่ากลัวแบบไม่คิดชีวิต จนกระทั่งเดินทางมาถึงโรงแรมเก่าๆ แห่งหนึ่ง ที่ภายในโรงแรมกำลังสนุกสนานไปด้วยเสียงดนตรีและผู้คน โดยมีผู้จัดการแก่ๆ (สีเทา) และพนักงานสาวผมทองแสนสวยให้การต้อนรับ ทั้ง 4 ยังได้รับรายละเอียดว่าใครที่มาพักโรงแรมแห่งนี้มักจะกลายเป็นศพทุกคน แต่ทั้ง 4 ก็ไม่สนใจ เพราะต้องการที่พักผ่อนเพียงอย่างเดียว ในคืนนั้นก็มีเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกหลายเรื่อง เมื่อทั้งหมดได้เห็น แหม่ม สาวถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตนนั้น แต่พอทุกคนที่เข้าไปช่วยเหลือกลับเจอแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ตอนกลางวันที่ผ่านมายังคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่ทุกคนต้องเก็บความกลัวเอาไว้ มิหนำซ้ำยังเจอผียายแก่ตาแก่ขายข้าวแกงหลอกจนต้องวิ่งหน้าตั้ง และยังถูกนายอำเภอ (ดี๋ ดอกมะดัน) และลูกน้องไล่ยิงอีกด้วย ทั้ง 4 ต้องวิ่งหนีนายอำเภออย่างไม่คิดชีวิตจนพลัดหลงเข้าไปในหมู่บ้านของคนป่า แต่พระเจ้ายังเข้าข้างเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านยอมใช้ชีวิต แต่ต้องใช้ชีวิตและความเป็นอยู่เช่นเดียวกัน มิฉะนั้นมีทางเลือกอีกทางเดียวคือความตาย ในเมื่อไม่มีทางเลือกในขณะที่ lถานการณ์กำลังจะเป็นไปได้ด้วยดี สาวชาวป่าถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตัวเดิม แต่ทุกคนคิดว่าเป็นฝีมือของชายแปลกหน้าที่เพิ่งมาเยือน จึงทำให้ทั้ง 4 ต้องหนีตายอย่างทุลักทุเลด้วยผ้าห่อกายเพียงน้อยนิด แบบชุดผ้าเตี่ยวของคนป่า ในที่สุดนักสืบจำเป็นอย่าง เทพ เด่น มาด ระ ก็มาพบกระท่อมหลังหนึ่งที่มีศพนอนเรียงรายนับไม่ถ้วน ทุกคนในกระท่อมช่วยกันชำแหละและหั่นศพเหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆโดยไม่มีความสะทกสะท้านหรือเกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใดทั้ง 4 จึงบุกเข้าไปในกระท่อม เพื่อจับกุมทั้งหมดไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดี เพราะแน่ใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือฆาตรกรอย่างแน่นอน ทุกคนปฏิเสธพร้อมทั้งบอกความจริงว่า ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือ หลวงพ่อ (กรุง ศรีวิไล)เนื่องจากเมรุของวัดมีที่อยู่ไม่พอที่จะเผาศพคนตายหลายคนที่มีมากมายวันละหลายๆ ศพหลวงพ่อจึงขอบิณฑบาตเพื่อให้ชาวบ้านที่มีใจบุญกุศลต้องถูกจับดำเนินคดี แต่นักสืบจำเป็นทั้ง 4 ไม่ยอม พร้อมทั้งนิมนต์เอาตัวหลวงพ่อส่งให้กับตำรวจพร้อมชาวบ้านทั้งหมด แล้วค่อยพิสูจน์ความจริงกันบนศาล ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางออกจากวัด อสูรกายก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่หอระฆัง เหตุการณ์จะลงเอยอย่างไร
