สามชีวิต (2499)
สามชีวิต (2499/1956) สามชีวิต เป็นภาพยนตร์สีธรรมชาติ 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2499 เป็นผลงานการกำกับและอำนวยการสร้างของ ส.อาสนจินดา
เสน่ห์สาวฮ่องกง (2499)
เสน่ห์สาวฮ่องกง (2499/1956) เรื่องราวความรักของหนุ่มไทยกับสาวฮ่องกง สุชาติ มาเรียนวิชาการค้าที่ฮ่องกง และได้พบกับ ลีนา สาวฮ่องกงซึ่งตรากตรำทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษา หลีม้า ผู้เป็นแม่ที่กำลังไม่สบาย สุชาติเห็นใจลีนาจึงช่วยเงินค่ารักษาพยาบาล วันหนึ่ง โกริ้ว และเลี่ยงก่ำ อันธพาลประจำถิ่นวางแผนฉุดลีนาเพื่อจะไปขายเป็นโสเภณี แต่ หยู และสุชาติช่วยไว้ทัน ทำให้ลีนาซึ้งน้ำใจสุชาติจนก่อเกิดเป็นความรัก ประเสริฐ กับ พรรณี พ่อและแม่ของสุชาติเริ่มสงสัยที่ลูกชายใช้เงินเปลืองผิดปรกติ พอปิดเทอมจึงเรียกตัวสุชาติกลับ สุชาติจึงพาลีนากลับมาด้วยโดยแนะนำว่าเป็นเพื่อนนักเรียน ทำให้ อรอนงค์ หลานของประเสริฐที่แอบรักสุชาติเสียใจ ประเสริฐวางแผนให้สุชาติไปทำธุระที่ต่างจังหวัด ส่วนตัวเองนั้นหาทางปลุกปล้ำลีนา เมื่อลีนาขัดขืนก็เฆี่ยนหลังลีนาอย่างทารุณ พรรณีบังเอิญเห็นลีนาเดินออกจากห้องประเสริฐในสภาพอ่อนแรงก็เข้าใจผิด ด้วยความหึงหวงจึงหยิบมีดตรงไปหวังจะฆ่าลีนาแต่เมื่อเข้าไปในห้อง เห็นหลังของลีนาเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตีจึงเข้าใจในเหตุการณ์ทันที ลีนาสารภาพความจริงกับพรรณีว่าเป็นภรรยาของสุชาติ ประเสริฐมาได้ยินเข้าจึงสำนึกผิด และตั้งใจจะจัดงานแต่งงานให้ทั้งสอง แต่ลีนาผิดหวังกับชีวิตในเมืองไทยจึงหนีกลับไปหาหลีม้าที่ฮ่องกง ทว่าหลีม้าเสียชีวิตแล้ว สุชาติตามลีนามายังหลุมฝังศพของหลีม้าและปรับความเข้าใจกัน
ยอดดรุณี (2499)
ยอดดรุณี (2499/1956) ศักดา กับ พระสรไกร สองเพื่อนรักเดินทางไปพักผ่อนที่หัวหิน ระหว่างทางรถยางแตกแต่ได้แอ๊ว ช่วยไว้ แอ๊วพาไปที่บ้านโดยมี อ่อน มารดาให้การต้อนรับเป็นอย่างดี รุ่งขึ้นศักดาพาแอ๊วไปเที่ยวที่โฮเต็ลหัวหิน คุณหญิงสุดาซึ่งหมายมั่นจะจับศักดาเห็นก็ไม่พอใจ จึงเยาะเย้ยถากถางแอ๊ว ขณะนั้นศักดาได้พบพระยาสราวุธ คนรู้จักพาลูกสาวมาเที่ยวหัวหินเช่นกันแอ๊วมองพระยาสราวุธอยู่กับลูกสาวท่าทางมีความสุขก็เศร้าใจที่ตนไม่มีพ่อ ศักดาเริ่มเข้าหาแอ๊วมากขึ้นสร้างความไม่สบายใจแก่อ่อน เพราะไม่อยากให้ลูกสาวยุ่งเกี่ยวกับคนกรุง ความสัมพันธ์ของทั้งสองรู้ไปถึงหูคุณหญิงสุดา จึงร่วมมือกับอร่ามหาเรื่องใส่ร้ายแอ๊วแต่ไม่มีใครเชื่อ ศักดาทราบจากแอ๊วว่า หลวงอนุศาสตร์ ผู้เป็นตาป่วยเป็นโรคตาต้อจึงยื่นมือเข้าช่วย หลวงอนุศาสตร์เปิดเผยแก่ศักดาว่า ชื่อจริงของอ่อนคือ นงเยาว์ ซึ่งถูกหนุ่มชาวกรุงทิ้งไปตอนตั้งท้อง ผู้ชายที่ทิ้งอ่อนก็คือพระยาสราวุธนั่นเอง เมื่อพระยาสราวุธได้รู้ความจริงจากศักดา จึงรีบไปสารภาพผิดกับนงเยาว์แต่เธอไม่ยอมให้อภัย และขอให้คืนสมบัติแก่แอ๊วผู้เป็นลูก ศักดากับพระสรไกรพยายามช่วยประสานรอยร้าว โดยพาแอ๊วไปหาพระยาสราวุธบ่อยๆ ส่วนพระสรไกรพยายามเป็นแม่สื่อระหว่างแอ๊วกับศักดา หลวงอนุศาสตร์เตือนสติอ่อนให้เห็นแก่ความสุขของลูก แอ๊วกับศักดาจึงสมหวังในความรัก ส่วนพระยาสราวุธก็ต้องผิดหวังเพราะความใจแข็งของนงเยาว์
สุดทางรัก (2499)
สุดทางรัก (2499/1956) บ้านเศรษฐีจำนง ในบางกอก มีการเปิดพินัยกรรมของเศรษฐีจำนงโดยมีทนายเจริญ (ผาสุก คงสถิต) เป็นคนอ่านพินัยกรรม ใจความว่า เศรษฐีจำนงได้มอบมรดกส่วนหนึ่งให้กับน้อมจิตต์ (ดรุณี สุขสาคร) ลูกสาวของตากล่ำ (ทองต่อ จาตุรงคกุล) ชาวนาแห่งตำบลบางแพ ราชบุรี ซึ่งเศรษฐีจำนงเพิ่งจะรู้จัก แต่ชอบอัธยาศัยไมตรี ส่วนพร (ศิริพงษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) ชายหนุ่มบ้านเดียวกันที่แอบรักน้อมจิตต์อยู่ ก็เห็นว่า น้อมจิตต์อาจจะต้องลำบากใจ หากมาใช้ชีวิตอยู่ในบางกอก แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านอะไรประกอบกับตัวพรเองจะต้องไปเป็นรบที่เกาหลีด้วย จึงได้แต่บอกว่า หากเสร็จสงครามเกาหลีเมื่อใดจะแวะมาเยี่ยมน้อมจิตต์ ในการที่น้อมจิตต์ได้รับมรดกครั้งนี้ ทำให้ประภัทร (เมืองเริง ปัทมินทร์) ซึ่งรักใคร่ชอบพอกับไฉไล (นาฏยา รัมภเวช) ลูกสาวของเฉิดโฉม (กำจาย รัตนดิลก) น้องเมียเศรษฐีจำนงนั้นไม่พอใจเพราะสูญเสียมรดกส่วนหนึ่งไป จึงพยายามเกลี้ยกล่อมน้อมจิตต์ให้สละสิทธิ์ในมรดก แต่เมื่อน้อมจิตต์ก็ไม่ยอม ทั้งสามคนจึงวางแผนให้พจน์ (พรชัย เปรมประสิทธิ์) ลูกชายเฉิดโฉมแต่งงานกับน้อมจิตต์เพื่อที่จะหาทางหุบมรดกในภายหลัง น้อมจิตต์แต่งงานกับพจน์โดยที่จำเนียร (ทานฑัต วิภาตะโยธิน) ลูกชายคนเดียวของเศรษฐีจำนงซึ่งป่วยเป็นโรคประสาทแสดงความยินดีด้วย ต่อมาเมื่อพรกลับจากสงครามเกาหลีรู้ว่า หญิงที่ตัวเองรักได้แต่งงานกับชายอื่นไปแล้ว จึงกลับไปบางแพเพื่อช่วยดูแลแม่ของน้อมจิตต์แทน ส่วนน้อมจิตต์ก็มีลูกชายกับพจน์หนึ่งคน ต่อมาพรส่งจดหมายมาบอกน้อมจิตต์ว่า แม่ป่วยหนัก น้อมจิตต์จึงกลับบางแพเพื่อไปเยี่ยมแม่ ระหว่างนั้น เฉิดโฉมไฉไลและประภัทร ก็จัดฉากให้มีงานเลี้ยงขึ้นในบ้าน ไฉไลแอบวางยาให้พจน์ดื่มและให้เพื่อนสาวเข้าไปนอนกับพจน์ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่น้อมจิตต์กลับจากบางแพมาเห็นพอดี น้อมจิตต์เสียใจมากที่พจน์นอกใจ จึงขอหย่าและกลับไปอยู่บางแพ พจน์รู้ความจริงภายหลังว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้นเกิดจากการรวมหัวของเฉิดโฉม ไฉไลและประภัทร จึงอุ้มลูกชายไปตามหาน้อมจิตต์ที่บางแพ ต่อมาจำเนียรเกิดคุ้มคลั่งจุดไฟเผาบ้านตัวเอง ทำให้ทุกคนเสียชีวิต พจน์เดินทางไปถึงบางแพก็พบว่า น้อมจิตต์กำลังจะแต่งงานใหม่กับพร ก็ไม่อยากจะขัดขวาง จะหลีกทางให้ แต่เมื่อถึงวันแต่งงาน พรก็ได้หายตัวไป คงมีแต่จดหมายเขียนทิ้งไว้ว่า ขอเป็นฝ่ายเสียสละเพราะอยากให้น้อมจิตต์มีความสุขกับครอบครัวเดิมต่อไป
ยิงทิ้ง (2499)
ยิงทิ้ง (2499/1956) รุ่งสางวันหนึ่ง ตำรวจได้รับรายงานว่าคนขับรถบรรทุกพบศพสภาพสยดสยองของชายนิรนาม ถูกยิงทิ้งข้างถนน ทราบภายหลังว่าเป็นศพของ นายวิง หนึ่งในแก๊งโจรปล้นบริษัทประกันภัย ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะถูกฆ่าปิดปากเพราะขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ และรีบนำกำลังไปจับ พัฒ แสงทอง และ จวบ เพียรฉลาด เพื่อนร่วมแก๊งของ วิง ส.ต.อ.จรินทร์ เริงฤทธิ์ จึงได้รับมอบหมายให้ไปสืบคดีจากพัฒและจวบ โดยปลอมตัวเป็นนักโทษชายเข้าไปในคุกในนามของ เหิม บุญยืม เหิมเข้าไปคลุกคลีกับแก๊งของพัฒจนได้รับความไว้วางใจ จนร่วมมือกันแหกคุกในวันหนึ่ง และกลับไปประกอบมิจฉาชีพดังเดิม ทั้งสามไปเข้ากับแก๊งของ เริ่ม วางแผนปล้นเงินธนาคาร โดยแสร้งทำเป็นสร้างภาพยนตร์บังหน้า แผนการปล้นสำเร็จไปด้วยดี แต่เริ่มกับสมุนยักยอกเงิน แก๊งโจรจึงแตกคอกันขึ้น เหิมหาจังหวะแอบรายงานไปยังผู้กำกับการตำรวจแต่ถูกพัฒกับสนิทจับได้จึงถูกจับเป็นตัวประกัน
ลันตาบูลัง (2499)

ลันตาบูลัง (2499/1956) ประเดิมภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกในความสำเร็จของ กองดุริยางค์ทหารเรือ (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามนิกร สิงหาคม พ.ศ. 2499)

แผ่นดินว่างกษัตริย์ (2499)
แผ่นดินว่างกษัตริย์ (2499/1956) หลังเสียกรุงครั้งที่สอง พระเจ้าตากผู้นำการกอบกู้เอกราช ได้สั่งให้ ขุนพิชิตจตุรงค์ นายทหารฝีมือดีชาวบ้านแหลม ไปทำการขนส่งทรัพย์เสบียงมาจากบ้านแหลม แม้ว่าพระองค์จะรู้ว่าทหารพม่านั้นอยู่รายล้อม การออกไปทำหน้าที่ของขุนพิชิตจึงทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย ครั้นไปถึงบ้านแหลม ขุนพิชิตก็รวบรวมไพร่พลออกวางอุบายเพื่อจะขนถ่ายทรัพย์เสบียงไปให้ถึงทัพพระเจ้าตาก แต่ทว่าระหว่างทางลักลอบขุนพิชิตกลับถูกหักหลัง จนเกิดการต่อสู้ เป็นเหตุให้ขุนพิชิตต้องตายในสนามรบ ฝากไว้ซึ่งความความเสียสละต่อชาติบ้านเมืองที่น่ายกย่อง
สุดหล้าฟ้าเขียว (2499)
สุดหล้าฟ้าเขียว (2499/1956) มะลิ สาวใช้บ้าน พลเรือโทพระยายุทธไกร และ คุณหญิงสงวน แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ธารา ลูกชายของคุณหญิงสงวนจนตั้งครรภ์ ธาราไม่กล้าบอกความจริงกับพ่อแม่ ประจวบกับที่เขาต้องย้ายไปประจำที่สถานทูตไทยในอังกฤษ จึงให้สัญญากับมะลิว่าจะเขียนจดหมายมาสารภาพความจริงกับพ่อแม่ในภายหลัง เมื่อคุณหญิงรู้ว่ามะลิตั้งครรภ์ก็ลงโทษเฆี่ยนตีและคาดคั้นจากมะลิว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แต่มะลิก็ไม่ยอมปริปากบอก เกื้อ คนขับรถทนเห็นมะลิถูกทรมานไม่ได้จึงรับว่าเป็นพ่อของเด็ก คุณหญิงไล่ทั้งสองออกจากบ้าน เกื้อพามะลิไปเช่าห้องแถวเก่าๆ และพยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อเลี้ยงดูมะลิและลูก แม้จะต้องเป็นโจรก็ตาม วันหนึ่ง เกื้อไปวิ่งราวกระเป๋าของ แน่งน้อย ตำรวจจึงตามมาจับตัวเกื้อที่บ้าน แน่งน้อยเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเกื้อจึงรับอุปการะมะลิและลูก เวลาผ่านไป ธารากลับจากอังกฤษหวังจะได้พบหน้าลูกเมียแต่ไม่พบ พระยายุทธไกรจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ธาราฟัง ธาราออกตามหามะลิและลูกทันทีส่วนเกื้อหลังจากพ้นโทษก็ตามมาหามะลิที่สงขลา ในขณะที่มะลิกำลังจะตัดสินใจแต่งงานกับเสี่ยเม้ง เพื่อทดแทนบุญคุณแน่งน้อยที่รับหน้าที่แม่สื่อ
บ้านทรายทอง (2499)

บ้านทรายทอง (2499/1956) เป็นภาพยนตร์ชีวิตยอดเยี่ยม สีสด รักกระจุ๋มกระจิ๋ม หวานชื่น ซึ้งใจยิ่งกว่า สลักจิต ที่ เสรีภาพยนตร์ กล้ารับรองว่าดีจริง เจ้าพระยาราชาพิพิธ ต้นตระกูลพินิตนันท์ เจ้าของคฤหาสน์บ้านทรายทอง มีลูกชายสองคน คนโตคือ พระยาราชาพิพิธ เจริญรอยตามพ่อ ส่วน สุรพล ลูกชายคนรอง ไม่ยอมทำงานราชการจึงถูกตัดออกจากกองมรดก ภริยาของเจ้าพระยาฯ เป็นห่วงลูกชายคนเล็กจึงทำพินัยกรรมยกบ้านทรายทองให้เป็นสมบัติแก่สุรพล แต่พระยาราชาพิพิธไม่ยอมปฏิบัติตาม ยึดเอาบ้านทรายทองเป็นของตน สุรพลมีลูกชายชื่อ พนา นิสัยคล้ายตนเอง ขยันทำงานจนได้เป็น พระยาดุลยธรรมพินิจ พนาแต่งงานกับหญิงชาวบ้านและมีลูกสามคนคือ พจมาน พจนา และพจนีย์ ก่อนตายได้สั่งเสียให้พจมานไปอยู่กับ หม่อมพรรณราย ลูกสาวของพระยาราชาพิพิธที่บ้านทรายทอง หม่อมพรรณรายเป็นคนเห็นแก่ตัว มีบุตรกับหม่อมเจ้าสว่างวงศ์สี่คนคือ ม.ร.ว.ภารดี หรือ หญิงใหญ่ ม.ร.ว.ภราดา หรือ ชายกลาง ม.ร.ว. ภาวินี หรือ หญิงเล็ก และ ม.ร.ว. ภาณุทัต หรือ ชายน้อย หม่อมพรรณรายไม่อยากรับอุปการะพจมาน จึงร่วมกับหญิงเล็กกลั่นแกล้งพจมานมีเพียงหญิงใหญ่กับชายกลางที่คอยช่วยเหลือ แต่เมื่อชายกลางต้องไปทำงานต่างประเทศ หม่อมพรรณรายกับหญิงเล็กก็รวมหัวกันวางแผนทำร้ายพจมาน แต่กรรมตามสนอง เพราะทำให้ หม่อมเจ้าเอนก คู่หมั้นของหญิงเล็กเห็นธาตุแท้จึงขอถอนหมั้น พระยาราชาพิพิธซึ่งกำลังอยู่ในบั้นปลายชีวิตเริ่มรู้สึกผิดในสิ่งที่ตนเองทำไว้ จึงคิดจะคืนบ้านทรายทองแต่พจมานปฏิเสธและกลับไปหาแม่ที่อยุธยา เมื่อชายกลางกลับจากต่างประเทศจึงรีบลงเรือไปตามพจมาน และขอร้องให้พจมานเลือกว่าจะแต่งงานกับใครระหว่างเศรษฐีอยุธยาหรือหม่อมเจ้าอเนก แต่พจมานไม่ขอเลือกทั้งสองคนเพราะได้มอบหัวใจให้ชายกลางซึ่งคอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด

เลือดนาวี (2499)
เลือดนาวี (2499/1956) มานะ และ อุสาหะ เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเด็ก ทั้งสองไปศึกษาต่อที่โรงเรียนนายเรือ เมื่อเรียนจบมานะและอุสาหะได้รับคำสั่งให้ไปประจำการที่กองพันนาวิกโยธิน สัตหีบ วันหนึ่ง คณะคุรุสภาได้จัดทัศนาจรที่สัตหีบโดยมีเพียงจันทร์ ลูกสาวผู้บังคับบัญชากรมนาวิกโยธินเป็นผู้นำ มานะและอุสาหะจำได้ว่าเพียงจันทร์คือเพื่อนสมัยเด็ก ซึ่งในอดีตทั้งสองเคยช่วยเพียงจันทร์ขณะถูกประวิทย์รังแก มานะอาสาพาเพียงจันทร์ไปเที่ยว โดยมีอุสาหะและ วิภา ผู้ช่วยเพียงจันทร์ร่วมด้วย เพียงจันทร์เริ่มรู้สึกถึงความรักที่ทั้งสองมีให้แต่ยังคงรักษาระยะห่างไว้ ในการฝึกของหน่วยคอมมานโด พ.จ.อ.ประวิทย์ซึ่งอยู่กองพันเดียวกันหาเรื่องมานะกับอุสาหะ เพราะแค้นเรื่องในอดีต ทำให้มานะได้รับบาดเจ็บ ขณะนั้นศัตรูรุกรานชายทะเลไทย กองพันนาวิกโยธินได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประเทศชาติ เพียงจันทร์ก็สมัครเป็นหน่วยอาสากาชาด มานะและอุสาหะได้รับบาดเจ็บขณะนำทัพ แต่เพียงจันทร์คอยดูแลมานะคนเดียว ทำให้อุสาหะน้อยใจกลับไปสมรภูมิรบอีกครั้งและเสียชีวิตในเวลาต่อมา วิภาซึ่งแอบรักอุสาหะอยู่ฝ่ายเดียวได้แต่เสียใจในการจากไปของอุสาหะ
สามชาติ เรื่อง นางนาคพระโขนงคืนชีพ (2499)
สามชาติ เรื่อง นางนาคพระโขนงคืนชีพ (2499/1956) 3 เรื่อง... 3 รส รวมอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน นางนาคพระโขนงคืนชีพ หวาดเสียว ตื่นเต้น สนุกสนานด้วยอภินิหารแบบใหม่ ระบำผี นาฏศิลปแบบใหม่ ของ... ดินแดนอาทิตย์อุทัย เทพธิดาดำ นิยายชีวิต รัก เศร้า เสทือนใจของเด็กสาวในมุมมืดแห่งนครปารีส (ที่มา: นิตยสารผดุงศิลป์ กรกฎาคม พ.ศ. 2499)
คำอธิษฐานของดวงดาว (2499)
คำอธิษฐานของดวงดาว (2499/1956) จากนวนิยายชีวิตเรื่องยิ่งใหญ่ของ "ดวงดาว" มาเป็นภาพยนตร์ชีวิตของสาวแสนสวยคนหนึ่ง ดู...ความรัก ความริษยาอาฆาตระหว่าง 4 สาว กับสาวหนึ่งคือ ดวงดวงผู้บริสุทธิ์ ในงานเลี้ยงปีใหม่ ณ คฤหาสน์ของคหบดีบริพันธ์ ดวงดาว หลีกหนีความวุ่นวายในงานเลี้ยงมาเดินเล่นที่ชายทะเล และหวนนึกถึงวันปีใหม่เมื่อห้าปีก่อนซึ่งเธอเคยมีความสุข แต่ทุกสิ่งต้องพังทลายเมื่อพ่อของดวงดาวล้มละลาย ดวงดาวจึงต้องมาอาศัยอยู่กับคหบดีบริพันธ์ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ แม้ต้องทนถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากบรรดาหลานๆ ของ คุณใหญ่ อาของดวงดาวซึ่งอาศัยในบ้านเดียวกัน ดวงดาวได้แต่อธิษฐานกับดวงดาวขอให้เธอพ้นจากความทุกข์โดยเร็ว ทันใดนั้นเอง มีชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาขอร้องให้ดวงดาวช่วยหาที่หลบซ่อนตำรวจ ด้วยความมีเมตตาดวงดาวจึงให้ที่หลบซ่อนแก่โจรผู้นั้น โดยไม่ทันได้ถามชื่อ วันถัดมาดวงดาวได้ยินเสียงบรรดาหลานสาวของคุณใหญ่พูดถึง ม.จ. จิรพันธ์ ซึ่งกำลังเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ และต่างแต่งตัวแข่งขันกันเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงส่งท่านชายกลับกรุงเทพ ดวงดาวจึงปลีกตัวไปเดินเล่นที่ชายหาดกับ สีนิล สุนัขคู่ใจอย่างเงียบๆ แต่แล้วดวงดาวก็ได้เจอกับโจรที่เธอช่วยหาที่หลบซ่อนให้ในคืนวันปีใหม่ ชายหนุ่มสารภาพว่ามาดักรอดวงดาวเพราะตั้งใจจะไปประกอบอาชีพสุจริต ดวงดาวจึงให้สมบัติชิ้นสุดท้ายของเธอเป็นเงินทุนแก่ชายหนุ่ม หลังจากนั้นไม่นาน รุ่ง อาของดวงดาวมารับตัวดวงดาวไปอยู่ที่กรุงเทพ และพาดวงดาวไปงานเลี้ยงวันเกิดของ ม.จ. จิรพันธ์ ดวงดาวจำได้ว่าบรรดาหลานสาวของคุณใหญ่ต่างใฝ่ฝันถึง ม.จ. จิรพันธ์ แต่ด้วยความเกรงใจอารุ่งจึงยอมไปร่วมงาน และต้องตะลึงเพราะ ม.จ. จิรพันธ์ ก็คือนายโจรที่เธอช่วยไว้ในคืนวันปีใหม่นั่นเอง
สองดาบ (2499)
สองดาบ (2499/1956) ราว พ.ศ. 1500 หลังจากเจ้าเมืองอ้ายพญาของไทยเสียชีวิตลง บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ข้อยน้อย ราชโอรสองค์เล็กหนีไปอยู่ป่า ปล่อยให้ ข้อยอ้าย พระเชษฐาซึ่งอ่อนแอปกครองบ้านเมือง ทำให้ท้าวพยากและแสนพญา ทหารใจคดคบคิดกันทรยศ โดยให้อ่อนส่วย พระสนมเอกปั่นหัวข้อยอ้าย คอยยุยงให้ข้อยอ้ายคุมทหารออกปล้นหัวเมืองใหญ่น้อยต่างๆ ขณะนั้นเอง พระเจ้าเง่กโกวโจว แห่งเมืองเง่กลั้ง เมืองหน้าด่านของจีน ต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเมืองอ้ายพญา จึงให้ เซอวเชอว มหาเสนาบดีนำตัวเจ้าหญิงเง่กลั้งไปอภิเษกสมรสกับเจ้าชายเมืองอ้ายพญาระหว่างทางขบวนถูกปล้นจากกองโจร เจ้าหญิงเง่กลั้งจึงสลับตัวกับ กิมสี สาวใช้อำพรางตัว ข้อยน้อยซึ่งเห็นเหตุการณ์รีบเข้าไปช่วยและตามมาคุ้มครอง เมื่อมาถึงท้องพระโรงอ้ายพญา ข้อยน้อยก็โจมตีท้าวพยากทันที แต่ไม่สามารถเอาชนะได้จึงรีบหลบหนีไปพร้อมเง่กลั้ง ท้าวพยากจับตัวกิมสีเพราะเข้าใจว่าเป็นราชธิดา เมื่อความแตกก็ร่วมมือกับแสนพญาและอ่อนส่วยบุกเข้าจับเง่กลั้ง ข้อยอ้ายจะยกทัพคนป่าของข้อยน้อยเข้าโจมตีท้าวพยาก แสนพญาหลอกล่อเซอวเชอวให้ร่วมมือกันโดยสัญญาว่าจะมอบเจ้าหญิงเง่กลั้งเป็นของเซอวเซอวข้างฝ่ายอ่อนส่วยพยายามปั่นหัวให้ข้อยน้อยทรยศพี่ชายแต่ข้อยน้อยไม่หลงกล ข้อยอ้ายกับข้อยน้อยจึงร่วมดาบต่อสู้ศัตรูอย่างไม่ลดละเพื่อปกป้องเมืองอ้ายพญา
กัปตันยุทธ (2499)
กัปตันยุทธ (2499/1956) เรื่องราวของ ร.อ. ยุทธ ยุทธนาวิน ร.น. หรือที่ทุกคนเรียกว่า กัปตันยุทธ ซึ่งเคยเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนทหารเรือ แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นขี้เมาอาละวาดจนถูกสั่งปลดราชการมิหนำซ้ำยังถูกตัดออกจากตระกูลกัปตันยุทธจึงตอบแทนด้วยการถอนหมั้น สายสุนี แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ร.อ. สุรพล เพื่อนสนิทของกับตันยุทธได้รับคำสั่งให้ไปราชการที่ฟิลิปปินส์ เขาได้พบกับโรซิต้าซึ่งเข้ามาทำความสนิทสนม โดยมีเบื้องหลังเพื่อหว่านล้อมให้สุรพลช่วยติดตั้งปืนบนเรือบังคับด้วยกระแสคลื่นวิทยุตามคำแนะนำของยุทธ แต่โรซิต้าเกิดหลงรักสุรพลจริงจึงบอกความจริงทั้งหมดแก่สุรพล สุรพลโกรธมากจึงต่อว่าโรซิต้า ยุทธ ดำรง และพรรคพวกซึ่งแอบสังเกตการณ์อยู่ จึงจับตัวสุรพลไปขัง สุรพลโดนทรมานแสนสาหัส แต่ก็ยังไม่ยอมร่วมมือกับดำรง ในเวลานั้นสมุนของเดชได้ฆ่านักสืบกองทัพเรือไทยซึ่งมีไม้ขีดหมายเลข 13 อยู่ในตัว ดำรงจำได้ว่าเคยเห็นยุทธพกไม้ขีดไฟลักษณะเดียวกันแต่เป็นหมายเลข 19 จึงรู้ว่ายุทธเป็นนักสืบของกองทัพเรือ แต่ยุทธไหวตัวทันช่วงชิงแผนผังการต่อเรือของไทยที่หายไปมาได้และรีบหนีออกมา โรซิต้าหาทางช่วยชีวิตสุรพลแต่ตัวเองถูกสมุนของดำรงยิงจนเสียชีวิต ยุทธหนีการไล่ล่าของดำรงและเกิดการต่อสู้กัน ดำรงพลาดท่าจมน้ำเสียชีวิต ส่วนยุทธถูกยิงจนบาดเจ็บสาหัส ก่อนสิ้นใจยุทธมอบแผนผังการต่อเรือและไม้ขีดไฟประจำตัวให้สุรพลนำไปมอบผู้บังคับบัญชากองเรือ
เกียรติศักดิ์รักของข้า (2499)
เกียรติศักดิ์รักของข้า (2499/1956) เรื่องราวของหนุ่ม ปาน กับสาว เนิ่นซึ่งอาศัยอยู่ที่ตำบลหาดตะโก ทั้งสองรักและตกลงจะอยู่ด้วยกัน ความสวยของเนิ่นไปต้องตา หมู่เจิม เป็นเหตุให้ปานถูกยัดข้อหาฆ่าคนตาย ปานแหกคุกออกมาพร้อมกับความแค้นแน่นอก ยิ่งเมื่อรู้ว่าเนิ่นต้องยอมแต่งงานกับหมู่เจิมเพราะอิทธิพลของกำนัน จึงบันดาลโทสะลงมือฆ่ากำนัน ทำให้ปานต้องหนีการจับกุมอีกครั้ง หมู่เจิมได้แต่งงานกับเนิ่นสมใจและรับเลี้ยงดูลูกในท้องซึ่งเกิดกับปาน หลายปีต่อมา ปานกลายเป็นเสือคนสำคัญที่ทางราชการต้องการตัว เสือปานออกปล้นเงินเศรษฐีเพื่อมาแจกจ่ายคนยากจน เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านและช่วยให้เขาไม่ถูกตำรวจจับ เสือปานเฝ้าหวังอยากเจอลูกชายของตัวเองสักครั้ง จนในที่สุดทั้งสองก็ได้โคจรมาพบกันแต่ในฐานะตำรวจกับผู้ร้าย
ลูกแก้วเมียขวัญ (2499)
ลูกแก้วเมียขวัญ (2499/1956) ความใฝ่ฝันที่จะเรียนมหาวิทยาลัยของ กิมเจ็ง สำเร็จลงในวันหนึ่ง แม้เขาจะแต่งงานกับ เง็กลั้ง จนมีลูกแล้วก็ตาม เมื่อ กิมตี่ บุตรชายอายุได้ 5 ขวบ กิมเจ็งได้รับการสนับสนุนจากอาให้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แป๊ะล้ง ผู้เป็นบิดาจึงยินยอม โดยมี ตั๊วปุ๊ย ญาติสนิทร่วมทางไปด้วย กิมเจ็งมุมานะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดีจนเหตุการณ์เริ่มพลิกผัน เมื่อเขายื่นมือไปช่วย ผกาพรรณที่กำลังถูก เชิดศักดิ์ ทำร้าย กิมเจ็งหลงเสน่ห์ผกาพรรณจนละทิ้งการเรียน มิหนำซ้ำยังโกหกทางบ้านเพื่อขอเงินไปปรนเปรอผกาพรรณจนครอบครัวต้องย้ายไปอยู่กระท่อมหลังน้อย ไม่นาน ลี่คิ้ม ผู้เป็นแม่ก็เสียชีวิต ผ่านไปไม่นานผกาพรรณก็เริ่มเบื่อหน่ายกิมเจ็งจึงกลับไปเล่นชู้กับเชิดศักดิ์อีกครั้ง ตั๊วปุ๊ยมาเห็นเข้าจึงเข้าไปต่อว่า แต่ผกาพรรณไหวตัวทันโวยวายลั่นว่าตั๊วปุ๊ยลวนลามตัวเอง กิมเจ็งเพิ่งกลับมาถึงบ้านไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็ออกปากไล่ตั๊วปุ๊ยออกจากบ้านโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ ด้วยหลงผกาพรรณอย่างโงหัวไม่ขึ้น ตั๊วปุ๊ยเขียนจดหมายไปเล่าความจริงทั้งหมดให้ทางบ้านของกิมเจ็งฟัง แป๊ะล้งกำลังป่วยหนัก รู้ข่าวเข้าก็ตรอมใจ แต่หลังจากนั้นไม่นาน กิมเจ็งก็ได้ประจักษ์ว่าผกาพรรณคบชู้ ด้วยความโมโหจึงเกิดมีเรื่องกับเชิดศักดิ์ โชคร้ายที่เชิดศักดิ์ล้มทับมีดของตัวเองตายทำให้กิมเจ็งตกเป็นฆาตกร หลังจากที่พ่อและแม่ของสามีตาย เง็กลั้งกับกิมตี่ต้องอาศัยศาลเจ้าเป็นที่ซุกหัวนอน เคราะห์กรรมซ้ำหนักเมื่อเง็กลั้งล้มป่วย กิมตี่จึงต้องออกขอทานหาเงินมาประทังชีวิต สองแม่ลูกเผอิญเห็นข่าวกิมเจ็งบนหน้าหนังสือพิมพ์ จึงพากันไปเยี่ยมกิมเจ็งที่ห้องขัง กิมเจ็งพ้นข้อกล่าวหาในที่สุด ชีวิตนักโทษ 6 เดือน ทำให้กิมเจ็งสำนึกผิด จึงกลับตัวกลับใจมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง