โจ๋ไม่โจ๋หัวใจให้โจ๋ (2535/1992) ครอบครัวของโจ๋ย้ายบ้านบ่อยโจ๋จึงไม่ค่อยมีเพื่อน มีเพียงลิดาที่เป็นเพื่อนที่รู้ใจ แต่พ่อของทั้งสองมีเรื่องทะเลาะกันเสมอ พ่อจึงกีดกันไม่ให้ลิดาคบกับโจ๋ โจ๋ถูกจิ๊กโก๋ทำร้าย พ่อของลิดาช่วยไว้และห้ามไม่ให้มายุ่งกับลิดาอีก ครอบครัวของโจ๋ต้องย้ายบ้านอีกครั้ง ก่อนไปโจ๋ต้องเข้าแข่งกีฬาแทนเพื่อนที่เคยมีเรื่องกัน โจ๋กลายเป็นที่รักของเพื่อนๆ และคุณครูพ่อของลิดาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ โจ๋และพ่อมาช่วยไว้ ทั้งสองครอบครัวจึงเข้าใจกันและยอมให้โจ๋และลิดาคบกันต่อไป
ครั้งนี้โลกฉุดไม่อยู่ (2535/1992) ภาพยนตร์สะท้อนชีวิตวัยรุ่นจากสามครอบครัวที่มีปัญหาแตกต่างกัน อันเกิดจากช่องว่างระหว่างวัยและความไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัว เรื่องราวของแก๊งนักซิ่งบ้านรวย วันหนึ่งกฤษณะ เด็กขาดความอบอุ่นซิ่งรถจนเกิดอุบัติเหตุ แต่อุบัติเหตุคราวนั้นก็ทำให้เขาได้พบกับจินดาหรา สาวผู้เกิดในตระกูลร่ำรวย มองโลกในแง่ดีจนกฤษณะหลงรัก จินดาหรามีน้องแฝดชาย-หญิงสองคน คือจามิกรและจามิกา แต่จามิกาสาวน้อยหัวอ่อนถูกญาติขอไปเลี้ยงสอนให้เธออยู่ในกรอบ และให้เกลียดกลัวผู้ชาย แต่ในส่วนลึกของจิตใจเแล้วเธอต้องการใครสักคนมาแทนที่สิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต จนเผลอใจไปมีสัมพันธ์กับวิภาดาหญิงห้าวที่อยู่ใกล้ชิดตลอด ความเลวร้ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อกฤษณะลงแข่งรถอีกครั้งและก่ออุบัติเหตุทำให้เพื่อนของเขาเสียชีวิต เขาจึงหนีไปอยู่เชียงใหม่ ฝ่ายจามิกาซึ่งเคยมีใจให้กฤษณะก็หนีตามกฤษณะไปด้วย ความกดดันบางอย่างทำให้ทั้งคู่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อกัน เมื่อได้รู้เรื่องราวต่างๆ วิภาดาโกรธมาก เธอแฉเรื่องราวความสัมพันธ์ลับๆระหว่างตัวเองและจามิกาให้ทุกคนได้รู้ รอยแผลจากการเปิดโปงนี้สาหัสมากจนเกินเยียวยา และแผ่ขยายเป็นวงกว้างอย่างฉุดไม่อยู่
อนึ่งคิดถึงพอสังเขป (2535/1992) อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เมื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์และสายศิลป์ไม่ถูกกัน มักจะหาเรื่องแกล้งกันเสมอ จนครูในโรงเรียนต่างพากันเอือมระอา นอกจากนี้ โรงเรียนได้รับครูฝึกสอนเข้ามาใหม่ หนึ่งในนั้นคือทองเอก (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) ซึ่ง แต้ว (สายธาร นิยมการณ์) นักเรียนสาวสายศิลป์แอบชื่นชม ความสัมพันธ์ระหว่างครูฝึกสอนกับนักเรียน กลายเป็นบทเรียนชีวิตสำคัญให้นักเรียนทั้งรุ่นได้เติบโตขึ้น ภาพยนตร์วัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จทั้งในแง่รายได้ เสียงวิจารณ์ และรางวัล เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์และสายศิลป์ที่ไม่ถูกกัน นับเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำของ บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ที่ยังได้รับการพูดถึงมาจนปัจจุบัน รวมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการสร้างภาพยนตร์ที่มีจุดศูนย์กลางเป็นชีวิตของเด็กมัธยมฯ อีกมากมาย
รองต๊ะแล่บแปล๊บ (2535/1992) ทัช (ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง) เด็กหนุ่มที่รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งปู่และพ่อของเขาต่างก็เป็นนักเต้นเช่นเดียวกัน ซึ่งปู่เคยบอกเขาว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเต้น คือ รองเท้า ดังนั้น เขาจึงออกตามหารองเท้าคู่ที่ถูกใจ จนไปสะดุดตารองเท้าคู่หนึ่ง แต่ราคาแพงแสนแพงเกินกว่าที่เขาจะสามารถซื้อได้ แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อในคืนหนึ่งได้มีฟ้าผ่าลงมาหลายแสนโวลต์ลงมาที่รองเท้าคู่นั้น เมื่อทัชเดินผ่านร้านรองเท้าอีกครั้งหนึ่ง แล้วพบว่า เจ้าของเอารองเท้าคู่นั้นลงจากตู้โชว์ เนื่องจากรองเท้าอยู่ในสภาพที่ยับเยินจนแทบดูไม่ได้ เจ้าของร้านถามว่าเขายังต้องการรองเท้าคู่นี้อยู่อีกหรือไม่ เมื่อเขาตอบว่า ต้องการ เจ้าของร้านจึงขายรองเท้าให้ในราคาที่ถูกแสนถูก กระทั่งเขานำรองเท้ากลับมาทำความสะอาดที่บ้าน เขากลับพบว่ารองเท้ากลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิต และจะขยับเต้นเมื่อเสียงเพลงดังขึ้น หลังจากสวมใส่รองเท้าคู่ใหม่ การเต้นของทัชพัฒนาขึ้น จนทัชและเพื่อนร่วมทีมต่างมั่นใจว่า จะได้รับชัยชนะในการแข่งขันประกวดเต้น ซึ่งต้องแข่งขันกับทีมที่เป็นแชมป์เมื่อปีก่อน ต่อมา ทัชได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง (วาสนา พูนผล) เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นทั้งคู่ก็สนิทสนมกัน จนเธอตั้งชื่อรองเท้าของทัชว่า “ดุ๊กดิ๊ก” ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงจะไม่มีอุปสรรคอันใด ถ้าหากหญิงสาวที่เขาหลงรักไม่มีคนรัก (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) อยู่แล้ว คนรักของเธอก็คือ พี่ชายของคู่แข่งในการเต้นของเขานั่นเอง ก่อนวันแข่งขัน “ดุ๊กดิ๊ก” ถูกทำลายจนพัง ไม่สามารถใช้ใส่เต้นในวันที่จะแข่งขันได้ เมื่อวันแข่งขันมาถึง ในขณะที่ทัชรู้สึกถอดใจ ยอมแพ้ เนื่องจากไม่มีเจ้าดุ๊กดิ๊ก และไม่มีผู้หญิงที่คอยเป็นกำลังใจเขาตลอดมา แต่ในที่สุดทัชก็ติดสินใจลงแข่งขันในวินาทีสุดท้าย ผลการแข่งขันปรากฏว่าทีม “เท้าไฟ” ของทัชได้ที่ 2 แพ้ทีม “แม็กม่า” ของเอ็กซ์ (จตุรงค์ โกลิมาศ) ไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่แล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อ ตั๊ก (บริบูรณ์ จันทร์เรือง) น้องชายของทัช ได้ออกมาบอกว่า ทีมของเอ็กซ์ข่มขู่กรรมการให้ตัดสินให้ทีมตนเองชนะ ในที่สุดทีมของทัชก็ได้รับชัยชนะในการแข่งขัน แม้ว่าในการแข่งขันทัชจะไม่ได้ใส่ “ดุ๊กดิ๊ก” ลงแข่งเลยก็ตาม

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