ค่าแห่งความรัก (2504)
ค่าแห่งความรัก (2504/1961) ค่าแห่งความรัก เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2504 สร้างโดย โยคีสถานสี่พระยา แผนกภาพยนตร์ และกำกับการแสดงโดย วิรัช พึ่งสุนทร ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ สุกัญญา และถูกนำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2524
ค่าน้ำนม (2503)
ค่าน้ำนม (2503/1960) ภาพยนตร์ชีวิตสีวิจิตร ที่จะประทับใจท่านชั่วกาลนาน บาง ((มิตร ชัยบัญชา)) ลูกแม่ทับ (สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย) ชายหนุ่มเลือดนักสู้รักอยู่กับแหวน (ปรียา รุ่งเรือง) ท่ามกลางความความไม่พอใจของกำนันเกลี้ยง (เชาว์ แคล่วคล่อง) ที่เห็นว่าบางฐานะยากจน กำนันเกลี้ยงสร้างเรื่องปรักปรำว่าบางเป็นเสือปล้น จนบางถูกเจ้าหน้าที่่ตำรวจตามล่าตัว ด้วยความแค้นใจบางจึงกลายเป็นเสือร้าย บางพาสมุนเข้าปล้นบ้านกำนันเกลี้ยงและพลั้งมือฆ่ากำนันเกลี้ยงตาย แม่ทับสงสารที่แหวนต้องอยู่ตัวคนเดียวจึงรับมาอยู่ด้วย ด้วยความแค้นใจที่ชายคนรักฆ่าพ่อของตนเองตาย แหวนจึงตกลงใจจะแต่งงานกับก้าน (วิน วิศนุรักษ์) เพือนรักของบาง ซึ่งดูแลแหวนเป็นอย่างดี ในวันแต่งงานของก้านกับแหวน เสือบางเข้ามาทำลายพิธี ขณะที่บางกำลังจะฆ่าก้านกับแหวน แม่ทับเอาตัวเข้าปกป้องก้านกับแหวน บอกให้บางฆ่าตนเองก่อนที่จะทำร้ายทั้งสองคน และสั่งสอนให้บางสำนึกในความผิดที่ได้กระทำ บางสำนึกในความผิดของตนเองจึงฝากฝังแม่ทับให้ก้านและแหวนช่วยกันดูแลแทนตน จากนั้นเสือบางก็หายสาปสูญไปจากบ้านไผ่พันมือ
ยอดพยศ (2503)
สุดชีวิต (2503)
สุดชีวิต (2503/1960) สุดชีวิต เป็นภาพยนตร์สีธรรมชาติ 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 พากย์สด สร้างโดย อัศวินภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล และถ่ายภาพโดย พูนสวัสดิ์ ธีมากร
Placeholder
มนุษย์ผีสิง (2503/1960) มนุษย์ผีสิง เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503
ทัดดาวบุษยา (2503)
ทัดดาวบุษยา (2503/1960) ทัดดาว หญิงสาวที่โตมาโดยที่แม่พร่ำสอนให้เธอเกลียดพ่อ และทุกคนในบ้านบุษยา ชะตาชีวิตของเธอหักเหเมื่อแม่ของเธอติดหนีการพนันทำให้เธอต้องแต่งงานกับชายรุ่นราวคราวพ่อ เรื่องวุ่นวายจึงเกิดขึ้นเมื่อทัดดาวหนีการแต่งงาน ทัดดาวรู้ความจริงว่าพ่อของเธอเสียชีวิตเธอจึงตั้งใจจะไปทวงสิทธิ์อันชอบธรรมของเธอคืนในบ้านบุษยาเธอต้องเดินทางไปกับเจ้ายอดขวัญผู้ชายที่เธอเกลียดและตราหน้าเธอเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ จากความเกลียดกลายเป็นความผูกพัน จากความผูกพันกลายเปลี่ยนเป็นความรักในที่สุด
สาวดาวเทียม (2503)
สาวดาวเทียม (2503/1960) สาวดาวเทียม เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 สร้างโดยนครพิงค์ภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย ส.คราประยูร (สนาน คราประยูร)
ดวงชีวัน (2503)
ดวงชีวัน (2503/1960) ดวงชีวัน เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 สร้างโดย ดาราไทยฟิล์ม กำกับการแสดงโดย สุรัจน์ พุกกะเวส
ชายต้องสู้ (2503)
ชายต้องสู้ (2503/1960) ชายต้องสู้ เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 ให้เสียงพากย์สด สร้างโดย สุเทพภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย ไฉน สัตยพันธ์ และถ่ายภาพโดย ส.สุเทพ สงคราม ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ ช่อทิพย์วรรณ
แสงสูรย์ (2503)
แสงสูรย์ (2503/1960) ข้อความบนใบปิด ทัศไนยภาพยนตร์ ผลงานอันเยี่ยมยอดที่สุดประจำปี 2503 แสงสูรย์ ของ จินตะหรา (มิตร ชัยบัญชา) อมรา อัศวนนท์ และขอแนะนำ (ภาวนา ชนะจิต) รังสรรค์ ตันติวงศ์ อำนวยการสร้าง ประทีป โกมลภิส กำกับการแสดง ไพรัช สังวริบุตร ถ่ายภาพ
สายสวาทยังไม่สิ้น (2503)
สายสวาทยังไม่สิ้น (2503/1960) ชายหนุ่มลูกเลี้ยงถูกเรียกกลับมาเพื่อดูแลธุรกิจของเศรษฐี สร้างความไม่พอใจให้บุตรชายคนโตที่นิสัยไม่เอาถ่านอย่างมาก เขายังเป็นที่หมายปองของบุตรีเศรษฐี ที่คอยให้กำลังใจเขา
ร้ายก็รัก (2503)
ร้ายก็รัก (2503/1960) ข้อความบนใบปิด อีกก้าวหนึ่ง ภาพยนตร์ไทยเรื่องเดียวที่ฮ่องกง ฉายพร้อมกัน 6 โรง ร้ายก็รัก “เนรมิต” สร้างเรื่อง-กำกับการแสดง เป็นภาพยนตร์ที่รวมไว้ทั้งบู๊..ตื่นเต้น รัก สะเทือนใจ โดย (มิตร ชัยบัญชา) อุษา อัจฉรานิมิต ร่วมกับ 4 ดาราตุ๊กตาทอง (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), สมควร กระจ่างศาสตร์, สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) และขอเสนอ (รุจน์ รณภพ), อรพรรณ เบญจรงค์ ขอเชิญท่านร่วมยินดีกับก้าวใหม่ของ..ภาพยนตร์ไทย
แม่นาคคืนชีพ (2503)
แม่นาคคืนชีพ (2503/1960) ข้อความบนใบปิด ภาพยนตร์รุ่งกานต์ วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณรักอันอมตะ วนเวียนอยู่เพื่อคุ้มครองผัว แต่เมื่อผัวมีเมียใหม่... วิญญาณนั้นจึงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น..หึงหวง..อาฆาต แม่นาคคืนชีพ นำโดย (อดุลย์ ดุลยรัตน์) วิไลวรรณ วัฒนพานิช พงษ์ลดา พิมลพรรณ ศิริพงษ์ อิศรางกูร อบ บุญติด, สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), (ล้อต๊อก)น้อย, (หม่อมชั้น พวงวัน), แป๊ะอ้วน, แคหลอ, บังเละ, กุญชร ชุมนุมดาวตลกทั่วประเทศไทย ฉลอง กลิ่นพิกุล ถ่ายภาพ อนุมาศ บุนนาค สร้างบท-กำกับการแสดง (ที่มา :Thai Movie Posters)
น้ำตาทมิฬ (2503)
น้ำตาทมิฬ (2503/1960) น้ำตาทมิฬ เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 สร้างโดย กมลศิลปภาพยนตร์ โดยมี (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) เป็นผู้อำนวยการสร้างและนำแสดง กำกับการแสดงโดย น้อย กมลวาทิน และให้เสียงพากย์โดย (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) - จุรี โอศิริ
บาปสวาท (2503)
บาปสวาท (2503/1960) บาปสวาท เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 สร้างโดย มารุตฟิล์ม และกำกับการแสดงโดยครูมารุต (ทวี ณ บางช้าง)
ยอดเดี่ยว (2503)
ยอดเดี่ยว (2503/1960) ยอดเดี่ยว เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 สร้างจากบทประพันธ์ของอรชร สร้างโดยจินดาวรรณภาพยนตร์ โดยมี วงทอง ผลานุสนธิ์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ศิริ ศิริจินดา
สองฝั่งฟ้า (2503)
สองฝั่งฟ้า (2503/1960) สองฝั่งฟ้า เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 สร้างโดย ภาพยนตร์สหะนาวีไทย โดยมี สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง-กำกับการแสดง ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ สงัด บรรจงศิลป์
แม่นาคพระโขนง (2502)
แม่นาคพระโขนง (2502/1959) จากแรงรักของนางที่มีต่อเขา เมื่อนางได้ตายจากเขาไป วิญญาณรักของนางจึงยังคงเวียนว่าย อยู่ในร่างร้าย เพื่อรอคอยสามี ภาพยนตร์ไทยเรื่องเดียวในยุคนี้ ที่สามารถทำรายได้ เกินล้าน ด้วยเวลาอันรวดเร็วที่สุด! เรื่องราวของนายมาก ผู้ต้องจากภรรยาที่กำลังตั้งท้องอ่อนๆ ไปเป็นทหารตามกฎบ้านเมือง นางนาคเฝ้ารอสามีจนท้องแก่ใกล้คลอด และในวันคลอดนั้นเอง เธอก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจนตายไปพร้อมลูกในท้อง แต่ความอาวรณ์ทำให้เธอยังคงเฝ้ารอพี่มากอยู่ กลายเป็นเรื่องเล่าสยองขวัญ เมื่อหลายคนพยายามเข้าไปข้องแวะกับเธอ ล้วนเจอฤทธิ์เดชที่ถ้าไม่ตายก็เสียสติไป
กิโมโน (2502)
