สามพราน (2503)
สามพราน (2503/1960) ข้อความบนใบปิด กองแพทย์ กรมตำรวจ นรต.อุทัย ชาญชวัท ร.ต.ต.นิทัศน์ เศวตนันทน์ ทักษิณ แจ่มผล อุษา อัจฉรานิมิต สามพราน จากบทประพันธ์ของ...อำนวย กลัสนิมิ อ.อรรถจินดา สร้างบทภาพยนตร์ สมควร กระจ่างศาสตร์, ทัต เอกทัต, (สมพล กงสุวรรณ), จำรูญ หนวดจิ๋ม ขอแนะนำ มัทนา อลงศกรณ์ สุมาลี เนียวกุล เก็บเงินรายได้บำรุงโรงพยาบาลตำรวจ
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้า (2503)
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้า (2503/1960) ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้า เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 สร้างโดย โกมลภิสภาพยตร์ กำกับการแสดงโดย ประทีป โกมลภิส
ยอดมนุษย์ (2503)
ยอดมนุษย์ (2503/1960) ข้อความบนใบปิด พันธมิตรภาพยนตร์ ขอมอบ สุชีลา ศรีสมบูรณ์ ไว้ในความเอื้ออารีย์ของคุณ ใน... ยอดมนุษย์ ยอดมนุษย์ยอดแน่ ไม่แพ้ยอดไหน? ยอดพธูไทย นำในยอดมนุษย์ แขไข เทวินทร์ ประพันธ์เรื่อง สีสดสวย (ไชยา สุริยัน) พล พิทยายุทธ ทักษิณ แจ่มผล พงษ์ลดา พิมลพรรณ, ประมินทร์ จารุจารีต, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), ชูเตี้ย, ถวัลย์ คีรีวัต, (หม่อมชั้น พวงวัน), (ล้อต๊อก), (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), บุญส่ง ดวงดารา ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์ ถ่ายภาพ วิเชียร วีระโชติ กำกับการแสดง สุภาพ ประจวบเหมาะ อำนวยการสร้าง เข้มข้นด้วยการแสดง.. เพียบพร้อมในการสร้าง.. สดสวยด้วยการถ่ายทำ.. ม.ล.รุจิรา-มารศรี พากย์
จอมโจรโสฬส (2503)
จอมโจรโสฬส (2503/1960) ข้อความบนใบปิด อาชญกรผู้ได้สมญานามว่า นักบุญของคนยาก.. ปีศาจของเศรษฐี! เปิดเผยพฤติกรรมของจอมโจร ผู้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้า ให้แก่วงการตำรวจระหว่างประเทศ สินบนค่าหัว 200,000 กีบ สำหรับวงการตำรวจประเทศลาว และ 10,000 บาทสำหรับไทย ไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย... แม้หมายจับจะปลิวว่อนไปทุกสารทิศ แต่จอมโจรผู้สิ้นปฐพี ก็ยังอยู่ได้อย่างเกรียงไกร ท่ามกลางความรักและเห็นใจ จากผู้คนทั้งสองฟากฝั่งฟ้าโขง.. ปฐพีแม้ว่าจะกลบร่างของมันลงไปแล้ว แต่ว่าแผ่นดินนั้นจะสูงพอ ที่จะกลบชื่อ “โสฬส” ก็หาไม่ จะชั่วดีประการใด.. ขอได้โปรดไปพิสูจน์ด้วยตัวของท่านเอง... จอมโจรโสฬส นำแสดงโดย เชาวน์ แคล่วคล่อง, จรัสศรี สายะศิลปี, สิงห์ มิลินทราศรัย สุจิต วงศ์งาม ดาราร่างใหญ่หน้าเหี้ยม ดาวร้ายจากเรื่อง อ้ายเสือมือเปล่า และสาวสวยทรงอร่าม ศรีวิไล เยาว์อุลิต อนิรุทธ์เดชาภาพยนตร์ เสนอ บริษัทสหการภาพยนตร์ไทย จัดจำหน่าย
ไอ้ค้างคาว (2503)
ไอ้ค้างคาว (2503/1960) ไอ้ค้างคาว เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 สร้างจากบทประพันธ์ของ พนมเทียน สร้างโดย นาคราชภาพยนตร์ โดยมี สนั่น นาคสู่สุข เป็นผู้อำนวยการสร้าง
ฑูตนรก (2503)
ทูตนรก (2503/1960) นพรัตน์ภาพยนตร์ และ พนมเทียน ภูมิใจเสนอ ความเกรียงไกรอันโอฬารริก ใน ทูตนรก ภาพยนตร์ประจำปี 2503และแนะนำให้ท่านได้พบกับ พระเอกคนใหม่ ฤทธี นฤบาล เทพบุตรนัยน์ตาฝัน ซึ่ง พนมเทียน บรรจงสร้างให้ดีเด่นยิ่งกว่า ชีพ ชูชัย พร้อมกับชุมนุมดาราชั้นนำแห่งยุค มากเป็นประวัติการณ์
เสือเฒ่า (2503)
เสือเฒ่า (2503/1960) เสือเฒ่า เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 สร้างโดย ไทยไตรมิตรภาพยนตร์ โดยมี แท้ ประกาศวุฒิสาร เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดยครูเนรมิต (อำนวย กลัสนิมิ) และถ่ายภาพโดย แสวง ดิษยวรรธนะ ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ มณเฑียรทอง โชคชนะ

ฟูแมนจู (2503/1960) อดุลย์-เกศริน-แมน ข้อความบนใบปิด ยูเนียนฟิล์ม ศุภอัฐ ชวะโนทัย ผู้สร้าง เหนือมนุษย์ ภูมิใจเสนอ ฟูแมนจู จากบทประพันธ์ และการกำกับ ของ ส.อาสนจินดา นำแสดงโดย ดาราที่ผ่านการคัดเลือก ให้เหมาะสมบทบาทที่สุด เกศริน ปัทมวรรณ (อดุลย์ ดุลยรัตน์) (แมน ธีระพล) พงษ์ลดา พิมลพรรณ,อาคม มกรานนท์, ทัต เอกทัต, สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), ประสาสน์ คุณะดิลก, ประภาศรี สาธรกิจ, รจิต ภิญโญวนิช, ไศล พูนชัย, เทียนชัย สุนทรการันต์, วีระพล ชัยวรรณ, เปิ่น ปาฏิหาริย์, ชั้น พวงวัน, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม) ขอเสนอ มาริลิน มอนโรไต้หวัน คู่แข่งดาราแจกันทองของฮ่องกง มิสมู่หง ต้อนรับตรุษจีนที่เอ็มไพร์ และพัฒนากร เริ่มฉายวันที่ 26 มกราคม 2503 (ที่มา :Thai Movie Posters)

สิบสองนักสู้ (2502)

สิบสองนักสู้ (2502/1959) *ชื่อเดิม “สิบสองมือปืน” ไม่ผ่านเซ็นเซ่อร์ จึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “สิบสองนักสู้” อดุลย์-วิไลวรรณ ข้อความบนรูปโฆษณา วิจิตรภาพยนตร์ เสนอ เกรียงไกรและยิ่งใหญ่ เหนือกว่านักสู้ทั้งหลายบนปฐพี.. นั่นคือ สิบสองนักสู้ ส.อาสนจินดา สร้างบทภาพยนตร์ และกำกับการแสดง วิจารณ์ ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ นำแสดงโดย อดลย์ ดุลยรัตน์, ชรินทร์ งามเมือง, ส.อาสนจินดา, อบ บุญติด, จำรูญ หนวดจิ๋ม, ทองฮะ วงศ์รักไทย, เปิ่น ปาฏิหาริย์ สิงห์ มิลินทราศัย, (อดินันท์ สิงห์หิรัญ), สุระ นานา, ชาลี อินทรวิจิตร, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), วิไลวรรณ วัฒนพานิช, วิภา วัฒนธำรง, สงวน, สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช พร้อมด้วย (เมืองเริง ปัทมินทร์), เทียนชัย สุนทรการันต์, จุมพล ปัทมินทร์, ประกอบ ดาราผู้ให้เกียรติ อาคม มกรานนท์, สาหัส บุญหลง, ประมินทร์ จารุจารีต, ศิริพงษ์ อิศรางกูร, ทองแป๊ะ, เกริก, พงษ์ศิริ และผู้ร่วมแสดงนับร้อย กำลังฉายวันนี้ที่ พัฒนากร-เอ็มไพร์ ฉายวันละ 5 รอบ 12.00 น. 14.00 น.16.30 .19.00 น. 21.15 น. (ที่มา :Thai Movie Posters)

สี่คิงส์ (2502)

สี่คิงส์ (2502/1959) อมรา-ไชยา ข้อความบนรูปโฆษณาขาว-ดำ ไทยไตรมิตรภาพยนตร์ ผู้สร้าง “เห่าดง” เสนอภาพยนตร์สีธรรมชาติ ประเภทอาชญนิยาย บู๊! ดุเดือด! ทุกรสเข้มข้นถึงใจ สี่คิงส์ จากบทประพันธ์ของ เศก ดุสิต นำแสดงโดย อมรา อัศวนนท์ (ไชยา สุริยัน) สุทิน บัณฑิตสกุล, อาคม มกรานนท์, (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี), จรูญ สินธุเศรษฐ์, ประมินทร์ จารุจารีต, วิน วันชัย, ไฉน สัตยพันธ์, (สุวิน สว่างรัตน์), สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก), ดอกดิน กัญญามาลย์, ชูศรี โรจนประดิษฐ์ และ(หม่อมชั้น พวงวัน) พร้อมด้วยศิลปินอาวุโสร่วมแสดง ชลิต สุเสวี (พระเอกหนัง สาวเครือฟ้า ปี 2496), สันตสิริ (นักทำโฆษณาชื่อดัง), แก้วฟ้า (แก้ว อัจฉริยะกุล นักแต่งเพลงชื่อดัง) ศิริ ศิริจินดา กำกับการแสดง แท้ ประกาศวุฒิสาร อำนวยการสร้าง อุไร ศิริสมบัติ สร้างฉาก แสวง ดิษยวรรธนะ ถ่ายภาพ พากย์โดย (เสน่ห์ โกมารชุน), เสถียร ธรรมเจริญ และสอางค์ ทิพยทัศน์ เริ่มแต่วันที่ 28 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ที่โรงหนังเอ็มไพร์ เชิงสะพานพุทธ วันธรรมดาฉายวันละ 4 รอบ คือ 12.00 น., 14.30 น., 19.00 น. และ 21.30 น. วันหยุดราชการเพิ่มรอบเช้า 9.30 น. ทุกวัน

 
แผ่นดินของใคร (2502)
แผ่นดินของใคร (2502/1959) แผ่นดินของใคร (ชื่อเดิม: แผ่นดินฉกรรจ์) เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 สร้างโดย สุวรรณสิงห์ฟิล์ม โปรดักชัน โดยมี สุเมธ คุณะปุระ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ปริญญา ลีละศร ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ดั้งเดิมของ อรชร (ศรี ชัยพฤกษ์) มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเขาพระวิหารโดยตรง
นางสิงห์เมืองเสือ (2502)
นางสิงห์เมืองเสือ (2502/1959) ศักดา ศิริวัฒน์ (แสน สุรศักดิ์) เป็นนักเรียนนายเรือ เขาเกือบจะเรียนจบอยู่แล้ว ก็มีเหตุให้ต้องตัดสินใจหนีออกจากโรงเรียนไปทั้งนี้สืบเนื่องจาก พระชำนาญภักดี (สัมพันธุ์ อุมากูล) ผู้เป็นลุงได้เขียนจดหมายส่งข่าวมาจากหนองเสือว่า เรือเอกชาญผู้เป็นบิดาของเขานั้น ได้ถูกพวกโจรฆ่าตายเสียแล้ว ศักดาแค้นใจมากและต้องการจะแก้แค้นแทนบิดาให้จงได้ จึงได้ตัดสินใจออกจากโรงเรียนไปอย่างกระทันหันดังกล่าวแล้ว ที่สถานีรถไฟปลายทางศักดาได้พบกับ เด่น ดวงดาว (สมพงษ์ พงษ์มิตร) หนุ่มชาวพื้นบ้านย่านนั้น จึงได้ว่าจ้างเกวียนของเขาให้ไปส่งที่หนองเสือ ซึ่งเป็นหมู่บ้านอยู่ในกลางป่าลึก แวดล้อมไปด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน ตอนแรกๆเด่นจะไม่ยอมนำทาง เพราะเขามีความหวาดกลัวที่จะเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้น เด่นเล่าให้ศักดาฟังว่า หนองเสือเป็นหมู่บ้านใหญ่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้าต่างถิ่น มีตลาดมีโรงมหรสพ เป็นหมู่บ้านที่รำ่รวย เพราะเป็นแหล่งค้าไม้ซุงที่มีบริษัทใหญ่ๆทรงอิทธิพลหลายบริษัท ไปตั้งอยู่ในเขตนั้น เป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยคนดุและนักเลงหัวไม้ การตีฟันกันแทงฆ่ากันตาย จึงเป็นเหตุการณ์ปกติประจำวันที่นั่นไม่มีกฏหมายปกครองกันด้วยอำนาจปืน ด้วยอำนาจของศักดานั่นเอง ทำให้เด่นจำต้องรับอาสานำทางทั้งคู่เดินทางรอนแรมมาในป่าทั้งวันทั้งคืน และบรรลุถึงตลาดหนองเสือเอาในตอนเช้า ที่นั่นก็พบว่า มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งกำลังตะลุมบอนล้างหน้าไก่กันอย่างดุเดือด ทั้งสองจึงเลี่ยงไปเสียและไปหาอาหารกินในร้านขายเหล้าขายข้าวแฝ่ของเจ๊กเฮง และที่นี่แหละศักดาได้ถูก ยอด ชั้นเชิงดี (ไสล พูนชัย) นักเลงใหญ่แห่งหนองเสือตะบันหน้าเสียคลุกฝุ่น ฐานบังอาจมองหน้า จวนเจียนจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้วก็พอดี บุษบา มหาสมบัติ (งามตา ศุภพงษ์) ลูกสาวคนสวยของเจ้าคุณไพบูลย์มหาสมบัติ (จหมื่นมานพนริศร์) เดินทางมาจากกรุงเทพฯประสบเหตุเข้าจึงได้ห้ามปรามไว้ บุษบาเดินทางมาหนองเสือกับบิดาก็เนื่องจากผู้จัดการป่าไม้ของเธอถูก เสี่ยเส็ง (วิชิต ไวงาน) พ่อค้าไท้คู่แข่งเป่าด้วยลูกปืนเน่าไปหยกๆ จึงดำริที่จะจัดหาผู้จัดการใหม่ดำเนินงานแทนต่อไป ฝ่ายศักดานั้น หลังจากฝากลวดลายมวยไทยและกำปั้นหนักปานช้างถีบให้ยอดและลูกสมุนเจ็ดแปดคนได้รสบ้างแล้ว ก็หลีกเหตุการณ์อันฉุกละหุกไปเยี่ยมคุณลุง ณ บ้านท้ายตลาด ที่นั่นเขาได้พบเข้ากับ แก้วตา ราชภักดี (ปรียา รุ่งเรือง) ลูกสาวคนสวยของคุณลุง ซึ่งเขามารู้ตัวเอาในตอนหลังๆว่า คุณลุงได้หมายมั่นปั้นมือที่จะให้เขากับหล่อนได้แต่งงานกัน แต่หัวใจเขาได้ตกเป็นทาสรักของบุษบาเสียตั้งแต่ตอนแรกพบในเช้าวันนั้นแล้วเนื่องจากคุณพระชำนาณราชภักดิ์ กับ เจ้าคุณไพบูลย์มหาสมบัติ นั้นเป็นเพื่อนสนิทเก่าแก่กัน เมื่อเจ้าคุณปรารภอยากจะได้ผู้จัดการป่าไม้คนใหม่แทนคนเก่าที่ม้วยมรณาไป และเจรจาทาบทามขอศักดาหลานชายของคุณพระให้ดำรงตำแหน่งนี้ ซึ่งคุณพระก็ตอบตกลงด้วยความยินดี ยิ่งศักดาได้ล่วงรู้ว่า คนร้ายที่สังหารบิดาของเขานั้นเป็นรายเดียวกันกับที่สังหารผู้จัดการป่าไม้ ยิ่งทำให้เขากนะเหี้ยนกระหือที่จะรับตำแหน่งนี้ ณ ที่บริษัทป่าไม้ที่ศักดาไปประจำอยู่ เจ้าคุณได้ส่งให้ยอดไปเป็นผู้ช่วยของเขา และที่นั่นศักดากับยอดได้ปะทะเข้ากับ เสือหาญ (สิงห์ มิลินทราศัย) มือปืนของเสี่ยเส็ง เสือหาญถูกศักดาต่อยลงไปคว่ำ ขณะที่เสือหาญจะชักปืนออกมายิงนั้น พิมพา มะลิวัน (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) สาวสวยลูก ทองต่อ มะลิวัน (สุคนธิ์ คิ้วเหลี่ยม) เจ้าของร้านกาแฟได้ชักปืนออกมายิงสกัดช่วย ทั้งนี้ก็เพราะว่าหล่อนพอใจและหลงรักในตัวผู้จัดการหนุ่ม ฝ่ายเสือหาญนั้นมีความผูกสมัครรักใคร่พิมพาอยู่แล้วจึงไม่ถือสาหาความแต่อย่างใด วันหนึ่งเสี่ยเส็งได้เชิญศักดาไปพบ และขอร้องให้กลับกรุงเทพฯเสีย ขืนอยู่เขาอาจจะสังหารเสียด้วยความจำใจ เพราะไม่ถูกกับเจ้าคุณเนื่องจากผลประโยชน์ขัดกัน แต่ศักดาไม่ยอม จึงก่อความเดือดดาลให้แก่เสี่ยเส็งและเสือหาญเป็นอย่างยิ่ง เย็นวันหนึ่งแก้วตากับบุษบาไปเล่นน้ำตกกัน และได้ถูกเสือหาญจับตัวไปเป็นตัวประกัน ศักดาและพวกได้ยกกำลังติดตามไปทันจึงเกิดการต่อสู้กันอย่างขนานใหญ่ และสามารถแย่งชิงแก้วตากับบุษบาคืนมาได้ คืนวันหนึ่งขณะบุษบากับศักดากำลังพลอดพร่ำกันอยู่นั้น เสือหาญซึ่งแอบซุ่มอยู่ได้ใช้ปืนลอบยิงอาการสาหัสและฉุดบุษบาไป ยอดได้ติดตามไปทันและเกิดการต่อสู้กันขึ้น หาญเสียทีถูกตีสลบเหมือดส่วนศักดานั้นถูกหามไปพยาบาล เหตุการณ์ผ่านไปหนึ่งปี ศักดาถูกกำหนดให้แต่งงานกับแก้วตาโดยการหมั้นหมายของคุณลุง แต่จิตใจเขานั้นเฝ้าหลงรักอยู่ที่บุษบาดังนั้นในวันหนึ่งเขาจึงหลบหนีไปเสียและได้เกิดการต่อสู้กันอย่างขนานใหญ่กับพวกเสี่ยเส็งและเสือหาญ ศักดาสามารถฆ่าคนทั้งสองได้สมแค้นและในที่สุดก็ได้คืนดีกับบุษบานางแก้วในดวงใจของเขา
ไอ้เสือมือเปล่า (2502)
ไอ้เสือมือเปล่า (2502/1959) ไอ้เสือมือเปล่า เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 โดยมี สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ เป็นผู้กำกับการแสดงและนำแสดง
คนองปืน (2502)
คนองปืน (2502/1959) คนองปืน เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 ให้เสียงพากย์สด สร้างจากบทประพันธ์ของ อรวรรณ (เลียว ศรีเสวก) สร้างโดย พันธมิตรภาพยนตร์ โดยมี วิเชียร วีระโชติ เป็นผู้อำนวยการสร้าง-ถ่ายภาพ และกำกับการแสดงโดย สาหัส บุญ-หลง
เหนือมนุษย์ (2502)
เหนือมนุษย์ (2502/1959) ยูเนี่ยนฟิล์ม ขอประกาศว่า บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้ชม ภาพยนตร์ชั้นยอดจากเรา ดู...ยอดดาราแห่งยุคมาพบกันอย่างคับคั่งที่สุด! เกรียง กัมปนาท หนุ่มเจ้าเล่ห์ผู้จองหอง ได้ปลอมตัวเข้าไปเป็นสายสืบในภารกิจส่งมอบกล่องสีน้ำเงินลึกลับ ของแก๊งโจรร้ายชาวไทยที่แฝงอยู่ในคราบชาวต่างชาติ โดยมีอัปสรหญิงสาวที่คอยร่วมมือช่วยเหลือให้เขาประสบความสำเร็จในภารกิจสุดแสนอันตราย
ฝ่ามรสุม (2502)
ฝ่ามรสุม (2502/1959) ข้อความบนรูปโฆษณา สุจินต์ภาพยนตร์ ผู้สร้าง ดอกฟ้าในมือโจร ภาคภูมิใจมอบให้ อดุล ราชวังอินทร์ ฝากผลงานที่ยิ่งใหญ่ และเหนือกว่า ให้คุณพิสูจน์อีกครั้ง จากฝีมือการถ่ายทำอันประณีตในระบบไดนามิคคัต สีสุจินต์คัลเลอร์ โดย ร.ต.สุจินต์ สุจิตรการพิทยา S.M.P. มือกล้องจากฮอลลีวู้ด ฝ่ามรสุม จากบทประพันธ์ของ อดุล ราชวังอินทร์ นำแสดงโดย (ลือชัย นฤนาท) อมรา อัศวนนท์ แสน สุรศักดิ์ ตรึงตา วีรุทัย พัชนี อุรารักษ์ พร้อมด้วย วลิต สนธิรัตน์, (สมพล กงสุวรรณ), สังเวียน หาญบุญตรง, สาหัส บุญหลง, สมพงษ์ พงษ์มิตร, (ล้อต๊อก), (เสน่ห์ โกมารชุน), ชูศรี โรจนประดิษฐ์, ผาด เนตรอำไพ ขอแนะนำดาราชายคนใหม่ มานะ ศรีโพธิ์ ในบท เวก ศรีวิชัย (การเวก ศรีวิจารณ์) ส.กำกับการแสดง กำกับการแสดง วัธนี สุจิตภารพิทยา อำนวยการสร้าง ร.ต.สุจินต์ สุจิตภารพิทยา S.M.P. ถ่ายภาพ อดุล ราชวังอินทร์ สร้างบท ที่ ศาลาเฉลิมกรุง ศาลาเฉลิมบุรี ต้นมิถุนายน นี้
ชาติสมิง (2502)
ชาติสมิง (2502/1959) สุรสิทธิ์-แมน-อาคม-อมรา ข้อความบนรูปโฆษณา โยคีสถาน สี่พระยา แผนกภาพยนตร์ วิธีการที่ชาญฉลาดของ ดาวแดง! บุกจับพ่อที่มีลูกสาวสวยไปเป็นตัวประกัน บังคับให้ใช้ความสวยดำเนินงานทำอาชญากรรม ใครขัดขืนพ่อตาย ลูกสาวถูกทรมาน รัฐบาลไทย ซ้อนกลใช้แผนปราบอย่างเฉียบขาด จัดส่งหัวกะทิ กล้าหาญ สัตย์ซื่อ เดนตาย เป็นผู้แทนทั้งสี่กองทัพบก เรือ อากาศ และตำรวจ รัฐบาลจีน ร่วมมือแข็งขันส่ง “มนุษย์ลมกรด” สันติบาลลับหนุ่มมาร่วมด้วย ทั้งห้าเสือร้าย ไทย-จีน ตลุยเข้าถึงรังดาวแดงอย่างไม่ซ้ำแบบกัน รวมกำลังเป็นผลึกเดียวกัน คือ... ชาติสมิง อมรา อัศวนนท์ พงษ์ลดา พิมลพรรณ จันทร์ฉาย พูลสวัสดิ์ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ อาคม มกรานนท์ พันคำ (แมน ธีระพล) วิชิต ไวงาน, พีระพล เมธากร, (สุวิน สว่างรัตน์) วิรัช พึ่งสุนทร สร้างบท-กำกับการแสดง ด้วยความประณีต ละเอียดละออยื่ง เราไม่ดูถูกท่านผู้ชม จึงสร้างให้สมเหตุผล เห็นจริงจัง ฉายที่ เฉลิมกรุง-เฉลิมบุรี เร็วๆนี้ ต่อจาก “เชลยศักดิ์” (ที่มา :Thai Movie Posters)
สิบทหารเสือ (2502)
สิบทหารเสือ (2502/1959) คนดูทั้งโรงพร้อมใจกัน ปรบมือครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อเกียรติแห่งวีรกรรมของ สิบยอดทหารเลือดแห่งความรักชาติ ร้อนระอุไปทั่วโรงภาพยนตร์เอ็มไพร์ เมื่อสิบทหารหาญตะลุยรบ เลือดแดงอาบกายอย่างไว้ลาย เพื่อชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวไทยภาพยนตร์รบ รัก ประทับใจ ประจัญบาน เป็นที่เกรียวกราวทั่วกรุง ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “สิบทหารเสือ” สนุกสนาน เป็นยอดจริงๆยิ่งดู ยิ่งมัน วันนี้ที่ เอ็มไพร์
งูเห่าไฟ (2502)
งูเห่าไฟ (2502/1959) งูเห่าไฟ เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 สร้างโดย กรุงเทพฟิล์มภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย อนุมาศ บุนนาค และให้เสียงพากย์โดย เสน่ห์-รุจิกร-เสถียร-อำพาพรรณ-ประไพ ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ แกม มหรณพ
สิงห์สมุทร (2502)
สิงห์สมุทร (2502/1959) สิงห์สมุทร เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 สร้างโดย เมืองทองภาพยนตร์ โดยมี วิชัย สงวนสิน เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย (สมพล กงสุวรรณ) ถ่ายภาพโดย ปานเทพ กุยโกมุท และให้เสียงพากย์โดย จุรี โอศิริ, สมพงษ์ วงศ์รักไทย และ สมถวิล
เทพบุตรโจร (2502)
เทพบุตรโจร (2502/1959) เทพบุตรโจร เป็นภาพยนตร์สี 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2502 สร้างโดย นังคลาภิวัฒน์ภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย ประวิทย์ ลีลาไว ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ ส.อาสนจินดา
จ้าวนักเลง (2502)
จ้าวนักเลง (2502/1959) "อินทรีแดง" ปรากฏกายอย่างสง่า ด้วยความแกร่งกล้าที่เหนือกว่า พร้อมที่จะให้คุณพิสูจน์ในความดี และเรียบร้อยทุกด้าน...
ภูตเหลือง (2502)
ภูตเหลือง (2502/1959) ลือชัย-วิไลวรรณ ข้อความบนรูปโฆษณา จาก...ภาพยนตร์สหนาวีไทย... เราขอเสนอ...หนังบู๊...ด้วย ภูตเหลือง ของ “อรวรรณ” ด้วยการรวมกำลัง...รวมความคิด โดย...ส.อาสนจินดา, สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ เพื่อให้เหนือกว่า “เล็บครุฑ” “มังกรแดง” หนังบู๊...ที่เราถนัดนัก... เสนอฉายด้วยความอิ่มเอิบใจ...ที่... เฉลิมไทย+เฉลิมบุรี พร้อมกันเป็นครั้งแรก... ...เพราะความสำคัญ เริ่มแต่รอบเที่ยงที่ 7 กุมภา 2502 นี้ ส.อาสนจินดา กำกับการแสดง สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ อำนวยการสร้าง รัตน์ เศรษฐภักดี ถ่ายภาพ *ดาราร่วมแสดงมี ดนัย ดุลยพรรณ, จันทรา เมธากุล, จรัสศรี สายะศิลปี, สิงห์ มิลินทราศัย, อบ บุญติด, (เมืองเริง ปัทมินทร์), จุมพล กาญจนนินทุ, สัมพันธ์ อูมากูล, ประวิทย์ ลีลาไว, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), ทองฮะ วงศ์รักไทย (ที่มา :Thai Movie Posters)
มือเหล็ก (2502)

มือเหล็ก (2502/1959) ไม่แน่ไม่แช่แป้ง! ไม่จริงไม่ยิงปืน! ถ้าจะยิงก็ยิงทีเดียว ไม่ต้องเหลียวไปดู ก็รู้ว่าตายแน่!
จากบทประพันธ์ของ ผาสุข วัฒนารมย์ หนังประเภทบู๊ขาดใจ ให้แข่งขันความดีเยี่ยม กับงานของ ภาพยนตร์สหะนาวีไทย ทุกๆเรื่องที่ท่านเคยดู...
หนังประเภทบู๊ขาดใจ ให้แข่งขันความดีเยี่ยมกับงานของ... ภาพยนตร์สหนาวีไทย ทุกเรื่อง หยิ่งผยองเสนอ... ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ปี 2502 นี้ที่ เอ็มไพร์

เลือดทาแผ่นดิน (2502)

เลือดทาแผ่นดิน (2502/1959) สถานการณ์ชายแดนตรึงเครียด ไอพ่นถูกระเบิดแหลกละเอียด พฤติการณ์ของสิบทหารหาญ ทะยานสู้เลือดสาด เพื่อชาติ เพื่อเอกราชให้ยืนอยู่

บุกแหลก (2501)

บุกแหลก (2501/1958) ข้อความบนใบปิด อมรา อัศวนนท์ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ (น้อย ประจวบ ฤกษ์ยามดี) นำขบวน 10 ตุ๊กตาทอง บุกแหลก พร้อมด้วยยอดดาราที่คุณพอใจ (สมจิตร ทรัพย์สำรวย), (ล้อต๊อก)น้อย, พันคำ, สมควร กระจ่างศาสตร์, ดอกดิน กัญญามาลย์, ชูศรี โรจนประดิษฐ์, (ทานทัต วิภาตะโยธิน), ประไพ คำเรียบร้อย, น้ำเงิน บุญหนัก, มีศักดิ์ นาครัตน์ เนรมิต กำกับการแสดง

 
เจ็ดแหลก (2501)

เจ็ดแหลก (2501/1958) หนังเรื่องที่ 3 ในหนังชุด 1 ต่อ 7 ของ ส.อาสนจินดา ข้อความบนใบปิด ปักหลักสู้ยับ ดับคาแผ่นดิน! เจ็ดแหลก อาคม มกรานนท์, (อดุลย์ ดุลยรัตน์), ส.อาสนจินดา, จุมพล กาญจนนินทุ, อุศมาน ศรแดง, (ล้อต๊อก), (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) และเจ็ดทหารเสือ, เจ็ดสมิงสาว, เจ็ดเสือร้าย แสดงนำ บริษัท ไทยฟิล์ม จัดจำหน่าย 

 
สิงห์คนองกรุง (2501)
เห่าดง (2501)

เห่าดง (2501/1958) บอกตรง-ตรง เห่าดงดีจริง-จริง กรุงเทพมหานครกำลังวุ่นวายเนื่องจากแก๊งโจรสามกลุ่ม คือ เล็บเหล็ก, แสงเทียน และ เห่าดง ออกปล้นสะดมอย่างต่อเนื่อง และกำลังเป็นที่ต้องการตัวของเจ้าหน้าที่ ในขณะที่เล็บเหล็ก และแสงเทียน ทำงานเป็นแก๊ง และฆ่าเจ้าทุกข์อย่างโหดเหี้ยม เห่าดงกลับทำงานคนเดียว และมักจะปล้นตลบหลังเล็บเหล็ก และแสงเทียน สร้างความอาฆาตแค้นให้กับทั้งคู่ วันหนึ่ง เล็บเหล็กออกปล้นร้านทองเยาวราช และถูกเจ้าหน้าตำรวจ นำโดย ร.ต.ท.วุฒิ (ไชยา สุริยัน) เข้าล้อมปราบ ขณะกำลังยิงต่อสู้กัน เห่าดงซึ่งเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ถูกว่อง สมุนแก๊งเล็บเหล็กสังหาร ทำให้ตำรวจทราบว่าแท้ที่จริงแล้ว เห่าดง คือ เพลิง พัชรพิบูลย์ อดีตนายทหารม้า ต่อมา มีโจรลึกลับคนหนึ่ง สวมรอยใช้ชื่อเห่าดงออกทำการ ร.ต.ท.วุฒิ ได้ใช้กำลังปราบปราบแก๊งโจรอย่างจริงจัง และสามารถปราบเล็บเหล็ก และแสงเทียนได้ เหลือเพียงเห่าดงคนใหม่ ซึ่ง ร.ต.ท.วุฒิ ทราบในเวลาต่อมา ว่าแท้ที่จริงแล้วก็คือ พราว พัชรพิบูลย์ (อมรา อัศวนนท์) ลูกสาวบุญธรรมของเพลิง พัชรพิบูลย์ ซึ่งเป็นหญิงสาวที่เขาหลงรัก นั่นเอง

สั่งอินทรีย์ขาวถล่มกรุง (2501)

อินทรีย์ขาว (2501/1958) สุรสิทธิ์-ศรินทิพย์ ข้อความบนรูปโฆษณา สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ สั่ง อินทรีย์ขาว ถล่มกรุง! จากบทประพันธ์ของ สัติยวดี สร้างเป็นบทภาพยนตร์โดย สุพล สุวรรณสิทธิ์ และอำนวยการสร้าง-กำกับการแสดง โดย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ถ่ายภาพโดย เอก สุภาพันธ์ จากสุภาพบุรุษเสือไทย มาเป็นหัวหน้าแก๊งค์วายร้ายที่มีบริวารยอดบู๊นับพันๆ ทุกครั้งที่เขาประกาศิต มันหมายถึง บุกแหลก! เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ (ที่สร้าง-กำกับ) เกรียงไกรไปด้วยขบวนดารานามโรจน์ และยิ่งใหญ่ที่สุดในการถ่ายทำ พรั่งพร้อมด้วย ชาลี อินทรวิจิตร, (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ), จรูญ สินธุเศรษฐ์, น้ำเงิน บุญหนัก, (เสน่ห์ โกมารชุน), จันทรา เมธากุล, (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม), (ทานทัต วิภาตะโยธิน), ทองแป๊ะ สินจารุ ฯลฯ 

 
เล็บสิงห์ (2501)

เล็บสิงห์ (2501/1958) ดนัย-จรัสศรี-จุรีรัตน์ ข้อความบนใบปิด สนั่นศิลป์ภาพยนตร์ เสนอภาพยนตร์ต่อสู้ฉกาจฉกรรจ์ เล็บสิงห์ จากบทประพันธ์ของ ภูมิ สีหราช ดนัย ดุลยพันธ์, จรัสศรี สายะศิลปี, ประภาพรรณ นาคทอง, สมถวิล มุกดาประกร, สุรชาติ ไตรโภค, อนันต์ สัตยพันธ์, (ล้อต๊อก)น้อย, ดาวทอง สิงหพัลลภ, บังเละ, บู๊ วิบูลย์นันท์ พร้อมด้วยดาวรุ่งดวงใหม่ จุรีรัตน์ จันทรศิลปิน สนั่น จรัสศิลป์ และ K.N.J. ถ่ายภาพ มารยาท กำกับการแสดง จรรยา (สำเภาทอง) กำกับบท สนั่น จรัสศิลป์ อำนวยการสร้าง เริ่ม 28 สิงหาคม 2501 ที่โรงหนังพัฒนากร รูปบนใบปิดคือ จากซ้าย จรัสศรี, สมถวิล และดนัย 

นักเลงเดี่ยว (2501)
นักเลงเดี่ยว (2501/1958) ตำบลชายแดนแห่งหนึ่ง เรียกว่าบ้านชนแดน อันเป็นถิ่นเกิดและที่ทำมาหากินของจ่าดับ จำเปาะ (ส. อาสนจินดา) ทหารเก่า กำลังลุกเป็นไฟด้วยความเดือดร้อน เมื่ออ้ายเสือโทน (สังเวียน หาญบุญตรง) พ่ออ้ายเสือทิม (เมืองเริง ปัทมินทร์) อ้ายเสือทอม (สุวิทย์ เทียมเมศ) ลูกและเสือทัพ (เทียนชัย สุนทรการันต์) น้องชาย เข้าไปตั้งถิ่นโจรอยู่ในป่าลึกแดนต่อแดน จ่าดับ จำเปาะ หลังจากที่ไปช่วยหกสหายปราบ 7 ผู้ร้ายที่หาดใหญ่มาแล้ว เขากลับมาบ้านต้องพบกับความรันทดแสนสาหัส เมื่อเมียรักของเขาคลอดลูกตายทั้งกลม จ่าดับคำนึงถึงความเป็นนักเลงมือปืนของเขา คงจะก่อเป็นกรรมเก่าสนองเขา ให้ได้รับความโทรมนัสเช่นนี้ จึงได้ลาออกจากหน้าที่กำนัน ไปใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ กำนันคนใหม่ที่รับตำแหน่งจากจ่าดับคือ สวน (ล้อต๊อก) มีลูกสาว 2 คนคือ ชะเอม (วิภา วัฒนธำรงค์) นิสัยเรียบร้อย เสงี่ยมเจียมตัว น้องสาวชื่อ อ้าย (พะเยาว์ สาริกบุตร) เป็นคนชอบฟุ้งเฟ้อ หรูหรา อีกคนหนึ่งเป็นลูกเลี้ยงชื่อ ชะอม (จันตรี สาริกบุตร) สำหรับอ้อยความที่เป็นสาวปราดเปรียว จึงเป็นที่หลงรักของ เจ้าเด่น (พงศ์ศิริ เพียงพรหม) ซึ่งเป็นน้องชายคนสุดท้องของจ่าดับ แต่เจ้าเด่นเป็นหนุ่มลูกทุ่งที่เซ่อซ่า ขี้ขลาดตาขาว จึงหาเป็นที่รักใคร่ชอบพอของอ้อยไม่ แทนที่อ้อยจะรับรักหนุ่มบ้านเดียวกันกลับ ไม่มีจิตรพิศมัยกับอ้ายเสือทอม ซึ่งเป็นอ้ายเสือรูปงาม บ้าบิ่นจนกระทั่งหนีตามอ้ายเสือทอมข้ามเขตต์แดนไป แต่แล้วอ้อยก็ต้องหนีเตลิดกลับมา เพราะไปเห็นสภาพความกักขระโสมมของบรรดาอ้ายเสือร้าย สี่พ่อลูกพี่น้อง นับแต่วันที่อ้อยหนีไป เจ้าเด่นไปนั่งเศร้าเฝ้าคอยหาสาวคนรัก อยู่ในป่าชายเขตต์แดนทุกคืนวัน ไม่เป็นอันกินอันนอน ฉะนั้นเมื่ออ้อยหนีกลับ เด่นจึงยินดีที่จะช่วยพากลับ เด่นพาอ้อยไปที่บ้านพ่อบ้านแม่ซึ่งอยู่ในป่านอกเขตต์แดนไทย ขอยืมม้าพาสาวรักหนีไป ผลกรรมนี้ตกอยู่กับพ่อและแม่ของเด่น เมื่อสี่อ้ายเสือตามพบรอยม้ามันจึงฆ่าพ่อของเด่นตาย และให้อ้ายทิมคุมแม่ของเด่นไว้ อีก 3 เสือขี่ม้าบุกเข้าบ้านชนแดน ฆ่าชาวบ้านดะไป จนกระทั่งมาพบจ่าดับ ที่ไม่ยอมให้ 3 เสือร้ายก้าวล้ำฝ่านเข้าไปได้อีก สามเสือร้าย อ้ายโทน อ้ายทอม อ้ายทัพ เผชิญหน้ากับจ่าดับ เสือเก่าซึ่งไม่ยอมถอย จ่าดับจำต้องชักปืนออกมาดวลกับเสือโทนตัวต่อตัว แต่ศรศิลปนอกจากจะไม่กินกันแล้ว ยังกินกันไม่ลงอีกด้วย ต่างถูกกระสุนที่มือพร้อมๆกัน ปืนหลุดมือทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม แม้เสือโทนจะเรียกร้องขอตัวอ้อยกลับไปให้เสือทอมลูกชาย แต่จ่าดับก็ยืนยันอย่างนักเลงว่า ตราบใดที่ชีวิตตนยังไม่สิ้น จะไม่ยอมที่แม้แต่หมาขี้เลื้อนตัวเดียวของบ้านชนแดนแก่เสือโทนเป็นอันขาด เสือโทนขอสัญญาแลกกันกับจ่าดับและกำนันสวนว่า ตนไม่ติดใจที่จะเรียกตัวนังอ้อยคืน และตนเองจะไม่ลุกล้ำเขตต์ เข้ามากระทำตนเป็นจ้าวนักเลงอีก หากแต่กำนันสวนและจ่าดับจะต้องให้สัญญาว่านับแต่นี้ เป็นต้นไปชาวบ้านชนแดน คนใดก็ล้ำเขตต์เข้าไปในป่าของตนไม่ได้ จะต้องไม่ยอมให้นักเลงจรคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจหรือสายลับล่วงล้ำเข้ามาภายในเขตต์บ้านชนแดน และจ่าดับจะเรียกลูกทัพบกคู่ใจที่เหลืออีก 5 คนเข้ามาไม่ได้เป็นอันขาด มิฉะนั้นแล้วตนจะพาพวกโจรบุกเข้ารังควาน จ่าดับไม่อาจจะรับคำได้ เพราะในเขตต์ป่าที่เหล่าร้ายหวงห้าม ยังมีบ้านพ่อ แม่ ของตนอยู่แต่กำนันสวนมีความเห็นแก่ตัวเป็นเอก กลับประณามจ่าดับว่า ถ้าไม่ยอมรับก็เท่ากับจ่าดับเห็นแก่พ่อแม่ของตนเท่านั้น ไม่เห็นแก่สวัสดิภาพของชาวบ้านนับพัน อย่างนี้ก็เท่ากับโอนตำแหน่งกำนันมาต้มให้แกรับภาระ อุจาระเต็มกางเกง คนเดียว หลังจากที่เสือโทนและบรรดาพวกได้สัญญามั่นเหมาะจากกำนันสวนไปแล้ว ในวันสงกรานต์ของบ้านชนแดน ขณะที่ชาวบ้านกำลังสนุกสนานอยู่กับการแห่นกปล่อยปลา การณ์ก็ปรากฏว่า มีนักเลงเดี่ยวคนเดียวคนหนึ่ง คนแปลกหน้าล่วงล้ำแบบทะเล่อทะล่าเข้ามาในหมู่บ้านชนแดน นักเลงเดี่ยว (ทักษิณ แจ่มผล) มาในลักษณะของคนสติไม่เต็ม แต่หมอเป็นคนไวและหมัดหนักชะมัด ฉะนั้นเมื่อกำนันและพวกเข้าไปทำร้ายขับไล่ จึงถูกหมอตอกหน้ากลับ จนล้มลุกคลุกคลานและตกน้ำตกท่าไป นอกจากเก่งในเชิงมวย นักเลงคนนั้น ยังความหมื่นทะลึ่ง กับผู้เป็นเอก และเป็นเหตุให้อ้อยต้องวิ่งไปลากมือ เจ้าเด่นคู่รักมาคะยั้นคะยอให้ต่อยหน้านักแปลกหน้าให้ได้ แต่แล้วผลปรากฏว่า เด่นกลายเป็นกระสอบทรายให้ นักเลงแปลกถิ่นซ้อมมวยไปอย่างน่าสงสาร ชะเอมเข้าช่วยก็ถูกจูบตอบแทน ชะเอมเข้าทุบตีก็ก็จะพลอยถูกปล้ำ จนกระทั่งนักเลงคนนั้นได้เผชิญหน้ากับจ่าดับ การต่อสู้ระหว่างนักแปลกหน้ากับจ้าวถิ่นได้เป็นไปอย่างดุเดือด ผลก็คงเดิมจ่าดับลงไปนอนเป่าฝุ่นเสียศักดิ์ศรีอย่างสิ้นเชิง ขณะที่เหลี่ยมนักเลงของจ่าดับถูกลบ เป็นเวลาเดียวกับที่ เสือโทน เสือทอม เสือทิม และเสือทัพ ขี่ม้ามาถึง มันทั้ง 4 จึงได้หัวเราะเยาะจ่าดับได้ทันเวลา มิหนำซ้ำช่วยกันรุมซ้ำเติมจ่าดับอย่างทารุณ จนนักเลงเดี่ยวคนนั้นทนดูไม่ได้ ขณะที่เสือทอม เสือทิมรุมซ้อมจ่าดับ เสือโทน เสือทัพ จะลอบยิงจ่าดับ นักเลงแปลกหน้าคนนั้นจึงช่วยยิงสกัดไว้ และเขาเองเข้าเสนอตัวรับมือสู้กับเสือทิม เสือทอม แบบ 2 ต่อ 1 อย่างทรหด จนสองเสือพี่น้องสิ้นลาย สี่เสือกลับเข้าป่าอย่างอาฆาตแค้น ขณะเดียวกันความกล้าหาญของนักเลงแปลกหน้าที่มีฝีมือเหนือกว่า จ่าดับ จำเปาะได้ระบือไปทั่วบ้าน เขาเริ่มเป็นที่เอ็นดูของชะเอมและเป็นที่ชอบพอของอ้อย ในคืนนั้นชะเอมแอบไปเอาเสื้อผ้าของพ่อไปให้นักเลงจรคนนั้นเปลี่ยน เธอเป็นห่วงว่าเขาจะถูกทำร้าย เวลานั้นความเก่งของเขากำลังเป็นภัยแก่หมู่บ้าน เพราะเขาคนเดียวจะต้องเป็นเหตุให้พวกเสือโทนมารุกรานหมู่บ้านอีกใครๆก็อยากขับไล่เขาออกไป ความอารีของชะเอม ได้รับความรักจากชายชาตรีผู้นั้นตอบแทน แต่ขณะที่คนทั้งสองจะเข้าใจในรัก อ้อยก็เข้ามาเป็นมารขวาง อ้อยสกดรอยตามพี่สาวมา เพื่อจะเก็บเอาความอารีต่อชายที่พ่อถือว่าเป็นศัตรูผู้นี้ไปฟ้องพ่อ นักเลงเดี่ยวผู้นั้นจึงสร้างความรักจอมปลอมขึ้นกับอ้อยด้วยชั้นเชิงของเสือผู้หญิง เขาแกล้งทำเป็นเข้าใจว่าอ้อยคือชะเอม และพร่ำพรรณารักที่มีต่อชะเอมกับอ้อยเอง แล้วฝากจูบไปให้อ้อยด้วย อ้อยหลงเชื่อตายใจสนิทคิดว่าตนชนะพี่สาว