มายาพิศวาส (2550/2007) ม.ร.ว.อมรา มหเวช กำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนก็พา อิศรา บุตรชายวัย 2 ขวบและ สมวงศ์ คนรับใช้ย้ายตาม จอห์น สามีชาวกรีกมายังประเทศบ้านเกิด จอห์นพาอมรามาอยู่ที่คฤหสาสน์กรีกโบราณที่มีรูปปั้นเมดูซา ผู้หญิงหน้าตาน่ากลัวมีหัวเป็นงู ซึ่งตระกูลของจอห์นบูชามาหลายชั่วอายุคนแล้ว หากใครทำลายจะต้องคำสาปที่น่ากลัว อมราไม่เชื่อลงมือทุบรูปปั้นด้วยมือของตัวเอง ลำแสงจากรูปปั้นเข้าไปที่ท้องของอมรา จอห์นกลัวมากได้แต่สวดมนต์อ้อนวอนให้พระเจ้าช่วย จนถึงวันที่อมราคลอดลูกออกมาเป็นแฝดหญิงชื่อว่า อรชุมา และ อินทิรา อรชุมาเป็นเด็กเรียบร้อย ขณะที่อินทิราเป็นเด็กช่างพูดใจร้อน ในวันเกิดครบ 6 ขวบพี่เลี้ยงก็กรีดร้องเมื่อเห็นอินทิรากลายเป็นปีศาจ มีหัวเป็นงู ตาสีแดง จ้องมองมาที่ตัวเองจนร่างกายเป็นหิน อมรารู้ว่าคำสาปเมดูซาตามมาเล่นงานเธอแล้ว ทำให้เธอเกลียดและกลัวอินทิรามาก และพาอิศรา, อรชุมา และสมวงศ์ หนีกลับเมืองไทย และไม่บอกที่อยู่ให้ใครรู้ จอห์นกับอินทิราเสียใจมาก อินทิราหวาดกลัวและน้อยใจแม่ที่เธอรักเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอกลายเป็นปีศาจ และทิ้งเธอไป 20 ปีผ่านไปอินทิราเติบโตเป็นสาวอยู่กับจอห์นที่ประเทศกรีก อิศราก็เป็นสูตินรีแพทย์เชี่ยวชาญการรักษาเด็กที่มีโครโมโซมผิดปกติ ส่วนอรชุมาเป็นครูสอนศิลปะในโรงเรียนประถม แม้อิศรากับอรชุมาจะอยู่เมืองไทยแต่ทั้งคู่ยังรักพ่อและน้องสาว ทั้งสองแอบติดต่อกับจอห์นมาตลอดโดยอมราไม่รู้ เมื่อจอห์นเสียชีวิตอินทิราจึงเดินทางมาที่บ้านฟ้าหยาด การมาของอินทิราทำให้อมราตกใจกลัว วางแผนฆ่าอินทิราด้วยดาบเช่นเดียวกับวิธีฆ่าเมดูซา แต่อมราพลาดท่าถูกอินทิราที่โกรธจัดกลายร่างเป็น “กอร์กอน” จ้องมองจนร่างกายเป็นหิน อิศราและอรชุมาตกใจมาก แต่สงสารอินทิรามากกว่า ทั้งคู่สัญญา ว่าจะรักและดูแลอินทิราตลอดไป จึงปิดบังเรื่องอรชุมามีฝาแฝดแล้วให้อินทิราซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดิน จะออกมาได้ก็ตอนกลางคืนและห้ามออกนอกบ้านเด็ดขาด อิศราไปพบ น.พ.ทรงวิทย์ เวชการเจริญ เจ้าของโรงพยาบาลที่อิศราทำงานอยู่ เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความผิดปกติในเด็กเพื่อหาทางรักษาอินทิรา ทำให้อิศราได้พบกับ มินตรา ลูกสาวคนเดียวของหมอทรงวิทย์ที่เพิ่งเรียนจบมาเป็นเลขาฯ ให้พ่อ มินตราหลงรักอิศราทันที และอาสาช่วยเหลือเรื่องข้อมูลที่อิศราต้องการ มินตรามักหาข้ออ้างให้อิศราพาไปเที่ยวด้วย อิศรารู้ทันแต่ไม่กล้าปฏิเสธ อินทิราทนความอึดอัดไม่ไหวปลอมตัวเป็นอรชุมาออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน จึงรู้ว่าอรชุมามีคนรักคือ กิ่งกวินทร์ สถาปนิกหนุ่ม อินทิรากลัวว่าอรชุมาจะรักกิ่งกวินทร์มากกว่าตน จึงสวมรอยเป็นอรชุมาไปบอกเลิกกับกิ่งกวินทร์ แต่กิ่งกวินทร์ไม่ยอมทำให้อินทิราโกรธจ้องมองกิ่งกวินทร์จนร่างกลายเป็นหิน อยู่ในบ้านฟ้าหยาดนั่นเอง ป้าน้อย เห็นเหตุการณ์เข้าก็เป็นลม อิศราให้สมวงศ์และ เครือ ยกร่างกิ่งกวินทร์ไปเก็บไว้ในห้องลับที่เก็บรูปปั้นหินของอมรา แล้วทำลายหลักฐานทั้งหมด บอกว่าสิ่งที่ป้าน้อยเห็นไม่ใช่ความจริง ทำให้ป้าน้อยเสียสติป้ำๆ เป๋อๆ จำอะไรไม่ได้ เมื่ออรชุมารู้ว่ากิ่งกวินทร์กลายเป็นหินก็เสียใจมาก อิศราและอรชุมารู้ว่าอินทิราหวงพวกตนมากผิดปกติ อิศราสั่งอินทิราห้ามปลอมตัวเป็นอรชุมาอีกเด็ดขาด เมื่อกิ่งกวินทร์หายตัวไป กรพินทร์ ( ก้อย ) น้องสาวของกิ่งกวินทร์จึงชวน ร.ต.ท.วศิน นายตำรวจหนุ่มเพื่อนสนิทของกิ่งกวินทร์ ที่รักก้อยเหมือนน้องสาวแท้ๆ ไปตามหาที่บ้านฟ้าหยาด อิศรากับอรชุมาปฏิเสธแต่ป้าน้อยใส่นาฬิกาของกิ่งกวินทร์เดินผ่านมา แล้วจู่ๆ ป้าน้อยก็สติแตกขว้างนาฬิกาคืนให้ก้อยแล้ววิ่งหนีไป วศินเอาหมายศาลมาค้นที่บ้านฟ้าหยาดแต่ไม่พบอะไร ก้อยคิดช่วยหาหลักฐานจึงมาสมัครเป็นคนรับใช้ อิศราสงสารก้อยจึงรับมาทำงานเลขาฯ ดูเอกสาร ความร่าเริงของก้อยทำให้อิศราหลงรักเธอ แต่ก้อยต้องทำตาม กฎของบ้านคือ ห้ามขึ้นตึกใหญ่และออกมาเดินเพ่นพ่านตอนกลางคืน มินตรามาตีสนิทกับอินทิราจึงได้เจอกับก้อย มินตราแกล้งก้อยทำให้ก้อยได้รับบาดเจ็บ อิศราก็มารักษา มินตราเอาเรื่องอิศราใกล้ชิดกับก้อยไปบอกอินทิรา อินทิราปลอมตัวเป็นอรชุมามาต่อว่าก้อย สมวงศ์เห็นอินทิรามาต่อว่าก้อยก็เป็นห่วงความปลอดภัยของก้อย หาทางไล่ก้อยออกจากบ้าน ป้าน้อยเห็นก้อยคุยกับอรชุมาบ่อยๆ ก็มาบอกก้อยว่าอรชุมาเป็นปีศาจงู ก้อยไม่เชื่อเพราะเห็นว่าป้าน้อยสติไม่ดี วศินมาเจออรชุมาบ่อยๆ เพื่อสืบเรื่องกิ่งกวินทร์ ทำให้ทั้งคู่สนิทกันและมีใจให้กัน อินทิราปลอมตัวเป็นอรชุมาไปสอนหนังสือให้เด็ก แต่เด็กกลัวเลยโมโหจ้องเด็กจนกลายเป็นหินต้องโทร.บอกอิศราให้มาช่วย พ่อแม่เด็กมารับลูกไม่เจอลูกก็ไปแจ้งความ วศินเป็นเจ้าของคดีเรียกอรชุมามาสอบปากคำ แต่มีพยานช่วยเหลือจนรอดมาได้ อรชุมาโกรธอินทิรามากก็ทะเลาะกัน มินตราไปวิ่งเต้นให้ผู้ใหญ่ย้ายวศินออกจากพื้นที่ที่รับผิดชอบ วศินโกรธมากไปโวยวายกับอิศราจนชกต่อยกัน อิศราสั่งให้อรชุมาเลิกคบกับวศิน พี่น้องจึงทะเลาะกัน วศินมาหาอรชุมาแต่พบอินทิราปลอมตัวมา อินทิราหลงรักวศินและคิดว่าวศินรักตน จึงบอกอรชุมาว่าวศินมีใจให้และสั่งห้ามอรชุมาเข้าใกล้วศิน อรชุมาโกรธมากไม่ยอมให้อินทิราพรากคนที่ตัวเองรักไปอีกแล้ว วันหนึ่งมินตรามาที่บ้านฟ้าหยาด เจ้ากี้เจ้าการกับอินทิราจนอินทิราโกรธจ้องร่างมินตราจนกลายเป็นหิน แล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้องหนังสือ ก้อยตามไปจนได้เห็นอินทิราบูชาเมดูซา อินทิราเห็นก้อยก็ต่อว่าอย่างรุนแรง อิศราเข้ามาพาก้อยออกไปได้ทันพอดี อินทิราให้อิศราไล่ก้อยออกแต่อิศราไม่ยอม อินทิรายิ่งแค้นปลอมตัวเป็นอรชุมาไปไล่ก้อยออก แต่ก้อยไม่ยอมบอกว่าคนที่ไล่ก้อยได้มีแต่อิศราคนเดียว ก้อยเถียงจนอินทิราโกรธกลายร่างเป็นกอร์กอน เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป และเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ติดตามชมได้ในละคร “มายาพิศวาส

หัวใจศิลา (2550/2007) เมื่อหัวใจของเขา ต้องเลือกระหว่างความแค้นและความรัก หัวใจศิลา “เพราะรอยแผลเป็นในใจของชายหนุ่มที่ถูกทำร้าย และดูถูกในอดีตทำให้เขาต้องสวมวิญญาณอสูร เพื่อกลับมาแก้แค้น…แต่ความรักเกิดที่ขึ้นท่ามกลางเหตุการณ์เลวร้ายจะ สามารถลบล้างหัวใจอสูรของชายหนุ่มให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้หรือไม่” ศิลา หรือ ต่อ เป็นลูกของ ไหม เมียน้อยของ ทรงศักดิ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ต่อเกิดจากความไม่ตั้งใจของทรงศักดิ์ ไหมพาต่อมาพบทรงศักดิ์ที่บ้าน แต่ถูกไล่ออกมาและไหมก็สิ้นใจในที่สุดทิ้งให้ต่ออยู่เพียงลำพัง ทรงศักดิ์จึงจำใจรับต่อเข้าไปอยู่ในบ้านโดยปล่อยให้ สีดา เมียหลวงของเขาดูแล แต่สีดาก็เกลียดชังต่อและสอนให้ สาวิตต์ลูกชายของเธอรังแกต่อด้วย โกมุท และ มารศรี เป็นผู้ดีเก่าเพื่อนบ้านของทรงศักดิ์ มีลูกสาวสองคนคือ มิ่งขวัญ และ มินตา แต่มารศรีกลับเอาใจและประคบประหงมมิ่งขวัญมากกว่ามินตา มินตาชอบเล่นอะไรแบบเด็กผู้ชาย เธอจึงเป็นเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวของต่อ ในขณะที่ต่อมักจะหลบออกมาอยู่คนเดียว ส่วนมิ่งขวัญรังเกียจต่อจนไม่ยอมเข้าใกล้ และด่าต่อว่าเป็นไอ้หมาขี้เรื้อน สกปรกโสโครก วันหนึ่งต่อถูกสีดาทุบตีทำร้ายอย่างทารุณและขังไว้ในห้อง เพราะสาวิตต์ใส่ร้ายต่อว่าขโมยเงินของสีดาไป ในคืนนั้นเขาหาทางหนีออกไปจากบ้านจนได้ หลายวันต่อมามีคนพบศพเด็กชายคนหนึ่งลอยน้ำมา ทุกคนเข้าใจว่าต่อตายไปแล้ว แต่แท้จริงแล้วต่อหนีไปอยู่กับ พิมสุดา หรือ แหม่ม น้าสาวซึ่งเป็นน้องแท้ๆ ของไหมนั่นเอง สิบห้าปีต่อมา มินตาเติบโตขึ้นและทำงานเป็นมัณฑนาการในบริษัทรับออกแบบตกแต่งบ้านแห่งหนึ่ง เธอพา ธันวา เพื่อนร่วมงานไปโรงพยาบาล แต่ความรีบร้อนทำให้ชนกับรถของศิลาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล ทั้งสองปะทะคารมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร มินตารู้สึกคุ้นหน้าว่าเขาคือพี่ต่อที่เธอเคยรู้จัก แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมรับ ธันวาจำได้ว่าศิลาเป็นมือขวาของเจ้าแม่แหม่มแม่เล้าไฮโซแห่งวงการธุรกิจกลาง คืน มินตาจึงเข้าใจว่าศิลาเป็นแมงดา และซ้อมผู้หญิงจนแท้งจึงต้องพามาโรงพยาบาล แต่ศิลาได้รู้ความจริงจาก อ้อย ว่าที่เธอต้องตกเลือดอย่างรุนแรง เพราะเธอถูกลูกค้าคนหนึ่งซ้อมและลูกค้าคนนั้นคือสาวิตต์นั่นเอง แต่สีดาก็หาทนายมาช่วยให้สาวิตต์รอดพ้นจากความผิด ศิลาจึงรู้ว่าคนพวกนี้ยังอยู่ดีมีสุข และทำความเลวให้คนอื่นเดือดร้อน ความโกรธแค้นที่ศิลามีต่อครอบครัวของสีดาจึงปะทุขึ้นอีกครั้ง ศิลาจึงให้ลักษมีดาราสาวหลอกให้สาวิตต์ติดพนัน และศิลาก็สามารถยึดบ้านของสาวิตต์ที่นำมาจำนองกับตนไป ด้วยเหตุนี้ทำให้สาวิตต์แค้นมากทำให้ทั้งสองชกต่อยกันในขณะนั้นรถสิบล้อที่ จอดไว้เกิดล้อเคลื่อนมาทับขาสาวิตต์จนต้องเป็นคนพิการ และศิลาก็ซื้อหุ้นบริษัทจนได้เป็นเจ้าของ แต่สีดามีแผนโดยร่วมมือกับมารศรีบังคับให้มินตาแต่งงานกับสาวิตต์เพื่อเอาไป ต่อรองกับศิลาให้เอาบ้านคืน ซึ่งศิลาก็ยอมหลังจากนั้นมินตาก็เกลียดศิลา โดยบอกว่าตัวเองรักสาวิตต์ ทำให้ต่อหึงหวงจึงข่มขืนมินตาจนมินตาท้อง หลังจากนั้นสาวิตต์กับสีดาให้คนไปจับศิลากับมินตาไปขัง โดยมีข้อเสนอว่าต้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างของศิลาแลกกับอิสระ แต่สุดท้ายลักษมีได้แจ้งตำรวจมาช่วยจนศิลาหนีออกมาได้ แต่มินตาถูกสาวิตต์กับสีดาจับตัวไป และลักษมีถูกยิงตายศิลาตามไปช่วยจนถูกยิงตกน้ำไป ส่วนมินตาได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจ และมารศรีกับมิ่งขวัญถูกจับเช่นเดียวกับสาวิตต์และสีดา แต่สุดท้ายศิลายังไม่ตายและกับมาใช้ชีวิตอยู่กับมินตา