แฟนฉัน (2546/2003) เรื่องราวในวัยเด็กของ "เจี๊ยบ" ที่มีเพื่อนสนิทคือ "น้อยหน่า" เด็กหญิงข้างบ้าน ที่เป็นเพื่อนเล่นมาด้วยกันตลอด แต่เด็กชายก็อยากมีเพื่อนๆ ผู้ชาย และเล่นตามประสาเด็กชายบ้าง ทำให้เขาหันไปเข้ากับกลุ่มเด็กชายจอมซ่า ที่มี "แจ๊ค" เป็นหัวโจก ทว่าการเข้ากับกลุ่มของแจ๊ค กลับทำให้น้อยหน่าเพื่อนรักต้องเสียใจ และยังทำให้เจี๊ยบพลั้งพลาดทำร้ายจิตใจของน้อยหน่าโดยไม่ตั้งใจ กว่าเจี๊ยบจะรู้ตัวว่าทำให้น้อยหน่าเสียใจ เธอก็ย้ายบ้านไปเสียก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากคำว่าขอโทษออกมา หลังจากย้ายบ้านไปเป็นเวลานาน เจี๊ยบได้กลับมาอีกครั้งเพื่อร่วมงานแต่งงาน ของ น้อยหน่า ความทรงจำในวัยเด็กที่เคยเลือนราง แต่เมื่อหลับตาลง ความทรงจำต่างๆ กลับค่อยๆ แจ่มชัดเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เจี๊ยบกับน้อยหน่า บ้านของทั้งสองอยู่ติดกันจึงเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก เหตุนี้ทำให้เจี๊ยบติดสอยห้อยตามน้อยหน่า และคลุกตัวอยู่กับเพื่อนผู้หญิง จนทำให้แก๊งเพื่อนผู้ชายยั่วเย้าให้หัวเสียอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อเริ่มโต เจี๊ยบก็เริ่มอยากเที่ยวเล่นแบบเด็กผู้ชาย จึงพยายามพิสูจน์ตัวเองแม้จะทำให้น้อยหน่าเสียใจก็ยอม เจี๊ยบเพียรมาด้อมๆ มองๆ บ้าน น้อยหน่าเพื่อหาโอกาสกล่าวคำขอโทษ กระทั่งยอมมาตัดผมกับพ่อน้อยหน่าที่บ้านก็ยอม แต่จนแล้วจนรอด เจี๊ยบก็ยังไม่ได้ขอโทษสักที จนถึงวันที่น้อยหน่าต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่จังหวัดอื่น
คนบอ ผีบ้า ป่าช้าแตก (2546/2003) เลอเลิศ (กรรชัย กำเนิดพลอย) มีเหตุบังเอิญให้ต้องมาปักหลักอยู่ในหมู่บ้านเนินยายอูม หมู่บ้านเล็ก ๆ บนไหล่เขาในจังหวัดชัยภูมิ อันมี วัดป่าตะเคียนแดง อารามสถานอันงดงามด้วยทัศนียภาพตามธรรมชาติ และพระภิกษุผู้เคร่งครัดในศีลธรรม แต่สิ่งที่เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากกว่าเรื่องใด ๆ ก็คือ 'ความเฮี้ยน' ของบรรดาภูติผีปีศาจ ที่พาเอาหลายคนขยาดกันเป็นทิวแถว นอกจากนี้ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ยังเป็นที่รวมของคนหลากประเภท ที่ล้วนแล้วแต่แสบ ๆ คัน ๆ กันไปคนละแบบสองแบบ และเมื่อความแสบของคน มาเจอกับความเฮี้ยนของผี เมื่อนั้นเรื่องราวความสยอง ปนความบวมส์ในอารมณ์จึงเกิดขึ้น... เลอเลิศเกิดมีความคิดอุตริ อยากจะเอาป่าช้ามาทำเป็นรีสอร์ท และเพราะความที่เป็นคนไม่กลัวผี ก็เลยทำให้แม้พวกผี ๆ จะรู้สึกไม่ชอบใจยังไง ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเขาได้ เรียกว่าเป็นคนที่สร้างความเอือมระอา ให้กับพวกผีได้อย่างสุด ๆ ก็เลยกลายเป็นที่มาของเรื่องยุ่ง ๆ จนอลเวงกันไปหมดทั้งผีทั้งคน
นายอโศกกับนางสาวเพลินจิต (2546/2003) “นายอโศกกับน.ส.