โอเคเบตง (2546/2003) ธรรม (ภูวฤทธิ์) อยู่บวชอยู่ที่วัดป่า และศึกษาพระธรรมมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต วันหนึ่ง จันทร์ พี่สาวเพียงคนเดียวของธรรม เสียชีวิตอย่างกะทันหันเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟ ธรรมต้องลาสิกขาบทออกมาเพื่อดูแล มารีอา (ด.ญ.สรัญญ่า) ลูกกำพร้าของพี่สาวที่เกิดจาก กาเซ็ม สามีชาวมุสลิม เขาต้องพบกับความยากลำบากในการปรับตัว จากเดิมที่ใช้ชีวิตทางธรรมอย่างเรียบง่ายเพื่อศึกษาพระพุทธศาสนา กลับต้องมาใช้ชีวิตทางโลก อยู่ท่ามกลางความแปลกใหม่ มีสิ่งยั่วยวนมากมาย โดยได้รับความช่วยเหลือจาก หลิน (จีรนันท์) หญิงสาวที่อาศัยอยู่ตรงข้ามร้านเสริมสวยของจันทร์ และ เฟิร์น (สรวงสุดา) นักร้องสาวคาเฟ่ เพื่อนสนิทของจันทร์ ธรรมต้องพบความสับสนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อพบว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆ กับ หลิน แต่แท้ที่จริงเธอเป็นคนรักของ ฟารุก (อรรถพร) มุสลิมหัวก้าวหน้า หนึ่งในผู้นำขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งถูกทางการไทยกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการระเบิดที่ทำให้พี่สาวของธรรมเสียชีวิต หลินตัดสินใจเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม เพื่ออยู่เคียงข้างชายที่เธอรัก ขณะเดียวกันธรรมก็ต้องแยกจากมารีอา เมื่อกาเซ็ม พ่อแท้ๆ รับเธอไปอยู่ด้วยที่ประเทศมาเลเซีย ด้วยความผิดหวังในความรัก ธรรมต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของอบายมุข แต่ที่สุดแล้วเขาก็ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัว มีชีวิตอยู่อย่างมีสติ และดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า
ฮวงจุ้ย-ฟ้า-ดิน-คน-ลิขิต (2546/2003) เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์ฮวงจุ้ย และฮวงซุ้ย จะพูดถึงหลักการของความเชื่อ หรือไม่เชื่อให้เป็นความรู้ และเป็นวิจารณญาณในการตัดสินใจของคนดู เรื่องเริ่มขึ้นที่ครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย เตี่ย อาม่าและลูกชายหญิง 4 คนมีอาเฮียไช้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำให้กิจการรุ่งเรือง แต่ความรักความสัมพันธ์ภายในครอบครัวทำให้เกิดเรื่องขึ้น อาเฮียไช้ซึ่งแทบจะเป็นคู่บุญบารมีของเตี่ย ที่เตี่ยเจริญรุ่งเรืองมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะเขา อาเฮียไช้เป็นเด็ก รุ่นน้องของเตี่ย รักชอบพอกัน ร่วมกันก่อสร้างตัว แต่ความสัมพันธ์ที่ว่าก็ต้องแตกสลายลงเนื่องจากอาเฮียไช้ เกิดความรักชอบพอกับลูกสาวของเตี่ย ซึ่งถ้านับกันจริง ๆ ก็แทบจะพูดได้ว่าเป็นหลาน แต่อาเฮียไช้ชอบเนื่องจากความสนิทสนมและเห็นน้ำใจกันมา ซึ่งทั้งหมดนี้กลับถูกขีดขวางจากเตี่ย และความเจริญก้าวหน้าของโรงงานจนทำให้เตี่ยหลงลืมประเด็นนี้ไป หลานที่มีชื่อว่าหยกกลับไม่ได้รักอาเฮียไช้ อาเฮียไช้จึงรู้สึกว่าชีวิตเขาไม่เคยสมหวังสิ่งใดสักอย่างทั้งในเรื่องของการงานที่เป็นรองเตี่ยมาตลอดและในเรื่องความรัก อาเฮียไช้จึงเกิดความอาฆาตแค้น เขาได้พบกับซินแสหม่าซึ่งเก่งทางด้านศาสตร์ฮวงจุ้ย – ฮวงซุ้ย ดูโชคชะตาแต่เป็นคนเลว เจ้าเล่ห์ และละโมบซินแสหม่าได้ชี้แนะอาเจ็กไปในทางที่ผิดโดยให้ของที่เป็นอัปมงคลไปทำลายหลักฮวงจุ้ยที่ดีของเตี่ยเพื่อทำลายตระกูลนี้ให้สิ้นซาก ด้วยอาถรรพ์หรืออุบัติเหตุไม่ทราบได้ เตี่ยกับอาม่าได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำตาม แต่หยกลูกสาวคนโตรอดได้ราวปาฏิหาริย์ หลังจากนั้นซินแสหม่าได้เข้ามาจัดการทำพิธีฝังศพเตี่ยกับอาม่า โดย ให้ทุกอย่างผิดหลักตามพิธีที่ดีเพื่อให้ครอบครัวของเตี่ยเกิดความพินาศอีก หลังจากนั้นคนในครอบครัวของเตี่ย ก็เกิดเรื่องร้ายขึ้นตลอด หยกเสียคนรักไป บอยลูกชายคนรองเสียชีวิต ป๊อปลูกชายซึ่งกลับมาจากเมืองนอก ได้ค้นพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในบริษัทจนทำให้ตนเองถูกทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด มุกดาลูกสาว คนเล็กซึ่งเป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษเกิดอาการป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุและมุกดาได้เสียคนรักไปอีกคน ทุกอย่างกำลังเดินไปในทิศทางที่เลวร้าย แต่ตระกูลนี้ได้รับการช่วยเหลือจากซินแสหนุ่มคนหนึ่งชื่อโย เขาค้นพบสาเหตุว่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายมาจากการวางฮวงจุ้ยและฮวงซุ้ยที่ผิดนั่นเอง ทั้งหมดจึงต้องเดินทางไปที่ฮวงซุ้ยเพื่อทำพิธีขุดศพขึ้นมาฝังใหม่ แต่การเดินทางไปในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะว่ามีอาเจ็กและซินแสหม่าคอยขัดขวางทุกวิถีทาง แต่ความดีย่อมชนะความชั่ว ทั้งหมดสามารถแก้อาถรรพ์ได้สำเร็จ วิญญาณของเตี่ยกับอาม่าและคนอื่นๆ ได้พ้นทุกข์และอาเฮียไช้กับซินแสหม่าก็ได้รับผลตอบแทนในสิ่งที่ตนเองทำ
ฅนปีมะ (2546/2003) เรื่องราวทั้งหมดได้เกิดขึ้น เมื่อคนทั้งสี่มาพบกันที่ริมน้ำใต้สะพานซึ่งทั้งสี่คนหนีมาจากคนละทิศ โดยมี นกหนุ่มบ้านนอกเป็นนักมวยที่มีความสามารถและใฝ่ฝันอยากเข้าวงการแสดง แต่ชีวิตต้องผิดหวังเพราะถูกผู้หญิงหลอกจนหมดอาลัยตายอยาก นกบังเอิญได้มาเจอกับ เป้า กุ้ง และ เดวิด ซึ่งทั้งสามคนก็ต่างใฝ่ฝันอยากเป็นในสิ่งที่ตนปรารถนาและใฝ่ฝัน เป้า ฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังแบบ สายัณต์ สัญญา ส่วน กุ้ง เป็นลิเกซึ่งอยากดังแบบ กุ้ง สุทธิราช และ เดวิด นักมายากลซึ่งใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้ไปเล่นเคียงข้าง เดวิด คอปเปอร์ฟิวส์ นักมายากลระดับโลก แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสามคนหนีหัวซุกหัวซุน เข้ากรุงเทพฯ จนพบกันนก เมื่อทั้งสี่คนตกลงเป็นเพื่อนกันแล้ว พระอินทร์เกิดเห็นใจคนทั้งสี่จึงได้ส่งตัวเทวดานาม สายฟ้า ลงมาช่วยเหลือคนทั้งสี่ แล้วสายฟ้าก็ได้มารวมกลุ่มกับกลุ่ม “ฅนปี มะ” กับเขาด้วย แต่สายฟ้าก็ไม่ได้มีอิทธิฤิทธิ์ จะใช้ได้ยามคับขันหรือบางทีก็ไม่มีเลย จนมาวันหนึ่งกลุ่มปีมะเดินมาถึงสถานสงเคราะห์ได้พบกับ โอ๋ และ บี ทุกคนประทับใจในความสวยและดูมีเมตตาใจดีเหมือนนางฟ้า ซึ่งโอ๋และบี เป็นคนดูแลสถานสงเคราะห์เด็ก “บ้านน้ำใจ” ของนายอำนาจซึ่งเบื้องหลังเป็นผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ และเป็นสถานที่ที่ทำให้ได้พบกับ เด็กบอยซึ่งถูก นายอำนาจสั่งตัดตอนครอบครัวบอยจึงหนีเตลิดมาพบกลุ่มปีมะ ซึ่งบอยเองก็ไม่รู้เรื่องแต่แม่บอยได้ให้ของสำคัญไว้กับบอยก่อนที่จะแยกย้ายกันหนีออกมาจากบ้านซึ่งของสำคัญที่บอยติดตัวมานี้ ทำให้นายอำนาจสั่งลูกน้องตามล่าเอามาให้ได้ ทำให้เกิดเรื่องราวยุ่งและเกิดการไล่ล่า โดยกลุ่มคนปีมะ รวมทั้ง โอ๋ และ บี บอย ต้องทั้งสู้และหนีกันจนต้องมาพัวพันกันและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถนำหลักฐานมา จับตัวนายอำนาจและสมุนได้ เหตุการณ์ทุกอย่างจบลงด้วยดี ต่างคนต่างได้ทำในสิ่งที่ปรารถนา ถึงแม้จะไม่เหมือนที่ฝันเอาไว้
บุปผาราตรี (2546)

เรื่องย่อ : บุปผาราตรี (2546/2003) บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ผีสาวสุดสยอง วิญญาณพยาบาทที่คอยวนเวียนอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อรอคอยเอก (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) คนรักที่ทอดทิ้งเธอไปในอดีต ความเฮี้ยนของเธอทำให้ผู้คนหวาดผวาพากันย้ายออกไปตามๆ กัน เดือดร้อนถึงเจ๊สี่เจ้าของออสการ์อพาร์ทเมนท์ที่ต้องความหาหมอผีฝีมือดีจากทุกสารทิศมาเพื่อขับไล่ผีสาวตนนี้ออกไปให้จงได้ บุปผา ราตรี นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่งถูก เอก ลูกเศรษฐีหลอกตามจีบจนใจอ่อน แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ เอกกลับพาเธอไปทำแท้งและหนีไปเรียนต่อเมืองนอกทันที กระทั่งวันหนึ่ง เจ๊สี่ เจ้าของออสการ์อพาร์ตเมนต์ที่บุปผาเช่าอยู่ เห็นเธอเงียบหายไปจึงได้งัดห้องเข้าไป และพบว่าบุปผาตายมาเกือบเดือนแล้วจากการตกเลือดหลังทำแท้ง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยองขวัญปั่นป่วนทั้งอพาร์ตเมนต์ เมื่อผีบุปผาเกิดเฮี้ยนออกมาอาละวาด เจ๊สี่ เจ้าของกิจการอพาร์ทเมนท์ ที่มีธุรกิจเข้าทรงเป็นอาชีพเสริม พออยู่มาวันหนึ่ง อพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่เกิดมีผีสาวปรากฎกายขึ้น จนเป็นที่หวาดผวาต่อบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ร้อนถึงเจ๊สี่ ที่ต้องตามหมอผีที่ว่าเก่งมากำจัด แต่ก็ยังโดนผีสาวเล่นงานจนเตลิดเปิดเปิง สร้างความหวาดผวาต่อผู้เช่าอพาร์เมนท์ที่เหลือเป็นอย่างยิ่ง เป็นผลให้กิจการห้องเช่าของเจ๊สี่ทำท่าจะไปไม่รอด แต่แล้ววันหนึ่ง มีชายหนุ่มนิรนามเดินเข้ามาที่อพาร์ทเมนท์ และหายตัวเข้าไปในห้องผีสิงนั้นอย่างปริศนา นับจากวันนั้น ผีสาวก็ไม่ปรากฎกายให้เห็นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มนิรนาม ดังออกมาจากห้องผีสิง ผู้เช่าที่เหลือพากันย้ายออกจนหมด เพราะทนกลัวผีต่อไปอีกไม่ไหว เจ๊สี่หมดทางเลือก จึงตัดสินใจโทรไปตามหมอผีเขมรที่เก่งที่สุด มาจัดการกับผีร้าย ก่อนที่ชายหนุ่มและกิจการอพาร์ทเมนท์ของเธอจะไปไม่รอด...

คืนพระจันทร์เต็มดวง (I-San Special) (2546/2003) คืนพระจันทร์เต็มดวง (I-San Special) เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการเดินทางกลับบ้าน ของชาวบ้านแถบภาคอีสานกลุ่มหนึ่ง จากกรุงเทพฯไปจังหวัดหนองบัวลำภู โดยรถโดยสารพิเศษสายอีสาน ทั้งหมดเดินทางออกจากสถานีขนส่งหมอชิต ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ระหว่างทางผู้โดยสารแต่ละคนได้สวมบทบาทต่างๆ ตามตัวละครในละครโทรทัศน์ และเรื่องราวชีวิตจริงของผู้โดยสารบนรถ ก็ดำเนินไปพร้อมกับเรื่องราวในละครตลอดการเดินทาง คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ โดยไม่มีสาเหตุ ทั้งความสุข สนุก เศร้า หรือสยองขวัญในบางคราว ก็เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาเดินทางระหว่างกรุงเทพถึงหนองบัวลำพู เพ็ญประภา (เมสินี แก้วราตรี) หญิงสาวที่ต้องซัดเซพเนจรหลังจากที่พ่อฆ่าตัวตาย เพราะถูกแม่เลี้ยงใจร้ายปอกลอก เอาทรัพย์สมบัติไปหมด คือบทบาทของตัวละครนิยายน้ำเน่าทางวิทยุ ที่เธอสวมบทบาท ในขณะที่ตัวเธอในความเป็นจริง ต้องเดินทางหนีจากกรุงเทพ พร้อมบาดแผลในใจ และบางสิ่งที่เธอเก็บซ่อนไว้ลำพัง ไม่อาจบอกใคร แดนนี่ (มาร์ค แซล์มอน) เศรษฐีหนุ่มรูปงาม เจ้าของโรงแรมสุดหรูในหนองบัวลำพู ที่ในชีวิตจริง เป็นฝรั่งลูกครึ่ง ซึ่งเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วประเทศไทย โดยที่ไม่มีใครสังเกตว่า เขามีพฤติกรรมต้องสงสัย มาธวี (ภูริดา วิจิตรพันธ์) หญิงชั่วร้าย ผู้ทำให้พ่อของเพ็ญประภาสิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องฆ่าตัวตาย แต่ความจริงเธอเป็นเพียงเจ้าของร้านอาหารในหนองบัวลำพู ซึ่งเปิดกิจการมาได้ 5 ปีแล้ว มะลิ (เจนนาฟี) สาวจิตใจดีที่คอยช่วยเหลือเพ็ญประภา ที่ในชีวิตจริง เธอเป็นเพียงสาวพม่า ที่ตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านเกิด โดยผ่านเข้าไปทางแม่สาย แต่เธอไม่นึกเฉลียวใจว่าขึ้นรถผิดคัน ทุกสิ่งล้วนสร้างจากความว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นฉากโรงแรมอันหรูหรา คอกม้า สระว่ายน้ำ อาหารรสเลิศ เครื่องใช้วิจิตร ล้วนถูกสมมติขึ้น บนรถโดยสารคันนี้ ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจรงกับที่ตาเห็น
ตะเคียน (2546/2003) “กำนันวิทยา” และ “โลไกร” สองเพื่อนพรานเข้าป่าล่าสัตว์ เป็นเหตุให้ “นางตะเคียน” ผู้ปกปักรักษาป่าโกรธแค้น และฆ่าโลไกรตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้กำนันวิทยาเคียดแค้น และในขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงดู “คำทอง” ซึ่งเป็นลูกชายของโลไกรจนโตเป็นหนุ่ม คำทองหลงรัก “พร” ลูกสาวคนเดียวของกำนันวิทยา แต่กำนันวิทยากลับสนับสนุน “ไตร” วิศวกรสร้างเขื่อนให้รักกับพร ทำให้คำทองต้องผิดหวัง เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จทำให้น้ำท่วมหมู่บ้าน ในขณะที่กำนันวิทยาก็ต้องรีบตัดต้นไม้ที่ได้รับสัมปทานให้เสร็จก่อนที่น้ำจะท่วมหมดและทำให้เสียหายเป็นเงินมหาศาล กำนันวิทยาตัดต้นไม้ทุกชนิดที่อยู่ในพื้นที่ไม่เว้นแม้ต้นตะเคียนยักษ์ที่น่ากลัว หลังจากนั้นเรื่องราวที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง รวมทั้งพรที่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราโดยไม่ทราบสาเหตุ “กำนันวิทยา, คำทอง, ไตร และ ปีเตอร์” จึงมีภารกิจที่ต้องทำ ทั้งหมดต้องไปเอาวิญญาณของตอตะเคียนที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมาปลูกใหม่ เพื่อเป็นการขอขมาและช่วยเหลือพรที่นอนไม่ได้สติให้กลับมาเหมือนเดิม ทั้งหมดไม่รู้ว่ากำลังลงไปเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวที่แอบซ่อนอยู่ใต้น้ำแห่งนั้น…
ดึก ดำ ดึ๋ย (2546/2003) เรื่องราวความสนุกสนานเริ่มขึ้นเนื่องจากหมู่บ้านของคนผิวดำแห่งหนึ่งเกิดเรื่องราวสยองขวัญทุกวัน เพราะมีคนในหมู่บ้านถูกฆาตกรรมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสาวสุดเซ็กซี่ จึงทำให้ เทพ (เทพ โพธิ์งาม) เด่น (เด่น ดอกประดู่) มาด (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ระ (เขาทราย แกแลคซี่) เพื่อนต่างวัยทั้ง 4 คน จำเป็นต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการสืบหาตัวฆาตรกร ตามที่ได้รับว่าจ้างมาโดยที่ไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ไหน รู้แต่ว่าให้ไปถามหารายระเอียดกับคนผิวดำที่เป็นกระเป๋ารถโดยสารเท่านั้น ทั้ง 4 พบกับความโชคร้ายในการเดินทาง เมื่อรถที่โดยสารมาเกิดเสียระหว่างทาง ทั้งหมดจึงต้องเดินทางต่อไปด้วยเท้าเปล่าจนกระทั่งมาถึงกระท่อมกลางป่าของ สองตายาย (อุดม ชวนชื่น และ น้อย โพธิ์งาม) ที่อาศัยอยู่กับ สวย หลานสาวสุดเซ็กซี่ ที่ให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ตกดึกทั้งหมดแทบช็อก เมื่อ สวย ถูกฆ่าตายโดยอสูรกาย และสองตายายก็กลายเป็นกระหัง ทั้ง 4 จึงต้องหนีเตลิดความน่ากลัวแบบไม่คิดชีวิต จนกระทั่งเดินทางมาถึงโรงแรมเก่าๆ แห่งหนึ่ง ที่ภายในโรงแรมกำลังสนุกสนานไปด้วยเสียงดนตรีและผู้คน โดยมีผู้จัดการแก่ๆ (สีเทา) และพนักงานสาวผมทองแสนสวยให้การต้อนรับ ทั้ง 4 ยังได้รับรายละเอียดว่าใครที่มาพักโรงแรมแห่งนี้มักจะกลายเป็นศพทุกคน แต่ทั้ง 4 ก็ไม่สนใจ เพราะต้องการที่พักผ่อนเพียงอย่างเดียว ในคืนนั้นก็มีเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกหลายเรื่อง เมื่อทั้งหมดได้เห็น แหม่ม สาวถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตนนั้น แต่พอทุกคนที่เข้าไปช่วยเหลือกลับเจอแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ตอนกลางวันที่ผ่านมายังคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่ทุกคนต้องเก็บความกลัวเอาไว้ มิหนำซ้ำยังเจอผียายแก่ตาแก่ขายข้าวแกงหลอกจนต้องวิ่งหน้าตั้ง และยังถูกนายอำเภอ (ดี๋ ดอกมะดัน) และลูกน้องไล่ยิงอีกด้วย ทั้ง 4 ต้องวิ่งหนีนายอำเภออย่างไม่คิดชีวิตจนพลัดหลงเข้าไปในหมู่บ้านของคนป่า แต่พระเจ้ายังเข้าข้างเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านยอมใช้ชีวิต แต่ต้องใช้ชีวิตและความเป็นอยู่เช่นเดียวกัน มิฉะนั้นมีทางเลือกอีกทางเดียวคือความตาย ในเมื่อไม่มีทางเลือกในขณะที่ lถานการณ์กำลังจะเป็นไปได้ด้วยดี สาวชาวป่าถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตัวเดิม แต่ทุกคนคิดว่าเป็นฝีมือของชายแปลกหน้าที่เพิ่งมาเยือน จึงทำให้ทั้ง 4 ต้องหนีตายอย่างทุลักทุเลด้วยผ้าห่อกายเพียงน้อยนิด แบบชุดผ้าเตี่ยวของคนป่า ในที่สุดนักสืบจำเป็นอย่าง เทพ เด่น มาด ระ ก็มาพบกระท่อมหลังหนึ่งที่มีศพนอนเรียงรายนับไม่ถ้วน ทุกคนในกระท่อมช่วยกันชำแหละและหั่นศพเหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆโดยไม่มีความสะทกสะท้านหรือเกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใดทั้ง 4 จึงบุกเข้าไปในกระท่อม เพื่อจับกุมทั้งหมดไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดี เพราะแน่ใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือฆาตรกรอย่างแน่นอน ทุกคนปฏิเสธพร้อมทั้งบอกความจริงว่า ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือ หลวงพ่อ (กรุง ศรีวิไล)เนื่องจากเมรุของวัดมีที่อยู่ไม่พอที่จะเผาศพคนตายหลายคนที่มีมากมายวันละหลายๆ ศพหลวงพ่อจึงขอบิณฑบาตเพื่อให้ชาวบ้านที่มีใจบุญกุศลต้องถูกจับดำเนินคดี แต่นักสืบจำเป็นทั้ง 4 ไม่ยอม พร้อมทั้งนิมนต์เอาตัวหลวงพ่อส่งให้กับตำรวจพร้อมชาวบ้านทั้งหมด แล้วค่อยพิสูจน์ความจริงกันบนศาล ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางออกจากวัด อสูรกายก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่หอระฆัง เหตุการณ์จะลงเอยอย่างไร
แฟนฉัน (2546/2003) เรื่องราวในวัยเด็กของ "เจี๊ยบ" ที่มีเพื่อนสนิทคือ "น้อยหน่า" เด็กหญิงข้างบ้าน ที่เป็นเพื่อนเล่นมาด้วยกันตลอด แต่เด็กชายก็อยากมีเพื่อนๆ ผู้ชาย และเล่นตามประสาเด็กชายบ้าง ทำให้เขาหันไปเข้ากับกลุ่มเด็กชายจอมซ่า ที่มี "แจ๊ค" เป็นหัวโจก ทว่าการเข้ากับกลุ่มของแจ๊ค กลับทำให้น้อยหน่าเพื่อนรักต้องเสียใจ และยังทำให้เจี๊ยบพลั้งพลาดทำร้ายจิตใจของน้อยหน่าโดยไม่ตั้งใจ กว่าเจี๊ยบจะรู้ตัวว่าทำให้น้อยหน่าเสียใจ เธอก็ย้ายบ้านไปเสียก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากคำว่าขอโทษออกมา หลังจากย้ายบ้านไปเป็นเวลานาน เจี๊ยบได้กลับมาอีกครั้งเพื่อร่วมงานแต่งงาน ของ น้อยหน่า ความทรงจำในวัยเด็กที่เคยเลือนราง แต่เมื่อหลับตาลง ความทรงจำต่างๆ กลับค่อยๆ แจ่มชัดเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เจี๊ยบกับน้อยหน่า บ้านของทั้งสองอยู่ติดกันจึงเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก เหตุนี้ทำให้เจี๊ยบติดสอยห้อยตามน้อยหน่า และคลุกตัวอยู่กับเพื่อนผู้หญิง จนทำให้แก๊งเพื่อนผู้ชายยั่วเย้าให้หัวเสียอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อเริ่มโต เจี๊ยบก็เริ่มอยากเที่ยวเล่นแบบเด็กผู้ชาย จึงพยายามพิสูจน์ตัวเองแม้จะทำให้น้อยหน่าเสียใจก็ยอม เจี๊ยบเพียรมาด้อมๆ มองๆ บ้าน น้อยหน่าเพื่อหาโอกาสกล่าวคำขอโทษ กระทั่งยอมมาตัดผมกับพ่อน้อยหน่าที่บ้านก็ยอม แต่จนแล้วจนรอด เจี๊ยบก็ยังไม่ได้ขอโทษสักที จนถึงวันที่น้อยหน่าต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่จังหวัดอื่น
คนบอ ผีบ้า ป่าช้าแตก (2546/2003) เลอเลิศ (กรรชัย กำเนิดพลอย) มีเหตุบังเอิญให้ต้องมาปักหลักอยู่ในหมู่บ้านเนินยายอูม หมู่บ้านเล็ก ๆ บนไหล่เขาในจังหวัดชัยภูมิ อันมี วัดป่าตะเคียนแดง อารามสถานอันงดงามด้วยทัศนียภาพตามธรรมชาติ และพระภิกษุผู้เคร่งครัดในศีลธรรม แต่สิ่งที่เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากกว่าเรื่องใด ๆ ก็คือ 'ความเฮี้ยน' ของบรรดาภูติผีปีศาจ ที่พาเอาหลายคนขยาดกันเป็นทิวแถว นอกจากนี้ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ยังเป็นที่รวมของคนหลากประเภท ที่ล้วนแล้วแต่แสบ ๆ คัน ๆ กันไปคนละแบบสองแบบ และเมื่อความแสบของคน มาเจอกับความเฮี้ยนของผี เมื่อนั้นเรื่องราวความสยอง ปนความบวมส์ในอารมณ์จึงเกิดขึ้น... เลอเลิศเกิดมีความคิดอุตริ อยากจะเอาป่าช้ามาทำเป็นรีสอร์ท และเพราะความที่เป็นคนไม่กลัวผี ก็เลยทำให้แม้พวกผี ๆ จะรู้สึกไม่ชอบใจยังไง ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเขาได้ เรียกว่าเป็นคนที่สร้างความเอือมระอา ให้กับพวกผีได้อย่างสุด ๆ ก็เลยกลายเป็นที่มาของเรื่องยุ่ง ๆ จนอลเวงกันไปหมดทั้งผีทั้งคน
นายอโศกกับนางสาวเพลินจิต (2546/2003) “นายอโศกกับน.ส.เพลินจิต” หนึ่งในภาพยนตร์ไทยประจำปี 2546 ที่ “สหมงคลฟิล์ม” ตั้งใจนำเสนอเป็นพิเศษในฐานะตัวสอดแทรกที่แตกต่างจากหนังไทยที่คุ้นตา โดยหวังให้เป็นทางเลือกใหม่ของหนังไทยในยุคนี้ที่คอหนังก็มีโอกาสที่จะเลือกลองสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่ดูแปลกตาได้โดยไม่ผิดกติกา จากฝีมือของ “ทศพล ศิริวิวัฒน์” นักคิด ครีเอทีฟ พิธีกร นักเขียน นักแสดงหนุ่มเลือดถา’ปัดที่คนทั่วไปรู้จักกันดีในฉายา “ทศ 108 มงกุฎ” พลิกตัวใส่เกลียว 2-3 รอบครึ่งรับบทบาทใหม่ถอดด้ามเป็นครั้งแรกในชีวิตในฐานะ “ผู้กำกับภาพยนตร์” แถมพ่วงตำแหน่งคนเขียนบทติดตัวมาด้วยเป็นทูอินวัน โดยได้ผู้กำกับอย่าง “พีระพันธ์ เหล่ายนตร์” (ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “กำเพง” และมือตัดต่อ “เกิร์ลเฟรนด์ฯ”) มาร่วมบรรจงถ่ายทอดเรื่องราวบิดๆ เบี้ยวๆ ของผู้คนในสังคมเมืองภายใต้การจัดวางเหลี่ยมมุมองศาที่แตกต่างจากมุมมองเดิมๆ ที่แสนคุ้นตามาสัมผัสกับรสชาติใหม่ๆ ของหนังไทยที่ท้าให้คุณลิ้มลอง เรื่องราวของคนบ้าหนังสือ “How to” 2 คนที่บังเอิญมาเจ๊อะกัน สานฝันร่วมกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่าคนหนึ่งนั้นเสาะหาทุกวิธีเพื่อฆ่าตัวตาย อีกคนรวบรวมทุกกลเม็ดเด็ดซะเพื่ออยากรวย แล้วคุณคิดว่าอะไรล่ะที่มันควรจะเกิดขึ้น “เกี้ยง” (เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา) ชายหนุ่มชนชั้นกลางผู้เบื่อหน่ายกับชีวิต แถมยังพ่ายรักจาก “ลิลลี่” นางแบบสาวเกรดบีชนิดบ่ท่า ทำให้สมองของชายหนุ่มฉุกคิดเพียงสิ่งเดียวคือยุติชีวิตของตัวเองเพื่อประชดรัก โดยศึกษาวิธีตายจากหนังสือ “How to Kill Yourself Softly” แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จจนกระทั่งการปรากฏของสาว “อ้อน” (แน๊ท วรรธนะภัฏ) หญิงสาวพนักงานร้านสะดวกซื้อ น่ารัก ฉลาด จอมวางแผน ชอบอ่านหนังสือ “How to Get Rich By Yourself” เธอผู้มีปรารถนาอย่างแรงกล้าจนถึงกับตั้งมั่น มุ่งมั่น และอาจจะไปไกลจนถึงหมกมุ่นมากถึงมากที่สุดกับความต้องการเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต นั้นคือต้องรวยเท่านั้น!!! จึงไม่น่าแปลกใจถ้าคุณเห็นสาวน้อยหน้าตาดีที่มีบุคลิกพิเศษคือการใช้เวลาว่างในการเป็นเด็กแจก Sampling ตัวอย่างสินค้าทดลองใช้, สาวพริตตี้หน้ามน จนถึงเป็นสาวพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลากแบรนด์ภายใต้คติพจน์ “เงินเท่านั้นคือพระเจ้า” ซึ่งแท้จริงแล้วเธอนั้นเป็นเพียงนางฟ้าหรือปีศาจชั่วนิรันดร์ที่สวรรค์เบื้องบนส่งมาให้เขากันแน่…
จ.เจี๊ยวจ๊าว (2546/2003) จ..เจี๊ยวจ๊าว เป็นเรื่องราวของ เบิ้ม เด็กหนุ่มซื่อบื้อคนหนึ่ง ที่อยู่ดี ๆ ก็พยายามปล้ำสาวเพื่อนซี้ ตามแรงยุของกลุ่มเพื่อนผู้ชาย แต่ไม่สำเร็จ ซ้ำถูกเพื่อสาวถีบเข้าที่เป้าอย่างจัง อันบันดาลให้เกิดสิ่งประหลาด เมื่อน้องชายตรงหว่างขาของเขา สามารถสื่อสารกับเขาได้ แถมน้องชายซึ่งแสนจะเก็บกด และต้องการจะแอ้มหญิงให้ได้สักคน ก็อาละวาดไม่ยอมหยุด ทำให้เด็กหนุ่มต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความทะเล้น และความฮาไร้ขีดจำกัดของเจ้า จ..เจี๊ยวจ๊าว ท่ามกลางการยุยงจากกลุ่มเพื่อนชายจอมทะเล้น เด็กหนุ่มจะสามารถเอาชนะความซน และการก่อกวนจากน้องชายจอมทะลึ่งของเขาได้อย่างไร และเขาจะได้รู้จักกับความรักที่แท้จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของจิตใจ และกำลังใจจากความรักที่แท้จริงเท่านั้น.
คู่แท้ปาฏิหาริย์ (2546/2003) ทานน้ำ (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ออกจะเชย ๆ เธอมักจะทำอะไรเปิ่น ๆ เป๋อ ๆ อยู่ตลอดเวลา และเพราะไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อน แต่เธอก็แอบหลงรักรุ่นพี่ ที่เรียนมาด้วยกัน เขาชื่อว่า พี่เอก (ปิยะ วิมุกตายน) เธอคอยตามเขา ไม่ว่าเขาจะเรียนที่ไหน ทำงานอะไร แม้ตัวเธอจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ แต่เพราะเขาคนเดียวเท่านั้น ที่เธอใฝ่ฝันว่าจะได้ใกล้ชิด และหากเรื่อง 'ปาฏิหาริย์' ไม่ได้เกิดขึ้นกับชีวิตเธอ เธอก็คงได้แต่แอบรักเขาอย่างนี้เรื่อย ๆ ในวันปีใหม่ น้ำตั้งใจจะสารภาพรักกับพี่เอกตามที่ ตุ่น (หทัยรัตน์ เจริญชัยชนะ) เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอแนะนำ แต่ทุกอย่างก็ผิดพลาดไปหมด น้ำจึงได้แต่นั่งเหงา และรู้สึกท้อแท้กับชีวิตที่ไม่มีอะไรดีขึ้นมา แม้แต่งานโฆษณาที่เธอทำ ก็เกิดความผิดพลาดจนถูกต่อว่าเหมือนเคย แต่ครั้งนี้มันเกิดร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา น้ำต้องตกอยู่ในอันตราย เธอได้แต่เปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ในวินาทีนั้นเอง ชายหนุ่มรูปหล่อขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิตเธอไว้ และไม่ใช่ครั้งเดียว เขาปรากฎตัวช่วยเธอถึงสามครั้งในวันเดียวกัน น้ำ ทั้งแปลกใจและประหลาดใจที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่มาช่วยเธอคือ หมูตอน (เจษฏาภรณ์ ผลดี) เด็กอ้วนหุ่นฮิปโปเมื่อสมัยเรียน เขาเปลี่ยนไปจนน้ำจำไม่ได้ น้ำได้แต่สงสัยว่า ทำไมหมูตอนถึงปรากฎตัวช่วยเธอได้ทุกครั้ง หมูตอนบอกว่าที่เขามาช่วยน้ำ ก็เพราะคำมั่นสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ ถ้าน้ำต้องการความช่วยเหลือ... เขาจะมา หมูตอนอาสาช่วยทำให้ความรักของน้ำสมหวัง เขาจับเธอแปลงโฉมเป็นสาวสวยคนใหม่ ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องแปลกใจ แต่น้ำก็ยังไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง หมูตอนจึงต้องวางแผนสารพัด ทำให้พี่เอกหันมาสนใจ และรักเธอให้ได้ ระหว่างนี้เอง ความสนิทสนมและความผูกพัน ที่ทั้งสองเคยมีก็กลับมาอีกครั้ง น้ำมีความสุขอย่างประหลาด เธอได้หัวเราะ และร่าเริงขึ้น แม้จะถูกแซวว่าเป็นเพราะเธอมีความรักกับหมูตอน แต่น้ำกลับปฏิเสธว่า เป็นเพราะความรักของพี่เอกต่างหาก ยิ่งน้ำสนิทกับพี่เอกมากเท่าไร หมูตอนก็ยิ่งเงียบหายไปเท่านั้น ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่น้ำคิด ทำให้น้ำรู้สึกแย่ เพราะการหายตัวไปของหมูตอน น้ำพยายามร้องเรียกหาหมูตอนหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยแสดงตัวอีกเลย จนวันหนึ่ง น้ำตัดสินใจเดินลงไปบนถนน แล้วหมูตอนก็โผล่มาช่วยเธอจริง ๆ นี่คือสิ่งที่เธอกำลังรอคอย และต้องการให้เกิดขึ้นจริง ๆ หมูตอนต่อว่าน้ำที่ทำอะไรโง่ๆ อย่างนี้ น้ำขอให้หมูตอนอย่าจากเธอไปอีก ...เขาให้สัญญา ความห่างเหินของน้ำ ทำให้พี่เอกกลับมาหาน้ำ แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งเพราะความกดดัน ทำให้พี่เอกล่วงเกินน้ำ น้ำขัดขืนจนโรคหัวใจของเธอกำเริบ เธอแน่นหน้าอก และหายใจไม่ออก พี่เอกได้แต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก ขณะที่น้ำกำลังจะแย่... น้ำฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล หมูตอนเป็นคนพาน้ำมาอีกแล้ว เขาจึงได้รู้จากหมอว่า หัวใจของน้ำกำลังแย่ ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจโดยเร็วที่สุด หมูตอนไม่รู้จะช่วยน้ำได้ยังไง สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว คือทำให้น้ำมีความสุขที่สุด ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หมูตอนทำทุกอย่างเพื่อให้น้ำมีความสุข นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของน้ำ หมูตอนสารภาพรักกับน้ำ น้ำเองก็เพิ่งรู้ใจตัวเองว่า เธอรักหมูตอนเช่นกัน ในช่วงเวลาแห่งความสุขนั่นเอง หมูตอนเกิดอาการผิดปกติ เขาเจ็บปวดและทรมาน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาน้ำ สุดท้ายความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร หมูตอนหายไปไหน แล้วทานน้ำจะทำอย่างไร...
มหาอุตม์ (2546/2003) มีหลายเหตุผลที่ทำให้ “มหาอุตม์” เป็นภาพยนตร์ไทยหวังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ประจำปี 2546 ที่ไม่ควรพลาด ตั้งแต่การกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 3 ระหว่าง “สหมงคลฟิล์ม” กับ “อ๊อกไซด์ แปง” หลังจากความสำเร็จมหาศาลของ “คนเห็นผี” (The Eye) เมื่อปีกลาย ภายใต้มุมมองและการนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์แอคชั่นรูปแบบใหม่ โดยผสมผสานระหว่างพิธีกรรม ความเชื่อในเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ความเป็นอมตะอยู่ยงคงกระพัน หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า จากการการสักยันตุ์มหาอุตม์ของคนไทยกับจินตนาการในส่วนวิชวลเอฟเฟกต์ทางด้านภาพที่น่าจับตามองมากที่สุดเพื่อเนรมิตฤทธานุภาพ อิทธิฤทธิ์ พลังอำนาจที่เกิดจากยันต์มหาอุตม์ โดยเฉพาะการอุด หยุดลูกกระสุนปืน ยิงไม่เข้า รวมไปถึงฉากแอคชั่นซีนที่โชว์โปรดักชั่นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะฉากการเผชิญหน้าและการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังมหาอุตม์ และฉากไคลแมกซ์ของภาพยนตร์ ประเด็นที่ภาพยนตร์เรื่อง “มหาอุตม์” ต้องการนำเสนอคือใช่ว่าคนทุกคนที่ผ่านการสักยันต์มหาอุตม์จะได้สัมผัสและรู้ซึ้งถึงพลานุภาพของสิ่งที่เป็นคุณอนันต์หรือโทษมหันต์เหมือนกันทุกคน พลังทุกอย่างในโลกล้วนอุบัติและมีวันดับสูญ หากไม่รู้จักรักษาคุณความดีที่เป็นบ่อเกิดแห่งขุมพลังนั้น ในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 “จ่าทองคำ” และ “จ่าขจร” สองเพื่อนรักที่ต่างเคยร่วมสักยันต์มหาอุตม์มาด้วยกันออกปฏิบัติภารกิจลับในชายแดนกับข้าศึกในฐานะทหารรับจ้าง กลับต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญเมื่อหน่วยรบของตนถูกข้าศึกทำลายล้างจนสูญสิ้น ในขณะที่กำลังรอความตายโดยไร้ซึ่งกองหนุนจากกองทัพ ทั้งคู่กลับพบว่าพลังมหาอุตม์อยู่ยงคงกระพันชาตรีได้ช่วยพลิกสถานการณ์ให้กลายเป็นโอกาส แต่โดยที่ไม่มีใครคาดคิด พลังที่ไร้ขอบเขตกลับทำให้ทั้งคู่ต้องพบกับความเป็นจริงที่เศร้าสลด อดีตวีรบุรุษของชาติอย่าง “ขจร” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) หายสาบสูญไปในระหว่างสงครามจากความผิดพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้น ส่วน “ทองคำ” (ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง – ขุนแผน, บางระจัน) หรือจ่าทองคำในอดีตเผชิญกับบาดแผลที่ติดค้างอยู่ในหัวใจจนต้องหันไปพึ่งใบบุญของพระธรรม ตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเป็นหลวงพ่อทองคำเพื่อเป็นการไถ่บาป พร้อมชุบเลี้ยงเด็กน้อยที่รอดชีวิตจากการเข่นฆ่าในสมรภูมิโดยตั้งชื่อให้ว่า “เจตน์” (ชาติชาย งามสรรพ์) จนเติบใหญ่โดยมี “ชัย” (ชิน ตั้งสกุลสถาพร) เด็กขี้กลัวซึ่งเป็นลูกไล่ของเด็กเกเรอย่าง “ไอ้ดำ” และ “ไอ้เคน” (กัมปนาท แย้มวิมล) เป็นเพื่อนสนิทและน้องชายเพียงคนเดียว เจตน์เรียนรู้และสัมผัสกับแง่มุมของความตายมาตั้งแต่เยาว์วัย แท้จริงแล้วด้วยเด็กน้อยถึงต้องชะตาฆาต แต่ยังคงยืนหยัดมีชีวิตอยู่ได้เพราะได้หลวงพ่อที่คอยต่ออายุขัย เปิดโลกทางธรรม และถ่ายทอดพลังมหาอุตม์เพื่อปกปักรักษาคุ้มกันภัยให้โดยการสักยันต์ แต่เด็กน้อยก็ต้องเรียนรู้ศึกษาเคล็ดวิชาความดี ประพฤติตัวภายใต้เงื่อนไขและกฎข้อห้ามของการฝึกฝนพลังมหาอุตม์ โดยไม่เคยได้รู้ถึงพลังอำนาจแห่งมหาอุตม์อย่างแท้จริง จนกระทั่งเมื่อเริ่มเติบโตขึ้นเป็นหนุ่ม ในระหว่างตรวจดูความเรียบร้อยในสนามยิงปืนที่ตนเองทำงานอยู่ เขาได้พบกับ “มล” (อัญชสา ตั้งมงคลกุล) โปรแกรมเมอร์สาวปากดีที่ไม่กลัวเกรงใครทำปืนลั่นเข้าใส่เจตน์อย่างจัง ดีที่พลังมหาอุตม์คุ้มกันไว้ แต่เมื่อชะตาถูกลิขิตไว้แล้ว ย่อมเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ชัยถูกไอ้เคนและไอ้ดำลากเข้าไปในวังวนของยาเสพติดโดยมี “เมธา” (สุเมธ องอาจ) เพลย์บอยนักธุรกิจหนุ่มที่หน้าฉากเป็นเจ้าของกิจการที่ถูกกฎหมาย แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังเป็นผู้ก่อการร้ายสำคัญที่ทางการซึ่งนำโดย “ผู้กองมณฑล” (พิเศก อินทรครรชิต) กำลังหมายหัวและเป็นที่ต้องการตัว และนี่เองที่ทำให้เจตน์เรียนรู้สัจธรรมข้อหนึ่งที่ว่าทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีวันดับสูญ เมื่อมหาอุตม์ไม่สามารถป้องกันภัยได้อย่างที่เคย ลูกกระสุนปืนแล่นเข้าสู่ร่างของเจตน์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่หลวงพ่อทองคำต้องพบกับฝันร้ายในอดีตอย่างขจรที่ตามมาหลอกหลอนอีกครั้งด้วยอวิชชาแห่งพลังอำนาจที่ประหลาดพิสดารไปมากกว่ายันต์มหาอุตม์ที่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลงทุกที ความหวาดหวั่นที่หลวงพ่อทองคำเคยคาดการณ์กำลังจะเกิดขึ้น ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกลับเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดเมื่อหลวงพ่อเสียชีวิตจากน้ำมือของขจรเพราะต้องการพิสูจน์ว่า มหาอุตม์ยังคงแกร่งกล้าอย่างที่เคยเป็นหรือไม่ ระหว่างอวิชชากับมหาอุตม์สิ่งใดที่แข็งแกร่งที่สุด และนี่คือจุดเริ่มต้นของ “มหาอุตม์” ศาสตร์วิชาที่มาพร้อมกับความแกร่งกล้าแห่งจิตใต้สำนึกของความดีงามที่พร้อมพลิกทุกชีวิต ตอกย้ำทุกชะตากรรม สิ่งที่เจตน์จะต้องเผชิญไม่ได้เป็นเพียงเคล็ดวิชาที่ทวีคูณพละกำลังเหนืออนันต์อย่างการอาบน้ำว่าน 108 หรือเพิ่มห้วงจิตแห่งพลังศรัทธาเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบจิตวิญญาณของสามัญสำนึกแห่งความเป็นคน
คืนไร้เงา (One Night Husband) (2546/2003) สิปาง สาวทันสมัย ได้พบรักกับ นภัทร อาจารย์มหาวิทยาลัย และตัดสินใจแต่งงานกันในเวลาไม่นาน แต่ในคืนวันแต่งงาน นภัทรกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้สิปางต้องออกตามหา ด้วยความช่วยเหลือของ ชาติชาย และ บุษบา พี่ชายและพี่สะใภ้ของนภัทร ในระหว่างนั้น สิปางก็ได้ใกล้ชิดกับบุษบา และพบว่าหล่อนอยู่ในโลกที่แตกต่างกับเธออย่างสิ้นเชิง สิปาง (นิโคล เทริโอ) หญิงสาวสวยทันสมัย เธอพบรักกับนภัทร (วรวิทย์ แก้วเพชร) ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและตกลงแต่งงานกันในเวลาไม่นาน เขาก็หายตัวไปหลังจากได้รับโทรศัพท์ลึกลับในคืนวันแต่งงาน ด้วยความวิตกกังวลกับการหายตัวไปของนภัทร สิปางจึงเริ่มออกติดตามหา ด้วยความช่วยเหลือของชาติชาย (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) และบุษบา (สิริยากร พุกกะเวส) พี่ชายและพี่สะใภ้ของนภัทร ในระหว่างนั้น สิปางได้พยายามเข้ามาใกล้ชิดกับบุษบาเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับนภัทร เธอพบว่าบุษบาอยู่ในโลกที่แตกต่างกับสิปางอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นแบบฉบับของแม่บ้านช้างเท้าหลังที่มีชีวิตอยู่ใต้บงการของสามี เมื่อสิปางเข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับนภัทรมากขึ้น โฉมหน้าใหม่ของสามีคืนเดียวของเธอก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นทีละน้อย ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างสิปางกับบุษบายิ่งนานวันยิ่งแนบแน่น การได้เรียนรู้ชีวิตในโลกที่แตกต่างกันทำให้สิปางถึงกับต้องคิดทบทวนความเห็นเดิมที่เธอเคยมีต่อความรัก การเสียสละ และความหมายของการดำรงชีวิตเสียใหม่ สิปางเริ่มต้นตั้งคำถามกับทุกอย่างในชีวิตซึ่งนำไปสู่จุดจบอันน่าสะเทือนใจ
ชื่อชอบ ชวนหาเรื่อง (2546/2003) เรื่องราวชีวิตสุดหักเหปนเปเสียงฮาเฮ กับชีวิตลูกผู้ชายชื่อแปลกๆ คำเดียวโด่เด่ว่า ชอบ (สิทธา เลิศศรีมงคล) นายคนนี้กำลังคบหาดูอกดูใจกับ อินทุอร (เพชรรัตน์ พุ่มคำ) แล้วทำไมล่ะ กับการคบหาผู้หญิง มันผิดแปลกตรงไหน !! ถ้าอินทุอรเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่เธอเป็นถึงลูกพ่อเลี้ยงผู้กว้างขวาง ใหญ่คับทุกตารางนิ้วของภาคเหนือ! เรื่องไม่ธรรมดาก็ไม่ธรรมดายิ่งกว่า เมื่อ พ่อเลี้ยงโพ (สะอาด เปี่ยมพงษ์ศานต์) พ่อของอินทุอร ให้นายชอบพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อลูกสาว โดยให้นายชอบใช้เวลา 7 วัน เดินทางไปภาคเหนือ และระหว่างทางต้องหาเรื่อง และมีเรื่องไปตลอดทาง จนกว่าจะไม่มีใครกล้าจะหาเรื่องด้วย หากสำเร็จก็จะยกลูกสาวให้ พร้อมสมบัติทรัพย์สินอีกครึ่งหนึ่ง แต่บุพเพกลับอาละวาด ให้มาพบกับ นลิน (ดาราวัลย์ วิไลงาม) สาวเหนือผู้อาภัพรัก ที่ต้องการกลับเหนือเพื่อรักษาแผลใจ โดยไม่มีเงินติดตัวซักแดง แล้วยุทธการหาเรื่องทั่วราชอาณาจักร ก็เริ่มขึ้นพร้อมคู่หูคนใหม่
เฮี้ยน (2546/2003) ภายใต้ท้องฟ้าที่เงียบสงบ ดูเหมือนว่าบางสิ่งที่เป็นตัวแทนของความเศร้า ผิดหวัง และเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ท้อแท้ สูญสิ้นซึ่งความหวังนอนทอดตัวสงบนิ่งอยู่ในเบื้องลึกแห่งก้นบึ้งของห้วงอารมณ์ที่โอบอุ้มไปด้วยความหวาดกลัวที่แสนเปราะบาง กำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างเงียบๆ ราวกับกำลังเรียกร้องและรอคอยให้ใครบางคนที่พร้อมจะย่างกรายเข้ามาสัมผัสถึงดวงจิตที่อัดแน่นไปด้วยความร้อนรุ่มกระวนกระวายไปทุกอณูแห่งความรู้สึกคั่งแค้นใจเพื่อรอการสะสาง บัดนี้ใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแห่งการเดินทาง เป็นการมาถึงของอาการที่คนทั่วไปรู้จักกันดีที่ถูกเรียกขานสั้นๆ ว่า “เฮี้ยน” สำหรับ “ปอวรีร์” (ทราย เจริญปุระ) หญิงสาวที่ไม่เคยก้มหัว สนใจ หรือแคร์ใครหน้าไหนในโลก โดยเฉพาะมนุษย์เพศชายทุกคน นอกจาก “กิ๊ฟ” (อินทรา วีระวัธนชัย) เพื่อนสาวเพียงคนเดียวในขณะนี้ที่ทั้งคู่ต่างเลือกปักหลักใช้ชีวิตคนกลางคืนที่แวดล้อมไปด้วยแสงสี เหล้า ยา ด้วยกันในฐานะสาวเสิร์ฟในผับชื่อดัง และซุกหัวนอนอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ดูเหมือนว่านี่คือวิถีแห่งการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างล่อแหลมและไม่เคยบันยะบันยังของหญิงสาวที่ไร้อนาคตในสายตาของใครหลายๆ คนอย่างปอ จนกระทั่งการตื่นขึ้นมาในเตียงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากคืนที่แสนสาหัสเกิดขึ้นในชีวิตของปอผ่านพ้นไป พร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายโดยฝีมือของ “ไอ้อ๊อด” (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) นักเลงขี้ยาเอเยนต์ค้ายาเสพติดที่จับได้ว่าถูกหญิงสาวที่คอยปล่อยของอย่างปอยักยอกเสียเอง แต่ในระหว่างที่วินาทีที่พยายามยื้อชีวิตตัวเองให้รอดจากเงื้อมมือของมัจจุราช ทำให้ปอพลาดท่าหมดสติตกลงไปในบึงใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดจาก “หมอฤดี” (อรัญญา นามวงศ์) รอง ผอ.โรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของไข้ สิ่งที่สร้างความช็อกให้กับปอมากที่สุดก็คือ การที่รู้ว่าตนเองกำลังตั้งท้องได้ 10 สัปดาห์แล้ว ถึงแม้ว่าจะถูกคนทั่วไปมองว่าหญิงสาวที่ไร้อนาคตอย่างปอพยายามที่จะกำจัดลูกในท้อง แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงหมอฤดีเพียงคนเดียวที่คอยเข้าใจและเป็นกำลังใจให้กับปอ ในขณะที่กำลังวุ่นวายใจกับสถานการณ์ที่ยากเกินกว่าที่จะตั้งรับได้ทัน สิ่งที่หญิงสาวที่ไม่เคยรักชีวิตของตัวเองอย่างปอต้องเผชิญกับบางสิ่งบางอย่างที่ยากเกินอธิบายที่เริ่มเข้ามาคุกคามทั้งจากการสัมผัส มองเห็น ได้ยินทั้งภาพและเสียงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโรงพยาบาล เริ่มต้นจากเสียงร้องของเด็กที่ไม่สามารถหาต้นตอได้ ตุ๊กตาที่ขยับได้เองของคนไข้เด็กที่อยู่ในห้องผู้ป่วยรวม ภาพหลอนของ “หญิงสาว” (ปรางทอง ชั่งธรรม) ที่ตนไม่เคยรู้จัก รวมไปถึงภาพเสมือนที่ดูเหมือนจริงซึ่งล้วนมีภาพของตัวเองเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทุกครั้ง พร้อมกับมีภาพของคนอีกหลายคนและอีกหลายเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะจริงจังและรุนแรงมากขึ้นทุกที ในขณะเดียวกันกับที่ “พัฒน์” (กรุณพล เทียนสุวรรณ) เจ้าหน้าที่ติดตามการรักษาของศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดคนใหม่ก็ถูกสิ่งเข้ามาประกบกับปอ เพราะเกรงว่าจะยังคงมีประวัติการใช้ยาในตัวปอ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยากเกินกว่าคำอธิบายที่ชักนำทุกคนย้อนกลับไปสู่ต้นตอของปรากฏการณ์ที่นิยามได้ด้วยคำจำกัดความว่า “เฮี้ยน”

หน้าที่