แสงสูรย์ (2550/2007) ติรกา ดาวเด่นแห่งวงสังคมชั้นสูงประกาศหมั้นกับ ม.ร.ว.ไอศูรย์ สุริยฉัตร ( คุณต้อง ) ชายผู้งดงามเป็นทายาทสืบทอดวังแสงสูรย์แห่งตระกูลสุริยฉัตร ทำให้ตำแหน่งคุณหญิงผู้ครอบครองวังแสงสูรย์ตกมาอยู่ในมือของเธอ ในงานหมั้น ม.ร.ว.ภาสวร สุริยฉัตร ( คุณต้อย ) น้องชายฝาแฝดของไอศูรย์ ซึ่งโกรธและอิจฉาที่ไอศูรย์แย่งติรกาไปมาร่วมงานพร้อมกับ รัตนานงเยาว์ หญิงสาวเฝ้าหลงรักไอศูรย์ งานหมั้นผ่านไปด้วยดีติรกาจึงมั่นใจว่าตำแหน่งท่านหญิงจะต้องเป็นของเธอ แต่ทันใดนั้นก็มีทหารนำหมายเรียกตัวไอศูรย์ไปเป็นทหารอาสา หลังจากที่ไอศูรย์ไปรบติรกาก็คอยติดตามข่าวสารตลอด ระหว่างนั้นภาสวรก็เข้ามาเกี้ยวพาราสีแต่ติรกาไม่สนใจ จนกระทั่งเธอได้ข่าวว่าไอศูรย์เสียชีวิต ภาสวรจึงใช้โอกาสที่ตนเป็นทายาทมีสิทธิ์ครอบครองแสงสูรย์เอาชนะใจติรกา โดยพาไปเที่ยวตากอากาศที่หัวหิน ที่นั่นภาสวรจึงได้พบกับ โชติรส และอ้างว่าตนเองคือไอศูรย์ ทางด้าน หม่อมศุภางค์ ย่าของไอศูรย์และภาสวร รังเกียจติรกาเพราะรู้ว่าจะเข้ามาครอบครองวังแสงสูรย์ ฝ่ายติรกาเมื่อถูกหม่อมศุภางค์ดูถูกก็ยิ่งทำให้เธออยากจะเป็นเจ้าของแสง สูรย์มากขึ้น เมื่อภาสวรเอ่ยปากขอหมั้นติรกาจึงตอบตกลงทันที ขณะที่ภาสวรกำลังสวมแหวนหมั้นก็มีข่าวด่วนว่าไอศูรย์ยังมีชีวิตอยู่ ติรกาช็อคมากเพราะเวลานี้เธอเป็นคู่หมั้นของภาสวรไปแล้ว ติรกาจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปตั้งหลักที่บ้านของมารดาที่นครสวรรค์ ทำให้ภาสวรคลุ้มคลั่งมาก สองอาทิตย์ต่อมาไอศูรย์เดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยรถไฟ ระหว่างทางเค้าได้พบกับโชติรสเด็กสาวที่ภาสวรเคยจีบ เธอโวยวายเรื่องที่ไอศูรย์จีบเธอที่หัวหินทั้งๆ ที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วคือติรกา ตอนแรกไอศูรย์คิดว่าโชติรสจำคนผิด แต่สุดท้ายไอศูรย์ก็นึกถึงภาสวรขึ้นมาได้และสารภาพว่าตนเองมีคู่แฝด ทำให้โชติรสเข้าใจอะไรมากขึ้น เมื่อไอศูรย์กลับไปถึงแสงสูรย์ หม่อมศุภางค์ได้ขอให้ไอศูรย์เสียสละยกติรกาให้กับภาสวร และสั่งให้ไอศูรย์ไปตามติรกากลับมา วันต่อมาไอศูรย์นั่งรถไฟไปยังนครสวรรค์เพื่อไปรับติรกาเค้าได้พบโชติรสอีกครั้ง เมื่อโชติรสรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็เห็นใจและสงสารไอศูรย์มาก จึงอาสาช่วยเหลือโดยปลอมตัวเป็นคู่หมั้นคนใหม่ของไอศูรย์ เพื่อให้ติรกาตัดใจและยอมกลับไปหาภาสวร เมื่อไอศูรย์มาถึงก็แนะนำว่าโชติรสคือคู่หมั้นคนใหม่ ติรกากลัวว่าแสงสูรย์จะหลุดมือไปเธอจึงตัดสินใจกลับ แสงสูรย์แต่โดยดี เมื่อทั้งหมดกลับมาถึงแสงสูรย์ติรกาก็วางแผนกลั่นแกล้งโชติรสจนทำให้หม่อม ศุภางค์โกรธไล่โชติรสออกไปจากวัง หลังจากโชติรสลากลับบ้านที่สุโขทัย ติรกาก็พยายามเข้าหาไอศูรย์และประวิงเวลาการแต่งงานกับภาสวรออกไป ทำให้ภาสวรโทษไอศูรย์ หม่อมศุภางค์จึงตัดสินใจตามโชติรสกลับมายังวังแสงสูรย์และให้แต่งงานกับ ไอศูรย์โดยเร็ว แต่โชติรสอ้างว่ายังไม่พร้อม ขณะเดียวกันติรกาก็หาวิธีกำจัดโชติรสโดยยืมมือรัตนานงเยาว์ ซึ่งในขณะนั้นเธอกำลังคบหาอยู่กับ ยศไกร นายตำรวจหนุ่มซึ่งเคยคบหากับโชติรสมาก่อน เมื่อติรกาเชิญรัตนานงเยาว์มาสังสรรค์ที่วังรัตนานงเยาว์พายศไกรมาด้วย โชติรสจึงได้พบกับยศไกรยศไกรรู้สึกเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าโชติรสตกลงใจหมั้นกับ ไอศูรย์ ไอศูรย์รู้ว่าโชติรสจะกลับบ้านจึงรีบเปิดเผยโครงการก่อตั้งมูลนิธิเลี้ยง เด็กกำพร้า โดยขอให้โชติรสเป็นครูดูแลเด็กๆ เมื่อติรการู้เข้าจึงรีบไปฟ้องภาสวรเพื่อให้คัดค้าน ทำให้ไอศูรย์และภาสวรทะเลาะกัน ขณะเดียวกันภาสวรเห็นติรกาเข้าไปยุ่งกับไอศูรย์จนไม่เหลือเยื่อใยให้ตน ก็เครียดจัดเลยออกไปเที่ยวเสเพลนอกบ้านจนไปได้เสียกับ กานดา นักร้องในผับแห่งหนึ่ง แถมยังแอบอ้างว่าตนคือไอศูรย์อีกด้วย เมื่อหม่อมศุภางค์เห็นภาสวรทำตัวสำมะเลเทเมาก็เป็นห่วงจึงสั่งให้ไอศูรย์รีบ แต่งงานกับโชติรสด่วน ไอศูรย์อ้างว่าตนยังไม่พร้อมแล้วไปขอร้องให้ติรกาแต่งงานกับภาสวรแทน แต่ติรกาไม่ยอม ขณะนั้นกานดาซึ่งตั้งครรภ์กับภาสวรได้ให้กำเนิดทารกขึ้นมา โดยเข้าใจว่าไอศูรย์คือพ่อของเด็กจึงเข้ามาขอค่าเลี้ยงดูที่แสงสูรย์ ไอศูรย์และโชติรสจึงปรึกษากันและตัดสินใจรับลูกของกานดามาเลี้ยง โดยไอศูรย์จะรับเป็นพ่อของเด็ก ไอศูรย์เข้าไปต่อว่าภาสวรติรกามาแอบได้ยินจึงเอาเรื่องนี้ไปเป็นข้ออ้างใน การถอนหมั้น ทำให้ภาสวรโกรธแค้นมากเพราะเข้าใจว่าไอศูรย์กลั่นแกล้งตนเพื่อแย่งติรกาไป ภาสวรเลยวางแผนแกล้งหนีออกจากแสงสูรย์ เมื่อหม่อมศุภางค์รู้เข้าก็โกรธและเสียใจจนล้มป่วย และโทษว่าไอศูรย์เป็นผู้ที่ทำให้ภาสวรหนีไป จึงสั่งให้ไอศูรย์ออกตามหาภาสวร ต่อมามีโทรเลขส่งมาจากปักษ์ใต้แจ้งว่าภาสวรตายแล้ว ไอศูรย์เดินทางไปรับศพน้องชายที่ปักษ์ใต้ ระหว่างทางได้พบกับ เชิดศักดิ์ ผู้ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของภาสวร เชิดศักดิ์วางยาสลบไอศูรย์แล้วเอาร่างของไอศูรย์ใส่เรือทิ้งไว้กลางทะเล แล้วจมเรือเพื่อให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ ส่วนภาสวรไม่ได้ตายจริงๆ ก็สวมรอยเป็นไอศูรย์แล้วเดินทางกลับ ระหว่างที่ไอศูรย์ตัวปลอมกำลังเดินทางกลับ ติรกาก็แกล้งโชติรสโดยหลอกเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลงไปเล่นในเรือจนทำให้ เด็กๆ เกือบจมน้ำตาย โชติรสเสียใจมากจึงตัดสินใจกลับบ้านที่สุโขทัย ไอศูรย์ตัวปลอมรู้เข้าก็หาทางเกลี้ยกล่อมให้โชติรสอยู่ต่อ โชติรสตกลงเพราะคิดว่าไอศูรย์เริ่มมีใจให้กับเธอ ฝ่ายติรกากับไอศูรย์ตัวปลอมก็ทวีความใกล้ชิดกันอย่างออกนอกหน้าจนผู้คนซุบ ซิบว่าทั้งคู่จะแต่งงานกัน ข่าวนี้ได้แพร่ไปถึงยศไกรและนำมาเล่าให้โชติรสฟัง โชติรสจึงต้องเล่าเรื่องคู่หมั้นปลอมให้ยศไกรฟัง ยศไกรดีใจมากและสารภาพรักกับโชติรส ส่วนติรกาก็พยายามหาทางกำจัดโชติรสให้ออกไปจากวังให้ได้ เธอยุไอศูรย์เลิกสถานเลี้ยงเด็ก เมื่อไอศูรย์ตัวปลอมยอมทำตามจึงเกิดทะเลาะกับโชติรสอย่างแรง พอดีกับที่เชิดศักดิ์เข้ามาหาภาสวรติรกาเห็นพิรุธของไอศูรย์ตัวปลอมที่มีต่อ เชิดศักดิ์ จึงแอบฟังและใช้ความลับที่รู้มานี้เป็นข้อต่อรองกับภาสวร เพื่อที่จะได้ครอบครองวังแสงสูรย์ติรกาเริ่มแผนร้าย ด้วยการยุให้ภาสวรกำจัดเชิดศักดิ์ด้วยการวางยาพิษในอาหาร แต่เชิดศักดิ์ไม่ได้กิน ติรกาจึงเปลี่ยนแผนให้ภาสวรไปยิงเชิดศักดิ์แทน เมื่อเชิดศักดิ์รู้ว่ามีคนปองร้ายจึงพยายามหนี แต่ก็ไม่รอดถูกภาสวรยิงจนบาดเจ็บ เชิดศักดิ์หนีไปขอความช่วยเหลือจากโชติรสและเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง โชติรสตกใจมากจึงรีบไปปรึกษายศไกร ส่วนติรการู้ว่าเชิดศักดิ์หนีไปได้จึงจ้างวานต่อพงษ์น้องชายตนที่เป็นมือปืน ให้ฆ่าปิดปาก หม่อมศุภางค์เห็นความใกล้ชิดระหว่างติรกาและไอศูรย์ปลอมก็เกิดความไม่พอใจ จึงยื่นคำขาดให้ไอศูรย์ปลอมรีบแต่งงานกับโชติรส โดยขู่ว่าถ้าไอศูรย์ไม่ยอมแต่งจะไม่ยอมยกสิทธิ์อีกครึ่งหนึ่งของวังแสงสูรย์ ให้ คำสั่งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับติรกาอย่างมากเธอจึงตัดสินใจกำจัดหม่อมย่า อีกคน โดยสั่งให้ภาสวรวางยาพิษหม่อมศุภางค์ แต่ภาสวรไม่กล้าลงมือเพราะยังมีความรักต่อหม่อมย่าอยู่ ติรกาจึงยอมได้เสียกับภาสวรและเกลี้ยกล่อมจนภาสวรยอมทำตาม ส่วนโชติรสเห็นว่าหม่อมศุภางค์มีอาการซึมเศร้าก็เอะใจเลยเก็บยาส่งไปให้หมอ ตรวจจึงรู้ว่าเป็นยาพิษ ทางด้านไอศูรย์ปลอมหรือภาสวรเครียดจัดเลยออกไปเที่ยวกินเหล้าจนเมามายทำให้ ขับรถคว่ำ รัตนานงเยาว์ขับรถตามมาพอดีเลยเข้าไปช่วย และพาภาสวรไปรักษาตัวที่บ้านเพราะคิดจะเป็นไอศูรย์ตัวจริง เผื่อในอนาคตเธอจะได้เป็นท่านผู้หญิงเสียเอง แต่ในระหว่างที่ภาสวรอยู่ที่บ้านรัตนานงเยาว์ เขาก็ฝันร้ายเห็นผีหม่อมศุภางค์มาหลอก ทำให้ภาสวรร้องโวยวายจนตกเตียงกระดูกสันหลังหักกลายเป็นอัมพาต หลังจากที่ไอศูรย์ปลอมหายไปติรกาก็ตั้งท้องได้เดือนกว่า ในขณะที่หม่อมศุภางค์ก็แข็งแรงขึ้นและคิดว่าเรื่องวุ่นวายทั้งหมดเป็นเพราะ ติรกา จึงได้ออกปากไล่ติรกาออกจากวัง ติรกาจึงบอกเรื่องที่เธอกำลังจะมีทายาทให้กับสุริยฉัตร หม่อมศุภางค์โกรธมากและบอกจะรับเลี้ยงดูเฉพาะทายาทเท่านั้น ส่วนติรกาต้องไปอยู่ที่อื่นเพราะว่าตนกำลังจะเดินทางไปสู่ขอโชติรสให้กับ ไอศูรย์ หม่อมศุภางค์ยังพยายามทำดีกับโชติรส โดยการพาชมห้องสีน้ำเงินและพูดถึงการแต่งงานเพื่อแทงใจดำติรกา โชติรสทราบข่าวจากยศไกรว่าพบไอศูรย์ตัวจริงที่ภาคใต้และกำลังจะพากลับมา โดยขอร้องให้โชติรสเก็บเป็นความลับส่วนติรกาพอรู้ว่า ต่อพงษ์ ได้สารภาพความจริงกับตำรวจไปแล้วว่า ได้รับการจ้างวานจากตนให้ฆ่าเชิดศักดิ์ ติรกาเลยสารภาพความจริงต่อทุกคนและตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตัวเองไปพร้อมๆ กับวังแสงสูรย์ ไอศูรย์ตัวจริงเดินทางกลับมาถึงพร้อมยศไกร และพบว่าแสงสูรย์จมอยู่ในกองเพลิงเนื่องจากติรกาได้ตัดสินใจเผาแสงสูรย์ให้ มอดไหม้ไปพร้อมกับตัวเธอและโชติรส ไอศูรย์รีบเข้าไปช่วยทั้งคู่ โศกนาฏกรรมครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร? ติดตามชมได้ใน ละคร “แสงสูรย์”

อุบัติเหตุหัวใจ (2550/2007) เสี่ยใหญ่ เจ้าของ “อัครา คาเฟ่” กำลังขับรถกลับบ้าน โดยมี ชัยวัฒน์ ที่เป็นเพื่อนและผู้จัดการคาเฟ่ขอติดรถไปด้วย ระหว่างทางชัยวัฒน์ถือโอกาสคุยเรื่องที่เขาต้องการถือหุ้นอัคราคาเฟ่เพิ่ม แต่เสี่ยใหญ่ลงไปบนถนนจนโดนรถแท็กซี่ของ พิภพ ชนเอา โดยมี น้ารงค์ หัวหน้าคณะตลกที่คาเฟ่ขับรถตามาพอดีและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พิภพถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพร้อมเสี่ยใหญ่อาการสาหัสทั้งคู่ ภาคภูมิ ลูกชายคนโตของพิภพรู้เรื่องก็รีบมาที่โรงพยาบาล ระหว่างที่นั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัดได้เจอกับ อรชุมา ลูกสาวของเสี่ยใหญ่นั่งร้องไห้อยู่ เขาปลอบเธอในฐานะหัวอกเดียวกันสองคนแอบประทับใจกัน ต่อมาเสี่ยใหญ่เสียชีวิตแต่พิภพพ้นขีดอันตราย เมื่ออรชุมารู้ว่าคนที่ชนพ่อเธอตายคือพ่อของชายที่ปลอบใจเธอ อรชุมาก็ประกาศจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พิพัฒน์ ลูกชายคนเล็กของพิภพต้องการหาเงินรักษาพ่อ เลยขอ เอกชัย เจ้าของคอกม้าคัดตัวเป็นจ๊อกกี้ โดยมี ขิง ลูกสาวของเอกชัยที่ปลื้มเขามากคอยสนับสนุน พิพัฒน์โชว์ลีลาขี่ม้าเก่งจนเข้าตาชัยวัฒน์ ที่แวะมาหาเอกชัยเลยช่วยเชียร์อีกแรง พิพัฒน์ได้เป็นจ๊อกกี้สมใจชัยวัฒน์หวังทำเงินจากการแทงม้าของพิพัฒน์ ทำเป็นเห็นใจเรื่องพ่อบอกให้ตั้งใจฝึกซ้อมให้ดี ถ้าขี่ม้าชนะจะทำเงินมหาศาล พิพัฒน์รู้สึกดีที่ชัยวัฒน์สนับสนุน ภาคภูมิไปที่อัคราคาเฟ่เพื่อเริ่มงานวันแรกที่เขาได้เป็นกัปตัน โดยไม่รู้ว่าอัคราคาเฟ่เป็นของเสี่ยใหญ่ที่พ่อเขาเพิ่งขับรถชนตาย และคนที่มาบริหารแทนคืออรชุมาลูกสาวของเสี่ยใหญ่ เมื่อสองคนเจอกันอรชุมายอมให้ภาคภูมิทำงานที่นี่เพื่อจะได้มีเงินไปรักษาพ่อ เธอหวังว่าพิภพจะฟื้นขึ้นมาใช้กรรมในคุก ภาคภูมิดูแลความเรียบร้อยและแก้ปัญหาในคาเฟ่ได้อย่างดี จนกลายเป็นที่รักของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักร้องคาเฟ่ จันทร์เพ็ย และ เอมี่ ที่ตบตีกันเพื่อแย่งชิงภาคภูมิ รวมทั้ง ดาวรุ่ง ที่รักอยู่กับ วีระชัย ลูกชายของชัยวัฒน์ที่แอบเลี้ยงดูเธออยู่ลับๆ ก็หันมาร่วมแย่งภาคภูมิด้วยอีกคน ภาคภูมิเริ่มสงสัยว่าเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในคาเฟ่เป็นฝีมือของชัยวัฒน์จึงเตือนอรชุมา แต่อรชุมาไว้ใจชัยวัฒน์มาก ภาคภูมิเลยถูกชัยวัฒน์ส่งคนมาทำร้ายบาดเจ็บชงเหล้าไม่ได้ ภาคภูมิเลยสอนอรชุมาชงเหล้าเผื่อเขาไม่สบายทำงานไม่ได้ คืนนั้นทั้งคู่เริ่มเมาและพูดความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจ อรชุมาขอบคุณภาคภูมิแล้วหลับไป ภาคภูมิอุ้มอรชุมาไปที่ห้องพักสำรองแล้วมานั่งเฝ้าที่โซฟาจนหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้นพนักงานต่างซุบซิบนินทาว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันทั้งคืน อรชุมาถูกชัยวัฒน์และวีระชัยลากไปเตือนว่าอาจเป็นแผนของภาคภูมิ ที่ทำให้อรชุมาใจอ่อนไม่ฟ้องศาล อรชุมาเข้าไปต่อว่าภาคภูมิอย่าหวังว่าเรื่องเมื่อคืนจะทำให้ใจ่อน วีระชัยดูออกว่าทั้งคู่มีใจให้กัน เลยสั่งให้ดาวรุ่งไปเกาะแกะกับภาคภูมิเพื่อแยกทั้งคู่ให้ห่างกัน เมื่อดาวรุ่งท้องวีระชัยก็ใส่ร้ายภาคภูมิว่าเป็นพ่อของเด็กในท้อง แล้วจับดาวรุ่งไปทำแท้ง ดาวรุ่งเสียใจมากที่เสียลูกไปจึงตามไปจะฆ่าวีระชัย แต่แอบรู้ความลับของวีระชัญเสียก่อนจึงหลบหนีออกมาบอกอรชุมา แต่วีระชัยและชัยวัฒน์รู้ตัวจึงตามมาจับ แล้วขับรถชนจนดาวรุ่งเสียชีวิต ทางด้านอรชุมาก็เริ่มระแวงความซื่อสัตย์ของชัยวัฒน์ เมื่อเจอหลักฐานเกี่ยวกับการโอนหุ้นคาเฟ่จึงสืบหาต่อ จนรู้ว่าชัยวัฒน์เป็นคนทำให้พ่อของเธอต้องตาย อรชุมาพยายามจะเข้ามายกเลิกการพิจารณาคดีเพราะต้องการถอนฟ้อง แต่ถูกชัยวัฒน์ส่งคนไปจับตัวไว้แล้วบังคับให้เซ็นยกทุกอย่างให้เขา เมื่อภาคภูมิรู้เข้าก็รีบตามไปช่วยจนถูกยิงปางตาย อรชุมาเสียใจมากจึงเรียกตำรวจไปจับชัยวัฒน์ถึงบ้านพร้อมหลักฐานต่างๆ ชัยวัฒน์พยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายด้วยการยิงสู้กับตำรวจจนตายคาที่ ทิ้งให้วีระชัยกลายเป็นผู้รับกรรมทั้งหมด ภาคภูมิสลบไปหลายวันก่อนจะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับที่พิภพถูกปล่อยตัวออกมาเป็นอิสระ เมื่อศาลพิสูจน์แล้วว่าชัยวัฒน์เป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ครอบครัวของภาคภูมิจึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง โดยคราวนี้เขามีอรชุมาอยู่เคียงข้างด้วยตลอดไป

