Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (2549/2006) หลังจากจบมัธยมต้นแล้ว ป้อม ตัดสินใจสมัครเข้าเรียนมัธยมปลาย ที่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาเตรียมดนตรี เพราะต้องการอยู่ใกล้กับ ดาว เด็กสาวจากโรงเรียนเดียวกัน ที่เขาแอบหลงรัก ในขณะที่พ่อของป้อมเข้าใจว่า ลูกชายเรียนสาขาเตรียมแพทยศาสตร์ โดยที่ป้อมเองก็ไม่กล้าบอกความจริง เนื่องจากพ่อของป้อมเห็นว่า ดนตรีเป็นวิชาชีพที่ไม่มั่นคง ขณะเดียวกัน ป้อมก็ได้พบกับ อ้อม ลูกสาวของเพื่อนพ่อ ที่ถึงแม้ด้านปฏิบัติจะไม่เอาไหน แต่ความรู้ด้านทฤษฏีดนตรีเป็นเลิศ และสอบเข้าที่วิทยาลัยฯ เช่นกัน เมื่อทราบเรื่อง อ้อมก็เข้าใจว่า ป้อมรักดนตรีเหมือนกัน จึงสัญญาจะช่วยป้อมเก็บความลับ ถึงแม้จะตามผู้หญิงที่แอบรักมาเรียน แต่ป้อมกลับค้นพบว่า ตัวเขามีพรสวรรค์ในการตีกลองชุดที่เป็นเลิศ ทำให้ เฉด และ ฉัตร สองหนุ่ม ผู้กำลังมองหามือกลอง ให้กับวงดนตรีของตัวเอง เลือกป้อมเข้าร่วมวง เพื่อเข้าประกวด การแข่งขันวงดนตรี ฮอทเวฟมิวสิคอวอร์ด โดยตั้งชื่อวงว่า Ass-Ho-Le (แอสโฮลี่) นอกจากนี้ ฝีมือการตีกลองของป้อม ยังไปเข้าตา จิทาโร่ อาจารย์ชาวญี่ปุ่น ผู้สอนเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ (เพอร์คัชชัน) อาจารย์จิทาโร่ จึงมักจะเรียกใช้ป้อม ให้มาช่วยทำวิทยานิพนธ์ของเขาอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ป้อมกลับเลือกสมัครเป็นมือกลองทิมปะนี ในวงออร์เคสตราของโรงเรียนแทน เพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดดาว ซึ่งเป็นมือไวโอลินของวง ส่วนอ้อม ซึ่งเคยเป็นมือไวโอลินเช่นกัน ต้องเปลี่ยนไปเล่นฉาบแทน เนื่องจาก ฝีมือการเล่นเครื่องดนตรีอื่นไม่เอาไหนจริงๆ เนื่องจาก วงออร์เคสตรา ใช้การเคาะจังหวะด้วยกลองไม่มาก ป้อมจึงต้องรออย่างเบื่อหน่าย กว่าจะถึงช่วงเล่นของตนแต่ละครั้ง ต่างกับอ้อม ที่มีความสุขกับดนตรี แม้ทั้งเพลงจะได้เล่นน้อยมาก ป้อมจึงเริ่มนึกถึงความรู้สึกของตนเอง ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่เสมอ ทั้งเรื่องดนตรี การเรียน ความรัก และชีวิตของตนในอนาคต ราวกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
ก้านกล้วย (2549/2006) วีรบุรุษผู้มี 4 ขา 2 งา และ 1 งวง ช้างศึกผู้สร้างเกียรติประวัติสูงสุดให้แก่ช้างไทย ในฐานะช้างคู่พระบารมีแห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งสงครามยุทธหัตถี ชื่อของเขาคือ “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” หรืออีกนามหนึ่งว่า “ก้านกล้วย” นี่คือเรื่องราวการเติบโตของช้างเชือกหนึ่ง จากลูกช้างซุกซนใช้ชีวิตอิสระอยู่ท่ามกลางป่าลึก แต่แล้วด้วยความอยากรู้เรื่องของพ่อที่หายไปได้นำเขาออกเดินทางสู่การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ผ่านหลากหลายเหตุการณ์ซึ่งให้บทเรียนใหม่ๆ เปลี่ยนให้เขากลายเป็นช้างที่กล้าแกร่งเต็มไปด้วยพละกำลัง ในขณะที่จิตใจกลับอ่อนโยน บรรดาตัวละครต่างๆ ที่เขาได้พบระหว่างการเดินทาง อาทิเช่น “จิ๊ดริด” นกพิราบสื่อสารขี้โม้, “ชบาแก้ว” ช้างสาวผู้น่ารักและแสนงอน, “ติ่งรูและรถถัง” ช้างรุ่นพี่และรุ่นอาซึ่งเขาได้พบในหมู่บ้าน, “บุญเรือง” ช้างศึกแห่งเมืองหลวง และที่สำคัญ “แสงดา” แม่ซึ่งก้านกล้วยจากมา ล้วนเป็นส่วนที่เข้ามาเติมเต็มสร้างสีสันและความสนุกสนาน พร้อมกันนั้นก็ให้บทเรียนต่างๆ ซึ่งเป็นเสมือนการเตรียมความพร้อมให้เขาก้าวสู่การเป็นช้างศึกเชือกสำคัญในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์และการได้พบกับผู้คนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “สมเด็จพระนเรศวรฯ” มหาราชผู้เกรียงไกรของชาติไทย, “ลุงมะหูด” หัวหน้าครูฝึกช้าง, “มังคุด” เด็กมนุษย์ตัวน้อยผู้บริสุทธิ์สดใส ฯลฯ ยังทำให้ก้านกล้วยได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพระหว่างคนและช้างอันนำไปสู่การเสียสละตัวเอง โดยเดินหน้าเข้าสู่สงครามอย่างนักรบผู้กล้า เช่นเดียวกับที่พ่อของเขาเคยทำมาเมื่อครั้งอดีตสุดท้าย ขณะอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ และต้องเผชิญหน้ากับศัตรูผู้น่าเกรงขามเขาก็ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญที่สุด นั่นก็คือการเอาชนะความกลัวในจิตใจตัวเอง เมื่อมีชัยเหนือตัวเองก็ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะทำให้เขาพรั่นพรึงได้อีกต่อไป และจุดนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นช้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แม้จุดหมายแรกคือการตามหาพ่อ แต่ในที่สุดก้านกล้วยกลับได้พบสิ่งที่มีความหมายยิ่งกว่า นั่นก็คือมิตรภาพ ความกล้าหาญ และความเสียสละซึ่งอยู่ในตัวเขาเอง เป็นจิตวิญญาณของพ่อที่อยู่กับเขามายาวนาน และนี่คือบทสรุปที่ล้ำค่ายิ่งสำหรับการเดินทางของเขาในครั้งนี้…
มอ๘ (2549/2006) เมื่อนักเรียนชายสุดทะโมนกระโจนมาเรียนรวมกับนักเรียนหญิงสุดเรียบร้อย ก่อให้เกิด “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” ในเมืองไทย แต่ความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟกลับถูกปิดกั้นจาก “ครูสมปัติ” สุดเฮี้ยบ นักเรียนชายหญิงจะหาทางออกของมิตรภาพความรักได้อย่างไร… ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2500 การศึกษาของไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีการจัดตั้ง “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” โดยโรงเรียนหญิงที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่องคือ “โรงเรียนดรุณีศึกษา” โรงเรียนสตรีที่ชนะเลิศรางวัล “โรงเรียนสตรีดีเด่น“ ติดต่อกันมาถึง 25 ปี ส่วนโรงเรียนชายที่ได้รับเลือกคือ “โรงเรียนอักษรศิลป์” โรงเรียนที่ได้ชื่อว่า “เรียนดี กีฬาเด่น“ “ครูบุญรอด” ครูใหญ่โรงเรียนดรุณีศึกษามอบหมายให้ “ครูสมปัติ” ครูสาวจอมเฮี้ยบและ “ครูเกษร” ครูสาวเรียบร้อยแสนหวานสองศิษย์คนโปรดเป็นผู้คัดเลือกและควบคุมนักเรียนหญิง 15 คนที่ดีที่สุดในโรงเรียนทั้งด้านการเรียนและความเป็นกุลสตรีงามทั้งกายงามทั้งมารยาทเพื่อเข้าร่วมโครงการนี้ โดยให้ครูสมปัติไปเป็นครูประจำชั้น ส่วนครูเกษรให้ไปดูแลเรื่องมารยาท ก่อนไปครูบุญรอดอบรมและย้ำเน้นเรื่องความเป็นกุลสตรีและความมีคุณค่าของผู้หญิง อย่าให้เสียชื่อโรงเรียนที่สร้างสมมายาวนาน ครูสมปัติยืนยันหนักแน่นถึงความมั่นใจกับนักเรียนหญิงที่คัดเลือกเอาไว้และเรียกกลุ่มนี้ว่า “ดอกไม้เหล็ก“ ด้วยความแตกต่างกันระหว่างชายหญิงครูสมปัติต้องเจอเรื่องห่ามๆ ซนๆ ของบรรดานักเรียนชายโรงเรียนอักษรศิลป์ ส่วนครูเกษรและนักเรียนสาวทั้ง 15 คนต้องเจอกับการจีบทุกรูปแบบจากเด็กผู้ชายและครูหนุ่มของโรงเรียนอักษรศิลป์เหตุการณ์วุ่นวายแต่น่ารักๆ ภายในโรงเรียนเกิดขึ้นพร้อมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างนักเรียนหญิงและนักเรียนชายภายใต้กฎระเบียบที่ครูสมปัติวางไว้อย่างเคร่งครัด ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีจนกระทั่งนักเรียนชายไปมีเรื่องชกต่อยในงานก่อเจดีย์ทรายโดยครูชายประจำโรงเรียนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ กระทรวงศึกษาธิการทราบเรื่อง “คุณหญิงกุหลาบ” จึงแต่งตั้งครูสมปัติขึ้นทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปกครองของโรงเรียนอักษรศิลป์โดยมีกฎข้อแรกคือ ห้ามนักเรียนมีเรื่องชกต่อยและห้ามมีความรักในโรงเรียนเด็ดขาด เพราะครูสมปัติเห็นว่าความรักในวัยเรียนถ้ามีมากไปเราจะควบคุมกันไม่ได้…

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