เก็บเอาความรักที่นักเลงเดี่ยวผู้นั้นพร่ำเพ้อถึงตนมาเป็นความอบอุ่นชื่นใจของตนอยู่คนเดียว คืนนั้นเสือโทนใช้พวกมาลอบทำร้ายนักเลงเดี่ยวผู้นั้น ด้วยอาวุธปืนและระเบิดมือแต่กลับถูกซ้อนกลพ่ายกลับไป โจรชายแดน ทั้ง 4 เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ความมุ่งหมายของมันเกินแค้น มันต้องการจะเก็บนักเลงแปลกหน้าคนนี้ให้ได้ จึงปักป้ายไว้กลางตลาด ฉะนั้นแล้ววันรุ่งขึ้นพวกมันนับสิบจะเข้าทลายหมู่บ้าน คนทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในสภาพฝันร้าย ไม่มีใครมีปัญหากล้าไล่นักเลงแปลกหน้าคนนั้นออกไปได้ และไม่มีใครมีปัญญาจะคิดต่อต้านกับพวกเสือโทน ในวันรุ่งขึ้นแม้กระทั่งจ่าดับ จำเปาะก็ผละจากตำแหน่งจ้าวถิ่นไปอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะเขามีใจอยู่กับชะเอม แต่บัดนี้ชะเอมมอบรักให้แก่นักเลงแปลกหน้าเสียแล้ว เหล่าร้ายนับสิบๆหลั่งไหลจากป่าเข้ามาในหมู่บ้าน ด้วยเหลี่ยมนักเลงและชั้นเชิงนักสู้ที่เหนือกว่า นักสู้เดี่ยวๆคนนั้น ก็กระทำการดังปฏิหาริย์ เขาคนเดียวสามารถต่อต้านเหล่าร้ายนับสิบเหล่านั้น ถอยร่นเข้าป่าไปอย่างเป็นระเบียบ แต่ถึงเขาเก่งเพียงไร ก็ไม่ยิ่งไปกว่าเทวดาขณะนั้น ที่เขายังสู้กับเหล่าร้ายและกำลังจะถูกลอบยิงข้างหลัง จ่าดับ จำเปาะซึ่งแอบดูพฤติกรรมของเขาอยู่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เมือเขาขอบคุณจ่าดับ จำเปาะ จ่าดับก็บอกปัดนักเลงเดี่ยว แบบไว้เชิงว่า หายกัน เพราะครั้งหนึ่งนักเลงแปลกหน้าก็เคยช่วยชีวิตเขา ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง คืนนั้นนักเลงแปลกหน้าลอบเข้าไปในป่าเขตต์ชายแดน จ่าดับได้สกดรอยตาม ชะเอมกับชะอมตามจ่าดับไปอีกทีหนึ่ง เพราะคิดว่าจ่าดับจะเล่นสกปรกตามฆ่าชายคนรักของเธอ อ้อยอีกคนหนึ่งบัดนี้ได้ทราบความจริงแล้วว่า เธอถูกหลอกลวง นักเลงคนนั้นรักชะเอมไม่รักคนด้วยความแค้นของเด็กสาว ทำให้อ้อยกระทำการอันไร้สติ เธอหนีออกจากบ้านจะเตลิดกลับไปหาเสือทอมคู่รักเก่าอีก พอดีจ่าดับได้ทราบความจริงจากชาวบ้านว่า พ่อของตนถูกฆ่าตายเป็นศพอยู่หน้าบ้าน ศพแม่ของตนหายไป แต่มีเสียงปีศาจร้องโหยหวลอยู่ในบ้านร้างอันเป็นของพ่อแม่เขา หากใครเข้าใกล้บ้านนั้นจะถูกมือลึกลับยิงออกมา จ่าดับรีบรุดไปที่บ้านผู้ให้กำเนิดของตน ระหว่างทางเข้าได้เห็นเครื่องบินลำมหึมากำลังปล่อยร่มลงมา เมื่อจ่าดับเข้าไปถึงหลุมฝังศพพ่อ เขาได้พบนักเลงคู่อาฆาตคนนั้น นั่งร้องไห้อยู่ที่หลุมฝังศพพ่อ เขาจะขับไล่ ก็เผอิญได้เห็นบนบ้านของเขามีพวกเหล่าร้ายอยู่ มีเสียงแส้ มีเสียงร้องครวญครางของปีศาจแม่ของเขาครวญครางอย่างที่ชาวป่าว่า ทั้งเขากับนักเลงแปลกหน้า เลยช่วยกันเสี่ยงชีวิตเข้าไปทำลายเหล่าร้ายในบ้าน ที่นั่นเขาได้พบแม่ของเขายังไม่ตาย แต่ถูกจับเข้าขื่อคา ทรมานด้วยการเฆี่ยนตีจนแม่เขาเกือบจะสิ้นใจอยู่แล้ว จ่าดับเข้าไปปลดพันธนาการให้แม่ แก่เห็นนักเลงแปลกหน้าก็พยายามพูด แต่แล้วแกก็สิ้นลมเสียก่อน นักเลงคนนั้นเรียกแม่ของจ่าดับว่าแม่ แล้วเปิดเผยความจริงว่า คนเป็นลูกคนกลาง เขาเป็นน้องชายของจ่าดับ จำเปาะ คนที่เกเรที่สุด ซึ่งขโมยเงินพ่อแม่จนหมดตัวหนีไปเกะกะอยู่ในกรุงเทพฯ และเขาชื่อ เดี่ยว จำเปาะ ถึงกระนั้นก็ตาม จ่าดับก็ยังไม่ปลงใจเชื่อ และไม่ยอมให้เดี่ยวทำแม้แต่จะกราบหลุมศพแม่ให้เป็นเสนียด ครั้นเดี่ยวดึงดันจะทำจ่าดับจึงขัดขวาง ด้วยหมัดมวย แต่ก่อนที่ทั้งสองจะรู้ดำรู้แดง ก็ถูกขัดขวางการต่อสู้จากคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแต่งด้วยชุดดำทั้งชุด คนแปลกหน้านั้นมาด้วยกัน 5 คน พอเปิดหน้า จ่าดับจึงได้พบว่า คนทั้งห้านั้นก็คือเพื่อนเก่าและนายเก่า ได้แก่ ตังกวย แซ่ลี้ สิบโทอัคคี เมฆยันต์ สิบโทกล้า ตะลุมพุก และพันตรีกฤษณ์ กับเพื่อนใหม่อีกคนหนึ่งคือพันตรีไกวัล ((อดุลย์ ดุลยรัตน์)) ผู้เชี่ยวชาญการจรวด คนทั้งหมดเปิดเผยกับจ่าดับว่า ถูกทิ้งร่มมาเพื่อปฏิบัติราชการ ขณะนี้มีเหล่าร้ายไม่ปรากฏสัญชาติกำลังมาตั้งจรวดทีมีอานุภาพร้ายแรงเพื่อรุกรานประเทศไทย เขาทั้ง 5 มาในนามของหน่ายกล้าตาย แห่งกองทัพบกไทยเพื่อหาหนทางทำลายแผนการอุบาทของเหล่าร้ายเสีย จ่าดับจึงเข้าใจเรื่องราวได้ตลอดว่า การที่เสือโทน กับพวกมารุกรานบ้านชนแดนและสัญญาไม่ล้ำถิ่นก็เพื่อ ไม่ต้องการให้คนแปลกหน้าเข้าไปรู้ความลับเรื่องจรวดซึ่งตั้งซ่อนอยู่ในป่านั้นเอง ขณะนั้นคนทั้งหมดได้พบกับชะเอมกับชะอม และได้เห็นเด่นเป็นบ้า รกตามอ้อยเข้าไปในถิ่นเหล่าร้าย ทุกคนเกรงว่า เด่นจะเข้าไปอาละวาดทำให้เรื่องแตก จ่าดับและเพื่อนจึงตามเด่นเข้าไปในหุบเขา ทิ้งให้เดี่ยว ชะเอม ชะอม อยู่ในสายตาของ พันตรีไกวัล เดี่ยวพบสายโทรศัพท์จึงตามสายโทรศัพท์ขึ้นไป จนกระทั่งพบโรงจรวดของผู้คิดร้าย ซึ่งสร้างเป็นโรงไม้ไผ่มุงแฝกครอบคลุมพรางตาไว้กลางป่า พันตรีไกวัลต้องการจะบอกข่าวนี้กับเพื่อนคอมมานโด จึงทิ้งเดี่ยวไว้กับชะเอมและชะอม ตัวเองเล็ดลอดเข้าไปในหุบเขาถิ่นโจรของเสือโทน เสือทอม เสื่อทิม และเสือทัพ ตั้งอยู่โพรงถ้ำอันกว้างขวางของเขาทะยาน ภายในห้องลับด้วยวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยเครื่องยนตร์กลไกและไฟฟ้า พวกทรยศต่อชาติทั้ง 4 เสือ ได้กำลังสมทบจากดาวร้าย มือปืน 12 ดาว ซึ่งได้จ้างมา ในจำนวนนี้มีมือปืนคนสำคัญอยู่คนหนึ่งคือหมัด เชิงมวย มันอ้างว่ามันคือน้องชายของเจ้าเหมาะ เชิงมวยที่สิ้นชื่อไปแล้วแต่ครั้งต่อสู้ที่หาดใหญ่ หมัด เชิงมวยมาสมัครเป็นมือปืนรับจ้างของเหล่าร้ายครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการจะมาล่าชีวิตของจ่าดับ จำเปาะซึ่งมันเข้าใจว่าครั้งนั้น จ่าดับทอดทิ้งให้เจ้าเหมาะพี่ของมันตาย แต่แทนที่เจ้าหมัดจะได้ล่าชีวิตจ่าดับ จ่าดับกลับเป็นผู้ช่วยชีวิตเจ้าหมัดไว้ จากการลอบสังหารของพวกเสือไทย เพราะเจ้าหมัดแอบไปรู้ความลับว่า พวกนี้ขายชาติ เจ้าหมัดชอกช้ำใจมากที่ตนต้องตกเป็นทาสบุญคุณของจ่าดับ แค้นของมันกลายเป็นหมัน มันเลยหาโอกาสช่วยชีวิตจ่าดับ จำเปาะ และเพื่อนคอมมานโดไว้ให้ได้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณในช่วงนาทีวิกฤต พันตรีไกวัลรีบมาบอกพรรคพวกว่าตนพบจรวดแล้ว เขาต้องการจะเล็ดลอดเข้าไปในกองบัญชาการของเหล่าร้ายเพื่อทราบกำหนด วัน เวลา ปล่อยจรวด ซึ่งคาดหมายว่าอยู่ในอุโมงค์ ถ้าของเขาทะยานนั้น ส่วนจ่าดับเป็นห่วงชะเอมและชะอม