ละอองดาว (2550/2007) กรกฏ เบ็ญจรงค์ (ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา) เดินทางกลับจากอเมริกาทันที หลังได้รับข่าวการเสียชีวิตของ ดร. ไกร เบ็ญจรงค์(อัศวิน รัตนประชา) ผู้เป็นบิดา ในวันแรกที่เขากลับมาถึงเมืองไทย ขุนอรรถวาที (วัชระ ปานเอื่ยม) ทนายความประจำตระกูล ได้แจ้งให้เขาทราบถึงเงื่อนไขพินัยกรรมที่บิดาของเขาได้ทำทิ้งไว้ เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของกรกฏ เพราะเงื่อนไขในพินัยกรรมระบุว่า เขาจะได้รับมรดกทั้งหมดก็ต่อเมื่อแต่งงานกับ ละอองดาว (อ้อม-พิยดา อัครเศรณี) หญิงสาวที่มีศักดิ์เป็นน้องเลี้ยงของเขา เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ดร.ไกร เก็บมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่แบเบาะ แต่กรกฏไม่เคยพบกับละอองดาวเลยตลอดเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา เพราะเขาถูกส่งไปเรียนหนังสือที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก และทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมบ้านก็จะคลาดกับละอองดาว ซึ่งถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ และโรงเรียนการเรือนที่ฝรั่งเศส ความทรงจำเดียวที่กรกฏมีในตัวละอองดาวก็คือ “ตัวกลมเหมือนไหกระเทียม หน้าตาบูดเบี้ยวเหยเกอมโรค คล้ายเด็กเป็นโรคมองโกเลียน” กรกฏรับไม่ได้กับเงื่อนไขในพินัยกรรม เพราะเขามี ผดาชไม (เป้ย-ปานวาด เหมมณี) สาวสังคมเปรี้ยวจี๊ดเป็นคู่รักอยู่แล้ว เขาคิดว่าละอองดาวหวังสมบัติและประจบพ่อของเขาจนหลง เป็นเหตุให้ทำพินัยกรรมประหลาดนี้ขึ้น แต่เงื่อนไขในพินัยกรรมระบุไว้อีกว่า ถ้าภายใน3ปี ละอองดาวเป็นฝ่ายตัดสินใจปฏิเสธการแต่งงานกับเขาหรือแต่งงานกับคนอื่นไปก่อน เงื่อนไขนั้นก็จะเป็นโมฆะ และกรกฏก็จะได้รับมรดกทั้งหมด เขาจึงจ้าง ธัชชัย (เอ็ม-อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล) เพื่อนสนิทจอมกะล่อนไปจีบละอองดาว เพื่อหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนใจเธอ และทำให้ตัวเขาเองได้แต่งงานกับผดาชไมสมใจปรารถนา ครั้งแรกที่ได้พบกับละอองดาว กรกฏก็ต้องตะลึงเพราะเธอเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวสวยเพียบพร้อม และหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี แต่ด้วยอคติเขาจึงตรงเข้าไปต่อว่าเธอว่าโลภมากอยากได้สมบัติ และเขารับไม่ได้กับเงื่อนไขในพินัยกรรม และจะไม่ยอมแต่งงานกับเธอเด็ดขาด ละอองดาวแปลกใจมาก และปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องพินัยกรรมมาก่อน พร้อมตอกกลับกรกฏว่าถ้าหากเขาไม่ยินยอมตามเงื่อนไข เธอก็จะเป็นฝ่ายหลีกทางให้เอง ฝ่ายผดาชไมงอนใส่กรกฏทันที เมื่อรู้เรื่องเงื่อนไขพินัยกรรม เขาจึงใช้เงินเป็นเบี้ยพาเธอออกไปเที่ยวเพื่อปลอบใจ เมื่อเงินหมดเขาไปขอเบิกเพิ่มจากขุนอรรถวาที แต่เบิกไม่ได้เพราะถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขในพินัยกรรม กรกฏจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วละอองดาวไม่รู้ไม่เห็นกับพินัยกรรมฉบับนี้มาก่อน เพราะเธอเองก็ไม่ยอมรับแม้กระทั่งเงินที่มีคำสั่งจ่ายให้ทุกเดือน ยิ่งพอรู้ว่ากรกฏต้องการเงินเพิ่ม ละอองดาวก็ยินยอมยกส่วนของตนเองให้ และพากรกฏไปเอาเงินในตู้เซฟที่ดร.ไกร ทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต แต่ไฟในตึกเกิดดับ ทำให้ละอองดาวสะดุดล้ม กรกฏประคองเธอไว้ และอุ้มลงจากตึก ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองเกิดความหวั่นไหว แต่ละอองดาวพยายามทำตัวห่างเหินจากกรกฏมากยิ่งขึ้น ธัชชัยเข้ามาทำความรู้จักกับละอองดาว โดยการแนะนำของกรกฏ ในระหว่างที่ธัชชัยเข้าออกบ้านของกรกฏเพื่อจีบละอองดาวนั้น กรกฏก็เกิดความรู้สึกหึงหวงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งละอองดาวเย็นชากับเขา กรกฏก็ยิ่งพูดจาประชดประชันเสียดสี จนทั้งคู่เกิดการปะทะคารมกันบ่อยครั้ง ความมีทิฐิ เชื่อมั่นในตัวเอง ทำให้เขาเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ และต้องปกปิดซ่อนเร้นความรู้สึกแท้จริงที่มีต่อน้องเลี้ยงของตน ละอองดาวตัดสินใจออกหางานทำเพื่อให้ตนเองเป็นอิสระโดยเร็ว จึงไปสมัครงานเป็นแม่บ้านอยู่ในวังนพดลของ พระองค์เจ้าพราวนภางค์ นภดล (จารุวรรณ ปัญโญภาส) หญิงชรา ผู้เป็นอดีตราชินีของอาณาจักรลาว แต่กลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในประเทศไทยหลังจากสูญเสียพระสวามี พราวนภางค์รู้สึกเอ็นดูและถูกชะตาละอองดาวตั้งแต่แรกเห็น จึงรับเข้าทำงานทันที และให้ จ้าวคำอินทร์ (หยวน-นิธิชัย ยศอมรสุนทร) ผู้มีศักดิ์เป็นหลานห่างๆ ไปรับส่งละอองดาวที่บ้าน กรกฏเห็นเข้าจึงสั่งห้ามละอองดาวไปทำงานอีก กรกฏจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ขึ้นที่บ้าน โดยมีผดาชไมไปด้วย ผดาชไมเลยถือโอกาสบุกไปอาละวาดละอองดาว และเยาะเย้ยว่าละอองดาวอยู่ที่นี่เพราะหวังสมบัติ ละอองดาวอยากไปให้พ้นจากบ้านนี้ จึงกลับไปหาพระองค์เจ้าพราวนภางค์อีกครั้ง ซึ่งเธอก็รับละอองดาวเข้าทำงาน โดยที่คราวนี้ละอองดาวไม่สนใจคำคัดค้านของกรกฏอีกต่อไป ที่วังนภดลละอองดาวได้เห็นภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่ง และรู้สึกผูกพันกับชายหนุ่มในภาพนั้นอย่างประหลาด ต่อมาจึงได้รู้ว่าเขาคือ จักราชัย (รอน บรรจงสร้าง) โอรสเพียงองค์เดียวของพระองค์เจ้าพราวนภางค์ ซึ่งสละหมั้นเจ้าหญิงแห่งกัมพูชามาแต่งงานกับหญิงไทยสามัญชน จึงถูกขับออกจากราชบัลลังก์ และถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์จนต้องลี้ภัยไปหลบอยู่ในป่า กว่าที่พระชนกและพระชนนีจะให้อภัยก็พบว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว ท่านชายสดายุ (พล ตัณฑเสถียร) หลานชายอีกคนหนึ่งของพระองค์เจ้าพราวนภางค์กลับมาจากฝรั่งเศส เมื่อได้พบกับละอองดาวก็เกิดความประทับใจ เขาเชิญเธอไปในงานฉลองวันเกิด แต่เธอปฏิเสธ ละอองดาวเริ่มมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาพัวพัน ตั้งแต่ท่านชายสดายุผู้สง่างาม จ้าวคำอินทร์ซึ่งมารับมาส่งละอองดาวหลายครั้ง และธัชชัยที่เริ่มหลงรักละอองดาวอย่างจริงจัง กรกฏกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย และหาเรื่องละอองดาวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะถูกเธอตอกกลับมาอย่างเย็นชา เขาให้คนขับรถตามไปรับไปส่งละอองดาว และคอยรายงานว่าละอองดาวไปไหนบ้าง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก แต่กลับประชดโดยการกลับบ้านดึกดื่น พราวนภางค์ดูออกว่าพี่น้องคู่นี้มีอะไรลึกซึ้งเกินธรรมดา จึงตกปากรับคำกับสดายุว่าจะไปร่วมงานวันเกิดด้วย ภายในงานฉลองวันเกิดของท่านชายสดายุ ซึ่งเป็นที่รวมตัวของผู้คนในวงสังคมชั้นสูง รวมทั้งกรกฏและผดาชไมด้วย ผดาชไมมั่นใจว่าเธอจะเป็นคนที่ท่านชายขอเต้นรำเปิดฟลอร์ด้วย และทำตัวสนิทสนมกับท่านชายจนไม่สนใจกรกฏ เมื่อรถของพราวนภางค์มาถึงหน้างาน สดายุออกไปต้อนรับ แต่กลับพบว่าพราวนภางค์ส่งละอองดาวมาแทน ทุกคนตกตะลึงในความงามของละอองดาว สดายุขอละอองดาวเต้นรำเปิดฟลอร์ ผดาชไมจึงตั้งใจฉีกหน้าละอองดาว โดยเอาพันช์ไปสาดหน้า แต่กรกฏเข้ามาดึงไว้ทัน ทำให้พันช์หกรดผดาชไมแทน กรกฏไม่ตามง้อผดาชไมเหมือนเคย แต่กลับดื่มเหล้าหัวราน้ำด้วยความผิดหวัง ผดาชไมเริ่มรู้แล้วว่าละอองดาวเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว จึงตามไประรานให้ละอองดาวเลิกยุ่งกับกรกฏ และทวงหนังสือปฏิเสธการแต่งงาน กรกฏพบว่าละอองดาวเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานกับเขา และไม่ยอมรับทรัพย์สมบัติใดๆ ทำให้เขาเสียใจมากจึงดื่มเหล้าจนล้มป่วย กรกฏไม่ยอมให้หมอมารักษา จน ชวนชม (มยุรี อิศรเสนา ณ อยุธยา) แม่บ้านคนเก่าแก่ ต้องไปตามละอองดาวมาเฝ้าพยาบาลจนหายดี และทำให้ทั้งคู่เกือบจะเข้าใจกัน แต่ผดาชไมกลับมาเอาอกเอาใจกรกฏ เพราะกลัวว่าจะเสียเขาไป กรกฏเห็นธาตุแท้ของผดาชไมแล้ว จึงไม่ยอมคืนดีด้วย ทำให้ผดาชไมแค้นละอองดาวมาก คิดว่าทุกอย่างที่ไม่สมหวังเป็นเพราะละอองดาว ผดาชไมจึงจ้างคนไปลอบยิงละอองดาว แต่กรกฏเห็นเข้าและช่วยไว้ได้ทัน ละอองดาวบาดเจ็บสาหัส คนร้ายถูกจับและรับสารภาพว่าผดาชไมเป็นผู้ว่าจ้าง ผดาชไมถูกจับและถูกลงโทษตามกฎหมาย คราวนี้กรกฏเป็นฝ่ายเฝ้าพยาบาลละอองดาวจนหายดี ธัชชัยบอกกรกฏว่าเขารักละอองดาวจริง และไม่ต้องการเงินค่าจ้างใดๆ กรกฏจำใจเป็นฝ่ายหลีกทางให้ ธัชชัยขอละอองดาวแต่งงาน เธอไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่ขอเวลาคบกันต่อไปอีกสักหน่อย ธัชชัยจึงสงสัยว่าละอองดาวมีคนอื่นในใจอยู่แล้ว เมื่อครบกำหนดสามปีตามเงื่อนไขในพินัยกรรม ละอองดาวขอย้ายออกจากบ้านเบ็ญจรงค์ทันที แต่ขุนอรรถวาทีขอให้เธอไปรับของขวัญวันเกิดครบอายุ 25 ปี ที่ ดร. ไกร ได้เตรียมไว้ให้เธอล่วงหน้าก่อนเสียชีวิต กรกฏรับอาสาไปรับของขวัญให้ ซึ่งเธออนุญาตให้เขาเปิดออกก่อนได้ และปรากฏว่าของขวัญวันเกิดนั้นคือจดหมาย และสูติบัตรแสดงต้นกำเนิดที่แท้จริงของละอองดาว กรกฏจึงได้รู้ว่าละอองดาวคือลูกสาวเพียงคนเดียวของจักราชัย นภดล เพราะฉะนั้น เธอคือเจ้าหญิงละอองดาว นภดล หลานของ พระองค์เจ้าหญิงพราวนภางค์ นภดล นั่นเอง!! กรกฏนำจดหมายฉบับนั้นไปยังวังนภดลด้วยตนเอง พราวนภางค์ดีใจมากจนเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ในที่สุดย่ากับหลานก็ได้พบกัน และละอองดาวก็ย้ายไปอยู่กับเสด็จย่าของเธอ หลังจากละอองดาวย้ายออกไปจากบ้านเบ็ญจรงค์แล้ว กรกฏก็เอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัวด้วยความเศร้าหมองและปวดร้าวหัวใจ เขาตระหนักว่าพ่อของเขาได้ผูกมัดเขาไว้กับหญิงสาวที่แสนดีและเพียบพร้อมอย่างละอองดาว แต่เขากลับไม่เห็นค่า และปล่อยให้เพชรอันล้ำค่านั้นหลุดลอยไป จึงตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา และยกทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดให้เป็นสาธารณกุศล สุดท้ายความรักของเขาและเธอจะหวนคืนกลับมาหรือไม่? ติดตามชม “ละอองดาว”

แม่หัวลำโพง 2550

แม่หัวลำโพง (2550/2007) ขบวนการทั้งแสบ ทั้งซ่า รับรองไม่มีใครเกิน ขอบอกกกกกก…… ม่ายงั้น….คนแถบนี้ทั้งแถบ คงไม่ขนามนาม “ไอ้ซ่า” ว่า“แม่หัวลำโพง” ร้อกสสสสสสสสส์ แต่ถึงจะแสบ ซ่า แค่ไหน????? ไอ้ซ่า ก็ต้องยอมอยู่คนหนึ่งล่ะ จะใครนะเหรอ? อยากรู้…ก็ตาม”แม่หัวลำโพง” จอมแสบอย่างไอ้ซ่ามาเล้ย ไอ้ซ่า หรือ กรวิกา เด็กสาววัยสิบแปดที่หน้าตาสุดแสนจะน่ารักน่าเอ็นดู แต่นิสัยของไอ้ซ่าแตกต่างจากหน้าตาราวฟ้ากับเหว เพราะไอ้ซ่าสุดแสนจะแก่นแก้ว แสบสันต์ ซ่าสุดทรวง จนคนแถวหัวลำโพงขนานนามความซ่า แซ่บเกินคนของไอ้ซ่าว่า”แม่หัวลำโพง”

หุบเขากินคน 2550

หุบเขากินคน (2550/2007) มหาวิทยาลัยศิลปากรพานักศึกษามาเข้าค่ายโบราณคดีบริเวณปราสาทหินรกร้าง ที่รอ การบูรณะ อาจารณ์มอบหมายให้ วิชชุ นักกีฬาดาวเด่นของคณะกับ บดินทร์ คู่ปรับที่บ้าเรียน บ้าตำรา ต้องมาแข่งกันทำรายงานเพื่อชิงทุนซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียว อาจารณ์กำหนดหัวข้อเรื่องศิลาจารึกโบราณแห่งอาณาจักรฟูนัน เพราะเห็นว่าบนศิลาจารึกนั้นมีชื่อของนักศึกษาทั้งสองปรากฏอยู่อย่างบังเอิญ ที่สุด “ภัทรวร…ผู้ผลัดพราก…ผู้ขจัด…เมฆหมอก…มหามายามนต์…ด้วย…รำลึก …เพื่อ…ข้าและท่าน…แม้ต่างภพ…กาล…นาม…วิชชุ…บดินทร์ …นิรันดรกาล” เมื่อบดินทร์กับวิชชุมองศิลาจารึกหลักนั้นก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นคำว่า “เกาะสบาด” ปรากฏอยู่ในบรรทัดสุดท้าย ทั้งที่คนอื่นมองไม่เห็น ทั้สองตัดสินใจจะไปเกาะสบาด แต่เมื่อไปถึงท่าเรือก็ได้เจอนักศึกษาอีก 3 คน ซึ่งกำลังจะไปเกาะสบาดเหมือนกันคือ วิทยา นักกีฬาทุ่มน้ำหนักแต่บ้ากิน อัชฌา ที่เคร่งศาสนา นาบุญ ผู้หญิงคนเดียวที่ชอบการเดินป่าเพราะมีเชื้อสายตระกูลพราน อัชฌาเป็นเด็กกำพร้าเติบโตมาภายใต้การดูแลของหลวงปู่ที่เคร่งครัดในคำสอน และท่องสวดคาถาชินบัญชรเป็นประจำ ติดตามต่อได้ใน หุบเขากินคน

แม่ครัวคนใหม่ 2550

แม่ครัวคนใหม่ (2550/2007) ทันที ที่เรียนจบจากอเมริกา ล้อมดาว สถาปนิกสาวสวยหัวนอกก็ถูก ยายปทุม พ่อรัตน์และแม่ประภา เศรษฐีใหญ่เรียก ตัวกลับ เพื่อบังคับให้แต่งงานกับ หมอปะรำ มณเฑียรรักษ์ ลูกชายของ คุณนายพิศสมร เศรษฐีนีกรุงเทพซึ่งแต่ก่อนคุณนายเป็นเด็กกำพร้าที่ปทุมส่งเสียให้เรียนจนจบ ได้แต่งงานกับคุณสง่า มณเฑียรรักษ์ จนได้ดิบได้ดีเป็นคุณนาย ล้อมดาวหัวเสียมากที่ถูกบังคับจึงให้ ทรงสวัสดิ์ เพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนบ้านของหมอปะรำสืบเรื่องหมอปะรำจนได้รู้ว่าคุณนาย พิศสมรถูกโกงแชร์จนหมดตัว อีกทั้งหมอปะรำก็มีคู่รักอยู่แล้ว ชื่อ ณัฐริกา ดาราหน้าใหม่อดีตนางพยาบาล ล้อมดาวจึงมีอคติต่อครอบครัวหมอปะรำว่าจะหลอกแต่งงานเพื่อหวังเงินทอง ล้อมดาวยืนกรานกับครอบครัวว่าตนเองมีแฟนชื่อ ปิแอร์ ดังนั้นจึงจะไม่แต่งงานกับหมอปะรำทำให้ผู้ใหญ่ทั้ง 3 ไม่พอใจจึงยื่นคำขาดว่าถ้าไม่แต่งงานก็ตัดขาดกัน ล้อมดาวไม่สบายใจจึงปรึกษากับพี่ชายทั้ง 2 คน คือ นพคุณ และ โอบบุญ ซึ่งทั้ง 2 ต่างเห็นด้วยกับการแต่งงาน โดยเฉพาะโอบบุญที่เป็นเพื่อนกับหมอปะรำและยังแอบชอบ อวยพร ลูกพี่ลูกน้องกับหมอปะรำ เมื่อไม่มีใครเข้าข้าง ล้อมดาวจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อไปพิสูจน์ว่า หมอปะรำที่แท้แล้วเป็นคนดีพอที่จะฝากชีวิตไว้หรือไม่ ที่กรุงเทพล้อมดาวปลอมตัวเป็นสาวหัวฟู ฟันเหยิน มีไฝดำเม็ดเบ้อเริ่มติดที่มุมปาก เข้าไปเป็นแม่ครัวคนใหม่ที่ชื่อ ไฝดำ ในบ้านหมอปะรำเพื่อลักลอบสังเกตหมอปะรำ แต่ตอนกลางวันเมื่อมีเวลาล้อมดาวก็มักจะออกไปรับงานสถาปนิก และบังเอิญพบกับหมอปะรำอยู่บ่อยครั้งวันหนึ่ง ณัฐริกา มาเที่ยวบ้านหมอปะรำพร้อมกับบอกให้หมอปะรำแต่งงานกับคู่หมั้น หลังจากนั้นให้รีบหย่าเพื่อแบ่งสินสมรสนอกจากนี้ ณัฐริกายังแอบจูบหมอปะรำตอนเผลอ ล้อมดาวซึ่งยืนฟังอย่างแค้นเคืองเลยโวยวายทะเลาะกับณัฐริกา คุณนายพิศสมรซึ่งแอบเห็นเหตุการณ์ออกมาเข้าข้างไฝดำอีก ไฝดำรู้สึกดีต่อคุณนายพิศสมร ประกอบกับทรงสวัสดิ์บอกกับล้อมดาวว่าควรทำดีเพื่อไถ่โทษที่ไปหลอกคุณนายล้อม ดาวจึงทำตามจนได้กลายเป็นคนสนิทของคุณนายพิศสมร หมอปะรำเริ่มสังเกตพฤติกรรมแปลกๆ ของไฝดำอย่างเงียบๆ เพราะเริ่มสงสัยในตัวของไฝดำ ในระหว่างที่คุณนายพิศสมรไม่อยู่บ้าน ณัฐริกามักเข้ามาทำกร่างในบ้านจนมีเรื่องทะเลาะกับไฝดำ หมอปะรำเห็นเข้าจึงต่อว่าไฝดำด้วยถ้อยคำที่รุนแรงมาก ทำให้ล้อมดาวรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูกคุณนายพิศสมรกลุ้มหนัก เรื่องการหายตัวไปของล้อมดาว หมอปะรำจึงพาแม่ไปพักผ่อนที่หัวหิน ในระหว่างที่เล่นน้ำกันอยู่ แต๋วสาวใช้ในบ้านของหมอปะรำเกิดจมน้ำ ไฝดำจึงรีบไปช่วย หมอปะรำผ่านมาเห็นเหตุการณ์และได้เห็นรอยสักที่ต้นคอของไฝดำ หมอปะรำเริ่มสงสัยในตัวของไฝดำและล้อมดาวว่าอาจเป็นคนเดียวกัน จึงร่วมมือกับโอบบุญออกอุบายเพื่อที่จะหาตัว ล้อมดาว พอดีล้อมดาวแอบกลับบ้านและได้จัดงานปาร์ตี้แฟนซีกับเพื่อนๆ ในงานโอบบุญแอบชวนหมอปะรำด้วย โดยหมอปะรำแต่งตัวเป็นท่านเคาท์แด็กคิวล่า และได้เต้นรำกับล้อมดาว บังเอิญไฟดับล้อมดาวสะดุดเอื้อมมือไปดึงหน้ากากจึงได้รู้ว่าเป็นหมอปะรำ หมอปะรำดึงตัวล้อมดาวออกมาคุยตามลำพังจนเกิดปะทะคารมกัน เรื่องที่ให้ ล้อมดาวยอมรับความจริงว่าคือไฝดำ ล้อมดาวปฏิเสธ หมอปะรำจึงแกล้งจะปล้ำล้อมดาวเบี่ยงตัวหลบ หมอปะรำจึงเห็นรอยสักที่ต้นคอ แต้อมดาวปฏิเสธจึงถูกหมอปะรำจูบ เมื่อกับไปกรุงเทพ หมอปะรำและล้อมดาวทะเลาะกันอีก หมอโกรธจะจูบล้อมดาวแต่บังเอิญคุณนายมาเห็นเข้า ล้อมดาวได้ทีจึงขอลาออก คุณนายพิศสมรเสียใจมากจนล้มป่วยเฝ้าตำหนิลูกชาย แต่หมอปะรำก็ไม่กล้าบอกความจริงว่าคืออะไร หมอปะรำไปตามล้อมดาวที่บ้านทรงสวัสดิ์ ณัฐริการู้เรื่องที่ไฝดำกับล้อมดาวเป็นคนๆเดียวกัน ณัฐริกาจึงบอกกับคุณนายพิศสมรและพาไปเห็นกับตา พอไปถึงคุณนายพิศสมรได้ยินล้อมดาวต่อว่าตนเองว่าหวังเงิน คุณนายได้ยินก็ผิดหวังและเสียใจมากบอกล้อมดาวว่าตนไม่เคยคิดอย่างนั้น ทำให้ล้อมดาวรู้สึกผิดต่อคุณนายพิศสมรเป็นอย่างมาก จังหวะเดียวกันปิแอร์ตามหาล้อมดาว แล้วได้ขอแต่งงาน นาทีนั้นล้อมดาวรู้ตัวว่าไม่ได้รักปิแอร์ คุณนายเมื่อรู้ข่าวจึงล้มเลิกการแต่งงานของหมอปะรำและล้อมดาว ณัฐริกาจึงถือโอกาสนี้ให้ข่าวว่าจะแต่งงานกับหมอปะรำ ล้อมดาวรู้ข่าวก็เสียใจแล้วประชดด้วยการจะแต่งงานกับปิแอร์ แต่บังเอิญล้อมดาวเห็นปิแอร์กำลังกุ๊กกิ๊กกับหนุ่มหล่อจึงเสียใจแล้ววิ่ง เตลิดไป หมอปะรำจึงพาล้อมดาวไปอยู่บ้านสวนและแกล้งล้อมดาวต่าง ๆ นานา ล้อมดาวไม่ยอมแพ้จนเกิดปากเสียงกันอย่างรุนแรง หมอปะรำโกรธที่ล้อมดาวคิดแต่ว่าครอบครัวตนหวังแต่เงิน แต่ในที่สุดความรักที่ซ่อนอยู่ในใจของทั้งคู่ ก็ทำให้ทั้งคู่เข้าใจและเป็นของกันและกันในที่สุด เรื่องราวเหมือนจะลงเอยด้วยดี แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อคุณนายพิศสมรยังไม่หายโกรธล้อมดาว แม้ล้อมดาวจะขอโทษและ ยอมเป็นแม่ครัวให้ตลอดชีวิตโดยไม่คิดเงิน แต่คุณนายพิศสมรก็ไม่สนใจไยดีล้อมดาวแม้แต่หางตา ล้อมดาวจะแก้ปัญหาอย่างไรถึงจะทำให้คุณนายพิศสมรยอมรับล้อมดาวเป็นสะใภ้ และสามารถแต่งงานกับหมอปะรำได้

กลิ่นแก้วกลางใจ 2550

กลิ่นแก้วกลางใจ (2550/2007) บ้านกลิ่นแก้ว คือบ้านสีขาวริมทะเลหลังหนึ่ง ที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวบนเกาะ มีแต่ป่าและหมู่บ้านชาวประมง ห่างไกลผู้คน บ้านสวยงามที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด แต่ไม่มีใครเคยเข้าไปอยู่ สร้างความฉงนฉงายให้คนแถวนั้นเป็นอย่างยิ่ง ที่หน้าบ้านหลังนี้มีป้ายเล็กๆ ติดอยู่

ความรักเปลี่ยนแปลงโลก ความเกลียดทำลายแม้ตัวเอง… เมษา หญิงผู้จองหอง เย็นชา แต่งงานกับ อรชุน ด้วยความรักเต็มหัวใจเมษาและอรชุนพยายามอย่างยิ่งที่จะมีลูกด้วยกันแต่ไม่ สำเร็จ วันหนึ่งเมษาพบว่าสามีของหล่อน อรชุนลักลอบเป็นชู้กับแฟนเก่าสูงศักดิ์ชื่อ ม.ร.ว.หญิงจิตตา จนคุณหญิงจิตตาตั้งท้อง เมษาพกเอาความแค้นไว้ในใจและตั้งใจจะแก้แค้นอย่างสาสม เมษาอดทนจนวันที่คุณหญิงจิตตาคลอดลูก เมษาแอบเข้าไปสับเปลี่ยนป้ายชื่อของลูกสาวของม.ร.วหญิงจิตตา กับลูกสาวของโสเภณีคนหนึ่งที่บังเอิญมาคลอดลูกในโรงพยาบาลเดียวกันแล้วทิ้งไป ไม่มีใครสงสัยในความผิดครั้งนี้ เด็กสาวทารกที่ควรจะมีชาติตระกูลสูงส่ง ถูกส่งไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า เมษาติดตามดูเด็กคนนั้นอย่างสะใจ พยาบาลตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า พระพาย ลูกสาวของม.ร.ว.หญิงผู้สูงศักดิ์ กำลังเติบโตและตกระกำลำบากอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าโดยไม่มีใครสนใจดูแล ในขณะเดียวกัน จิตตารู้สึกผิดต่อการกระทำของตน จึงบอกเลิกกับอรชุนด้วยความอาลัย จิตตาตัดสินใจหอบลูกน้อยที่หลงคิดว่าเป็นลูกแท้ๆ พาไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ แต่ความแค้นของเมษายังไม่จบ เมษาวางยาพิษให้อรชุนทีละน้อย จนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ วันที่อรชุนตาย เมษาเอาภาพถ่ายของเด็กกำพร้า พระพายที่กำลังถูกเพื่อนกลั่นแกล้งมาให้อรชุนดู หล่อนสะใจที่อรชุนได้รู้ว่าลูกแท้ๆ ของอรชุนและจิตตานั้นกำลังยากลำบากเพียงใด เมื่อจิตตารู้ว่าอรชุนตายลง หล่อนพาลูกสาวอายุแปดขวบกลับมาเมืองไทยทันที จิตตาเสียใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ความรักของตนกับอรชุนจะเป็นความรักที่ผิดศีลธรรมแต่ทั้งสองตระหนักดีว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นคือรักแท้ จิตตาส่งคนไปแอบสับเปลี่ยนโถอัฐิของอรชุนในวันเผาศพของอรชุน แล้วนำอัฐิทั้งหมดไปโปรยไว้ใต้ซุ้มดอกแก้วที่บ้านสีขาวกลางเกาะ…บ้านกลิ่นแก้ว บ้านกลิ่นแก้วแห่งนี้เป็นเสมือนตำนานรักของอรชุนและจิตตา ย้อนกลับไปเมื่อแปดปีก่อนหลังจิตตาคลอดลูกและตัดสินใจตัดขาดจากอรชุน ทั้งสองคนตัดสินใจสร้างบ้านขึ้นหลังหนึ่ง ตั้งชื่อว่าบ้านกลิ่นแก้ว ที่หลังบ้าน ทั้งสองปลูกต้นแก้วไว้เป็นซุ้มเคียงคู่กันสองซุ้ม ทั้งคู่มีสัญญาใจต่อกัน ถ้าใครคนหนึ่งตายไป จะให้คนเอาเถ้ากระดูกมาฝังไว้ที่ใต้ต้นแก้ว แม้ไม่อยู่ด้วยกันในชาตินี้ คนทั้งสองก็จะไม่แยกจากกันในชาติอื่นๆ บ้านกลิ่นแก้วถูกสร้างขึ้นอย่างเงียบๆ กลางเกาะที่ห่างไกลความเจริญและห่างไกลผู้คน มีแต่เพียงคนใช้ชายหญิงชื่อ ถวิล กับ แต้ม เป็นคนดูแล เมื่ออรชุนยังมีชีวิตอยู่ เขาออกแบบและมาคุมการก่อสร้างด้วยตนเอง เขาบรรจงตกแต่งทุกรายละเอียดให้จิตตาและลูกด้วยความรัก บ้านที่เขาสร้างจะเป็นตัวแทนความรักของเขา แม้ไม่มีโอกาสที่จะมี”บ้าน”ที่อยู่ร่วมกันได้อีกในชาตินี้ จิตตารู้ความจริงในข้อนี้ดี ทุกอณูในบ้านหลังนั้นคือความรักที่อรชุนมีเพื่อมอบให้ตนและลูก แต่อรชุนตายไปแล้ว ตนและลูกมีหน้าที่เดินหน้าต่อไป ในขณะที่จิตตาเก็บความทรงจำที่เต็มไปด้วยความรักของอรชุนเอาไว้ เมษากลับเลือกที่จะเก็บความแค้นและความชิงชังในตัวอรชุนและจิตตา หล่อนสานต่อการแก้แค้นอย่างเยือกเย็น …. เมษาเริ่มต้นสานสัมพันธ์จนกลายเป็นเพื่อนสนิทของคุณหญิงจิตตา จิตตาไว้วางใจเมษาเล่าทุกๆ เรื่องให้เมษาฟัง เมษามีความสุขเหลือเกินกับการเฝ้ามองจิตตาประคบประหงมลูกโสเภณีข้างถนนไว้ เป็นลูกของตน ที่สำคัญ เด็กหญิงอาโป ยังมีนิสัยเย่อหยิ่ง เอาแต่ใจตนเอง และร้ายกาจเหมือนสายเลือดต่ำทรามที่ซ่อนอยู่ลึกๆ อาโปไม่ได้ผิดที่สายเลือดเพียงอย่างเดียว อาโปถูกประคบประหงมโดย นมแสง แม่นมที่ดูแลอาโป ด้วยความรักที่มากเกินไป คอยตามใจและทำให้อาโปเสียคน อาโปหยิ่งทะนงที่ตนมีนามสกุลสูงส่งและเป็นทายาทมรดกจำนวนมาก จนกลายเป็นคนเอาแต่ใจตนเอง ไม่รู้จักการให้และการเสียสละใดๆ ในขณะเดียวกันนั้น เมษาก็ทำเรื่องขอตัวเด็กหญิงพระพายมาเป็นลูก เด็กน้อยพระพายมีความสุข หนูกำลังจะมีแม่เหมือนคนอื่น แต่ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เมษาก็ใช้พระพายราวกับคนรับใช้ บางครั้งก็เฆี่ยนตี และดุด่า แต่ไม่ว่าจะถูกลงโทษแค่ไหน หนูน้อยพระพายก็ยังคงรักและศรัทธาในตัวเมษาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะสำหรับเด็กน้อยแล้ว การที่มีใครสักคนพาตนออกมาจากบ้านเด็กกำพร้า และอนุญาตให้ตนเรียกว่าแม่นั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมด จนเวลาผ่านไป เมื่อเด็กสาวทั้งสองเติบโตเป็นสาว เมษาก็วางแผนให้อาโปและพระพายได้กลับมาพบกัน อาโปได้รับการดูแลอย่างดี เจ้าหล่อนถูกส่งไปเรียนต่อในต่างประเทศ แต่กลับมาโดยไม่มีปริญญาติดตัว จิตตาและเมษาไปรับอาโปด้วยกันที่สนามบิน ป้าเมษาคนโปรดของอาโปให้รางวัลอาโปด้วยการมอบคนใช้ประจำตัวชื่อพระพายให้อาโป พระพายย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของจิตตา จิตตามีความรักและเมตตาให้เด็กคนใช้ชื่อพระพายเป็นพิเศษ โดยไม่เข้าใจตนเองว่าเป็นเพราะอะไร เมษาเฝ้ามองทุกอย่างด้วยรอยยิ้ม พระพายถูกจิกใช้ให้เป็นคนใช้ในบ้านของแม่แท้ๆ บนกองเงินกองทองที่ควรจะเป็นของตนเอง คุณหญิงจิตตามีธุรกิจใหญ่โตด้านการส่งออกผ้าไหมไทยกับคหบดีตระกูล “ธีรนัย” ทั้งสองตระกูลมีข้อตกลงอันแปลกประหลาดอยู่ข้อหนึ่งนั่นคือ พวกเขาต้องการให้ทายาทของทั้งสองตระกูล แต่งงานกันเพื่อรักษาสมบัติของตระกูลคือกิจการผ้าไหมไทย และทายาทที่ต้องแต่งงานกัน นั่นก็คือ ลูกสาวของจิตตาที่ชื่ออาโป และลูกชายของตระกูลธีรนัยชื่อ อัสนี อัสนีเป็นหนุ่มเพลย์บอยไม่ทำงานทำการ วันๆ เอาแต่ใช้ชีวิตไร้สาระอยู่กับเงินและผู้หญิง แต่ไม่มีใครเข้าใจว่าอัสนีไม่ได้เลวร้าย เขาแค่รวยมาตั้งแต่เกิดจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ที่สำคัญลึกๆ อัสนีเป็นคนจิตใจดีและขี้เหงาเพราะพ่อแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เล็กๆ อัสนีปฏิเสธการแต่งงานกับอาโปตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า เพราะไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รัก เช่นเดียวกับอาโป หล่อนพยายามหนีการแต่งงานครั้งนี้ โดยไม่ยอมเจอหน้าอัสนีเช่นกัน เจ้าหล่อนมีแฟนอยู่แล้วชื่อ จอนนี่ แต่ทั้งคู่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแต่งงานครั้งนี้ได้ เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปฏิเสธก็จะถูกขับออกจากกองมรดกและตำแหน่งบริหารทุกอย่างในกิจการไหมไทย ทั้งคู่ยังไม่รู้จักหน้าค่าตากันเลย ทั้งที่ต้องเข้าพิธีแต่งงานกันในวันพรุ่งนี้ และในคืนนั้นเองก็เกิดเรื่องเลวร้ายกับอัสนี อัสนีรถคว่ำกลายเป็นคนพิการตาบอด ไม่เพียงแต่พิธีแต่งงานจะเริ่มต้นไม่ได้เท่านั้น…ทายาทคนเดียว ผู้บริหารคนใหม่ของกิจการไหมไทยกำลังจะกลายเป็นคนพิการ เรื่องนี้ส่งผลถึงธุรกิจพันล้านแน่นอน ภานุ อาแท้ๆ ของอัสนีที่แอบหวังฮุบกิจการของอัสนีอยู่ลึกๆ จึงเข้ามาจัดการให้ข่าวต่อผู้บริหารทุกคนว่า อัสนีและอาโปจะแต่งงานกันอย่างเงียบๆ และจะย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านกลิ่นแก้วโดยไม่ต้องการให้ใครรบกวน อาโปกรี๊ดทันทีที่ได้รับข่าว นอกจากไม่ได้ทำงานบริหารสวยเก๋ในเมืองใหญ่แล้วเจ้าหล่อนยังจะถูกส่งไปเป็นชาวเกาะ คอยดูแลสามีตาบอดในบ้านบนเกาะห่างไกลสังคมอีกด้วย และแล้วเจ้าหล่อนก็เกิดไอเดีย อาโปบังคับให้พระพายปลอมตัวเป็นตนแล้วไปอาศัยอยู่กับอัสนีแทน ในขณะที่ตนเองก็จะหนีหายไปเที่ยวต่างประเทศกับจอนนี่ เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่มีใครรู้แม้แต่อัสนี ไหนๆ บ้านกลางเกาะนั่นก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว ใครจะไปรู้ว่าคนที่มาอยู่กับอัสนีเป็นอาโปตัวจริงหรือตัวปลอม อัสนีและพระพายจำต้องอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยาในบ้านกลางเกาะที่ตัดขาดจากโลกภายนอก อัสนีเย่อหยิ่ง ปากร้าย ดุดัน และเกิดมาเพื่อเป็นคุณชายผู้จองหองเอาแต่ใจตนเอง ยิ่งในเวลานี้ที่กลายเป็นคนตาบอด เขายิ่งเหมือนเจ้าชายสายฟ้าที่พร้อมจะฟาดฟันลงมาที่คนรอบข้างตลอดเวลา ในขณะที่พระพายอ่อนโยนจิตใจดี เจ้าหล่อนเหมือนสาวน้อยแห่งสายลม ที่พร้อมจะเยียวยาทุกๆ คนให้มีความสุขกายสบายใจ แต่พระพายเป็นแค่เด็กน้อยกำพร้าที่มีประวัติลึกลับ หล่อนไม่ใช่คนมั่นใจในตนเอง แถมยังซุ่มซ่ามเซ่อซ่า หล่อนต้องกลายเป็นเนื้ออันโอชะที่ถูกอัสนีจอมโหดขย้ำตายคามือแน่นอน เผลอๆ พระพายอาจกลายเป็นบ้าไปเพราะหน้าที่ดูแลอัสนีก็เป็นได้ อัสนีผู้ป่วยตาบอด แถมยังป่วยที่จิตใจ ถูกพามาบ้านกลิ่นแก้วที่แสนเงียบสงบ แถมยังอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกแก้ว บรรยากาศที่นี่ทำให้เขาแทบเป็นบ้า ไม่เพียงเท่านั้นเขายังต้องอยู่กับผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักชื่ออาโป ผู้หญิงที่ทำให้เขาพิการ อัสนีเกลียดอาโป เพราะคิดพาลเอาเองว่าอาโปคู่หมั้นทางการเมืองของเขาคนนี้ เป็นสาเหตุของความโมโหในคืนที่เขาขับรถจนได้รับอุบัติเหตุ ถ้าเขาไม่โมโหเรื่องต้องแต่งงานกับอาโป เขาก็คงไม่ขับรถประมาทแบบนั้น… วันนี้อาโปจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาของเขา เขาจะทำให้ยายนี่วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงออกไปจากเกาะภายในสามวัน อาโป เดินทางมาถึงที่เกาะจริงๆ แต่เจ้าหล่อนคือพระพายปลอมตัวมา ผู้ดูแลบ้านคือ แต้มผู้สามีกับถวิลผู้ภรรยา รวมทั้งอัสนีก็ไม่รู้ ทุกคนพากันเข้าใจไปว่านี่คืออาโป อัสนีที่เป็นผู้ป่วยบนรถเข็นจัดการตัดไฟทั้งบ้านกลิ่นแก้วทันทีเพื่อต้อนรับ ภรรยากำมะลอ อัสนีอ้างว่าในเมื่อตนต้องอยู่ในความมืด คนอื่นก็ต้องอยู่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังหลอกพระพายในนามของอาโปให้ไปติดอยู่ในห้องเก็บของ พระพายต้องทนทุกข์ทรมานร้องไห้อยู่ในห้องมืดๆ ทั้งคืน กว่าถวิลจะช่วยออกไปได้ พระพายออกไปจัดการกับอัสนีทันที หล่อนแกล้งเอาปลิงทะเล เมนูอาหารของถวิลไปใส่ในเสื้อของอัสนี แล้วบอกว่ามันคือหนูที่จับได้จากห้องเก็บของ อัสนีตกใจมากลุกขึ้นจากรถเข็นแล้ววิ่งสะบัดไปมา พระพายงงงวยเป็นอย่างยิ่งที่อัสนีเดินได้แต่ไม่ยอมเดิน อัสนีโมโหมากตะโกนด่าเอาไม้ไล่ตีพระพายจนล้มไม่เป็นท่า วันต่อมาอัสนีคิดแผนใหม่ แกล้งมาทำดี แล้วเล่าเรื่องผีที่รอคอยคนรักในบ้านกลิ่นแก้วให้พระพายฟัง พอตกดึกเขาก็จัดการจ้างเด็กชาวประมงนำโดย เด็กชายอารี ที่อยู่แถวนั้นมาหลอกผี พระพายกลัวผีจนจับไข้หัวโกร๋นไปสามวัน จนถวิลต้องมาดูแล ในที่สุดพระพายก็รู้ความจริง เพราะความไร้เดียงสาของเด็กชายอารีและเพื่อนๆ พระพายไม่รอช้าจัดการดัดหลังกลับ หล่อนไปเอาม้วนภาพยนตร์เก่าๆ ที่เจอในห้องเก็บของมาฉายต่อออกลำโพงให้ดังทั่วหาด คราวนี้ชายพิการทิ้งรถเข็นวิ่งหนีอ้าวเพราะนึกว่าผีเจ้าที่ๆ ว่านั้นมีตัวตนจริงๆ จากนั้นพระพายจัดการให้แก๊งค์เด็กชาวประมงเอารถเข็นไปทิ้งที่หน้าผาหลังเกาะ หล่อนบอกอัสนีว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะยอมรับความจริงและมีชีวิตอยู่ให้ได้ อัสนีต้องเดินด้วยตัวเองไม่ใช่ด้วยรถเข็น ถึงแม้จะเป็นวิธีเดินแบบคนตาบอดก็ตาม แน่นอน…อัสนีอาละวาดด่าอาโปที่ตัวจริงคือพระพายไม่มีชิ้นดี ไม่ว่าจะแสดงฤทธิ์เดชอย่างไรพระพายก็ไม่ยอมท้อถอย หล่อนรับมือกับคุณแม่เมษาที่แสนเจ้าอารมณ์มาได้ตลอดชีวิต นับประสาอะไรกับชายพิการคนเดียว ที่สำคัญ…หล่อนเป็นพยาบาล ความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจของอัสนีเป็นหน้าที่ๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอยู่แล้ว อัสนี ประหลาดใจมาก แม้เขาจะกลั่นแกล้งพระพายเท่าไหร่ พระพายก็ไม่มีท่าทางจะทิ้งเขาไป ถึงแม้หล่อนจะเหมือนคู่กัดของเขาตลอดเวลา แต่ผู้หญิงคนนี้อบอุ่นอ่อนโยนไม่เหมือนผู้หญิงเย่อหยิ่ง อาโปตัวจริงที่เขาได้ข่าวมาแม้แต่น้อย พระพายจัดการสอนให้อัสนีใช้ไม้เท้า ดูแลสุขภาพร่างกายจนแข็งแรงขึ้น หล่อนพาอัสนีไปเดินเล่นริมทะเล ปรับปรุงบ้านกลิ่นแก้วที่อยู่ในความมืดให้สว่างไสว เด็กกำพร้าสองคนเริ่มทดแทนกันและกัน พระพายสอนอัสนีให้รู้ถึงคุณค่าชีวิต และอัสนีก็สอนให้พระพายลบปมด้อยของตนให้เข้มแข็งและเชื่อมั่นในตนเองมากกว่านี้ อัสนี โดยเฉพาะพระพายชอบไปนั่งเล่นที่ซุ้มดอกแก้ว หล่อนจะรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด พระพายไม่เคยรู้ถึงสาเหตุที่แท้ของความผูกพัน เพราะบ้านหลังนี้คือบ้านที่พ่อและแม่ที่แท้จริงของตนเป็นผู้สร้างมา และที่ใต้ต้นแก้วนั้นก็มีเถ้ากระดูกของอรชุนผู้เป็นพ่อแท้ๆ โปรยปรายอยู่ อัสนีจิตใจดีขึ้น พระพายให้กำลังใจเขาเพื่อให้ผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา และด้วยความช่วยเหลือของพยาบาลเก่าอย่างพระพาย อัสนีได้พบแพทย์เฉพาะทาง เขาตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดทันที ด้วยสาเหตุลึกๆ เขาอยากเห็นหน้าภรรยาที่ดีกับเขาตลอดมา และอยากใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาจริงๆ กับอาโปซึ่งก็คือพระพายนั่นเอง การผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อย ถึงแม้อัสนีจะยังเปิดผ้าพันแผลที่ตาไม่ได้ แต่หมอยืนยันว่าโอกาสที่อัสนีจะมองเห็นมีมากกว่าแปดสิบเปอร์เซนต์ ข่าวการหายตัวไปของอัสนีสั่นสะเทือนผู้คนมากมาย ถ้าอัสนีกลับมาบริหารกิจการไหมไทย นั่นคือการกลับเข้าสู่สังคม อาโปตัวจริงจำต้องกลับมาทำหน้าที่ภรรยา จะให้พระพายสวมรอยต่อไปไม่ได้ อาโป ตัวจริงเดินทางมาที่บ้านกลิ่นแก้วทันที ด้วยการจัดการของเมษาที่ไม่อยากให้พระพายได้ดี ให้บังเอิญเหลือเกินที่อาโปกำลังทะเลาะกับจอนนี่ อาโปผู้มีจิตใจโลเล แถมถูกยุยงจากป้าเมษา จึงเปลี่ยนใจกลับมาชอบอัสนีทันทีที่รู้ข่าวว่าเขากำลังจะกลับเป็นคนปรกติ พระพายหัวใจสลาย อาโปกำลังทวงตำแหน่งภรรยาของหล่อนคืน หล่อนไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้อัสนีอีกแล้ว โลกแห่งความเป็นจริงเปิดออก หล่อนมีค่าแค่เพียงแค่คนใช้ของอาโปเท่านั้น ในวันที่เปิดผ้าพันแผล เมื่อดวงตาของอัสนีเปิดขึ้น ผู้หญิงที่เขาพบคืออาโปที่ฉกฉวยเอาความดีความงามไปทั้งหมด ในขณะที่หน้าห้องคือพระพายผู้น่าสงสาร ในห้วงเวลานี้เอง โดม เพื่อนรักของพระพายที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น ก็สารภาพรักกับพระพาย แต่โดมก็ไม่สามารถทำให้พระพายลืมอัสนีได้ เมษาจัดการบังคับพระพายไม่ให้ปรากฏตัวให้อัสนีเห็น แค่ทุกวันนี้อัสนีก็สับสนพออยู่แล้ว เหตุใดอาโปที่เขาพบในวันนี้กับอาโปที่อยู่ที่บ้านกลิ่นแก้วนั่น จึงเสียงไม่เหมือนกัน แต่ในเมื่อทุกคนแม้แต่หลักฐานทางกฎหมายก็ยืนยันว่านี่คืออาโปตัวจริง เขาก็พูดอะไรไม่ออก อัสนีเคียงข้างด้วยอาโปกลับเข้าบริษัทอย่างมีเกียรติ อัสนีเวลานี้เหมือนเป็นคนละคน เขาจัดการปรับปรุงตัวเองใหม่เพื่อเป็นคนที่ดีและสามีที่ดี แต่เขากลับรู้สึกแปลกแยกกับอาโปคนใหม่มากขึ้นทุกที และในขณะเดียวกัน รอบๆ ตัวของเขาก็เหมือนมีเงาของใครคนหนึ่งติดตามช่วยเหลือเขาในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ พระพายนั่นเอง หล่อนแอบเข้ามาจัดการเรื่องของอาหาร ยา หรือแม้แต่ช่วยงานเอกสาร ทุกอย่างโดยไม่เคยโผล่มาให้อัสนีเห็นตัวหรือได้ยินเสียงเลย บัดนี้พระพายได้กลายเป็นลมอบอุ่นที่ไร้ตัวตน แต่อัสนีก็สัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใยของลมที่อบอุ่นได้ตลอดเวลา ในใจของอัสนีรู้แต่ว่า ตนจะต้องสืบสวนทุกอย่างที่น่าสงสัยรอบตัว อัสนีแกล้งวางแผนขับรถแข่งให้รถคว่ำแล้วกลับไปเป็นคนตาบอดอีกครั้ง เรื่องราวเหมือนวนกลับมาที่เดิม อัสนีสูญเสียตำแหน่งทางธุรกิจไป อาโปเริ่มกลายเป็นบ้าที่ต้องอยู่กับสามีตาบอดไร้อำนาจ หล่อนแอบติดต่อกับจอนนี่ให้มาพบบ่อยๆ อัสนีชายตาบอดถูกทอดทิ้งไว้ในบ้าน เขาหวังใจลึกๆ ลมอุ่นๆ ที่เคยแอบช่วยเหลือเขาจะปรากฏตัว แต่แล้วก่อนที่พระพายจะถูกจับได้ เมษาก็รู้แผนการของอัสนีเสียก่อน ถ้าอัสนีรู้ว่าพระพายมีตัวตนจริง เขาจะแต่งงานกับพระพายแล้วพาพระพายกลับเข้าบริษัท เข้ารับตำแหน่งทุกอย่าง เมษาออกขัดขวางอัสนีได้สำเร็จ แผนของอัสนีไม่เป็นผล พระพายไม่ได้ปรากฏตัวที่บ้านกลิ่นแก้ว มีแต่เพียงอาโปคนเดิม อัสนีหมดหวัง แผนการเป็นคนตาบอดของเขาล้มเหลว เขากลับมาเป็นคนตาดีอีกครั้ง และตัดใจเชื่อว่า คนที่แอบดูแลเขานั้นเป็นเรื่องคิดไปเอง อาโปมีเพียงคนเดียว และไม่มีการแอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น แต่แล้วอาโปก็ก่อเรื่องอีก อาโปทะเลาะกับจอนนี่ จอนนี่เข้ามาอาละวาดในบ้านด้วยอารมณ์หึงหวง เขาเอาปืนเข้ามาจะยิงให้อัสนีตาย แต่คนที่เข้ามารับกระสุนปืนคือพระพาย ผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นหน้า แต่แอบติดตามเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จู่ๆ ก็เข้ามารับกระสุนปืนแทนเขา พระพายถูกยิงสลบไปอยู่ในอ้อมกอดของอัสนี อาโปร้องกรี๊ดทำอะไรไม่ถูก จอนนี่จึงพาตัวอาโปขึ้นรถหนีไป และวางแผนสวมรอยเพื่อเรียกค่าไถ่ตัวอาโป จิตตาและเมษาเดือดร้อนออกติดตาม ระหว่างการติดตาม อาโปทะเลาะกับจอนนี่อย่างหนัก จอนนี่เสียใจที่อาโปไม่เข้าใจ ด้วยความเครียดจอนนี่ยิงอาโปและตั้งใจจะยิงตัวเองตายตามประชดรัก จอนนี่ตายแต่อาโปบาดเจ็บสาหัสถูกพาเข้าห้องผ่าตัดเคียงคู่กับพระพาย ทั้งคู่ขาดเลือดต้องเปิดรับบริจาค และแล้วจิตตาก็ค้นพบความจริง เลือดของอาโปไม่ตรงกับหมู่เลือดของตน แต่ของพระพายกลับตรงกัน จิตตาที่แอบสงสัยที่มาของพระพายมานานแล้ว เริ่มออกสืบความจริง จิตตาตัดสินใจพาเมษาไปที่บ้านกลิ่นแก้ว และเล่าเรื่องการกำเนิดของบ้านกลิ่นแก้วให้ฟัง เมษาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเพราะความแค้นและความเครียดมานานเกือบ 20 ปี ช็อคทันทีที่รู้ว่า อรชุนอดีตสามีและจิตตามีความรักต่อกันมากมายขนาดไหน แม้ร่างของอรชุนจะตายไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาเหลือไว้คือความรักที่มีต่อจิตตาและลูก ผลการตรวจดีเอ็นเอมาถึงมือของจิตตาแทบจะในทันที จิตตารู้ความจริง ลูกของเธอคือพระพายไม่ใช่อาโป จิต ตายิ้มแย้มมีความสุขต่อหน้าเมษา หล่อนไม่เสียใจสักนิด พระพายเติบโตขึ้นมาอย่างน่ารักและงดงาม ชีวิตที่บ้านเด็กกำพร้าและการกดขี่ของเมษาไม่สามารถทำลายความดีในสายเลือด ของพระพายได้พระพายเข้าพิธีแต่งงานกับอัสนี ได้ใช้ชีวิตแม่ลูกกับจิตตา อาโปตกใจช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น สายเลือดสูงส่งและเงินทองที่หล่อนเคยยึดไว้ตลอดชีวิตสูญสลายไป หล่อนต้องเข้าบำบัดรักษาในโรงพยาบาลโรคจิต โดยมีนมแสงคอยดูแลอยู่ด้วยความเสียใจที่มีส่วนทำให้อาโปเป็นเช่นนี้ ทั้งพระพายและจิตตารับอาโปเข้ามาดูแลเหมือนเดิม จนอาการของอาโปค่อยๆ ดีขึ้น เมษาเข้าโรงพยาบาล อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ เวลาเพียงสามเดือน หล่อนผมขาวโพลนทั้งหัว กลายเป็นคนแก่ที่เต็มไปด้วยโรคต่างๆ จะอยู่ก็อยู่อย่างคนครึ่งคนจะตายก็ตายไม่ได้ ความแค้นตลอดชีวิตกัดกินหล่อน และยังกัดกินหล่อนต่อไป เมษายืนมองบ้านกลิ่นแก้ว เอามือจับที่ป้ายไม้เก่าๆ ฝีมือของอรชุน ความรักเปลี่ยนแปลงโลกทั้งโลก…ความเกลียดทำลายแม้ตัวเอง…
เหตุเกิดในครอบครัว 2550

เหตุเกิดในครอบครัว (2550/2007) สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป. จริงๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ช่วยขยับเข้ามาชิดๆ เอียงหูเข้ามาใกล้ๆ ซิครับ ผมมีเรื่องจะนินทาพ่อกับแม่ของผมให้ฟัง แม่ของผมนะครับจัดเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แม่ผมเป็นนักวิชาการฝีปากกล้า ที่เดี๋ยวไปอภิปรายที่นั่น เดี๋ยวมาบรรยายที่นี่ มีชื่อเสียงไม่หยอกครับ แต่พออยู่ในบ้านแม่จัดเป็นแม่บ้านที่ไม่เอาไหนเลยเพราะขนาดไข่ดาวยังทอดไหม้ สู้พ่อผมก็ไม่ได้ เพราะแม้พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก (ผมไม่ได้เข้าข้างพ่อนะครับ) และก็เพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้แหละครับ ที่มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อยๆ ขึ้นในครอบครัวของผม จากเรื่องไข่ก็บานปลายเป็นเรื่องสิทธิระหว่างเพศจนอาจเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมืองก็ยังได้ พ่อผมนะหรือครับจะสู้ฝีปากแม่ผมได้ อย่างเก่งก็แค่มานินทาให้ผมฟังลับหลังว่าแม่นะพูดจนลิงยังหลับ และก็เช่นทุกครั้งเหมือนกันที่พอมวยคู่ใหญ่เริ่ม ก็มักลามให้เกิดมวยคู่เล็กของผมกับพี่ปาเสมอ ก็แหม...ทีพ่อแม่ยังขัดแย้งกันบ่อยๆ ผมกับพี่ปาก็เลยได้กรรมพันธุ์เรื่องนี้มาเต็มๆ ยังดีที่เราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน การวิวาทกันจึงเกิดแค่ในบ้านเท่านั้น แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมนะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยาย มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ใครต่อใครว่าพ่อผมนะเป็นคนปากไม่ดีหนึ่งล่ะ ส่วนอีกอย่างก็เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าจนเกือบจะได้เป็นนายพลอยู่รอมร่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาคลาดแคล้วกันไปเพราะแม่มาลงเอยกับพ่อแทน (ผมว่าที่คุณยายไม่ชอบพ่อ คงเพราะเหตุผลข้อแรกมากกว่า) นิยายรักของพ่อกับแม่ผมเริ่มต้นอย่างโรแมนติกที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจแต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และก็คงเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบที่นั่น เล่นเอาคุณยายเต้นเป็นเจ้าเข้าเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็คนรักกันนี่ ในช่วงนั้นพ่อแม่ยังรักกันจ๋าอย่างที่เรียกว่าน้ำต้มผักยังว่าหวาน และตอนแม่เป็นสาว พ่อก็ว่าแม่น่ารักที่เป็นคนรั้นและขี้งอน แต่ทำไมพอเวลาผ่านไปพ่อถึงเปลี่ยนความคิดก็ไม่รู้ หนำซ้ำญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่า ผมไม่เหมือนกันเลย เป็นคนแก่คนละประเภทโดยสิ้นเชิง คุณยายผมน่ะแม้จะอายุย่างเข้า 60 แต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุ แต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแค่คหปตานีเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ที่เป็นคนแก่ชาวบ้านธรรมดาๆ แม่ผมนะชอบนินทาคุณย่าบ่อยๆ ว่ากะเร่อกะร่า ว่าที่จริงผมรักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า ดูจะมีญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อคือ น้าใหม่ น้าใหม่เป็นผู้หญิงครับ สวยเสียด้วยเป็นตั้งดอกเตอร์ ใหม่ทั้งชื่อแล้วก็ความคิดอ่าน แต่งเนื้อแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งชะมัด และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ ฤทธิ์ที่ชอบขัดคออยู่เสมอๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนก็คือ ลุงป๋อง ลุงป๋องเป็นเพื่อนสนิทของพ่อและยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ถึงจะแก่กว่าผมตั้งสามรอบก็ตาม ลุงป๋องเขาเป็นม่ายเมียตายมาหลายปีแล้ว มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก โดยมีอดีตแม่ยายคอยดูแลให้ ผมเคยได้ยินลุงป๋องบ่นกับพ่อว่าที่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่เพราะยังเข็ดความวุ่นวายจุ้นจ้านของแม่ยายไม่หาย พักหลังๆ มานี่แม่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเท่าไหร่เพราะแม่ต้องออกสมาคมข้างนอกบ่อยๆ รวมถึงต้องไปเล่นกอล์ฟที่นั่นที่นี่ ทำให้ลูกจ้างที่มีอยู่แล้วสองคนคือ ศรี กับ คำใส ไม่พอรับผิดชอบงานในบ้าน เราถึงได้แม่บ้านคนใหม่มา แข เป็นแม่ม่ายสาวใหญ่ หน้าตาสะสวยและทำอาหารอร่อย ตั้งแต่แขมาอยู่ดูพ่อจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อยเพราะกาแฟของพ่อคงมีรสชาติอร่อยขึ้นกว่าที่ผ่านมา ปัญหาครอบครัวของผมเริ่มขึ้นจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานล่ะครับ ใช่ครับยุคนี้เรื่องตกงานนั้นง่ายกว่าได้งานซะอีก แล้วผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าอย่างพ่อก็คงปรับตัวลำบากที่ถูกลอยแพเสียอย่างนี้ จากเรื่องนี้ล่ะครับทำให้ลุกลามไปยังเรื่องอื่น ก็ในขณะที่เส้นกราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้นเพราะแว่วๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี ส่วนลุงฉัตรก็กำลังเฟื่องไม่ต่างกันเพราะได้เป็นถึงนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างนอกหน้า ซ้ำยังคอยนินทาคุณหญิงภรรยาลุงฉัตรด้วยว่าเชยเสียไม่มี โอ๊ย...สารพัดจะค่อนขอดเขา ฟังๆ ดูภรรยาลุงฉัตรจะสู้แม่ผมไม่ได้สักอย่าง แถมระยะหลังๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยเข้า (ดูเหมือนจะมีคุณยายเป็นใจอยู่ด้วย) และพ่อก็ได้ยินคุณยายสรรเสริญลุงฉัตรมากขึ้นเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็ยิ่งมีเรื่องขัดใจกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ตัวต้นเหตุคงไม่ใช่ลูกกอล์ฟกลมๆ หรอกครับ น่าจะเป็นลุงฉัตรเสียมากกว่า ยิ่งผนวกรวมคุณยายที่ชอบแขวะพ่อเรื่องตกงานจนพ่อมาบ่นกับผมว่าคุณยายกับแม่ทำให้พ่อรู้สึกเหมือนคนไร้ค่า แหม...ถ้าผมโตได้รวดเร็วกว่านี้ ผมจะทำงานหาเลี้ยงพ่อเอง ถึงพ่อแม่จะปึงปังใส่กันแต่ก็แปลกแฮะ เขาไม่ยักแยกห้องกัน เห็นโกรธกันทะเลาะกัน แต่แล้วพอถึงเวลานอนเขาก็นอนห้องเดียวกัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราที่เคยรักกันมากๆ ถึงขนาดตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวกันทำไมถึงได้โกรธกัน มันไม่เหมือนผมกับพี่ปานี่ พี่ปากับผมน่ะโกรธกันทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ผมกับพี่ปาไม่ได้ตกลงกันมา ไม่ได้เต็มใจอยู่ด้วยกันเองในบ้านเดียวกัน มันเกิดตามกันมาเป็นพี่เป็นน้องกันเอง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงได้ แต่อย่างพ่อกับแม่ตกลงกันเองแท้ๆ ทีเดียวว่าจะอยู่ด้วยกัน และแล้ว ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยายก็ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมแอบได้ยินพ่อเรียกตำแหน่งของลุงรองว่ารัฐมนตรีหยิบฉวย และก็เพราะตำแหน่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านคุณยายเป็นการใหญ่ ใครต่อใครหมั่นมาเยี่ยมเยียนกันไม่ซ้ำหน้า รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ตำแหน่งรัฐมนตรีของลุงรองพลอยทำให้ ป้าชื่น ภรรยามีหน้ามีตาขึ้นมาทันที พี่จ้อย ของผมเปลี่ยนแปลงไปด้วย พี่จ้อยคือลูกชายคนเดียวของลุงรอง อายุแก่กว่าผมสามปีกว่า เรียนค่อนข้างเก่ง แต่ผมไม่ใคร่ชอบพี่จ้อยเท่าไรนัก เพราะพี่จ้อยเป็นคนเจ้าอารมณ์ยังไงไม่รู้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วก็โม้เก่งชะมัด ว่าที่จริงลุงรองเขาได้เป็นรัฐมนตรีเรื่องมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับครอบครัวเรา แต่ก็เกี่ยวกันจนได้นั่นแหละ เพราะคุณยายถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของวงศ์สกุล แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย ผมค่อนข้างจะรู้สึกของผมเองว่าตั้งแต่ลุงฉัตรมีชื่อเสียงดังขึ้น ลุงรองได้เป็นรัฐมนตรี แม่ของผมก็ชักจะมีชื่อในหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ในที่สุดแม่ผมก็ได้เป็นรองอธิบดีจริงๆ นะแหละ แหม...หนังสือพิมพ์บางฉบับบางคอลัมน์สวดกันยับไปเลยครับ เขาเรียกแม่ว่ารองอธิบดีสาวสวยที่สุดของยุค มีอยู่คอลัมน์หนึ่งเขียนเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ของแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมากๆ แต่แหม...ผมก็ไม่อยากให้ใครพูดอะไรๆ ถึงแม่แบบนี้เลย แล้วก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เมื่อวันที่แม่ได้รับตำแหน่งใหม่ พอกลับถึงบ้านพ่อซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่ก็ไม่วายพูดประชดประชัน จนเกิดเรื่องทะเลาะกัน ก็นี่แหละครับวันต้อนรับตำแหน่งของแม่ในครอบครัววันแรก ผลก็คือผมกับพี่ปาต้องนั่งกินข้าวกันสองคน (ตามเคย) ต่างคนต่างเงียบกริบ ไม่เห็นอร่อยสักนิดเดียว ให้ตายซี (อุทานอย่างลุงป๋อง แต่ไม่เหมือนนักหรอกครับ ของลุงป๋องเขาไม่ตายเฉยๆ แต่ตายอย่างมีห่...อยู่ด้วย) แล้วแม่ก็โทรศัพท์ถึงคุณยายเพื่อถ่ายทอดเรื่องที่โต้เถียงกับพ่อไปเมื่อครู่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่กับคุณยายดูช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันกว่าก่อนๆ ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเล็กๆ ช่วงที่ครอบครัวเรากำลังมีความสุขดีที่สุด (ผมประมาณเอาจากการที่พ่อแม่ไม่เคยโต้เถียงกัน และมีการสัพยอกหยอกล้อเที่ยวเตร่ด้วยกันตามประสาพ่อแม่ลูก) ตอนนั้นน่ะคุณยายไม่ได้เข้ามายุ่งกับครอบครัวของเราเท่าไหร่หรอกครับ บ้านผมตอนหลังๆ นี่แย่มากครับ แล้วก็ยิ่งแย่ลงทุกวันด้วย บางทีคนอื่นเขาอาจไม่รู้สึกกัน แต่ผมรู้สึกว่าพ่อแม่หมางเมินต่อกัน ทำยังกับว่าต่างคนต่างอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็ยังนอนห้องเดียวกันอยู่ แต่พ่อผมนะหลังๆ นี่ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกครับ บางทีก็หายไปตั้งวันสองวัน พ่อบอกผมว่าพ่อไปนอนบ้านคุณย่า ผมไม่เคยได้ยินแม่ถามหรือต่อว่าอะไรพ่อเลย เห็นแต่แม่เฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แม่ผมเป็นรองอธิบดีฝ่ายอะไรก็ไม่รู้อยู่แค่ครึ่งปีเท่านั้นเองก็ได้เป็นอธิบดี ทีแรกพ่อก็ทำหน้าชื่น อาจจะเป็นเพราะกลัวแม่ว่าอิจฉาแม่ แต่ก็ชื่นอยู่ไม่นานเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับแม่และลุงฉัตร เป็นข่าวทำนองซุบซิบในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์เก่าๆ ของแม่และลุงฉัตร ผมว่าพวกเราลูกๆ นี่ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเรา บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับความรักที่พ่อแม่เขามีต่อกันเหมือนกันนะครับ ผมพูดยังงี้จะแก่แดดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี พ่อยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น กระทั่งวันหนึ่งแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้หลายวันแล้วว่าจะไปตีกอล์ฟที่ศรีราชา แล้วจะเลยค้างพัทยากันสักหนึ่งคืน...ครับ...ก็คงไปพบกับเพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่นั่นแหละ เห็นจะรวมทั้งลุงฉัตรด้วย เรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่องขึ้นมาเลย ก็พอพ่อรู้ว่าผมไม่สบายเท่านั้นเอง พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้แม่งดการไปศรีราชา แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่หาว่าแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร โอ๊ย...ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหโทโสใส่กันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงอธิบดี พี่ปาตัวสั่น เขาเป็นโรคกลัวคนทะเลาะกันครับ ยิ่งพ่อกับแม่ด้วยแล้ว พี่ปาเขามักจะหนีเข้าห้องปิดประตูเลย แต่ที่สุดแม่ก็พาพี่ปาออกไป คงไม่ได้คิดอยากจะไปตีกอล์ฟหรอกครับ คงเลี่ยงการปะทะคารมกับพ่อมากกว่า และพี่ปาก็มาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่าแม่ไปปรึกษากับคุณยายเรื่องที่พ่อเป็นยังงี้ แต่คุณยายกลับสรุปว่าพ่อนั่นแหละเป็นตัวขัดขวางความเจริญของแม่ แล้วไม่วายตบท้ายถึงความดีของลุงฉัตร เข้าทำนองยุให้รำตำให้รั่วเลยครับ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พ่อกับแม่ผมก็ดูยังกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม่ก็ทำอะไรๆ ตามปกติของแม่ เว้นแต่ไม่พูดกับพ่อ ส่วนพ่อก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง พอตกเย็นพ่อก็แต่งตัวออกจากบ้านก่อนกินข้าวเย็น บางคืนก็กลับดึก บางคืนไม่กลับเลย ระหว่างที่เหตุการณ์ในครอบครัวของผมตึงเครียด อีกไม่ถึงเดือนต่อมาแม่ก็เกิดจำเป็นจะต้องไปเมืองนอกครับ เดินทางไปราชการต่างประเทศเป็นเวลายี่สิบวัน แม่ไปแล้วพ่อก็กลับมานอนบ้านตามปกติทุกวัน ไม่ใช่มาบ้างไม่มาบ้างอย่างตอนที่แม่อยู่ ส่วนพี่ปาก็ไปค้างอยู่บ้านคุณยาย เราสองพี่น้องจึงต้องแยกจากกันชั่วคราว ผมกับพ่อก็เลยต้องอยู่กันเพียงลำพังกันในบ้านของเรา น้าใหม่แวะมาหาหลายครั้งเหมือนกัน บางครั้งก็เลยอยู่กินข้าวเย็นด้วย และบางครั้งอีกเหมือนกันมีลุงป๋องร่วมโต๊ะกับเราอีกคนหนึ่ง ลุงป๋องกับน้าใหม่ดูเขาถูกคอกันดี แต่ก็ถูกแบบขัดๆ กันยังไงก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาชอบเถียงกันแต่เขาก็คุยกันได้ทีละนานๆ ดูเขาจะสนุกที่ได้โต้เถียงกันด้วย ไม่ยักเหมือนพ่อกับแม่ผม พอเถียงกันละก็เป็นได้เรื่อง หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ได้แต่งงานกันอย่างพ่อกะแม่ผมก็ไม่รู้ ถ้าคนเราแต่งงานกันแล้วอีกหน่อยเป็นเหมือนอย่างพ่อกะแม่ผมล่ะก็ ผมเองก็ชักจะกลัวการแต่งงานตั้งแต่อายุแค่สิบขวบเสียแล้วล่ะซี แล้วก็คุณยายอีกแหละครับที่ชอบทำตัวเป็นนินจา คือคอยหาจังหวะที่พ่อไม่อยู่จะได้มาเยี่ยมผม แล้วพูดชอบกลๆ ให้ผมดูแลพ่อให้ดี ให้ระวังแขไว้ด้วย เขาบอกน่าห่วงเพราะน้ำตาลใกล้มด ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันเลย ผู้ใหญ่เนี่ยชอบพูดอะไรอ้อมค้อมจัง จนกระทั่งคำใสมาเล่าให้ฟังว่า พี่ศรีเขาเล่าให้คุณยายฟังเรื่องที่แขเขามีอะไรๆ กับพ่อผม ตอนคุณยายพูดถึงแข ผมลืมไปเพราะมันไม่สำคัญสำหรับเด็กๆ อย่างผม แต่ตอนนี้สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมว่า ท่ามันจะไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว และหากมันเป็นจริงอย่างคำใสเขาเล่า ผมก็ไม่มีปัญญาจะโทษหรอกว่าพ่อหรือแม่ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด มันเหลือสติปัญญาของเด็กวัยเก้าขวบสิบขวบอย่างผมจริงๆ เราเด็กๆ อย่างมากก็ได้แต่เป็นผู้ยอมรับผลแห่งความผิดที่เราไม่อาจตัดสินลงโทษใครได้ก็แค่นั้นเอง ต่อมาผมไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติในบ้านของเรา แขก็ยังเป็นแขคนเดิม ทำงานเรียบร้อย ช่างเอาใจเราทั้งพ่อทั้งลูกอย่างเดิม ไม่เห็นแขทำท่าเป็นแม่เลี้ยงที่ตรงไหน บางทีพ่อคงคิดว่าอะไรต่ออะไรมันคงยังเป็นความลับอยู่ จนกระทั่งถึงกำหนดกลับของแม่ พ่อดูตื่นเต้นยินดีนิดหน่อย ปนกับอาการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนผมกับพี่ปานั่นลิงโลดเลยทีเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับดีใจจะได้ของฝากจากแม่น่ะ พอพ่อกับแม่พบกัน ผมก็ไม่เห็นว่าแม่จะแสดงว่าโกรธอะไรพ่อเลย เพียงแต่ไม่มีเวลาพูดด้วยเพราะใครต่อใครรวมถึงลุงฉัตรก็มารับกันถ้วนหน้า ผมกับพี่ปาก็พลอยได้เจอหน้ากันหลังจากคุยกันไป (ทะเลาะกันบ้าง) ทางโทรศัพท์ แล้วแม่ก็กลับชวนผมให้ไปกินข้าวกับพี่ปาที่บ้านคุณยายโดยที่พ่อไม่ยอมตามไปด้วย แม้แม่จะชวนให้ผมอยู่ด้วยกันที่บ้านคุณยาย แต่ผมอยากจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อมากกว่า วันแล้ววันเล่าแม่ก็ไม่ยอมกลับบ้านเรา พี่ปาเขาก็เลยอยู่กับแม่ที่บ้านของคุณยาย พ่อเคร่งขรึมและกินเหล้ากลับมาจากข้างนอกทุกครั้งที่ออกไปเวลากลางคืน ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าน่ากลัวพ่อกับแม่โกรธกัน คราวนี้เห็นจะถึงขั้นแตกหักกันเสียก็ไม่รู้ แล้วก็คำใสตัวการอีกนั่นแหละที่แอบเอาจดหมายที่แขเขียนค้างไว้มาให้ผมอ่าน ผมถึงได้รู้ว่าเรื่องยุ่งยากต่างๆ น่าจะจบลง ก็เพราะแขเขาเขียนขอโทษแม่และจะยอมลาออก พอผมไปบอกพ่อ พ่อเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรั้งอะไรแขไว้ อีกไม่กี่วันแขก็ออกไปทำงานบ้านฝรั่ง ถึงผมจะต้องทนกินข้าวแฉะและกับข้าวไม่ได้ความก็ไม่เป็นไร ขอให้แม่กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า แต่จนแล้วจนรอดแม่ก็ไม่เห็นว่าจะกลับมาเสียที ผมได้ทราบจากน้าใหม่ว่า แม่เขาไม่ยอมยกโทษให้ความมักง่ายที่ผู้ชายเห็นเป็นเรื่องธรรมดาหรอก จะมีคนบ้านคุณยายที่ยังใยดีพ่ออยู่ก็คงจะเป็นพี่ปาที่แอบโทรมาให้ผมคอยดูแลพ่อ แหม...พ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมต้องให้ผมดูแลด้วยล่ะ เอ...ผมให้สงสัยเป็นกำลัง เขาไม่เข้าใจกัน แต่อยู่ด้วยกันมายังไงตั้งสิบกว่าปี จนวันหนึ่งพ่อบอกผมว่าจะไปอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองนนท์ ในขณะที่ผมมีชีวิตที่แสนสนุกสนานเป็นเด็กชาวสวน สำหรับพี่ปาคงถูกคุณยายกับแม่และ พี่แจ๊ด ลูกสาวคนโตของลุงรองช่วยอบรมพี่ปาเสียจนกระทั่งมีรสนิยมวิไล กลายเป็นพวกไฮโซไซตี้ไปแล้ว และแล้วโดยที่ผมไม่คาดฝันน้าใหม่กับพี่ปาก็มาเยี่ยมผมที่บ้านคุณย่า ผมล่ะคิดถึงพี่ปาเสียจริงๆ แต่เรื่องอะไรจะบอกให้เสียเกียรติล่ะ เอ...อย่างพ่อกับแม่ยังงี้ เขาจากกันไปตั้งหลายๆ วัน ถ้าเขาได้พบกัน เขาจะเป็นเหมือนผมกับพี่ปาไหมหนอ? พี่ปาเขาบ่นว่าเซ็ง ชักไม่อยากอยู่กับคุณยายในรั้วบ้านเดียวกันกับลุงรองป้าชื่น ก็จะเอาอะไรกับสาวน้อยวัยสิบขวบอย่างพี่สาวผม ผมเลยชวนพี่ปานอนค้างบ้านคุณย่า แต่พี่ปาต้องกลับไปเพราะไม่ได้ขอแม่ไว้ก่อน แค่เรื่องพ่อกับแม่ก็นับว่าแย่อยู่แล้ว แต่ก็กลับเกิดเรื่องขึ้นอีก เมื่อผมเหม็นเบื่อท่าทางขี้เบ่งของพี่จ้อยที่คิดว่าตัวเองใหญ่เสียเต็มประดา ผมก็เลยพูดอย่างที่พ่อชอบพูดว่า อีกไม่นานก็เป็นรัฐมนตรีตกกระป๋อง เย็นนั้นก็เกิดเรื่องเพราะพี่จ้อยเอาไปฟ้องป้าชื่นแล้วก็คุณยาย พ่อผมก็ยิ่งตกที่นั่งลำบากถูกเหม็นหน้ามากขึ้นซิครับ ผมไม่รู้ตัวผมหรอกว่าผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หมู่นี้ผมเล่นอะไรๆ ดูมันไม่ใคร่สนุกอย่างเมื่อมาอยู่บ้านคุณย่าใหม่ๆ เสียเลย ออกจะเบื่อๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับผมดูเหินห่างไม่เหมือนตอนที่อยู่บ้านโน้นและตอนที่ผมยังเด็กๆ อยู่ ผมบอกไม่ถูกหรอกครับว่าผมรู้สึกอย่างไร เด็กขนาดผมจะให้แจกแจงความรู้สึกออกมาอย่างละเอียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็ผู้ใหญ่เองบางทียังไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักตัวของตัวเองเลยนี่ครับ แล้วผมก็เห็นข้อเปรียบเทียบจากครอบครัว แดง เพราะแม่ของเขาดุอย่างกับเสือ แต่แดงก็รักแม่มาก ส่วนพ่อก็ขี้เมาและมักจะมีเรื่องตบตีกับแม่ทุกคืน แต่ผมไม่เห็นว่าพ่อกับแม่ของแดงเขาจะเลิกกันเลย ทั้งที่ปัญหาเขาเยอะกว่าพ่อแม่ผมอีก ผมล่ะไม่เข้าใจผู้ใหญ่จริงๆ ผมกับพี่ปาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย กับแม่ก็เคยมาหาผมที่โรงเรียนสองครั้ง ครั้งหลังเจอะกับพ่อเข้าพอดี แหม...เขาต่างทำหน้าพิลึกล่ะครับ พ่อก็ตีหน้าขรึม แม่ก็ตีหน้าเคร่ง ผมขี้เกียจถามแล้วว่าเมื่อไหร่แม่ถึงจะกลับไปอยู่บ้านเราพร้อมกับพ่อ ผมต้องยอมรับความจริงว่าพ่อแม่เขาเลิกกัน ไม่ใช่เพียงแค่แยกกันอยู่เพียงไม่กี่วันเหมือนอย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรกๆ เพราะนี่มันก็หลายเดือนเต็มทนแล้ว ตอนขับรถออกมาพ่อก็เหม่อๆ ไม่รู้คิดถึงแม่หรือเปล่า ทำให้เผลอขับรถไปชนกับคันหน้าเขาเฉยเลย แหม...ผมอยากรู้จัง แม่ผมเขาจะขับรถใจลอยเกือบชนใครเข้าอย่างพ่อผมหรือเปล่า? ชีวิตผมลุ่มๆ ดอนๆ ต่อมาอีกหลายเดือน จนพ่อมาบอกผมว่าจะต้องไปทำงานที่มาเลเซีย เป็นงานขั้นทดลอง เขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นช่วงแรกสามเดือน ระหว่างอยู่บ้านคุณย่าซึ่งมีที่ซุกซนเยอะแยะแล้วก็ตามใจผม กับอยู่บ้านคุณยายผู้จู้จี้ ยังไงๆ ผมก็อยู่กับคุณย่าดีกว่า ตอนพ่อไม่อยู่ลุงป๋องมาเยี่ยมผมบ่อยเหมือนกัน หรือจะเป็นเพราะรู้ว่าน้าใหม่มาหาผมเสมอๆ ก็ไม่รู้ บางทีลุงกับน้าเขาก็พบกันและชอบคุยกันครั้งละนานๆ ระยะหลังๆ มานี้ผมเห็นลุงป๋องเขามองน้าใหม่ด้วยสายตาแปลกๆ แพรวพราวยังไงไม่รู้ น้าใหม่บอกผมว่าแม่คิดถึงผมเลยให้น้าใหม่มารับไปค้างด้วย ผมเลยใจอ่อนไปหาแม่ แม่ก็ชวนให้ผมพักอยู่ต่อที่บ้านคุณยาย ผมก็เล่นแง่ว่าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเราเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ผมต้องอยู่คอยดูแลพ่อ ก็พอดีที่พี่ปาเขากลับมาจากโรงเรียน เขาทำท่าดีใจวิ่งมาหาผมแล้วก็ขอแม่ว่าจะไปค้างบ้านคุณย่ากับผม แม่จึงจำใจต้องอนุญาต แต่แล้วพี่ปาเขาไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านคุณยายจริงๆ แหละ แม้วันรุ่งขึ้นน้าใหม่มารับกลับเขาก็ไม่ยอมกลับ ทีเมื่อตอนพ่อกับแม่แยกกันใหม่ๆ ผมยังจำได้ว่าพี่ปาเขาเจ้ากี้เจ้าการสั่งผมนักให้ผมเป็นเพื่อนพ่อ พี่ปาเขาจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่ก็มีปัญหาเกิดกับพี่ปา คือการที่เขาต้องนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนนี่แหละครับ เลยถูกเพื่อนๆ ล้อจนเก็บเอาอารมณ์โกรธมาอาละวาดให้ผมฟังบ่อยๆ ก็เขาเคยแต่นั่งรถยนต์ไปเรียนเหมือนเพื่อนของเขานี่ครับ แล้วแม่ก็อุตส่าห์ขับรถมารับผมกับพี่ปาแล้วพาไปส่งบ้านคุณย่า แม้ผมจะสงสารที่แม่จะต้องขับรถไกลๆ แต่คนอย่างผมก็ไม่ตกหลุมอุบายตื้นๆ ของแม่หรอกครับที่จะให้พวกเราสงสารแล้วไปอยู่ด้วย แม่จึงไม่วายบ่นน้อยใจว่าไม่มีใครรักแม่สักคน จริงๆ ผมก็สงสารแม่เหมือนกัน แม้บางทีจะดูเหมือนพ่อแม่จะไม่รักเรา แต่ว่าที่จริงแล้วทั้งพ่อทั้งแม่เขาคงรักเราหรอก แม้ว่าเขาจะโกรธกันเองและไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างพ่อแม่ผม พี่ปาเขียนจดหมายถึงพ่อและเล่าให้ฟังว่าเขามาอยู่บ้านคุณย่ากับผม เขาเขียนตอนหนึ่งว่า...หนูอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน แม่คงคิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่แม่เป็นคนมีทิฐิ พวกเราไม่รู้หรอกครับว่าทิฐิแปลว่าอะไร ดูเหมือนลุงป๋องจะแปลว่าต่างคนต่างไม่อยากง้อกันนี่แหละ ก็คงเหมือนผมกับพี่ปาเวลาโกรธกัน ต่างคนต่างไม่ยอมง้อกันก่อน แต่ไปๆ มาๆ ต่างคนต่างก็เผลอลืมไปว่าเราโกรธกัน โดยเฉพาะตอนดูโทรทัศน์เรื่องที่เราชอบดูทั้งคู่ เลยเผลอวิพากษ์วิจารณ์เสียนี่ แต่พวกผู้ใหญ่เขาจะเป็นอย่างเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี อีกไม่กี่วันผมกับพี่ปาก็ได้รับจดหมายตอบจากพ่อบอกว่าคิดถึงตามธรรมเนียม ไม่ได้พูดถึงแม่เลย พ่อคงคิดว่าที่พี่ปาเขาเขียนไปเรื่องแม่นั้น เขาคงแก่แดดเขียนไปเอง ทำไมหนอพ่อเขาถึงไม่บอกมาสักคำว่าเขาก็อยากคืนดีกับแม่ ก็คงให้คำว่าทิฐิเหมือนแม่นี่แหละ เฮ้อ...ต่างคนต่างทิฐิ พวกเราลูกๆ ก็แย่กันเท่านั้นเอง เกิดมาเป็นลูกที่พ่อกับแม่เขาเก็บเอาเจ้าตัวทิฐิเข้าไว้กันคนละมากๆ นี่ ผมละเบื่อที่ซู้ด แต่แล้วไม่รู้ยังไง วันหนึ่งแม่ก็บอกเราสองคนว่า แม่จะกลับมาอยู่บ้านเราสักพัก เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่ก็ตาม ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคุณย่าโดยไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่ก็บังเอิญมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ เกิดเปลี่ยนรัฐบาลขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรมันนอกเหนือความสามารถที่จะรับรู้ของเด็กๆ อย่างผม แล้วทีนี้ลุงรองก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เพิ่งเป็นเก้าอี้กำลังจะอุ่นๆ เท่านั้นเอง ประโยคท้ายนี่ก็ลุงป๋องของผมตามเคยเป็นคนพูดให้ผมจำขี้ปาก เรื่องมันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมและพี่ปา แต่ก็เกี่ยวเข้าจนได้ เพราะแม่งดเรื่องที่เราจะกลับไปอยู่บ้านเอาไว้ชั่วคราว แม่อ้างว่าเขาจะว่าได้ว่าพอเห็นเขามีบุญก็วิ่งเข้าไปหา หัวใจผมห่อเหี่ยวลงไปหลังจากพองโตมาสองสามวัน แล้วแม่ก็เกิดมีเรื่องกระทบกระเทือนเรื่องงานของแม่ในอีกไม่นานต่อมาครับ โดยคำสั่งของรัฐมนตรีคนใหม่ให้แม่เป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง ดูเหมือนว่าตำแหน่งของแม่จะกลับถอยลงแม้จะอยู่ในอัตราเงินเดือนเดิม เรื่องแม่ถูกย้ายตำแหน่ง แม่คงเสียใจเหมือนกัน บังเอิญอีกสองวันต่อมาโรงเรียนหยุดกลางเทอม นอกจากผมกับพี่ปาไม่ได้กลับไปอยู่บ้านแล้ว ยังไม่ได้พบแม่อย่างเก่าเสียด้วย ผมลืมเล่าเรื่องพี่จ้อยเข้าไป แปลกนะครับเรื่องลุงรองพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี พี่จ้อยเขาดูอายๆ ชอบกล อันที่จริงไม่เห็นว่าน่าอายอะไร ถึงเราจะยังเด็กๆ เราก็ต้องเรียนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งคงที่ มีระยะเวลามีเทอม หรือจะเป็นเพราะพี่จ้อยแกเบ่งเอาไว้มากก็ไม่รู้ ผลสุดท้ายผมกับพี่ปาก็ต้องผิดหวังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรากับแม่ พ่อก็หายเงียบไปเหมือนกัน พ่อคงนึกว่าเราสองคนพี่น้องมาอยู่รวมกันที่บ้านคุณย่าสบายดีแล้ว เพราะพ่อคงไว้ใจคุณย่าให้เลี้ยงลูกของพ่อยิ่งกว่าให้อยู่กับทางด้านแม่ พ่อก็เลยหายเงียบไปเลยทั้งเดือน หรือพ่อจะมีแฟนใหม่จริงๆ อย่างที่ลุงป๋องพูดเล่นอยู่เสมอก็ไม่รู้ ลุงป๋องเคยพูดบ่อยๆ ว่าผู้ชายใกล้ใครก็มักจะอดไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าห่างจากภรรยา แล้วนี่พ่อกำลังว้าเหว่ กำลังโกรธกับแม่ด้วย เกือบเดือนหลังจากนั้นผมจึงได้รับจดหมายจากพ่อ พ่อเขียนมาบอกสั้นๆ ว่าถ้าผมกับพี่ปาอยากไปอยู่กับแม่ที่บ้านคุณยายก็ให้ไปอยู่เถอะ สงสารแม่เขา คุณย่าอ่านจดหมายแล้วก็หัวเราะว่าน่ากลัวพ่อจะมีเมียใหม่แล้วจริงๆ แต่ทว่าพี่ปาเขาคงกลัวเหมือนกัน เด็กผู้หญิงมักอ่อนไหวกว่าเด็กผู้ชายนี่ครับ อยู่ๆ พี่ปาเขาเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เขาเกิดปวดท้องไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ผมเลยฝากพี่จ้อยไปบอกแม่ พอกลับมาบ้านผมก็ไม่เห็นพี่ปาเขาเป็นอะไร เห็นนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างสบายใจ แต่พอคืนนั้นแม่กับน้าใหม่มาหา อยู่ๆ เขาก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ยังกับว่าเขาแกล้งเรียกร้องความสนใจอย่างนั้นแหละ พี่ปากลายเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ นอกจากปวดท้องแล้วยังหงุดหงิดอีกด้วย เราเริ่มทะเลาะกันอีกเหมือนตอนอยู่บ้าน จนคุณย่าบ่นว่ามีกันสองคนพี่น้องน่าจะรักกันให้มาก ผู้ใหญ่เขาไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ที่หมั่นพูดหมั่นจี้อยู่เสมอว่า พ่อก็ไม่มีแม่ก็ไม่มี หรือพ่อแม่ก็เลิกกัน มันทำให้เด็กอย่างพวกเรารู้สึกยังไง ลุงป๋องมาเยี่ยมเราบ่อยคงเพราะพ่อสั่งฝากฝังเอาไว้ แล้วก็ระยะหลังนี่ดูเหมือนว่าลุงป๋องจะมาเพื่อให้บังเอิญพบกับน้าใหม่ด้วย ผมยังบังเอิญแอบได้ยินข่าวใหม่ว่าลุงป๋องเขาแอบตกลงเป็นแฟนกับน้าใหม่ แต่มีข้อแม้ว่าคุณยายจะต้องห้ามล่วงล้ำอธิปไตยของเขาทั้งสอง ลุงป๋องกับน้าใหม่พาพี่ปาไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่พี่ปาก็ยังปวดท้องอีกแหละ ดูท่าทางของเขาไม่ได้แกล้งแน่ๆ พอเรื่องป่วยของพี่ปารู้ถึงพ่อ พ่อก็ส่งข่าวมาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเราก่อนที่จะเซ็นสัญญากับทางโน้นเป็นการถาวร พอพ่อมาถึงพี่ปาก็เริ่มปวดท้องอีกจนได้ จนเดือดร้อนต้องให้คู่รักคู่ใหม่อย่างลุงป๋องและน้าใหม่ต้องเป็นธุระพาไปหา หมออู๊ด แต่หมอก็กลับแนะนำว่าต้องให้พ่อกับแม่ดีกันพี่ปาถึงจะหาย ว่าที่จริงผมก็งงๆ อยู่เหมือนกัน พี่ปาเขาปวดท้องของเขา ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย แต่เรื่องคืนดีของพ่อแม่นั่นแหละครับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะดูท่าทางจะไม่มีใครยอมลงให้ใคร แม่ก็กลัวจะเสียหน้าที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกต่ำ ข้างพ่อก็ไม่อยากง้องอนแม่ น้าใหม่กับลุงป๋องจึงต้องทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักเพื่อประสานรอยร้าวให้ครอบครัว แต่ก็ดูจะไม่มีอะไรก้าวหน้า จนพ่อเขาต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ก่อนที่พ่อจะขึ้นเครื่องบิน พ่อเขาก็กอดพี่ปาแล้วบอกว่า บางทีถ้าพ่อกลับมาอีกหน เราทั้งคู่ก็อาจได้กลับไปอยู่บ้านเราเหมือนเก่าก็ได้ น้าใหม่บอกพวกเราว่าพ่อแม่มีหวังกลับมาคืนดีกัน แต่แม่ยังเขินอยู่ แหม..ทีโกรธกันไม่เห็นเตรียมอะไรเลย เราสองคนพี่น้องจึงต้องร้องเพลงรอไปก่อน ครับ...เป็นอันว่าผมกับพี่ปากำลังรอให้พ่อกับแม่เขากลับมาคืนดีกันด้วยความหวัง มีความหวังแบบนี้ผมไม่รังเกียจที่จะรอเลย ให้ตายเถอะ (ขออุทานอย่างลุงป๋องเป็นครั้งสุดท้าย) เด็กอย่างเราคงเป็นอย่างที่ลุงป๋องว่านั่นแหละครับ คือต้องร้องเพลงรอเอาไว้ก่อน รอให้โต รอให้เป็นผู้ใหญ่ รอให้พร้อมที่จะรับผิดชอบบ้านเมืองในอนาคต ก็ผู้ใหญ่เขายกย่องว่าเราเป็นหัวใจ เป็นอนาคตของชาตินี่ครับ ข้อสำคัญระหว่างที่เราเป็นหัวใจของชาติ แล้วก็กำลังรอการรับผิดชอบบ้านเมืองต่อจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยให้เราพร้อมหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้รอไปตามบุญตามกรรมของเรานะครับ ถ้าอยากเห็นอนาคตของชาติดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ล่ะก็...

สวัสดีคุณครู 2550

สวัสดีคุณครู (2550/2007) ครูระรินตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนย่านชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ เพื่อมาเป็นครูในจังหวัดบ้านเกิดในโรงเรียนเทคนิคแห่งหนึ่งของ สหเทพ ในโรงเรียนแห่งนี้มีปัญหาความขัดแย้งของคนหลายกลุ่ม กลุ่มของครูทินและครูสมัครก็พยายามจัดระเบียบในโรงเรียน และยังมีกลุ่มของนักเรียน ที่มีการขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา นั่นคือกลุ่มของเชอร์รี่ที่เกเรและไม่ตั้งใจเรียน กับกลุ่มของสิริญที่ตั้งใจเรียน และก็ยังมีกลุ่มของสันติที่เป็นหัวโจกที่เกเรสุดขั้ว และครูระรินก็ยังต้องเผชิญหน้ากับสันธาน อดีตปลัดอำเภอซึ่งเคยคบหาดูใจกันมาก่อน แต่ก็ต้องขาดการติดต่อกันไป เพราะสันธานไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น ติดตามต่อได้ใน สวัสดีคุณครู

กิ่งกาหลง 2550

กิ่งกาหลง (2550/2007) กาหลง สาวบ้านนอกไร้ญาติขาดมิตร เธอได้รับความช่วยเหลือจาก ป้าวัน ด้วยการพาเข้ามาทำงานอยู่ในบ้านเกษมสุข โดยมี สุจิรา และ กวี ผู้เป็นสามีเป็นเจ้านาย การมาของกาหลงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสุจิราและกวีซึ่งกำลังสั่นคลอนอยู่ ยิ่งมีปัญหามากขึ้น เมื่อกวีเห็นกาหลง เขาก็รู้สึกประทับใจในตัวเธอทันที มิใช่เพียงแต่กวีคนเดียวเท่านั้น แม้แต่ ณรงค์ พ่อเลี้ยงเมืองเชียงใหม่เพื่อนของกวีที่แวะมาหา เมื่อเห็นกาหลง ก็เกิดอาการตกหลุมรักทันที สุจิราไม่พอใจและหาเรื่องทะเลาะกับกวี เมื่อเห็นเขาทำตัวสนิทสนมกับกาหลงเกินความเป็นนายจ้างกับลูกจ้าง สุจิราเริ่มหาเรื่องแกล้งกาหลงต่างๆ นานา กวีและกาหลงแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ แต่ไม่พ้นสายตา น้อย สาวใช้ขี้ประจบ ที่เห็นกวีแอบไปหากาหลง น้อยคาบข่าวไปบอกสุจิรา ทำให้สุจิราคลั่งจนเข้าทำร้ายกาหลง กวีพากาหลงไปโรงพยาบาล ทำให้รู้ว่ากาหลงตั้งท้อง เมื่อรู้ข่าวสุจิรายิ่งโกรธแค้นกาหลงเป็นทวีคูณ แต่ทำอะไรกาหลงไม่ได้ เพราะเธอกลัวจะสูญเสียกวีไป สุจิราจำต้องยอมรับสภาพ แต่ในใจนั้น สุจิรากำลังคิดหาทางกำจัดกาหลงออกไปให้พ้นทาง ป้าวันเตือนกาหลงเรื่องสุจิรา ว่าเธอเคยฆ่าลูกประชดสามีมาแล้ว การที่เธอจะทำอะไรร้ายๆ กับกาหลงจึงเป็นเรื่องง่าย และสุจิราก็ทำอย่างนั้นจริงๆ เธอพยายามจะทำให้กาหลงแท้ง แต่โชคดีที่กวีกลับมาทันเวลา จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้กวีตัดสินใจให้ เสี่ยจิว ผู้รับเหมาเข้ามาสร้างบ้านอีกหลัง เพื่อที่เขาและกาหลงจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อ-แม่-ลูก เมื่อเสี่ยจิวเห็นกาหลง เขาก็รู้สึกชอบเธอขึ้นมาทันที สุจิรายิ่งแค้นหนักจึงวางแผนสร้างสถานการณ์ให้เกิดอุบัติเหตุกับกาหลง โดยมีคนงานของเสี่ยจิวเป็นคนช่วย เสี่ยจิวแอบได้ยินแผนเข้าจึงซ้อนแผนอีกที จนกาหลงมองว่าเสี่ยจิวเป็นคนดี กวีรู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นแผนของสุจิรา ทำให้เขาและสุจิราทะเลาะกันรุนแรงขึ้น สุจิราจึงได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ เวลาผ่านไป กาหลงท้องแก่ใกล้คลอด สุจิราตั้งใจจะทำให้กาหลงรู้ซึ้งถึงความสูญเสีย ที่เมื่อครั้งก่อนเธอเคยได้รับ สุจิราตั้งใจผลักกาหลงตกบันได ในขณะที่กวีและณรงค์เข้ามาเห็นพอดี กวีและสุจิราทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนกวีเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบ โดยสุจิราไม่สนใจที่จะช่วยชีวิตของกวี เธอปล่อยให้กวีหัวใจวายตายไปต่อหน้าต่อตา ด้านณรงค์ที่พากาหลงออกมา เห็นเธอมีอาการใกล้คลอดจึงพาไปโรงพยาบาล และกาหลงก็ได้ลูกผู้ชาย โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า รัฐศาสตร์ จะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าพ่อแม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม หลังออกจากโรงพยาบาล กาหลงและลูกกลับมายังบ้านเกษมสุข เธอได้รับข่าวร้ายจากป้าวันว่ากวีตายแล้ว ด้านณรงค์พยายามเกลี้ยกล่อมให้กาหลงไปอยู่ด้วย แต่กาหลงปฏิเสธ เพราะเธอรักกวีเพียงคนเดียวเท่านั้น สุจิราตั้งใจจะฆ่าลูกของกาหลง แต่ด้วยสัญชาติญาณความเป็นแม่ ประกอบกับเคยสูญเสียลูกทำให้สุจิรารู้สึกรักรัฐศาสตร์ขึ้นมาอย่างประหลาด จึงคิดจะยึดเอามาเป็นลูกตัวเอง สุจิราจ้างลูกน้องเสี่ยจิวให้แอบเข้ามานอนกับกาหลง เพื่อที่จะได้ใส่ความว่ากาหลงพาผู้ชายเข้ามานอนในบ้าน และไล่เธอออกจากบ้านเสีย แผนการณ์นี้รู้ถึงหูเสี่ยจิวเช่นเคย เขาจึงใช้จังหวะนี้เอาตัวกาหลงไปไว้ที่บ้าน สุจิรากลัวว่ากาหลงจะมาแย่งลูกคืน เธอจึงประกาศขายบริษัทและบ้าน แล้วหอบลูกหนีไปอยู่เมืองนอก ด้านกาหลงพลาดท่าเสียทีเสี่ยจิว เวลานี้เธอได้รู้ธาตุแท้ของเสี่ยจิวแล้ว แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ เพราะเสี่ยจิวเอาเรื่องลูกขึ้นมาขู่ ชีวิตกาหลงต้องพลิกผันอีกครั้ง เมื่อเสี่ยจิวติดการพนันจนเป็นหนี้ ณรงค์รู้ข่าวจึงยื่นมือช่วยเหลือ หากแต่เสี่ยจิวต้องยกกาหลงให้กับเขา ชีวิตของกาหลงน่าจะมีความสุขดี เมื่อณรงค์พากาหลงไปอยู่เชียงใหม่ หากแต่วิบากกรรมของกาหลงยังคงไม่หมด เพราะเธอถูก ดวงใจ แม่ยายของณรงค์คอยขัดขวาง ด้วยการไปยุเมียน้อยของเขาคือ ยุพิน กับ กำไร ให้มาราวีกาหลง กาหลงถูก 2 เมียน้อยรังแกอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งกาหลงตั้งท้อง ดวงใจวางแผนจะกำจัดกาหลงด้วยการวางยาพิษ โดยใช้ยุพินและกำไรเป็นเครื่องมือ แต่เรื่องกลับตาลปัตรเพราะณรงค์กลับเป็นคนที่ไปดื่มยาเสียเอง ทำให้เขาเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน ดวงใจใช้โอกาสนี้ไล่กาหลง, ยุพินและกำไรออกจากบ้าน กาหลงเช็กไปทางลูกน้องของณรงค์ที่ไปตามหารัฐศาสตร์ที่อเมริกา และได้รับข่าวร้ายว่ารัฐศาสตร์เสียชีวิตแล้ว กาหลงซัดเซพเนจรไร้ที่ไป เธอเศร้าเสียใจกับการสูญเสียจึงคิดฆ่าตัวตาย แต่ เตือนใจ เข้ามาช่วยไว้ทัน และพาไปทำงานที่ร้านอาหารของตน จนกระทั่งกาหลงคลอดลูกสาวที่เกิดจากณรงค์ชื่อ วาศิฐี ในขณะเดียวกันด้านสุจิราและน้อย ต่างพากันเปลี่ยนชื่อเป็น มาติกา และ นีน่า เพื่อไม่ให้กาหลงตามสืบได้ โดยมี โสภา เพื่อนของเธอให้ความช่วยเหลือ มาติกาเปลี่ยนชื่อรัฐศาสตร์เป็น แพทริค …เวลาผ่านไป 5 ปี ขณะที่วาศิฐีกำลังวิ่งเล่นอยู่กับ ดนัย ลูกชายของเตือนใจ รถ 10 ล้อพุ่งเข้ามาจะชน โชคดีที่ จอห์น โธมัส เจ้าของโรงงานผ้าไหมชื่อดังเข้ามาช่วยไว้ทัน ทำให้เขาได้พบกับกาหลง เขาตกหลุมรักเธอ และพยายามตามจีบโดยมีเตือนใจเป็นกองเชียร์ ระหว่างนั้นวาศิฐีมีอาการป่วยเป็นโรคเอสแอลดี หรือโรคภูมิแพ้ตัวเอง จอห์นคอยให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือกาหลงโดยตลอด จนเธอเริ่มเห็นความดีของจอห์น ในที่สุดกาหลงจึงตัดสินใจแต่งงานกับจอห์น แต่ความสุขก็อยู่กับกาหลงได้ไม่นาน จอห์นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต กาหลงจึงต้องดูแลโรงงานผ้าไหมแทน หลังการตายของจอห์น เตือนใจแนะนำให้กาหลงเปลี่ยนชื่อเป็น นนทลี เพื่อเป็นการแก้เคล็ด 17 ปีผ่านไป วาศิฐีโตเป็นสาวรุ่น เธอชอบงานศิลปะจึงรับผิดชอบในการออกแบบลายผ้าไหม ทำให้เธอมักจะมีปัญหากับฝ่ายผลิต โดยมีดนัยเป็นคนดูแลอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ทั้งสองจะมีปากเสียงกัน แต่ดนัยไม่ได้ถือสาน้อง เพราะเขาแอบหลงรักวามาโดยตลอด วาขอกาหลงไปเรียนต่อที่อเมริกา แต่ถูกปฏิเสธ เพราะกาหลงเป็นห่วงกลัวอาการของลูกสาวจะกำเริบ จนกระทั่งกาหลงรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เธอไม่อยากให้ลูกรู้เรื่องอาการป่วยของเธอ กาหลงจึงจำใจยอมให้วาไปเรียนต่อโดยให้ดนัยตามไปดูแล ที่อเมริกานั่นเองที่ทำให้วาได้พบกับแพท ทั้งคู่ต่างมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ไม่เป็นการง่ายนักสำหรับแพท เพราะเขาถูก โสภิตา ลูกสาวของโสภาที่สุจิราตั้งใจอยากให้ทั้งสองลงเอยกันคอยตามติดตลอดเวลา ข่าวการป่วยของกาหลงทำให้วารีบกลับเมืองไทยโดยไม่ได้ร่ำลากับแพท หลังเรียนจบแพทคิดมาเมืองไทย แม้สุจิราจะคัดค้านหัวชนฝา แต่ด้วยความดื้อแพ่งของแพทและความรักลูกของสุจิรา ทำให้เธอจำใจยอมกลับเมืองไทย โดยมีโสภิตาตามมาด้วย เมื่อแพทมาเมืองไทยเขาได้พบกับวาโดยบังเอิญที่โรงพยาบาล ทำให้ทั้งสองได้สานต่อความสัมพันธ์อีกครั้ง วาพาแพทเที่ยวไปตามที่ต่างๆ จนอาการโรคภูมิแพ้กำเริบ ทำให้กาหลงเป็นห่วงวามากขึ้น เธออยากให้ดนัยแต่งงานกับวา เพื่อที่จะได้มีคนดูแลวาในเวลาที่เธอจากโลกนี้ไปแล้ว แพทพาวาไปทานข้าวที่บ้าน เพื่อแนะนำให้รู้จักกับสุจิรา แต่กลับถูกสุจิราพูดจาดูถูกและลามไปถึงแม่ของเธอว่าจับผู้ชายรวยๆ ทำให้วาโกรธมาก แพทพยายามตามมาปรับความเข้าใจ แต่ก็ถูกโสภิตาขัดจังหวะด้วยข่าวการหมั้นของเธอและแพท การถูกมัดมือชกให้หมั้นหมายกับโสภิตา ทำให้แพทมีปากเสียงกับสุจิราขั้นรุนแรง แพทหนีออกจากบ้านไปอยู่กับวาที่โรงงานผ้าไหม เมื่อกาหลงได้พบกับแพท เธอเกิดความรู้สึกแปลกๆ โดยไม่รู้สาเหตุ สุจิรามาตามหาแพท เมื่อเห็นว่าลูกหนีมาอยู่กับวา จึงโกรธจนถึงขั้นตบหน้าวาและด่าว่าอย่างเสียๆ หายๆ กาหลงจึงตามไปเคลียร์กับสุจิราที่บ้าน กาหลงถึงกับอึ้งเมื่อพบว่ามาติกาก็คือสุจิรานั่นเอง และทำให้กาหลงเชื่อมั่นว่าแพทคือรัฐศาสตร์ลูกชายของเธอนั่นเอง โสภาเริ่มสำนึกผิดที่เธอมีส่วนช่วยให้สุจิราทำชั่ว เธอจึงแอบไปพบกับกาหลงเพื่อเล่าความจริง โดยที่เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าการสำนึกผิดนั้นจะนำความตายมาให้เธอ กาหลงสั่งห้ามไม่ให้วาคบกับแพท โดยไม่ได้บอกถึงเหตุผล ทำให้วาไม่พอใจ เหตุการณ์เริ่มเลวร้ายลง กาหลงอาการทรุดหนัก เมื่อวากับแพทตัดสินใจหนีไปด้วยกัน แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดดนัยก็ดึงวากลับมาได้ กาหลงคิดจะไปตกลงกับสุจิราที่บ้าน ซึ่งเข้าทางสุจิราที่เตรียมสร้างสถานการณ์ ด้วยการทำร้ายตัวเองแล้วป้ายความผิดให้กับกาหลง แพทโกรธและเข้าใจกาหลงผิด วาโกรธแพทที่แพทมาต่อว่าแม่ของเธอ แพทตามง้อจนวาใจอ่อน แต่แล้วโสภิตาก็เข้ามาแทรกกลางจนทำให้วาเข้าใจผิดอีกจนได้ วาจึงตัดสินใจจะแต่งงานกับดนัย ในขณะที่สุจิราก็จับให้แพทแต่งงานกับโสภิตา ระหว่างพิธีแต่งงานแพทเข้ามาฉกตัววาไป ทั้งสองแอบไปหลบอยู่ในกระท่อมร้างแห่งหนึ่ง ดนัยตามไปจนเจอจึงโทรบอกกาหลง ขณะที่แพทกำลังก้มจะจูบวา กาหลง, เตือนใจ, ดนัย, สุจิรา, โสภิตา และน้อยก็เข้ามา กาหลงจำใจบอกความจริงกับแพท ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน อาการป่วยของวาหนักลงเรื่อยๆ หมอแนะนำให้เปลี่ยนถ่ายไขกระดูก กาหลงจึงไปขอความช่วยเหลือจากแพท ด้านโสภิตาหลังจากที่ถูกแพทปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย เธอจึงคิดจะกลับอเมริกาแต่มารู้ความจริงเสียก่อนว่าโสภาถูกสุจิราฆ่าปิดปาก และโสภิตาเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน ถ้าไม่มีตำรวจผ่านมาเห็นซะก่อน น้อยถูกตำรวจจับ แต่สุจิราหนีไปได้ แพทยอมมาถ่ายไขกระดูกให้กับวา ระหว่างนั้นเตือนใจเล่าความจริงเรื่องกาหลงให้แพทฟัง ทำให้แพทรู้สึกเสียใจที่ไม่ยอมรับกาหลงเป็นแม่ ขณะที่แม่-ลูกกำลังปรับความเข้าใจกัน สุจิราซึ่งมีอาการทางประสาทก็เข้ามา เธอคว้ามีดขึ้นมาหวังจะทำร้ายกาหลง แต่แพทยกแขนขึ้นรับทำให้ได้รับบาดเจ็บ สุจิราวิ่งหนีออกไปและไปพบกับวาซึ่งกลับมาพอดี เธอจะทำร้ายวาแต่แพทเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ในที่สุดสุจิราก็ถูกตำรวจจับกุม วาระสุดท้ายก่อนการจากไปของกาหลง สร้างความเสียใจให้กับวาศิฐีและรัฐศาสตร์อย่างมาก แต่ดูเหมือนว่ากาหลงจะไม่เสียใจแม้แต่น้อย เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ตายอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เธอรักอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา…

ปี่แก้วนางหงส์ 2550

ปี่แก้วนางหงส์ (2550/2007) ในยุคสมัยที่บ้านเมืองถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมตะวันตก จนศิลปะไทยหลายแขนงถูกกลืนหายไป ไม่เว้นแม้แต่วงมโหรีของ พระยาพิชัยเดชา ผู้สืบทอดศิลปะดนตรีไทยถูกทางการสั่งให้ยุบวง ท่านพระยาจึงส่ง นายพ่วง และแม่เพียร หัวหน้าวงและลูกวงกลับปากน้ำโพ ก่อนไป พิกุล ลูกสาวนายพ่วงได้สร้างสัมพันธ์รักกับ คุณราช ลูกชายคนเดียวของท่านพระยา ที่มีนิสัยเจ้าชู้ กะล่อน เช่นเดียวกับ สิน มือฆ้องประจำวงที่แอบรักพิกุลอยู่ แต่ เอื้อย ลูกสาว แม่สุด หลงรักสิน ท่านพระยาเบื่อความเจ้าชู้ของคุณราชจึงจับแต่งงานกับ สารภี ลูกสาวคนโตของ เจ๊กพ้ง เมื่อคุณราชรู้ก็ให้ นายมุด บ่าวคนสนิทพาหนีไปบ้านนายพ่วง คุณราชโกหกนายพ่วงว่าพ่อส่งมาเรียนดนตรี เพราะคุณราชอยากเป็นเจ้าของพิกุล ถึงกับยอมสาบานว่าหากตนหมดรักพิกุลวันใด ขอให้ฟ้าผ่าตาย คุณราชรู้ว่าสินแอบรักพิกุลอยู่จึงแกล้งด้วยการขอเล่นฆ้องแทนสิน อ่ำ และอ้น เพื่อนสนิทของสินไม่พอใจ ติดตามต่อได้ใน ปี่แก้วนางหงส์

