2526

ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน (2526/1983) ข้อความบนใบปิด มานพภาพยนตร์ ถึงจะหวานหรือขม คุณก็ยังไขว่คว้าหาความรักอยู่ไม่ใช่หรือ? ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน ม.จ.ทิพยฉัตร ฉัตรชัย สร้างบทภาพยนตร์-กำกับการแสดง สรพงศ๋ ชาตรี จารุณี สุขสวัสดิ์ ดิลก ทองวัฒนา มธุรส รัตนา กำธร สุวรรณปิยะศิริ, มารศรี ณ บางช้าง, มาลี เวชประเสริฐ, ดวงดาว ชินโรจน์, ชนัศร์ ศรีหงษ์ สมเกียรติ ฤกษ์ดี อำนวยการสร้าง ปิยะวงศ์ กรรณสูต ถ่ายภาพ (ที่มา :Thai Movie Posters)

เพื่อนแพง (2526/1983) เรื่องราวรักสามเส้าของ เพื่อนและแพง สองสาวพี่น้อง กับ ลอ หนุ่มชาวนาซึ่งผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้น ลอเกิดมีใจรักต่อเพื่อน ปล่อยให้แพงแอบหลงรักและคอยเป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่ข้างเดียว แต่วันหนึ่งเขาก็เริ่มสำนึกได้ว่า ความรักที่เพื่อนมีให้ตนนั้นเป็นแค่ความรักที่เลื่อนลอย ต่างกับแพงที่รักตนอย่างแท้จริง ความรักของอีแพง (ชณุตพร วิสิษฎโสภณ) ที่เรียกได้ว่า เกิดมาเพื่อรักพี่ลอ (สรพงศ์ ชาตรี) เพียงคนเดียว แต่ตอนแรกพี่ลอกลับรักอีแพงอย่างน้องเพราะใจของพี่ลอสาบานว่า จะรักอีเพื่อน (คนึงนิจ ฤกษะสาร) คนเดียว จนเมื่อพี่ลอรู้ความจริงว่า อีเพื่อนปันใจให้หนุ่มบางกอก (วิโรจน์ ควันธรรม) รักที่มีให้นั้นเป็นรักเผื่อเลือก พี่ลอจึงเห็นความดีของอีแพงและรักอีแพง แต่ก็สายเกินไปเพราะอีเพื่อนผิดหวังกลับมาและต่อว่าพี่ลอพร้อมกับทวงสัญญารักคืน พี่ลอรู้ว่า ตนทำผิดคำสาบาน เมื่ออีแพงตายไป พี่ลอจึงยอมมัดมือมัดเท้าโดนน้ำตื้นตายตามไป

สามอนงค์ (2526/1983) ศริน และ ฟองแก้ว ภรรยาและลูกสาวทั้งสองคือ สา กับ สุ ไปอยู่เชียงใหม่ โดยทิ้งลูกสาวคนเล็กไว้กับย่า ศรินป่วยและเสียชีวิต สาเป็นผู้ดูแลแม่กับน้อง ย่าให้ ภูมิ กับ ศิวะ มารับทั้งสอง และให้ศิวะแต่งงานกับสุ ทั้งที่ศิวะมีอ้อยอบเป็นภรรยาอยู่แล้ว ศิวะไม่ใส่ใจดูแลสุ ภูมิต้องคอยดูแลแทนเสมอ ศิวะถูกภูมิต่อว่า ในความคิดของศิวะ คิดว่าสุว่าเป็นนางบำเรอเท่านั้น สุเสียใจมาก เธอหนีไปเชียงใหม่ แต่ศิวะถึงรู้ว่าสุท้องจึงให้ย่าไปช่วยพูดให้ รวมถึงภูมิที่พอใจสา ทุกคนอภัยให้กัน และเริ่มชีวิตใหม่

สงครามปาก (2526/1983) อรรถวุฒิ และ พิมพิลา เป็นสามีภรรยาที่ทะเลาะเบาะแว้งกันตลอด อรรถวุฒิไม่พอใจภรรยาที่วิ่งเต้นให้เขาได้เบ็นสส. ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นนักการเมืองมือสะอาด แต่พิมพิลาก็ไม่พอใจสามีด้วยเรื่องความเจ้าชู้ อีกทั้งหนึ่งในสาวๆ ของเขาอย่าง นาฎนรี ก็หมายมั่นปั้นมือที่จะครอบครองอรรถวุฒิให้ได้ เธอจึงวางแผนให้ทั้งสองได้มีปากเสียงกันจนถึงขั้นที่พิมพิลาจะขอฟ้องหย่า จะมีอะไรที่จะมาทำให้สงครามในครอบครัวครั้งนี้สงบลงได้ อรรถวุฒิ ได้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยพิมพิลา ภรรยาเป็นผู้วิ่งเต้น เขาไม่ค่อยพอใจ เพราะต้องการชนะอย่างใสสะอาด อรรถวุฒิเป็นคนเจ้าชู้มีผู้หญิงหลายคน ทำให้มีเรื่องกับพิมพิลาบ่อยๆ นาฎนรี เป็นหญิงคนหนึ่งที่หมายมั่นจะจับอรรถวุฒิให้ได้ จึงประกาศต่อหน้าหลายๆ คนว่าจะเป็นเมียน้อยของอรรถวุฒิ วันหนึ่งพิมพิลาจะเซ็นต์สัญญาเรื่องคอนโดจึงไปทานข้าวกับหุ้นส่วน อรรถวุฒิเห็นเข้าใจผิดเพราะความหึงหวงทำให้ ยิงหุ้นส่วน แต่พิมพิลาแย่งปืน จึงลั่นใส่เธอ พิมพิลาโกรธมาก เธอจึงฟ้องหย่า นาฎนรีได้โอกาสประกาศแก่พวกนักข่าว แต่อรรถวุฒิกลับไม่ใส่ใจต่อเธอ และไล่เธอไป พิมพิลาได้ลูกเป็นสื่อให้เธอกลับมาดีกับอรรถวุฒิอีกครั้ง

มายาพิศวาส (2526/1983) ดอกบัวถูกรถของชลา ชนเข้า เธออ้างว่าถูกหลอกมาขายแต่หนีมาได้ ชลาจึงให้พี่ชายคือเจตน์ เป็นคนดูแลเธอ แต่เพ็ญแม่เลี้ยงซึ่งได้มีอะไรกับเจตน์ไม่พอใจ เจตน์จึงยกดอกบัวให้เพ็ญเป็นคนดูแล จุล พ่อของชลาที่เป็นอัมพาตเกิดความพอใจในดอกบัว รวมถึงเพ็ญที่ต้องการส่งดอกบัวให้ธวัชหุ้นส่วนใหญ่ แต่จุลไม่ยอม ทำให้ทั้งสองขัดใจกัน จุลป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล ชลากล่าวหาว่าดอกบัวเป็นต้นเหตุ ดอกบัวได้บอกแก่จุลว่าเธอคือลูกสาวของดุสิตที่จุลส่งคนไปยิง เธอมาทวงหนี้ ก่อนตายจุลได้ยกมรดกทั้งหมดให้แก่ดอกบัว เพื่อเป็นการไถ่ความผิดที่ตัวเขาเป็นคนก่อ ชลาเข้าใจดีว่าดอกบัวไม่ผิด เพ็ญหึงเจตน์ที่ชอบดอกบัว และยิงเจตน์ตาย ชลาทำความเข้าใจกับดอกบัว และบอกว่าเขารักเธอ

พระจันทร์เปลี่ยนสี (2526/1983) *หนังเรื่องนี้เริ่มถ่ายทำตั้งแต่ปี 2521 แต่มีปัญหา กว่าจะออกฉาย ก็ล่วงเลยมาถึงปี 2526 ออกฉายในชื่อ “พระจันทร์เปลี่ยนสี” ข้อความบนใบปิด ณรงค์ ภูมินทร์ เสนอพลังสร้าง 3 ล้านบาท จากไทยถึงปารีส รักที่ต้องตัดสินกันด้วยชีวิต ลืมเสียเถิดอย่าคิดถึง (พระจันทร์เปลี่ยนสี) ของ ศักดิ์ สุริยา (ที่มา :Thai Movie Posters)

ไฟรักอสูร (2526/1983) เป็นเรื่องราวของแก้ว หนุ่มประมงจอมซื่ออาศัยอยู่กับเมียปากจัดที่ชื่อหวานและลูกสาว ต่อมาแก้วพาหวานไปกรุงเทพฯ ตามคำเรียกร้องของหล่อน ขณะที่รถจอดพัก หวานแวะซื้อเครื่องประดับจนหลง แก้วจึงตามหาหวานจนถูกรถชนโดยเจ้าของรถเป็นหนุ่มหล่อชื่อวิฑูรย์พาแก้วและหวานไปกรุงเทพฯ วิฑูรย์ชอบหวานจึงพาหล่อนเที่ยวกรุงเทพฯ ทำให้แก้วเสียใจมากกินเหล้าเมา แล้วตามหาหวานแต่พลัดหลงไปในงานแต่งงานของวัฒนา กับ ตวงพร ที่มีหน้าตาเหมือนหวาน (แต่ไม่มีไฝเหมือนหวาน) จึงโกรธมากคิดว่าเป็นหวานเลยจับตวงพรมาทรมานด้วยการล่ามโซ่ที่คอและพากลับมายังเกาะปั้นดาว ถึงแม้ว่าตวงพรปฏิเสธว่าตนเองไม่ใช่น้ำหวานก็ไม่เชื่อกลับทำร้ายและล่ามโซ่ไว้ในบ้าน จนตวงพรต้องยอมเพราะไม่มีใครเชื่อหล่อน วัฒนาซึ่งเป็นคู่หมั้นของตวงพร จ้างสารวัตรพงษ์เทพตามหาหล่อน ตวงพรสงสารชีวิตของแก้วจึงทำดีกับแก้วและลูกสาว จนแก้วใจอ่อนปล่อยหล่อนเป็นอิสระไม่ล่ามโซ่อีกต่อไป แต่ในที่สุด เมื่อสารวัตรพงษ์เทพได้ทราบภายหลังว่า ตวงพรเป็นฝาแฝดกับหวาน จึงวางแผนลักพาตัวตวงพรมาขายให้กับวิฑูรย์อีกคน แต่แก้วมาช่วยหล่อนได้ทันและเชื่อว่า ตวงพรเป็นน้องฝาแฝดของหวานที่มีคนขอไปเลี้ยงที่กรุงเทพฯ มีชื่อเล่นว่า "น้ำตาล" จึงยอมปล่อยหล่อนกลับกรุงเทพฯ ทั้งคู่ร่ำลาด้วยความอาลัย เมื่อจากกันแล้วแก้วก็กลับมาซึมเศร้า ส่วนตวงพรก็คิดถึงแก้วและไม่ยอมแต่งงานกับวัฒนา ส่วนหวานถูกรถชนตายเพราะเห็นสารวัตรพงษ์ยิงวิฑูรย์จึงตกใจวิ่งหนีข้ามถนน ส่วนวัฒนาต้องการให้ตวงพรไปเมืองนอก แต่ตวงพรตัดสินใจเลิกกับวัฒนากลับมาหาแก้วและลูก ทั้งหมดจึงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข