สุรพลลูกพ่อ (2511)
สุรพลลูกพ่อ (2511/1968) เรื่องราวชีวิตจริงของราชาเพลงลูกทุ่ง "สุรพล สมบัติเจริญ" ผ่านมุมมองของบิดาของครูคือ "พ่อเปลื้อง สมบัติเจริญ" ตั้งแต่สุรพลเริ่มชีวิตการร้องเพลงจากกองดุริยางค์ทหารอากาศ ด้วยเอกลักษณ์ ลีลา รูปแบบเฉพาะตัว และความสามารถในการร้องและแต่งเพลงเอง รวมถึงการใช้เพลงจังหวะรำวงในเพลงที่เขาแต่ง ทำให้เพลงของเขามีความสนุกครึกครื้นและเป็นที่นิยมจนกลายเป็นราชาแห่งวงการเพลงลูกทุ่ง ก่อนที่สุรพลจะจบชีวิตอย่างน่าเศร้าด้วยเหตุฆาตกรรมที่ใครก็คาดไม่ถึง
16 ปีแห่งความหลัง (2511)

16 ปีแห่งความหลัง (2511/1968) ลำดวล สมบัติเจริญ กับ การะเวก เพื่อนสนิท เดินทางจากสุพรรณมากรุงเทพฯ หา จ่าโทแต้ม นักดนตรีในกองดุริยางค์ทหารอากาศ เพื่อหางานทำ ที่บ้านของจ่าโทแต้ม มี จ่าโทโปร่ง เพื่อนสนิทอีกคนอาศัยอยู่ด้วย จ่าโทแต้มให้การต้อนรับลำดวลกับการะเวกอย่างดี และเมื่อทราบว่าลำดวลได้ลาออกจากการเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ และลาออกจากการเป็นครูที่สุพรรณแล้ว ก็หาทางช่วยเหลือ ได้พาลำดวลไปพบ ร.ท.ปราโมทย์ นายของตนเพื่อฝากเข้าทำงานในกองทัพอากาศ

ร.ท.ปราโมทย์ ได้ตั้งค่ายมวยชื่อ ค่ายเลือดชาวฟ้า ได้รับลำดวลกับการะเวกเข้าทำงาน โดยบรรจุ ลำดวล เข้าทำงานในฝ่ายโยธา กองทัพอากาศ พร้อมกับแนะนำให้ลำดวลหัดมวยเพื่อหาลำไพ่พิเศษ จ่าตรีอ่อน ผู้ควบคุมดูแลนักมวยในค่าย ชอบพอสนิทสนมกับลำดวลและการะเวกเป็นพิเศษ สาเหตุเพราะทั้งสามคนชอบรำวง เมื่อมีคณะรำวงมาตั้งใกล้ๆ ค่ายอ่อนก็เป็นตัวการทำให้ลำดวลกับการะเวกได้หนีไปรำวงด้วยทุกคืน

จิ๋มลิ้ม หัวหน้าคณะรำวงชอบพอกับอ่อน เมื่อลำดวลได้แต่งเพลงรำวงไว้และอยากที่จะแสดงผลงานของตัว ก็ได้รับการสนับสนุนจากจิ๋มลิ้มเป็นอย่างดี เพลงชูชกสองกุมาร ของลำดวลได้รับกาารต้อนรับที่ดีจากประชาชนที่มารำวง ในคืนหนึ่ง ร.ท.ปราโมทย์ มาพบทั้งสามเข้า ทำให้ทั้งสามคนตกใจมาก แต่ ร.ท.ปราโมทย์ กลับแสดงความยินดีกับผลงานเพลงของลำดวล และย้ายลำดวลเข้าสู่กองดุริยางค์ทหารอากาศ

ที่กองดุริยางค์ทหารอากาศ ในระยะแรกลำดวลทำงานอยู่ฝ่ายการเงิน ได้รับยศเป็นจ่าตรี การะเวกและจ่าอ่อนก็ย้ายตามมาด้วย เนื่องจากบ้านพักเต็มทั้งสามคนจึงต้องมาขออาศัยที่บ้านพักของ จ่าแต้ม ที่บ้านของจ่าแต้มทั้งสามคนได้รับการขูดรีด และกดขี่จาก "นางแหว" เมียจ่าแต้มที่มีนิสัยเห็นแก่ตัวและปากร้ายเป็นที่สุด ทั้งสามคนได้หาทางแก้เผ็ดยายแหวทุกครั้ง ที่กองดุริยางคืทหารอากาศลำดวลได้รับความสนับสนุนจากนักร้องนักแต่งเพลงรุ่นพี่ ทำให้มีโอกาสแสดงผลงานที่แต่งและร้อง จนประชาชนให้ความนิยม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น สุรพล สมบัติเจริญ

น้ำอ้อย (2511)
น้ำอ้อย (2511/1968) ข้อความบนใบปิด นพรัตน์ภาพยนตร์ เสนอ น้ำอ้อย จากบทประพันธ์ ของ สุมนทิพย์.. นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา เพชรา เชาวราษฎร์ อดุลย์ ดุลยรัตน์, เมตตา รุ่งรัตน์, บุศรา นฤมิต, ชฎาพร วชิรปราณี, มนัส บุณยเกียรติ, สมพล กงสุวรรณ, มานี มณีวรรณ, อดินันท์ สิงห์หิรัญ, ธัญญา ธัญญารักษ์, อรสา อิศรางกูร และ ดอกดิน กัญญามาลย์ เชิญชมฉากเพลงเอก 3 เพลง 35 ม.ม.เสียงในฟิล์ม สีสวยสด เพลง “น้ำอ้อย” “ผีเสื้อ” และเพลง “แพรัก” พร้อม รุ่งรังสี สร้างบทภาพยนตร์ ดอกดิน กำกับการแสดง นพรัตน์ ศศิวิมลรักษ์ อำนวยการสร้าง สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ กัญญามาลย์ภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
บัวหลวง (2511)
บัวหลวง (2511/1968) มิตร-สุทิศา ข้อความบนใบปิด กมลศิลปภาพยนตร์ เสนอ สุขสันต์...เริงรื่น...ชื่นทรวง บัวหลวง 35 ม.ม.ซูเปอร์ซีเนมาสโคป สีอิสต์แมน มิตร ชัยบัญชา สุทิศา พัฒนุช ดาราสาวเงิน 2 ล้านคนใหม่ รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง, รัตนาภรณ์น้อย, ทัต เอกทัต, วีนัส ศรีประไพ, ชูศรี มีสมมนต์, ชฎาพร วชิรปราณี, สมพงษ์ พงษ์มิตร, เทียว ธารา, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, ทองฮะ โอฬารตระการตาด้วย 8 เพลงเอกเสียงในฟิล์ม น้อย กมลวาทิน กำกับการแสดง รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง อำนวยการสร้าง ศานิต รุจิรัตน์ตระกูล ถ่ายภาพ กัญญามาลย์ภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
แม่นาคคะนองรัก (2511)
แม่นาคคะนองรัก (2511/1968) ข้อความบนใบปิด เสน่ห์ศิลป์ภาพยนตร์ เสนอ ปรียา รุ่งเรื่อง ชุมพร เทพพิทักษ์ ฤทธี นฤบาล แม่นาคคะนองรัก หนังผี หนังดัง ต้อง เสน่ห์ สร้าง แก่นใจ มีนะกนิษฐ์, นุสรา แสงรัตน์, หยาดรุ้ง ระพี พร้อมด้วย ล้อต๊อก, สมพงษ์ พงษ์มิตร, ทองฮะ, ขวัญ, ยรรยงค์, ดาวน้อย ดวงใหญ่, ลุงโกร่ง กางเกงแดง ขอเสนอ กันทิมา ดาราพันธ์ สันทัด ถ่ายภาพ เสน่ห์ โกมารชุน กำกับการแสดง (ที่มา :Thai Movie Posters)
เป็ดน้อย (2511)
เป็ดน้อย (2511/1968) ศักดิ์ชัย (ไชยา สุริยัน) ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สำรวจพื้นที่ทำทางหลวง เข้ามาขอพักชั่วคราวในบ้านสุดชายทุ่งของเป็ดน้อย (สุทิศา พัฒนุช) และทั้งสองบังเกิดความรักต่อกัน แม้ว่าบุญ (ธานินทร์ อินทรเทพ) จะหมายปองเป็ดน้อยอยู่ก่อนแล้ว ศักดิ์ชัยสัญญาว่าจะมารับเป็ดน้อยไปอยู่กรุงเทพ แต่เมื่อศักดิ์ชัยมาบอกเรื่องของเขากับเป็ดน้อยแม่และพี่น้องของเขาต่างรังเกียจเมื่อทราบว่าจะได้สะใภ้ชาวนาเข้ามาอยู่ร่วมด้วย ขณะที่ตระกูลนี้กำลังอยู่ในฐานะลำบาก ทางเดียวที่จะกู้สถานการณ์ได้คือ มรดกของเจ้าคุณปู่ (ม.ล.รุจิรา อิศรางกูร) แต่คุณปู่มีเงื่อนไขว่าศักดิ์ชัยต้องหาเจ้าสาวที่ท่านพอใจเท่านั้น ในงานเลี้ยงต้อนรับ ศักดิ์ศรี (จินฟง) น้องชายคนสุดท้องที่เพิ่งเรียนจบจากเมืองนอก เป้ดน้อยในชื่อใหม่ว่า วรรณวิไล ต้องขายหน้าโดยไม่รู้ตัวที่ทำกิริยาเปิ่นๆจากแผนของหญิงเล็ก (เมตตา รุ่งรัตน์) ผู้ตั้งชื่อให้และแสร้งทำดีเพื่อหาโอกาสกำจัดเธอ ศักดิ์ชัยโกรธเป็ดน้อยที่ทำให้ได้รับความอับอาย เป็ดน้อยเสียใจมากจนหนีกลับบ้านเดิม แต่บุญและศักดิ์ศรีช่วยกันให้กำลังใจให้เป็ดน้อยกู้ศักดิ์ศรีของตนเองคืนมา ทั้งสองวางแผนให้เป็ดน้อยปรากฏตัวใหม่เป็นที่ประทับใจของทุกคน ด้วยความร่วมมือของครูพูน (พูนสวัสดิ์ ธีมากร) ครูสอนมารยาท เจ้าคุณปู่พอใจเป็ดน้อยมากประกาศยกมรดกให้ศักดิ์ชัยและเป็ดน้อย พร้อมทั้งจัดการแต่งงานให้ทั้งสอง
อีแตน (2511)
อีแตน (2511/1968) นายอำเภอจรุง (ชาลี อินทรวิจิตร) ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับโจร ก่อนสิ้นชีวิตได้สั่งเสียให้กาหลง (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) ภรรยาซึ่งกำลังตั้งท้องไปอาศัยอยู่กับท่านเจ้าคุณพระยาบริบาลภูมินทร์ (ม.ล.ขาบ กุญชร) ผู้เป็นบิดาของตน กาหลงพายายเมี้ยน (มาลี เวชประเสริฐ) คนรับใช้เก่าแก่ติดตามมาด้วย และได้คลอดลูกเป็นเด็กหญิงมีตำหนิปานแดงที่ไหล่และมีรอยแผลเป็นที่ใบหูแต่ยังไม่ทันได้ตั้งชื่อ ยายเมี้ยนแอบได้ยินคุณหญิงชฎา (กัณฑรีย์ นาคประภา) ผู้เป็นภรรยาใหม่ของท่านเจ้าคุณปรึกษากับนิพนธ์ (แมน ธีระพล) ชายชู้เรื่องจะกำจัดกาหลงและลูกเพื่อฮุบมรดก ยายเมี้ยนตัดสินใจแอบลักพาตัวลูกของกาหลงหนีออกจากบ้าน และไปอาศัยอยู่กับแต้ม (สมพล กงสุวรรณ) อดีตแมงดาขี้เมา เมื่อกาหลงรู้ว่าลูกหายก็ตกใจมากจนเส้นเลือดสมองแตกกลายเป็นอัมพาต ขณะที่ท่านเจ้าคุณก็ส่งคนออกตามหาหลานแต่ก็ไม่พบ ส่วนยายเมี้ยนและแต้มก็ตั้งชื่อเด็กว่า แตน (อรัญญา นามวงศ์) และยายเมี้ยนอุตส่าห์ทำงานเลี้ยงดูแตนด้วยความเหน็ดเหนื่อย ขณะที่แต้มเอาแต่กินเหล้าเมามาย สิบเก้าปีต่อมาแตนเติบโตเป็นสาวสวย วันหนึ่งได้พบกับรุ่งโรจน์ (มิตร ชัยบัญชา) ทนายประจำตระกูลบริบาลภูมินทร์ ซึ่งถูกคุณหญิงชฎาใช้ให้มาไล่ที่ชาวบ้านในสล้มเพื่อเอาที่ดินสร้างตึก แตนไล่ตีรุ่งโรจน์แต่ขณะเดียวกันทั้งสองก็รู้สึกนึกรักกัน ยายเมี้ยนออกไปทำงานที่ต่างจังหวัดเพื่อส่งเงินมาเลี้ยงดูแตนและแต้ม แต่เงินถูกคนที่ยายเมี้ยนฝากมาอมเสียทำให้เงินมาไม่ถึงแตน เมื่ออดอยากมากขึ้นแต้มคิดแผนชั่วขึ้นโดยการหลอกพาแตนไปขายที่ซ่องของผกา (ชฎาพร วชิรปราณี) แต่แตนต่อสู้จนสุดฤทธิ์ไม่ยอมขายตัวทำให้แขกที่เที่ยวพากันเข็ดขยาด คุณหญิงชฎาและนิพนธ์คิดแผนการที่ถ่ายเททรัพย์สมบัติของท่านเจ้าคุณมาเป็นของตน ด้วยการหาหลานตัวปลอมมาตบตาท่านเจ้าคุณ นิพนธ์มาที่ซ่องของผกาและได้พบแตนก็รู้สึกถูกใจคิดว่าแตนเหมาะสมที่แสดงบทบาทเป็นหลานท่านเจ้าคุณ จึงขอซื้อตัวแตนจากผกาและนำมาบ้านภักดีภูมินทร์ ท่านเจ้าคุณดูตำหนิปานแดงที่ไหล่และรอยแผลเป็นที่ใบหูของแตนก็แน่ใจว่าเป็นหลานของตน และกาหลงถึงแม้จะเป็นอัมพาตแต่สัญชาติญาณก็ทำให้รู้ว่าแตนเป็นลูกของตน ขณะที่คุณหญิงชฎากับนิพนธ์รู้สึกดีใจคิดว่าตบตาท่านเจ้าคุณได้ เมื่อแตนมาอยู่ที่บ้านท่านเจ้าคุณก็มีโอกาสได้พบกับรุ่งโรจน์บ่อยครั้งจนกลายเป็นความรัก ในงานวันประกาศตัวแตนเป็นทายาทของตระกูลบริบาลภูมินทร์ ยายเมี้ยนได้แอบเข้ามาในบ้านเพื่อยืนยันกับท่านเจ้าคุณว่าแตนคือทายาทที่แท้จริง และคุณหญิงชฎากับนิพนธ์คิดร้ายต่อทุกคน แต่นิพนธ์มาพบเสียก่อนจึงฆ่ายายเมี้ยนตายและบังคับให้แต้มนำศพยายเมี้ยนออกไปนอกบ้าน เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของหมวย (ชูศรี มีสมมนต์) เพื่อนของแตนที่แอบตามยายเมี้ยนมา นิพนธ์วางยาพิษในเหล้าให้ท่านเจ้าคุณดื่ม แต่เกิดผิดพลาดสลับขวดเหล้ากันทำให้ท่านเจ้าคุณปลอดภัย แต่นิพนธ์กลับดื่มเหล้าในขวดที่ผสมยาพิษเสียเองจนเสียชีวิต แต้มเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจเตลิดหนีไป ขณะเดียวกับที่หมวยไปบอกแตนเรื่องที่นิพนธ์ฆ่ายายเมี้ยนตาย แตนไปที่ศพยายเมี้ยนและนำปืนของนิพนธ์ที่ทิ้งไว้ข้างศพมาด้วย เมื่อพบนิพนธ์นั่งฟุบอยู่กับโต๊ะอาหารจึงใช้ปืนยิงโดยไม่รู้ว่านิพนธ์ตายแล้ว คุณหญิงชฎาแจ้งตำรวจให้จับแตนในข้อหาฆ่านิพนธ์ รุ่งโรจน์พยายามใช้ความรู้กฎหมายช่วยว่าความให้แตนอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถหาพยานหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาได้ซึ่งอาจจะทำแตนต้องติดคุกโดยไม่ได้ทำความผิดก็เป็นได้ แต่แล้วในวันตัดสินคดีแต้มตัดสินใจมาเป็นพยานในศาลบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้แตนพ้นจากความผิด รุ่งโรจน์เจียมตัวว่าตนเองเป็นหลานของนิพนธ์ซึ่งคิดร้ายต่อท่านเจ้าคุณจึงขอลาออก แต่ขณะที่กำลังจะออกจากบ้านแตนก็มาขวางไว้ ทั้งสองจึงเปิดใจต่อกันถึงความรักที่มีต่อกัน และท่านเจ้าคุณและกาหลงก็เต็มใจให้รุ่งโรจน์และแตนแต่งงานกัน

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