โอเคสังข์ทอง (2497)
โอเคสังข์ทอง (2497/1954) ท้าวสามล เป็นกษัตริย์ ณ สามลพระนคร มีเอกอัครชายาชื่อ มณฑาเทวี มีพระราชธิดา 7 พระองค์ องค์สุดท้องชื่อ รจนา วันหนึ่งท้าวสามลและนางมณฑาเทวีใช้ให้ ขุนหมื่น ไปเชิญหน่อกษัตริย์ร้อยเอ็ดหัวเมืองมาชุมนุมให้ธิดาทั้งเจ็ดพระองค์เลือกเป็นคู่ครอง ธิดาทั้ง 6 เลือกหน่อกษัตริย์ที่ตนพึงใจ เว้นเสียแต่รจนาที่เลือกเอาเจ้าเงาะหน้าตาอัปลักษณ์เป็นคู่ แม้เสด็จพ่อเสด็จแม่จะห้ามปรามยังไงก็ไม่ฟัง รจนาและเจ้าเงาะครองสุขได้ไม่นานก็ถูกกลั่นแกล้งให้ไปหาปลา นายเงาะหรือพระสังข์ก็ไปหามาได้ซ้ำยังแกล้งตัดจมูกหกเขยเสียด้วย ต่อมานายเงาะก็ถูกเกณฑ์ให้ไปหาเนื้ออีกนายเงาะจึงแกล้งตัดหูหกเขย เวลาผ่านไปเจ้าเงาะไม่ยอมถอดรูปออกจึงร้อนไปถึงสวรรค์พระอินทร์ออกอุบายแปลงตนมาชิงเมืองท้าวสามล ท้าวสามลส่งใครไปรบก็แพ้ ส่ง 6 เขยไปต่อสู้ก็แพ้ มองไม่เห็นทางออกใดจึงจำยอมเชิญเจ้าเงาะมาช่วยรบ เจ้าเงาะยอมไปรบโดยถอดรูปเงาะและรบได้ชัยชนะกลับมา ขับไล่พระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไป เมื่อท้าวสามลและนางมณฑาเห็นเจ้าเงาะถอดรูปก็หลงใหล ยิ่งรู้ว่าเจ้าเงาะคือ พระสังข์ราชบุตรท้าวยศวิมลกับนางจันทร์เทวี ก็ยิ่งปลาบปลื้มยกสมบัติพัสถานให้สังข์ทอง
สามเกลอแผลงฤทธิ์ (2497)
สามเกลอแผลงฤทธิ์ (2497/1954) หลังจากเกษียณราชการ ขุนรักษาพยายามคิดค้นยาชุบชีวิตคนตายให้กลายเป็นคนเป็นเพราะหวังจะร่ำรวยมีเงินทอง แต่ยังขาดตัวยาอยู่สองขนาน บังเอิญ เสน่ห์ แป๊ะ และ ฮะ มาติดพัน นารี ลูกสาวสุดที่รักของขุนรักษา แกจึงออกอุบายให้สามเกลอไปหาตัวยาวิเศษกับเจ้าทองคำที่เชียงใหม่ โดยสัญญาว่าจะยกลูกสาวให้ถ้าทำสำเร็จ สามเกลอไม่รอช้า มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ แม้เจ้าทองคำจะขายตัวยาให้ธนาคารที่ลำปางไปแล้วก็ตามไปซื้อจนสำเร็จ และเดินทางต่อไปยังปราสาทหินพิมายซึ่งเป็นจุดหมายของตัวยาขนานสุดท้าย เมื่อหาตัวยาได้ครบก็รีบเดินทางกลับมารับรางวัลที่กรุงเทพ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูก สมพล วายร้ายสะกดรอยตามหวังชิงยาวิเศษ ขุนรักษาลงมือปรุงยาทันควัน แล้วสั่งให้สามเกลอไปขุดศพ เสือโพล้ง ที่ป่าช้ามาทำการทดลองชุบชีวิตเสือโพล้งฟื้นคืนชีพมาอาละวาดบีบคอเสน่ห์แล้วจับตัวนารีไป สามเกลอรีบตามไปชิงตัวนารีคืน แล้วฉีดยาพิษใส่เสือโพล้งให้ตายดังเดิม ส่วนขุนรักษาที่รออยู่ที่บ้าน ถูกสมพลจับตัวไปขู่จะเอายาวิเศษ โชคดีที่ เฉย คนใช้ช่วยขุนรักษาไว้ได้ ขุนรักษากลับมาปรุงยาอีกครั้งและประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้เป็นเพราะสามเกลอแผลงฤทธิ์นำพาความปรกติสุขกลับมา
แม่ศรีเรือน (2497)
แม่ศรีเรือน (2497/1954) เพราะทนถูกนายจ้างเอาเปรียบเรื่องเงินเดือนไม่ได้ โดม จึงตัดสินใจลาออกจากงานมาเป็นพ่อบ้าน ชไมพร ภรรยาที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านจึงจำต้องออกไปหางานทำแทนสามี กระทั่งได้งานที่บริษัทสตรีไทยของ คุณนายแช่มช้อย บริษัทที่ออกกฎห้ามพนักงานหญิงมีสามี ชไมพรจึงต้องปิดบังเรื่องโดมไว้เป็นความลับ ความสามารถของชไมพรเป็นที่ปลาบปลื้มของคุณนายแช่มช้อย จึงพยายามจับคู่ชไมพรให้ ชวลิตลูกชาย ฟากโดมก็ได้รู้จักกับ วัทณีย์ ลูกสาวเจ้าของบ้านเช่าที่ตนอาศัยอยู่ ความรักระหว่างโดมกับชไมพรจึงส่อแววเข้าใจผิดเป็นเหตุให้เกิดเรื่องยุ่งๆ ตามมา กระทั่งความลับถูกเปิดเผย ในจังหวะเดียวกับที่ชวลิตและวัทณีย์ดันมาชอบกันโดยบังเอิญ ด้วยความเมตตาชไมพร คุณนายแช่มช้อยจึงยกเลิกกฎ และให้ชไมพรได้ทำงานต่อไป ฝ่ายโดมหลังจากว่างงานมานานก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ด้วยความช่วยเหลือจากวัทณีย์ เรื่องจึงจบลงด้วยความสุขสมหวังทุกประการ
เจ้าสาวชาวไร่ (2497)
เจ้าสาวชาวไร่ (2497/1954) ภาพยนตร์ประเภทตลกขบขัน แนวใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่จะทำให้ท่านท้องคัดท้องแข็งตลอดเวลาที่นั่งชม (ที่มา: นิตยสารผดุงศิลป์ กรกฎาคม พ.ศ. 2497)
สามเกลอปราบวายร้าย (2497)
สามเกลอปราบวายร้าย (2497/1954) สามเกลอปราบวายร้าย เป็นภาพยนตร์ไทย ฟิล์ม 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2497
หนูจ๋า (2497)
หนูจ๋า (2497/1954) นิยายชีวิตที่ท่านจะหัวเราะและร้องไห้... เราพากภูมิใจที่เสนอท่านด้วย.. เรื่องที่ซาบซึ้งตรึงใจที่สุด พร้อมทั้งบทบาทที่ดีที่สุด.. ดู... บทบาทของ อรสา เด็กสาวสวยคนเดียวในเมืองไทย ที่ได้รับรางวัลถ้วยเกียรติยศจาก อัศวินภาพยนตร์ และสนั่นศิลป์ภาพยนตร์ ว่าแสดงบทบาทเย้ยดาราฝรั่งใน "ตุ๊กตาจ๋า" คอยดู..หนูจ๋า-หนูจ๋า (ที่มา: นิตยสารข่าวภาพยนตร์ เมษายน พ.ศ. 2497)

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