เพลินจิต” หนึ่งในภาพยนตร์ไทยประจำปี 2546 ที่ “สหมงคลฟิล์ม” ตั้งใจนำเสนอเป็นพิเศษในฐานะตัวสอดแทรกที่แตกต่างจากหนังไทยที่คุ้นตา โดยหวังให้เป็นทางเลือกใหม่ของหนังไทยในยุคนี้ที่คอหนังก็มีโอกาสที่จะเลือกลองสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่ดูแปลกตาได้โดยไม่ผิดกติกา จากฝีมือของ “ทศพล ศิริวิวัฒน์” นักคิด ครีเอทีฟ พิธีกร นักเขียน นักแสดงหนุ่มเลือดถา’ปัดที่คนทั่วไปรู้จักกันดีในฉายา “ทศ 108 มงกุฎ” พลิกตัวใส่เกลียว 2-3 รอบครึ่งรับบทบาทใหม่ถอดด้ามเป็นครั้งแรกในชีวิตในฐานะ “ผู้กำกับภาพยนตร์” แถมพ่วงตำแหน่งคนเขียนบทติดตัวมาด้วยเป็นทูอินวัน โดยได้ผู้กำกับอย่าง “พีระพันธ์ เหล่ายนตร์” (ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “กำเพง” และมือตัดต่อ “เกิร์ลเฟรนด์ฯ”) มาร่วมบรรจงถ่ายทอดเรื่องราวบิดๆ เบี้ยวๆ ของผู้คนในสังคมเมืองภายใต้การจัดวางเหลี่ยมมุมองศาที่แตกต่างจากมุมมองเดิมๆ ที่แสนคุ้นตามาสัมผัสกับรสชาติใหม่ๆ ของหนังไทยที่ท้าให้คุณลิ้มลอง เรื่องราวของคนบ้าหนังสือ “How to” 2 คนที่บังเอิญมาเจ๊อะกัน สานฝันร่วมกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่าคนหนึ่งนั้นเสาะหาทุกวิธีเพื่อฆ่าตัวตาย อีกคนรวบรวมทุกกลเม็ดเด็ดซะเพื่ออยากรวย แล้วคุณคิดว่าอะไรล่ะที่มันควรจะเกิดขึ้น “เกี้ยง” (เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา) ชายหนุ่มชนชั้นกลางผู้เบื่อหน่ายกับชีวิต แถมยังพ่ายรักจาก “ลิลลี่” นางแบบสาวเกรดบีชนิดบ่ท่า ทำให้สมองของชายหนุ่มฉุกคิดเพียงสิ่งเดียวคือยุติชีวิตของตัวเองเพื่อประชดรัก โดยศึกษาวิธีตายจากหนังสือ “How to Kill Yourself Softly” แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จจนกระทั่งการปรากฏของสาว “อ้อน” (แน๊ท วรรธนะภัฏ) หญิงสาวพนักงานร้านสะดวกซื้อ น่ารัก ฉลาด จอมวางแผน ชอบอ่านหนังสือ “How to Get Rich By Yourself” เธอผู้มีปรารถนาอย่างแรงกล้าจนถึงกับตั้งมั่น มุ่งมั่น และอาจจะไปไกลจนถึงหมกมุ่นมากถึงมากที่สุดกับความต้องการเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต นั้นคือต้องรวยเท่านั้น!!! จึงไม่น่าแปลกใจถ้าคุณเห็นสาวน้อยหน้าตาดีที่มีบุคลิกพิเศษคือการใช้เวลาว่างในการเป็นเด็กแจก Sampling ตัวอย่างสินค้าทดลองใช้, สาวพริตตี้หน้ามน จนถึงเป็นสาวพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลากแบรนด์ภายใต้คติพจน์ “เงินเท่านั้นคือพระเจ้า” ซึ่งแท้จริงแล้วเธอนั้นเป็นเพียงนางฟ้าหรือปีศาจชั่วนิรันดร์ที่สวรรค์เบื้องบนส่งมาให้เขากันแน่…
จ.เจี๊ยวจ๊าว (2546/2003) จ..เจี๊ยวจ๊าว เป็นเรื่องราวของ เบิ้ม เด็กหนุ่มซื่อบื้อคนหนึ่ง ที่อยู่ดี ๆ ก็พยายามปล้ำสาวเพื่อนซี้ ตามแรงยุของกลุ่มเพื่อนผู้ชาย แต่ไม่สำเร็จ ซ้ำถูกเพื่อสาวถีบเข้าที่เป้าอย่างจัง อันบันดาลให้เกิดสิ่งประหลาด เมื่อน้องชายตรงหว่างขาของเขา สามารถสื่อสารกับเขาได้ แถมน้องชายซึ่งแสนจะเก็บกด และต้องการจะแอ้มหญิงให้ได้สักคน ก็อาละวาดไม่ยอมหยุด ทำให้เด็กหนุ่มต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความทะเล้น และความฮาไร้ขีดจำกัดของเจ้า จ..เจี๊ยวจ๊าว ท่ามกลางการยุยงจากกลุ่มเพื่อนชายจอมทะเล้น เด็กหนุ่มจะสามารถเอาชนะความซน และการก่อกวนจากน้องชายจอมทะลึ่งของเขาได้อย่างไร และเขาจะได้รู้จักกับความรักที่แท้จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของจิตใจ และกำลังใจจากความรักที่แท้จริงเท่านั้น.