พฤกษาสวาท 2550

พฤกษาสวาท (2550/2007) พฤกษาสวาท เป็นเรื่องราวชีวิตความรักของ ประจิม ที่เลี้ยงดูเด็กสาวมาจนเติบใหญ่ และหลงรักเธอ แต่อ่อนเคารพเขาเพราะเป็นผู้มีพระคุณเท่านั้น ดร.ประจิม หนุ่มใหญ่ไร้เสน่ห์ แต่ชอบผู้หญิงเปรี้ยว เซ็กซี่ จีบผู้หญิงกี่รายก็ไม่ประสบความสำเร็จ ล่าสุดถูกไฮโซสาวบอกเลิก ประจิมเมาหัวราน้ำจนขับรถไปหลับอยู่กลางสี่แยก ถูกตำรวจเชิญไปโรงพักเพื่อทำโทษ เรื่องนี้ทำให้ประจิมเข็ดผู้หญิง จนแม่และพี่สาวต้องร้อนใจไปด้วย สตี เป็นญาติห่างๆ ของแม่ประจิม รับสตีมาเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนเรื่องการเรือน และเป็นแม่บ้านประจำตระกูล สตีนั้นแอบหลงรักประจิมแต่เขารักสตีแบบน้องสาว ต่อมา เอิบ เพื่อนของประจิม ป่วยหนักอยู่ที่ลำพูน เขารู้ข่าวแต่พอไปถึงจึงได้รู้ว่าเอิบเสียชีวิตแล้ว และได้ฝากฝังให้เขารับ อรอินทรา ( อ่อน ) มาเลี้ยงดู ประจิมจึงพาอ่อนและ อุ๊ยมูล ยายของอ่อนมาอยู่ที่บ้าน ทำให้คุณนายอรรถและครอบครัวพี่สาวไม่ค่อยพอใจนัก ประจิมดูแลเด็กสาวอย่างดี ส่งเสียให้เรียน เล่นกีฬา เรียนดนตรี จนทำให้หลานๆ ลูก พี่สาวของประจิม ไม่พอใจมาก พูดจาประชดประชันและคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งอ่อนเสมอ ประจิมไม่พอใจมากเมื่อเห็นอ่อนถูกรังแก นานวันประจิมเริ่มหวงแหนอ่อนเป็นสมบัติของตัวเองมากขึ้น เขายอมเปลี่ยนแปลงตัวเองจากที่ดูเชยๆ กลายมาเป็นหนุ่มใหญ่ดูดี วันหนึ่งอ่อนหัดว่ายน้ำอยู่ แต่ถูกอ้อและแอ้แกล้งจนเกือบจมน้ำตาย วิกสิตเข้ามาช่วย ประจิมเห็นจึงเข้ามาทำร้ายหลานชายด้วยความหึงหวง อ่อนถูกเรียกไปสอบสวน เธอยอมรับผิดโดยไม่ปรักปรำใคร ทำให้วิกสิตประหลาดใจและเริ่มรู้สึกดีๆ กับอ่อน นับจากวันนั้นวิกสิตก็วนเวียนอยู่แถวนั้น ทำให้ประจิมหึงหวงสั่งห้ามอ่อนไม่ให้คบกับวิกสิต แต่ทั้งสองก็ยังคงแอบคบกันบ่อยๆ เมื่อประจิมเห็นคนที่ถูกตำหนิคือสตี ที่ไม่ยอมกันวิกสิตเอาไว้ ฝ่ายนันทวันผิดหวังกับคนรักจึงหันมาคบกับประจิมอีกครั้ง แต่เห็นประจิมเอาอกเอาใจอ่อน และยังมีสตีที่แอบรักประจิมอีกคน เธอจึงเข้ามาเป็นมือที่สามเพื่อหาเรื่องให้อ่อนกับสตีถูกเล่นงาน นันทวันใส่ไฟอ่อนจนถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปเรียนหนังสือ วิกสิตมาถามเหตุผลและต่อว่าประจิมว่าเป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน ทำให้ประจิมโกรธจนชกต่อยกัน วิพุธเข้าไปห้ามจึงถูกประจิมชกหน้าประภัสสร โกรธแทนสามีตบหน้าน้องชายไป ส่วนคุณนายอรรถก็โกรธลูกสาวที่ตบหน้าลูกชาย จึงตบหน้าเธอไปอีกคน ทำให้เกิดการทะเลาะกันใหญ่ อ่อนรู้สึกเสียใจมากที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปัญหา จึงได้แต่ยืนร้องไห้ออกมา ประจิมขังอ่อนไว้ในห้อง วิกสิตไม่พอใจจึงพาอ่อนหนีไปอาศัยอยู่ที่บ้าน แหวน เพื่อนรักที่มีอาชีพเป็นนักดนตรี แหวนเห็นอ่อนก็หลงรักเธออีกคน แต่ก็ต้องตัดใจเมื่อรู้ว่าเธอรักวิกสิต ประจิมออกตามหาเธอไปทั่วจนได้มาพบที่บ้านของแหวน เขาพาอ่อนกลับบ้าน เนื่องจากอุ๊ยมูลป่วยหนัก วิกสิตโกรธคิดว่าอ่อนนอกใจจึงหันหน้าเข้าหาเหล้า อุ๊ยมูลแนะนำให้ประจิมพาอ่อนไปพักผ่อนเพื่อวิกสิตจะได้ตัดใจ และบอกอ่อนว่าประจิมเป็นผู้มีพระคุณ ให้เธอตอบแทนเขาด้วยการเป็นเมียประจิม อ่อนพูดไม่ออกแต่ก็ยอมทำตามคำแนะนำของอุ๊ยมูล ประจิมพาอ่อนไปค้างที่บ้านพักชายทะเล 1 อาทิตย์ เวลานั้นวิกสิตแทบบ้าคลั่ง เมื่อประจิมพาอ่อนกลับมาบ้าน น้าหลานจึงทะเลาะกันอย่างรุนแรง วิกสิต บอกว่าประจิมแย่งเมียของเขา ทำให้ประจิมโกรธมากขึ้นไปบนห้องดุด่าอ่อนด้วยความโกรธ และขืนใจอ่อน สตีเตือนสติวิกสิตที่ไปพูดจาให้ร้ายอ่อน จนทำให้อ่อนตกเป็นของประจิม ทั้งที่ตอนไปทะเลประจิมไม่ได้แตะต้องอ่อนเลย วิกสิตเสียใจมากหาโอกาสขอโทษอ่อน แต่ก็ถูกประจิมกีดกัน อ่อนถูกครอบครัวประจิมและประภัสสรพูดจาถากถางและเยาะหยันว่าเธอเป็นพวกคางคก ขึ้นวอ กิ้งก่าได้ทอง อ่อนเสียใจมากทั้งเรื่องประจิมกับวิกสิต หลังจากนั้นอ่อนก็ท้องกับประจิม อ่อนรู้สึกสับสนและเจ็บปวดมาก คุณนายอรรถต้องการแยกอ่อนออกจากประจิม จึงให้นันทวันเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อจะได้ใช้นันทวันเขี่ยอ่อนออกไป นันทวันจึงวางตัวเป็นเมียของ ประจิม แต่ประจิมไม่ยอมนอนห้องเดียวกับเธอ ทำให้นันทวันโกรธอ่อนมาก หาเรื่องอ่อนและใส่ร้ายสตีให้ประจิมฟังว่า สตีเป็นต้นทางให้อ่อนกับวิกสิตได้พบกัน สตีจึงถูกประจิมตบหน้า เธอได้แต่ซ่อนน้ำตาเอาไว้ด้วยความเสียใจ อ่อนตั้งท้อง ประภัสสรโวยวายเพราะกลัวอ่อนท้องกับวิกสิต จึงโยนอ่อนให้ประจิมรับผิดชอบ แต่นันทวันอ้างว่าเธอก็มีลูกของประจิมอยู่เหมือนกัน ทุกคนเข้าข้างนันทวันจึงร่วมมือกันขับไล่อ่อนออกจากบ้าน นันทวันวางแผนให้อ่อนหนีออกจากบ้านในคืนหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ จึงหลอกให้อ่อนเดินมาที่บันไดและแอบผลักเธอหมายจะให้อ่อนแท้งลูก แต่สตีมาช่วยเอาไว้ ส่วนตัวนันทวันกลับตกลงไปนอนที่พื้น ประจิมรีบพาเธอส่งโรงพยาบาลเพราะกลัวมีอันตรายกับเด็ก เมื่อถึงมือหมอประจิมและทุกคนในบ้านจึงได้รู้ว่านันทวันแกล้งท้อง เธอจึงถูกเขี่ยออกจากบ้าน อ่อนหนีออกจากบ้านเพราะทนไม่ได้ที่เห็นประจิมผู้มีพระคุณต้องทะเลาะกับ วิกสิตผู้ชายที่เธอรัก เธอไปอาศัยอยู่ที่ร้านอาหารของ ทิพย์ ที่เชียงใหม่ ประจิมกับวิกสิตเริ่มได้คิดว่าพวกเขาทำรุนแรงกับอ่อนไปมากและมัวแต่เอาชนะกัน จึงหันหน้ามาช่วยกันแก้ปัญหาและตามหาอ่อน แต่ก็ไม่มีใครพบ วันหนึ่งแหวนไปเล่นดนตรีที่เชียงใหม่ เจออ่อนกำลังเจ็บท้องจะคลอดจึงพาส่งโรงพยาบาล และแจ้งให้ทุกคนรู้ว่าอ่อนคลอดลูกเป็นผู้ชาย คุณนายอรรถดีใจมากที่จะได้เป็นย่า ทุกคนในบ้านก็พลอยดีใจไปด้วย โดยลืมเรื่องร้ายๆ ที่เคยเกิดขึ้นไปจนหมด ประจิมไปปรับความเข้าใจกับนันทวันที่ยังตามตอแย เขาจึงบอกเลิกเธออีกครั้งและจะรีบไปรับอ่อนที่เชียงใหม่ แต่นันทวัน ไม่ยอมให้ไปทำให้รถที่เขากำลังขับกลับบ้านเกิดประสานงากับรถสิบล้า นันทวันเสียชีวิตทันที ส่วนประจิมแขนหักนอนเดี้ยงอยู่โรงพยาบาล วิกสิตไปรับอ่อนและลูกกลับมากรุงเทพฯ เพื่อปรับความเข้าใจกับประจิม จากนั้นเขาก็ตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองนอก ประจิมกับอ่อนปรับความเข้าใจกันโดยลดทิฐิต่างๆ ลง ประจิมตั้งชื่อลูกชายว่า “โจ๊ะ” ซึ่งเป็นลูกคนแรกของเขาและครอบครัว

มาเฟียที่รัก 2550

มาเฟียที่รัก (2550/2007) ผักบุ้ง เด็กสาวสวยหนีการตามล่าจากพวกมาเฟีย ด้วยไม่ต้องการตกเป็นเจ้าของให้กับ เฉินหลิง เจ้าพ่อมาเฟียฮ่องกง ที่พิพัฒน์พ่อของเธอนำเธอมาไถ่หนี้ ผักบุ้งได้รับการช่วยเหลือจาก มิ้นท์ ทายาทเศรษฐีในคราบเด็กเสิร์ฟ โดยเหตุผลว่าหนีแม่เลี้ยงออกจากบ้าน ทั้งคู่เริ่มรู้สึกผูกพันและรักกันอย่างรวดเร็ว จนบังเอิญผักบุ้งได้มาพบกับชมพู่ เพื่อนสนิท กับภาสกร พี่ชายชมพู่ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของมิ้นท์เช่นเดียวกัน ภาสกรรู้ดีว่าแท้จริงมิ้นท์เป็นใคร ส่วนผักบุ้งเองก็เล่าความจริงเรื่องที่หนีออกมาให้ชมพู่ฟังโดยกำชับว่าเป็น ความลับเพื่อความปลอดภัยของเธอ ผักบุ้งอยู่กับมิ้นท์ไม่นาน ก็ถูกพวกของเฉินหลิงจับตัวไปโดยที่มินท์ยังมิทันจะขอเธอแต่งงาน และเล่าความจริงว่าเขาเป็นใครให้เธอทราบ มิ้นท์ตัดสินใจไปฮ่องกงพร้อมภาสกรเพื่ออกตามหาผักบุ้ง โดยไปพักอยู่กับ เหอซื่อ ตำรวจฮ่องกงเพื่อนภาสกร ฟากมินท์เองเสียใจไม่น้อยที่ต้องจากคนรัก อย่างมิ้นท์ แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับเฉินหลิง คนที่เธอเกลียดสุดหัวใจ เฉินหลิงหัวเสียทุกครั้งเมื่อผักบุ้งปฏิเสธรัก เขาให้ลูกน้องอย่างเจี้ยนหาว มาคอยดูแลรับใช้ผักบุ้ง และพยายามทำทุกทางเพื่อให้เธอรับรัก แม้เหอซื่อจะช่วยยื่นข้อเสนอของมิ้นท์ โดยนำเงินมาไถ่ตัวผักบุ้งแต่เฉินหลิงกลับปฏิเสธ นานวันผักบุ้งเริ่มรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ เมื่อได้อยู่ใกล้ความเป็นมาเฟียมาดเข้ม เอาใจใครไม่เป็นอย่างเฉินหลิง เป็นเหตุให้ เฉิน เต๋อหยงน้องสาวบุญธรรมเฉินหลิง ซึ่งแอบรักเขาอยู่ไม่พอใจและคอยแกล้งผักบุ้งตลอดเวลา เต๋อหยงน้อยใจพี่ชายออกเที่ยวกลางคืนจนถูกลวนลาม และได้มิ้นท์มาช่วยโดยบังเอิญ เธอตกหลุมรักมิ้นท์อย่างมิอาจปฏิเสธ ส่วนผักบุ้งเองยังคงทำทุกทางเพื่อหนีออกจากบ้านเฉินหลิง จนเต๋อหยงเริ่มเห็นใจและกลายมาเป็นเพื่อนกัน ผักบุ้งโกหกตัวเองแต่ในหัวใจเธอรู้สึกรักเฉินหลิงจนยากจะถอนตัว และตัดสินใจจะไม่กลับไปกับมิ้นท์ เรื่องยุ่ง ๆเกิดขึ้นเมื่อลิลลี่ คู่หมั้นของเฉินหลิงกลับมา ลิลลี่แกล้งทำดีกับผักบุ้ง แต่ทำให้เฉินหลิงเช้าใจผิดว่าผักบุ้งมีความสัมพันธ์กับเจี้ยนหาว และไล่ทั้งคู่ออกไป เต๋อหยงสงสัยว่าลิลลี่เป็นคนสร้างเรื่องขึ้นจึงบอกเฉินหลิงหาหลักฐาน จนทุกอย่างเปิดโปงความจริง ลิลลี่แสร้งทำเป็นเสียใจและยอมแพ้ผักบุ้ง แต่ซ้ำแล้วลิลลี่ก็กลับสร้างความเข้าใจผิดขึ้นอีก จนผักบุ้งหนีกลับเมืองไทย เฉินหลิงเกิดอุบัติเหตุจนหมดสติขณะตามไปที่สนามบิน แม้จะบาดเจ็บพอฟื้นก็รีบออกตามผักบุ้งทันที ที่เมืองไทยผักบุ้งออกจากบ้านพ่อ มาเช่าบ้านเล็ก ๆและได้ทำงานที่ร้านกาแฟ บริษัทของมิ้นท์ เธอรู้ความจริงเรื่องมิ้นท์ ด้วยความโกรธเธอตัดสินใจลาออก มิ้นท์พยายามอธิบายจนผักบุ้งกลับมาทำงานและรับสัมพันธ์เป็นเพื่อนเท่านั้น ลิลลี่เสียใจที่เฉินหลิงไม่สนใจเธอ จึงประชดออกเที่ยวจนพบกับเหอซื่อที่หลงรักเธออย่างจริงจัง ลิลลี่ตีสนิทเหอซื่อเพื่อหลอกใช้งาน บอกเหอซื่อให้ ตรวจสิ่งผิดกฎหมายในบ้านเฉินหลิง พร้อมทั้งให้ หลี่เจี๋ย พ่อของเธอร่วมมือกับ เทียนหมิงเซิ่น กำจัดเฉินหลิง เฉินหลิงพบกับความวุ่นวายแต่ไม่เท่ากับข่าวจากเต๋อหยง เรื่องการแต่งงานระหว่างผักบุ้งกับมิ้นท์ ผักบุ้งแต่งงานกับมิ้นท์ ด้วยการสนับสนุนของพ่อและป้านวล แม้ว่าในใจผักบุ้ง จะมีแต่เฉินหลิงก็ตาม ภาสกรบอกให้ผักบุ้งไตร่ตรอง แต่เธอยืนยันเพราะไม่อยากทำให้มิ้นท์ผิดหวังอีกเฉินหลิงรีบตามมาเมืองไทย เพื่อยุติการแต่งงานที่เกิดขึ้น โดยมีลิลลี่ไล่ตามมาด้วย ในงานเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทซึ่งก็คือมิ้นท์ ผักบุ้งควงมิ้นท์ออกงาน ในขณะที่เฉินหลิงกับเต๋อหยงก็มาร่วมงานด้วยเช่นกัน ลิลลี่ส่งมือปืนมายิงผักบุ้งในงาน แต่ทำงานพลาด เฉินหลิงพาผักบุ้งหนีไปได้ เฉินหลิงพยายามขอให้ผักบุ้งกลับไปอยู่ด้วยกัน แต่ทุกอย่างสายเกินไป ผักบุ้งร้องไห้ในอ้อมกอดเฉินหลิง มิ้นท์เห็นจึงเข้าใจผิด จนเฉินหลิงต้องอธิบายว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดที่รักผักบุ้งมากเกินไป ด้านเหอซื่อเมื่อรู้ว่าถูกลิลลี่หลอกใช้ก็ขอตัดสัมพันธ์จากลิลลี่เช่นกัน งานแต่งงานชองมิ้นท์และผักบุ้ง จางฉี จ้องจัดการเฉินหลิง แต่ผักบุ้งเห็นเสียก่อนเฉินหลิงจึงไหวตัวทัน เทียนหมิงเซี่ยนลากชมพู่เป็นตัวประกันเข้ามาในงาน จะยิงเข้าใส่เฉินหลิง แต่ผักบุ้งเอาตัวบังแทนจนได้รับบาดเจ็บ เธอเอ่ยปากบอกรักเฉินหลิงก่อนหมดสติ มิ้นท์เข้าใจและยอมรับความจริงจึงขอเป็นเพียงเพื่อน ในที่สุดผักบุ้งตัดสินใจกลัมมาฮ่องกงพร้อมกับเฉินหลิง ลิลลี่ยังไม่ยอมเลิกรา ด้วยความแค้นเฉินหลิง เธอหลอกให้เฉินหลิงออกมาหาและตั้งใจจะฆ่าทิ้งแต่ไม่สำเร็จ เฉินหลิงรอดตาย แต่ตื่นขึ้นมา กลับจำทุกอย่างไม่ได้ ลิลลี่ได้โอกาสใส่ความทรงจำใหม่ ใส่ความผักบุ้งและกล่อมเฉินหลิงไปอยู่ด้วยกัน ผักบุ้งเสียใจเมื่อเฉินหลิงเชื่อลิลลี่ และตั้งใจจะอยู่กับลิลลี่…….ความทรงจำของเฉินหลิงจะกลับเหมือนเดิมหรือ ไม่ ความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร ต้องติดตามชมความเข้มข้น ครบทุกอรรถรส ใน มาเฟียที่รัก

เล่ห์กุหลาบ 2550

เล่ห์กุหลาบ (2550/2007) สะการัตม์ อรุณทิพย์ บุตรสาวของคุณตติ อรุณทิพย์ นักธุรกิจจิตใจดี กำลังศึกษาต่อปริญญาโทสาขาธุรกิจต่างประเทศ ด้วยความตั้งใจว่าจะกลับมาช่วยดูแลธุรกิจของบิดา และจะแต่งงานกับ เอกรังษ์ คุปติการกุล คู่หมั้นหนุ่ม ซึ่งเป็นบุตรชายคนสุดท้องของพลตรีทัพพะ คุปติการกุล กับ คุณหญิงโคมแข โดยที่สะการัตม์ไม่ทราบเลยว่าขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งร้ายแรงได้เกิดขึ้นกับครอบครัว จนวันที่สะการัตม์เรียนจบและเดินทางกลับมาประเทศไทย เธอจึงได้รับรู้ว่าคุณตติ ผู้เป็นบิดาต้องกลายเป็นคนวิกลจริต สติฟั่นเฟือน อัศมล น้องสาวต่างมารดาของสะการัตม์ ซึ่งเป็นนางแบบ ดาราสาวเซ็กซี่ที่มีชื่อเสียง โทษว่าเป็นความผิดของคุณหญิงโคมแขซึ่งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของบิดา วางแผนยักยอกโกงเงินของบริษัท อัศมลจึงต้องการที่จะหว่านเสน่ห์มัดใจ อุษมันต์ บุตรชายคนที่สามของคุณหญิง ที่มีนิสัยเจ้าชู้ เจ้าสำราญ โดยคุณหญิงโคมแขได้ให้หมั้นหมายกับรัถยา สาวทายาทนักธุรกิจระดับแนวหน้า ? อัศมลวางแผนล่มงานแต่งงานของอุษมันต์กับรัถยาโดยแกล้งกินยาพิษและประกาศกับทุกคนว่าเธอตั้งครรภ์กับอุษมันต์ ทำให้ในที่สุดอัศมลก็สามารถพาตัวเองเข้าไปอยู่ในครอบครัวของอุษมันต์จนได้ ในขณะเดียวกันคุณหญิงได้บังคับเอกรังษ์ให้ถอนหมั้นกับสะการัตม์ เมื่ออัศมลรู้เรื่องเข้าก็ยิ่งแค้นมากขึ้น เอกรังษ์ถูกจับคู่กับรวงรุ้ง ลูกสาวอดีตรัฐมนตรีฐานะมั่นคง ทั้งทียังมีใจรักอยู่กับสะการัตม์ สะการัตม์เองก็พยายามที่จะยับยั้งแรงแค้นของน้องสาวที่ตั้งใจและทุ่มเทพลังที่จะแก้นแค้นครอบครัวสามีไม่เว้นแม้แต่สามีตัวเอง เธอได้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายระหว่างที่อยู่ในบ้านคุปติการกุลอย่างมากไม่เว้นแต่ละวัน ขณะเดียวกัน อัศมลที่ต้องการจะแก้แค้นคุณหญิงก็ได้ติดสินบนว่าจ้างคุณ วสุมา ภรรยาร้อยโทราชศักดิ์ บุตรชายคนที่สองของคุณหญิง เธอมีนิสัยติดการเล่นพนันมีหนี้สินมากมาย ให้เป็นเครื่องมือของอัศมลเพื่อค้นหาหลักฐานมัดตัวคุณหญิง จนเธอมีหลักฐานสำคัญอยู่ในมือมากมาย? ?ดนัย โอ๋ เพชรลดา เล่ห์กุหลาบ ละคร ช่อง 3???? สะการัตน์ต้องการที่จะทิ้งปัญหาทุกอย่างไปสักพักจึงไปสมัครเป็นเลขาส่วนตัวของ นายศรุต นักธุรกิจพ่อม่ายหนุ่มใหญ่ และติดตามไปทำงานทางภาคตะวันออก อัศมลได้ใช้หลักฐานทั้งหมดที่มีจากคุณ วสุมาเป็นเครื่องต่อรองกับท่านพลตรีทัพพะ โดยเธอขู่ว่าจะเปิดโปงความชั่วของคุณหญิง อัศมลยื่นคำขาดให้ท่านโอนบ้านในฝัน ซึ่งเป็นเสมือนวิมานบั้นปลายชีวิตปลดเกษียนของท่านนายพลให้เธอ ต่อมา อัศมลตัดสินใจขอแยกทางกับอุษมันต์ก่อนที่จะคลอดลูก โดยเธอยินดีที่จะมอบเด็กให้แก่เขาหลังจากที่คลอด อุษมันต์โกรธ และประหลาดใจต่อการกระทำของอัศมล เมื่อเขาถามถึงเหตุผล อัศมลก็พาเขาไปเยี่ยมคุณตติที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเล็กๆ เธอยังเล่าถึงสาเหตุแห่งความร้าวฉานในอดีตให้สามีฟังด้วย ทีแรกเขาไม่เชื่อ แต่เมื่อได้เห็นหลักฐานเขาก็ยอมจำนนต่อหลักฐาน รู้สึกผิดหวังกับการกระทำของมารดาอย่างมาก เอกรังษ์เบื่อหน่ายความจุ้นจ้านของรวงรุ้ง เมื่อเขารูว่าสะการัตม์อยู่ที่ไหนชายหนุ่มก็ตามไปหาและพบภาพอดีตคู่หมั้นกำลังใกล้ชิดกับนายศรุต เมื่อคุณหญิงรู้ท่านจึงชวนรวงรุ้งและคุณสวนิตไปตามเอกรังษ์ที่ตราด แต่เอกรังษ์ตัดสินใจไม่ยอมตามกลับกรุงเทพฯ อัศมลโทรศัพท์ไปเยาะเย้ยคุณหญิง คุณหญิงก็ยิ่งชิงชังสะใภ้คนนี้มากขึ้น และประกาศว่าจะไม่ยอมรับเด็กในท้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเด็ดขาด คุณวสุมาไปทวงเงินก้อนสุดท้ายจากอัศมล แต่อัศมลไม่ยอมจ่ายทำให้วสุมาที่มีหนี้สินมากมายโกรธแค้นอย่างมากจนหักห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ประกอบกับมีเจ้าหนี้มากมายมาบีบคั้น เธอลืมสติเผาบ้านในฝันและไล่ยิงอัศมล แต่โชคดีที่เอกรังษ์มาช่วยไว้ได้ทัน ต๊ะ วริษฐ์ เล่ห์กุหลาบ ช่อง 3 หมอสามารถผ่าตัดเอาเด็กในท้องออกได้อย่างปลอดภัย แต่อัศมลกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราโดยที่แม้แต่หมอก็ไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของเธอได้ ลูกหลานและคนรอบข้างของคุณหญิงต่างพากันหายหน้าไปจากชีวิตคุณหญิง รวมทั้งสามีคุณหญิงเอง เหลือเพียงแต่เอกรังษ์ที่ยังอยู่ดูแลแต่ก็ทำตัวห่างเหิน ทำให้คุณหญิงตระหนักได้ว่าความสุขทางวัตถุเงินตราและชื่อเสียงอำนาจเป็นเพียงของนอกกายที่เอาไว้หลอกล่อกัน แต่สิ่งที่จีรังยั่งยืนที่แท้จริงก็คือความรักอันบริสุทธิ์ และการให้ เรื่องราวทั้งหมดจะค่อยๆกลับร้ายกลายเป็นดีหรือไม่ อัศมลจะฟื้นและได้มีโอกาสร่วมชีวิตครั้งใหม่กับอุษมันต์หรือต้องอยู่อย่างเจ็บปวด และเรื่องราวความรักระหว่างสะการัตม์และเอกรังษ์จะลงเอยเช่นไร ติดตามชมละครชีวิต เล่ห์กุหลาบ