กิโมโน (2502/1959) กิโมโน เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 สร้างโดย เฉลิมชัยภาพยนตร์ โดยมี เฉลิมชัย ชัยมงคล เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดง-ลำดับภาพโดย (เสน่ห์ โกมารชุน) ถ่ายภาพโดย รัตน์ เศรษฐภักดี และให้เสียงพากย์โดย (เสน่ห์ โกมารชุน) - จุรี โอศิริ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ไทยที่ได้ไปถ่ายทำถึงประเทศญี่ปุ่น
ฝ่ามรสุม (2502)
ฝ่ามรสุม (2502/1959) ข้อความบนรูปโฆษณา สุจินต์ภาพยนตร์ ผู้สร้าง ดอกฟ้าในมือโจร ภาคภูมิใจมอบให้ อดุล ราชวังอินทร์ ฝากผลงานที่ยิ่งใหญ่ และเหนือกว่า ให้คุณพิสูจน์อีกครั้ง จากฝีมือการถ่ายทำอันประณีตในระบบไดนามิคคัต สีสุจินต์คัลเลอร์ โดย ร.ต.สุจินต์ สุจิตรการพิทยา S.M.P. มือกล้องจากฮอลลีวู้ด ฝ่ามรสุม จากบทประพันธ์ของ อดุล ราชวังอินทร์ นำแสดงโดย (ลือชัย นฤนาท) อมรา อัศวนนท์ แสน สุรศักดิ์ ตรึงตา วีรุทัย พัชนี อุรารักษ์ พร้อมด้วย วลิต สนธิรัตน์, (สมพล กงสุวรรณ), สังเวียน หาญบุญตรง, สาหัส บุญหลง, สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก), (เสน่ห์ โกมารชุน), ชูศรี โรจนประดิษฐ์, ผาด เนตรอำไพ ขอแนะนำดาราชายคนใหม่ มานะ ศรีโพธิ์ ในบท เวก ศรีวิชัย (การเวก ศรีวิจารณ์) ส.กำกับการแสดง กำกับการแสดง วัธนี สุจิตภารพิทยา อำนวยการสร้าง ร.ต.สุจินต์ สุจิตภารพิทยา S.M.P. ถ่ายภาพ อดุล ราชวังอินทร์ สร้างบท ที่ ศาลาเฉลิมกรุง ศาลาเฉลิมบุรี ต้นมิถุนายน นี้
วนาลี (2502)

วนาลี (2502/1959) ข้อความบนรูปโฆษณา (ด้านขวาขาดครับ) เราไม่ต้องการเงินล้าน! แต่เราต้องการให้ผู้ชมได้กำไรมากที่สุด! ศุภมิตรภาพยนตร์ ขอเชิญให้ท่านชมบทบาทใหม่และแปลกเยี่ยมยอด ของ เกศริน ปัทมวรรณ ภาพยนตร์สีวิจิตรเรื่อง... วนาลี จากบทประพันธ์ ของ “สราญจิตต์” พรั่งพร้อมด้วย พงษ์ลดา พิมลพรรณ, พันคำ, อาคม มกรานนท์, จรูญ สินธุเศรษฐ์, มีศักดิ์ นาครัตน์, กำจาย รัตนดิลก, น้ำเงิน บุญหนัก, ดอกดิน กัญญามาลย์, วิชิต ไวงาน, พิศวง ไชยาคำ, ด.ช.สุเทพ และการประเดิมชัยการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตของ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ พันคำ-จุรี พากย์ กำหนดฉายที่โรงภาพยนตร์ เอ็มไพร์ 30 ก.ค.นี้

 