ทั้งไม่ไว้ใจในความบริสุทธิ์ของเจ้าเดี่ยว เขากับเพื่อนจึงรีบรุดไปยังโรงจรวด พันตรีไกวัลหาทางลงไปในถ้ำเขาทะยาน เป็นเวลาเดียวกันกับที่อ้อยกำลังถูก 4 เสือร้ายยื้อแย่งกันอุตลุด พันตรีไกวัลลงไปในห้องพักของรุ่งทิวา (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) ซึ่งเป็นลูกสาวสุดที่รักของอ้ายเสือโทน เขาช่วยรุ่งทิวาให้รอดพ้นจากการลวนลามของสมุนโจรคนหนึ่ง แต่ใช่ว่าเขาจะมีความเอื้ออารีต่อลูกเสือร้ายก็หาไม่ด้วยเลือดรักชาติมันร้อนระอุ เขาเดือดแค้นทุกสายเลือดของเสือโทน ซึ่งประพฤติตนเป็นคนขายชาติ ถึงกระนั้นพันตรีไกวัลก็หาทำร้ายรุ่งทิวาได้ไม่ ความเดือดแค้นอันเนื่องมาแต่ความรักชาติดับลง เมื่อได้ประจักษ์ว่าแท้จริง รุ่งทิวาเป็นคนตาบอด เธอเป็นเพชรท่ามกลางโคลนตม เป็นลูกที่ดีของพ่อชั่วอย่างเสือโทน เป็นน้องที่ดีของเสือร้ายอย่างทิมและทอม รุ่งทิวาปรารถนาจะได้เห็นฟ้าเมืองไทย เช่นเดียวเดียวกับที่พันตรีไกวัลรักฟ้าเมืองไทย เธอปรารถนาจะได้เห็นธงไทยปลิวสะบัดอยู่เหนือดินแดนนั้น ไม่ใช่ธงของผู้ทรยศหรือผู้คิดร้าย หล่อนมอบธงไทยให้พันตรีไกวัล ธงผืนที่สร้างขึ้นในความฝันของเธอ มันมีเพียงสีขาวและน้ำเงินเธอขอให้ไกวัลเติมสีแดงให้ และขอให้เขาช่วยให้ธงนั้นปลิวสะบัดอยู่เหนือดินแดนนั้นอย่างที่เธอปรารถนา การลอบเข้ามาของพันตรีไกวัล ไม่พ้นการลอบรู้ของเหล่าร้าย เสือโทน ร้องสั่งให้ลูกสาวของตนกดปุ่มระหัสหนี ออกจากประตูกลไปเสียจากห้องนั้น ตนเองจะให้ปืนทันสมัยที่ทรงอานุภาพทำลายห้องที่พันตรีไกวัลแอบไปหลบอยู่นั้นเสีย แต่ระหว่างพ่อ ผู้ทรยศต่อชาติกับนักรบผู้รักชาติ รุ่งทิวาเลือกเอาบุคคลหลัง โดยยอมเสียสละชีวิตของตนเอง ปล่อยพันตรีไกวัลหลบหนีไปทางประตูกล ตนเองต้องตกเป็นเหยื่อกระสุนระเบิดจากปืนทันสมัยซึ่งมีอานุภาพร้ายและผู้บังเกิดเกล้าของเธอเองลั่นประหารโดยสำคัญผิด เมื่อจ่าดับและพวกไปถึงจรวด เจ้านักเลงเดี่ยวคนนั้นได้หลบหนีไปแล้วโดยพันธนาการชะเอมและชะอมไว้ ทุกคนต่างเข้าใจแน่นอนว่า เดี่ยวต้องเป็นจาระบุรุษ แต่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้ต่อไปก็คือ แก้ไขเหตุการณ์โดยด่วนก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป พันตรีกฤษณ์ได้ค้นพบทางลงไปใต้ดินจึงพบเค้าว่า ประดาผู้คิดร้ายต่อประเทศไทยใช้ใต้ดินเขาทะยานเป็นกองบัญชาการ ไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัว ทหารของผู้คิดร้ายก็เข้าจับกุมคนทั้งหมดเว้นชะเอมคนเดียวที่ได้หลบซ่อนตัว ทั้งหมดถูกพันธนาการด้วยลวดขนาดเล็ก ล่ามไว้กับหีบระเบิดเวลา รอเวลาตายตอนย่ำรุ่ง ซึ่งผู้คิดร้ายต่อประเทศไทยจะปล่อยจรวดเข้าทำลายกรุงเทพฯ ขณะนั้นพันตรีไกวัล หนีมาพบเพื่อนๆทุกคนถูกพันธนาการอยู่ แต่ไม่สามารถจะช่วยได้เพราะอยู่คนละห้อง และไม่สามารถจะพังห้องกระจกที่สร้างขึ้นมาพิเศษป้องกันการทำลาย พันตรีไกวัลจึงไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ เผอิญชะเอมออกมาจากที่ซ่อน พันตรีไกวัลซึ่งเป็นผู้พันทหารช่างแสง จึงให้ชะเอมเป็นเครื่องมือเขาในการถอดชนวนระเบิด โดยเขาจะเป็นผู้ออกคำสั่งทีละขั้นตอน ชะเอมสามารถถอดระเบิดเวลาได้จากการบอกของพันตรีไกวัล ชะเอมได้ช่วยชีวิตทุกคนได้สำเร็จ ทั้งหมดจึงร่วมกันต่อสู้แหวกวงล้อมของเหล่าร้ายออกไปนอกเขาทะยานได้ จ่าดับ จำเปาะพบกับน้องคนเล็กเจ้าเด่น จำเปาะถูกเหล่าร้ายทำร้ายบาดเจ็บสาหัสอยู่ในซุ้มไม้ เด่นขณะนั้นเลือดกำลังเข้าตา ความที่ถูกข่มเหงทำร้ายอย่างเจ็บปวด ทำให้เลือดของลูกผู้ชายและเลือดรักชาติเกิดขึ้นฉับพลัน เด่นขอธงของรุ่งทิวาที่พันไกวัลนำติดตัวมา ให้เป็นหน้าที่ของเขาที่จะเติมเลือดสีแดงให้ เพื่อให้เป็นธงไตรรงค์ของชาติไทย และขอร้องให้ทุกคนปล่อยเขาไว้เป็นหน้าที่ของเขาอีกที่จะชักธงไตรรงค์ขึ้นเหนือดินแดนนั้น แทนธงของผู้รุกราน พันตรีกฤษณ์ได้วิทยุบอกแก่กองบัญชาการเพื่อนัดหมายเวลา ทำลายจรวดของเหล่าร้ายในเวลาย่ำรุ่ง โดยใช้ทหารม้าและยานเกราะ โดยให้ดูธงไทยที่ชักขึ้นเหนือดินแดนนั้นเป็นสัญญาณโจมตี รุ่งขึ้น ด้วยธงสีขาว น้ำเงิน และสีแดงอันได้แก่เลือดจากกายของตนเองจนชุ่มโชก เจ้าเด่นซึ่งเคยเป็นหนุ่มขลาดได้สำแดงความเป็นวีรบุรุษสมชายชาตรี มันชูธงไว้กับคอ วิ่งทะยานเข้าหาเหล่าร้าย ที่กำลังจะชักธงดำขึ้นสู่เสา การต่อสู้เพื่อชาติอย่างบ้าเลือดของเจ้าเด่นเกิดขึ้นที่โคนเสาธงนั้น พลังรักชาติของมันประทับใจอ้อยที่เคยหยามน้ำใจแก่มัน อ้อยทนดูเจ้าเด่น แบะอกรับอาวุธของข้าศึกอยู่ไม่ได้ อ้อยที่ทุกคนกล่าวว่าเป็นนังผู้หญิงที่รักความหรูหราฟุ้มเฟ้อ ก็สละชีวิตตนเองเข้าปะทะเหล่าร้ายร่วมด้วยเจ้าเด่น เจ้าเด่นชักธงไตรรงค์ได้ครึ่งเสาก็ถูกยิงด้วยกระสุนปืนกล นางอ้อยโดดเข้าคว้าเชือกธงแทน เมื่อมันเองถูกกระสุน ตัวมันล้มฟาดกลิ้งลง มันดึงเชือกนั้นพาธงไตรรงค์คู่ฟ้าขึ้นสะบัดอยู่ยอดเสา และธงนั้นไม่มีโอกาสที่จะลดลงอีก หรือยอมให้ธงอื่นชักขึ้นแทนเลย เพราะทั้งอ้ายเด่นและนางอ้อยมันร่วมใจกันเอาเชือกธงที่เหลือนั้นมัดติดตัวมันทั้งสองพันรอบเสาธงอย่างแนบแน่น มันขาดใจด้วยกันที่เสาธงนั้น มัดอยู่ด้วยกันเหมือนคนเดียวกัน ใจเดียวกัน ก่อนขาดใจ อ้ายเด่นยิ้มทั้งน้ำตา ในทันใดที่ธงไทยปลิวสะบัด นักรบผู้รักชาติไทยทั้งทหารม้า ยานเกราะ และหน่วยกล้าตายก็เข้าจู่โจมทำลายจรวด ผู้ที่มาเหนือเมฆอย่างที่ไม่มีใครในบ้านชนแดนคาดฝันก็คือ พันตำรวจตรีเดี่ยว จำเปาะ ผู้พันพลร่มกล้าตาย ค่ายนเรศวร ซึ่งได้พาบรรดาพลร่มลูก “เสือดำ” ทั้งผองถลาลงมาจากอากาศเข้าต่อสู้ข้าศึกอย่างทรหดดุเดือด และแม้จรวดจะถูกทำลายแล้วก็ตาม แต่งานของทหารเสือหาได้ยุติลงไม่ เขาได้เผชิญหน้ากับดาวร้ายมือปืน 12 ดาวที่ทรยศต่อประเทศชาติ เพื่อสั่งสอนและกำจัดมิให้คนไทยคนใดทรยศต่อประเทศชาติ จ่าดับ จำเปาะ หมัด เชิงมวยผู้กลับใจเพราะรู้ซึ้งในน้ำใจจ่าดับ ตังกวย แซ่ลี้ สิบโทอัคคี เมฆยันต์ พันตรีไกวัล วิทยา สิบโทกล้า ตะลุมพุก พันตรีกฤษณ์ แก้วณรงค์ และพันตรีเดี่ยว จำเปาะ ทั้งหมดพกปืนกันคนละกระบอก เข้าเผชิญหน้ากับ 12 มือปืนนั้นอย่างแลกชีวิต ทั้งหมัด ทั้งมวย ทั้งยิงกันแบบแลกชีวิต จนสามารถหมอบ 12 มือปืนลงไปอย่างลาบคาบ พันตรีเดี่ยว จำเปาะได้อยู่กินกับชะเอม และพี่น้องก็เข้าใจกันในอ้อมกอดของจ่าดับ จำเปาะและเดี่ยว จำเปาะ จ่าดับได้เพื่อนใหม่ที่ขอติดตามจ่าดับไปในทุกหนแห่งแทนพี่ชายเขา นั้นคือหมัด เชิงมวย