เหนือน้ำใจ (2511)
เหนือน้ำใจ (2511/1968) ข้อความบนใบปิด นครพิงค์ภาพยนตร์ เสนอ เหนือน้ำใจ...เหนือสิ่งใด...น้ำใจญาติ...น้ำใจเพื่อน น้ำใจฟ้า น้ำใจดิน ยังรางเลือน ไม่แน่เหมือน น้ำใจแท้ ของแม่เรา ใจแม่นั้น สูงกว่าฟ้า มีค่ากว่าเพชร ยามถูกลูกเด็ดดวงใจ แม่สู้ทนไว้เพื่อถนอมน้ำใจลูก โอ้...แม่จ๋า ลูกขอบูชาน้ำใจแม่... เหนือน้ำใจ ของ...หญิงนันทาวดี นำโดย สมบัติ เมทะนี เพชรา เชาวราษฎร์ ชนะ ศรีอุบล รุจน์ รณภพ, ปรียา รุ่งเรือง, เมตตา รุ่งรัตน์, แก่นใจ มีนะกนิษฐ์, ขอใจ ฤทัยประชา, สิงห์ มิลินทราศัย, มนัส บุณยเกียรติ, มาลี เวชประเสริฐ, สัมพันธ์, ชาญ กัมปนาท, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, ดาวน้อย ดวงใหญ่, หม่อมชั้น พวงวัน, ชื้นแฉะ, ปราณีต คุ้มเดช และดาราตุ๊กตาเงิน ปนัดดา กัลย์จาฤก นำท่านมาพบกับ พัชนี อุรารักษ์ แม่คนใหม่แห่งจอเงิน กมลวรรณ วิเศษประภา อำนวยการสร้าง เทวินทร์ สุขศิลา ถ่ายภาพ ส.คราประยูร กำกับการแสดง จากละครวิทยุ แก้วฟ้า พรานบูรพ์ สร้างบท บริษัทเอกรัตน์ จัดจำหน่าย
บ้าบิ่นบินเดี่ยว (2510)
บ้าบิ่นบินเดี่ยว (2510/1967) สมบัติ-ภาวนา ข้อความบนใบปิด สะท้านภาพยนตร์ ขอเสนอ บ้าบิ่นบินเดี่ยว ของ มรกต กำชัย นวนิยายชีวิตของลูกผู้ชาย ซึ่งเกิดมาไม่รู้จักคำว่า “แพ้” และลูกผู้หญิงแก่นแก้ว เกิดมาไม่กลัวใคร...! นำโดย สมบัติ เมทะนี ภาวนา ชนะจิต ทักษิณ แจ่มผล, เมตตา รุ่งรัตน์, ประจวบ ฤกษ์ยามดี สมชาย จันทวังโส ถ่ายภาพ ประทีป โกมลภิส กำกับการแสดง สะท้าน เทพบัญชา อำนวยการสร้าง เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
สุดแผ่นดิน (2510)
สุดแผ่นดิน (2510/1967) ข้อความบนใบปิด นครพิงค์ภาพยนตร์ เสนอ... เมื่อเป็นชายต้องไว้ลายชาติชายของตน ไม่ว่าใครใหญ่ที่ไหนมา ให้ศักดาสูงเทียมฟ้า ขอท้าทั่วปฐพี ถ้ามันเหลือทนคนย่ำยี ต้องราวีจน... สุดแผ่นดิน บทประพันธ์ของ...”ดอกฟ้า” จากละครวิทยุยอดฮิตของคณะ...”213” สมบัติ เมทะนี เพชรา เชาวราษฎร์ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์, อรสา อิศรางกูร, รุจน์ รณภพ, นาวิน เทพโยธี (มานพ อัศวเทพ), สิงห์ มิลินทราศัย, ชาณีย์ ยอดชัย, ไสล พูนชัย, มาลี เวชประเสริฐ, บุษกร สาครรัตน์ นำ 34 ดารามาพบกับท่าน! กมลวรรณ-สรรเพชญ อำนวยการสร้าง เทวินทร์ สุขศิลา ถ่ายภาพ ส.คราประยูร กำกับการแสดง เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
7 พระกาฬ (2510)
7 พระกาฬ (2510/1967) รถบรรทุกผู้ต้องหาฉกรรจ์จากหล่มสักจะไปพิษณุโลก เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนไหล่เขา แรงกระแทกของตัวรถกับฟื้นทำให้ประตูรถตู้หลุดออดเป็นกระบิ สารวัตรชาญชัยผู้คุมมากับรถได้รับบาดเจ็บจนสงบ ส่วน 7 ผู้ต้องหาถือโอกาสหลบหนีเข้าป่าจนหมดสิ้นนี่คือที่มาของ 7 พระกาฬ เมื่อขบวนรถไฟ จากพิษณุโลกเข้าเทียบสถานีลำปาง หาญ เมืองทอง ผู้ช่อนตัวมากับตู้รถสินค้าก็กระโดดลง พระกาฬคนแรกเกิดที่อำเภอวังเหนือในจังหวัดนี้ หาญแวะไปหาอาหารกินที่ร้าน อาหารใต้โรงแรมอนุโรจน์ที่นั่น หาญเกิดเรื่องขึ้นกับนักเลง 3 คน มีคร้ามนักเลงมืดเป็นหัวหน้า เขากล่อมสมุนของคร้ามสองคน เงียบในชั่วครู่ คร้ามเองถูกหาญกด หัวลงกับเตาไฟจนหน้าตา พองไหม้ไปหมด และคืนนั้นหาญก็ประกาศศักดาพระกาฬด้วยการพักที่โรงแรมนั่นเอง บุญมี แม่นฉมวก อาศัยรถโกดังมาลำปาง มือปืนจากแพร่เข้ารายงานให้พ่อเลี้ยงแสน ผู้เป็นเจ้านายทราบ เรื่องที่ถูกจับ พ่อเลี้ยงแสนจึงแนะนำให้บุญมีไปเก็บตัวอยู่เสียที่ค่ายพักป่าไม้ที่อำเภอวังเหนือ คร้ามซึ่งเป็นคนของพ่อเลี้ยงแสน กลับมาเล่าเรื่องที่พลาดท่าหาญมา พ่อเลี้ยงจำหาญได้ สมัยหนึ่งพระกาฬคนนั้นเคยรับจ้างพ่อเลี้ยง คุมคาราวาน ฝิ่น ล่องใต้ เหิมพ่อของหาญนำกำลังตำรวจเข้าสกัดจับ ฝิ่นที่หาญคุมมา หาญไม่รู้ผู้นำจับคนนั้นคือพ่อของเขา เขาสู้และยิงผู้ใหญ่เหิมบาดเจ็บจากนั้นหาญก็หายไปจากลำปาง ก่อนจากไปหาญยิงอินตาน้องชายของพ่อเลี้ยงแสนตายจึงทำให้พ่อเลี้ยงพยาบาทหาญนัก แต่หาญหายไปเกือบสิบปี การกลับมาของหาญทำให้พ่อเลี้ยงแสนวางแผน จะเก็บเงียบหาญให้ได้บุญมีช่วยพ่อเลี้ยงวางแผนพิฆาตหาญอย่างรัดกุม โดยให้ดาวร้าย พร ศรีชุม เป็นคนไปจัดการตามแผนเก็บหาญที่โรงแรม แต่แผนของบุญมี พลาด เพราะทองใบ บางเบิด ทองใบ บางเบิด ซึ่งมาจากคณะลิเกได้ยินสมุนของพ่อเลี้ยงพูดถึงแผนการฆ่าหาญ ทองใบซ้อนแผนของบุญมี ช่วยหาญออกมาจากความตายได้อย่างหวุดหวิด หาญจึงชวนอดีตพระเอกลิเกไปเที่ยวบ้านของตนที่วังเหนือด้วยลิเกผู้หาวิเล่นไม่ได้กำลังถังแตกก็ตกลง ดามพ์ ดัสกร ขโมยรถเก๋งของผู้พิพากษาพิษณุโลกขึ้นเหนือ ที่ด่านตำรวจอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง รถของเสี่ยมังกรซึ่งกลับจากกรุงเทพฯ ถูกกักที่ด่าน เนื่องจากตำรวจกำลังปิดถนนเพื่อสกัดจับรถขโมย ดามพ์มาถึงและใช้ความบ้าบิ่นขับรถพุ่งเข้าชนเครื่อง กีด ขวาง พังทลาย พระกาฬฝ่าตำรวจออกไปได้ และทิ้งรถหนีเตลิดเปิดเปิงเข้าป่าไปจนรุ่งเช้าดามพ์จึงขออาศัยรถลากไม้ในป่า เข้ามาในเมืองปรากฎว่ารถลากไม้เป็นของเสี่ยมังกร ผู้ทรงอิทธิพลในทางค้าไม้เถื่อน เสี่ยมังกรจำได้ว่าดามพ์เป็นผู้ร้ายที่ขับรถหนีตำรวจตอนที่ตนติดด่าน เขาพอใจในความบ้าบิ่นและความฉลาดมีไหวพริบของดามพ์มาก จึงชวนไปทำงานด้วย ดามพ์ตกลง เสี่ยมังกรจึงชวนไปวังเหนือด้วยกัน ที่วังเหนือ หาญเมืองทอง ไปหาพ่อที่บ้าน เขาพบแต่คำหอมน้องสาวคนเดียวส่วนผู้ใหญ่เหิน ซึ่งบัดนี้เป็น กำนัน แล้วไปที่ตลาด กำนันเหินถูกพวกป่าไม้ของพ่อเลี้ยงแสนห้าหกคน รวนที่ร้านเหล้า จนเกิดเรื่องขึ้นเสือเก่าพ่อของหาญถูกรุมซ้อมจนทองใบ บางเบิด ซึ่งนั่งดูเหตุการณ์ดูไม่ได้ พระเอกลิเกเข้าช่วยกำนันเหิน แต่พวกนักเลงป่าไม้มีมากกว่า ทองใบจึงตึกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ขณะนั้นรถของเสี่ยมังกรพาดามพ์มาถึงวังเหนือพอดี ดามพ์จำสหายในห้องขังได้ก็เข้าช่วย หาญมาทันเหตุการณ์ พอดีจึงเข้าตลุมบอนศัตรูของพ่อสามเสือ หมอบนักเลงป่าลงอย่างราบคราบและเริ่มมีจิตเป็นมิตรกันมาแต่นั้นมา กำนันเหินไม่ยอม ให้อภัยหาญในเรื่องอดีตเมื่อครั้งถูกยิง และประกาศไม่ให้หาญเข้าบ้าน แม้ว่าคำหอมลูกสาวจะขอร้องสักเท่าไหร่ก็ตาม เสี่ยมังกรขอบใจฝีมือหาญกับทองใบ เขาชวนทั้งสองไปเที่ยวที่ค่ายพักป่าไม้บนเขา แต่เมื่อหาญกับทองใบไปถึงทั้งสองกับถูกพ่อเลี้ยงล้อมยิงจนหาญได้รับบาดเจ็บทองใบพาหาญหนีออกจากเขามาได้ สองเสือไปพักที่บ้านของพลอยและแพรสองแม่ลูกที่อยู่ในดงสาวแพรเอาใจใส่ดูแลแผลของ หาญอย่างดีพร้อมกับเด็กสาวก็แอบรักหาญเข้าหัวใจ มืด ธรณีมาลำปางวันแรกก็ทำตัวเป็นพ่อเลี้ยงใหญ่ สั่งอาหารอย่างดีมากินจนอิ่มแล้วก็เผ่นหนี เพราะไม่มีเงินจ่ายเขา พบกับบุญมีที่วังเหนือจึงชวนยักษ์มีดไปอยู่กับพ่อเลี้ยงแสนด้วย คม คันศร เผ่นจากรถตู้ หนีเข้าป่ามาพิษณุโลก คืนนั้นคมเล่นไพ่ในบ่อนจนเกิดเรื่องกับเจ้าเมือง เพราะต่างคนต่างโกง คมเกือบถูกล้อมกรอบพอดีตำรวจมา คมอาศัยความว่องไวหนีเข้าไปในบ้านของสร้อย ซึ่งเป็นลูกสาวของพ่อเลี้ยงแสน สร้อยพอใจคมจึงชวนคมไปวังเหนือเพื่อร่วมงานกับพ่อ ของสร้อย หาญเก็บตัวเป็นเสือลำปางอยู่พักหนึ่งเมื่อหายดี ก็คิดล้างแค้นโดยมีทองใบเคียงข้างคืนนั้นที่วังเหนือ ภายในบ่อนการพนันของพ่อเลี้ยงแสน จึงเป็นที่รวมของ 6 พระกาฬอย่างบังเอิญ บ่อนแตกพระกาฬทั้ง 6 คุมเชิงกัน ดาม ดัสกร ยิงไฟดับจึงทำให้พระกาฬทั้งหลายแหวกวงล้อมไปได้ พยัคฆ์ ศักดิ์นารายณ์ พระกาฬคนที่ 7 มาวังเหนือเป็นคนสุดท้ายตามแผนนายอนันต์นายใหญ่ของพ่อเลี้ยงแสน เปิดฉากปล้นบ้านกำนันเหินและฉุกคำหอมไป เพื่อล่อตัวหาญเข้าไปเป็นพวก เพราะนายอนันต์ต้องการให้เจ็ดพระกาฬทำงานให้ หาญยอมจำนนรับทำงานให้กับนายอนันต์ 7 พระกาฬถูกนำตัวไปเชียงราย ขณะเดียวกันทางการได้ส่งสารวัตรชาญมาภาคเหนือ เพื่อทำงานประสานกับคนของกรมสืบราชการลับ ที่ถูกส่งมาก่อนแล้วชาญชัยมาถึงเชียงราย ไปดักพบพยัคฆ์ที่ช่องนางโลม เมื่อพยัคฆ์มาก็เกิดยิงกับชาญชัยขึ้นพยัคฆ์เป็นฝ่ายถอย ชาญชัยจับนักเลงปืนชื่อดังได้ ชื่อฝัง ฝังเป็นคนของสิงห์ ไกรศร สิงห์เป็นมือขวาของนายอนันต์ ชาญชัยรู้ว่าฝังทำงานกับพวกก่อการร้าย เขาต้องการให้ฝังสารภาพ แต่เมื่อเขาพาฝังออกมาถึงถนน สิงห์นักฆ่าผู้เหี้ยมโหด ก็ขับรถเข้าชนฝังตายก่อนที่มันจะเปิดปากบอกความจริงกับตำรวจ ดามพ์ ดัสกรแท้จริงเป็นของกรมสืบราชการลับ ใช้รหัสติดต่อกับชาญชัยในไนท์คลับแห่งหนึ่ง ดามพ์ส่งข่าวให้ชาญชัยรู้ว่าจะมีการขนอาวุธเถื่อนครั้งใหญ่ จากลำปางมาเชียงรายโดยรถขนอาวุธ 4 คันผ่านสะพานข้ามแม่น้ำตอนดึกวันรุ่งขึ้น ชาญชัยนำตำรวจออกสกัดจับรถขนอาวุธ ทั้งหมดถูกล้อมบนสพานคมกับสิงห์นำขบวนฝ่าวงล้อมตำรวจคันที่คมขับฝ่าได้ คันต่อมาเป็นรถอาวุธที่มีพยัคฆ์นั่งคุมเดชเป็นคนขับถูกรถตำรวจกั้นพยัคฆ์ใช้ปืนยิงตำรวจก่อน ตำรวจยิงตอบถูกคนขับอาวุธจึงพุ่งชนปั้มน้ำมันข้างทางแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี พระกาฬคนที่ 7 สิ้นเสียแล้ว พระกาฬที่เหลือเผ่นหนีกันไปคนละทางดามพ์ กับ สร้อยพุ่งหลาวลงแม่น้ำไปตามกระแสเชี่ยวหายไปในความมืดความล้มเหลวครั้งนี้ทำให้นายใหญ่เดือดแค้นมาก พระกาฬสบักสบอมกลับมาถูกส่งไปค่ายชายแดนแม่สายทันทีที่นั่นดามพ์ สังเกตเห็นนายใหญ่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปชายแดนเสมอ และขณะเดียวกันนั้นชาญชัยก็ถูกนางนกต่อของนายใหญ่ชื่อ รสริน รมยาสลบเมื่อได้สติเขาก็ถูกเคียว ครคาราเต้ชาวญี่ปุ่นซ้อมก่อนจะนำตัวมาค่ายใหญ่ คืนหนึ่งดามพ์ลอบเข้าไปในกองบัญชาการเพื่อค้นหาความลับเขากลับได้พบว่ามีบุรุษลึกลับผู้หนึ่งลอบเข้าไปทำงานเช่นเดียวกับเขาหมอนั่นถ่ายภาพเอกสารสำคัญในเซฟ ดามพ์มารู้ภายหลังว่าบุรุษผู้นั้นคือ คม คันศรนั่นเอง  
นางนวล (2510)
นางนวล (2510/1967) ข้อความบนใบปิด กฤษดาภาพยนตร์ เสนอ ยอดวีรบุรุษแห่งราชนาวี ที่ใคร-ใครเรียกว่า “สิงห์หัวเห็ด” ผู้เผด็จทั่วเจ็ดย่านน้ำ นางนวล ของ อ้อย อัจฉริยกร มิตร ชัยบัญชา เพชรา เชาวราษฎร์ ร่วมด้วย ทักษิณ แจ่มผล, อรสา อิศรากูร, อดุลย์ ดุลยรัตน์, อนุชา รัตนมาลย์, ชุมพร เทพพิทักษ์, แก่นใจ มีนะกนิษฐ์, ชนินทร์ นฤปกรณ์, ถวัลย์ คีรีวัต, ปิ่นนเรศ ศรีนาคาร, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, ประเสริฐ, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, สีเทา, วาที, ชูศักดิ์ และขอแนะนำดาวรุ่งดวงใหม่ ระวิวรรณ พรรณราย ธีระ แอคะรัจน์ ถ่ายภาพ จันทร์รอน กฤษฎา อำนวยการสร้าง รังสี ทัศนพยัคฆ์ กำกับการแสดง สีเทา ดำเนินงานสร้าง เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
สิงห์สันติภาพ (2509)
สิงห์สันติภาพ (2509/1966) ข้อความบนใบปิด หนังบู๊ต้องดู ลือชัย หนังใหญ่ต้อง...นฤชาภาพยนตร์ สิงห์สันติภาพ ของ ส.เนาวราช ลือชัย นฤนาท โสภา สถาพร เมตตา รุ่งรัตน์ ทม วิศวชาติ เชาว์ แคล่วคล่อง, อัญชนา วงศ์เกษม, สุดเฉลียว เกตุผล, สาหัส บุญหลง, ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, อดินันท์ สิงห์หิรัญ, ทานทัต วิภาตะโยธิน, สมพล กงสุวรรณ, ชูเตี้ย, บู๊ วิบูลย์นันท์, ทูล, เทียว ธารา, ทศ วงศ์งาม, วงศ์ ศรีสวัสดิ์, สมพงษ์ พงษ์มิตร, พูนสวัสดิ์ ธีมากร ประกอบ แก้วประเสริฐ กำกับการแสดง สานิต-สล้าง ศราภัย ถ่ายภาพ นฤชา จิตรีขันธ์ อำนวยการสร้าง โชติมา จิตรีขันธ์ ประชาสัมพันธ์
เกล้าฟ้า (2509)
เกล้าฟ้า (2509/1966) ยอดนวนิยายแห่งความลึกลับ มหัศจรรย์ จากบทประพันธ์ของ...เครื่องหมายคำถามคู่ จากละครวิทยุของ...คณะแก้วฟ้า ร่วมกันให้เป็นภาพยนตร์ที่พิเศษ วิเศษจริงๆ เกล้าฟ้า ใน หุบผาสวรรค์ เจ้าแววดาว (เมตตา รุ่งรัตน์) แห่งเวียงนกยูงซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีนิสัยโหดร้ายจนกระทั่งเจ้าแสงคำ (รุจน์ รณภพ) ผู้เป็นสวามีทนไม่ได้จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และไม่กลับเวียงนกยูงอีกจนกระทั่งสิ้นชีวิต ทำให้เจ้าแววดาวเสียใจและแค้นใจมาก จึงได้เลี้ยงดูเจ้ารุ่งฟ้า (อดุลย์ ดุลยรัตน์) ผู้เป็นบุตรชายด้วยความเข้มงวด และต่อมาได้ส่งเจ้ารุ่งฟ้าไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่ฝรั่งเศสเจ้ารุ่งฟ้าได้พบรักและแต่งงานกับมาเรีย (ปริม ประภาพร) หญิงสาวชาวฝรั่งเศส เมื่อศึกษาจบแล้วเจ้ารุ่งฟ้าจึงพามาเรียกลับมายังเวียงนกยูง เจ้าแววดาวไม่พอใจมากและระบายออกมาด้วยการทารุณบ่าวไพร่ในเวียง จนกระทั่งมาเรียตั้งท้อง แต่เจ้ารุ่งฟ้าต้องเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อทำงานราชการตามที่ได้เรียนมา เจ้าแววดาวทำทารุณกับมาเรียและบ่าวไพร่ จนมาเรียซึ่งกำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอดตัดสินใจหนีออกมาจากเวียงนกยูงพร้อมกับหมอโจเซฟซึ่งเป็นผู้ดูแลครรภ์ของเธอ ทั้งสองเดินทางข้ามไปฝั่งประเทศลาว มาเรียคลอดบุตรออกมาและตั้งชื่อตามที่เจ้ารุ่งฟ้าตั้งเอาไว้ว่า "เกล้าฟ้า" ต่อมามาเรียได้แต่งงานกับหมอโจเซฟและได้เลี้ยงดูเกล้าฟ้าจนเติบใหญ่ เมื่อมาเรียหนีออกจากเวียงนกยูง เจ้าแววดาวได้ส่งข่าวให้เจ้ารุ่งฟ้าว่ามาเรียหนีตามชู้ ทำให้เจ้ารุ่งฟ้าเสียใจไม่ยอมเดินทางกลับเวียงนกยูง ทำให้เจ้าแววดาวเสียใจมาก และผูกอาฆาตผู้ชายทุกคนจนกระทั่งเสียชีวิต และได้สั่งให้บริวารนำร่างของตนไปซ่อนไว้ในถ้ำลับ แต่วิญญาณของเจ้าแววดาวยังคงสิงสถิตย์อยู่ที่เวียงนกยูง และหลอกหลอนผู้คนจนเป็นที่หวาดกลัวจนทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เวียงนกยูง เกล้าฟ้า (โสภา สถาพร) อายุได้ 19 ปี เติบโตเป็นสาวสวยและมีความห้าวหาญ จึงมักปลอมตัวเป็นผู้ชายมารับจ้างขับรถม้ารับส่งผู้โดยสารที่หน้าสถานีรถไฟลำปาง โดยใช้ชื่อว่า "สวย" ทุกคืนวัน 15 ค่ำ วิญญาณของเจ้าแววดาวจะมีฤทธิ์แข็งกล้ามากจึงสกดจิตให้เกล้าฟ้านำผู้โดยสารที่เป็นผู้ชายมายังเวียงนกยูง เพื่อเอาชีวิตมาสังเวยเจ้าแววดาว เหตุการณ์เกิดขึ้นหลายครั้งจน ร.ต.ท.วัชระ (สมบัติ เมทะนี) เข้ามาสอบสวนคดี โดยมีเกียรติ (รุจน์ รณภพ) หัวหน้าสถานีรถไฟคอยให้ความช่วยเหลือ เกียรติค้นพบเส้นทางเข้าเวียงนกยูง เมื่อเข้าไปในเวียงแล้วก็พบเจ้าแววดาวในสภาพที่งดงาม เจ้าแววดาวรู้ว่าเกียรติคือเจ้าแสงคำกลับชาติมาเกิดจึงกักตัวเอาไว้ และทำให้เกียรติกลายเป็นคนเสียสติ ขณะเดียวกับที่เจ้ารุ่งฟ้าตัดสินใจเดินทางกลับเวียงนกยูงเพื่อสืบหาลูกของตน ส่วนวัชระก็ติดตามหาเกียรติจนกระทั่งหลงเข้าไปถ้ำที่เก็บร่างของเจ้าแววดาว แต่ก็ถูกเกียรติที่เสียสติทำร้ายจนบาดเจ็บ เกล้าฟ้าในสภาพสาวสวยได้ช่วยชีวิตเอาไว้ และดูแลรักษาจนกระทั่งหายเจ็บ ทั้งสองได้สารภาพรักต่อกัน ในที่สุดเกียรติพลาดตกหน้าผาเสียชีวิต ดวงวิญญาณระลึกได้ว่าตนเองคือเจ้าแสงคำในอดีตจึงขอโทษต่อดวงวิญญาณของเจ้าแววดาว จนเจ้าแววดาวสิ้นความอาฆาต ดวงวิญญาณของทั้งสองจึงสลายไป มาเรียติดตามมาหาเกล้าฟ้าจึงพบกับเจ้ารุ่งฟ้า ทำให้เจ้ารุ่งฟ้าได้ทราบความจริงว่าเกล้าฟ้าคือลูกของตน ขณะที่เจ้ารุ่งฟ้าก็สำนึกในความผิดของตนที่ทอดทิ้งมาเรียกับลูกไปจึงยินยอมให้มาเรียอยู่กับหมอโจเซฟต่อไป และวัชระก็ได้ทราบความจริงว่า "สวย" และ "เกล้าฟ้า" คือคนเดียวกัน ในที่สุดวัชระกับเกล้าฟ้าก็ได้แต่งงานครองคู่กัน
เกิดเป็นหงส์ (2509)
เกิดเป็นหงส์ (2509/1966) ทิว บรรณา (มิตร ชัยบัญชา) เป็นผู้ดูแลไร่บรรณาในศรีราชา เขาเป็นแค่ผู้จัดการทั้งที่ไร่นี้แต่เดิมเป็นของพ่อของเขาแต่ถูก เทพ บรรณา (อดุลย์ ดุลยรัตน์) ผู้เป็นอาโกงเอาไป เท่านั้นยังไม่พอเทพยังได้ พวงทอง (บุษกร สาครรัตน์) และผ่องศรี (ปริม ประภาพร) พี่สาวของทิวไปเป็นภรรยาอีกด้วย จากนั้นเทพก็ได้ ขวัญตา (เอื้อมเดือน อัษฎา) คนรักของทิวไปเป็นภรรยาอีกคน ทิวจึงต้องเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจ ทิวได้พบกับ มจ.มารศรีโสรัจ กฤตยา (เพชรา เชาวราษฎร์) โดยบังเอิญที่ศรีราชา จากนั้นทั้งคู่ก็สนิทสนมกัน โดยที่ทิวไม่รู้เลยว่าเทพอาของเขาก็หมายปอง มจ.หญิง ผู้นี้มาเป็นภรรยาคนใหม่ แม้ว่าจะมีชาติตระกูลสูง แต่ฐานะทางการเงินของ มจ.หญิงกลับไม่ดีนัก พระบิดาของเธอเป็นหนี้อยู่จำนวนมาก เมื่อพระบิดาสิ้นลงด้วยอุบัติเหตุ มจ.หญิงจึงต้องยอมไปทำงานในไร่ของเทพ และเทพก็ประกาศให้ทุกคนในไร่รู้ว่า มจ.หญิงผู้นี้จะมาเป็นภรรยาคนใหม่ของเขาโดยที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่ทราบเรื่อง ขวัญตาแอบลักลอบเป็นชู้กับวิวัฒน์ (ประจวบ ฤกษ์ยามดี) ลูกน้องของทิวจนตั้งท้อง เมื่อความแตกวิวัฒน์หนีไปขวัญตาจึงอ้างว่าทิวเป็นพ่อของเด็กในท้อง ทิวเองก็ไม่ปฏิเสธ เมื่อ มจ.หญิงมาถึงไร่และพบว่าทิวเองมีภรรยาอยู่แล้วคือขวัญตาจึงไม่พอใจ ในขณะที่ทิวเองก็มองว่า มจ.หญิงนั้นเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงินจึงยอมแต่งงานกับเทพ ทิวลักพาตัว มจ.หญิงไปเพื่อพูดคุยและรู้ความจริงว่า มจ.หญิงไม่ได้รักเทพเช่นเดียวกับเธอก็พบว่าทิวไม่เคยมีอะไรกับขวัญตา แม้ทั้งสองจะปรับความเข้าใจกันได้ เทพก็กำลังเดินทางมาเพื่อจัดการกับทิว แต่ขณะที่เทพกำลังจะทำร้ายทิว พวงทองซึ่งเก็บความคับแค้นอยู่ในใจตลอดมาจึงยิงเทพเสียเอง ก่อนที่เทพจะสิ้นใจก็สำนึกผิดขออโหสิกรรมต่อทุกคน
มือนาง (2509)
มือนาง (2509/1966) หมอดนัย (อดุลย์ ดุลยรัตน์) แต่งงานกับ ทิพวรรณ (บุศรา นฤมิตร) มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนอายุประมาณ 7 ขวบ ชื่อ เมษยา วันหนึ่งหมอดนัยขับรถจะพาภรรยาและลูกไปเยี่ยมแม่ของดนัย รถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนเขาทำให้ทิพวรรณซึ่งนั่งคู่ไปกับหมอดนัยเสียชีวิตทันที และกระจกยังบาดที่ข้อมือทิพวรรณจนมือขาดกระเด็นไป หมอดนัย และเมษยาบาดเจ็บเล็กน้อย หมอดนัยเสียใจมากที่สุดเพราะรักทิพวรรณมากแต่เธอต้องมาตายจากไปเพราะความผิดพลาดของเขาเอง ก่อนที่ตำรวจจะมาพลิกศพ หมอดนัยเห็นมือของทิพวรรณที่ขาดกระเด็นไป นิ้วมือกระดิกได้ เขาคิดว่าจะใช้ความรู้ทางการแพทย์ทำให้มือของทิพวรรณที่ขาดออกจากร่างไม่เน่าไม่เปื่อย เขาจะเก็บมือของทิพวรรณไว้แทนตัวทิพวรรณในยามคิดถึง หมอดนัยได้นำมือของทิพวรรณมาเก็บไว้ในบ้าน โดยใส่ตู้กระจกไว้ในที่ที่ลับตา วิญญาณของทิพวรรณยังคงวนเวียนอยู่ในบ้านเพราะเป็นห่วงลูกมาก ต่อมา ภารดา (ชฎาพร