ดวงใจที่รัก (2502/1959) พล-เกศริน ข้อความบนรูปโฆษณา โดยนามของ...”มารุต” (ผู้กำกับชื่อดัง) ผู้ให้แต่ความสมหวังแด่คุณ ในงานที่ประณีตของเขาทุกครั้ง ด้วยเกียรติของ...ควีนส์ ซึ่งเด่นทันสมัย และสง่างาม เหนือกว่าโรงภาพยนตร์ใดๆ และด้วยการแสดงจากปณิธานอันจริงใจของ... เกศริน ปัทมวรรณ ดาราในดวงใจคนใหม่ของคุณ จึงเป็นที่เชื่อมั่นและค้ำประกันได้ว่า... ดวงใจที่รัก ภาพยนตร์รัก ตรึงใจ สีสวยสดตระการตา จะให้ความสุขสดชื่นและสมใจคุณ... ร่วมแสดงโดยดาราชั้นนำ วิไลวรรณ วัฒนพานิช, (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), พงษ์ลดา พิมลพรรณ, ชลิต สุเสวี, สถาพร มุกดาประกร, (กัณฑรีย์ นาคประภา), สมพงษ์ พงษ์มิตร, มีศักดิ์ นาครัตน์, มานน พึ่งบุญ ฯลฯ กับพระเอกใหม่ร่างสมาร์ท พล พิทยายุทธ เทพา-อาภรณ์ ประกาศพากย์อย่างเยี่ยมที่สุดในชีวิต! ความชื่นชมยินดีจะเป็นของคุณทุกคน เมื่อได้ไปพบ “ดวงใจที่รัก” ของคุณ! 30 เมษายนนี้ที่ ควีนส์

 
เชลยศักดิ์ (2502)
เชลยศักดิ์ (2502/1959) คำสั่งเสียสุดท้ายของพ่อที่มีต่อลูกทั้งสอง อลิสา – อติศักดิ์ สันตติวงศ์ ทำให้ทั้งคู่จงใจนำทายาทแห่งตระกูลคู่แค้น ร้อยโทโยธิน อัศวรัช ถอดเกียรติชายชาติทหารมาจองจำในฐานะเชลย แห่งม่อนผาหลวงเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ทว่าในความแค้นยังมีความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เหลือแต่ว่าเขาและเธอจะยอมรับมันหรือไม่ในเมื่อหนี้แค้นยังไม่จบสิ้น
หนึ่งน้องนางเดียว (2502)
หนึ่งน้องนางเดียว (2502/1959) ไพรวัลย์ (อมรา อัศวนนท์) สาวบ้านป่าที่ได้พบรักกับ นริศ (ชนะ ศรีอุบล) หนุ่มกรุงเทพฯ และลักลอบได้เสียจนไพรวัลย์ตั้งครรภ์ ท่ามกลางการไม่เห็นด้วยของ ไอ้ค่อม (ทักษิณ แจ่มผล) ชายร่างพิการที่โตมากับไพรวัลย์ นริศให้สัญญาว่ากลับถึงกรุงเทพจะเตรียมการมาแต่งงานด้วย ทว่านริศกลับเงียบหายไปจนกระทั่งไพรวัลย์คลอดลูกออกมา ไพรวัลย์กับลูกและไอ้ค่อมจึงไปตามหานริศถึงกรุงเทพ แต่กลับถูกนริศขับไล่ไสส่ง อีกทั้งไพรวัลย์ยังต้องสูญเสียลูกเพราะเจ็บป่วยจากการเดินทางอีกด้วย ด้วยความอับอายผู้คนไพรวัลย์และไอ้ค่อมจึงย้ายถิ่นฐานไปที่ภาคใต้และโชคชะตาพลิกผันกลายเป็นมหาเศรษฐี โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อนริศไปท่องเที่ยวภาคใต้และได้เจอกับไพรวัลย์อีกครั้งแต่กลับจำเธอไม่ได้ แผนการแก้แค้นของไพรวัลย์จึงเริ่มต้นขึ้น
กุหลาบแสนสวย (2502)
กุหลาบแสนสวย (2502/1959) กุหลาบแสนสวย เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 ให้เสียงพากย์สด สร้างโดย นพรัตน์ภาพยนตร์ โดยมี เทวี คีตาชีวะ เป็นผู้อำนวยการสร้าง
รักเธอเท่าฟ้า (2502)
เรื่องย่อ : รักเธอเท่าฟ้า (2502/1959) รักที่สดชื่น กตัญญู เป็นคุณธรรม... ลูกที่รักชั่ว ซื่อจนตัวตาย... ใจคิดร้ายไม่เป็นธรรม ถูกเหยียดหยามด้วยฐานะ ใจเป็นพระด้วยความสัตย์ ภัยพิบัติจากใจชั่ว... มีพร้อมทุกรสภาพยนตร์ไทยสีธรรมชาติ เรื่องใหญ่ยิ่ง ชีวิต น้ำตา...ตื่นเต้น...บู๊ หั่นแหลก ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนดู อมราแสดงแหวกแนว แปลกใหม่ ไม่เคยแสดงมาก่อน ดู สุรสิทธิ์รับบทบาทลูกนอกคอก ชนิดพูดน้อยต่อยแหลก ดูการปะทะกันแบบบุกเดี่ยวและบุกหมู่ ดูทุกรส ซึ่งมีทั้งรัก, ชีวิต, เสียสละ ขบขันและบู๊สะบั้นหั่นกระจุยภาพยนตร์ชีวิต-น้ำตา-บู๊-สะเทือนใจ ต้อนรับตรุษจีนเพียงโรงเดียว คาเธ่ย์
ไอ้แก่น (2502)
ไอ้แก่น (2502/1959) ไอ้แก่น (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) กับไอ้เปีย (ด.ช.(ล้อต๊อก)น้อย) ใช้แผนตลกรับประทาน หลอกตีสนิท ปิ่น (ลือชัย นฤนาท) ซึ่งกำลังนั่งกินก๊วยจั๊บริมถนน โดยทำทีให้คนขายเห็นว่าเป็นพี่น้องกัน นอกจากกินไปคนละ 2 ชามแล้ว ก็ยังสั่งหมูเปื่อยเอาไปฝากยายจัน (หม่อมชั้น พวงวัน) ยายตาบอดที่เลี้ยงไอ้แก่นมาตั้งแต่แบเบาะอีกด้วย กว่าปิ่นจะรู้ตัว ปิ่นก็กลายเป็นหมูเปื่อยตามชื่ออาหารที่ไอ้แก่นไอ้เปียเอาไปฝากยายจันแล้ว เมื่อได้หมูเปื่อยมาห่อหนึ่ง ไอ้แก่นไอ้เปียก็เผ่นเข้าซอยไปหยุดคุยกับ สุดใจ (เรวดี ศิริวิไล) แม่ค้าขายกล้วยปิ้งซึ่งมีสามีชื่อ เชิด (ประมินทร์ จารุจารีต) เป็นนักเลงหัวไม้ คุยกันยังไม่เท่าไหร่ เชิดก็ปรากฏตัวและไถเงินสุดใจ หวิดจะมีเรื่องกับ ไอ้แก่น แต่สุดใจห้ามไว้ก่อน ขณะจะเดินเข้าซอย ไอ้เปียก็วิ่งไปชนเข้ากับ อนุ (วิน วิษณุรักษ์) ซึ่งเป็นช่างภาพ แต่จากการพูดคุยกัน ทำให้อนุสนใจในตัวแก่น แม้ว่าตอนนั้นแก่นจะยังแต่งตัวม่อมแม่ม แต่อนุก็ชวนแก่นให้ไปถ่ายแบบ เมื่อไปถึงบ้านอนุ ไอ้แก่นไอ้เปียก็พบกับปิ่นหรือหมูเปื่อยที่นั่นอีก ปิ่นเป็นเพื่อนรักของอนุ อนุจึงฝากปิ่นดูแลแก่นให้อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไว้ถ่ายแบบ ระหว่างนั้นคู่รักของอนุก็เข้ามาหาและเกิดปากเสียงกับแก่น ปิ่นก็ถือหางข้างไอ้แก่นเพราะเริ่มจะมีใจชอบๆ ไอ้แก่นเข้าบ้างแล้ว หลังจากถ่ายแบบเสร็จ ไอ้เปียก็เล่าให้ยายจันฟังว่า พี่แก่นใส่เสื้อผ้าชุดใหม่แล้วสวยน่ารัก ยายจันก็บอกว่า ใช่ แก่นหรือแก่นจันทร์เป็นคนสวย ไอ้เปียก็งงๆ เพราะยายจันตาบอด จะรู้ได้ยังไงว่า แก่นเป็นคนสวย ยายจันจึงเล่าเรื่องชีวิตไอ้แก่นเมื่อครั้งที่แม่ของไอ้แก่นคือ นงราม อุ้มไอ้แก่นมาฝากเลี้ยงและสิ้นใจตาย ตอนนั้นยายจันยังไม่ตาบอดจึงจำภาพแม่ของแก่นได้ดีว่าเป็นผู้ดี หน้าตาสวยงาม ก่อนที่นงรามจะเสียชีวิตก็ได้มอบแหวนประจำตระกูลเป็นรูปแมงมุมให้แก่ยายจันไว้หนึ่งวงเพื่อเป็นหลักฐานว่าไอ้แก่นเป็นใคร