ชื่อชอบ ชวนหาเรื่อง (2546/2003) เรื่องราวชีวิตสุดหักเหปนเปเสียงฮาเฮ กับชีวิตลูกผู้ชายชื่อแปลกๆ คำเดียวโด่เด่ว่า ชอบ (สิทธา เลิศศรีมงคล) นายคนนี้กำลังคบหาดูอกดูใจกับ อินทุอร (เพชรรัตน์ พุ่มคำ) แล้วทำไมล่ะ กับการคบหาผู้หญิง มันผิดแปลกตรงไหน !! ถ้าอินทุอรเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่เธอเป็นถึงลูกพ่อเลี้ยงผู้กว้างขวาง ใหญ่คับทุกตารางนิ้วของภาคเหนือ! เรื่องไม่ธรรมดาก็ไม่ธรรมดายิ่งกว่า เมื่อ พ่อเลี้ยงโพ (สะอาด เปี่ยมพงษ์ศานต์) พ่อของอินทุอร ให้นายชอบพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อลูกสาว โดยให้นายชอบใช้เวลา 7 วัน เดินทางไปภาคเหนือ และระหว่างทางต้องหาเรื่อง และมีเรื่องไปตลอดทาง จนกว่าจะไม่มีใครกล้าจะหาเรื่องด้วย หากสำเร็จก็จะยกลูกสาวให้ พร้อมสมบัติทรัพย์สินอีกครึ่งหนึ่ง แต่บุพเพกลับอาละวาด ให้มาพบกับ นลิน (ดาราวัลย์ วิไลงาม) สาวเหนือผู้อาภัพรัก ที่ต้องการกลับเหนือเพื่อรักษาแผลใจ โดยไม่มีเงินติดตัวซักแดง แล้วยุทธการหาเรื่องทั่วราชอาณาจักร ก็เริ่มขึ้นพร้อมคู่หูคนใหม่
แอบคนข้างบ้าน (2546/2003) อ๊อด (เทิง เถิดเทิง) ชายหนุ่มอายุประมาณ 29 ปี นักแซ้งค์แห่งท่าฉลอม มีเมียชื่อ แวว (อัญชิสา เลี่ยวไพโรจน์ - กิ๊ฟ) อาชีพรับจ้างซักผ้า และงานอดิเรก เล่นหวยจับยีกี (ออกทุกชั่วโมง) ชีวิตคู่ของอ๊อด แววเป็นไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ ด้วยอาการนกเขาของอ๊อดไม่ขัน ส่วนเมียนั้นอารมณ์หงุดหงิดเสมอๆ พตท.สรรเสริญ ชำนาญกิจ (จิรกิตต์ สุวรรณภาพ - วาม) นายตำรวจมือปราบคนดังแห่งท่าฉลอม มีแฟนสาวชื่อ น้ำทิพย์ (ศิริญญา กุตตะนันท์ - ปูนิ่ม) สารวัตรโชว์ฝีมือจับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นชื่อ วิลลี่ พ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ ขณะเดียวกัน อ๊อดปฏิบัติภาระกิจตามปกติในบ้านหลังหนึ่ง อ๊อดและลูกน้องคนสนิทกำลังลงมือ แต่หารู้ไม่ว่าบ้านที่ปฏิบัติการอยู่นั้นเป็นบ้านตำรวจ ทันใดนั้นเมียเจ้าของบ้านก็กลับจากการทำงาน อ๊อดยังอยู่ในบ้าน จึงต้องหลบซ่อนตัว และอ๊อดหลบออกไปได้อย่างฉิวเฉียด เวลาต่อมา คนร้ายชื่อ วิลลี่ ดันมาตายในห้องขัง และทิ้งปมปริศนาไว้เพียงตัวเลขที่พื้นว่า 33/9 สารวัตรจึงให้ จ่าจิ้ม (อาคม ปรีดากุล - ค่อม) กับ จ่าแหลม (อำพล รัตนวงษ์ - โต) หาสายสืบมาช่วยงานด่วน เบิร์ด (ธวัชชัย คชาอนันต์ - แฮ๊ค) คือมือวางอันดับ 1 จากแฟ้มคนร้ายที่เด็ก ปื๊ด (สุธน เวชกามา - อ่าง) เป็นคนเขียนอันดับไว้ให้ 1-9 เบิร์ดได้รับการติดต่อจากจ่าจิ้ม จ่าแหลม เพื่อเป็นสายสืบในคดีดังกล่าว หลังจากที่เบิร์ดไม่ผ่านการทดสอบ จ่าทั้งสองจึงตามหาตัวปื๊ด ปื๊ดบอกว่า "เบอร์น้อย ก็เก่งน้อย เบอร์มากก็เก่งมาก" อ๊อด คือบุคคลในแฟ้มในอันดับที่ 9 จ่าทั้งสองจึงไปดักพบ อ๊อด, อ๊อดปฏิเสธในเบื้องต้น แต่โดนจ่าทั้งสองขู่ จึงพาจ่าทั้งสองมาขอกับแวว แววเห็นว่าผัวตัวเอง น่าจะทำตัวให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ มิหนำซ้ำยังโก้เสียอีก ที่ได้เป็นสายให้ตำรวจ ในที่สุดอ๊อดจำต้องรับงานแอบดูชาวบ้าน ตามคำขอของตำรวจ และบ้านหลังดังกล่าวคือ บ้านเลขที่ 33/9 แต่ปรากฎว่าบ้านเลขที่ 33/9 ไม่มี มีแต่ 33/9 ก,ข,ค,ง,จ ฯลฯ แววจึงให้อ๊อดดูบ้าน เลขที่ 33/9 ก. แทน เพราะรับเงินค่าจ้างมาแล้ว จ่าทั้งสองเมื่อรู้ว่าบ้านที่รายงานมานั้นไม่ใช่หลังเป้าหมาย จึงรายงานให้สารวัตรทราบ สารวัตรจึงมีคำสั่งให้ดูทุกบ้านที่เป็น 33/9 ก,ข,ค,ง,จ ฯลฯ แต่แววไม่ให้อ๊อดรับงานอีกต่อไป ด้วยเกรงว่าจะกระทบกระเทือนลูกค้าที่มาจ้างซักผ้า จ่าทั้งสองรายงานสารวัตร เรื่องที่อ๊อดไม่รับงาน และจ่าทั้งสองยังยืนยันอีกว่า ไอ้อ๊อด คนนี้เซียนที่สุด สารวัตรจึงขอให้จ่าตามอ๊อดมา อ๊อดเห็นสารวัตร ก็จำได้ว่าสารวัตรคือ คนคนเดียวกับหญิงสาวที่พบในบ้าน อ๊อดเดาได้ว่าสารวัตรเป็นตุ๊ด และด้วยความกลัว อ๊อดจึงรีบบอกสารวัตรว่า จะไม่บอกใครว่าสารวัตรเป็นตุ๊ด การปฏิบัติงานจึงเริ่มขึ้น...
191 1/2 มือปราบทราบแล้วป่วน (2546/2003) ตำรวจสายตรวจ 191 สองคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ต้องมาทำงานด้วยกัน คนหนึ่งเป็นนายร้อยตำรวจไฟแรง อีกคนหนึ่งเป็นจ่าแก่ที่หมดไฟแล้ว ความต่างและทิฏฐิไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันของทั้งสอง ก่อให้เกิดความไม่ลงรอยกันมากมาย แต่ละคดีทำให้แต่ละคนได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และเหตุการณ์ก็นำพาให้ได้พบกับนักข่าวสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจบใหม่ และเลือกเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม เธอกลายเป็นตัวป่วนตลอดการทำงาน แต่ก็เป็นตัวกลางประสานความขัดแย้งของทั้งสองด้วยโดยไม่รู้ตัว หลังจากทั้งสามคนได้ผ่านปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ในที่สุด ก็กลายเป็นความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และความผูกพัน วันหนึ่ง โชคชะตาทำให้ทั้งสามคนมาพบกับ โทนี่ โจรกลับใจที่เข้ากรุงเทพเพื่อตามหาน้องชายชื่อจืด โทนี่กับจืดถูกตำรวจจับ ในฐานะผู้มีส่วนรู้เห็นในการซื้อขายยาทั้งสองยืนกรานปฏิเสธแต่ไม่มีใครเชื่อ ต่อมาหมวดชาติได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท จ่าได้เลื่อนยศเป็นนายร้อย ส่วนนักข่าวสาวก็ได้รับการยอมรับจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานให้เป็นนักข่าวอาชญากรรมดีเด่นและกลายเป็นคนที่รู้ใจของตำรวจหนุ่มในที่สุด
หลบผี ผีไม่หลบ (2546/2003) เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องทั้งหมดนี้ เริ่มขึ้นเมื่อนักศึกษาวิชาการภาพยนตร์จากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง เดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องภูตผีเพื่อส่งอาจารย์ โดยมีอาจารย์สำอางเป็นผู้นำการเดินทางและกลุ่มนักศึกษา ญา, วิทย์, แป๋ม, ชัย, อู๊ด, บุญมาก การเดินทางเต็มไปด้วยความสนุกสนานของวัยรุ่นที่ชอบเฮฮา แต่แล้วเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อรถบัสที่โดยสารมาเกิดดับไปเฉย ๆ อย่างหาสาเหตุไม่ได้ เหมือนมีฮีโร่มาช่วย อัศวินขี่ม้าขาวก็ไม่ใช่ แต่กลับเป็นควายเหล็ก (รถอีแต๋นเก่าๆ) ขับมาโดย "คำมี" ชาวบ้านผู้ใจเหมือนจะดีที่ผ่านมาพอดี เรื่องราวเริ่มวุ่นวายคลายเครียดเข้าไปอีก นักศึกษาอีกกลุ่มที่มีอาจารย์ทูนนำมาก็มารถเสียที่แห่งเดียวกัน เป็ด, เปิ้ล, เอส, เจน, หนูนา บังเอิญต้องมาพักที่หมู่บ้านเดียวกัน แถมยังมา ถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีภูตผีสิ่งลี้ลับเหมือนกันอีกต่างหาก ความโกลาหลปนฮา ชิงไหวชิงพริบกันและกันก็เกิดขึ้น นักศึกษากลุ่มแรกแกล้งไปหลอกผีอีกกลุ่มจนเจอดีผีของจริงเข้า ทุกคนต้องขวัญกระเจิง ขนหัวลุก เพราะผีที่เจอตัวนี้ คือผีปอบเจ้าประจำของหมู่บ้าน หลังจากที่ซุ่มเก็บตัวมานานหลายปี เมื่อมีกลุ่มนักศึกษาแปลกหน้าเข้าเยือนมันก็เลยกลับมาอาละวาดอีกหน คราวนี้ยายผีปอบมีฤทธิ์มากว่าทุกครั้ง แม้แต่หมอผีมือดีก็ยังไม่วายถูกลูบคมตามสไตล์ผี นักศึกษาทุกคนที่เห็นเหตุการณ์เข้าเลยขวัญหนีดีฝ่อไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้าน แต่เรื่องกลับหักมุมอีกครั้ง เมื่อผู้ใหญ่บ้านที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย ก็กลายเป็นผีเสียเอง แล้วพวกนักศึกษาก็เริ่มเข้าใจคำที่ว่า วิ่งป่าราบเป็นเช่นไร นักศึกษาแปลกหน้าของหมู่บ้านนี้ จะเอาตัวรอดจากการหลอกหลอนของบรรดาผีๆ เหล่านี้ได้ยังไง คงต้องติดตามดูในโรงภาพยนตร์ เพราะขืนขยายความออกไปมุขจะฝืดเสียหมด หลบผี..ผีไม่หลบพร้อมเข้าฉายปลายมีนาคมนี้ทั่วประเทศ และขอยืนยันจากทีมงานผู้สร้างว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ตลก ชนิดที่ต้องตามไปดูจนจบแล้วคนดูจะเข้าใจว่าถูกหลอกแค่ไหน
สตรีเหล็ก 2 (2546/2003) หลังจากที่ทีมประสบความสำเร็จ ในการครองแชมป์กีฬาแห่งชาติเมื่อปี (ภาค) ที่แล้ว ก็เกิดการแตกแยกกันของทีม โดยที่ โหน่ง, เอพริล, เมย์, จูน ได้แยกตัวออกไปสร้างทีมวอลเล่ย์บอลกะเทย และมี หน่อง กะเทยน้องใหม่ มาเป็นคู่หูคนใหม่ของโหน่ง ภายใต้สังกัดของสโมสร โดยมี อากู๋ เป็นผู้ดูแลทีม เพราะข้อเสนอและผลประโยชน์ทางธุรกิจต่างๆ ทำให้ทีมของโหน่งเติบโต และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทีมสตรีเหล็กเดิมที่เหลือ จุง, มล และ ชัย ยังคงเล่นวอลเล่ย์บอลต่อไปทั้ง จนกระทั่งสองทีมได้มาเจอกันอีกครั้ง!
Sayew สยิว (2546/2003) ปี พ.ศ. 2535 ปีสุดท้ายแห่งยุคทองของ “นิตยสารปลุกใจเสือป่า” ระดับมวลชน และปีแห่งความผันผวนปรวนแปรทาง “การเมือง” “เต่า” สาวห้าวทอมบอยนักศึกษาคณะอักษรฯ เธออาศัยอยู่กับป้าซึ่งเปิดร้านขายอาหารใต้อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยมี “จ้อน” ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มติ๋มๆ ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกันเป็นเพื่อนสนิท นอกจากนี้เต่ายังหลงรัก “น้องหมวย” นักศึกษาสาวสวยรุ่นน้องผู้มากด้วยเสน่ห์และจริตจกร้านอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เต๋าหารายได้พิเศษลับๆ โดยการรับจ้างเขียนเรื่องสั้นประสบการณ์ทางเพศให้กับนิตยสารปลุกใจเสือป่าที่ชื่อ “สยิว” ซึ่งบริหารงานโดย “เฮียกังฟู” บรรณาธิการผู้คร่ำหวอดในวงการและมีอุดมการณ์อันสูงส่ง แต่การณ์กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อสถานการณ์ของตลาดกำลังเปลี่ยนไป ผู้อ่านกำลังต้องการเรื่องที่มีสำนวนและเนื้อหาโจ๋งครึ่มมากขึ้น เต่าได้รับการเรียกร้องจากเฮียกังฟูให้เปลี่ยนสำนวนและเนื้อหาของเธอให้เข้ากับตลาด แถมเธอยังต้องพบกับคู่ปรับคนสำคัญซึ่งเป็นนักเขียนหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงที่มีสำนวนโจ๋งครึ่มเนื้อหาวิตถารสะใจผู้อ่านจนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เขามีชื่อว่า “หนุ่มพลังม้า” เต่าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเขียนเรื่องที่จริงๆ แล้วเธอเองก็ยังไม่มีประสบการณ์ เส้นทางการผจญภัยของเต่าที่ว่าด้วยจินตนาการทางเพศจึงเริ่มสาหัสขึ้น เธอเริ่มหยิบยืมเรื่องราวของผู้คนรอบข้างในชีวิตเธอ ชาวบ้านบริเวณอพาร์ตเมนต์ต่างถูกจินตนาการของเธอสร้างเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น “พี่แดง” สาวใหญ่กลางคืนทรงมโหระทึก, “คุณนายช้อย” ผู้แสนเปลี่ยวข้างอพาร์ตเมนต์, “พันธ์” และ “ขวัญ” พี่เขยน้องเมียอารมณ์กรุ่น แต่จนแล้วจนรอด ผลงานของเธอก็ยังไม่เข้าเป้าที่เฮียกังฟูต้องการ ปัญหาต่างๆ ที่รุมล้อมเต่าเริ่มเขม็งเกลียวเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องงานเขียนของเธอ วิทยานิพนธ์ซึ่งกำลังมีทีท่าว่าจะไปไม่รอด น้องหมวยซึ่งกำลังมีเด็กหนุ่มต่างคณะมาติดพัน และที่สำคัญที่สุดคือการถูกท้าทายและคุกคามจากหนุ่มพลังม้า เต่าพยายามต่อไปอีกครั้ง โดยการไปขอคำปรึกษากับ “ลุงหมอ” หรือที่ประชาชนรู้จักกันดีในนามของหมอสาวเซ็กซี่ที่มีชื่อว่า “ชไมพร” แห่งคอลัมน์ “ชไมพรสอนรัก” ซึ่งเป็นคอลัมน์ตอบจดหมายปัญหาทางเพศจากทางบ้าน ด้วยสำนวนเซ็กซี่แกมหยอก ทำให้คอลัมน์นี้เป็นที่พึ่งของผู้คนเสมอมา เต่าพยายามเลียบเคียงถามในสิ่งที่ตนเองไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ ลุงหมอตอบเพียงว่าหน้าที่ของนักเขียนนั้นมีเพื่อเติมเต็มสิ่งที่คนอ่านขาดหายไป ส่วนเรื่องของประสบการณ์เมื่อถึงเวลาแล้วเต่าจะรู้เอง เต่ายังคงไม่เข้าใจสิ่งที่ลุงบอกเท่าไรนัก เวลาเส้นตายที่เหลือเพียงน้อยนิดทำให้โลกในจินตนาการและโลกในความเป็นจริงของเต่าเริ่มหลอมเข้าหากันอย่างชุลมุนวุ่นวาย และเต่าก็ตัดสินใจโดดเข้าสู่สนามที่หนักข้อขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบดูกิจกรรมหนังสดในห้องลึกลับที่ทั้งอพาร์ตเมนต์ต่างไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของห้องนี้ การเข้าหาน้องหมวยอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่กลับได้พบว่าน้องหมวยไวไฟไม่สนเพศเสียยิ่งกว่าที่เธอคิด และสุดท้ายเธอตัดสินใจเอาตัวเองเข้าเสี่ยงไปหาหนุ่มพลังม้าถึงรังที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัว และอุปกรณ์วิตถารพิสดารพันลึกร้อยแปดของเขาเพื่อแลกกับประสบการณ์จริง! ผลลัพธ์สุดท้ายเต่าได้พบกับความจริงในชีวิตของเธอจนได้ โดยผู้ให้คำตอบนั้นกับเธอคือจ้อนหนุ่มติ๋มที่อยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลานั่นเอง และนั่นทำให้ผลงานการเขียนและชีวิตของเธอพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ไม่ต่างจากวิถีชีวิตของผู้คนที่กำลังถูกปลอบประโลมด้วยละครทีวีน้ำเน่าอยู่ดีๆ ก็ถูกกระชากความฝันไปด้วยวิถีทางแห่งการเมือง…
ว้ายบึ้ม! เชียร์กระหึ่มโลก (2546/2003) เรื่องเกี่ยวกับทีมเชียร์ลีดเดอร์ในสถาบันแห่งหนึ่ง โดยสมาชิกในทีมเดิมไม่พอใจทีมกะเทยมาร่วมอยู่ในทีม จึงได้พากันลาออก ทำให้สมาชิกที่เหลืออยู่ (ที่เป็นกะเทย) มุ่งมั่นที่จะสร้างทีมของตนขึ้นมาใหม่เพื่อเข้าแข่งขัน ภายใต้ความกดดันรอบด้าน แต่พวกเขาได้รับความร่วมมือจากเพื่อนๆ อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาฟุตบอล (ผู้ชายล้วน) พวกเขาทั้งหลายต้องประสบปัญหาในการสรรหาผู้ร่วมทีมเพิ่มเติม ปัญหาระหว่างผู้ชายทั้งแท่งที่ต้องเข้าร่วมงาน และคลุกคลีอยู่กับกะเทย แต่ด้วยน้ำใจนักกีฬาและมีเหตุการณ์ต่างๆเข้ามาบีบคั้นทำให้พวกเขาทุกคนต้องหันมาร่วมมือกัน เพื่อจะนำทีมไปสู่ชัยชนะ ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีให้กัน โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเราเป็นชายหรือนายเป็นหญิง หรือ กะเทยทุกคนเท่าเทียมกัน และทั้งหมดต้องร่วมกันเป็นทีม จึงจะประสบความสำเร็จ

หน้าที่