วชิระปราณี) เพื่อนของทิพวรรณได้มาตีสนิทหมอดนัยและแสดงท่าทีรักใคร่เมษยา ในที่สุดหมอดนัยก็ตัดสินใจแต่งงานกับภารดาเพราะเห็นว่าเธอรักเมษยาเหมือนลูก หลังจากแต่งงานกับหมดดนัยแล้วภารดาก็แสดงธาติแท้ออกมา ด้วยการข่มเหงเมษยาจนวิญญาณของทิพวรรณทนไม่ได้ ทุกครั้งที่วิญญาณของทิพวรรณปกป้องลูก มือที่อยู่ในตู้กระจกซึ่งหมอดนัยซ่อนไว้ก็จะกระดิกได้ คุณนายชื่นวรรณ (กัณทรีย์ นาคประภา) แม่ของภารดาสั่งให้คนขับรถเอาด้ายสายสิญจน์ลงอาคมพันมือของทิพวรรณแล้วเอามือของทิพวรรณไปทิ้งในที่เปลี่ยวรกร้าง หมอดนัยทราบเรื่องก็ออกตามหามือของทิพวรรณจนพบ หมอดนัยตัดปัญหาระหว่างลูกกับภรรยาใหม่ด้วยการซื้อที่ดินติดกับรั้วบ้านปลูกบ้านใหม่ให้เมษยาอยู่ เมษยาโตเป็นสาว (เพชรา เชาวราษฎร์) ลูกของภารดาที่เกิดกับหมอดนัยหนึ่งคนก็เป็นสาวแรกรุ่นชื่อ มุตา (เยาวเรศ นิสากร) มีนิสัยเหมือนภารดาผู้เป็นแม่ทุกอย่าง ขณะที่ภีมภพ (มิตร ชัยบัญชา) ได้มางานวันเกิดของภารดา ภีมภพแสดงท่าทีสนใจเมษยา ทำให้ภารดาโกรธแค้นมาก เพราะหมายตาจะให้มุตาแต่งงานกับภีมภพเพราะพ่อของภีมภพมีฐานะดี คุณนายชื่นวรรณ ภารดา มุตาปรึกษาวางแผนจ้างคนฉุดเมษยาไปทำลาย แต่วิญญาณของทิพวรรณและภีมภพตามไปช่วยไว้ทัน ทิพวรรณโกรธแค้นมากจึงอาละวาดอย่างหนักจนคุณนายชื่นวรรณ ภารดาและมุตาต้องประสบเคราะห์กรรมตามสนองทุกคน ในที่สุดภีมภพกับเมษยาก็เปิดใจถึงความรู้สึกที่มีต่อกัน
ในม่านเมฆ (2509)
ในม่านเมฆ (2509/1966) ข้อความบนใบปิด จุฬาโลกภาพยนตร์ ใครๆก็คอยน้องทราย จากละครวิทยุของคณะ แก้วฟ้า ในม่านเมฆ ของ บุษยมาส นำโดย พิศมัย วิไลศักดิ์ สมบัติ เมทะนี อดุลย์ ดุลยรัตน์, ขวัญใจ สะอาดรักษ์, แก่นใจ มีนะกนิษฐ์, ทักษิณ แจ่มผล, รุจน์ รณภพ, ปรียา รุ่งเรือง, อนุชา รัตนมาลย์ และพบกับสามดาวตลก ชูศรี โรจนประดิษฐ์, สมพงษ์ พงษ์มิตร, ล้อต๊อก ศรินทิพย์ ศิริวรรณ, วิชิต ไวงาน, สมศรี, วงศ์ ศรีสวัสดิ์, กอบกูล ฯลฯ สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ ที่ปรึกษาและอุปการะ พันคำ กำกับการแสดง นิวัติ สิมะกริชษานนท์ อำนวยการสร้าง ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
น้ำค้าง (2509)
น้ำค้าง (2509/1966) น้ำค้าง เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2509 เป็นผลงานการกำกับของ ส.อาสนจินดา โดยมี ชุดา เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา เป็นผู้อำนวยการสร้าง ถ่ายภาพโดย ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์-วินิจ ภักดีวิจิตร สร้างฉากโดย อุไร ศิริสมบัติ และจัดจำหน่ายโดยบริษัทเอกรัตน์จำกัด
กาเหว่า (2509)
กาเหว่า (2509/1966) ข้อความบนใบปิด ศิรินทราภาพยนตร์ สร้าง แก้วฟ้า-ดอกดิน ภูมิใจเสนอ กาเหว่า ของ อ้อย อัจฉริยกร มิตร ชัยบัญชา โสภา สถาพร นำขบวนดาราประชันกันอย่างคับคั่ง อดุลย์ ดุลยรัตน์, ทักษิณ แจ่มผล, อรสา อิศรางกูร, ธานินทร์ อินทรเทพ, บุษกร สาครรัตน์, ชฎาพร วชิรปราณี, อภิญญา วีระขจร, น้ำเงิน บุญหนัก, สมจิตร ทรัพย์สำรวย, สุวิน สว่างรัตน์, สิงห์ มิลินทราศัย, ทานทัต วิภาตะโยธิน, เทีนว ธารา, พรชัย และ ธัญญา ธัญญารักษ์ พรั่งพร้อมด้วยสามดาวตลกชื่อดัง ล้อต๊อก, ดาวน้อย ดวงใหญ่ และ ดอกดินตัวดำๆ ครั้งแรก ครั้งสำคัญ ที่คุณจะได้พบบทบาทประทับใจ จากสองดาวเสียงชื่อดังละครวิทยุคณะ “แก้วฟ้า” วิเชียร นีลิกานนท์ จีราภา ปัญจศิลป์ สุคนธ์ มงคลฤทธิ์ อำนวยการสร้าง สมาน ทองทรัพย์สิน ถ่ายภาพ ณรงค์ ภูมินทร์ ดำเนินงาน ดอกดิน กัญญามาลย์ กำกับการแสดง เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
บัวน้อย (2508)
บัวน้อย (2508/1965) ข้อความบนใบปิด ชัยรัตนาภาพยนตร์ เสนอ บัวน้อย จากเค้าโครงเดิม “หนองสาหร่าย” ของ ทวิช ทวัชชัย นำโดย ไชยา สุริยัน ภาวนา ชนะจิต สมจิตร ทรัพย์สำรวย, อดุลย์ ดุลยรัตน์, แก่นใจ มีนะกนิษฐ์ ร่วมด้วย วิชิต ไวงาน, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, ถวัลย์ คีรีวัตร, มนัส บุณยเกียรติ, แป๊ะอ้วน, แคหลอ, ปราณีต คุ้มเดช, ด.ญ.วาสนา ทวัชชัย พันคำ-พรรณราย ร่วมกำกับ ธงชัย ศรีเสรี อำนวยการสร้าง เอกรัตน์ จัดจำหน่าย
วีรบุรุษเมืองใต้ (2508) วีระบุรุษเมืองใต้ (2508)

วีรบุรุษเมืองใต้ (2508/1965) วีรบุรุษเมืองใต้ เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2508 สร้างโดย พันธมิตรภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย วิเชียร วีระโชติ และจัดจำหน่ายโดยบริษัทเอกรัตน์จำกัด

ฆ่ายัดกล่อง (2508)
ฆ่ายัดกล่อง (2508/1965) ครูคำรณ (คำรณ สัมบุณณานนท์) อดีตนักร้องที่ตกรุ่นไปแล้ว ต่อมาเมื่อหลานชายคือ จรินทร์ (กิติกร สุนทรปักษิน) เดินทางมาอาศัยอยู่ด้วย ครูคำรณจึงแต่งเพลงให้จรินทร์ร้อง เมื่อจรินทร์ได้เป็นนักร้องดังมีชื่อเสียง จรินทร์ก็พากิมลั้ง (ปริม ประภาพร) ลูกสาวเถ้าแก่ขายก๊วยจั๊บหนีไปอยู่ด้วยกัน สร้างความผิดหวังให้แก่ครูคำรณเป็นอย่างมาก จรินทร์มีชื่อเสียงได้ไม่นานก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะแอบไปมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับเตือนใจ (แก่นใจ มีนะกนิษฐ์) เด็กของนายห้างแผ่นเสียงที่ตนทำงานอยู่ด้วย จึงถูกเฉกหัวออกจากค่ายเพลง เมื่อชีวิตตกต่ำ จรินทร์ก็ย้อนกลับไปคืนดีกับกิมลั้ง สัญญาว่า จะเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ แต่ระหว่างที่จรินทร์กำลังหางานทำอยู่นั้น กิมลั้งเกิดแท้งลูก ต้องผ่าตัดและจำเป็นจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก จรินทร์ไม่รู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนไปจ่ายค่าโรงพยาบาล จึงจับลูกชายเสี่ยร้านขายยาไปเรียกค่าไถ่ แต่เกิดการต่อสู้กัน จรินทร์พลั้งมือฆ่าเหยื่อตาย จึงหั่นศพใส่ลังกระดาษไปซุกไว้ในโบกี้รถไฟ ต่อมาตำรวจสืบได้ว่า จรินทร์เป็นคนร้าย จรินทร์จึงหนีไปหาหลวงพ่อในถ้ำที่ราชบุรีเพื่อหวังจะบวชล้างบาป แต่ตำรวจ ครูคำรณ กิมลั้ง ก็ตามไปทันและช่วยกันเกลี่ยกล่อมจนจรินทร์ยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