ต่อมาแก่นไปทำงานเป็นคนรับใช้ที่บ้านของนายเรียว รัชฎา (สมพล กงสุวรรณ) ก็ถูกนายเรียวปลุกปล้ำ แก่นเอาตัวรอดได้โดยมีปิ่นซึ่งคอยเฝ้าติดตามแก่นไปทุกที่เป็นผู้ช่วยอีกแรงหนึ่ง ฝ่ายสุดใจนั้น เมื่อทนการตบตีของเชิดไม่ไหวจึงหนีไปทำงานเป็นคนรับใช้ที่บ้านคุณหญิงสุดจิต ระหว่างที่นวดให้คุณหญิงก็เหลือบไปเห็นแหวนที่นิ้วคุณหญิงจึงทักว่า เคยเห็นแหวนแบบเดียวกันนี้ที่ไอ้แก่น คุณหญิงจึงให้ไปตามไอ้แก่นมาพบ เมื่อพบกันจึงรู้ความจริงว่า แก่นก็คือหลานยายที่นงรามผู้เป็นแม่พาหนีออกจากบ้านไปเมื่อ 18 ปีที่แล้ว ฝ่ายปิ่นนั้นเมื่อรู้ว่า แก่นได้เป็นลูกผู้ดีมีสกุลแถมร่ำรวยอีก ก็ได้แต่เฝ้ามองเมียงอยู่นอกบ้านคุณหญิงซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่ ชัย ราเมศร์ (สมควร กระจ่างศาสตร์) มาเดินป่วนเปี้ยนเช่นกัน ปิ่นนั้นไม่รู้ว่า ชัยเป็นพ่อของแก่นเพราะชัยไม่ยอมบอกเพราะกลัวแก่นจะอับอายที่มีพ่อเป็นคนขี้คุกขี้ตะราง แต่การที่ปิ่นกับชัยมาแวะเวียนที่หน้าบ้านคุณหญิงก็เป็นผลดีเพราะต่อมาเมื่อนัทที (กมลพันธ์ สันติธาดา) ซึ่งเป็นญาติกับนงรามรู้ว่า แก่นจะเป็นทายาทรับมรดกของคุณหญิงก็เกิดความอิจฉา ละโมบจึงร่วมมือกับนายเรียว นายเชิด จับแก่นไปฆ่าทิ้ง แต่ชัยกับปิ่นเห็นเหตุการณ์ก่อน จึงตามไปช่วยแก่นได้ทัน เมื่อผิดแผน นายเรียวกับนายเชิดจึงวางแผนปล้นบ้านคุณหญิงแทน เผอิญไอ้เปียแอบได้ยินแผนการจึงไปส่งข่าวให้เพื่อนๆ ของปิ่นรู้เรื่องและมาช่วย วันที่นายเรียวกับนายเชิดเข้าปล้นบ้านคุณหญิงนั้น ปิ่นกับชัยก็ยังคงเฝ้าหน้าบ้านจึงเข้าช่วยเหลือ ระหว่างที่ชัยกำลังประคองแก่นซึ่งสลบอยู่นั้น นายเรียวก็ใช้มีดแทงหลังชัยได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อคุณหญิงเห็นหน้าชัยก็บอกความจริงแก่แก่นว่า ชัยคนนี่แหละคือพ่อบังเกิดเกล้าของแก่น ทั้งคู่คร่ำครวญร้องไห้ถึงความรักที่มีต่อกัน ก่อนที่ชัยจะสิ้นใจนั้น ชัยก็ได้ขอให้คุณหญิงยอมยกแก่นให้แก่ปิ่นเพราะเห็นว่า ปิ่นรักแก่นจริงๆ ไม่อยากจะให้ผิดหวังเหมือนอย่างที่ตนเองเคยประสบมา
สาวน้อย (2501)
สาวน้อย (2501/1958) สรรค์ บุตรคนเดียวของพระชาญชลาศัย ซึ่งถูกทำร้ายจนความจำเสื่อม ทำให้สรรค์ได้จับพลัดจับผลูไปอาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง ที่นี่เขาได้พบรักกับสาวน้อยชื่อ นิด และตัดสินใจแต่งงานกัน แต่ความสุขของทั้งคู่ก็ต้องมาสะดุดลงเมื่อพระชาญชลาศัยออกตามหาตัวลูกชายจนพบ
การะเกด (2501)

