เอก เอกราช สุวรรณภูมิ

เอกราช สุวรรณภูมิ มีชื่อจริงว่า ทัตธนาเดช ศรีนนท์ ชื่อเล่น เอก
เกิด 12 ธันวาคม 2512
เป็นบุตรของนายปาน และนางบุญ ศรีนนท์ เขาเป็นบุตรคนที่ 11 ในจำนวนพี่น้อง 12 คน พ่อมีอาชีพตัดผม แม่เป็นอดีตนักร้องหมอลำ

การศึกษาเรียนสาขาพลศึกษาจากโรงเรียนพลประชานุกูล จังหวัดขอนแก่น
แต่ตอนอยู่ ม.3 ก็หนีออกจากบ้านเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อมาหาพี่สาวที่อาศัยอยู่แถวสุขุมวิท 22 ทั้งที่มีเงินไม่กี่บาท ด้วยความที่เข้ากรุงเทพฯ มาโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อน ดังนั้นจึงลำบากไม่ธรรมดา ที่นอนไม่มีต้องไปนอนใต้สะพานลอยตั้งแต่ลงจากรถ เจอยุงมหานครกัดน่วมตั้งแต่คืนแรก จากนั้นก็ใช้เท้าเดินไปตามหาพี่สาวจนเจอ
เมื่อมีที่อยู่แล้วจึงเริ่มทำงานหาเงิน อาชีพแรกคือเข็นรถขนมปังสังขยา ขายแถวสยาม สะพานควาย เก็บเงินจนได้ 300 บาท จึงซื้อวิทยุมาฟัง เป็นสมบัติชิ้นแรกที่ภาคภูมิใจมาก ตั้งแต่นั้นระหว่างขายขนมปังจึงมีวิทยุฟังและฝึกร้องเพลงไปในตัว
อยู่มาวันหนึ่ง เอกร้องเพลงตามวิทยุอยู่หลังร้านด้วยเสียงอันดัง ทำให้เถ้าแก่ได้ยิน และชมว่า “เสียงดีนี่” เอกราชจึงบอกเถ้าแก่ว่า “ผมอยากเป็นนักร้อง แต่ไม่มีเงินไปสมัครที่ต้องมีชุดสูท” เถ้าแก่ใจดีให้เงินไปตัดสูทแล้วพาไปฝากร้องเพลงที่สวนอาหารให้ด้วย หลังจากร้องเพลงที่สวนอาหาร เอกก็คิดอยากร้องในคาเฟ่ใหญ่ แต่ก็ยังไม่กล้าเข้า จึงไปสมัครเป็นคนรับรถก่อน เพราะคนที่ได้ร้องเพลงที่สวนอาหาร ต้องผ่านการประกวดร้องเพลงมาแล้วทั้งนั้น เขาจึงจะรับ ระหว่างที่เป็นเด็กรับรถอยู่นั้น เอกก็จะร้องเพลงไปด้วย จนผู้จัดการที่ดูแลนักร้องเดินออกมาข้างนอกและได้ยิน จึงแนะนำว่าน่าจะไปร้องเพลง ไม่น่ามารับรถแบบนี้ เอกจึงฉวยโอกาสตรงนั้นเอาไว้
หลายปีกับการสั่งสมประสบการณ์ในการร้องเพลง จนความสามารถไปเข้าตา อ.พิมพ์ปฏิภาณ พึ่งธรรมจิต นักเรียบเรียงเสียงประสาน จึงชักชวนไปประกวดเข้าค่ายแกรมมี่ โกลด์ ที่เพิ่งเปิดใหม่ และ เอก ก็ชนะเลิศได้ที่ 1 (สมัยเดียวกับไมค์ ภิรมย์พร) แล้วเซ็นสัญญาเข้าสังกัด แกรมมี่โกลด์ ซึ่งใช้นามว่า “เอกราช สุวรรณภูมิ” มีผลงานเพลงกับแกรมมี่โกลด์ ๓ ชุด คือ ชุด “แผลในใจ” ที่มีเพลงสร้างชื่อ คือ เพลง “กลับมาทำไม” ชุด ที่ ๒ คือ ชุด น้ำตาดาว ชุดที่ ๓ คือ ชุดร้องไห้สองหน จากนั้น เอก ก็หมดสัญญากับทางค่าย แกรมมี่โกลด์ รวมระยะเวลา ๖ ปี
จากนั้น เอกราช ก็หันมาเซ็นสัญญากับค่ายน้องใหม่ คือ บริษัทนพพงศ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และมีผลงานชุดแรก คือ กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ซึ่งได้วางแผงเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2543 แฟนเพลงทั่วประเทศให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง และ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2544 ผลงานชุด กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ก็ได้รับรางวัล เพลงยอดเยี่ยม ในงาน ประกาศรางวัล “มาลัยทอง” ขณะเดียวกันเพลงนี้ ยังขึ้นสู่อันดับ 1 ของเพลงยอดนิยมทั้งคลื่น เอฟ.เอ็ม 95 และ คลื่นลูกทุ่ง เวทีไท 90
ในปี 2545 เอกราช มีผลงานชุดใหม่ ในชื่อชุด “สัญญา 5 บาท” ผลงานจากปลายปากกาของครู สลา คุณวุฒิ นักแต่งเพลงมือทองในยุคปัจจุบัน ผู้ที่เคยเขียนเพลง “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง” ให้เอกราชโด่งดังมาแล้ว โดยได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีผลงานละครทีวีด้วยเรื่อง “รวมพลคนใช้” ที่แพร่ภาพทางช่อง 3
ในปี 2559 เอกราช มีผลงานเพลงใหม่ ในชุด ลูกทุ่งพันธ์ไทย ชุดที่ 1 : น้ำพริกถ้วยเก่า สังกัดค่ายหนูมิวสิค แต่มีงานในหลวงสวรรคต ทางค่ายจึงพักงานไว้ชั่วคราว เพื่อน้อมระลึกถึงพระองค์ท่าน เลยพักงานชุดดังกว่าถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ครูเพลงรุ่นใหม่ เจ้าของค่ายหนูมิวสิค แต่งเพลงใหม่ให้ถึง 6 เพลง ได้แก่ น้ำพริกถ้วยเก่า โทรหาอ้ายเด้อ ยาใจคนยาก อยากมีเมียเด็ก ผู้สาวขอนแก่น สิปปากว่าไม่เท่าตาเห็น
ในปี 2561 ทางค่ายหนูมิวสิคกำลังจะกลับมาปัดฝุ่น อัลบั๊มน้ำพริกถ้วยเก่าใหม่ โดยจะมีการแต่งเพลงใหม่เพิ่ม และจะมีการซื้อลิขสิทธิ์เพลงดังเก่าๆในตำนานของเอกราช สุวรรณภูมิ มารวมชุด อาทิ กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง สัญญาห้าบาท กลับมาทำไม มารวมในอัลบั๊มชุดนี้ด้วย คาดว่าจะจัดจำหน่ายในปลายเดือนกรกฎาคม 2561 นี้

ทางด้านชีวิตครอบครัว เอกราชได้แต่งงาน กับ กัญญาณัฐ ธนาฐิติภา(นุ้ย) เป็นหญิงนอกวงการและได้มีบุตรด้วยกัน2คน คือ
ปรนัฐ ธนาฐิติภา(ภูมิ)
เอกนัท ธนาฐิติภา(กระเพรา)

นักแสดง

2559

สัญญาเมื่อสายัณห์

- กล้า เสียงเพชร (รับเชิญ)
2552

พยัคฆ์ยี่เก

- อนุชิต ศิษย์สำราญ
2547

7 พระกาฬ

- ทองใบ บางเบิด