เรื่องย่อ : การะเกด (2501/1958) เมื่อท่านมีใจคอยเราได้เช่นนี้ เราจึงขอสัญญาจะนำ.. การะเกด มาพบกับท่านที่ ศาลาเฉลิมกรุง, ศาลาเฉลิมบุรี ให้ดีที่สุดสมกับที่ท่านคอยเรา ปลายพฤศจิกายนนี้ การะเกด เป็นเรื่องราวของการะเกด (พิศม้ย วิไลศักดิ์) นางรำละครฝีมือดี ที่สวยงามอ่อนช้อย กิริยานุ่มนวล จนเป็นที่ต้องตาตรึงใจขององค์พระยุพราชผู้สูงศักดิ์แห่งแผ่นดินกนกนคร (ลือชัย นฤนาท) แต่การะเกด นั้นแสนจะอาภัพ ทั้งที่รักองค์พระยุพราชแต่ก็ไม่อาจสมหวังได้ เพราะในอนาคตพระองค์จะต้องขึ้นครองราชย์ และมีคู่หมั้นหมายที่ศักดิ์สูงเท่าเทียมกันอยู่แล้ว คือเจ้าหญิงเกษรี (จรัสศรี สายะศิลปี) การะเกด ตามเสด็จองค์พระยุพราช ไปสู่กนกนครในฐานะครูสอนรำให้กับชาววัง แต่อานุภาพของความรักที่องค์พระยุพราช และการะเกดมีต่อกัน สุดท้ายทั้งคู่ได้ให้กำเนิดลูกชาย แต่การะเกดมิอาจแสดงความเป็นแม่ต่อเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ได้ เธอได้มอบลูกชายให้กับองค์พระยุพราช และเจ้าหญิงเกษรี มเหสี ส่วนตัวเองก็กลับเมืองไทย และได้แต่คอยเฝ้าเป็นกำลังใจให้กับเจ้าฟ้าชายนคราธิบดินทร์ (ชนะ ศรีอุบล) ผู้สืบราชบัลลังก์แห่งกนกนคร

ผาวิ่งชู้ (2501)
ผาวิ่งชู้ (2501/1958) ผาวิ่งชู้ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย นารายณ์ภาพยนตร์ โดยมี วีระ วิจิตรานนท์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดยครูมารุต (ทวี ณ บางช้าง) และถ่ายภาพโดย พ.ต.ประวัติ รัตนกิจ
บุหงาสวรรค์ (2501)

บุหงาสวรรค์ (2501/1958) ข้อความบนใบปิด ศิวาพรภาพยนตร์ ภาพยนตร์รัก ชีวิต บู๊ทะลายเมือง ที่ไม่ต้องการคำโฆษณาถึงความดีใดๆ แสน สุรศักดิ์ อมรา อัศวนนท์ พบกันในบทรักเป็นครั้งแรก ใน... บุหงาสวรรค์ พร้อมด้วยเชิงบู๊สะบัดของเหล่าร้าย... ประมินทร์ จารุจารีต, สิงห์ มิลินทราศัย ฯลฯ ศิวาพร อำนวยการสร้าง ส.คราประยูร กำกับการแสดง รัตน์ เศรษฐภักดี ถ่ายภาพ

 
เกล็ดแก้ว (2501)

เกล็ดแก้ว (2501/1958) เกล็ดแก้ว เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2501 สร้างโดย พันธมิตรภาพยนตร์ โดยมี วิเชียร วีระโชติ เป็นผู้อำนวยการสร้าง-ถ่ายภาพ และกำกับการแสดงโดย พันคำ (พร้อมสิน สีบุญเรือง) ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำโปรยว่า ดู! เกล็ดแก้ว ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่มหาชนนับหมื่นชมแล้ว ปรบมือให้อย่างจริงใจ! ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในปี พ.ศ. 2526